คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : การประลอง สาย2 ณ บ้านกระจกเงา
บ้านกระจกเงาที่ดูซับซ้อนราวกับเขาวงกต ผู้ใดที่หลงเข้าไปจะหาทางออกได้ยาก
กระจกจะสลับเปลี่ยนหมุนไปเรื่อย ๆ ยากแก้การคาดเดา
ตั้งสติ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น!
ข้าล่ะ...ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าเหตุใดท่านเฟย์ย่าจึงให้้ข้ามาเข้าสายนี่ ถ้าเป็นสาย1ล่ะก็...ดีกว่าตั้งเยอะ นางไม่รู้เลยหรืออย่างไรว่าข้ารักป่ามากแค่ไหน แต่อย่างไรก็ดี...ข้าก็ต้องมาแข่งที่นี้ "บ้านกระจกเงา" ช่างดูท้าทายสำหรับข้าเสียเหลือเกิน
ร่างเล็กยืนอยู่หน้าประตูบ้านบานใหญ่ด้วยท่าทีลังเล อันที่จริงมันสมควรจะถูกเรียกว่าคฤหาสถ์เสียมากกว่าหรือบางทีอาจจะเป็นปราสาทเลยก็ว่าได้ ในเมื่อประตูบานใหญ่ตรงหน้าของเด็กสาวนี้สูงกว่าเธอ2เท่าตัวได้
ดวงตาสีรัตติกาลฉายแววประกายด้วยความใคร่รู้แต่หากสังเกตลึกเข้าไปมันกลับมีความกลัวแฝงไว้อยู่ เด็กสาวไม่รู้เลยว่าจะมีสิ่งใดซ่อนอยู่หลังประตูบานใหญ่นี้ แต่หากใคร่ที่จะรู้คงหนีไม่พ้นที่จะต้องเปิดประตูนี้เสียที
ไมยาเรส ซาวาเรสพยายามใช้ร่างอันบอบบางของเธอผลักประตูบานใหญ่หวังให้มันเคลื่อน มันช่างหนักและฝืดเสียจริงๆ เธอดันบานประตูด้วยแรงที่มีแทบทั้งหมด แน่นอนว่าหากเธอออกแรงมากกว่านี้ เธอคงจะไม่มีแรงเอาชนะบางสิ่งเบื้องหลังประตูไปได้แน่ และในที่สุดประตูก็เลื่อนเปิดออก แรงที่เดิมใช้มากเสียเหลือเกินกลับใช้เพียงแค่ฝ่ามือเดียวผลักได้อย่างง่ายดาย
ประตูเปิดเผยให้เห็นเพียงแสงสว่างร่ำไรจากเทียนที่ปักอยู่ในเชิงเทียนติดเป็นแนวกับกำแพงหินตามทาง มันช่างเงียบและมืดเสียยิ่งกว่ายามราตรีกาลเสียอีก
ว้าว...ดูน่าสนใจดี ช่างท้าทายข้าเสียเหลือเกิน ข้าแต่เทพีอาร์เทมีส ขอได้โปรดช่วยจุดแสงสว่างให้แก่ปัญหาที่ข้าจะต้องเจอ เฉกเช่นที่ท่านให้แสงจันทร์แก่เหล่านักเดินทางในยามราตรีด้วยเถิด
เด็กสาวรวบรวมสมาธิไว้สักพักก่อนจะเลื่อนมือไปจับหัวใจราวกับว่าพยายามหยุดไม่ให้มันเต้นเร็วจากความกลัว เมื่อเริ่มรู้สึกว่าหัวใจเต้นช้าลงกลับเป็นจังหวะที่ปกติ เธอก็สูดหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่เท้าขวาจะยกข้ามธรณีประตูไปตามด้วยเท้าซ้ายที่ก้าวเข้าไปตามด้วยความลังเล
เพียงแค่ปลายเท้าซ้ายสัมผัสพื้นหินขัด พลันจิตสังหารจากบางสิ่งก็ส่งผ่านร่างบางจนมัันเผลอสั่นสะท้ายด้วยความกลัว ใบหน้าอ่อนเยาว์เผลอเปลี่ยนเป็นสีซีด
ข้าขอหวัง...แม้จะรู้ว่ามันแทบจะไม่มีความเป็นไปได้เลย ข้าหวังให้การประลองครั้งนี้จะไม่มีชีวิตใดที่จะต้องบาดเจ็บหรือถึงฆาตเลย ข้าหวังให้เป็นอย่างนั้น
ตอนนี้ประตูเบื้องหลังของเธอเลือนหายไปกลายเป็นผนังหินดังเช่นผนังด้านอื่นๆราวกับว่าที่ตรงนั้นไ่ม่เคยมีประตูมาก่อน เด็กสาวรู้สึกถึงความเงียบ...เงียบอย่างที่ไม่เคยได้สัมผัสที่ไหนมาก่อน มีเพียงแค่เสียงลมหายใจของเธอที่ฟังดูถี่มากขึ้นทุกที
เด็กสาวเดินเรื่อยไปตามทางวงกตได้เพียงไม่กี่ก้าวเธอก็พบว่าผนังด้านข้างมิใช่หินหยาบอย่างที่เคยเห็นอีกต่อไป รอบข้างของเธอเป็นกระจกที่ตอนนี้สะท้อนเงาของเธอไปแทบทุกบาน มองๆไปเธอก็เริ่มตาลายแล้วเหมือนกัน
มันช่างดูน่ากลัวเหลือเกิน...หากกระจกยังคงฉายเงาของข้าอยู่มากมายเช่นนี้ อีกไม่นานข้าคงจะต้องเกิดความระแวงสิ่งรอบข้างเป็นแน่ นี่สิน่ะ...คือความท้าทายที่สุดของสถานที่แห่งนี้
ความระแวงสิ่งที่มนุษย์ทุกคนจะต้องเผชิญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่อ้างว้างวังเวงไร้ซึ่งมิตรร่วมเดินทางเยี่ยงนี้ ข้าไม่เคยได้สัมผัสมันอย่างเต็มที่สักที ครานี้คงถึงเวลาที่ข้าจะต้องให้มันเข้ามาสัมผัสในหัวใจและความรู้สึกข้าเสียแล้ว
ยามที่มองไปรอบกาย ดวงตาสีดำราวรัตติกาลต้องหันไปสบกับสายตาตนเองอยู่ร่ำไป บางครั้งเธอถึงกับรู้สึกว่าเงาในกระจกแสยะยิ้มให้เธอดูน่านะพรึงกลัว บางครั้งเธอก็รู้สึกเหมือนว่าเงาในกระจกกำลังหัวเราะเธอแล้วเธอยังรู้สึกว่าเธอได้ยินเสียงมันด้วยสถานที่นี้ไม่ใช่ที่ที่เธอหลงใหลเลยแม้แต่น้อย เด็กสาวพยายามรวบรวมสติทั้งหมดจดจ่ออยู่กับทางที่จะเดินไป แต่สุดท้ายมันก็อดไม่ได้ที่จะเผลอไปสบตาตัวเองในกระจก
นอกจากเงาที่ทำให้เธอต้องระแวงอยู่ตลอดเวลาแล้วยังจะมีศัตรูที่เป็นเพื่อนในโรงละครที่จะต้องคอยระวังไม่ให้มาทำร้ายแล้วยังทางที่เป็นเขาวงกตเช่นนี้ เวลานี้เป็นเวลาที่อาจจะเรียกได้ว่าย่ำแย่ที่สุดในชีวิต
ด้วยความระแวงที่เกิดขึ้น ทำให้ไมยาเรสดึงปิ่นปักผมออกผมสีดำยาวคลายออกทันที มันน่าวางใจมากกว่าหากมีอาวุธคู่กายเช่นนี้ ทันใดนั้น เสียงบางอย่างดังขึ้นจนเด็กสาวสะดุ้งสุดตัวดวงตาที่หวาดระแวงกลับดูผ่อนคลายอย่างน่าประหลาด อย่างน้อยตอนนี้เธอก็รับรู้ได้ถึงใครบางคนที่กำลังติดอยู่ในความหวาดระแวงเช่นเธอ แม้ว่าคนผู้นั้นอาจเป็นคู่ประลองของเธอก็ตาม
เด็กสาวพยายามเดินไปทางต้นกำเนิดเสียง ถึงแม้มันอาจจะดูไร้ประโยชน์ก็ตาม
เธอเดินเลียบไปตามบานกระจก มือขวากำปิ่นปักผมไว้แน่น เดินไปได้ไม่นานสักพักบางอย่างก็ลอยเฉียดหัวเธอไปกระทบกับกระจกบานที่อยู่ข้างหลัง "เพล้ง"
เด็กสาวหันไปมองสภาพกระจกที่แตกยับเยิน บางสิ่งบางอย่างผุดเข้ามาในหัวพลันรอยยิ้มบางๆก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ขอบคุณท่านมากเทพีอาร์เทมีสที่ได้ชี้ทางสว่างให้แก่ข้า ขอบคุณผู้ที่โยนก้อนหินก้อนเมื่อครู่มา ข้าขอบคุณจริงๆ
"เพล้งๆๆๆ" เสียงกระจกแตกดังก้องไปทั่วบริเวณ ไมยาเรสใช้ปิ่นมุกทุบลงบนกระจกบานแล้วบานเล่า หากไม่มีอะไรผิดพลาดมันคงจะไม่คืนรูปอย่างรวดเร็วน่ะ เด็กสาวคิดในใจ เศษกระจกกองเกลื่อนกลาดไปตามทางที่เธอผ่านมา
แต่มันคงจะเกิดความผิดพลาดจริงๆเสียแล้ว เมื่อผ่านไปได้เพียงนาทีเศษกระจกที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นก็ลอยขึ้นมาก่อนจะประกอบขึ้นเป็นบานกระจกเฉกเช่นเดิม เด็กสาวคลายยิ้มทันทีเมื่อรับรู้ถึงเวทที่ถูกเสกลงบนกระจก
ไม่สิ...มันจะเป็นเช่นนี้ไม่ได้ หากเป็นเช่นนี้แล้วข้าจะทำเยี่ยงไรเล่า ตาสีดำตอนนี้คลอไปด้วยหยดน้ำใสๆ ซึ่งแสดงถึงความท้อใจที่เกิดขึ้นในตัวเธอ พลันตาคู่นั้นกลับแข็งกร้าวขึ้น หากข้าท้อ ข้าจะตายอยู่ในนี้เป็นแน่ ข้าจะต้องเชื่อมัน ศรัทธาในตัวเองสิมันถึงจะถูกต้อง มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้าออก ก่อนจะเริ่มต้นก้าวไปข้างหน้าด้วยจิตใจที่เข้มแข็งกว่าเดิม
ระหว่างทางที่เดินไป เด็กสาวครุ่นคิดถึงวิธีที่จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้ ความคิดบดบังความหวาดระแวงไปจนหมดสิ้น ตอนนี้ร่างของเธอเดินไปข้างหน้าอย่างไม่รู้สึกตัว สติของเธอตั้งมั่นอยู่กับวิธีที่จะเอาชนะสถานที่แห่งนี้ได้
จริงสิ...ถ้าใช้วิธีนี้น่าจะใช้ได้น่ะ เด็กสาวหันไปหาบานกระจกข้างตัวก่อนที่จะใช้ปิ่นทุบมันจนแตกละเอียดดังเช่นที่ผ่านมา เธอก้มลงหยิบเศษกระจกชิ้นใหญ่ชิ้นหนึ่งขึ้นมาก่อนที่จะทุบให้แตกละเอียดจนกลายเป็นผุยผง เธอหยิบผงจากเศษกระจกนั้นขึ้นมาก่อนจะหยิบถุงผ้าที่เหน็บไว้ข้างกายออกมา บรรจงแกะด้ายที่ปิดปากถุงก่อนจะใส่เศษกระจกที่ตอนนี้เป็นผงละเอียด เธอทำเช่นนี้เรื่อยไปกับกระจกทุกบาน เด็กสาวหันไปมองบานกระจกที่เธอทุบทำลาย มันกลับเป็นบานกระจกเช่นเดิมอย่างที่คาดการณ์ไว้ เสียแต่ว่า...ไมยาเรสเปิดถุงผ้าข้างตัวมาดูก่อนจะมีรอยยิ้มละไมปรากฏขึ้น เศษกระจกเหล่านี้สิมันไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิม
เด็กสาวยิ้มอย่างสุขใจให้กับตนเอง คราวนี้ข้าก็สามารถหาทางออกไปได้โดยไม่เดินซ้ำทางเดิมแล้วและอีกอย่าง...ข้าก็มีเศษกระจกไว้ไปผสมกับผงพิษแล้ว
ไม่นานนักเธอก็สัมผัสได้ถึงไออุ่นที่แพร่ซ่านผ่านตัวเธอ แสงสว่างร่ำไรของเทียนเริ่มกลืนหายไปกับแสงที่มีความสว่างมากกว่า เด็กสาวรีบสาวเท้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้วที่จะต้องทุบกระจกทั้งๆที่เจอทางออกและมีเศษกระจกมากพอที่จะใส่ในถุงผ้าใบเล็ก
"มาแล้วหรือ ไมยาเรส ซาวาเรส แห่งโรงละครสัตว์พฤกษา" เสียงใสของท่านเฟย์ย่าดังขึ้นเบื้องหน้าเธอ เด็กสาวพยักหน้าตอบรับด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินเลี่ยงไปให้ไกลจากบ้านกระจกเงา เสียงพูดขึ้นเบาๆดังเล็ดลอดมาจากด้านหลังน้ำเสียงที่ได้ยินดูจะล้อเล่นมากกว่าปนโกรธแต่ก็อดไม่ได้ที่จะเผลอสะดุ้งด้วยความตกใจ"แล้วเรื่องกระจกของข้าล่ะ เจ้าเอาไปเยี่ยงนี้ สงสัยข้าคงต้องสั่งเปลี่ยนกระจกทุกบานในนั้นแน่เลย"
ไมยาเรสหันมายิ้มแหยๆให้ท่านเฟย์ย่า "ถ้าอย่างนั้นข้าจะช่วยออกค่ากระจกให้ แต่ข้าขอเศษกระจกนี้สำหรับความระแวงที่ข้าต้องเผชิญนะค่ะ"
เด็กสาวหันหลังกลับ เธอแน่ใจได้ว่าหัวหน้าโรงละครคงไม่โกรธเคืองเธอแน่ พลันสายตาบังเอิญไปเห็นเงาของใครบางคนที่อยู่แถวๆนั้น ได้แต่ว่าในใจว่าคนผู้นั้นคงไม่ใช่...เรย์วีน่า เดอ ริชเชส คู่ประลองของเธอ
ความคิดเห็น