ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    " YOU are the ONE " รักเราหวานซะ

    ลำดับตอนที่ #9 : บทที่เก้า -- presentation

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.ย. 52


    บทที่เก้า


     

                  ณัฐภัทรนั่งเหม่อมองออกไปไกล พลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ตอนนี้เขาอยู่ที่ระเบียงห้องพัก  สายตาเหม่อลอยมองผู้คนที่เดินขวักไขว่อยู่เบื้องล่าง
     
                  วันนี้เป็นเช้าวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันที่สองของการสอบเสร็จ  ดังนั้นจึงว่างเสียจน..ไม่มีอะไรทำ.. ตอนที่ไปร้านหนังสือในตอนนั้น น่าจะซื้อหนังสือสักเล่มสองเล่ม  พลันไปนึกถึง หนังสือ ‘เทคนิคการวาดภาพ’ เล่มโปรดที่เขาหมายตาไว้   วันนี้เขาลองมาดูในซอกหนึ่งของกระเป๋าเงิน  กลับพบว่ามีธนบัตรหนึ่งพันบาทพับเก็บไว้อย่างดี  พาลให้นึกเสียดายสุดๆ  ทำไมเขาจึงไม่นึกถึงเลยนะ  ว่าเคยเก็บมันไว้ตรงนี้มาก่อน    

                   อยากได้ก็อยากได้...แต่ก็ขี้เกียจแต่งตัวออกจากหอ  ได้แต่คิดไว้ว่าเดี๋ยววันหลังค่อยไปเอาละกัน

     

                  ‘ เบื่อจังเลยเว้ยยย ’ ณัฐได้แต่คิดกับตัวเองในใจ


                  ทั้งๆที่เป็นวันหยุดแท้ๆ...วันหยุดที่เขาเคยโหยหาในช่วงที่ต้องอ่านหนังสืออย่างหนัก   แต่พอไม่มีอะไรทำ กลับพบว่ามันน่าเบื่อและทรมานยิ่งกว่า แล้วไอ้จัมโบ้ยังมากลับบ้านอีก ยิ่งเพิ่มความน่าเบื่อเป็นสองเท่า  แล้วช่วงนี้ยังรู้สึกว่าท่าทางของมันแปลกๆ  ทำให้เขาเดาใจเพื่อนคนนี้ไม่ถูกจริงๆ
     
                  เฮ้อ....ทำไมถึงรู้สึกเบื่อได้ถึงขนาดนี้นะ 
     

                  ทั้งเบื่อ....ทั้ง...


                  .....เหงา .....


                  เหงา  งั้นเหรอ ? ...  คงเป็นความรู้สึกนี้มากกว่าล่ะมั้ง ?

     
        

                                                                                                 ******************

                   “ ณัฐ !  ณัฐเป็นคนผ่าละกันนะ แพรไม่กล้า ” แพรทำท่าขยาดสุดๆ

                   การเรียนวิชาชีวเคมีในวันนี้ เป็นอีกคาบหนึ่งที่น่าตื่นเต้น เพราะนักศึกษาแต่ละคู่จะต้องได้ทำการ ‘ผ่ากบ’ มันก็น่าตื่นเต้นอยู่หรอก เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย

                   ณัฐแอบตื่นเต้นเล็กน้อย เขาไม่ได้มีความกลัวแต่อย่างใด ตรงกันข้าม กลับรู้สึกอยากลองทำจริงเร็วๆ   แต่เมื่ออาจารย์บอกว่า กบทุกตัวที่ได้ทดลองในวันนี้ สุดท้ายแล้วจะต้องถูกฆ่า....  

                   นั่นต่างหาก...ที่ทำให้ความตั้งใจของเขาลดลงอย่างรวดเร็ว  เพราะรู้สึกสงสารกบพวกนี้  
     


                   แพรในตอนนี้ที่ทั้งกลัว ทั้งสงสาร จึงปฏิเสธที่จะไม่ทำอย่างเด็ดขาด
     
                  “ น่าสงสารมันนะ ” เธอเอ่ยขึ้น เมื่ออาจารย์กำลังจะพูดจบ

                  “ คิดซะว่า เสียสละกบเพื่อมวลมนุษยชาติละกัน ” ณัฐพูดทีเล่นทีจริง 

                  แต่ก็เป็นความจริง กบพวกนี้เสียสละตัวเองให้พวกเขามีความรู้ สามารถไปใช้รักษาคนจริงๆได้ในอนาคต เพราะฉะนั้น จึงไม่มีอะไรต้องกลัวนอกจาก ‘การตั้งใจทำให้ดีที่สุด’


                  ณัฐเริ่มปฏิบัติการ ผ่ากบ...  แพรก็คอยอ่านหนังสือ บอกทฤษฎีให้ฟังอยู่ด้านข้าง




                   ไม่นานก็ได้ยินเสียงสนทนาของเพื่อนอีกกลุ่มลอยมาเข้าหู

                  “ เฮ้ย...มึง เย็นนี้ไปเล่นเกมส์กันเถอะ ”  เสียงของเพื่อนที่อยู่ด้านหลังกำลังคุยกัน

                  “ โอเค..เดี๋ยววันนี้ กูขอแก้มือ  ไอ้สัด! เมื่อวานกูเสียดายเฮี้ยๆ! ” เสียงหนึ่งสวนขึ้น

                 “ วันนี้พี่นัดไม่ใช่เหรอ ? ” เสียงเรียบเรื่อยอีกเสียงดังขึ้น

                 “ พี่นัดไรวะ ? ”  

                 “ ก็วันนี้  พี่ปีสามนัดน้องปีหนึ่งตอนห้าโมงเย็น ที่ใต้อาคารเรียน จะมีงานอะไรก็ไม่รู้ กูก็จำไม่ได้ ”

                  “ ต้องไปเหรอวะ ? ”
     
                 “ ไปดิ ...เขาให้ปีหนึ่งไปทุกคน ”



                 ณัฐกับแพรได้แต่มองหน้ากันไปมา 

                 “ เอ่อ...วันนี้ห้าโมงเย็น ที่ใต้อาคารเรียนงั้นเหรอ ? ” แพรหันหลังไปถามเพื่อนกลุ่มนั้น อันที่จริง เธอก็อยากจะถามรายละเอียดให้มากกว่านี้ แต่เมื่อกี้พึ่งได้ยินว่า เพื่อนพวกนี้ก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน จึงเลือกที่จะถามแค่นี้
      
                “ อืมม ” เพื่อนผู้ชายตอบ
     

               “ ชัวร์นะ ” แพรถามย้ำ

               “ ชัวร์ดิ  ไม่จริงให้เตะเลยค้าบบ ” เพื่อนชายทอดเสียงยาวล้อเลียน

               แพรได้แต่ทำหน้างง  เขาจึงยักไหล่ให้เธอเป็นคำตอบเพราะว่าไม่รู้เรื่องเหมือนกัน

                                             
                                                                                                     ***************

                    เมื่อถึงเวลาห้าโมงเย็น เขาและเพื่อนจึงมารวมกลุ่มกันยังที่นัดหมาย จากการที่ได้ยินเพื่อนคนอื่นๆเล่าให้ฟัง เหมือนกับว่างานที่จะได้ประชุมในวันนี้  เป็นงานสำคัญประจำปี  ที่รุ่นพี่ปีสามกับปีหนึ่งร่วมกันทำ   รู้เพียงแต่ว่าสำคัญมาก รุ่นพี่คนอื่นต่างกล่าวขานและรอคอย  เรียกได้ว่าเป็นงานสำคัญที่ยิ่งใหญ่กว่างานเฟรชชี่เสียด้วยซ้ำ


                    สักพักก็เห็นรุ่นพี่ปีสามเริ่มทยอยเดินมา  ส่วนใหญ่ก็พอคุ้นหน้า  แต่ก็ยังมีบางคนที่เขาไม่รู้จักเลย   อาจเป็นเพราะ เรียนกันคนละที่ วิชาเรียนก็ต่างกัน ซ้ำยังไม่มีกิจกรรมที่ต้องทำร่วมกัน  จึงไม่ค่อยได้เจอรุ่นพี่ปีสามเท่าใดนัก ปีหนึ่งอย่างพวกเขาจึงสนิทกับปีที่ใกล้กันอย่างปีสองมากกว่า

                    รุ่นพี่เริ่มบอกให้น้องๆมานั่งรวมกัน แล้วรุ่นพี่ร่างยักษ์คนหนึ่งที่เขาคาดว่าน่าจะเป็นหัวหน้างาน ก็เริ่มชี้แจง

                    “ ขอสวัสดีน้องปีหนึ่งทุกคนนะครับ ”

                    “ สวัสดีครับ/ค่ะ ” น้องปีหนึ่งตอบเสียงเจื้อยแจ้ว

                   “ เอาล่ะ....วันนี้ที่พี่ๆนัดพวกน้องมา ก็เพราะว่า เรากำลังจะมีงานสำคัญหนึ่งเกิดขึ้น  ซึ่งเป็นงานที่จัดขึ้นทุกปี และรุ่นพี่ทุกคนต่างรอคอยที่จะมาดู ”  

                   “  นั่นก็คือ งาน ‘presentation’ !! ” 

                 “ งานครั้งนี้เป็นงานใหญ่  ที่เกิดจากการร่วมงานกัน...ระหว่างพี่ปีสามและน้องปีหนึ่ง ”

                 “ และพวกน้องไม่ต้องห่วง...ว่าจะไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับงานนี้  เพราะมันสามารถทำได้ไม่ยากเลย ”

                 “ ง่ายมาก.....พวกน้องก็แค่...ทำตามคำสั่งรุ่นพี่ปีสาม แค่นั้นเอง ”

                  พอสิ้นเสียงนั้น  เสียงฮือฮาจากรุ่นน้องก็ดังขึ้น !!!


                 “ งานนี้...เราจะจัดการแสดงอะไรก็ได้  เพื่อให้รุ่นพี่ปีอื่น ได้ดูกัน....และน้องปีหนึ่งไม่ต้องกังวลไป  เพราะพี่ปีสามได้เตรียมการแสดงนั้นไว้ให้น้องๆแล้ว.... ”

                  และเสียงฮือฮาจากรุ่นน้องก็ดังขึ้นอีกครั้ง  บางคนก็ออกอาการตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด    จนรุ่นพี่อีกคนต้องบอกให้พวกเขาเงียบ



                   พลันสายตาเขาก็เหลือบไปเห็น ‘รุ่นพี่ปีสามคนหนึ่ง’ กำลังเดินเข้ามา...


                   ณัฐเห็นเพื่อนผู้หญิงบางคนทางด้านหน้า สะกิดแขนกันให้มองดูรุ่นพี่คนนั้น  แล้วหัวเราะกันคิกคัก  ไม่เท่านั้น เขายังได้ยินบทสนทนาของเพื่อนผู้หญิงทางด้านหลังอีกต่างหาก


                  “ แก..พี่สนมา ! ” หญิงสาวเหมือนพยายามบอกเพื่อน

                  “ โอ๊ยยแก  ฉันกำลังจะละลาย ” อีกเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้น

         
                  เฮ้อ....พวกนี้จะอะไรกันนักกันหนา  ....ณัฐได้แต่คิดกับตัวเองในใจ



                   เมื่อพี่สนไปยืนรวมกลุ่มกับเพื่อนทางด้านหน้า  ก็หันมาให้ความสนใจกับกลุ่มน้องปีหนึ่งเช่นกัน   พร้อมกันนั้นก็พยายามกวาดตามองรุ่นน้องอย่างถ้วนทั่ว


                    ทันใดนั้นสนก็หยุดสายตาที่ณัฐ !! ....และ......ยิ้มให้ 

                    
                    ณัฐได้แต่ทำหน้าเหรอหรา... เมื่อกี้นี้  พี่สนยิ้มให้เขานี่นา...



                    “ แก๊ .... เมื่อกี้นี้พี่สนยิ้มให้ฉันด้วย !! โอ๊ยย จะเป็นลม ” น้ำเสียงหญิงสาวทางด้านหลังบ่งบอกว่าตื่นเต้นสุดๆ

                   “ จะบ้าเหรอ ? ยิ้มให้ฉันต่างหาก ก็ฉันกำลังจ้องพี่เขาอยู่นี่นา ”

                   “ ฉันต่างหาก ! ”


                    เสียงทั้งสองนั้นยังคงทะเลาะกับการ ‘แย่งยิ้ม’ นั้นต่อไป

     
                    แต่ณัฐรู้ดีว่า...พี่สนยิ้มทักทายเขา

                    เขาจึงได้แต่.....ยิ้มบางๆ...ตอบกลับไป

                   ได้แต่คิดว่า....ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องทำหน้าบึ้งตึงต่อไปนี่นา 



                     แต่พี่สนกลับ...ยิ้มกว้างบาดใจ...กลับมาให้  

                     ไม่ต้องบอกหรอกนะ ว่าปฏิกิริยาของคนที่อยู่ข้างหลังเขาจะเป็นอย่างไร....

     
                  
                      จากนั้นพวกรุ่นน้องก็ถูกแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่สี่กลุ่ม   เขา แพร และจัมโบ้ไม่มีใครได้อยู่กลุ่มเดียวกันเลย   รู้สึกเสียดายนิดๆเหมือนกัน


                     “ ครับ....พี่ก็อธิบายไปหมดแล้วนะ  ต่อไปน้องๆก็จะถูกแบ่งกลุ่มย่อยออกไปอีก   แต่ครั้งนี้จะถูกแบ่งโดยการให้รุ่นพี่แต่ละกลุ่มมาคัดเลือกน้องๆด้วยตัวเอง ซึ่งเรียกการคัดเลือกครั้งนี้ว่า        ...การช็อปน้อง...”

                    “ โดยพี่แต่ละคนจะเลือกน้องที่มีบทบาทเหมาะสมกับการแสดงของตน และไม่ต้องห่วงนะครับว่าใครจะไม่ถูกเลือก เพราะน้องทุกคนต้องถูกเลือกแน่นอน ”


                    “ เอาล่ะ..เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา...ต่อไปเชิญรุ่นพี่ปฏิบัติการ ‘ช็อปน้อง’ ได้เลยครับ !! ”


                       สิ้นเสียงนั้น  รุ่นพี่คนอื่นต่างเดินทยอยมาหาน้องคนที่ตัวเองหมายตาไว้ทันที  ช่วงนี้จึงดูอลวนเป็นอย่างมาก  และโดยไม่ทันตั้งตัว ก็มีรุ่นพี่ถึงสองคนมายืนประกบเขาเสียแล้ว


                      “ น้องณัฐ ใช่มั้ยคะ? ” รุ่นพี่ผู้หญิงท่าทางอ้วนท้วม เอ่ยขึ้นเมื่อมาถึงตัวเขา

                      ณัฐได้แต่มองรุ่นพี่ทั้งสองสลับกันไปมา

                     “ น้องมาอยู่กลุ่มพี่นะ ”

                     “ น้องณัฐมาอยู่กลุ่มพี่ดีกว่าครับ รับรองบทบาทที่ได้รับ จะต้องดังแน่นอนเลยครับ ” รุ่นพี่ผู้ชายอีกคนเอ่ยขึ้น

                     เอาไงดีล่ะ ??  ทำไมรุ่นพี่ต้องมาพร้อมกันด้วยนะ...เขาไม่ใช่คนเรื่องมากอยู่แล้ว   ถ้ามีใครมาก่อนเขาก็คงเลือกโดยไม่ต้องคิดให้ยาก  แต่พอเจอแบบนี้เข้าก็รู้สึกละบากใจ  ถ้าเลือกอีกฝ่าย  อีกฝ่ายก็คงจะโกรธเอา  แล้วเขาจะทำไงดีเนี่ย ?



                      และทันใดนั้นก็มีมือแข็งแรงมาจับที่ข้อมือของเขา แล้วดึงให้ลุกขึ้นยืนทันที จนทำให้เขาถึงกับเซถลานิดๆ

                      “ ไม่ได้หรอก...คนนี้ จองแล้ว! ” เสียงนั้นเอ่ยขึ้น



                     ณัฐพยายามหันไปมองว่าเป็นใคร .... ท่าทางแบบนี้ คงมีแค่คนเดียว  ‘พี่สน’!

                    “ แต่เรามาถึงก่อนนะสน ” รุ่นพี่ผู้หญิงเอ่ยขึ้น

                   “ ขอโทษนะ  แต่คนนี้จองแล้วจริงๆ ” สนตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ


                   ณัฐได้แต่ยืนงง พี่สนมาจองเขาตอนไหน?...ขี้ตู่เห็น ๆ


                   “ ตั้งแต่ตอนไหน? ก็พึ่งเริ่มช็อปกันนี่นา ” รุ่นพี่ผู้ชายเอ่ยขึ้นบ้าง

                   “ ก็...ตั้งแต่เจอครั้งแรกเลย ”  

                   “ ไม่เชื่อหรอก ” หญิงสาวร่างท้วมเอ่ยขึ้น


                   “ ถ้าอย่างนั้น...ให้น้องณัฐเป็นคนตัดสินใจเองดีกว่า  ว่าอยากอยู่กับใคร ” รุ่นพี่ผู้ชายอีกคนรีบเสนอความเห็นทันที
    แต่หารู้ไม่ว่า  เพราะความเห็นนี้นี่เอง ที่ทำให้ณัฐยิ่งลำบากใจ....จะให้เขาเลือกได้ไงล่ะ เป็นแบบนี้แล้วใครจะกล้าเลือกกัน...


                    สน...รู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่มีทางที่จะกล้าตัดสินใจเป็นแน่


                    “ ณัฐ...จำตอนนั้นที่เราคุยกันได้มั้ย ? ” ร่างสูงเริ่มเอ่ย

                    “ ที่พี่บอกว่าจะเลือกณัฐ เข้ามาอยู่ในกลุ่ม และณัฐก็ตกลงกับพี่แล้ว ”


                     ณัฐทำหน้างงเล็กน้อย  เขาไปตกลงกับพี่สนตอนไหนเนี่ย ?!

                   
                     “ ณัฐบอกเองว่า ไม่อยากอยู่กับคนอื่นนอกจากพี่ เพราะไม่รู้จักใครในปีสามเลย ”

                     ร่างสูงหันไปมองเพื่อนที่อยู่ตรงหน้าเพื่อเป็นการบ่งบอกจุดประสงค์  แล้วหันมาทางร่างเพรียว

                    “ ณัฐจะเปลี่ยนใจงั้นเหรอ ? ”


                      สิ่งที่พี่สนพูดออกมาทั้งหมด  เขารู้ดีว่าพี่สนโกหก....ถึงแม้ว่าจะทำให้เขาตั้งตัวไม่ทันสักไปสักหน่อย  แต่ว่านั่น..กลับทำให้เขาตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เพราะพี่สนบีบให้เขามีเพียงแค่คำตอบเดียวเท่านั้น..  

                      ดังนั้น ณัฐจึงตัดสินใจ ส่ายศีรษะเบาๆ เพื่อเป็นคำตอบ พลางนึกขอโทษรุ่นพี่ทั้งสองในใจ



                       ร่างสูงยิ้มไปทางเพื่อน  

                       “ งั้น...โอเคกันแล้วนะ ”



                       แล้ว สน ก็ดึงแขนร่างเพรียวออกมาทันที โดยไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของคนเบื้องหลังแม้แต่น้อย  

                       ตอนนี้ณัฐทั้งรู้สึกงง  ทั้งรู้สึกขำกับเรื่องราวที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อครู่   ถ้าจะถามเขาจริงๆแล้ว   พี่สนก็พูดถูก  เขารู้จักกับพี่สน..เพียงแค่คนเดียวในปีสาม  ถ้าให้เทียบกับรุ่นพี่อีกสองคนที่ไม่รู้จักกันเลย  แล้วให้เลือกจริงๆ เขาก็คงเลือกพี่สน เพียงแต่ว่า..ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธรุ่นพี่ทั้งสองยังไงดี แค่นั้นเอง..

                       แต่เมื่อครู่ ดูท่ารุ่นพี่สองคนนั้นจะไม่ค่อยพอใจสักหน่อย แต่ดูเหมือนจะโกรธพี่สนมากกว่าที่จะโกรธเขาเสียอีก  ถ้าเขาเป็นฝ่ายปฏิเสธเอง เขาอาจจะเป็นฝ่ายถูกโกรธเองก็ได้

                      
                       “ เมื่อกี้.....พี่ไม่กลัวเพื่อนโกรธเหรอ ? ” เขาตัดสินใจถามออกไป

                       “ ไม่...เลยสักนิด ”
     
                       “ พี่กลัวไม่ได้ณัฐมาอยู่ในกลุ่มมากกว่า ” สนตอบแบบเปิดเผย

     
                       ทำไมคนๆนี้ถึงชอบพูดอะไรแบบนี้อยู่เรื่อยเลย  พูดยังกะเขาสำคัญนักหนางั้นแหละ  แต่พอได้ฟังแล้ว.....มันรู้สึก....ดีใจลึกๆแฮะ


                      “ แต่ก็ดีเหมือนกันแหละครับ  เพราะว่าเมื่อกี้ผมลำบากใจมากเลย ถ้าไม่มีพี่ ผมก็คงไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน... ”  ณัฐยอมรับกับคนตรงหน้า ที่ตอนนี้ยังไม่ปล่อยมือจากเขา
     

                      “ แต่ผมทำอะไรไม่เป็นหรอกนะ  ขอบอกไว้ก่อน ”

                       ร่างสูงหันมายิ้มให้   “ ณัฐไม่ต้องทำอะไรหรอก ”  

                       “ แค่คอยอยู่ข้างๆพี่ก็พอ... ”

                      ณัฐนิ่งเงียบ...สักอึดใจก็เอ่ยคำพูดออกมา


                      “ ทำไม....พี่ชอบพูดอะไร....แบบนี้เรื่อยเลย    ฟังแล้ว... มันรู้สึกยังไงไม่รู้  ” เขาพยายามเค้นถ้อยคำที่พอจะตรงกับสิ่งที่เขารู้สึก แต่ก็หาไม่ได้สักที
     

                      “ แล้วรู้สึกยังไงล่ะ ? ”
     
                      ร่างสูงหันมาจ้องหน้าเขา พลางยิ้มทะเล้นรอคำตอบ  
     


                     ณัฐที่ถูกคนตรงหน้ากำลังจ้อง ก็รู้สึกหวั่นใจอย่างแปลกประหลาด  สายตาคมที่มองมานั้นทำให้เขาไม่กล้าแม้แต่จะสบตาได้นาน    อย่ามาจ้องกันแบบนี้จะได้มั้ย ??

     

                      เมื่อสนเห็นปฏิกิริยาของฝ่ายตรงข้าม  ก็ทำให้เขารู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก  ในชีวิตเขาเคยเห็นผู้หญิงมากมายที่มีปฏิกิริยาแบบนี้  แต่พอเป็นคนๆนี้กลับทำให้เขารู้สึกสะท้านในใจ  
     
                     ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้คุยกัน ณัฐดูเหมือนจะไม่ชอบหน้าเขาด้วยซ้ำ  แต่ตอนนี้ ร่างเพรียวที่ยืนอยู่ตรงนี้ กำลังเขินจนแก้มเป็นสีชมพู  
                     
                     .....ดูแล้ว...น่ารักชะมัด.....




                     “ ณัฐ.....เขินพี่เหรอ ? ”  ร่างสูงถามตรงๆพลางก้มหน้าลงมาใกล้

                     ณัฐที่ได้ยินดังนั้นก็ตกใจทำตาโต  “ พี่จะบ้าเหรอ !....ผมจะเขินพี่ทำไม ?? ”

                     สนหัวเราะกับท่าทางลุกลี้ลุกลนนั้น   

                     “ โอเค้.....ไม่เขินก็ไม่เขิน ” 

                    


                      ตอนนี้เขาทั้งสองเดินมาถึงกลุ่มรุ่นพี่ปีสามกลุ่มใหญ่ทางด้านหนึ่ง  ซึ่งเป็นผู้ชายทั้งหมด ยืนรวมกันประมาณ 6-7 คน


                      “ เฮ้ย...กูได้ นางเอก ของเรื่องมาแล้ว ”  สนตะโกนบอกเพื่อนเมื่อเดินมาถึงกลุ่มรุ่นพี่ปีสามกลุ่มนั้น
     



                     ณัฐได้ยินดังนั้นก็หูผึ่งในทันที !!!
     
                     หา !  อะไรนะ  นางเอก    

                     พี่สนพูดว่า..เขาเป็นนางเอกงั้นเหรอ ?  
     


                    เขาหันหน้าไปมองร่างสูงแทบจะในทันที พร้อมกับส่งสายตาสงสัย
     
                    “ เมื่อกี้พี่ว่าอะไรนะ ? ”

     

                    “ ก็นางเอกไง !  ณัฐเป็น..นางเอก ” ร่างสูงพูดด้วยรอยยิ้ม ราวกับว่า มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
     
                   “ ทำไมล่ะ....ให้ผมเป็นต้นไม้  เป็นก้อนหิน อะไรก็ได้.....ทำไมต้องเป็นนางเอกด้วย ” 
     


                    สนได้ยินดังนั้นก็หัวเราะอออกมา  “ จะไปเป็นทำไม?  ต้นไม้ กับ ก้อนหิน น่ะ ”
     
                    “ ก็ผมไม่อยากเล่นเป็น ผู้หญิง...นี่นา ”
     


                    “ ทำไมล่ะ ? หน้าออกจะสวยขนาดนี้ ”
     
                    ณัฐชักสีหน้าบึ้งตึงขึ้นมาทันที

                    “ พี่แกล้งผมใช่มั้ย ? ”
     
                    “ ไม่ได้แกล้ง ”

                     “ แล้วทำไมถึงให้ผมเป็นผู้หญิงล่ะ ”


                    “  ก็ถ้าเล่นบทอื่นเสียดายแย่เลย ”


                    “ เฮ้อ... ”  ณัฐถอนหายใจยาว  นี่เขาคงไม่มีทางปฏิเสธใช่มั้ย ??


                    รู้งี้...เลือกกลุ่มอื่นดีกว่ามั้งเนี่ย !
     




                                                                                          ********************

                          หลังจากที่แบ่งกลุ่มกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  แต่ละคนก็แยกย้ายกันไปตามกลุ่มของตัวเอง โดยที่ ทั้งชั้นปีมีทั้งหมด 4 กลุ่มใหญ่ ภายในแต่ละกลุ่มนั้นก็ยังถูกแบ่งย่อยออกเป็น 5 กลุ่มอีก  สรุปแล้ว ตอนนี้มีกลุ่มย่อยทั้งหมด 20 กลุ่ม ซึ่งนั่น หมายความว่าจะมีทั้งหมด 20 การแสดง  ที่ถูกควบคุมโดยพี่ปีสามทั้งหมด 20 กลุ่มเช่นกัน


                         และการแสดงของกลุ่มพวกเขาคือ ...ละคร...นั่นเอง


                         ส่วนสมาชิกในกลุ่มน่ะเหรอ ?  เป็น...ผู้ชายล้วน ทั้ง 13 คน....  เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาต้องแสดงเป็นผู้หญิง ก็รุ่นพี่ในกลุ่มนี้ตั้งใจไม่เอาผู้หญิงมาแสดงตั้งแต่แรก เพราะให้เหตุผลว่า อยากทำละคร  ‘ฮาสาดด’ สไตล์ผู้ชาย  ถ้าผู้หญิงมาแสดง...อาจจะรับไม่ได้

                        นั่นทำให้เขาสบายใจขึ้น  เพราะ  เขาไม่ได้เป็นผู้ชายคนเดียวที่ต้องแสดงเป็นผู้หญิง...


                        และหัวหน้ากลุ่มนี้ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ‘พี่สน’ ซึ่งตอนนี้กำลังอธิบายเนื้อเรื่องย่อๆของละครให้รุ่นน้องฟัง  แค่ได้ฟังคร่าวๆ เขาก็รู้สึกตลกแล้ว ไม่รู้ว่าถ้าได้แสดงจริง จะฮากลิ้งขนาดไหน ?  เนื้อเรื่องอะไรก็ไม่รู้...ผสมปนเปกันไปหมด ตัวละครต่างยุคต่างสมัยเอามาผสมกัน แต่ละฉากมีล้อเลียนบทหนังดังๆ  ล้อเลียนข่าวดังๆ ทำอะไรทุเรศๆต่างๆนานา  ล้อเลียนเพื่อนบางคนหรือแม้กระทั่งล้อเลียนอาจารย์ในคณะ...  ช่างเป็นกลุ่มที่... ‘กล้าทำ กล้าเสนอ’ กันจริงๆ

                        ตอนนี้เขาจึงลืมความคิดเรื่องการแสดงบทผู้หญิงไปเสียสนิท   ก็แค่คิดว่า..ไม่มีอะไรเสียหายสักหน่อยนี่นา..
     


                        การเตรียมงานทั้งหมดเป็นความรับผิดชอบของรุ่นพี่ปีสาม ซึ่งแต่ละคนก็จะมีหน้าที่แตกต่างกัน เขารู้มาว่า ด้านบทละครนั้นได้ช่วยกันคิดทั้งหมด แต่หน้าที่อื่นได้แบ่งกันทำ เช่น ฝ่ายเสื้อผ้า ฝ่ายอุปกรณ์และดนตรีประกอบฉาก ฝ่ายเทคนิค และอีกหลายฝ่ายที่เขายังไม่ทราบได้  


                        ตอนนี้เขารู้สึกแค่ว่า  งานนี้....เป็นงานที่ยิ่งใหญ่จริงๆ 

     

                        สำหรับวันนี้จะเป็นเพียงแค่การเริ่มเตรียมงาน พี่ๆเริ่มบอกงาน น้องๆเริ่มอ่านบท  ส่วนการซ้อมจะเริ่มต้นจริงในวันพรุ่งนี้

                        ....เพียงแค่วันแรกเขาก็รู้สึกสนุกขึ้นมาแล้ว...


     
                        เมื่อแจกแจงรายละเอียดต่างๆกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่รุ่นพี่ปล่อยรุ่นน้องให้กลับไปพักผ่อนเสียที

             

                       ขณะที่เขากำลังหยิบกระเป๋าขึ้นมาถือ เพื่อกำลังจะกลับนั้น ก็มีเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นทางด้านหลัง

                      “ จะกลับเหรอ ? ”

     
                     ณัฐไม่ต้องหันหน้าไปมองก็รู้ว่าเสียงใคร 
     
                     “ ครับ ”
     


                    “ หิวมั้ย ?  ไปกินข้าวกันเถอะ ”

                    “ แต่..... ผมไม่หิว ” ณัฐโกหก

     
                   “ ไม่หิวได้ไง  นี่มันสามทุ่มแล้วนะ ”

     
                      อันที่จริง เขาก็รู้สึกหิวเหมือนกัน เพียงแต่คิดว่า แค่ไปหาซื้ออะไรกินเล่นที่เซเว่นข้างหอ น่าจะสะดวกกว่า...แล้วอีกอย่าง เขาก็ไม่กล้าไปกับพี่สน...จึงโกหกไปอย่างนั้นเอง


             
                   “ ไปเถอะ  เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง ” โดยไม่รอให้ปฏิเสธรอบสอง สนก็จูงมือร่างเพรียวออกเดินทันที



                    ณัฐได้แต่เดินไปตามแรงดึงของแขนแข็งแรงนั้น  

                    เฮ้อ...เอาแต่ใจชะมัดเลย

                    แต่อันที่จริง....เขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องปฏิเสธนี่นา.... พี่สนบอกว่าจะเลี้ยง ! คิดเสียว่าได้กินข้าวฟรี ก็คุ้มอยู่เห็นๆ




                     ทั้งสองเดินมาถึงรถยนต์BMWสีขาวคันเดิม ที่รุ่นพี่เป็นเจ้าของ  เขาเคยนั่งรถคันนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อตอนที่รุ่นพี่ ...เปียกฝนทั้งตัว....ในวันนั้น

                     ตอนไหนก็ตอนนั้น ที่เขายังคงทำตัวไม่ถูกเมื่ออยู่กับรุ่นพี่คนนี้  ได้แต่พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุดเมื่อขึ้นมานั่งอยู่บนรถกับพี่สนแค่สองคน


                    “ บ้านพี่คงจะรวยน่าดูเลยเนอะ ” 

                     ณัฐเอ่ยแซวเล่นๆ  หลังจากปิดประตูรถด้านข้างคนขับ อันที่จริง เขาก็พอรู้ประวัติของพี่สนมาบ้างแล้วจากแพร แต่เขาแค่พยายามชวนคุยเล่น..แค่นั้นเอง
     

                    “ ก็ไม่ได้รวยอะไรหรอก ” รุ่นพี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ติดออกจะเคร่งเครียดนิดๆ ทั้งๆที่ในมโนภาพ  ณัฐกลับคิดว่า พี่สนจะต้อง หัวเราะขึ้นมา แล้วพูดอวดรวยถึงฐานะทางบ้านด้วยซ้ำ

     

                    “ เอ่อ....จะไปกินที่ไหนครับ ? ” ณัฐพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย 
     

                    “ อยากกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าล่ะ ? ” ร่างสูงเอ่ยถามเมื่อรถเริ่มออกตัว

     
                     อืมมม...เขาอยากกินอะไรงั้นเหรอ ??  ไอ้ที่อยากกินมันก็มีอยู่หรอก...แต่ว่า...


                     แล้วณัฐก็นึกอะไรสนุกๆออก พร้อมกับหัวเราะในใจ
     


                    “ อยากกินอาหารญี่ปุ่น! ”  ณัฐตอบอย่างมั่นใจ พลางดูท่าทีของอีกฝ่าย
     
                    “ โหยย...ได้ที เอาเลยนะ ” ร่างสูงพูดล้อ

     
                    “ ก็พี่ถามว่าอยากกินอะไรไม่ใช่เหรอ ?  แต่ถ้า...วันนี้เอาตังค์มาไม่พอ ก็ไม่เป็นไรนะ  ไปกินอย่างอื่นแทนก็ได้  ไม่เป็นไรหรอก ” ณัฐพูดยิ้มเยาะ  

                   ...ก็พลาดเองนี่นาที่บอกว่าจะเลี้ยง...
     


                 “ พี่กำลังคิดต่างหาก ว่าจะเอาร้านไหนดี...อืมม  งั้นเดี๋ยวไปร้านนี้ดีกว่า ไกลสักหน่อย แต่อร่อยมาก ” พร้อมกับเริ่มสตาร์ทรถ
     

                    ณัฐได้ยินดังนั้นก็ถึงกับตกใจ...นี่พี่สนจะพาเขาไปกินจริงเหรอเนี่ย ! ผิดคาดแฮะ  

                    ตอนแรก เขาแค่กะจะแกล้งฝ่ายนั้นให้หน้าเสียเล่นเฉยๆ แต่นี่รุ่นพี่กลับเอาจริง
     
                    ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมานิดๆแทน... มันจะแพงไปมั้ยนะ?   เราเรื่องมากไปป่าวเนี่ย..?

                   “ เอ่อ.....อันที่จริง...เราไปกินอาหารธรรมดากันก็ได้นะครับ ” ณัฐพูดเสียงอ่อยลง 

                  เขาเริ่มรู้สึกว่า มันไม่ใช่เรื่องแล้ว  แค่พี่สนพาเขามาเลี้ยงข้าวก็ดีแค่ไหน  แล้วนี่ยังจะมาเรียกร้องอะไรอีก..รู้สึกผิดชะมัด
     

                   “ ทำไมล่ะ ? ” ร่างสูงถามต่อ

                   “ ผม.... เกรง ใจ  อันที่จริงเมื่อกี้..ผมแค่พูดเล่น...น่ะครับ ” เขาสารภาพออกไปตามตรง

     
                   “ ก็พี่บอกว่าจะเลี้ยง  ก็ต้องเลี้ยงดิ  แล้วอีกอย่าง พอณัฐพูดว่าอยากกินอาหารญี่ปุ่น ตอนนี้พี่ก็ชักอยากจะกินขึ้นมาเหมือนกัน ”

                   “ มันไม่แพงหรอกน่า...คิดมากทำไม ”


     
                   แต่เขาก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี.... ไม่น่านึกสนุกเล้ยย !
     


                   สนเห็นณัฐนิ่งเงียบไป ก็รู้ว่าฝ่ายนั้น น่าจะยังลำบากใจอยู่

                  “ งั้นเอางี้ละกัน ” ร่างสูงเอ่ยขึ้น 

                  “ ถ้าพี่เลี้ยงณัฐฟรีๆ  ณัฐจะไม่สบายใจใช่มั้ย ?  ”

                   ร่างเพรียวผงกหัวเบาๆ
     


                 “ งั้นก็.....อืมม.....  พี่เลี้ยงข้าวณัฐ  ส่วนณัฐก็ให้พี่จูบสักทีหนึ่ง  ก็น่าจะโอเคนะ ”
       
     


                    ณัฐแทบจะสำลักกับคำพูดนั้น  !!
     
                    คนๆนี้เป็นอะไรกับการจูบมากมั้ยเนี่ย !
     
                    จูบ...แลกกับ ภาพวาดมั่งล่ะ
     
                    จูบ...แลกกับ ข้าวฟรีมั่งล่ะ 
     


                    นี่เห็นเขาเป็นอะไร ??? ‘ตัวจูบ’ งั้นเหรอ



                    “ งั้นไม่ตกลง! ” ณัฐตอบอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ต้องคิด

     
                    ร่างสูงหัวเราะร่วน  “ พูดเล่นน่า...พูดเล่น ” 
     
                    แต่ฝ่ายนั้นก็ยังหัวเราะไม่ยอมหยุด

     

                    ณัฐได้แต่ถอนหายใจ     ...เฮ้อ....คิดถึง เซเว่น...




                                                                                                  ******************






                        ขับรถมาได้สัก 20 นาที ก็มาถึง ร้านอาหารญี่ปุ่นร้านหนึ่งซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าอยู่แถวไหนของเมือง  สภาพของร้านดูไม่ใหญ่มาก แต่ตกแต่งภายในได้น่ารักดีทีเดียว คนในร้านก็เยอะพอประมาณ  และตอนที่เดินเข้าไปในร้าน เขาสังเกตว่าทุกสายตาต่างมองมาที่รุ่นพี่

                         มากับ คนหล่อ นี่ทำตัวลำบากจริงๆเลยแฮะ.....เขาได้แต่คิดในใจ


                         พี่สนเลือกนั่งโต๊ะๆหนึ่งด้านมุมสุดของร้าน มุมนี้ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านเท่าไหร่ เขาเองก็พอใจ เพราะโดยส่วนตัวแล้ว ก็ไม่ชอบความวุ่นวายจอแจนัก

                         แล้วไม่นานพนักงานก็เข้ามาบริการ รุ่นพี่สั่งอาหารรวดเดียวไปประมาณสิบกว่าอย่าง เห็นจะได้ ณัฐได้แต่นั่งอึ้ง...
     
                         แล้วจะกินหมดมั้ยเนี่ย ! คิดว่ามากี่คนกัน...?

                         แถมสั่งเสร็จแล้วยังมายิ้มแป้นให้อีกแหนะ !
     


                       “ กินให้หมดนะ พี่อุตส่าห์เลี้ยงทั้งที ” ร่างสูงพูดหลังจากบริกรรับเมนูกลับไปแล้ว
     
                      “ ผมน่ะกินหมดอยู่แล้ว...พี่จ่ายให้ไหวละกัน ” 
     


                       ร่างสูงทอดสายตามองคนตรงหน้าแล้วยิ้มละมุน   “ ดีใจจัง ”
     
                       “ ดีใจที่จะได้เสียตังค์น่ะเหรอ ? ”  

                       อะไรกัน..อยู่ดีดีก็มาพูดว่าดีใจ มันมีเรื่องอะไรให้ดีใจรึไง


                      “ ดีใจที่...ณัฐคุยกับพี่มากขึ้นต่างหาก ”  

                      “ ทั้งที่แต่ก่อน พี่นึกว่าณัฐจะเกลียดพี่ด้วยซ้ำ ”

     
                     ณัฐได้ยินดังนั้นก็ก้มหน้าตอบ   “ ผมแค่คิดว่า.....”

                     “  พี่ก็....ไม่ใช่คนเลวร้าย.....อะไรสักหน่อย ”


                    “ แค่ ‘ไม่ใช่คนเลวร้าย’ เองเหรอ ? ”

                    “ แสดงว่ายังไม่ดีพอ  งั้นสิ ”


                   “ แล้วทำไม ต้องดีพอ ด้วยล่ะ ? ” ณัฐงงงวยกับการเล่นคำของพี่สนเหลือเกิน..

                   “ ช่างเถอะ ! ” สนตัดบทไป



                    พี่สนพูดอะไรแปลกๆอีกแล้ว  ชวนคุยเรื่องอื่นดีกว่า

                    “  ใครเป็นคนเขียนบทละครเหรอครับ ? ละครงานพรีเซนต์อ่ะ ”

                    “ ก็ช่วยกันแต่งทั้งกลุ่มแหละ ”

                    
                    “ พวกพี่เป็นกลุ่มเพื่อนสนิทกันเลยเหรอ ? ”

                    “ ใช่...เป็นเพื่อนกันตั้งแต่ปีหนึ่ง แต่มีคนหนึ่ง..ไอ้กฤต..เป็นเพื่อนกันตั้งแต่ประถม ”


                    “ ดีจังนะครับ...ที่ได้ทำงานกับกลุ่มเพื่อนสนิท ”

                     “ ใช่... ”  

                    “ รู้มั้ย ? .... ที่จริง งานนี้มีขึ้นก็เพื่อตอบสนองความต้องการของรุ่นพี่ก็แค่นั้นแหละ ใครอยากให้น้องทำอะไรให้ดู ใครอยากนำเสนอความคิดอะไร ก็ทำออกมา....พี่ชอบงานที่อิสระแบบนี้แหละ ”


                       เขาได้แต่นั่งฟังพี่สนเล่าเรื่องงาน presentation ให้ฟัง ดูท่าแล้ว...คงจะเป็นงานที่สนุกมากทีเดียว  และอีกอย่างที่เขาพอจะได้รู้คือ...พี่สนต้องเป็นพวก...ไม่ชอบทำอะไรอยู่ในกรอบ...อะไรประมาณนั้นแน่เลย


                      “ ณัฐคิดว่าไงล่ะ ?? ” ร่างสูงถามขึ้น


                      “ คิดว่าอะไรเหรอครับ ? ” ณัฐทำหน้าเหรอหรา


                      “ ก็บทน่ะ...คิดว่าไง ? ”


                      “ อ๋อ....ผมว่า...มันฮาครับ ฮามาก  แต่ว่า  บางฉากนี่....อาจารย์ดูได้เหรอครับ ?  ” 

                      เขาเริ่มจะสงสัยจริงๆ เพราะยังมีฉากทุเรศๆและล่อแหลม ซ้ำยังใช้คำหยาบคายอีกมากมาย ถ้าอาจารย์ได้ดูมีหวังโดนกันทั้งกลุ่มแน่


                       “ ไม่เป็นไรหรอก  กลุ่มเราได้แสดงท้ายๆ อาจจะดึกมากแล้ว...อาจารย์เค้าคงกลับกันหมดแล้วล่ะ  ถ้าบทไม่แรง  ถ้าน้องไม่ฮา .... รุ่นพี่จะจำน้องได้เหรอ ? ใช่มั้ย ? ” ร่างสูงถามคืน


                       อืมม...มันก็ใช่  ในความเป็นจริงแล้ว  งานนี้จัดขึ้นก็เพื่อหวังจะให้น้องได้เป็นที่รู้จักของพวกรุ่นพี่ และก็เพื่อให้น้องๆได้รู้จักกับเพื่อนในกลุ่มมากขึ้น ถ้าสามารถทำให้น้องแจ้งเกิดได้ ก็ถือว่าประสบผลสำเร็จ



                      “ แต่ผม..ไม่แน่ใจว่าจะทำได้รึเปล่า ? ผมไม่เคยทำอะไรอย่างนี้มาก่อนเลย ” ณัฐทำหน้ากลุ้มใจ

                      “ ไม่ต้องกลุ้มใจไปหรอก...ยังมีเวลาอีกเยอะแยะ อีกตั้งอาทิตย์กว่าๆ  พี่ขอรับประกันได้เลยว่า...พอถึงเวลาจริงๆแล้ว  ไม่มีใครทำไม่ได้หรอก ”

                      “ และพอถึงตอนนั้น  พี่ว่า...ณัฐจะไม่อยากให้งานมันจบลงด้วยซ้ำ ”

                      “ มันสนุกขนาดนั้นเลยเหรอครับ ? ”

                      ร่างสูงได้แต่ยิ้มกลับมาเป็นคำตอบ




                        สักพักอาหารก็เริ่มทยอยมาจนเต็มโต๊ะ มีแต่จานน่ากินๆทั้งนั้น ตอนนี้อาหารอันแสนโอชะกำลังรอให้เขากินอยู่ตรงหน้า เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นที่เขาจะต้องเกรงใจอีกต่อไป ก็ความหิวมันมีมากกว่า พอคิดได้ดังนั้น เขาก็รีบตักอาหารทันที

                       “ โห...อร่อยนะเนี่ย ! ” ณัฐอุทานขึ้น เมื่อตักอาหารคำแรกเข้าปาก แล้วก็รีบชิมจานอื่นต่อโดยไม่ให้เสียเวลา

                       “ ถ้าอร่อยก็กินเยอะๆสิ ” ร่างสูงยิ้มขันกับท่าทีน่ารักน่าชังของคนตรงหน้า

                       “ อันนี้อร่อยนะ ของโปรดพี่เลย ” สนยื่นข้าวหน้าปลาไหลให้ณัฐ

                       “ อร่อยจริงๆด้วย” เขาเคี้ยวตุ้ยๆพลางยิ้มให้

                       “  เอาอันนี้ด้วยสิ ”

                       แล้วณัฐก็ถูกประเคนอาหาร จานแล้วจานเล่า จากร่างสูง โดยที่ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย ว่าถูกอีกฝ่ายกำลังจ้องมองอยู่



                       “ ณัฐ...” เสียงทุ้มเรียกขึ้น

                       “ หือ...” ณัฐตอบรับ แต่สายตายังคงมองหาอาหารจานต่อไป


                         โดยที่ไม่ต้องรอ  ทันใดนั้นร่างสูงก็ยื่นตัวมาเข้ามาใกล้และก้มหน้าลงจนชิดกับใบหน้าเรียว  พร้อมกับใช้ปลายลิ้นตวัดเศษข้าว จากมุมปากของคนตรงหน้าออกให้


                          ณัฐถึงกับนั่งนิ่ง ช็อกจนตัวแข็งไปทั้งร่าง !!


                          เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น ??  พี่สน...ทำอะไร ?



                         “ ก็ปากเลอะ...พี่ก็เลยเช็ดให้ ” ร่างสูงตอบด้วยรอยยิ้มที่แสนจะธรรมดา  ราวกับว่าไม่ได้ทำอะไรผิดไป

                         
                         ณัฐหันซ้ายและมองไปทางด้านหลัง  พยายามดูว่ามีใครเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่หรือไม่   แต่...ทุกคนก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรที่แปลกไป  เขาจึงหันหน้ากลับมา


                        “ แล้วทำไม.... ทำไม...ต้องเช็ดด้วย....” ณัฐไม่กล้าพูด คำว่า ‘ด้วยปาก’

                       “ ทำไม...ไม่บอกล่ะ   เดี๋ยว...เช็ดเองก็ได้ ! ”  ณัฐได้แต่ละล่ำละลักตอบไป



                      “ ก็เห็นว่ากำลังกินเพลินนี่นา ” ร่างสูงทำเป็นไม่สนใจ และกินต่อไป

     

                       ณัฐจ้องหน้าคนตรงหน้าเขม็ง  พี่สน...นี่ชักจะลามปาม  อ้างว่า เช็ดให้ ที่จริง กะจะล่วงเกินเขาชัดๆ  ผู้ชายคนนี้น่ากลัว...ชอบเล่นทีเผลอจริงๆเลย 



                      ...คราวหลังต้องระวังตัวหน่อยแล้ว...

           
     

                                                                                                  *****************







                      “ โอ๊ย....อิ่มจังเล้ย ” ณัฐลูบท้องตัวเองป้อยๆ หลังจากขึ้นมานั่งบนรถแล้ว

                      “ ร้านนี้อร่อยนะ...แต่....หมดไปเยอะเหมือนกันเนอะ  ” ณัฐยิ้มแห้งๆ พูดกับอีกฝ่าย

                       ราคาค่าอาหารหมดไปเกือบพัน เขาทั้งอร่อย ทั้งรู้สึกผิด ...แค่มื้อเดียวก็หมดไปเยอะขนาดนี้ เสียดายตังค์แทนรุ่นพี่จัง แต่ฝ่ายนั้นก็ไม่ได้ว่าอะไร ซ้ำยังเต็มใจเลี้ยงสุดๆอีกต่างหาก

                       “ พี่รู้จักร้านอร่อยอีกเยอะ ถ้าณัฐอยากกินอีก เดี๋ยวจะพาไป ”


                       ณัฐยิ้มกว้าง เพราะคิดอะไรดีๆออก

                       “ งั้นครั้งหน้า ให้ผมเป็นคนเลี้ยงนะครับ ” เขาหมายความอย่างที่พูดจริงๆ ถึงแม้ว่าราคาจะไม่ได้เท่ามื้อวันนี้เลยก็เถอะ แต่เขาก็อยากจะเลี้ยงตอบแทน


                       พี่สนยิ้มกว้าง  “ สัญญาแล้วนะ ? ”

                      “ อืมม ” ร่างเพรียวผงกหัวเบาๆ นั่นกลับสร้างความสำราญใจให้กับคนด้านข้างไม่น้อย


                       แล้ว พี่สน ก็ขับรถมาส่ง เขา ที่หอ  แต่ในจังหวะที่กำลังจะลงจากรถนั้น ฝ่ายนั้นก็รั้งแขนเขาไว้ แล้วยื่นหน้ามา ‘จุมพิต’ ที่แก้มเนียนเขาเบาๆ  พร้อมกับกล่าวราตรีสวัสดิ์

                       แล้วณัฐก็นิ่งช็อกไปอีกครั้ง!!  พอมีสติเลยรีบวิ่งแจ้นขึ้นหอจนแทบจะตกบันได



                       นับวัน...ความสัมพันธ์ของเขากับพี่สนชักจะแปลกขึ้นเรื่อยๆแฮะ

                       แล้วทำไมเมื่อกี้เราต้อง ใจเต้น ล่ะเนี่ย...!!?  เนี่ยแหละ...ที่ว่าแปลกยิ่งกว่า..

                      พี่สน...นี่ล่ะก็  เริ่มจะทำให้เขา ‘หวั่นไหว’ ขึ้นเรื่อยๆ   เขาพึ่งเคยเห็นผู้ชายที่ล่วงเกินผู้ชายด้วยกันเป็นว่าเล่นก็คนนี้เนี่ยแหละ

                      ทั้งจูบบ้างล่ะ ทั้งหยอดคำหวานบ้างล่ะ ทั้งจับมือ หรือว่า..หอมแก้ม..อย่างเช่นเมื่อกี้ ???     ถ้าเขาเป็นผู้หญิง คงจะคิดว่าคนๆนี้กำลังจีบเขาอยู่แน่ๆ



                       แต่นี่เขาเป็นผู้ชาย...นี่นา

       


                                                                                       *********************



                         หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ เขาก็ตั้งใจว่าจะนอนทันที  วันนี้เหนื่อยเหลือเกิน ทั้งมื้อเย็นที่กินอิ่มจนแน่นท้อง จึงยิ่งทำให้เขาง่วงมากขึ้น

                          แต่ขณะที่เคลิ้มและกำลังจะหลับนั้น  อยู่ดีๆ จัมโบ้ก็ยกเรื่องขึ้นมาชวนคุย

                         “ เฮ้ย!   ณัฐ ” เจ้าจัมโบ้เอ่ยขึ้น ขณะที่เขากำลังจะหลับตานอน


                         “ แกรู้มั้ย ? ฉันอยู่กลุ่มเดียวกับแก้ม ”

                        “ เหรอ ? ” อยู่ดี ๆ จะมาชวนคุยอะไรตอนนี้วะ  คนจะนอน...ณัฐคิดในใจ

                        “ แก้ม พูดถึงแกไม่หยุดเลยว่ะ ” น้ำเสียงของเพื่อนเปลี่ยนไป
                     
                         “ อือ.. ”  ณัฐตอบเออออ

                      

                       “ ฉันถามจริงเหอะ แกกับแก้ม...คบกันป่าววะ ?  ”

                      ทันใดนั้น ณัฐที่กำลังจะหลับอยู่รอมร่อ ก็ลืมตาโพลงขึ้นมาทันที

                      เขารีบหันหน้าไปทางเพื่อน “ แก..พูดว่าไงนะ ? ”


                      “ แกกับแก้ม คบกันอยู่รึเปล่า ? ” จัมโบ้เน้นเสียง

                      “ ไม่...ทำไมถึงถามงั้น ? ” เขารู้สึกแปลกใจกับคำถามของเพื่อน


                     “ งั้น....ฉันถามแกเป็นคำถามสุดท้าย แล้วจะไม่ถามอีก ”

                     เขานิ่งรอคำถามจากเพื่อน

                     “ แกชอบแก้มรึเปล่า ?? ”


                     “ หมายถึงแบบไหนอ่ะ...แบบแฟนน่ะเหรอ ? ”

                      “ อือ ”

                    “ ไม่ ไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นเลย ” ณัฐตอบเป็นการปิดประเด็น



                    “ ต่อไป...ตาฉันถามแกบ้าง ”

                    “ ทำไมแกถึงมาถามแบบนี้ ” ณัฐอยากรู้เหลือเกิน ว่าอะไรที่ทำให้เพื่อนเข้าใจแบบนั้น



                    “ ก็..เห็นช่วงนี้แกกับแก้มสนิทกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันก็บ่อย ” แล้วจัมโบ้ก็หยุดพูด

                    “ แค่นี้เองอ่ะนะ ?! ” ณัฐทำหน้าประหลาดใจ


                    “ มันไม่ใช่แค่นั้น เขาลือกันจนจะหมดmedแล้ว  ว่าแกกับแก้ม......เป็นแฟนกัน! ”

                    พอสิ้นเสียงนั้น เขาก็ตกใจจนเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง  “ หา ! ”

                    “ เอามาจากไหน ?  ไม่เห็นจะจริงเลย ”



                    “ ตอนแรก ฉันก็ไม่เชื่อหรอก เพราะแกไม่เห็นบอกฉันเลย  แต่พอ..ได้อยู่กลุ่มกับแก้ม ก็พอจะรู้ว่า แก้ม...ออกจะ....‘ชอบแก’  มากกว่าที่ พวกแกจะ ‘ชอบกัน’ แต่ก็ไม่แน่ใจ... ”

                     “ ก็เลย...อยากจะถาม ว่าจริงรึเปล่า แค่นั้นแหละ ”

                    
                      “ เดี๋ยวนะ... เมื่อกี้ แกบอกว่า  แก้มชอบฉัน งั้นเหรอ ? ”

                     “ เฮ้ย...แกพูดแล้วนะ ว่าแก ไม่ได้ชอบแก้ม  ห้ามเปลี่ยนใจนะเว้ย ! ” เจ้าจัมโบ้รีบตวาดเสียงดังจนเขาตกใจ


                     “ ไอ้บ้า ! ตอบที่ฉันถามก่อนดิ ”

                     “ ก็...แค่เดา...อาจจะไม่จริงก็ได้  ” จัมโบ้รีบปิดประเด็น



                      ณัฐนั่งคิดอยู่นาน...

                      ข่าวลือ...เขากับแก้มเป็นแฟนกัน...?  แล้วไอ้จัมโบ้ยังมาบอกว่า แก้มชอบเขาอีกต่างหาก... 

                      ดูท่า...คงจะเป็นแค่ ‘ข่าวลือ’ ทั้งคู่นั่นแหละ  เขารีบสรุป


                      แต่ที่ทำให้เขาข้องใจมากกว่า คือ ....  เจ้าจัมโบ้ ทำไมถึงดูกลุ้มใจกับเรื่องนี้จัง ?


                     “ นี่...ถามจริง ”

                     “ แกชอบแก้มเหรอ ? ” ณัฐถามขึ้นบ้าง


                     จัมโบ้ที่หันหลังทำท่าจะนอน ก็รีบหันกลับมาทันที

                     “ แก...ฉันไม่ได้.... ”

                     “ ก็........ ”


                      หลังจากที่ละล่ำละลักตอบอยู่นาน จัมโบ้ก็ถอนหายใจยาว  “ เออ...ฉันชอบแก้ม ”

                     “ และก็รู้สึกโกรธนิดๆ ที่แก้มมาสนิทกับแก  พอใจยัง ? ”


                     “ แกชอบแก้มจริงเหรอวะ ?  ” ณัฐถามย้ำ พร้อมกับยิ้มล้อเลียนเพื่อนซี้

                     “ เออ..ฉันรู้ ว่าฉันไม่ได้หล่อ ดูดี เหมือนแก  ซ้ำยังขี้เหร่อีกต่างหาก ”

                     “ คนสวยอย่างแก้ม.... ” จัมโบ้เงียบอยู่นาน  แล้วเอ่ยต่อ


                      “  ก็ได้แค่มองเท่านั้นแหละว้า ” เพื่อนกล่าวตัดพ้อ



                        เพื่อนเขาชอบแก้มงั้นเหรอ? ทำไมเขาถึงไม่สังเกตมาก่อนเลยนะ เขานี่โง่จริงๆเลย  ถ้ารู้ว่าจัมโบ้ชอบแก้ม  เขาอาจจะ...ไม่ทำอะไรให้เพื่อนเสียใจ  และอาจจะช่วยให้ไอ้จัมโบ้ได้อยู่ใกล้ชิดแก้มมากกว่านี้...


                      “ แกสบายใจเรื่องฉันกับแก้มได้เลยนะ...มันไม่มีอะไรหรอก ” ณัฐบอกย้ำความมั่นใจ



                       จัมโบ้หันมายิ้มให้เขาหนึ่งทีเป็นการตอบรับ


                        ตอนนี้เขารู้สึกสบายใจขึ้น...ที่ผ่านมา จัมโบ้มันแปลกๆไป อาจจะเป็นเพราะเรื่องนี้ก็ได้  และตอนนี้ เรื่องทุกอย่างก็เคลียร์ด้วยดีแล้ว


                        

                         ต่อไป...ขอให้อย่ามีปัญหาอะไรอีกเลย

                                                                                                     *******************


    ขอบคุณหลายๆ

    chatchaann  ----  oน้องณัฐน่ารักจัง 

    ปาปัวปูกาด้า ---- ช่ายย...แต่งไปก็ชอบไป ปลื้มน้องณัฐเป็นการส่วนตัว...อยากได้แฟนหน้าตาและนิสัยแบบนี้แหละ หุหุหุ


    TianPin ----  สนุกดีจ้า อ่านจบแล้วอยากอ่านต่อไปเรื่อยๆ อิอิ 

    ปาปัวปูกาด้า ---- thx จ้า...อัพต่อ อ่านต่อ โอเค้ ?


    MeeN ---- อ่านตอนนี้แล้ว เขินแทนณัฐอ่ะ พี่สนเล่นซะช๊อก สองครั้งแน่ะวันนี้

    หวานหมดจะขึ้นจอ แล้วตอนนี้ oOo

    ปาปู ---- ฮ่า ๆ ๆ ๆ ใช่ พระเอกเรานี่ขยันหยอดเจงเจ้งง...อ่านเรื่องนี้แล้วรับรอง ไม่มีปวดใจนาน (คนแต่งมะอยากให้โกรธกันน่ะ งั่มๆ ๆ ๆ)   ปล. นี่ยังน้อยไป เตรียมรับความหวานในภาคต่อ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×