ตอนที่ 113 : บทที่ 13 ขอโอกาส (3)
“ตอนนี้ทุกอย่างผ่านไปนานแล้ว บางทีการทำเป็นลืมหรือไม่นึกถึงอาจจะดีที่สุด” ปัญญากอดไหล่ภรรยาเพื่อให้กำลังใจ เขาเองก็เข้าใจถึงปัญหานี้ดี หัวอกคนเป็นแม่คงเจ็บปวดไม่น้อยที่เห็นลูกถูกทำร้าย ตอนนั้นเขาเองก็เป็นห่วงปัณฑ์ธรจนแทบอยากจะเอาศพมติมากระทืบให้สาแก่ใจ
“ค่ะ ดิฉันก็หวังว่าอย่างนั้น” ยฐาหวังว่าลูกสาวจะลืมเรื่องพวกนี้ไปจนไม่เหลือแผลในใจอีก แต่ในบางครั้งเธอก็เห็นแววตาของลูกหม่นแสงลงทำให้เธออดคิดไม่ได้ว่าบางทีแผลเหล่านั้นอาจยังคงอยู่ในใจของลูกอยู่
“แต่วันนี้…ผมเจอกับมุ้ย น้ายุ้ยจำมุ้ยได้ใช่ไหมครับ”
คนสูงวัยเบิกตากว้าง ก่อนจะพยักหน้า “มุ้ย…ลูกของคุณศศิกับ…”
“ครับ วันนี้ผมเจอเธอที่งาน ACT เธอทำงานเป็น Sales Director อยู่ที่บริษัทยางที่หนึ่ง เธอบ่นว่าอยากเจอยิ้ม”
ยฐาเกิดความกังวลขึ้นทันที ตั้งแต่พ่อของมาริกาซึ่งเป็นตัวต้นเหตุทำให้เกิดเรื่องราวอันเลวร้ายเสียชีวิตลง อดีตแม่สามีของเธอจึงไล่ศศิซึ่งเป็นภรรยาของมติและลูกสาวออกจากบ้านนั้นด้วยความรังเกียจ เพราะรับไม่ได้กับการกระทำของลูกชายตัวเอง
“น้าแยกแยะออกว่าลูกกับพ่อเป็นคนละคน ไม่ได้มีนิสัยเหมือนกัน แต่เรื่องนี้ก็คงขึ้นอยู่กับว่าจะตัดสินใจยังไง”
ปัณฑ์ธรเข้าใจ ทว่าเขายังไม่วางใจ “ครับ แต่ผมยังเป็นห่วงยิ้มอยู่”
แม้ว่าเขาเองจะอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย แต่ความเข้มแข็งนั้นมีมากกว่าโยษิตาหลายเท่าตัว ซึ่งตอนนี้เขาไม่มั่นใจรู้ว่าหากเธอเห็นใบหน้าของญาติตัวเองซึ่งคล้ายคลึงกับคนที่ทำให้เธอต้องฝันร้ายมาตลอดหลายปีจะทำให้เธอรู้สึกอย่างไร
“มันผ่านไปนานแล้ว อีกอย่าง…หนูยิ้มต้องกล้าเผชิญกับความจริงที่ไม่วันใดวันหนึ่งมันต้องกลับมาหา ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางหนีความจริงพ้นหรอก” ปัญญาพูดประสาคนที่ผ่านโลกมามาก บางอย่างก็เป็นสิ่งที่เราเลี่ยงยาก มันคือสัจธรรม
ปัณฑ์ธรเข้าใจที่บิดาพูด แต่เขาห่วงความรู้สึกของโยษิตามากกว่า เด็กผู้หญิงที่บริสุทธิ์ มีโลกที่สดใส กลับเกือบถูกข่มเหง จนทำให้มีความทรงจำเลวร้ายฝังใจมากระทั่งถึงตอนนี้ มันเป็นสิ่งที่ใครก็รับไม่ได้จริงๆ
เขาจำได้ดีว่าหลังจากที่พ่อของเธอเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุใหม่ๆ เธอมาอยู่บ้านย่าที่กรุงเทพฯ ซึ่งพ่อของเขาที่เป็นเพื่อนกับพ่อของเธอได้พาเขากับน้องชายไปเยี่ยมเธอและแม่ที่บ้านบ่อยๆ นึกไม่ถึงว่าเลยคนที่ดูใจดี เป็นที่น่าเคารพซึ่งอยู่ในฐานะลุง จะระยำต่ำช้าจนคิดข่มเหงหลานตัวเอง
แม้โชคดีที่เขาไปช่วยเธอทัน แต่การกระทำต่ำช้าอันมาจาก ‘ลุง’ ซึ่งเป็นพี่ชายของพ่อตัวเองนั้น มันเกินกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก จุดจบของมันก็สาสมกับการกระทำของมันแล้ว
มติ…เสียชีวิตลงจากน้ำมือของเขาที่ต้องการปกป้องโยษิตา
บทละครถูกวางครั้งแล้วครั้งเล่าจากคนท่องบทไม่มีสมาธิ เพราะดาราสาวกำลังคิดถึงคนที่มาร่วมเป็นเจ้าภาพในงานศพมารดาเมื่อหลายวันก่อน
แม้ว่าเขาจะเป็นฝ่ายบอกเลิกเธอแล้ว แต่เขายังคงทำเหมือนปัณฑ์ธรคนเดิมที่ไม่ได้โกรธเกรี้ยวเธออย่างเช่นคืนวันก่อนที่ทะเลาะกัน
เรื่องแม่ที่จากไปเธอทำใจไว้แล้วว่าสักวันท่านจะต้องจากไป เพราะโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงไม่มีทางรักษา ทำได้แค่บรรเทาอาการ ซึ่งตลอดมาเธอดูแลท่านดีที่สุดเท่าที่ลูกคนหนึ่งจะทำได้จนตอนนี้หน้าที่ลูกของเธอสิ้นสุดแล้ว เหลือเพียงก็แต่หน้าที่คนรักที่เธอต้องทวงมันคืนกลับมา
แม้ว่าความอดทนของเธอจะหมดลงจากการฟังเขามานั่งเพ้อเรื่องน้องสาวไปแขวะเขาว่าน้องสาวของเขาเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาละเลยเธอ ซ้ำยังดูถูกคิดว่าน้องสาวของเขาอกุศล เรียกร้องความสนใจจากเขาเพราะไม่ได้คิดคบกับเขาแค่พี่ชายเธอจึงหาเรื่องทะเลาะกับชายหนุ่มใหญ่โต
ในที่สุดด้วยปัณฑ์ธรก็บอกเลิกเธอ ทำให้เธอเองก็โกรธเขาจนไม่ยอมลดศักดิ์ศรีไปง้อเช่นทุกครั้ง
ทว่าในวันที่เธอเห็นว่าเขามางานศพของแม่ ทั้งยังขอเป็นเจ้าภาพถึงสองคืน มันทำให้เธออดรู้สึกผิดไม่ได้ คิดถึงช่วงเวลาที่มีเขาคอยช่วยเหลือเธอมาตลอด โดยเฉพาะเรื่องเงินทอง
ทันทีที่กลับมาจากถ่ายแบบขึ้นปกนิตยสารที่ฝรั่งเศสมาเมื่อวาน คนธวัลย์ก็เฝ้าทบทวนครั้งแล้วครั้งเล่าเกี่ยวกับการกลับไปคบกับปัณฑ์ธร จนแน่ใจว่ามันเป็นสิ่งที่เธอต้องการมากที่สุด แม้ว่าในบางครั้งเขาจะไม่ได้ดั่งใจ แต่เธอยอมรับว่าความรักของเธอรักมากพอที่จะอภัยให้เขา เธอไม่อยากให้เวลาที่คบกันมานานต้องสูญเปล่าไปอย่างไร้ประโยชน์
คิดสรุปทุกอย่างเรียบร้อย มือเรียวบางจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาติดต่อหาอดีตแฟนหนุ่มทันที…กินเวลาอยู่นานแต่ปลายทางยังคงไม่รับสายเลย
คนธวัลย์รอกระทั่งสายถูกตัดทิ้งครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เธอก็ไม่ละความอุตสาหะ เธอกดติดต่อไปใหม่ ทำเช่นนี้ไปสิบกว่าครั้ง…ทว่ายังไร้การตอบรับใดๆ แม้จะผ่านไปถึงระทั่งครึ่งวันแล้วเขาก็ไม่ติดต่อกลับมา
ในวันฌาปนกิจศพแม่ของเธอ เขาพูดแสดงความเสียใจและเป็นกำลังใจให้แต่กลับไม่พูดขอคืนดีเลย คนธวัลย์กลัวว่าบางทีเขาอาจจะไม่คิดอยากกลับมาไยดีเธอเหมือนเก่า
คิดไปคิดมาดาราสาวก็ร้อนใจมากจนทนไม่ไหว เธอจึงรีบตัดสินใจติดต่ออดีตแฟนหนุ่มอีกครั้ง ไม่สนว่าเขาจะมองเธอเป็นคนไร้ยางอายที่โทรตามเขาราวกับยังเป็นเจ้าของ ซึ่งครั้งนี้ดูเหมือนสวรรค์จะเข้าข้าง รอไม่นานปลายสายก็กดรับทันที
“พี่ปัณฑ์…คิตมีเรื่องสำคัญอยากจะคุยด้วยค่ะ”
คนธวัลย์ไม่ได้ง้อขอคืนดีเขาผ่านทางโทรศัพท์ เธอคิดว่าการเอาหน้าสวยๆ ไปออดอ้อนให้เขากลับมารักกันเหมือนเดิมน่าจะได้ผลมากกว่า เธอจะต้องใช้มารยาหญิงทำให้เขายอมใจอ่อน กลับมาคบกับเธอให้ได้
ดาราสาวรอเขาที่ร้านอาหารในโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งเธอชอบมารับประทานเป็นประจำ
ผ่านไปสิบกว่านาทีร่างสูงที่เธออยากพบปรากฏตัวที่หน้าห้องอาหาร เมื่อเห็นว่าเธอโบกมือให้ เขาก็เดินเข้ามา
ไม่ว่าปัณฑ์ธรจะทำผิดอะไร แต่รูปร่างหน้าตาที่ดีและฐานะมั่งคั่งมั่นคง สามารถกลบข้อด้อยในตัวเขาได้แทบทั้งหมด
“วันนี้ไม่มีถ่ายละครเหรอ” นี่คือคำแรกที่ปัณฑ์ธรเอ่ยทักอดีตแฟนสาว
คนธวัลย์ส่ายหน้าแล้วยิ้มหวานให้เขา “ไม่เจอกันหลายวันพี่ปัณฑ์เป็นยังไงบ้างคะ”
“สบายดี…แล้วคุณล่ะ”
“…” คนธวัลย์ฟังแล้วก็น้ำตารื้น คิดอยากให้ทุกอย่างหวนกลับมาเป็นเหมือนเดิม “คิต…คิตขอโทษที่หลุดปากไปวันนั้น คิตไม่ได้ตั้งใจ เพราะว่าคิตน้อยใจพี่เลยพาลไปถึง…น้องยิ้ม” คนธวัลย์ช้อนตาขึ้นแล้วมองเขาด้วยความรู้สึกผิด
เธอเคยเจอโยษิตาอยู่ไม่กี่ครั้ง และก็ไม่ปรารถนาอยากจะเจอคนที่ชอบแย่งความสนใจจากผู้ชายตรงหน้าไปจากเธอด้วย
ปัณฑ์ธรที่ทีแรกทำเป็นเหมือนลืมเรื่องทั้งหมดนิ่งไป แววตาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นความกรุ่นโกรธ ซึ่งตอนนี้มันพอจะบอกได้เลยว่าเขาไม่เหลือเยื่อใยใดๆ ให้เธอเลยสักนิด…“ช่างมันเถอะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว”
ริมฝีปากของเขายกยิ้มน้อยๆ แต่คนธวัลย์สัมผัสได้ว่าเขายังคงขุ่นเคือง
“งั้น…เรากลับมาคืนดีกันได้ไหมคะ” คนธวัลย์เฝ้ารอคำตอบรับของเขาอย่างมีความหวัง แต่ดูปฏิกิริยาของเขามันช่าง…
“…”
“พี่ปัณฑ์…ให้อภัยคิตได้ไหม คิตขอโทษ”
“…”
ปัณฑ์ธรนิ่ง เหมือนลำบากใจที่จะตอบ เขาถอนหายใจเหมือนยากที่จะตอบรับคำขอของเธอ “ยังไงผมก็คงเป็นอย่างที่คิตคาดหวังไว้ไม่ได้ การที่เราเลิกกันคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว”
“นี่พี่ปัณฑ์ยอมรับแล้วใช่ไหมว่าเลิกกับคิตเพราะน้องเขา? พี่ปัณฑ์เลิกกับคิตเพราะน้องสั่งให้เลิกอย่างนั้นใช่ไหม!?” ความอคติทำให้เธอโบ้ยไปยังคนที่เธอคิดว่าเป็นตัวต้นเหตุ ลืมมารยาหญิงที่ตั้งใจจะใช้ไปสิ้น ความอดทนของเธอในชีวิตจริงต่ำกว่าบทบาทนางเอกในละครมาก
ปัณฑ์ธรส่ายหน้า ใบหน้าคมเข้มเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงด้วยความไม่พอใจ “พอเถอะ…อย่าเอายิ้มเข้ามาเกี่ยว ยิ้มไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย”
“ยิ้มผิดค่ะ! สำหรับพี่อะไรๆ ก็ยิ้มมาก่อน แล้วที่เราต้องเลิกกันก็เพราะยิ้มไม่ใช่เหรอ ยิ้มเกี่ยวตั้งแต่ครั้งแรกที่เรามีปัญหากันแล้ว ทั้งที่พี่ใช้เวลาอยู่กับคิต แต่กลับเพ้อถึง…” แม้แต่บนเตียง
สายตาคมที่ทอดมองอดีตแฟนสาวกร้าวขึ้น…ครั้งก่อนเธอทำให้เขาโมโห เธอยังอ้างได้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ แต่ครั้งนี้…
คนธวัลย์ที่เพิ่งรู้ตัวว่าสติแตกเผลอพูดอะไรพล่อยๆ ออกไป จึงฝืนปั้นหน้ายิ้ม “ยังไงคิตก็จะไม่ยอมเสียพี่ไปเด็ดขาด คิตรักพี่ปัณฑ์นะคะ รักมากที่สุด”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
