คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่สาม -- freshy night 1
บทที่สาม
ห้องโถงงานเลี้ยงในวันนี้ ผู้คนนับร้อยดูจะคีกคักและมีความสุขเป็นพิเศษ ทุกคนคุยกันเสียงดังจอแจกระจายไปทั่วทุกมุมห้อง หญิงสาวแต่ละคนแต่งชุดสวยสะพรั่งชวนสะกดให้ผู้พบเห็นใจเต้นไปกับความงามดังดอกไม้แรกแย้ม ส่วนชายหนุ่มนั้นก็ไม่ยอมน้อยหน้า ต่างคนใส่เชิ้ตมีราคาหรือชุดสูทตัวเท่ แลดูมีสง่าราศี ต่างกับชุดนักศึกษาอันแสนจะธรรมดาที่พวกเขาเคยใส่อยู่ทุกวัน
ภายในงานมีแสง สี เสียงตระการตา เวทีด้านบนมีเครื่องดนตรีครบชิ้นและลำโพงตัวใหญ่สองฝั่งเตรียมพร้อมสำหรับสร้างความสนุกสนานรื่นเริงในค่ำคืนนี้ ส่วนบริเวณด้านหลังของห้องโถงใหญ่ มีบรรดาอาหารและเครื่องดื่มนานาชนิดที่ตกแต่งอย่างสวยงามถูกวางเรียงรายตามยาวให้เลือกสรรได้ตามใจชอบ
วันนี้เป็นงานฉลองสำคัญประจำปีที่หลายคนเฝ้ารอคอย หรืออย่างที่ทุกคนเข้าใจกันดีว่า ‘งานเฟรชชี่’ โดยงานนี้รุ่นพี่ได้จัดขึ้นเพื่อเป็นการต้อนรับน้องใหม่เข้าสู่คณะ ด้วยการมาสังสรรค์และเฉลิมฉลองร่วมกันทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้อง ถึงแม้ว่าจะผ่านการเปิดเทอมไปได้หลายสัปดาห์แล้วก็ตาม แต่บรรยากาศวันนี้ก็ยังชวนให้ผู้คนรู้สึกตื่นเต้น และดูจะแปลกใหม่สำหรับสายตาของน้องปีหนึ่ง
“ ฉันหล่อยังวะ ? ” จัมโบ้ถามขึ้น พร้อมกับจัดแต่งปกเสื้อให้เข้าที่
ณัฐมองเพื่อนตัวอ้วนที่ยืนอยู่ด้านข้างอย่างไม่ใคร่จะพิจารณานัก
“ หล่อแล้ว หล่อที่สุดในงานเลย ” เขาตอบไปตามอัติโนมัติ เพราะตั้งแต่ออกจากหอมา เพื่อนตัวดีถามเขาเป็นรอบที่สี่แล้ว
“ แกไม่ต้องมาพูดประชดฉันเลย ก็ฉันไม่มั่นใจนี่หว่า ”
“ แต่แพรว่าชุดนี้เหมาะกับจัมโบ้ดีนะ ใส่แล้วดูดีขึ้น ” หญิงสาวร่างเล็กที่ยืนอยู่อีกข้างของเขาเอ่ยขึ้น พร้อมยักคิ้วหนึ่งที
“ จริงนะแพร ” เจ้าตัวอ้วนเริ่มมีความมั่นใจขึ้นมาบ้างเล็กน้อย
วันนี้เพื่อนเขาทั้งสองคนดูจะพิถีพิถันกับชุดเป็นพิเศษ ต่างจากเขาที่แค่หยิบเชิ้ตสีดำที่คิดว่าเป็นงานที่สุดในตู้มา จัดแต่งทรงผมเสียหน่อย แค่นั้นก็คิดว่าเพียงพอแล้ว
ตอนนี้เขาทั้งสามยืนอยู่บริเวณมุมห้องมุมหนึ่งเพราะมาถึงกันเร็วเกินไป จึงได้แต่ยืนเก้ๆกังๆอยู่อย่างนั้น ตอนนี้ได้แต่ยืนดูวงดนตรี วงแรก ของค่ำคืนกำลังเล่นอยู่บนเวทีทางด้านหน้า ผู้คนเริ่มทยอยเข้ามาในงานกันมากขึ้นแล้ว เราทั้งสามจึงขยับเข้าไปด้านหน้าเล็กน้อย เพื่อที่จะได้ดูการแสดงได้ชัดเจนขึ้น
หลังจากที่จัมโบ้อาสาไปหยิบอาหารมาให้ ไม่นานเสียงฮือฮาและเสียงกรี๊ดกราดและของผู้หญิงทางด้านหน้าก็ดังขึ้น จึงสังเกตได้ว่าตอนนี้ผู้คนมากมายเข้ามาเต็มห้องโถงแล้ว และมีวงดนตรีวงใหม่ประมาณสี่ห้าคนกำลังเดินขึ้นไปบนเวที เขาพยายามมองหาสาเหตุความตื่นเต้นของผู้หญิงเหล่านั้นโดยมองขึ้นไปบนเวที
ในบรรดานักดนตรีชายทั้งหมดบนเวที เห็นจะมีคนหนึ่งที่โดดเด่นที่สุด..!!
ชายคนนั้นอยู่ข้างเวทีใกล้กับฝั่งพวกเขา ร่างสูงกำลังปรับเสียงกีตาร์สีดำโดยไม่ได้สนใจเสียงร้องเรียกชื่อตนของผู้หญิงทางด้านหน้าด้วยซ้ำ เมื่อปรับเสียงที่คิดว่าใช้ได้แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นมา ณัฐจึงได้เห็นใบหน้าเขาอย่างชัดเจน
ชายคนนั้นจัดได้ว่ามีรูปหน้าที่หล่อเหลาและคมเข้ม ทั้งรูปร่างนั้นก็สูงเพรียว หุ่นดี ไกล่กว้างสมชาย ต่างจากเขาที่ถึงแม้จะสูงพอประมาณ แต่ก็ออกจะผ่ายผอมไปสักหน่อย ดูด้วยตาแล้ว คนๆนี้คงจะเป็นที่นิยมของบรรดาสาวๆในคณะไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ติดอยู่ที่ท่าทางออกจะเย่อหยิ่งนิดๆเนี่ยสิ
ทั้งเสียงตะโกนเรียกชื่อ ทั้งเสียงกรี๊ดยังมีมาไม่ขาดสาย
แน่นอน หนึ่งในนั้นรวมถึงหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างเขาด้วย ‘แพร’ นั่นเอง
“ แพร...คนนั้นใครเหรอ ? ” ณัฐถามเพื่อนหญิงผู้ซึ่งพยายามชะเง้อคออย่างสุดกำลัง เพื่อที่จะได้มองเห็นด้านหน้าให้ชัดเจน
“ มือกีตาร์ใช่มั้ย ? ” แพรตอบโดยที่สายตายังไม่ละไปจากเวที เธอทายถูกทั้งๆที่เขายังไม่ได้ถามด้วยซ้ำ
ตอนนี้วงดนตรีเริ่มบรรเลงเพลงแล้ว เป็นท่วงทำนองเพลงร็อกสุดฮิตที่กำลังดังในตอนนี้ มือกีตาร์รุ่นพี่คนนั้นกำลังโซโล่กีตาร์ได้อย่างคล่องแคล่ว นิ้วที่แข็งแรงพริ้วไหวไปตามสายกีตาร์ ยิ่งสะกดคนดูให้จ้องมองไปที่ตัวเขาได้เป็นอย่างดี
“ นั่นน่ะ ชื่อ ‘พี่สน’ ”
“ เป็นรุ่นพี่ปีสาม ”
“ พี่เขา....เอ่อ....ดังมากเลยเหรอ ? ทำไมถึงพากันสนใจขนาดนั้น ”
แพรหันมามองหน้าเขาอย่างรวดเร็ว ทำตาโตอย่างกับไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
แล้วสาธยายอย่างรวดเร็วทันที
“ พี่สนน่ะนะ เป็นคนดังมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ”
“ คนอะไรไม่รู้ ทั้งหล่อ ทั้งรวย เรียนก็เก่ง แถมยังเป็นนักดนตรีอีกต่างหาก เท่สุดยอด เลยใช่มั้ย ? ” แพรอธิบายรวดเร็วแทบไม่ได้หายใจ
ณัฐได้แต่แปลกใจ “ แล้วแพรไปรู้จักเขาได้ไงเนี่ย ? แถมรู้ซะละเอียดขนาดนั้น ”
แพรหันมายิ้มกว้างอย่างภูมิใจ แล้วเริ่มต้นอธิบายร่าวยาวอีกครั้ง
“ พี่สนเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนเดียวกับแพรสมัยมัธยม ตอนนั้นก็ดังใช่ย่อยเลยนะ ถือได้ว่าเป็นเพอร์เฟคแมนชนิดที่เรียกได้ว่า หล่อครบสูตร ตัวจริงเลยล่ะ ดังถึงขนาดที่ว่ามีกลุ่มแฟนคลับรุ่นน้องด้วยนะ ”
“ และสมาชิกหนึ่งในนั้นก็มีแพรด้วยใช่มั้ย ? ” เขายิ้มล้อเลียนแพร
เขาคาดการณ์ได้ถูกต้อง เพราะแพรหันมายิ้มกว้างพร้อมกับพยักหน้าหงึกๆอย่างภาคภูมิใจ
ณัฐฟังแล้วได้แต่หันกลับมามองบุคคลที่พูดถึงบนเวทีอีกครั้ง แล้วลองคิดเล่นๆว่า
....สิ่งดีดีทุกอย่างจะมารวมกันที่คนๆเดียวขนาดนั้นเลยเหรอ ?
อะไรจะโชคดีปานนั้น...
“ แต่เสียอยู่อย่างเดียว... ” แพรเอ่ยขึ้นช้า ๆ ด้วยสีหน้าไม่เปื้อนยิ้มเหมือนเมื่อครู่ เรียกสติเขากลับมาจากภวังค์
“ อะไรเหรอ ? ”
“ พี่เขาออกจะ..เอ่อ...”
“ เจ้าชู้....ไปสักหน่อย ” แพรตอบด้วยเสียงที่แทบจะกระซิบ
นั่นไง ! เขาเดาไว้อยู่แล้วเชียว คนที่เพียบพร้อมทุกอย่างขนาดนั้นไม่มีหรอก ถ้าเจ้าชู้..แล้วจะยังเรียกว่าเพอร์เฟคได้ยังไงกัน แพรนี่ล่ะก็...
“ เห็นทีไร ควงสาวไม่ซ้ำหน้ากันเลย และเท่าที่เคยรู้นะ พี่เขาไม่เคยคบใครนานเกิน เอ่อ.. หนึ่งอาทิตย์เลย... ”
เขาประหลาดใจไม่น้อย..นั่นไม่ใช่เรื่องของพี่สน แต่กลับแปลกใจเพื่อนของเขาที่รู้ข้อมูลแน่นเกินคาด รู้แม้กระทั่งว่า ใครคบใครไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ ด้วยซ้ำ
เขาได้แต่นึกหัวเราะเพื่อนในใจ....เป็นสโตรกเกอร์ป่าวเนี่ย ? ความคลั่งไคล้ของพวกผู้หญิงนี่น่ากลัวจริงๆ สงสัยแพรคงจะชอบรุ่นพี่คนนี้มากเอาการ
แต่แล้ว...เขากลับลองนึกตามคำพูดเมื่อกี้อีกที.....คบใครได้ไม่เกินหนึ่งอาทิตย์
หนึ่งอาทิตย์งั้นเหรอ ??
ออกจะเป็นเวลาที่น้อยเกินไป ... น้อยมากเลยด้วยซ้ำ
แค่หนึ่งอาทิตย์...นั่นมันใช่ความรักแน่เหรอ ? หรือว่าแค่คบไปเรื่อยๆโดยที่ไม่ได้จริงจัง...แค่นั้นเอง
“ แต่แพรเข้าใจนะ คนหน้าตาดีก็งี้แหละ คงมีสาวๆเข้ามาหาเรื่อยๆแหละ จะให้ทำไงได้ล่ะ เนอะ ” แพรพูดเข้าข้าง
“ ก็งั้นๆแหละ ” มีเสียงแย้งขึ้นจากทางด้านหลัง คนที่ไม่รู้ว่าโผล่มาตั้งแต่ตอนไหน
เจ้าจัมโบ้นั่นเอง
“ หล่อ รวย แล้วไง เพอร์เฟค....แต่ไม่จริงใจ ไม่เห็นจะน่าชอบเลยสักนิด ” จัมโบ้กล่าวต่อ
แพรรีบแย้งจัมโบ้อย่างรวดเร็วอย่างกับเป็นรุ่นพี่เองยังไงอย่างงั้น
เขาฟังเพื่อนทั้งสองทะเลาะกันต่อ
คนหนึ่งก็ออกจะคลั่งไคล้ ดูคล้ายแนวสโตรกเกอร์
แต่อีกคนเหมือนจะออกแนวอิจฉาซะมากกว่า... ก็เล่นตรงข้ามกับมันซะทุกอย่างขนาดนั้น
เขาได้แต่ส่ายหัวนิดๆไปกับท่าทางของเพื่อนสุดซี้ทั้งคู่
แต่ถึงยังไง....สำหรับเขาแล้ว ก็ไม่เห็นต้องสนใจเลย
คนๆนี้ก็...ไม่เกี่ยวกับเขาสักหน่อย...
****************
ตอนนี้ทุกคนในห้องต่างร้องและกระโดดหรือโยกหัวตามจังหวะเพลง เสียงเพลงก็ดังกระหึ่มจนแทบพูดกันไม่รู้เรื่อง ณัฐภัทรหันซ้ายขวา ทุกคนดูจะสนุกสนานกันเต็มที่ มีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ เขารู้สึกอึดอัดจากการโดนเบียดทั้งซ้ายทั้งขวาเหลือเกิน เหงื่อก็พลันโทรมกายจากอุณหภูมิของฝูงชนที่เพิ่มขึ้น เขาเริ่มรู้สึกเวียนหัวขึ้นมานิดๆเสียแล้ว
ปกติแล้ว เขาไม่ค่อยชอบงานเลี้ยงฉลองสักเท่าไหร่ แล้วยิ่งเป็นสถานที่ที่มีคนเยอะมากมายขนาดนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เขาจึงตัดสินใจรีบเดินแทรกกายเบียดผู้คนออกมาทางด้านหลัง ตั้งใจว่าจะนั่งพักและล้างหน้าเสียหน่อย จึงมุ่งตรงไปยังห้องน้ำทันที
พอออกมาจากที่อึดอัดคับแคบนั้นแล้วก็รู้สึกดีขึ้น พาลให้รู้สึกว่าไม่อยากเข้าไปในงานอีก ทั้งๆที่เขารู้ดีว่าคงมีกิจกรรมอีกมากมายในค่ำคืนนี้รออยู่
ขณะที่เขากำลังล้างมือในห้องน้ำและคิดอะไรเพลินๆอยู่นั้น เจ้าจัมโบ้ก็เดินเข้ามาด้วยเนื้อตัวที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“ โห..ไปอาบน้ำมาเหรอ ? ” ณัฐเอ่ยทัก
“ เออ.. คนโคตรเบียดเลยว่ะ ร้อนก็ร้อน เลยจะออกมาล้างหน้าหน่อย ” เจ้าตัวอ้วนตอบพลางเช็ดเหงื่อ
“ รู้สึกอยากกลับแล้วว่ะ ต่อไปมีอะไรสำคัญรึเปล่า ถ้าไม่มีกลับกันเถอะ ” เขารีบเอ่ยชวน
เขารู้สึกอยากกลับจริงๆ ดูท่าแล้วงานคงยังไม่จบง่ายๆ แต่ถึงจะมีกิจกรรมอะไรรออยู่ แค่ขาดเขาไปสักคน คงไม่มีผลกระทบอะไรอยู่แล้ว สู้กลับไปอาบน้ำแล้วนอนบนเตียงฟังเพลงให้เคลิ้มหลับเล่นเสียยังจะดีกว่า
“ เฮ้ย ! จะกลับได้ไงวะ เพิ่งมาเอง อุตส่าห์แต่งตัวหล่อตั้งนาน อยู่ให้คุ้มหน่อยดิวะ ”
“ อีกอย่างนะ...แกยังกลับไม่ได้หรอก ”
“ ทำไมวะ ?! ” เขาถามด้วยความงุนงง มีเหตุผลที่จะกลับไม่ได้ด้วยเหรอ มันเป็นงานอิสระนี่นา...
“ ก็รายการต่อไป เป็นการประกวด ”
ประกวด..ประกวดอะไรก็ประกวดไปสิ ยิ่งไม่เกี่ยวกับเขาเข้าไปใหญ่
เขาก็ไม่ได้อยากอยู่รอเพื่อรู้ว่าใครจะได้ตำแหน่ง เพื่อที่จะได้เอาไปเม้าธ์กันในวันรุ่นขึ้นกับกลุ่มเพื่อนเสียหน่อย มันไม่ใช่วิสัยของเขาเลยสักนิด
“ ประกวด ‘หนุ่มหล่อ-สาวสวย’ เลยนะเว้ย ”
“ และที่ฉันบอกว่าแกยังกลับไม่ได้ เพราะฉันคิดว่า แกมีสิทธิ์ลุ้นอย่างแรงเลยว่ะ ” เพื่อนตัวอ้วนพูดพร้อมกับยักคิ้วให้เขาหนึ่งที
เฮ้อ...นึกว่าอะไร...
เขาไม่เคยใส่ใจเรื่องพรรค์นี้ด้วยซ้ำ
“ คงไม่มีหรอก กลับกันเถอะ ” เขาพูดพลางไปหยิบกระดาษมาเช็ดมือ
“ ไม่ได้ ! ถึงแกจะไม่ได้เข้าประกวด แต่ฉันก็จะรอดู ‘สาวสวย’ อยู่ดี เพราะฉะนั้น แกห้ามกลับ ” ไอ้จัมโบ้ ขู่เขาหนึ่งทีแล้วเดินออกจากห้องน้ำไป ทิ้งให้เขายืนเซ็งอยู่คนเดียว
เฮ้อ...น่าเบื่อชะมัด
..ถ้ากลับก่อนแล้วอย่ามาโกรธละกัน..
ขณะที่กำลังยืนสำรวจตัวเองที่หน้ากระจก ทันใดนั้นประตูห้องน้ำทางด้านหลังก็เปิดออก พร้อมกับที่ใครคนหนึ่งเดินออกมายังอ่างล้างมือตรงตำแหน่งข้างเขา
เขาจำใบหน้านี้ได้....ใบหน้าที่เห็นบนเวทีเมื่อครู่
‘พี่สน’ นั่นเอง !!
ณัฐภัทร พยายามแอบเหลือบมองร่างสูงนั้นผ่านกระจกกั้น
เขาพิจารณาใบหน้านั้นอีกครั้ง ... ในตำแหน่งที่อยู่ใกล้กว่าก่อนหน้านี้มาก
เออว่ะ..หล่อจริง ยอมรับ !
‘ไปเป็นดาราได้เลยนะเนี่ย !’ เขาได้แต่คิดในใจ....
เพื่อนในโรงเรียนเขาบางคนตอนที่อยู่กรุงเทพ ก็โดนแมวมองทาบทามไปเป็นดารากันหลายคน ทั้งที่คิดว่าหล่อไม่เท่าคนข้างๆเลยด้วยซ้ำ อยากให้แมวมองพวกนั้นมาเห็นรุ่นพี่คนนี้บ้างจัง ถ้าไปเป็นดาราหรือนายแบบ คงจะดังใช่เล่น
เฮ้อ..คนอะไร น่าอิจฉาชะมัด
ถ้าเราหุ่นแมนๆ หน้าแมนๆ แบบนี้บ้างก็ดีสินะ...
“ งานน่าเบื่อขนาดนั้นเลยเหรอ ? ” เสียงทุ้มหนึ่งเอ่ยขึ้นจากทางด้านข้างตัวเขา
“..............”
เอ๋...??
พูดกับเขาอยู่งั้นเหรอ ??
ตอนนี้รุ่นพี่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยซ้ำ
แต่ในห้องน้ำนี้ก็ไม่มีใครนี่นา มีแต่เขากับรุ่นพี่...แค่สองคน
หรือว่าคุยโทรศัพท์...
เอ..ไม่น่าจะใช่
“..........”
ณัฐทำตัวไม่ถูก เพราะไม่แน่ใจว่าฝ่ายนั้นคุยกับเขาหรือไม่
ตอนนี้เขาจึงได้แต่ยืนนิ่งเงียบ เพราะไม่รู้จะทำอะไรได้ดีกว่านี้แล้ว
เมื่อณัฐไม่พูดอะไร ร่างสูงนั้นจึงหันมามองหน้าเขาตรงๆ แล้วณัฐก็ได้สบตากับฝ่ายนั้นอย่างจัง
“ พี่ถามว่า...งานน่าเบื่อขนาดนั้นเลยเหรอ ? ” เสียงทุ้มถามซ้ำอีกครั้งพร้อมกับหันมามองหน้าเขา
...ถามเราจริงๆด้วย...
“ ก็..ไม่...นี่ครับ ” เขาตอบอย่างละล่ำละลัก
ร่างสูงแค่นยิ้มแล้วหันไปพิจารณาใบหน้าของตนในกระจกแทน
“ แล้วทำไมตอนดูคอนเสิร์ตถึงยืนนิ่งยังกับต้นไม้ตาย พวกพี่เล่นกันไม่มันส์เหรอ ? ”
ปกติเขาไม่ใช่พวกชอบงานสังสรรค์อะไรพวกนี้อยู่แล้ว ถ้าจะให้เต้นๆโยกๆอย่างที่คนอื่นเขาทำกันคงไม่มีวันซะหรอก ในบรรดากลุ่มคนที่จอแจนั้น เรียกได้ว่าเต้นกันแทบจะเป็นคลื่นเลยทีเดียว หรือเพราะเขายืนนิ่งๆเลยทำให้เป็นจุดเด่นงั้นเหรอ ?
อีกอย่าง เขายืนเฉยๆคนเดียวซะเมื่อไหร่กัน คนตั้งเยอะ ระยะก็ไกลขนาดนั้น...มองเห็นได้ไง
“ พี่เห็นผม....ด้วยเหรอครับ... ? ”
“ ........... ”
“ แต่ผม...ไม่ได้ยืนนิ่งเป็นต้นไม้ตายซะหน่อย... ” ณัฐพูดพร้อมกับหลุบตาต่ำ
“ ........... ”
อยู่ดีๆก็มาว่ากันว่าเป็น ต้นไม้ตาย ซะงั้น
นี่เป็นการทักทายตามปกติของคนที่ ‘ไม่รู้จักกัน’ งั้นเหรอ ?
แปลกคน...
ร่างสูงหัวเราะ แล้วหันมามองหน้าเขาอีกครั้ง...แต่....ในระยะที่ใกล้กว่าเดิมมาก
พึ่งสังเกตดีดีว่ารุ่นพี่ตัวสูงกว่าเขาพอสมควร ศีรษะเขาเทียบเท่าแค่ใบหูของพี่สน จากมุมนี้ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังโดนต้อนยังไงชอบกล
..........
..........
ในขณะเดียวกัน...
‘สน’...พยายามพิจารณาใบหน้าของร่างเพรียวที่อยู่ตรงข้าม
คนๆนี้...เป็นรุ่นน้องปีหนึ่งงั้นเหรอ ?
ผู้ชายอะไร...หน้าสวยกว่าผู้หญิงอีก !
ยิ่งดูใกล้ๆ...........ยิ่งสวยแฮะ
...ตาก็กลมโตสีดำ จมูกโด่งได้รูป ผิวก็ขาวเนียนละเอียดยิ่งกว่าผิวผู้หญิง
แต่ว่า...ปากเล็กอมชมพูที่เผยอน้อยๆนี่...มันน่า..................
‘เฮ้อ...ไม่น่าเป็นผู้ชายเลย’.... เขาได้แต่คิดกับตัวเองในใจ
.............
.............
ฝ่ายณัฐภัทรนั้น กำลังรู้สึกกระอักกระอ่วนเต็มที่
นี่ไม่พอใจเขารึเปล่า ? ทำไมต้องจ้องเอาๆอย่างนี้ด้วยนะ
...อึดอัดจัง...
“ พี่ว่า...น้องเข้าไปในงานต่อเถอะ ” ในที่สุดร่างสูงก็เอ่ยคำ หลังจากสลัดความคิดที่ฟุ้งซ่านออกไป
“ ............. ”
“ เพราะน้องน่าจะติดอันดับ ...”
“ ............. ”
“ แต่เป็นอันดับของ.. ”
“ ‘สาวสวย’..นะ ” ร่างสูงหัวเราะร่วนพร้อมกับเดินจากไปอย่างสบายใจ ทิ้งให้คนเบื้องหลังได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น
“ ............ ”
หา !
พี่คนนี้นี่มัน....
กวนโมโหชะมัด
****************
ความคิดเห็น