ตอนที่ 18 : บุกรุก 100%
ในยามเช้าแม้จะเป็นวันอาทิตย์ผู้คนบางส่วนก็ยังคงออกมาทำงานตั้งแต่เช้า ทั้งเจ๊หลี่และลูกจ้างตื่นมาเตรียมของกันตั้งแต่ตีห้าก่อนที่จะเปิดร้านขาย
อารยาก็ไม่แพ้กัน แม้ว่าเธอจะตื่นสายกว่าหน่อยแต่ก็ลงมาช่วยอยู่เป็นประจำแล้ว แต่ดูเหมือนจะแพ้ลูกนอกไส้ของม้าที่ตื่นเช้ากว่าเธอ ซึ่งตอนนี้เขากำลังยืนอยู่หน้าหม้อทำพะโล้เป็ดอยู่
ลูกสาวเจ้าของร้านต้องหมั่นไส้เขารอบแล้วรอบเล่า ทำไมชายหนุ่มทำดีออกนอกหน้า เอาใจแม่ของเธอด้วย…
เหตุการณ์เมื่อคืนทำให้เธอยังไม่อยากเจอหน้าเขาเต็มที่ จึงเลี่ยงที่จะไปช่วยข้างนอกซึ่งกำลังจัดโต๊ะ จัดข้าวของให้พร้อมจะดีกว่า
เมื่อถืงเวลาก่อนร้านเปิดม๊าก็เรียกทุกคนให้มานั่งทานข้าว ทุกคนร่วมรับประทานอาหารกันอย่างไม่ถือตัว นั่งปะปนกันไปทั้งลูกจ้างและเจ้าของร้าน โดยที่ร่างบางก็พยายามจะเลี่ยงนั่งใกล้คนที่เธอไม่ได้เชิญเขาเข้ามาที่นี่
ดูเหมือนจะน่าวางใจเมื่อเธอนั่งระหว่างม๊าและลูกจ้างสาวคนหนึ่งนั้น แต่พอร่างสูงที่มาทีหลังเพราะเพิ่งจะปรุงอาหารเสร็จกำลังเดินเข้ามา น้องลูกจ้างที่นั่งข้างๆก็ดันขยับออกห่างให้มีพื้นที่สำหรับเขาเข้ามานั่งเสียบด้วยเสียอย่างนั้น
เขาจึงได้นั่งข้างๆเธอซึ่งไม่เป็นตามที่ปรารถนาเลยสักนิด
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไมพื้นที่ที่เขานั่งมันจะแคบเกินไปหรือเปล่า ศอกของเขาจึงต้องคอยมาสะกิดโดนแขนของเธออยู่เรื่อยไป
แม้มันจะไม่แรงแต่มันก็บ่อยจนรู้สึกเหมือนก่อกวน…
พอมองเข้าไปที่ตัวเจ้าปัญหาอีกฝ่ายนั้นก็ทำเป็นยิ้มบางๆเป็นพ่อพระทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอจึงได้แต่ทำท่าเข่นเขี้ยวเผื่อขู่เขาเล็กน้อย แต่ก็เหมือนเจ้าตัวไม่ได้ใส่ใจ ซึ่งเป็นเช่นนั้นจนจะรับประทานกันเสร็จ
พอยามสายทั้งที่ยังไม่ถึงเวลากลับแต่ม๊าก็คะยั้นคะยอให้เธอรีบออกจากบ้านก่อนเวลาเพื่อไปทำธุระจ่ายค่าน้ำค่าไฟและค่าจิปาถะต่างๆของร้าน และยังไม่ลืมที่จะบอกให้หนีบแขกที่ไม่ได้รับเชิญที่ตอนนี้เหมือนม๊าจะโอ๋เป็นลูกคนหนึ่งไปแล้วไปด้วย
อีกฝ่ายก็ไม่ได้ปฏิเสธ เขาน้อมรับและเดินตามเธอมาก่อนที่เขาจะอาสาเป็นคนขับรถให้เธอ แล้วพาไปชำระบิลต่างๆให้เรียบร้อยก่อนที่จะขับมุ่งไปที่คอนโด
เมื่อนั่งอยู่ในรถ พอหมดธุระต่างๆเธอจึงถามเขาอย่างไม่พอใจและด้วยความสงสัยทันที “พี่ตั้ม รู้จักม๊าหลิน รู้จักร้านหลิน แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?!” เธอกอดอกพร้อมกับรอคำตอบที่กำลังคาดคั้นเอาจากเขา
“ถ้าบอกหลินจะยอมให้พี่ไปหาเหรอ หลินจะยอมให้พี่เจอกับม๊าไหม” สายตาเขามองไปข้างหน้าและพูดออกมาตรงๆไม่อ้อมค้อมกับเธอ
…ใช่.. เธอไม่ยอม
“แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พี่ยังเห็นหลินเป็นแฟนอยู่รึเปล่า ถึงไม่ยอมบอกกันแบบนี้”
เธอพูดออกไปด้วยอารมณ์ ทั้งโมโห สงสัย ไม่เข้าใจ ซึ่งเธอเก็บมันไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว
แต่เขากลับย้อนถาม ซึ่งทำให้เธอตอบไม่ได้ “พี่สิต้องถามหลิน หลินเคยเห็นพี่เป็นแฟนรึเปล่า…”
คำถามของเขาพุ่งตรงเข้าก้อนอกข้างซ้ายที่กำลังทำงานเข้าอย่างจัง
…นั่นสิ เธอเคยรู้สึกอะไรกับผู้ชายคนนี้บ้างไหม…
...และคำตอบที่เธอให้ก็คือเหมือนเดิม...รู้สิ รู้มาตลอดว่าเขาคือคนที่ใช่ ที่จะมาเป็นพ่อของลูก แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะคิดตามเธอจริงจังถึงขนาดนี้ และไม่ง่ายเลยที่จะผลักไสเขาออกไป ยิ่งพยายามก็เหมือนยิ่งถูกผูกมัด
ทั้งสองเงียบกันมาตลอดทางจนถึงจุดหมาย หญิงสาวก็ลงมาจากรถพร้อมกับรับกุญแจจากคนขับที่อาสามา ก่อนที่เขาจะบอกให้เธอขึ้นไปก่อน แล้วเดี๋ยวเขาจะตามขึ้นไป ซึ่งเธอก็ไม่ได้เกี่ยง เขาอาจจะเพลียเพราะเมื่อคืนอาจจะนอนหลับไม่สบายก็ได้ จะปล่อยให้เขาเข้ามาพักในห้องหน่อยก็คงไม่เป็นไร
ร่างบางเดินเข้าไปเปิดตู้เย็นพร้อมกับหยิบขวดน้ำแล้วรินน้ำใส่แก้วก่อนจะยกขึ้นดื่ม หลังจากนั้นไม่นานเสียงออดหน้าประตูก็ดังขึ้น หญิงสาวจึงเดินออกไปเปิดประตูให้เขา
อภิวัชรเดินเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าใบเล็กที่เหมือนจะเป็นกระเป๋าเสื้อผ้าหนึ่งใบ โดยไม่ได้ชี้แจ้งให้เธอทราบก่อนจะไปหยุดอยู่ที่หน้าตู้เสื้อผ้าในห้องนอนของเธอ
“พี่ตั้มเอากระเป๋ามาทำอะไร แล้วเอาเข้ามาทำไมในห้องของหลิน?”
ร่างสูงไม่ตอบ เขาวางกระเป๋าเสื้อผ้าลงบนเก้าอี้ที่อยู่คู่กับโต๊ะเครื่องแป้งข้างๆเธอก่อน จะเปิดตู้เพื่อจัดสิ่งของเพื่อวางอะไรบางอย่างลงไป
“ก็มาอยู่กับภรรยาไง”
“…!!”
คนที่นิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ได้สติเรียกตัวเองกลับมาก็ตอบกลับไปในทันที แล้วแสดงสีหน้าความไม่พอใจออกมาทันที
“ไม่ได้! ไม่ให้อยู่! จู่ๆก็ขนข้าวขนของเข้ามาโดยไม่ขอหลินได้ยังไง”
แต่คนหน้ามึนที่เพิ่งจะย้ายเข้ามาก็ยังทำเป็นไม่ได้ยิน เขาจับของบางอย่างวางลงในลิ้นชัก ทั้งเสื้อยืด กางเกง...กรี๊ดดด วางข้างๆของเธอหมดเลย
“ยอมรับแล้วเหรอว่าเป็นภรรยา...”
หญิงสาวถึงกับอ้าปากค้าง ช่วงหลังมานี้เขามักจะพูดและสร้างความแปลกใจอย่างคาดไม่ถึงให้เธอเสมอ...
“ไม่ใช่! ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้นแหละ! ออกไปเลย”
มือบางที่กำลังจะหยิบเสื้อผ้าของเขาออก ชะงักเมื่อเขาพูดต่อ
“ถ้าหลินไม่ให้พี่อยู่ พี่ก็จะบอกม๊า เรื่องของเราแล้วก็ เรื่อง เมื่อคืนก่อน ”
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ก่อนจะรีบวางเสื้อผ้าในมือตรงที่ที่เดิม
“ไม่ได้นะ! ห้ามบอกม๊า!”
“งั้นพี่ก็สามารถอยู่ที่นี่ได้ โดยที่หลินไม่สามารถไล่ออกไป” แม้เสียงเขาจะเรียบๆแต่เธอกลับรู้สึกว่าเขากำลังข่มขู่เธอ!
“แล้วที่บ้านพี่ เขาไม่ว่าอะไรเหรอ หนีมาอยู่กับคนอื่นเขาแบบนี้”
ร่างสูงทยอยเอาของออกมาจนครบแล้วยืนย่อตัวเล็กน้อยเพื่อให้ใบหน้าของเขาตรงกับระดับใบหน้าของเธอ
“คนอื่นที่ไหน นี่ภรรยานะ” ก่อนที่จะใช้มือบิดจมูกเธอเบาๆอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กกว่าจึงย่นจมูกแล้วเบือนหน้าหนี เพราะขณะนี้ไม่ค่อยสบอารมณ์กับสิ่งที่เขาทำนัก
“ตอนนี้คุณลุงกับคุณป้าย้ายมาทำงานประจำที่ไทยแล้ว น้องสาวและหลานก็พอจะมีเพื่อนอยู่บ้าน อีกอย่างการที่พี่อยู่นี่ ไม่ได้แปลว่าพี่ไม่สามารถไปเยี่ยมพวกเขาที่บ้านได้นี่”
เจ้าของห้องที่ไม่มีอำนาจในการตัดสินจึงหมดเหตุผลที่จะถกขึ้นมาเพื่อผลักไสเขาออกไป เธอทำได้เพียงกัดฟันกรอด และเก็บอาการต่อต้านไว้เท่านั้น
“หมดแล้วใช่ไหม เสื้อผ้าของพี่?” หญิงสาวกวาดตามองภายในกระเป๋าที่ว่างเปล่า ไม่ต่างจากจ้องจับผิดว่าเขาเอาอะไรมาบ้าง
...ใจเย็นน่า...อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ขนอะไรมามาก ไม่ได้เบียดเบียนของของเธอสักเท่าไร ถือว่าไม่เป็นไร อยู่ในขอบเขตที่ยอมรับได้ ถ้าจะแบ่งพื้นที่นิดๆหน่อยๆให้เขาพอใจไปก่อนแล้วค่อยหาทางจัดการต่อทีหลัง
แต่เขากลับทำให้คนที่ทำใจให้กว้างได้แล้วต้องรู้สึกปรี๊ดดขึ้นมาอีก!!
“ยัง เดี๋ยวจะทยอยเอามา”
...!?
ร่างบางไม่พอใจกับการกระทำของใครบางคนที่เข้ามาพักอาศัยในห้องเธออย่างอุกอาจ หญิงสาวจึงเดินออกจากห้องนอนด้วยใบหน้าปั้นปึงไม่ยิ้มไม่แย้มใดๆออกมา
เหมือนเขาจะอยู่ในห้องนั้นต่อสักพัก แม้ว่าเสื้อผ้าของเขาจะมีน้อยก็ตามที จนคนที่เอนหลังดูโทรทัศน์อยู่ห้องนั่งเล่นต้องแอบมาชะเง้อดูว่าอีกคนกำลังทำอะไรอยู่
แล้วการกระทำของเขาก็ทำให้เธอต้องความดันในเลือดสูงขึ้นอีกครั้ง
"กรี๊ดดด พี่ตั้ม! ทำอะไร" เธอรีบวิ่งไปคว้าผ้าบางๆที่กำลังอยู่ในมือของเขาออกให้หมด พร้อมกับโกยขึ้นมากอดไว้ แล้วเข้าไปยืนขวางลิ้นชักที่เป็นหีบห่อใส่ผ้าพวกนี้เอาไว้เพื่อให้เขาถอยห่างออกไป
"พี่มายุ่งอะไรกับชุดชั้นในของหลินทำไม" ใบหน้าใสแดงลามไปถึงใบหู เหมือนกุ้งย่างสุก
"พี่ก็แค่จะเก็บมันให้เป็นระเบียบเท่านั้นเอง" เขาว่าด้วยใบหน้าเรียบนิ่งแต่เหมือนจะยกยิ้มตรงมุมปากไปเสี้ยววิก่อนจะทำเหมือนไม่ได้คิดอะไร
"ไม่ต้องมายุ่ง มันจะรกไม่เป็นระเบียบอะไรก็เรื่องของหลิน!" เจ้าของเสื้อผ้ารีบวางทุกอย่างที่ถือลงบนในลิ้นชักแล้วรีบเลื่อนปิดมันเพื่อให้พ้นออกจากสายตาเขา
"ถ้าพี่จัดเสร็จแล้วก็ออกไปได้แล้ว..." หัวคิ้วของเธอยังคงขมวดพร้อมกับสีแก้มที่ยังคงแดงปลั่ง
ร่างสูงยังคงนั่งอยู่ที่เดิมพร้อมกับยื่นอะไรบางอย่างที่มีลักษณะเป็นผ้าบางๆซึ่งเขาเก็บจากพื้นเพราะตกเมื่อครู่
ไม่ใช่อะไรที่ไหนเลยหากแต่เป็นกางเกงชั้นในของเธอเอง
"...นี่อีกผืนหนึ่ง"
....!!!
เจ้าของห้องยังคงแสดงสิทธิ์ในการไม่เห็นด้วยที่เขาย้ายเข้ามาอยู่ด้วยการไม่ยอมพูดยอมจากับอีกฝ่าย เขาถามอะไรเธอก็เมินเฉย ทำเป็นไม่ได้ยิน ทำเป็นมองไม่เห็น ทำเหมือนเขาไร้ตัวตน
เมื่อถืงมื้อกลางวันเธอก็ไปหยิบข้าวหน้าเป็ดใส่กล่องที่ห่อมาจากบ้านไปกินโดยที่ ไม่ได้ชวนเขา โดยเหลืออีกกล่องที่เป็นส่วนของเขาทิ้งไว้บนโต๊ะห้องครัว
“เย็นนี้หลินอยากทานอะไรไหม”
ร่างบางนั่งนิ่งดูโทรทัศน์อย่างใจจดใจจ่อไม่หันไปตอบคำถามเขา
“สลัดดีไหม หรือแกงจืดดี”
“…”
สายตายังคงถูกหน้าจอขนาดใหญ่ดึงดูดอยู่เช่นเดิม ไม่เหลียวไปมองคนที่กำลังยืนอยู่ข้างหลังโซฟาซึ่งไม่ได้ห่างจากเธอเลยสักนิด
หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีก็มีเงาของอะไรบางอย่างเข้ามาบดบังจนเริ่มมืด...มันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ...จนมองไม่เห็นสิ่งที่กำลังดูอยู่เมื่อครู่
ภาพในโทรทัศน์นั้นหายไปมีเหลือก็เพียงแต่สัมผัสบางอย่างตรงเปลือกตาที่เกิดจากการเคลื่อนเข้ามา
สิ่งนั้นมันทำให้เธอต้องหลับตาลงอัตโนมัติ พร้อมกับรับรู้ถึงอะไรบางอย่างที่แตะเข้าตรงผิวหนังบริเวณนั้น
มันนิ่มและอบอุ่น...
พอลืมตามาขึ้นก็เห็นคนที่เธอเมินเมื่อครู่นั่นแหละกำลังยืนค้อมตัวมองเธอมาจากด้านหลัง แล้วยิ้มประหนึ่งผู้ชนะ
“นี่แหละ คือโทษของการที่ไม่สนใจพี่”
อารยาหันไปมองเขาขวับ พร้อมกับมือข้างหนึ่งที่ปิดตาข้างที่โดนสัมผัสนั้นไว้ ที่เขาบอกว่า 'ลงโทษ'
มันยังคงรู้สึกอุ่นวาบและพิษของมันตอนนี้ก็แพร่ไปทั้งร่างกายเธอแล้วโดยเฉพาะหัวใจที่มีผลให้ทำงานผิดปกติ
"พี่ตั้มทำอะไรเนี่ย!" เธอถามเขาไม่ต่างจากการตะโกนเสียงดัง แต่หน้าตาของอีกฝ่ายยังคงเหมือนจะยิ้มไม่สะทกสะท้านใดๆ
ทั้งๆที่ตอนแรกเธอเป็นคนเข้าหาเขาเองก่อน รุกเขาเสียขนาดนั้น แต่เหตุไฉนกลับกลายเป็นว่าตัวของเธอเองล่ะโดนเขารุกเสียขนาดนี้
ลมเธอแทบจะจับวันละสามเวลากับการกระทำของเขาแล้วนะ
"ยอมพูดกับพี่แล้วเหรอ"
หญิงสาวนิ่งเงียบ เมื่อครู่นี่เธอหลุดปากพูดกับเขาไปแล้ว!
เธอลุกขึ้นไปยืนใกล้เขาแล้วจับใบหน้าเขาพลิกซ้ายพลิกขวา แล้วแตะหน้าผากเพื่อวัดอุณหภูมิ
"...พี่ตั้ม พี่ตั้มไม่สบายอะไรหรือเปล่า"
"มีอะไรรึเปล่า"
"...ช่วงนี้พี่ดูแปลกไปนะ กินยาผิดมาใช่ไหม หรือเป็นอาการทางประสาท"
ชายหนุ่มย่นคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะคลี่มันออกพร้อมกับรอยยิ้ม มือหนาเข้าไปจับซ้อนทับมือบางที่อยู่บริเวณใบหน้า
"พี่ไม่ได้เป็นอะไร"
"แล้วทำไมพี่ถึงมีอาการแปลกอ่ะ ชอบทำตัวแปลกๆ หรือพี่ถูกวิญญาณอื่นเข้าสิง" ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งมองเข้าไปในดวงตาของเขาผ่านแว่นสายตา และแววตานั้นก็แสดงความอ่อนโยนอย่างเอ็นดูมาให้เธออีกแล้ว
เขาเลื่อนใบหน้าให้อยู่ในระดับเดียวกันกับเธอ ก่อนจะพูดอีกครั้ง ชัดถ้อยชัดคำให้เธอได้ยิน
"ฟังดีๆนะ พี่สบายดีมาก และที่พี่ทำทุกอย่าง พี่มีสติ ครบถ้วน สมบูรณ์"
ดวงตาหวานที่จ้องเขานั้นจึงเบนออกไปมองอย่างอื่นด้วยไม่กล้าสบตาต่อ ในเมื่อเขาบอกว่าปกติทุกอย่างแล้ว แต่เรื่องทุกอย่างมันดันกลับตาลปัตรไปหมด
สรุปแล้วนี่ เธอกำลังติดกับดักที่ตัวเองเป็นคนวางไว้ใช่ไหม?!
พอถึงมื้ออาหารเย็นก็เป็นแกงจืดอย่างที่เขาเสนอมาจริงๆนั่นแหละ
...รสชาติก็พอกินได้นะ แต่อาจจะหิวหรือเพราะอย่างไรตัวเธอก็ไม่อยากคิดได้ เพราะถ้วยในชามมันโล่งว่างเปล่าไปหมดแล้ว
แต่พ่อครัวคนเก่งก็ไม่ได้ออกปากว่าหรือแซวใดๆให้หญิงสาวระคายหู
หลังจากนั้นเขาก็รับผิดชอบเก็บจานชามไปล้างแล้วเธอก็แยกตัวเข้าห้องไปทำธุระส่วน ตัวในห้อง และอาบน้ำก่อนจะออกมานั่งใช้โทรศัพท์เพื่ออัพเดตข่าวสาร เล่นเกม สลับกับดูโทรทัศน์
ส่วนอีกคนเมื่อเธอออกมาแล้วเขาก็เข้าไปในห้องนอนต่อ คงจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าล่ะมั้ง
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงเขาก็ออกมาพร้อมเสื้อยืดสีขาวกางเกงผ้านิ่มขายาว เป็นอีกลุคที่เธอไม่เคยเห็น
เขาหยิบโน็ตบุ๊คส่วนตัวของเขาขึ้นมาวางบนโต๊ะเล็กแล้วนั่งลงทำงานข้างๆเธอที่ดู โทรทัศน์อยู่ และดูเหมือนเขาจะพิมพ์อะไรซักอย่างบนเครื่องกระทัดรัดนั้น
"พี่ตั้มทำอะไรอ่ะ" แม้จะรู้ว่าเป็นงาน แต่ปากก็ยังลั่นออกถามไปจนได้
"มีอีเมลที่บริษัทส่งมาเสนองานส่วนต่อเติมเพิ่มขึ้น ก็เลยส่งแบบมาให้ดู"
คนอยากรู้อยากเห็นชะโงกหน้าเข้าไปดูแบบแปลนที่เขากำลังจะเปิด มันเป็นภาพพื้นหลังสีขาวที่มีรายละเอียดแบบวาดบอกไว้เยอะแยะมากมาย
เธอจึงไม่อยากจะก่อกวนสมาธิของเขา ปล่อยให้เขาทำงานต่อไปโดยไม่ถามต่อ เธอลดเสียงโทรทัศน์ลง นั่งดูไปสักพักก็ปิดโทรทัศน์แล้วเดินเข้าไปในห้องนอน
ไม่นานร่างบางก็มาพร้อมกับผ้าห่มและหมอนใบโตแล้วยืนตรงข้างๆคนที่กำลังเพ่งสายตาอยู่ที่หน้าจอโน็ตบุ๊ค
"พี่ตั้ม นี่หมอนกับผ้าห่ม"
เธอบอกเขาให้รับไว้พร้อมกับแขนที่ยื่นไปข้างหน้า
เขาทำหน้าตาสงสัยก่อนจะใช้มือปิดหน้าต่างโปรแกรม แล้วคลิกกดปิดคอมพิวเตอร์พร้อมกับพับฝาลง
"เอาออกมาทำไม"
"ก็เอามาให้พี่นอนข้างนอกไง"
ใช่ว่าเธอจะยอมทุกอย่างหรอกนะ ตู้เสื้อผ้าก็แบ่งที่ให้แล้ว ห้องน้ำก็ให้ใช้แล้ว แต่จะให้นอนร่วมเตียงเดียวกันน่ะ เธอไม่ยอมหรอกนะ!
คนตัวโตลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนที่จะดันร่างบางที่หอบเครื่องนอนอยู่เข้าไปในห้อง แล้วปิดประตูฉับพลัน
เสียงปิดประตูทำให้เจ้าของห้องแอบสะดุ้ง แม้รู้ว่าเขาไม่น่าจะมีเจตนาคิดร้าย แต่ดูแล้วก็ไม่น่าวางใจ
"ใครบอกว่าพี่จะนอนข้างนอก"
อภิวัชรตอบเธอด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่สำหรับเธอมันเหมือนคำตอบที่ชวนยียวนเหลือเกิน
"แล้วถ้าพี่ไม่นอนข้างนอก พี่จะนอนตรงไหน?"
"เตียงนี้ไง" เขาพยักเพยิดไปบนเตียงนอนแสนนุ่มสุดหวงของเธอ
"ได้ยังไง แล้วหลินจะไปนอนที่ไหน"
"บนเตียงเหมือนกันนี่แหละ"
ถ้าเปรียบอารมณ์ความโกรธ ขุ่นเคืองตอนนี้ของเธอเหมือนปรอท ตอนนี้ก็คงจะใกล้แตกเต็มทีแล้ว
"งั้น พี่ก็เชิญนอนไปคนเดียวเลย! หลินจะไปนอนข้างนอก!" หญิงสาวที่ยังคงหอบหมอนและผ้าห่มกำลังจะเดินจ้ำเปิดประตูออกไปแง้มออกได้แล้ว แต่ทว่าประตูบานเดียวกันนั้นกลับปิดสนิทด้วยฝ่ามือของใครบางคนที่เพิ่งจะดันมันเข้าที่
ตามมาด้วยน้ำเสียงของเจ้าของแรงนั้นพูดตามออกมา เขาไม่ได้พูดด้วยน้ำเสียงน่ากลัว แต่เธอกลับรู้สึกเย็นเยือกไปกับคำพูดนั้น
"คืนนี้จะไม่มีใครได้ออกไปไหน เราสองคนจะต้องนอนเตียงนี้ 'ด้วยกัน' "
คนฟังได้ยินแทบอยากจะกรีดร้อง นี่เขาใช้สิทธิ์อะไรมาข่มขู่เธอได้ขนาดนี้ ...สามีเหรอ ไม่มีทางซะหรอก!
"ไม่ หลินไม่นอนเตียงเดียวกับพี่ตั้มหรอก!" ร่างบางยังดึงดันที่จะเปิดประตูออกไป แต่อีกฝ่ายก็เดินรุกเข้ามาใกล้ พร้อมกับใบหน้าของเขา
"เดี๋ยวพี่จะออกไปนอนข้างนอกแทนเอง" คำพูดของเธอทำให้เขาใจชื้นขึ้น อย่างน้อยก็ยังความเป็นสุภาพบุรุษออกมาบ้าง
"...แต่เรื่องของเรา ถ้าได้ยินถึงหูม๊า ก็คงไม่เป็นไร..." ทั้งๆที่เพิ่งจะแอบชื่นชมแท้ๆแต่ไม่นานเขากลับเผยด้านตรงข้ามออกมา
"พี่ตั้ม!" เธอเรียกชื่อเขานิ่งๆด้วยใบหน้าที่ดุดัน ณ ขณะนี้เธออยากจะหยิบหมอนในมือปาใส่เสียเหลือเกิน
ใครจะคิดเล่าว่าใบหน้าอันแสนสุภาพ อ่อนโยน น่าเชื่อถือขนาดนี้จะเป็นคนชอบขี้ขู่ ขี้อ้าง ขี้ฟ้องอย่างคาดไม่ถึง ...ซึ่งเธอชักจะไม่ไหวแล้วนะ!
"โอเค! นอนที่นี่ก็ได้!"
หญิงสาวกระฟัดกระเฟียดเดินไปที่เตียงก่อนจะจัดที่นอนโดยเอาหมอนเกือบทุกใบกั้นไว้ตรงกลางให้หมด เพื่อแบ่งพื้นที่กัน
"พี่ตั้มห้ามข้ามเขตมาฝั่งนี้เข้าใจไหม!"
คนมองเลิกคิ้วก่อนจะยกยิ้มแล้วหัวเราะเบาๆอย่างเอ็นดูกับการกระทำของอารยาที่กลัวเขาจะมาทำร้าย
ยิ่งได้เห็นใบหน้าคนที่บุกรุกเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต หญิงสาวก็ยิ่งอารมณ์เสีย เธอเอนตัวลงนอนด้วยแรงกระแทกที่ไม่เบาแล้วหันหลังให้กับพื้นที่นอนที่เป็นของอีกฝ่าย
...ทำไมเธอจะต้องมาแชร์ห้อง แชร์เตียง ให้เขาอยู่ด้วยนะ!
แม้แต่เพื่อนเธอยังไม่ค่อยชอบให้เข้ามาในห้องส่วนตัวเลย ถ้าไม่สนิทกันจริง แต่นี่มานอนร่วมกันที่เตียง บอกเลยว่าเธอโมโหมาก!!
แต่ถึงกระนั้นคนที่หงุดหงิดก็ได้แต่บ่นอยู่ในใจ
ร่างบางสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายเมื่อฟูกฝั่งนั้นยุบเข้าไปเพราะมีคนเข้ามาอยู่ด้วย
ไฟในห้องดับสนิท มีเพียงแสงเงาจันทร์เท่านั้นที่สาดส่องเข้ามา ร่างบางที่นอนตัวเกร็งเพราะไม่คุ้นชินกับการที่ต้องมานอนร่วมเตียงกับคนที่เธอเรียกว่า 'แฟน' คนแรก และคนเดียวที่เธอมีในตอนนี้ ก่อนเริ่มจะผ่อนคลายลง สติทุกอย่างลดน้อยลงพร้อมกับอาการง่วงที่เข้ามาคลืบคลานเรื่อยๆ
พลันใดนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงบางอย่างใกล้ๆพร้อมกับลมหายใจอุ่นๆชิดใบหู ที่ทำให้เธอคล้ายจะหลับสบายไปตลอดทั้งคืน...
"ฝันดีนะครับ สาวน้อยของพี่"
สนใจสั่งหนังสือ จิ้มๆ จำนวนจำกัดนะคะ >>>> เปิดจองผูกรักเพียงใจ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

นี่โอกาสดีเลยนะ พี่ตั้มก็พร้อมช่วยเต็มที่เลยด้วย
อยากไปติดมั้งจัง
เชียร์นางให้เอาคืนพี่ตั้ม
นางเสียหลักจนไม่มีที่ยึดแล้ว
เฮียแกรุกหนักหน้ามึนด้วยยยยย