คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ไม่แต่งกับผู้ชาย
ตอนที่
1
พาฝันกับฝันร้าย
ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
กลางดึกของคืนวันศุกร์ ฝันหรือ ‘พาฝัน’ เธอพาแม่ของเธอมาที่โรงพยาบาลเนื่องจากอยู่ ๆ แย้ม ‘จารีย์’ แม่ของเธอก็มีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงจนไม่มีเรี่ยวแรงแม้จะลุกขึ้นเดิน พาฝันจึงโทรเรียกรถพยาบาลให้มารับแม่เธอไปที่โรงพยาบาล
เมื่อเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงคุณหมอก็เดินมาบอกกับพาฝันว่าแม่ของเธอป่วยเป็นโรคหลอดเลือดในสมองซึ่งเป็นโรคที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างเยอะและต้องดูแลอย่างใกล้ชิด โรคนี้มีโอกาสเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้และที่โชคร้ายกว่านั้นคือถึงแก่ชีวิตถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
“หนูคือญาติของคุณจารีย์ใช่มั้ย” คุณหมอเดินมาพูดกับพาฝันด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล
“ใช่ค่ะ คุณหมอหนูคือลูกสาวค่ะ” พาฝันมองไปที่ใบหน้าของคุณหมอก็รับรู้ได้ทันทีว่าอาการของแม่เธอน่าจะไม่ดี
คุณหมอได้เล่าอาการของแม่ให้เธอฟังพร้อมกับเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับโรคนี้พร้อมบอกเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายว่าต้องใช้เงินมากพอสมควร
“ค่ะ คุณหมอขอบคุณนะคะ” พาฝันยกมือไหว้คุณหมอก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้พร้อมกับร้องไห้ออกมาคนเดียว เธอเป็นกังวลว่าเธอจะหาเงินที่ไหนมารักษาแม่ของเธอ เงินตั้งมากมายอย่างนั้น
“แม่จ๋าหนูจะทำยังไงต่อไป” พาฝันเด็กสาวอายุเพียง 21 ปี กับภาระที่มีอยู่ตอนนี้มันก็มากเกินตัวของเธออยู่แล้ว
“แต่ยังไงหนูก็จะต้องสู้และทำให้ดีที่สุด” พาฝันพยายามรวบรวมกำลังกายกำลังใจทั้งหมดของเธอที่มีอยู่เพื่อสู้ต่อไปเพื่อแม่ของเธอ
พาฝันเดินเข้าไปในห้องที่แม่นอนอยู่ซึ่งเป็นห้องรวมของดรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง แม่ของเธอนอนหลับสนิท เมื่อพาฝันเดินไปเห็นใบหน้าของจารีย์แม่ของเธอ เธอแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ มันเป็นน้ำตาแห่งความรักความห่วงใยที่เธอมีต่อแม่ของเธอ
พาฝันเธอสู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็กด้วยความจนทำให้เธอต้องทำงานช่วยแม่ เธอไม่มีเวลาไปเล่นกับเพื่อน ๆ เธอต้องทำงานช่วยแม่ทุกวันหลังเลิกเรียน เสาร์-อาทิตย์หรือปิดเทอมเธอก็ต้องช่วยแม่ทำงานเพราะครอบครัวของเธอมีแค่สองคนพ่อของเธอทิ้งเธอกับแม่ไปตั้งแต่เธอยังไม่ได้ลืมตาดูโลกจนตอนนี้เธอเรียนอยู่ปี 3 อีกหนึ่งปีเธอก็จะเรียนจบอยู่แล้วแต่โชคชะตาก็เล่นตลกกับเธอ แม่ของเธอมาป่วยอย่างกะทันหัน ทุกวันนี้เธอแทบจะไม่มีเวลาพักอยู่แล้วเพราะหลังเลิกเรียนเธอก็ต้องทำงานที่ร้านกาแฟเพื่อหาเงินมาเรียนมาจุนเจือครอบครัวแต่โชคดีที่เธอเป็นเด็กทุนจึงไม่ได้เสียค่าเทอมแต่ค่าใช้จ่ายอย่างอื่นก็มีมากจนเธอหาเงินแทบไม่ทันอยู่แล้ว เธอต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมาขายน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋กับแม่ที่หน้าบ้าน เธอต้องนอนดึกตื่นเช้าอย่างนี้ตั้งแต่เด็ก ๆ ชีวิตของเธอช่างน่าสงสารเหลือเกิน
ณ มหาวิทยาลัย
“ฝันคุณแม่ของเธอเป็นยังไงบ้าง เมื่อคืนฉันเห็นเธอโพสต์” กรชวัล ‘กลอยใจ’ เพื่อนของเธอถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ค่อยดีเท่าไรเลยแกแม่ฉันป่วยต้องใช้เงินรักษาแม่จำนวนมาก ฉันกังวลมากไม่รู้จะหาเงินจากไหนมากมายขนาดนั้น ตอนนี้แม่ก็นอนอยู่โรงพยาบาล เมื่อคืนฉันเฝ้าแม่ถึงตีสองจึงขอแม่กลับบ้านมาทำของขายตอนเช้าส่วนแม่ก็ฝากพี่พยาบาลให้ช่วยดูให้” พาฝันพูดออกมาทำให้กรชวัลถึงกับน้ำตาไหลเพราะความน่าสงสารของเธอ
“ให้ฉันช่วยมั้ยพาฝัน ยืมเงินฉันก่อนมั้ย” กรชวัลพยายามเสนอให้พาฝันเพื่อที่เธอจะได้ไม่เหนื่อยมากเกินไป
“ไม่ได้หรอกกลอยใจที่ฉันยืมแกมามันก็มากจนฉันจะหามาใช้แกไม่หมดอยู่แล้ว ขืนฉันทำอย่างนั้นต่อมีหวังฉันเป็นหนี้แกหัวโต หามาจ่ายไม่ได้แน่นอน ยังไงก็ขอบใจนะที่พยายามช่วยฉันมาตลอดแต่ครั้งนี้ฉันคงไม่กล้ารบกวนแกอีกแล้วล่ะ” พาฝันพูดด้วยสีหน้าที่ดูเหนื่อย ๆ อาจเป็นเพราะเธอแทบไม่ได้นอนและอีกอย่างเธอคิดมากเรื่องแม่เพราะนอกจากแม่เธอก็ไม่มีใครอีกแล้ว
“ถ้าไม่ไหวยังไงอย่าลืมว่ายังมีฉันกลอยใจเพื่อนที่รักแก คนนี้นะ” กรชวัลพูดพร้อมกับดึงพาฝันเข้ามากอด ทั้งสองเป็นเพื่อนกันตอนปีหนึ่งเพราะทั้งสองอยู่สายรหัสเดียวด้วยความที่มีนิสัยคล้าย ๆ กันทำให้ทั้งสองสนิทกันอย่างรวดเร็ว
“ขอบใจนะกลอยใจ ฉันคงต้องหาอะไรทำเพิ่มจะได้มีรายได้เพิ่มขึ้นอีก” พาฝันพูดพร้อมกับนั่งเหม่อ ๆ กรชวัลเห็นแล้วก็อดสงสารเธอไม่ได้จึงชวนเธอไปหาอะไรทานหวาน ๆ เย็นพอที่จะทำให้พาฝันสดชื่นขึ้นมาบ้าง
“เราไปหาอะไรเย็น ๆ ทานกันดีมั้ยพาฝันเดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง” กรชวัลพูดพร้อมกับจูงมือเพื่อนไปที่ร้านกาแฟภายในมหาวิทยาลัย
เมื่อทั้งสองไปถึงร้านกาแฟพาฝันก็ต้องหัวใจเต้นรัวและสดชื่นมีความหวังในชีวิตขึ้นมาทันทีเมื่อเธอได้พบกับ ด้าย ‘ภาวิดา’ หญิงสาวรุ่นพี่หน้าตาดีที่เธอแอบมองมาตั้งแต่เธออยู่ปีหนึ่งแต่ก็ยังไม่กล้าบอกว่าชอบ พาฝันคิดว่าแค่ได้แอบรักก็ดีแล้ว
“นั่นไงสดชื่นขึ้นมาเลยนะพาฝัน” กรชวัลหัวเราะออกมาเพราะเธอรู้ใจเพื่อนของเธอว่าแอบชอบภาวิดามาตั้งแต่ปีหนึ่งจนตอนนี้รุ่นพี่คน แอบมองอยู่อย่างนั้น
“กลอยใจอย่าพูดเสียงดังไปเดี๋ยวพี่ด้ายได้ยินมีหวังฉันต้องมุดดินหนีแน่เลย” พาฝันที่แอบชอบภาวิดาแต่ก็กลัวอีกฝ่ายรู้ว่าชอบ
“ไม่เห็นต้องกลัวเลยชอบพี่เขาก็บอกไปตรง ๆ เถอะเดี๋ยวพี่เขาก็เรียนจบแล้วนะ” กรชวัลบอกกับเพื่อนของเธอก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะใกล้ ๆ ภาวิดา ทำให้พาฝันหัวใจเต้นแรงแทบจะไม่กล้าขยับตัวเดินผ่านไป
ภาวิดามองเห็นพาฝันก็จำได้ว่าน้องคนที่ทำงานที่ร้านกาแฟเธอก็ยิ้มให้อย่างเป็นกันเองแต่รอยยิ้มนั้นกลับทำให้หัวใจของพาฝันเต้นแรงยิ่งกว่าเดิมไปอีก พาฝันยิ้มตอบก่อนจะเดินให้เร็วที่สุดเพื่อผ่านโต๊ะของภาวิดาแต่ยิ่งเธอรีบก็เหมือนมันช้าลงอย่างไรไม่รู้
ตอนที่
2
ไม่แต่งกับผู้ชาย
ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
ปาลิกา ‘น้ำขิง’ ถูกบังคับให้มาดูตัวผู้ชายที่เธอต้องแต่งงานด้วยเป็นรอบที่เท่าไรไม่รู้เพราะตั้งแต่เรียนจบเธอก็โดนบังคับให้แต่งงานกับผู้ชายที่แม่ของเธอหามา แต่ปาลิกาก็ปฏิเสธทุกครั้งและหลีกเลี่ยงที่จะมาดูตัวผู้ชายพวกนั้น ไม่ใช่ว่าผู้ชายพวกนั้นไม่หล่อหรือไม่ดีหรอกนะเพียงแต่ว่าเธอไม่ชอบผู้ชายก็เท่านั้นเอง
“ขิงนี่พี่ กีรติ หรือพี่ ‘อาร์ต’ ผู้ชายที่แม่หามาให้ดูแลหนู สวัสดีพี่เขาสิลูก” พิมพา ‘พิมพ์’ บอกกับลูกสาวของเธอให้ทักทายชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งที่ปาลิกาไม่เคยรู้จักมาก่อน
“สวัสดีค่ะ แม่ค่ะหนูเคยบอกแม่แล้วไงคะว่าหนูชอบผู้หญิง หนูจะแต่งงานกับผู้หญิงหนูไม่แต่งงานกับผู้ชายแม่จำไม่ได้หรือไงคะ” ปาลิกาพูดพร้อมกับทำท่าจะลุกเดินหนีไป
“นั่งลงเดี๋ยวนี้เลยนะน้ำขิงแกจะมาทำนิสัยเสียต่อหน้าแขกของแม่อย่างนี้ไม่ได้นะ แกนั่งเดี๋ยวนี้ได้ยินที่ฉันบอกมั้ย” พิมพาสั่งปาลิกาให้นั่งลงแต่มีหรือคนอย่างเธอจะฟัง ปาลิกาเดินออกไปจากตรงนั้นโดยไม่ฟังเสียงที่แม่เรียก
“นี่แกกลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะ น้ำขิง แกนี่มันไม่รักดีจริง ๆ เลยนะ” พิมพาได้แต่กุมขมับเมื่อลูกสาวของเธอไม่ได้ดั่งใจที่เธอหวัง
ปาลิกาเดินออกจากร้านด้วยอารมณ์ที่ไม่ดีเท่าไร เธอรู้สึกเบื่อหน่ายที่ต้องมาเจอเหตุการณ์อย่างนี้ตั้งแต่เธอเรียนจบ เธอไม่เคยอยากแต่งงานกับผู้ชายแม้แต่ครั้งเดียว เธออยากแต่งงานกับผู้หญิงแต่ผู้หญิงที่ปาลิกาอยากแต่งงานตอนนี้เธอไปเรียนต่อที่ต่างประเทศอีกสามปีเธอถึงจะเรียนจบทำให้เธอยังไม่สามารถแต่งงานกันได้
ปาลิกามีแฟนสาวชื่อว่า อติมา ‘โอลีฟ’ ทั้งสองคบหาดูใจกันตั้งแต่อติมาเรียนอยู่ปี 2 จนตอนนี้อติมากำลังเรียนปริญญาโทที่ต่างประเทศ ปาลิกาตั้งใจที่จะแต่งงานกับอติมาแต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้มันยังไม่สามารถที่จะทำอย่างนั้นได้ แต่เธอก้รำคาญแม่ที่ชอบหาผู้ชายมาให้เธออยู่ไม่เว้น
“พี่ขิงทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะคะ ใครทำอะไรให้ท่านประธานน้ำขิงไม่พอใจอีกล่ะเนี่ย” กรชวัลที่กลับจากมหาวิทยาลัยแล้วเห็นพี่สาวกำลังนั่งทำหน้าหงิกหน้างอเป็นปลาทูแม่กลองอยู่คนเดียว
“ก็จะใครล่ะ ก็แม่ของแกไง ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะเลิกยุ่งเรื่องหาผู้ชายมาให้พี่แต่งงานด้วยสักที” ปาลิกาพูดพร้อมกับใช้มือกุมศีรษะไว้ราวกับว่าเธอปวดหัวอย่างรุนแรง
“แล้วทำไมพี่ไม่แต่งงานกับแฟนพี่ล่ะคะ” กรชวัลช่วยพี่สาวของเธอคิดหาทางออก
“ถ้าพี่แต่งวันนี้พี่แต่งแล้ว ก็เพราะแต่งไม่ได้นี่ไง พี่โอลีฟอยากเรียนให้จบโทก่อนค่อยแต่งซึ่งพี่ก็เห็นด้วยนะ แต่แม่สิไม่รู้อะไรนักหนาพี่เบื่อจนจะทนไม่ไหวแล้วเนี่ย” ปาลิกาพูดพร้อมกับเอนตัวพิงโซฟาอย่างหมดเรี่ยวแรงที่จะคิดต่อไป
“ถ้าเป็นอย่างนั้น พี่ก็หาคนมาแต่งงานด้วยสิคะ พี่ก็แค่จ้างใครก็ได้มาแต่งงานด้วยไปก่อนเพื่อที่แม่จะได้เลิกยุ่งกับชีวิตพี่ไงคะ” กรชวัลเสนอความคิดให้แก่พี่สาวของเธอซึ่งปาลิกาฟัง ๆ ดูแล้วเธอก็เห็นเข้าท่าดีเหมือนกัน
“แล้วใครละจะมาแต่งงานกับพี่” ปาลิกาพยายามนึกแต่นึกเท่าไรเธอก็นึกไม่ออกว่าใครที่จะมาแต่งงานกับเธอ
“ถ้าหนูมีคนมานำเสนอให้ล่ะ พี่จะว่ายังไง” กรชวัลยิ้มอย่างพอใจเมื่อเธอนึกออกว่าจะเสนอให้ใครมาแต่งงานกับปาลิกา
“ใคร ค่าตัวเท่าไรพี่ไม่เกี่ยงขอแค่ช่วยให้พี่หลุดพ้นจากผู้ชายที่แม่สรรหามาให้”
“เพื่อนกลอยเอง เดี๋ยวกลอยจัดการให้พรุ่งนี้รู้เรื่องแต่ตอนนี้กลอยของตัวก่อนนะจะไปดูซีรีย์ล่ะ” กรชวัลพูดพร้อมกับเดินขึ้นห้องไปปล่อยให้ปาลิกาสงสัยว่าเพื่อนของน้องสาวของเธอคือใครแล้วจะยอมมาแต่งงานกับเธอจริง ๆ หรอ
พิมพากลับมาถึงบ้านก็เดินมาต่อว่าปาลิกาชุดใหญ่ที่ทำตัวไร้มารยาทเมื่อตอนกลางวัน
“น้ำขิงทำไมแกเป็นคนอย่างนี้แกรู้มั้ยว่าแกทำอะไรลงไปแกทำฉันเสียหน้า ดีนะที่พี่เขาไม่ว่าอะไร แกนี่มันไม่รักดีจริง ๆ” พิมพาพูดก่อนจะตีไปที่แขนปาลิกาไปหนึ่งที
“แม่มาตีหนูทำไมหนูทำผิดอะไรหนูแค่ไม่อยากแต่งงานกับผู้ชาย” ปาลิกาบอกกับแม่ของเธอด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์
“แกมันคนไม่รักดี ผู้ชายดี ๆ ที่จะดูแลแกได้แกกลับไม่ชอบแล้วใครจะดูแลแกในวันที่ไม่มีแม่” พิมพาพูดไปตามที่เธอคิดซึ่งก็มาจากความห่วงใยของเธอที่มีต่อลูกสาวคนโตของเธอ
“หนูดูแลตัวเองได้แม่ ไม่ต้องเป็นห่วงหนูหรอก ตอนนี้หนูก็เป็นถึงประธานบริษัทที่ดูแลลูกน้องไม่รู้กี่ชีวิตแล้วหนูก็สามารถดูแลแม่ดูแลน้องได้เป็นอย่างดี แม่ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก” ปาลิกาพูดพร้อมกับกอดแม่ของเธอ
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะแม่ก็อยากให้แกเป็นฝั่งเป็นฝาสักที” พิมพาพูดพร้อมกับมือของปาลิกาไว้
“แม่คะ การที่เราจะเป็นฝั่งเป็นฝาหรือเป็นครอบครัวมันไม่จำเป็นว่าหนูต้องแต่งงานกับผู้ชายนะคะ” ปาลิกาพูดแค่นั้นก่อนจะเดินขึ้นห้องไปปล่อยให้พิมพานั่งคิดทบทวนคำพูดของปาลิกาอยึคนเดียว
ความคิดเห็น