ตอนที่ 99 : บทที่ 3 คืนพันผูก 50%
สามปีต่อมา
นิ้วเรียวของคนขี้เหงาจิ้มเล่นๆ บนเปียโนแก้เบื่อ ตอนนี้เธอที่เพิ่งจะเรียนจบและรอทำงานในอีกไม่กี่วันอยู่บ้านเพียงลำพัง คุณลุงและแม่ไปเที่ยวต่างประเทศตามประสาคู่สามีภรรยาที่ต้องการพักผ่อน พี่ชายคนหนึ่งไปเป็นแพทย์ฝึกหัดอยู่ที่เชียงใหม่ นานๆ ทีถึงจะกลับมา ตอนนี้จึงเหลือเพียงเหล่าป้าและลุงซึ่งทำงานเป็นพ่อบ้านแม่บ้านอาศัยในเรือนหลังเล็ก
ส่วนอีกคน…ถึงเขาจะอยู่ แต่บางทีก็ทำเหมือนไม่อยู่
ปัณฑ์ธรดูแลเธอดีมาตลอด แต่พอรู้ตัวว่าเผลอเข้าใกล้เธอมากไป เขาจะพยายามเว้นระยะห่างกับเธอไว้…จนทำเอาเธอสับสน
โยษิตาเก็บความน้อยเนื้อต่ำใจไว้ในส่วนลึก ระบายมันออกมาผ่านเสียงดนตรีที่น่าจะพอช่วยบรรเทาได้บ้าง
จริงๆ แล้วเธอไม่ได้ชอบดนตรีจนถึงขั้นเล่นได้หรอก แต่เพราะปัณฑ์ธรเคยสอนไว้บ่อยๆ จึงพอเล่นได้
เผลอคิดถึงเขาอีกแล้ว
อยู่ในห้วงความคิดของตัวเองได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงเปิดประตูดังขึ้น คนที่กำลังเล่นเครื่องดนตรีพอเดาได้ว่าเป็นใครจึงไม่ตกใจ แต่กลับต้องแปลกใจกับสภาพของเขามากกว่า
ร่างสูงของปัณฑ์ธรถูกคนมีอายุทั้งสองช่วยกันหิ้วปีกมาคนละข้าง ตัวเขาไม่ได้สติ พอเดินเข้าไปใกล้เธอก็ได้กลิ่นฉุนของแอลกอฮอล์หึ่ง
“ทำไมพี่ปัณฑ์ถึงเป็นอย่างนี้ล่ะคะ” โยษิตารีบปรี่เข้าไปช่วยหิ้วปีกข้างหนึ่งแทนป้าหัวหน้าแม่บ้านซึ่งอายุไม่น้อยแล้ว
“คุณปัณฑ์ดื่มกับคุณจีนจนเมาค่ะ ขับรถกลับเองไม่ไหว คุณจีนเลยมาส่งเมื่อครู่ค่ะ คุณจีนบอกมาว่าคุณปัณฑ์ทะเลาะกับคุณคิต คงแรงน่าดูถึงได้เมาหนักขนาดนี้ ” ป้าหน่อยเล่าแล้วส่ายหน้ากับสภาพผิดหูผิดตาไปจากมาดผู้บริหารหนุ่มไฟแรงคนเก่ง
คงทะเลาะกันหนักน่าดู พี่ปัณฑ์ถึงได้อยู่สภาพนี้
“เรื่องอะไรเหรอคะ”
“อันนี้ป้าก็ไม่ทราบค่ะ” ป้าหน่อยยิ้มแห้งๆ
โยษิตาหน้าเจื่อนกับความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง ก่อนเบี่ยงประเด็นแก้เก้อ “รีบพาพี่ปัณฑ์ขึ้นห้องเถอะค่ะ”
“ว่าแต่คุณหนูยิ้มตัวนิดเดียว ไหวเหรอคะ ให้ป้าช่วยเถอะ เดี๋ยวป้าช่วยกันกับตาทองเอง”
แต่โยษิตาปฏิเสธลูกเดียว เธอดื้อตาใสจนป้าหน่อยคร้านจะแย้ง จึงปล่อยให้คุณหนูคนเล็กหามพี่ชายขึ้นไป โดยมีสามีของนางคอยช่วยอีกข้าง
เมื่อร่างสูงใหญ่ถูกวางลงบนเตียง นิดารีบกุลีกุจอหาผ้าพร้อมกับกะละมังมาเตรียมเช็ดตัวให้คนที่เมาไร้สติ
“เดี๋ยวยิ้มทำให้เอง ป้าหน่อยกับลุงทองไปพักผ่อนเถอะค่ะ” คนตัวเล็กแย่งผ้าเช็ดตัวในมือของคนสูงวัยไป แล้วดันร่างของนางออกไปทางประตูห้อง
“คุณหนูยิ้มตัวเล็กนิดเดียว แล้วจะพลิกคุณปัณฑ์ได้ยังไง”
“ยิ้มไม่เช็ดขนาดนั้นหรอกค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าพี่ปัณฑ์ตื่นมาเขาก็อาบน้ำเองได้ ยิ้มแค่เช็ดหน้าเช็ดตาให้เขาสดชื่นก็พอ ที่สำคัญพรุ่งนี้ป้าหน่อยจะต้องเตรียมต้อนรับคุณลุงกับแม่ด้วยนะคะ”
“เอางั้นเหรอคะ” นิดาถามอย่างหวั่นเกรง ทั้งเกรงใจและเห็นด้วยกับคุณหนูยิ้มในคราวเดียว
“ค่ะ ยิ้มเช็ดแป๊บเดียว เดี๋ยวก็จะออกไปแล้ว”
“งั้นก็ได้ค่ะ เรียบร้อยแล้วคุณหนูยิ้มก็รีบเข้านอนนะคะ”
“ค่ะ”
เมื่อเห็นผู้ใหญ่สองคนเดินลับหายออกจากห้องและปิดประตูลง เธอจึงรีบตามไปล็อก ก่อนจะกลับมาใช้ผ้าเช็ดตัวชุบน้ำที่นิดาเตรียมไว้เมื่อครู่เช็ดบนใบหน้าคมคายเบาๆ ที่ช่วงนี้เธอไม่ค่อยได้เห็นหน้าเห็นตาเขาเลย
ถึงจะไม่ใช่สายเลือดเดียวกันจริง แต่เขาเป็นคนที่เธอรักและผูกพันมากที่สุด
ความหมายของความรักสำหรับเขา…เธอคงเปรียบเสมือนน้องสาวแท้ๆ ที่ต้องปกป้องดูแล แต่ไม่ใช่สำหรับเธอ
เธอไม่ได้คิดกับเขาแค่พี่น้อง เธอกล้าคิดกับเขาฉันชู้สาว ซึ่งเธอไม่รู้ว่าความรู้สึกเหล่านี้มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร
เธอสนิทกับปุณกันต์เช่นกัน แต่ไม่เคยคิดเกินเลยกับเขาเช่นพี่ชายคนโต ทั้งปัณฑ์ธรเองก็ชอบทำให้เธอเผลอคิดไปเองอยู่บ่อยๆ
เธอจำได้ดีว่าตอนอายุสิบสองเขากอดเธอ และเธอเองก็รับรู้ได้ว่ามันไม่เหมือนอ้อมกอดทั่วๆ ไป เขาเผลอฝังจมูกเข้าไปที่คอของเธอด้วย
ตอนอายุสิบเจ็ด เขากับเธอหยอกล้อเล่นกันจนพลาดล้มลงบนพื้นทั้งคู่ เขายังเผลอจูบเธอ…และนับจากนั้นเขาพยายามไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก เขาเลี่ยงไปมีแฟน เธอที่อยู่ในสถานะแค่น้องสาวจึงจำต้องถอยห่างออกมา
หล่อนคนนั้นเป็นดาราสาวชื่อดังที่หนุ่มๆ ต่างใฝ่ฝันถึง ซึ่งดูก็รู้ว่าหล่อนสำคัญกับเขามาก
ทั้งที่ปัณฑ์ธรทำงานตั้งแต่เช้ายันดึกซึ่งมันหนักมาก แต่พอเขาว่างก็กลับไปเที่ยวกับแฟน แทบไม่มีเวลาให้เธอเลย
มือบางไล้ผ้าเช็ดตัวไปตามผิวขาวๆ ของพี่ชายอย่างพึงถนอม ก่อนจะหยุดอยู่ที่หน้าอกแกร่ง คิดเพียงครู่เดียว ความล้ำลึกในจิตใจที่เธอไม่รู้จะเรียกว่าอะไรผลักดันให้เธอปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาออกทั้งแถบ
โยษิตาปลดกระดุมทีละเม็ดด้วยหัวใจที่เต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ มือของเธอสั่นเทายามที่ปลายนิ้วแตะต้องผิวเนียนใต้ร่มผ้าที่แทบไม่เคยได้เห็น เว้นเสียแต่ตอนเขาออกกำลังกาย หรือยามที่เธอเผลอบุกเข้ามาในห้องของเขากะทันหันเท่านั้น
กล้ามเนื้อแกร่งเป็นลอนคลื่นสวยงามตามประสาคนเล่นกล้าม กับอกหนั่นแน่นแข็งๆ ที่ตึงไปเสียทุกส่วนชวนให้ลูบสบายมือซึ่งเป็นสิ่งที่เธอถวิลหามานาน
ด้วยความเพลิดเพลิน นิ้วโป้งจึงเผลอเลื่อนลูบไปเรื่อยๆ ความไร้ยางอายก่อตัวขึ้นในยามที่รู้ดีว่าเขาไม่มีทางลุกขึ้นมาจับได้ว่าเธอกำลังทำอะไร
แต่เมื่อพอได้สติ โยษิตาพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก มองคนขยับตัวเล็กน้อยที่ยังคงหลับตาพริ้มเหมือนเดิม ทว่ายิ่งเห็นเขาไม่รู้ตัวเธอกลับยิ่งรู้สึกอยากแกล้ง นึกถึงเวลาที่เขาเคยฟัดเธอตอนเด็กๆ หรือกอดเธอแล้วยีหัวอยู่บ่อยๆ จนอยากจะซุกเข้าไปในอ้อมแขนแล้วสูดดมกลิ่นกายของเขา…ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเขามีเจ้าของ
ตึก! .ตึก!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
