ตอนที่ 115 : บทที่ 14 หวงก้าง (2)
“จริงเหรอ ไม่น่าล่ะ นายกับน้องยิ้มถึงหน้าคล้ายกันมาก” วรรษชลผายมือให้ดาราสาวที่ยืนอึ้ง ทว่าเขาสังเกตไม่ออก “เชิญนั่งเลยครับคุณคิต”
“ค่ะ” คนธวัลย์รับคำ พยายามเก็บความภาคภูมิของการมีเขาเป็นแฟนที่ตอนนี้แตกยับ เพราะถูกปัณฑ์ธรหักหน้าด้วยการเอาแขนโอบโยษิตาแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ หล่อนพยายามสงบสติอารมณ์ แล้วฝืนใจนั่งลง
“โลกกลมจริงๆ นะ ไม่เคยได้ยินเลยว่าปัณฑ์มีน้องสาวด้วย พี่ก็นึกว่ามีแค่น้องชายซะอีก”
‘น้องสาว’ ที่ถูกอ้างถึงเงียบ ปล่อยให้ปัณฑ์ธรเป็นคนอธิบายเอง
“มีครับ ทั้งน้องสาวและน้องชาย แต่สำหรับน้องสาวจะห่วงมากกว่าเป็นพิเศษ” บอกแล้วปัณฑ์ธรก็เหลือบมองมาที่เธอ ซึ่งคำพูดของเขาทำเอาโยษิตาปวดขมับตุบๆ กับท่าทีของเขา
ยิ่งคนขี้หวงได้ยินวรรษชลเรียกเธอว่า ‘น้องยิ้ม’ ทั้งยังแทนตัวเองว่า ‘พี่’ ใจก็ยิ่งร้อนรุ่มเหมือนน้ำในกาที่ถูกสุมไฟให้น้ำเดือดปุดๆ
“ครับ…ผมเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าพี่ชลจะเป็น…”
“คุณชลเป็นลูกค้าของบริษัท ยิ้มรับผิดชอบงานออกแบบร้านอาหารอิตาเลียนกึ่งบาร์บนดาดฟ้าของที่นี่ค่ะ ตอนนี้เรากำลังรอเจ้าของร้านเฟอร์นิเจอร์มาคุยรายละเอียดที่จะสั่งทำเก้าอี้กับโต๊ะด้วยกัน”
“อ๋อ…”
โยษิตาเหลือบมองคนนั่งข้างๆ ก็เห็นว่าสีหน้าของ ‘พี่ชาย’ ดีขึ้น แต่ยังไม่ดีเท่าที่เธอหวังนัก
“น้องยิ้มเก่งมากนะ นายโชคดีมากเลยที่มีน้องสาวทั้งสวยทั้งเก่งแบบนี้ ช่วงนี้พี่คงต้องเจอกับน้องเขาบ่อย ยังไงก็ขออนุญาตปัณฑ์ด้วยนะ”
วรรษชลแซวอย่างเป็นมิตร แต่ปัณฑ์ธรกลับไม่ได้มีทีท่าว่าจะเล่นด้วยเลย
“ถ้าเป็นเรื่องงานก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”
“อะไรกัน นี่นายจริงจังขนาดนี้เลยเหรอ” วรรษชลหัวเราะเบาๆ “อย่าเครียดสิ ดูสิครับคุณคิต ปัณฑ์เครียดอย่างนี้เกิดมีคนเห็นได้เข้าใจผิดไปกันใหญ่ เราทะเลาะกัน ไม่เอาน่า...พี่พูดเล่น น้องสาวนายก็เหมือนน้องสาวพี่ พี่จะดูแลน้องเป็นอย่างดี จะช่วยน้องทำงานด้วย”
คนที่ตกเป็นหัวข้อสนทนาในตอนนี้อยากจะหายตัวไปเหลือเกิน พวกเขาพูดถึงเธอโดยที่ไม่คิดเกรงใจกันเลยสักนิด
“ไม่ต้องหรอกครับ ยิ้มโตแล้ว ดูแลตัวเองได้ ขอแค่พี่ชลอย่าให้น้องทำงานเกินเวลางานก็พอ”
ทุกคนภายในโต๊ะคล้ายกับหายใจไม่ออกเพราะคำพูดที่ไม่เป็นมิตรของปัณฑ์ธร แต่เพียงไม่นานบรรยากาศตึงเครียดก็คลายลงเมื่อโทรศัพท์ของวรรษชลดังขึ้น เจ้าของร้านเฟอร์นิเจอร์แจ้งว่าเขาติดธุระกะทันหันไม่อาจมาตามนัดในกลางวันนี้ได้ จึงขอเลื่อนเป็นวันอื่น
“ขอโทษด้วยนะครับน้องยิ้ม งั้นพี่มื้อหน้าพี่ถือโอกาสเลี้ยงขอโทษนะครับ”
โยษิตารีบส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ ยิ้มโอเค เขาว่างวันไหนคุณชลนัดยิ้มมาได้เลยค่ะ”
จากนั้นพนักงานก็เริ่มนำอาหารบางส่วนมาเสิร์ฟ วรรษชลจึงเสนอสั่งอาหารเพิ่ม
“ไม่ต้องหรอกค่ะ คิตกินมาแล้ว แค่นั่งรอพี่ปัณฑ์เท่านั้น”
คนทั้งโต๊ะมองหล่อนเป็นตาเดียว ปัณฑ์ธรเองก็เช่นกัน แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้สำนึกหรือรู้สึกรู้สาอะไร นอกจากหันมาตักอาหารให้คนที่นั่งข้างๆ สลับกับให้คนธวัลย์อย่างเอาใจ แต่แอบตักให้น้องสาวมากกว่า
ทำเอาคนที่เป็นเพียงแค่ ‘น้อง’ ได้แต่ลอบยิ้มราวกับได้ชัยชนะ ทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไร
เห็นเช่นนั้นคนนอกอย่างวรรษชลก็คิดตักอาหารเอาใจโยษิตาเช่นกัน เขาตักทอดมันจะวางลงบนจานของเธอ แต่บังเอิญไปชนกับช้อนของปัณฑ์ธรที่ตักแกงส้มวางบนจานของหญิงสาว จึงทำให้เกิดเสียง ‘แกร๊ง’ พร้อมกับทอดมันที่หล่นลงบนจานของโยษิตา
แม้จะเป็นเพียงเสียงสเตนเลสชนกันเบาๆ แต่กลับก้องกังวานในความรู้สึกของทุกคน
ปัณฑ์ธรเอ่ยขอโทษคนอายุมากกว่า ก่อนจะตักทอดมันบนจานของโยษิตามาใส่จานตัวเอง
“พอดีว่ายิ้มไม่ค่อยชอบกินทอดมันครับ เพราะแพ้ปลา” จากนั้นเขาก็ตักทอดมันเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ ต่อหน้าเจ้าของห้องอาหาร ทั้งยังมองเขม่นอีกฝ่ายราวกับอวดเบ่ง
ดูก็รู้ว่าเขาตั้งใจหาเรื่อง!
เธอแพ้ที่อาหารทะเลก็จริง แต่ไม่ได้แพ้ปลาน้ำจืดอย่างปลากราย!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
