ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เพลิงสิเน่หา [Eroticเล็กๆ]

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 : หนูติดจั่น [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 2 ม.ค. 56


    © Tenpoints!

    -๑-

     

    กรุงเทพฯ 2556

                “แม่ ปริมไปแล้วนะ ดูแลตัวเองด้วยล่ะปริมลดาเอ่ยลาเสียงเศร้า ปรุงฉัตรผู้เป็นมารดาเดินเข้ามาสวมกอดลูกสาวเหมือนจะรั้งไม่ให้ลูกสาวจากไป

                “ดูแลตัวเองด้วยนะลูก และขอให้ลูกได้งานทำดีๆอย่างที่ลูกต้องการนะปรุงฉัตรอวยพร ปริมลดายิ้มรับก่อนจะยกมือไหว้มารดาบอกลาเป็นครั้งสุดท้าย

    รีบขึ้นรถเถอะเดี๋ยวตกรถนะมารดาเอ่ยปากเร่ง ปริมลดายิ้มบางๆรู้สึกใจหายเมื่อต้องจากครอบครัวเข้าสู่กรุงเทพฯเมืองที่ใครๆพากันหลงใหลในแสงสีโดยลำพัง

    อิน...ฉันฝากแม่ด้วยนะปริมลดาหันมาบอกกับเด็กหนุ่มนักศึกษาเพื่อนข้างบ้านของเธอ ซึ่งเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่ยังเด็ก

    จะดูแลอย่างดีเลย พี่รีบไปได้แล้ว ดูซิ ป้าปรุงน้ำตาจะไหลอยู่แล้วอินรีบไล่พี่สาวข้างบ้านไป ปริมลดาถอนหายใจยาวก่อนจะสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่สร้างกำลังขวัญกำลังใจให้กับตัวเอง

     

    การเดินทางยาวนานหลายชั่วโมงจากเชียงใหม่ถึงกรุงเทพฯ ไม่มีใครรู้เลยว่าชีวิตของหญิงสาวธรรมดาจากเมืองเหนือจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล ที่นั่นมีใครบางคนกำลังรอเธออยู่ รอคอยด้วยความแค้นที่ต้องชำระ จากกวางน้อยไร้เดียงสาจึงกลายเป็นแพะรับบาปของอีกหนึ่งชีวิตที่เธอพร้อมจะเสียสละให้ได้ทุกเมื่อ

    รถทัวร์มุ่งหน้าเข้าสู่สถานีขนส่งอย่างช้าๆ ผู้โดยสารต่างพาทยอยลงจากรถก่อนจะมุ่งหน้าไปสู่สถานที่ต่างๆกันไป ปริมลดาเดินลากกระเป๋าลงมาก่อนจะบิดขี้เกียจคลายเส้นสายที่กำลังยึด ปวดเมื่อยได้ที่จากการนั่งรถเป็นเวลานานก่อนที่จะมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา ดึงความสนใจของหญิงสาวไปได้อย่างหมดสิ้น

    “ปริม!” เสียงใสกังวานของหญิงสาวดังขึ้นมา พร้อมด้วยแรงประทะถาโถมเข้าใส่ปริมลดาอย่างจัง เข้าไปสวมกอดด้วยความคิดถึง

    “ยัยวี!” ปริมลดาร้องทักขึ้นมาทันทีที่ได้เห็นใบหน้าของเพื่อนสาวชัดๆ

    “คิดถึงจังเลย” วีหรือวีนัส เพื่อนสาวสุดสนิทของปริมลดาหยิกแก้มสีชมพูระเรื่อของเพื่อนสาวด้วยความหมั่นเขี้ยว ก่อนที่ทั้งคู่จะหัวเราะออกมาพร้อมๆกัน

    “รอนานไหม?” ปริมลดาเอ่ยถามขึ้น

    “ไม่หรอก ฉันก็เพิ่งมาถึง ขึ้นรถเถอะคุณลุงรอนานแล้ว” วีนัสตัดบทก่อนจะจูงมือเพื่อนรักเดินฝ่าผู้คนออกมารอบนอก

    “ไหนแกบอกว่าแฟนแกมารับไง ไหงกลายเป็นคุณลุงซะได้ล่ะ?” ปริมลดาถามอย่างสงสัย

    “ก็แฟนฉันนั่นแหละ!

    “แล้วทำไมเรียกลุง?” ปริมลดาเกาหัวแกรกๆยังไม่เข้าใจ

    “ก็ลุงอายุห่างจากฉันตั้งสิบปี แก่ไหมล่ะ?” วีนัสอธิบายาสั้นๆ ซึ่งปริมลดาก็พอจะเข้าใจแต่ก็อดขำไม่ได้ที่เพื่อนของเธอดันไปเรียกแฟนว่าลุงซะได้นี่ อย่างนี้ยัยวีนัสจะไม่เป็นป้าไปด้วยหรอนี่?

    “เดี๋ยวไปกินข้าวกัน คงยังไม่ได้กินข้าวมาสินะ...จะบอกให้ว่าวันนี้ลุงแกกระเป๋าหนัก เห็นว่าถูกหวยได้ตั้งหลายหมื่นแน่ะ เต็มที่เลยนะ” วีนัสอวดอย่างติดตลก ปริมลดาส่ายหัวน้อยๆนึกขำกับท่าทางของเพื่อนสาวของเธอ

    “ลุงของแกทนกับแกได้ไงเนี่ย?” ปริมลดาแกล้งแซว วีนัสหันมาค้อนปะหลับปะเหลือก แต่ก็ยังควงแขนกันเดินออกไปอย่างปกติ ไม่ได้ถือสาอะไร

     

    “ทุกคนเตรียมพร้อมหรือยัง?” พัสวี สาวเปรี้ยวสุดมั่น หัวหน้าฝ่ายออกแบบของบริษัทมิเชล สปอร์ต บริษัทที่ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์การกีฬาและเสื้อผ้านักกีฬาแบรนด์ดังที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เอ่ยถามกับเหล่าพนักงานหน้าบริษัทที่มายืนเตรียมพร้อมต้องรับท่านประธานคนใหม่ของบริษัทที่มีกำหนดการจะมาถึงในอีกห้านาทีข้างหน้า

    “เรียบร้อยแล้วค่ะหัวหน้าทีม” ตวงพร ลูกน้องคนสนิทของพัสวีตอบขึ้นเสียงแหลม พัสวีหันมากำชับพนักงานทุกคนในบริเวณนั้น

    “อย่าลืมล่ะ ทุกอย่างต้องเพอร์เฟค ห้ามมีอะไรติดขัดแม้แต่นิดเดียว นิ่งเข้าไว้ อย่าทำอะไรออกนอกหน้า สงบจิตสงบใจไว้บ้าง” ประโยคท้ายพัสวีหันมาพูดกับพนักงานสาวๆที่ดูจะอดใจรอพบหน้าท่านประธานคนใหม่เอาไว้ไม่ไหว

    “เข้าใจไหมยะ?” ตวงพรหันมาถามสำทับเกินหน้าที่ จนพัสวีหันมามองอย่างเอ็ดๆ ตวงพรยิ้มแหยๆก่อนจะก้มหน้าสงบเสงี่ยมเจียมตัว

     

    “ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง...” พัสวีนับถอยหลังเมื่อถึงกำหนดเวลา รถสปอร์ตสีดำคันงามเปิดประทุนก็ขับมาเทียบที่หน้าบริษัทอย่างตรงเวลา พนักงานชายรีบกุลีกุจอไปเปิดประตูให้ประธานคนใหม่อย่างเอาใจ

    ชายหนุ่มรูปงามผิวขาวดุจหิมะ จมูกเป็นสันไร้ที่ติ ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อไร้การแต่งแต้มจากเครื่องสำอาง พร้อมร่างกายที่กำยำไปด้วยกล้ามเป็นมัดๆ กำลังเดินลงมาจากรถราวกับเจ้าชายรูปงามก็ไม่ปาน สองเท้าก้าวเข้ามาในตัวอาคาร

    เหล่าพนักงานต่างพากันยกมือไหว้ทักทายพร้อมกัน ก่อนจะเปล่งเสียงยินดีต้อนรับกันเซ็งแซ่ พร้อมรอยยิ้มเป็นมิตรที่ส่งไปให้ยังเจ้านายหนุ่ม พวกพนักงานสาวๆต่างพอกันมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างหลงใหลเก็บอาการกันไม่อยู่ แทบจะลืมในสิ่งที่พัสวีกำชับเอาไว้

    “ยินดีต้อนรับค่ะ ท่านประธาน” พัสวีเอ่ยขึ้นเสียงหวาน

    “ขอบคุณทุกคนที่มาต้อนรับผมนะครับ ตั้งใจทำงานให้ดีๆล่ะครับ” ท่านประธานคนเดิมเอ่ยทักทายทุกคน ก่อนจะหันหลังเดินไปยังลิฟต์ของพวกเจ้านายขึ้นไปพร้อมกับพัสวีและหัวหน้าแผนกอีกสามสี่คน



    “ท่านประธานคะ พัสเตรียมห้องทำงานใหม่ไว้ให้แล้วนะคะ” พัสวีเอ่ยขึ้นอย่างเอาใจ ท่านประธานคนเดียวในลิฟต์ไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่พยักหน้าเบาๆเป็นการรับรู้ ซึ่งสำหรับพัสวีแล้วเธอคุ้นเคยกับท่าทีของท่านประธานหนุ่มคนนี้ดี เลยไม่ได้รู้สึกถูกเมินเฉยแต่อย่างไร

    ทันทีที่ลิฟต์ถูกเปิดออกยังชั้นที่สิบห้า ประธานหนุ่มก็เดินออกมาอย่างมีสง่าราศี พนักงานในชั้นนั้นต่างพากันส่งยิ้มตามัน จนพัสวีต้องส่งสายตาดุๆเป็นการปรามกันใหญ่

    “เชิญทางนี้ค่ะท่านประธาน” พัสวีเดินนำไปที่ห้องทำงานใหม่ที่เธออุตส่าห์จัดเตรียมเอาไว้ให้ โดยมี อนุต เลขาหนุ่มเพื่อนสนิทของท่านประธานเป็นผู้เปิดประตูเอาไว้ให้ ก่อนจะเข้าไปข้างในด้วยกัน

    “ห้องใหญ่ดีนะ” เสียงของท่านประธานเอ่ยขึ้นมาก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ทำงานตัวใหญ่แสนนุ่มสบายที่ถูกส่งตรงมาจากอิตาลีอย่างที่เขาต้องการ

    “ตั้งแต่วันนี้ผมจะเริ่มงานอย่างจริงจัง ขอฝากตัวด้วยนะครับ” ปารมีฝากตัวกับทุกคน หัวหน้าแผนกต่างๆก็ยิ้มรับก่อนที่จะแยกย้ายกันไปทำงานตามที่ปารมีสั่ง เหลือแต่พัสวีที่ยังคงอยู่คุยอีกนิดหน่อย

    “มีอะไรขาดเหลือก็บอกพัสได้นะคะพี่ปาล์ม” พัสวีเอ่ยอย่างเป็นกันเอง ซึ่งปารมีก็หยักหน้ารับรู้ก่อนที่พัสวีจะขอตัวไปทำงานเหมือนกัน

    “ไม่นึกเลยว่าจะเห็นหน้านายที่บริษัท” อนุตทักขึ้นหลังจากที่ทุกคนออกไปกันหมดแล้ว

    “ฉันจะทิ้งบริษัทไปได้ยังไง เงินทั้งนั้น” ปารมีพูดออกมา

    “แล้วนี่นายโอเคแล้วอย่างนั้นหรอ?” อนุตถามขึ้นอย่างตรงประเด็น

    “อืม” ปารมีตอบสั้นๆก่อนจะเปลี่ยนเรื่องทันที

    “พรุ่งนี้ไปดริ๊งค์กันหน่อยมั้ยล่ะ?”

    “เอาสิ ฉันก็ไม่ได้ไปมานานแล้วด้วย” อนุตตอบรับคำชวนอย่างรวดเร็วก่อนจะส่งมอบเอกสารให้เพื่อนของเขาเอาไว้แล้วออกไปทำงาน ปารมีมองกองเอกสารก่อนจะเสหน้าไปยังป้ายชื่อที่โต๊ะของเขา

    “ปารมี เศวตกาลกุล...ท่านประธาน”

    รอยยิ้มมุมปากปรากฏขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะหันกลับมาสนใจงานในมือต่อไป



    “แล้วนี่แกจะเอายังไงต่อ?” วีนัสถามขณะที่เคี้ยวข้าวตุ้ยๆเต็มปาก จนจิณฑ์ แฟนหนุ่มของเธออดทนมองไม่ได้เอากระดาษมาเช็ดข้าวที่ติดมุมปากให้

    “ก็กะว่าพรุ่งนี้จะไปสมัครงาน ขืนช้าเดี๋ยวมีคนคาบเอาไป” ปริมลดาบอกพลางตักซุปเข้าปาก

    “อืม...ว่าแต่แกได้ที่พักแล้วอย่างนั้นหรอ?”

    “ได้แล้วล่ะ อยู่แถวๆบริษัทด้วย ไอ้อินหามาให้น่ะ” ปริมลดาบอกอย่างสบายอารมณ์

    “หืม...ทำไมไม่เอาไอ้อินของแกมาเป็นแฟนด้วยเลยล่ะ ทุกวันนี้ก็ไม่ต่างอะไรกันอยู่แล้วนี่” วีนัสอดกระแนะกระแหนไม่ได้

    “ฉันกับไอ้อินน่ะเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ฉันไม่คิดอะไรอย่างนั้นหรอก บ้า!” ปริมลดารีบแก้ตัวทันที

    “หึ...พอมันเรียนจบคงจะมาสู่ขอแกเองนั่นแหละ” วีนัสยังคงแซวต่อ จนปริมลดาแกล้งเอาทิชชู่ยัดปากตอนวีนัสกำลังจะอ้าปากพูด เรียกเสียงหัวเราะให้กับจิณฑ์ได้เป็นอย่างดี

    “หน็อย!ไอ้ปริมเดี๋ยวเหอะ เดี๋ยวให้จ่ายเองเลยนี่...ลุงก็ด้วย เข้าข้างกันหรอ?!” วีนัสแกล้งโวย หันไปหยิกแก้มจิณฑ์ ปริมลดายิ้มๆที่เห็นเพื่อนมีความสุขกับคนรัก



    หลังจากที่ทานอาหารกลางวันเสร็จ จิณฑ์ก็ขับรถมาส่งปริมลดาถึงพี่พักซึ่งเป็นห้องเช่าเล็กๆสีขาวแสนน่ารัก ที่สำคัญราคาย่อมเยาเพราะอินเป็นคนจัดหามาให้

    “ขอบคุณมากนะคะคุณจิณฑ์ ไอ้วี...แล้วเจอกันนะคะ” ปริมลดาเอ่ยก่อนจะโบกมือบ๊ายบายเพื่อนสนิทที่จะไปเยี่ยมพ่อแม่ว่าที่สามีในอนาคตต่อ

    ปริมลดาไม่รอช้าที่จะเก็บข้าวของต่างๆให้เข้าที่เพราะอย่างจะเอนตัวลงนอนหลับสักงีบให้หายเหนื่อยก่อนจะเตรียมพร้อมสำหรับการสมัครงานในวันพรุ่งนี้

     

    วันรุ่งขึ้นปริมลดานั่งรถโดยสารไปลงที่ป้ายหน้า มิเชล สปอร์ตคลับพร้อมซองเอกสารสีน้ำตาลหวังจะได้งานทำกับเขาบ้าง

    ทันทีที่เธอก้าวไปในตัวอาคารพนังงานสาวประจำเคาน์เตอร์ก็มีอาการตกอกตกใจเหมือนเห็นผีก็ไม่ปาน ก่อนจะยกมือไหว้ตัวสั่นๆ

    “ขอโทษนะคะคือว่าฉันจะมาสมัครงานตามป้ายที่ติดเอาไว้น่ะค่ะ” ปริมลดาเห็นอาการของพนักงานสาวก็อดประหม่าไม่ได้ปนกับงงๆกับท่าทางแบบนั้น

    “สะสมัครงานหรอคะ?” พนักงานสาวทวนคำถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

    “ค่ะ” ปริมลดายืนยันอีกครั้ง พนักงานสาวคนเดิมกัดเล็บอย่างใช้ความคิดก่อนจะหาทางเลี่ยงได้ว่า

    “เอ่อคือ...คุณต้องไปสมัครที่บริษัทใหญ่ของเรานะคะ คือถ้าทางนั้นอนุมัติก็จะส่งคุณมาทำงานที่นี่แทนน่ะคะ”

    “สมัครที่บริษัทใหญ่หรอคะ?” ปริมลดาทวนคำถามอย่างงงๆ เธอไม่เคยได้ยินเลยว่าถ้าจะสมัครงานจะต้องไปสมัครที่บริษัทใหญ่ แล้วบริษัทใหญ่ที่ว่านั่นมันอยู่ที่ไหนกันล่ะ?


    “ค่ะ” พนักงานสาวตอบเสียงอ่อย

    “ฉันขอที่อยู่ขอบริษัทใหญ่หน่อยได้ไหมคะ?”

    “อ่อ...ได้ค่ะได้” พนังงานสาวรีบกุลีกุจอหยิบโบชัวร์ของทางบริษัทยื่นไปให้ ปริมลดารับมายิ้มๆไม่ลืมที่จะขอบคุณ

    “ขอบคุณนะคะ” แล้วเธอก็เดินออกไปทันที พนักงงานสาวเกาหัวแกรกๆเหมือนถูกผีหลอกกลางวันแสกๆ

    แม้ปริมลดาจะงงๆกับวิธีการสมัครงานของบริษัทนี้แต่ว่าเพื่องานนี้แล้ว มันไม่สำคัญหรอกว่าจะให้ไปสมัครที่ไหน ขอเพียงให้เธอได้งานจะบุกน้ำลุยไฟยังไงเธอก็พร้อมจะไปหมด  ปริมลดาโบกมือเรียกรถแท็กซี่ให้ไปตามที่อยู่ของบริษัทใหญ่ในโบชัวร์ที่ได้มา...บริษัท มิเชล สปอร์ต!


    บริษัทใหญ่ไม่ได้อยู่ไกลมากนักจากสปอร์ตคลับที่เธอไปมา ปริมลดาก้าวเข้าไปสอบถามพนักงานประจำเคาน์เตอร์พร้อมบอกเจตนารมณ์ของเธอ

    “ขอโทษนะคะคือว่าฉันจะมาสมัครงานน่ะค่ะ...พอดีที่สปอร์ตคลับบอกให้ฉันมาสมัครงานที่นี่...” พูดยังไม่ทันจบ พนักงานก็หน้าตื่นตกใจเหมือนที่พนักงานที่สปอร์ตคลับไม่มีผิดเพี้ยน จนปริมลดาสงสัยถามออกไป

    “มีอะไรหรือเปล่าคะ?”

    “อ่อ...ไม่มีอะไรค่ะ ไม่มีอะไรจริงๆค่ะ” พนักงานคนเดิมรีบแก้ตัวลิ้นแทบพันกัน

    “งั้นถ้าฉันจะมาสมัครฉันต้องทำยังไงบ้างหรอคะ?” ปริมลดาเข้าประเด็นทันที พนักงานสาวทำตัวไม่ถูกจึงตัดสินใจโทรขึ้นไปรายงานพัสวีทันที

    “ฮัลโหล! ขอสายคุณพัสวีค่ะ” พนักงานกรอกเสียงสั่นๆด้วยความกลัว

    “ไม่ทราบว่าใครเรียนสายอยู่คะ?” เสียงของตวงพรดังขึ้นมาทันที

    “ดิฉันจากประชาสัมพันธ์ข้างล่างค่ะ มีเรื่องสำคัญมากต้องการเรียนสายคุณพัสวีด่วนเลยนะคะ” หญิงสาวระรัวบอกไป พอรู้ว่าเป็นแค่ประชาสัมพันธ์เลยแหวใส่ให้ทันที

    “นี่!เห็นหัวหน้าทีมว่างคุยกับเธอหรือไงยะ? เป็นแค่ประชาสัมพันธ์คิดจะคุยกับหัวหน้าทีมเมื่อไรก็ได้หรือไง...มีเรื่องอะไร บอกฉันมาได้ เดี๋ยวฉันไปรายงานหัวหน้าทีมเอง” พอแหวเสร็จก็หันมาถามอย่างอยากรู้ พนักงานสาวไม่ได้สนใจที่ตวงพรแหวใส่แต่กลับบอกถึงวิกฤตที่ตนเองกำลังเผชิญเสียงสั่น

    “คุณเปรมกมลมาค่ะ!” พนังงานสาวกระซิบบอกเบาๆกลัวหญิงสาวตรงหน้าจะได้ยินที่เธอโทรไปรายงาน





        My banner   



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×