คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : บทที่เก้า -- presentation
บทที่เก้า
ณัฐภัทรนั่งเหม่อมองออกไปไกล พลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ตอนนี้เขาอยู่ที่ระเบียงห้องพัก สายตาเหม่อลอยมองผู้คนที่เดินขวักไขว่อยู่เบื้องล่าง
วันนี้เป็นเช้าวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันที่สองของการสอบเสร็จ ดังนั้นจึงว่างเสียจน..ไม่มีอะไรทำ.. ตอนที่ไปร้านหนังสือในตอนนั้น น่าจะซื้อหนังสือสักเล่มสองเล่ม พลันไปนึกถึง หนังสือ ‘เทคนิคการวาดภาพ’ เล่มโปรดที่เขาหมายตาไว้ วันนี้เขาลองมาดูในซอกหนึ่งของกระเป๋าเงิน กลับพบว่ามีธนบัตรหนึ่งพันบาทพับเก็บไว้อย่างดี พาลให้นึกเสียดายสุดๆ ทำไมเขาจึงไม่นึกถึงเลยนะ ว่าเคยเก็บมันไว้ตรงนี้มาก่อน
อยากได้ก็อยากได้...แต่ก็ขี้เกียจแต่งตัวออกจากหอ ได้แต่คิดไว้ว่าเดี๋ยววันหลังค่อยไปเอาละกัน
‘ เบื่อจังเลยเว้ยยย ’ ณัฐได้แต่คิดกับตัวเองในใจ
ทั้งๆที่เป็นวันหยุดแท้ๆ...วันหยุดที่เขาเคยโหยหาในช่วงที่ต้องอ่านหนังสืออย่างหนัก แต่พอไม่มีอะไรทำ กลับพบว่ามันน่าเบื่อและทรมานยิ่งกว่า แล้วไอ้จัมโบ้ยังมากลับบ้านอีก ยิ่งเพิ่มความน่าเบื่อเป็นสองเท่า แล้วช่วงนี้ยังรู้สึกว่าท่าทางของมันแปลกๆ ทำให้เขาเดาใจเพื่อนคนนี้ไม่ถูกจริงๆ
เฮ้อ....ทำไมถึงรู้สึกเบื่อได้ถึงขนาดนี้นะ
ทั้งเบื่อ....ทั้ง...
.....เหงา .....
เหงา งั้นเหรอ ? ... คงเป็นความรู้สึกนี้มากกว่าล่ะมั้ง ?
******************
“ ณัฐ ! ณัฐเป็นคนผ่าละกันนะ แพรไม่กล้า ” แพรทำท่าขยาดสุดๆ
การเรียนวิชาชีวเคมีในวันนี้ เป็นอีกคาบหนึ่งที่น่าตื่นเต้น เพราะนักศึกษาแต่ละคู่จะต้องได้ทำการ ‘ผ่ากบ’ มันก็น่าตื่นเต้นอยู่หรอก เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย
ณัฐแอบตื่นเต้นเล็กน้อย เขาไม่ได้มีความกลัวแต่อย่างใด ตรงกันข้าม กลับรู้สึกอยากลองทำจริงเร็วๆ แต่เมื่ออาจารย์บอกว่า กบทุกตัวที่ได้ทดลองในวันนี้ สุดท้ายแล้วจะต้องถูกฆ่า....
นั่นต่างหาก...ที่ทำให้ความตั้งใจของเขาลดลงอย่างรวดเร็ว เพราะรู้สึกสงสารกบพวกนี้
แพรในตอนนี้ที่ทั้งกลัว ทั้งสงสาร จึงปฏิเสธที่จะไม่ทำอย่างเด็ดขาด
“ น่าสงสารมันนะ ” เธอเอ่ยขึ้น เมื่ออาจารย์กำลังจะพูดจบ
“ คิดซะว่า เสียสละกบเพื่อมวลมนุษยชาติละกัน ” ณัฐพูดทีเล่นทีจริง
แต่ก็เป็นความจริง กบพวกนี้เสียสละตัวเองให้พวกเขามีความรู้ สามารถไปใช้รักษาคนจริงๆได้ในอนาคต เพราะฉะนั้น จึงไม่มีอะไรต้องกลัวนอกจาก ‘การตั้งใจทำให้ดีที่สุด’
ณัฐเริ่มปฏิบัติการ ผ่ากบ... แพรก็คอยอ่านหนังสือ บอกทฤษฎีให้ฟังอยู่ด้านข้าง
ไม่นานก็ได้ยินเสียงสนทนาของเพื่อนอีกกลุ่มลอยมาเข้าหู
“ เฮ้ย...มึง เย็นนี้ไปเล่นเกมส์กันเถอะ ” เสียงของเพื่อนที่อยู่ด้านหลังกำลังคุยกัน
“ โอเค..เดี๋ยววันนี้ กูขอแก้มือ ไอ้สัด! เมื่อวานกูเสียดายเฮี้ยๆ! ” เสียงหนึ่งสวนขึ้น
“ วันนี้พี่นัดไม่ใช่เหรอ ? ” เสียงเรียบเรื่อยอีกเสียงดังขึ้น
“ พี่นัดไรวะ ? ”
“ ก็วันนี้ พี่ปีสามนัดน้องปีหนึ่งตอนห้าโมงเย็น ที่ใต้อาคารเรียน จะมีงานอะไรก็ไม่รู้ กูก็จำไม่ได้ ”
“ ต้องไปเหรอวะ ? ”
“ ไปดิ ...เขาให้ปีหนึ่งไปทุกคน ”
ณัฐกับแพรได้แต่มองหน้ากันไปมา
“ เอ่อ...วันนี้ห้าโมงเย็น ที่ใต้อาคารเรียนงั้นเหรอ ? ” แพรหันหลังไปถามเพื่อนกลุ่มนั้น อันที่จริง เธอก็อยากจะถามรายละเอียดให้มากกว่านี้ แต่เมื่อกี้พึ่งได้ยินว่า เพื่อนพวกนี้ก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน จึงเลือกที่จะถามแค่นี้
“ อืมม ” เพื่อนผู้ชายตอบ
“ ชัวร์นะ ” แพรถามย้ำ
“ ชัวร์ดิ ไม่จริงให้เตะเลยค้าบบ ” เพื่อนชายทอดเสียงยาวล้อเลียน
แพรได้แต่ทำหน้างง เขาจึงยักไหล่ให้เธอเป็นคำตอบเพราะว่าไม่รู้เรื่องเหมือนกัน
***************
เมื่อถึงเวลาห้าโมงเย็น เขาและเพื่อนจึงมารวมกลุ่มกันยังที่นัดหมาย จากการที่ได้ยินเพื่อนคนอื่นๆเล่าให้ฟัง เหมือนกับว่างานที่จะได้ประชุมในวันนี้ เป็นงานสำคัญประจำปี ที่รุ่นพี่ปีสามกับปีหนึ่งร่วมกันทำ รู้เพียงแต่ว่าสำคัญมาก รุ่นพี่คนอื่นต่างกล่าวขานและรอคอย เรียกได้ว่าเป็นงานสำคัญที่ยิ่งใหญ่กว่างานเฟรชชี่เสียด้วยซ้ำ
สักพักก็เห็นรุ่นพี่ปีสามเริ่มทยอยเดินมา ส่วนใหญ่ก็พอคุ้นหน้า แต่ก็ยังมีบางคนที่เขาไม่รู้จักเลย อาจเป็นเพราะ เรียนกันคนละที่ วิชาเรียนก็ต่างกัน ซ้ำยังไม่มีกิจกรรมที่ต้องทำร่วมกัน จึงไม่ค่อยได้เจอรุ่นพี่ปีสามเท่าใดนัก ปีหนึ่งอย่างพวกเขาจึงสนิทกับปีที่ใกล้กันอย่างปีสองมากกว่า
รุ่นพี่เริ่มบอกให้น้องๆมานั่งรวมกัน แล้วรุ่นพี่ร่างยักษ์คนหนึ่งที่เขาคาดว่าน่าจะเป็นหัวหน้างาน ก็เริ่มชี้แจง
“ ขอสวัสดีน้องปีหนึ่งทุกคนนะครับ ”
“ สวัสดีครับ/ค่ะ ” น้องปีหนึ่งตอบเสียงเจื้อยแจ้ว
“ เอาล่ะ....วันนี้ที่พี่ๆนัดพวกน้องมา ก็เพราะว่า เรากำลังจะมีงานสำคัญหนึ่งเกิดขึ้น ซึ่งเป็นงานที่จัดขึ้นทุกปี และรุ่นพี่ทุกคนต่างรอคอยที่จะมาดู ”
“ นั่นก็คือ งาน ‘presentation’ !! ”
“ งานครั้งนี้เป็นงานใหญ่ ที่เกิดจากการร่วมงานกัน...ระหว่างพี่ปีสามและน้องปีหนึ่ง ”
“ และพวกน้องไม่ต้องห่วง...ว่าจะไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับงานนี้ เพราะมันสามารถทำได้ไม่ยากเลย ”
“ ง่ายมาก.....พวกน้องก็แค่...ทำตามคำสั่งรุ่นพี่ปีสาม แค่นั้นเอง ”
พอสิ้นเสียงนั้น เสียงฮือฮาจากรุ่นน้องก็ดังขึ้น !!!
“ งานนี้...เราจะจัดการแสดงอะไรก็ได้ เพื่อให้รุ่นพี่ปีอื่น ได้ดูกัน....และน้องปีหนึ่งไม่ต้องกังวลไป เพราะพี่ปีสามได้เตรียมการแสดงนั้นไว้ให้น้องๆแล้ว.... ”
และเสียงฮือฮาจากรุ่นน้องก็ดังขึ้นอีกครั้ง บางคนก็ออกอาการตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด จนรุ่นพี่อีกคนต้องบอกให้พวกเขาเงียบ
พลันสายตาเขาก็เหลือบไปเห็น ‘รุ่นพี่ปีสามคนหนึ่ง’ กำลังเดินเข้ามา...
ณัฐเห็นเพื่อนผู้หญิงบางคนทางด้านหน้า สะกิดแขนกันให้มองดูรุ่นพี่คนนั้น แล้วหัวเราะกันคิกคัก ไม่เท่านั้น เขายังได้ยินบทสนทนาของเพื่อนผู้หญิงทางด้านหลังอีกต่างหาก
“ แก..พี่สนมา ! ” หญิงสาวเหมือนพยายามบอกเพื่อน
“ โอ๊ยยแก ฉันกำลังจะละลาย ” อีกเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้น
เฮ้อ....พวกนี้จะอะไรกันนักกันหนา ....ณัฐได้แต่คิดกับตัวเองในใจ
เมื่อพี่สนไปยืนรวมกลุ่มกับเพื่อนทางด้านหน้า ก็หันมาให้ความสนใจกับกลุ่มน้องปีหนึ่งเช่นกัน พร้อมกันนั้นก็พยายามกวาดตามองรุ่นน้องอย่างถ้วนทั่ว
ทันใดนั้นสนก็หยุดสายตาที่ณัฐ !! ....และ......ยิ้มให้
ณัฐได้แต่ทำหน้าเหรอหรา... เมื่อกี้นี้ พี่สนยิ้มให้เขานี่นา...
“ แก๊ .... เมื่อกี้นี้พี่สนยิ้มให้ฉันด้วย !! โอ๊ยย จะเป็นลม ” น้ำเสียงหญิงสาวทางด้านหลังบ่งบอกว่าตื่นเต้นสุดๆ
“ จะบ้าเหรอ ? ยิ้มให้ฉันต่างหาก ก็ฉันกำลังจ้องพี่เขาอยู่นี่นา ”
“ ฉันต่างหาก ! ”
เสียงทั้งสองนั้นยังคงทะเลาะกับการ ‘แย่งยิ้ม’ นั้นต่อไป
แต่ณัฐรู้ดีว่า...พี่สนยิ้มทักทายเขา
เขาจึงได้แต่.....ยิ้มบางๆ...ตอบกลับไป
ได้แต่คิดว่า....ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องทำหน้าบึ้งตึงต่อไปนี่นา
แต่พี่สนกลับ...ยิ้มกว้างบาดใจ...กลับมาให้
ไม่ต้องบอกหรอกนะ ว่าปฏิกิริยาของคนที่อยู่ข้างหลังเขาจะเป็นอย่างไร....
จากนั้นพวกรุ่นน้องก็ถูกแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่สี่กลุ่ม เขา แพร และจัมโบ้ไม่มีใครได้อยู่กลุ่มเดียวกันเลย รู้สึกเสียดายนิดๆเหมือนกัน
“ ครับ....พี่ก็อธิบายไปหมดแล้วนะ ต่อไปน้องๆก็จะถูกแบ่งกลุ่มย่อยออกไปอีก แต่ครั้งนี้จะถูกแบ่งโดยการให้รุ่นพี่แต่ละกลุ่มมาคัดเลือกน้องๆด้วยตัวเอง ซึ่งเรียกการคัดเลือกครั้งนี้ว่า ...การช็อปน้อง...”
“ โดยพี่แต่ละคนจะเลือกน้องที่มีบทบาทเหมาะสมกับการแสดงของตน และไม่ต้องห่วงนะครับว่าใครจะไม่ถูกเลือก เพราะน้องทุกคนต้องถูกเลือกแน่นอน ”
“ เอาล่ะ..เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา...ต่อไปเชิญรุ่นพี่ปฏิบัติการ ‘ช็อปน้อง’ ได้เลยครับ !! ”
สิ้นเสียงนั้น รุ่นพี่คนอื่นต่างเดินทยอยมาหาน้องคนที่ตัวเองหมายตาไว้ทันที ช่วงนี้จึงดูอลวนเป็นอย่างมาก และโดยไม่ทันตั้งตัว ก็มีรุ่นพี่ถึงสองคนมายืนประกบเขาเสียแล้ว
“ น้องณัฐ ใช่มั้ยคะ? ” รุ่นพี่ผู้หญิงท่าทางอ้วนท้วม เอ่ยขึ้นเมื่อมาถึงตัวเขา
ณัฐได้แต่มองรุ่นพี่ทั้งสองสลับกันไปมา
“ น้องมาอยู่กลุ่มพี่นะ ”
“ น้องณัฐมาอยู่กลุ่มพี่ดีกว่าครับ รับรองบทบาทที่ได้รับ จะต้องดังแน่นอนเลยครับ ” รุ่นพี่ผู้ชายอีกคนเอ่ยขึ้น
เอาไงดีล่ะ ?? ทำไมรุ่นพี่ต้องมาพร้อมกันด้วยนะ...เขาไม่ใช่คนเรื่องมากอยู่แล้ว ถ้ามีใครมาก่อนเขาก็คงเลือกโดยไม่ต้องคิดให้ยาก แต่พอเจอแบบนี้เข้าก็รู้สึกละบากใจ ถ้าเลือกอีกฝ่าย อีกฝ่ายก็คงจะโกรธเอา แล้วเขาจะทำไงดีเนี่ย ?
และทันใดนั้นก็มีมือแข็งแรงมาจับที่ข้อมือของเขา แล้วดึงให้ลุกขึ้นยืนทันที จนทำให้เขาถึงกับเซถลานิดๆ
“ ไม่ได้หรอก...คนนี้ จองแล้ว! ” เสียงนั้นเอ่ยขึ้น
ณัฐพยายามหันไปมองว่าเป็นใคร .... ท่าทางแบบนี้ คงมีแค่คนเดียว ‘พี่สน’!
“ แต่เรามาถึงก่อนนะสน ” รุ่นพี่ผู้หญิงเอ่ยขึ้น
“ ขอโทษนะ แต่คนนี้จองแล้วจริงๆ ” สนตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ณัฐได้แต่ยืนงง พี่สนมาจองเขาตอนไหน?...ขี้ตู่เห็น ๆ
“ ตั้งแต่ตอนไหน? ก็พึ่งเริ่มช็อปกันนี่นา ” รุ่นพี่ผู้ชายเอ่ยขึ้นบ้าง
“ ก็...ตั้งแต่เจอครั้งแรกเลย ”
“ ไม่เชื่อหรอก ” หญิงสาวร่างท้วมเอ่ยขึ้น
“ ถ้าอย่างนั้น...ให้น้องณัฐเป็นคนตัดสินใจเองดีกว่า ว่าอยากอยู่กับใคร ” รุ่นพี่ผู้ชายอีกคนรีบเสนอความเห็นทันที
แต่หารู้ไม่ว่า เพราะความเห็นนี้นี่เอง ที่ทำให้ณัฐยิ่งลำบากใจ....จะให้เขาเลือกได้ไงล่ะ เป็นแบบนี้แล้วใครจะกล้าเลือกกัน...
สน...รู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่มีทางที่จะกล้าตัดสินใจเป็นแน่
“ ณัฐ...จำตอนนั้นที่เราคุยกันได้มั้ย ? ” ร่างสูงเริ่มเอ่ย
“ ที่พี่บอกว่าจะเลือกณัฐ เข้ามาอยู่ในกลุ่ม และณัฐก็ตกลงกับพี่แล้ว ”
ณัฐทำหน้างงเล็กน้อย เขาไปตกลงกับพี่สนตอนไหนเนี่ย ?!
“ ณัฐบอกเองว่า ไม่อยากอยู่กับคนอื่นนอกจากพี่ เพราะไม่รู้จักใครในปีสามเลย ”
ร่างสูงหันไปมองเพื่อนที่อยู่ตรงหน้าเพื่อเป็นการบ่งบอกจุดประสงค์ แล้วหันมาทางร่างเพรียว
“ ณัฐจะเปลี่ยนใจงั้นเหรอ ? ”
สิ่งที่พี่สนพูดออกมาทั้งหมด เขารู้ดีว่าพี่สนโกหก....ถึงแม้ว่าจะทำให้เขาตั้งตัวไม่ทันสักไปสักหน่อย แต่ว่านั่น..กลับทำให้เขาตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เพราะพี่สนบีบให้เขามีเพียงแค่คำตอบเดียวเท่านั้น..
ดังนั้น ณัฐจึงตัดสินใจ ส่ายศีรษะเบาๆ เพื่อเป็นคำตอบ พลางนึกขอโทษรุ่นพี่ทั้งสองในใจ
ร่างสูงยิ้มไปทางเพื่อน
“ งั้น...โอเคกันแล้วนะ ”
แล้ว สน ก็ดึงแขนร่างเพรียวออกมาทันที โดยไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของคนเบื้องหลังแม้แต่น้อย
ตอนนี้ณัฐทั้งรู้สึกงง ทั้งรู้สึกขำกับเรื่องราวที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อครู่ ถ้าจะถามเขาจริงๆแล้ว พี่สนก็พูดถูก เขารู้จักกับพี่สน..เพียงแค่คนเดียวในปีสาม ถ้าให้เทียบกับรุ่นพี่อีกสองคนที่ไม่รู้จักกันเลย แล้วให้เลือกจริงๆ เขาก็คงเลือกพี่สน เพียงแต่ว่า..ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธรุ่นพี่ทั้งสองยังไงดี แค่นั้นเอง..
แต่เมื่อครู่ ดูท่ารุ่นพี่สองคนนั้นจะไม่ค่อยพอใจสักหน่อย แต่ดูเหมือนจะโกรธพี่สนมากกว่าที่จะโกรธเขาเสียอีก ถ้าเขาเป็นฝ่ายปฏิเสธเอง เขาอาจจะเป็นฝ่ายถูกโกรธเองก็ได้
“ เมื่อกี้.....พี่ไม่กลัวเพื่อนโกรธเหรอ ? ” เขาตัดสินใจถามออกไป
“ ไม่...เลยสักนิด ”
“ พี่กลัวไม่ได้ณัฐมาอยู่ในกลุ่มมากกว่า ” สนตอบแบบเปิดเผย
ทำไมคนๆนี้ถึงชอบพูดอะไรแบบนี้อยู่เรื่อยเลย พูดยังกะเขาสำคัญนักหนางั้นแหละ แต่พอได้ฟังแล้ว.....มันรู้สึก....ดีใจลึกๆแฮะ
“ แต่ก็ดีเหมือนกันแหละครับ เพราะว่าเมื่อกี้ผมลำบากใจมากเลย ถ้าไม่มีพี่ ผมก็คงไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน... ” ณัฐยอมรับกับคนตรงหน้า ที่ตอนนี้ยังไม่ปล่อยมือจากเขา
“ แต่ผมทำอะไรไม่เป็นหรอกนะ ขอบอกไว้ก่อน ”
ร่างสูงหันมายิ้มให้ “ ณัฐไม่ต้องทำอะไรหรอก ”
“ แค่คอยอยู่ข้างๆพี่ก็พอ... ”
ณัฐนิ่งเงียบ...สักอึดใจก็เอ่ยคำพูดออกมา
“ ทำไม....พี่ชอบพูดอะไร....แบบนี้เรื่อยเลย ฟังแล้ว... มันรู้สึกยังไงไม่รู้ ” เขาพยายามเค้นถ้อยคำที่พอจะตรงกับสิ่งที่เขารู้สึก แต่ก็หาไม่ได้สักที
“ แล้วรู้สึกยังไงล่ะ ? ”
ร่างสูงหันมาจ้องหน้าเขา พลางยิ้มทะเล้นรอคำตอบ
ณัฐที่ถูกคนตรงหน้ากำลังจ้อง ก็รู้สึกหวั่นใจอย่างแปลกประหลาด สายตาคมที่มองมานั้นทำให้เขาไม่กล้าแม้แต่จะสบตาได้นาน อย่ามาจ้องกันแบบนี้จะได้มั้ย ??
เมื่อสนเห็นปฏิกิริยาของฝ่ายตรงข้าม ก็ทำให้เขารู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก ในชีวิตเขาเคยเห็นผู้หญิงมากมายที่มีปฏิกิริยาแบบนี้ แต่พอเป็นคนๆนี้กลับทำให้เขารู้สึกสะท้านในใจ
ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้คุยกัน ณัฐดูเหมือนจะไม่ชอบหน้าเขาด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ ร่างเพรียวที่ยืนอยู่ตรงนี้ กำลังเขินจนแก้มเป็นสีชมพู
.....ดูแล้ว...น่ารักชะมัด.....
“ ณัฐ.....เขินพี่เหรอ ? ” ร่างสูงถามตรงๆพลางก้มหน้าลงมาใกล้
ณัฐที่ได้ยินดังนั้นก็ตกใจทำตาโต “ พี่จะบ้าเหรอ !....ผมจะเขินพี่ทำไม ?? ”
สนหัวเราะกับท่าทางลุกลี้ลุกลนนั้น
“ โอเค้.....ไม่เขินก็ไม่เขิน ”
ตอนนี้เขาทั้งสองเดินมาถึงกลุ่มรุ่นพี่ปีสามกลุ่มใหญ่ทางด้านหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ชายทั้งหมด ยืนรวมกันประมาณ 6-7 คน
“ เฮ้ย...กูได้ นางเอก ของเรื่องมาแล้ว ” สนตะโกนบอกเพื่อนเมื่อเดินมาถึงกลุ่มรุ่นพี่ปีสามกลุ่มนั้น
ณัฐได้ยินดังนั้นก็หูผึ่งในทันที !!!
หา ! อะไรนะ นางเอก
พี่สนพูดว่า..เขาเป็นนางเอกงั้นเหรอ ?
เขาหันหน้าไปมองร่างสูงแทบจะในทันที พร้อมกับส่งสายตาสงสัย
“ เมื่อกี้พี่ว่าอะไรนะ ? ”
“ ก็นางเอกไง ! ณัฐเป็น..นางเอก ” ร่างสูงพูดด้วยรอยยิ้ม ราวกับว่า มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
“ ทำไมล่ะ....ให้ผมเป็นต้นไม้ เป็นก้อนหิน อะไรก็ได้.....ทำไมต้องเป็นนางเอกด้วย ”
สนได้ยินดังนั้นก็หัวเราะอออกมา “ จะไปเป็นทำไม? ต้นไม้ กับ ก้อนหิน น่ะ ”
“ ก็ผมไม่อยากเล่นเป็น ผู้หญิง...นี่นา ”
“ ทำไมล่ะ ? หน้าออกจะสวยขนาดนี้ ”
ณัฐชักสีหน้าบึ้งตึงขึ้นมาทันที
“ พี่แกล้งผมใช่มั้ย ? ”
“ ไม่ได้แกล้ง ”
“ แล้วทำไมถึงให้ผมเป็นผู้หญิงล่ะ ”
“ ก็ถ้าเล่นบทอื่นเสียดายแย่เลย ”
“ เฮ้อ... ” ณัฐถอนหายใจยาว นี่เขาคงไม่มีทางปฏิเสธใช่มั้ย ??
รู้งี้...เลือกกลุ่มอื่นดีกว่ามั้งเนี่ย !
********************
หลังจากที่แบ่งกลุ่มกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ละคนก็แยกย้ายกันไปตามกลุ่มของตัวเอง โดยที่ ทั้งชั้นปีมีทั้งหมด 4 กลุ่มใหญ่ ภายในแต่ละกลุ่มนั้นก็ยังถูกแบ่งย่อยออกเป็น 5 กลุ่มอีก สรุปแล้ว ตอนนี้มีกลุ่มย่อยทั้งหมด 20 กลุ่ม ซึ่งนั่น หมายความว่าจะมีทั้งหมด 20 การแสดง ที่ถูกควบคุมโดยพี่ปีสามทั้งหมด 20 กลุ่มเช่นกัน
และการแสดงของกลุ่มพวกเขาคือ ...ละคร...นั่นเอง
ส่วนสมาชิกในกลุ่มน่ะเหรอ ? เป็น...ผู้ชายล้วน ทั้ง 13 คน.... เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาต้องแสดงเป็นผู้หญิง ก็รุ่นพี่ในกลุ่มนี้ตั้งใจไม่เอาผู้หญิงมาแสดงตั้งแต่แรก เพราะให้เหตุผลว่า อยากทำละคร ‘ฮาสาดด’ สไตล์ผู้ชาย ถ้าผู้หญิงมาแสดง...อาจจะรับไม่ได้
นั่นทำให้เขาสบายใจขึ้น เพราะ เขาไม่ได้เป็นผู้ชายคนเดียวที่ต้องแสดงเป็นผู้หญิง...
และหัวหน้ากลุ่มนี้ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ‘พี่สน’ ซึ่งตอนนี้กำลังอธิบายเนื้อเรื่องย่อๆของละครให้รุ่นน้องฟัง แค่ได้ฟังคร่าวๆ เขาก็รู้สึกตลกแล้ว ไม่รู้ว่าถ้าได้แสดงจริง จะฮากลิ้งขนาดไหน ? เนื้อเรื่องอะไรก็ไม่รู้...ผสมปนเปกันไปหมด ตัวละครต่างยุคต่างสมัยเอามาผสมกัน แต่ละฉากมีล้อเลียนบทหนังดังๆ ล้อเลียนข่าวดังๆ ทำอะไรทุเรศๆต่างๆนานา ล้อเลียนเพื่อนบางคนหรือแม้กระทั่งล้อเลียนอาจารย์ในคณะ... ช่างเป็นกลุ่มที่... ‘กล้าทำ กล้าเสนอ’ กันจริงๆ
ตอนนี้เขาจึงลืมความคิดเรื่องการแสดงบทผู้หญิงไปเสียสนิท ก็แค่คิดว่า..ไม่มีอะไรเสียหายสักหน่อยนี่นา..
การเตรียมงานทั้งหมดเป็นความรับผิดชอบของรุ่นพี่ปีสาม ซึ่งแต่ละคนก็จะมีหน้าที่แตกต่างกัน เขารู้มาว่า ด้านบทละครนั้นได้ช่วยกันคิดทั้งหมด แต่หน้าที่อื่นได้แบ่งกันทำ เช่น ฝ่ายเสื้อผ้า ฝ่ายอุปกรณ์และดนตรีประกอบฉาก ฝ่ายเทคนิค และอีกหลายฝ่ายที่เขายังไม่ทราบได้
ตอนนี้เขารู้สึกแค่ว่า งานนี้....เป็นงานที่ยิ่งใหญ่จริงๆ
สำหรับวันนี้จะเป็นเพียงแค่การเริ่มเตรียมงาน พี่ๆเริ่มบอกงาน น้องๆเริ่มอ่านบท ส่วนการซ้อมจะเริ่มต้นจริงในวันพรุ่งนี้
....เพียงแค่วันแรกเขาก็รู้สึกสนุกขึ้นมาแล้ว...
เมื่อแจกแจงรายละเอียดต่างๆกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่รุ่นพี่ปล่อยรุ่นน้องให้กลับไปพักผ่อนเสียที
ขณะที่เขากำลังหยิบกระเป๋าขึ้นมาถือ เพื่อกำลังจะกลับนั้น ก็มีเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นทางด้านหลัง
“ จะกลับเหรอ ? ”
ณัฐไม่ต้องหันหน้าไปมองก็รู้ว่าเสียงใคร
“ ครับ ”
“ หิวมั้ย ? ไปกินข้าวกันเถอะ ”
“ แต่..... ผมไม่หิว ” ณัฐโกหก
“ ไม่หิวได้ไง นี่มันสามทุ่มแล้วนะ ”
อันที่จริง เขาก็รู้สึกหิวเหมือนกัน เพียงแต่คิดว่า แค่ไปหาซื้ออะไรกินเล่นที่เซเว่นข้างหอ น่าจะสะดวกกว่า...แล้วอีกอย่าง เขาก็ไม่กล้าไปกับพี่สน...จึงโกหกไปอย่างนั้นเอง
“ ไปเถอะ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง ” โดยไม่รอให้ปฏิเสธรอบสอง สนก็จูงมือร่างเพรียวออกเดินทันที
ณัฐได้แต่เดินไปตามแรงดึงของแขนแข็งแรงนั้น
เฮ้อ...เอาแต่ใจชะมัดเลย
แต่อันที่จริง....เขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องปฏิเสธนี่นา.... พี่สนบอกว่าจะเลี้ยง ! คิดเสียว่าได้กินข้าวฟรี ก็คุ้มอยู่เห็นๆ
ทั้งสองเดินมาถึงรถยนต์BMWสีขาวคันเดิม ที่รุ่นพี่เป็นเจ้าของ เขาเคยนั่งรถคันนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อตอนที่รุ่นพี่ ...เปียกฝนทั้งตัว....ในวันนั้น
ตอนไหนก็ตอนนั้น ที่เขายังคงทำตัวไม่ถูกเมื่ออยู่กับรุ่นพี่คนนี้ ได้แต่พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุดเมื่อขึ้นมานั่งอยู่บนรถกับพี่สนแค่สองคน
“ บ้านพี่คงจะรวยน่าดูเลยเนอะ ”
ณัฐเอ่ยแซวเล่นๆ หลังจากปิดประตูรถด้านข้างคนขับ อันที่จริง เขาก็พอรู้ประวัติของพี่สนมาบ้างแล้วจากแพร แต่เขาแค่พยายามชวนคุยเล่น..แค่นั้นเอง
“ ก็ไม่ได้รวยอะไรหรอก ” รุ่นพี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ติดออกจะเคร่งเครียดนิดๆ ทั้งๆที่ในมโนภาพ ณัฐกลับคิดว่า พี่สนจะต้อง หัวเราะขึ้นมา แล้วพูดอวดรวยถึงฐานะทางบ้านด้วยซ้ำ
“ เอ่อ....จะไปกินที่ไหนครับ ? ” ณัฐพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย
“ อยากกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าล่ะ ? ” ร่างสูงเอ่ยถามเมื่อรถเริ่มออกตัว
อืมมม...เขาอยากกินอะไรงั้นเหรอ ?? ไอ้ที่อยากกินมันก็มีอยู่หรอก...แต่ว่า...
แล้วณัฐก็นึกอะไรสนุกๆออก พร้อมกับหัวเราะในใจ
“ อยากกินอาหารญี่ปุ่น! ” ณัฐตอบอย่างมั่นใจ พลางดูท่าทีของอีกฝ่าย
“ โหยย...ได้ที เอาเลยนะ ” ร่างสูงพูดล้อ
“ ก็พี่ถามว่าอยากกินอะไรไม่ใช่เหรอ ? แต่ถ้า...วันนี้เอาตังค์มาไม่พอ ก็ไม่เป็นไรนะ ไปกินอย่างอื่นแทนก็ได้ ไม่เป็นไรหรอก ” ณัฐพูดยิ้มเยาะ
...ก็พลาดเองนี่นาที่บอกว่าจะเลี้ยง...
“ พี่กำลังคิดต่างหาก ว่าจะเอาร้านไหนดี...อืมม งั้นเดี๋ยวไปร้านนี้ดีกว่า ไกลสักหน่อย แต่อร่อยมาก ” พร้อมกับเริ่มสตาร์ทรถ
ณัฐได้ยินดังนั้นก็ถึงกับตกใจ...นี่พี่สนจะพาเขาไปกินจริงเหรอเนี่ย ! ผิดคาดแฮะ
ตอนแรก เขาแค่กะจะแกล้งฝ่ายนั้นให้หน้าเสียเล่นเฉยๆ แต่นี่รุ่นพี่กลับเอาจริง
ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมานิดๆแทน... มันจะแพงไปมั้ยนะ? เราเรื่องมากไปป่าวเนี่ย..?
“ เอ่อ.....อันที่จริง...เราไปกินอาหารธรรมดากันก็ได้นะครับ ” ณัฐพูดเสียงอ่อยลง
เขาเริ่มรู้สึกว่า มันไม่ใช่เรื่องแล้ว แค่พี่สนพาเขามาเลี้ยงข้าวก็ดีแค่ไหน แล้วนี่ยังจะมาเรียกร้องอะไรอีก..รู้สึกผิดชะมัด
“ ทำไมล่ะ ? ” ร่างสูงถามต่อ
“ ผม.... เกรง ใจ อันที่จริงเมื่อกี้..ผมแค่พูดเล่น...น่ะครับ ” เขาสารภาพออกไปตามตรง
“ ก็พี่บอกว่าจะเลี้ยง ก็ต้องเลี้ยงดิ แล้วอีกอย่าง พอณัฐพูดว่าอยากกินอาหารญี่ปุ่น ตอนนี้พี่ก็ชักอยากจะกินขึ้นมาเหมือนกัน ”
“ มันไม่แพงหรอกน่า...คิดมากทำไม ”
แต่เขาก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี.... ไม่น่านึกสนุกเล้ยย !
สนเห็นณัฐนิ่งเงียบไป ก็รู้ว่าฝ่ายนั้น น่าจะยังลำบากใจอยู่
“ งั้นเอางี้ละกัน ” ร่างสูงเอ่ยขึ้น
“ ถ้าพี่เลี้ยงณัฐฟรีๆ ณัฐจะไม่สบายใจใช่มั้ย ? ”
ร่างเพรียวผงกหัวเบาๆ
“ งั้นก็.....อืมม..... พี่เลี้ยงข้าวณัฐ ส่วนณัฐก็ให้พี่จูบสักทีหนึ่ง ก็น่าจะโอเคนะ ”
ณัฐแทบจะสำลักกับคำพูดนั้น !!
คนๆนี้เป็นอะไรกับการจูบมากมั้ยเนี่ย !
จูบ...แลกกับ ภาพวาดมั่งล่ะ
จูบ...แลกกับ ข้าวฟรีมั่งล่ะ
นี่เห็นเขาเป็นอะไร ??? ‘ตัวจูบ’ งั้นเหรอ
“ งั้นไม่ตกลง! ” ณัฐตอบอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ต้องคิด
ร่างสูงหัวเราะร่วน “ พูดเล่นน่า...พูดเล่น ”
แต่ฝ่ายนั้นก็ยังหัวเราะไม่ยอมหยุด
ณัฐได้แต่ถอนหายใจ ...เฮ้อ....คิดถึง เซเว่น...
******************
ขับรถมาได้สัก 20 นาที ก็มาถึง ร้านอาหารญี่ปุ่นร้านหนึ่งซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าอยู่แถวไหนของเมือง สภาพของร้านดูไม่ใหญ่มาก แต่ตกแต่งภายในได้น่ารักดีทีเดียว คนในร้านก็เยอะพอประมาณ และตอนที่เดินเข้าไปในร้าน เขาสังเกตว่าทุกสายตาต่างมองมาที่รุ่นพี่
มากับ คนหล่อ นี่ทำตัวลำบากจริงๆเลยแฮะ.....เขาได้แต่คิดในใจ
พี่สนเลือกนั่งโต๊ะๆหนึ่งด้านมุมสุดของร้าน มุมนี้ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านเท่าไหร่ เขาเองก็พอใจ เพราะโดยส่วนตัวแล้ว ก็ไม่ชอบความวุ่นวายจอแจนัก
แล้วไม่นานพนักงานก็เข้ามาบริการ รุ่นพี่สั่งอาหารรวดเดียวไปประมาณสิบกว่าอย่าง เห็นจะได้ ณัฐได้แต่นั่งอึ้ง...
แล้วจะกินหมดมั้ยเนี่ย ! คิดว่ามากี่คนกัน...?
แถมสั่งเสร็จแล้วยังมายิ้มแป้นให้อีกแหนะ !
“ กินให้หมดนะ พี่อุตส่าห์เลี้ยงทั้งที ” ร่างสูงพูดหลังจากบริกรรับเมนูกลับไปแล้ว
“ ผมน่ะกินหมดอยู่แล้ว...พี่จ่ายให้ไหวละกัน ”
ร่างสูงทอดสายตามองคนตรงหน้าแล้วยิ้มละมุน “ ดีใจจัง ”
“ ดีใจที่จะได้เสียตังค์น่ะเหรอ ? ”
อะไรกัน..อยู่ดีดีก็มาพูดว่าดีใจ มันมีเรื่องอะไรให้ดีใจรึไง
“ ดีใจที่...ณัฐคุยกับพี่มากขึ้นต่างหาก ”
“ ทั้งที่แต่ก่อน พี่นึกว่าณัฐจะเกลียดพี่ด้วยซ้ำ ”
ณัฐได้ยินดังนั้นก็ก้มหน้าตอบ “ ผมแค่คิดว่า.....”
“ พี่ก็....ไม่ใช่คนเลวร้าย.....อะไรสักหน่อย ”
“ แค่ ‘ไม่ใช่คนเลวร้าย’ เองเหรอ ? ”
“ แสดงว่ายังไม่ดีพอ งั้นสิ ”
“ แล้วทำไม ต้องดีพอ ด้วยล่ะ ? ” ณัฐงงงวยกับการเล่นคำของพี่สนเหลือเกิน..
“ ช่างเถอะ ! ” สนตัดบทไป
พี่สนพูดอะไรแปลกๆอีกแล้ว ชวนคุยเรื่องอื่นดีกว่า
“ ใครเป็นคนเขียนบทละครเหรอครับ ? ละครงานพรีเซนต์อ่ะ ”
“ ก็ช่วยกันแต่งทั้งกลุ่มแหละ ”
“ พวกพี่เป็นกลุ่มเพื่อนสนิทกันเลยเหรอ ? ”
“ ใช่...เป็นเพื่อนกันตั้งแต่ปีหนึ่ง แต่มีคนหนึ่ง..ไอ้กฤต..เป็นเพื่อนกันตั้งแต่ประถม ”
“ ดีจังนะครับ...ที่ได้ทำงานกับกลุ่มเพื่อนสนิท ”
“ ใช่... ”
“ รู้มั้ย ? .... ที่จริง งานนี้มีขึ้นก็เพื่อตอบสนองความต้องการของรุ่นพี่ก็แค่นั้นแหละ ใครอยากให้น้องทำอะไรให้ดู ใครอยากนำเสนอความคิดอะไร ก็ทำออกมา....พี่ชอบงานที่อิสระแบบนี้แหละ ”
เขาได้แต่นั่งฟังพี่สนเล่าเรื่องงาน presentation ให้ฟัง ดูท่าแล้ว...คงจะเป็นงานที่สนุกมากทีเดียว และอีกอย่างที่เขาพอจะได้รู้คือ...พี่สนต้องเป็นพวก...ไม่ชอบทำอะไรอยู่ในกรอบ...อะไรประมาณนั้นแน่เลย
“ ณัฐคิดว่าไงล่ะ ?? ” ร่างสูงถามขึ้น
“ คิดว่าอะไรเหรอครับ ? ” ณัฐทำหน้าเหรอหรา
“ ก็บทน่ะ...คิดว่าไง ? ”
“ อ๋อ....ผมว่า...มันฮาครับ ฮามาก แต่ว่า บางฉากนี่....อาจารย์ดูได้เหรอครับ ? ”
เขาเริ่มจะสงสัยจริงๆ เพราะยังมีฉากทุเรศๆและล่อแหลม ซ้ำยังใช้คำหยาบคายอีกมากมาย ถ้าอาจารย์ได้ดูมีหวังโดนกันทั้งกลุ่มแน่
“ ไม่เป็นไรหรอก กลุ่มเราได้แสดงท้ายๆ อาจจะดึกมากแล้ว...อาจารย์เค้าคงกลับกันหมดแล้วล่ะ ถ้าบทไม่แรง ถ้าน้องไม่ฮา .... รุ่นพี่จะจำน้องได้เหรอ ? ใช่มั้ย ? ” ร่างสูงถามคืน
อืมม...มันก็ใช่ ในความเป็นจริงแล้ว งานนี้จัดขึ้นก็เพื่อหวังจะให้น้องได้เป็นที่รู้จักของพวกรุ่นพี่ และก็เพื่อให้น้องๆได้รู้จักกับเพื่อนในกลุ่มมากขึ้น ถ้าสามารถทำให้น้องแจ้งเกิดได้ ก็ถือว่าประสบผลสำเร็จ
“ แต่ผม..ไม่แน่ใจว่าจะทำได้รึเปล่า ? ผมไม่เคยทำอะไรอย่างนี้มาก่อนเลย ” ณัฐทำหน้ากลุ้มใจ
“ ไม่ต้องกลุ้มใจไปหรอก...ยังมีเวลาอีกเยอะแยะ อีกตั้งอาทิตย์กว่าๆ พี่ขอรับประกันได้เลยว่า...พอถึงเวลาจริงๆแล้ว ไม่มีใครทำไม่ได้หรอก ”
“ และพอถึงตอนนั้น พี่ว่า...ณัฐจะไม่อยากให้งานมันจบลงด้วยซ้ำ ”
“ มันสนุกขนาดนั้นเลยเหรอครับ ? ”
ร่างสูงได้แต่ยิ้มกลับมาเป็นคำตอบ
สักพักอาหารก็เริ่มทยอยมาจนเต็มโต๊ะ มีแต่จานน่ากินๆทั้งนั้น ตอนนี้อาหารอันแสนโอชะกำลังรอให้เขากินอยู่ตรงหน้า เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นที่เขาจะต้องเกรงใจอีกต่อไป ก็ความหิวมันมีมากกว่า พอคิดได้ดังนั้น เขาก็รีบตักอาหารทันที
“ โห...อร่อยนะเนี่ย ! ” ณัฐอุทานขึ้น เมื่อตักอาหารคำแรกเข้าปาก แล้วก็รีบชิมจานอื่นต่อโดยไม่ให้เสียเวลา
“ ถ้าอร่อยก็กินเยอะๆสิ ” ร่างสูงยิ้มขันกับท่าทีน่ารักน่าชังของคนตรงหน้า
“ อันนี้อร่อยนะ ของโปรดพี่เลย ” สนยื่นข้าวหน้าปลาไหลให้ณัฐ
“ อร่อยจริงๆด้วย” เขาเคี้ยวตุ้ยๆพลางยิ้มให้
“ เอาอันนี้ด้วยสิ ”
แล้วณัฐก็ถูกประเคนอาหาร จานแล้วจานเล่า จากร่างสูง โดยที่ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย ว่าถูกอีกฝ่ายกำลังจ้องมองอยู่
“ ณัฐ...” เสียงทุ้มเรียกขึ้น
“ หือ...” ณัฐตอบรับ แต่สายตายังคงมองหาอาหารจานต่อไป
โดยที่ไม่ต้องรอ ทันใดนั้นร่างสูงก็ยื่นตัวมาเข้ามาใกล้และก้มหน้าลงจนชิดกับใบหน้าเรียว พร้อมกับใช้ปลายลิ้นตวัดเศษข้าว จากมุมปากของคนตรงหน้าออกให้
ณัฐถึงกับนั่งนิ่ง ช็อกจนตัวแข็งไปทั้งร่าง !!
เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น ?? พี่สน...ทำอะไร ?
“ ก็ปากเลอะ...พี่ก็เลยเช็ดให้ ” ร่างสูงตอบด้วยรอยยิ้มที่แสนจะธรรมดา ราวกับว่าไม่ได้ทำอะไรผิดไป
ณัฐหันซ้ายและมองไปทางด้านหลัง พยายามดูว่ามีใครเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่หรือไม่ แต่...ทุกคนก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรที่แปลกไป เขาจึงหันหน้ากลับมา
“ แล้วทำไม.... ทำไม...ต้องเช็ดด้วย....” ณัฐไม่กล้าพูด คำว่า ‘ด้วยปาก’
“ ทำไม...ไม่บอกล่ะ เดี๋ยว...เช็ดเองก็ได้ ! ” ณัฐได้แต่ละล่ำละลักตอบไป
“ ก็เห็นว่ากำลังกินเพลินนี่นา ” ร่างสูงทำเป็นไม่สนใจ และกินต่อไป
ณัฐจ้องหน้าคนตรงหน้าเขม็ง พี่สน...นี่ชักจะลามปาม อ้างว่า เช็ดให้ ที่จริง กะจะล่วงเกินเขาชัดๆ ผู้ชายคนนี้น่ากลัว...ชอบเล่นทีเผลอจริงๆเลย
...คราวหลังต้องระวังตัวหน่อยแล้ว...
*****************
“ โอ๊ย....อิ่มจังเล้ย ” ณัฐลูบท้องตัวเองป้อยๆ หลังจากขึ้นมานั่งบนรถแล้ว
“ ร้านนี้อร่อยนะ...แต่....หมดไปเยอะเหมือนกันเนอะ ” ณัฐยิ้มแห้งๆ พูดกับอีกฝ่าย
ราคาค่าอาหารหมดไปเกือบพัน เขาทั้งอร่อย ทั้งรู้สึกผิด ...แค่มื้อเดียวก็หมดไปเยอะขนาดนี้ เสียดายตังค์แทนรุ่นพี่จัง แต่ฝ่ายนั้นก็ไม่ได้ว่าอะไร ซ้ำยังเต็มใจเลี้ยงสุดๆอีกต่างหาก
“ พี่รู้จักร้านอร่อยอีกเยอะ ถ้าณัฐอยากกินอีก เดี๋ยวจะพาไป ”
ณัฐยิ้มกว้าง เพราะคิดอะไรดีๆออก
“ งั้นครั้งหน้า ให้ผมเป็นคนเลี้ยงนะครับ ” เขาหมายความอย่างที่พูดจริงๆ ถึงแม้ว่าราคาจะไม่ได้เท่ามื้อวันนี้เลยก็เถอะ แต่เขาก็อยากจะเลี้ยงตอบแทน
พี่สนยิ้มกว้าง “ สัญญาแล้วนะ ? ”
“ อืมม ” ร่างเพรียวผงกหัวเบาๆ นั่นกลับสร้างความสำราญใจให้กับคนด้านข้างไม่น้อย
แล้ว พี่สน ก็ขับรถมาส่ง เขา ที่หอ แต่ในจังหวะที่กำลังจะลงจากรถนั้น ฝ่ายนั้นก็รั้งแขนเขาไว้ แล้วยื่นหน้ามา ‘จุมพิต’ ที่แก้มเนียนเขาเบาๆ พร้อมกับกล่าวราตรีสวัสดิ์
แล้วณัฐก็นิ่งช็อกไปอีกครั้ง!! พอมีสติเลยรีบวิ่งแจ้นขึ้นหอจนแทบจะตกบันได
นับวัน...ความสัมพันธ์ของเขากับพี่สนชักจะแปลกขึ้นเรื่อยๆแฮะ
แล้วทำไมเมื่อกี้เราต้อง ใจเต้น ล่ะเนี่ย...!!? เนี่ยแหละ...ที่ว่าแปลกยิ่งกว่า..
พี่สน...นี่ล่ะก็ เริ่มจะทำให้เขา ‘หวั่นไหว’ ขึ้นเรื่อยๆ เขาพึ่งเคยเห็นผู้ชายที่ล่วงเกินผู้ชายด้วยกันเป็นว่าเล่นก็คนนี้เนี่ยแหละ
ทั้งจูบบ้างล่ะ ทั้งหยอดคำหวานบ้างล่ะ ทั้งจับมือ หรือว่า..หอมแก้ม..อย่างเช่นเมื่อกี้ ??? ถ้าเขาเป็นผู้หญิง คงจะคิดว่าคนๆนี้กำลังจีบเขาอยู่แน่ๆ
แต่นี่เขาเป็นผู้ชาย...นี่นา
*********************
หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ เขาก็ตั้งใจว่าจะนอนทันที วันนี้เหนื่อยเหลือเกิน ทั้งมื้อเย็นที่กินอิ่มจนแน่นท้อง จึงยิ่งทำให้เขาง่วงมากขึ้น
แต่ขณะที่เคลิ้มและกำลังจะหลับนั้น อยู่ดีๆ จัมโบ้ก็ยกเรื่องขึ้นมาชวนคุย
“ เฮ้ย! ณัฐ ” เจ้าจัมโบ้เอ่ยขึ้น ขณะที่เขากำลังจะหลับตานอน
“ แกรู้มั้ย ? ฉันอยู่กลุ่มเดียวกับแก้ม ”
“ เหรอ ? ” อยู่ดี ๆ จะมาชวนคุยอะไรตอนนี้วะ คนจะนอน...ณัฐคิดในใจ
“ แก้ม พูดถึงแกไม่หยุดเลยว่ะ ” น้ำเสียงของเพื่อนเปลี่ยนไป
“ อือ.. ” ณัฐตอบเออออ
“ ฉันถามจริงเหอะ แกกับแก้ม...คบกันป่าววะ ? ”
ทันใดนั้น ณัฐที่กำลังจะหลับอยู่รอมร่อ ก็ลืมตาโพลงขึ้นมาทันที
เขารีบหันหน้าไปทางเพื่อน “ แก..พูดว่าไงนะ ? ”
“ แกกับแก้ม คบกันอยู่รึเปล่า ? ” จัมโบ้เน้นเสียง
“ ไม่...ทำไมถึงถามงั้น ? ” เขารู้สึกแปลกใจกับคำถามของเพื่อน
“ งั้น....ฉันถามแกเป็นคำถามสุดท้าย แล้วจะไม่ถามอีก ”
เขานิ่งรอคำถามจากเพื่อน
“ แกชอบแก้มรึเปล่า ?? ”
“ หมายถึงแบบไหนอ่ะ...แบบแฟนน่ะเหรอ ? ”
“ อือ ”
“ ไม่ ไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นเลย ” ณัฐตอบเป็นการปิดประเด็น
“ ต่อไป...ตาฉันถามแกบ้าง ”
“ ทำไมแกถึงมาถามแบบนี้ ” ณัฐอยากรู้เหลือเกิน ว่าอะไรที่ทำให้เพื่อนเข้าใจแบบนั้น
“ ก็..เห็นช่วงนี้แกกับแก้มสนิทกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันก็บ่อย ” แล้วจัมโบ้ก็หยุดพูด
“ แค่นี้เองอ่ะนะ ?! ” ณัฐทำหน้าประหลาดใจ
“ มันไม่ใช่แค่นั้น เขาลือกันจนจะหมดmedแล้ว ว่าแกกับแก้ม......เป็นแฟนกัน! ”
พอสิ้นเสียงนั้น เขาก็ตกใจจนเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง “ หา ! ”
“ เอามาจากไหน ? ไม่เห็นจะจริงเลย ”
“ ตอนแรก ฉันก็ไม่เชื่อหรอก เพราะแกไม่เห็นบอกฉันเลย แต่พอ..ได้อยู่กลุ่มกับแก้ม ก็พอจะรู้ว่า แก้ม...ออกจะ....‘ชอบแก’ มากกว่าที่ พวกแกจะ ‘ชอบกัน’ แต่ก็ไม่แน่ใจ... ”
“ ก็เลย...อยากจะถาม ว่าจริงรึเปล่า แค่นั้นแหละ ”
“ เดี๋ยวนะ... เมื่อกี้ แกบอกว่า แก้มชอบฉัน งั้นเหรอ ? ”
“ เฮ้ย...แกพูดแล้วนะ ว่าแก ไม่ได้ชอบแก้ม ห้ามเปลี่ยนใจนะเว้ย ! ” เจ้าจัมโบ้รีบตวาดเสียงดังจนเขาตกใจ
“ ไอ้บ้า ! ตอบที่ฉันถามก่อนดิ ”
“ ก็...แค่เดา...อาจจะไม่จริงก็ได้ ” จัมโบ้รีบปิดประเด็น
ณัฐนั่งคิดอยู่นาน...
ข่าวลือ...เขากับแก้มเป็นแฟนกัน...? แล้วไอ้จัมโบ้ยังมาบอกว่า แก้มชอบเขาอีกต่างหาก...
ดูท่า...คงจะเป็นแค่ ‘ข่าวลือ’ ทั้งคู่นั่นแหละ เขารีบสรุป
แต่ที่ทำให้เขาข้องใจมากกว่า คือ .... เจ้าจัมโบ้ ทำไมถึงดูกลุ้มใจกับเรื่องนี้จัง ?
“ นี่...ถามจริง ”
“ แกชอบแก้มเหรอ ? ” ณัฐถามขึ้นบ้าง
จัมโบ้ที่หันหลังทำท่าจะนอน ก็รีบหันกลับมาทันที
“ แก...ฉันไม่ได้.... ”
“ ก็........ ”
หลังจากที่ละล่ำละลักตอบอยู่นาน จัมโบ้ก็ถอนหายใจยาว “ เออ...ฉันชอบแก้ม ”
“ และก็รู้สึกโกรธนิดๆ ที่แก้มมาสนิทกับแก พอใจยัง ? ”
“ แกชอบแก้มจริงเหรอวะ ? ” ณัฐถามย้ำ พร้อมกับยิ้มล้อเลียนเพื่อนซี้
“ เออ..ฉันรู้ ว่าฉันไม่ได้หล่อ ดูดี เหมือนแก ซ้ำยังขี้เหร่อีกต่างหาก ”
“ คนสวยอย่างแก้ม.... ” จัมโบ้เงียบอยู่นาน แล้วเอ่ยต่อ
“ ก็ได้แค่มองเท่านั้นแหละว้า ” เพื่อนกล่าวตัดพ้อ
เพื่อนเขาชอบแก้มงั้นเหรอ? ทำไมเขาถึงไม่สังเกตมาก่อนเลยนะ เขานี่โง่จริงๆเลย ถ้ารู้ว่าจัมโบ้ชอบแก้ม เขาอาจจะ...ไม่ทำอะไรให้เพื่อนเสียใจ และอาจจะช่วยให้ไอ้จัมโบ้ได้อยู่ใกล้ชิดแก้มมากกว่านี้...
“ แกสบายใจเรื่องฉันกับแก้มได้เลยนะ...มันไม่มีอะไรหรอก ” ณัฐบอกย้ำความมั่นใจ
จัมโบ้หันมายิ้มให้เขาหนึ่งทีเป็นการตอบรับ
ตอนนี้เขารู้สึกสบายใจขึ้น...ที่ผ่านมา จัมโบ้มันแปลกๆไป อาจจะเป็นเพราะเรื่องนี้ก็ได้ และตอนนี้ เรื่องทุกอย่างก็เคลียร์ด้วยดีแล้ว
ต่อไป...ขอให้อย่ามีปัญหาอะไรอีกเลย
*******************
ขอบคุณหลายๆ
chatchaann ---- oน้องณัฐน่ารักจัง
ปาปัวปูกาด้า ---- ช่ายย...แต่งไปก็ชอบไป ปลื้มน้องณัฐเป็นการส่วนตัว...อยากได้แฟนหน้าตาและนิสัยแบบนี้แหละ หุหุหุ
TianPin ---- สนุกดีจ้า อ่านจบแล้วอยากอ่านต่อไปเรื่อยๆ อิอิ
ปาปัวปูกาด้า ---- thx จ้า...อัพต่อ อ่านต่อ โอเค้ ?
MeeN ---- อ่านตอนนี้แล้ว เขินแทนณัฐอ่ะ พี่สนเล่นซะช๊อก สองครั้งแน่ะวันนี้
หวานหมดจะขึ้นจอ แล้วตอนนี้ oOo
ปาปู ---- ฮ่า ๆ ๆ ๆ ใช่ พระเอกเรานี่ขยันหยอดเจงเจ้งง...อ่านเรื่องนี้แล้วรับรอง ไม่มีปวดใจนาน (คนแต่งมะอยากให้โกรธกันน่ะ งั่มๆ ๆ ๆ) ปล. นี่ยังน้อยไป เตรียมรับความหวานในภาคต่อ...
ความคิดเห็น