ตอนที่ 15 : จงต้องมนต์ 100%
ข้าวของในห้องกระจัดกระจายจากเดิมที่ค่อนข้างจะเข้าที่เข้าทางอยู่แล้ว แต่ก็ถูกรื้อออกมาให้รกด้วยฝีมือเจ้าของห้อง เธอไม่ได้ตามหาสิ่งของแต่อย่างใด หากตั้งใจทำให้มันดูรกขึ้นกว่าเดิมมากกว่า
มือบางปัดฝุ่นที่เริ่มเข้าจมูกตลบอบอวลเล็กน้อยก่อนจะจามขึ้น จนต้องถามตัวเองอยู่บ่อยครั้งว่า
...นี่เธอทุ่มทุนทำถึงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย?!
นัยน์ตาหวานกวาดมองทั่วห้องที่เธอจงใจทำให้มันดูสกปรก ก่อนจะหายใจเข้าลึก ประหนึ่งว่ากำลังหาแรงฮึดสู ...เอาวะ อยากได้ก็ต้องทุ่มทุนซักหน่อย ในโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆหรอก
อยากได้อะไรก็ต้องทุ่มเท ทำอะไรก็ต้องแลกด้วยแรงใจและ...แรงกาย (นิดนึง) เอาวะ! ครั้งเดียวจบ!
เสียงกดออดหน้าประตูดังขึ้นเป็นสัญญาณแล้วว่าคนที่เธอนัดไว้น่าจะมาถึงแล้ว ขาเรียวยาวของหญิงสาวจึงกระโดดก้าวข้ามกองสิ่งของก่อนจะสอดส่องดูช่องตาแมวตรงประตู มือบางชะงักลังเลที่จะเปิดประตูให้เขาเข้ามา เธอรีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องน้ำ สอดส่องแลดูตัวเองในกระจก
ผมสลวยที่ถูกหนีบด้วยกิ๊ฟตัวใหญ่ถูกปล่อยออก สยายเส้นผมสวยแผ่ลงเกือบกลางหลัง ก่อนจะนำผมยาวทั้งหมดมาพาดบนไหล่เพียงข้างเดียว เพื่อให้เห็นคอขาวผ่องเรื่อยต่ำจนไปถึงผิวบนเนินอกที่เธอจงใจปลดกระดุมออกให้เห็นผิวช่วงนั้นอยู่รำไร แต่ไม่เพียงเท่านั้นอารยายังคิดเสริมเสน่ห์ของตัวเองด้วยการเอาน้ำกวักใส่บนเสื้อและผิวกายของตัวเองทำให้ดูเหมือนเหงื่อที่ชุ่มชื้นจากการทำความสะอาดอันหนักหน่วง
เครื่องปรับอากาศในห้องถูกปิดตั้งแต่เมื่อเช้าเพื่อที่จะให้มันช่วยทำให้ร่างกายของเธอนั้นร้อนและมีเหงื่อซึมออกมา แต่เธอก็รู้สึกว่ามันคงยังไม่มากพอที่จะทำให้คนเห็นคงรู้สึกตื่นเต้น เธอจึงต้องเพิ่มมันด้วยหยาดน้ำใสอันแพรวพราวให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
เขาว่ากันว่าผู้หญิงตอนทำงานบ้าน ใส่เสื้อสีขาวตัวใหญ่ๆของผู้ชาย แล้วมีเหงื่อที่ดู ‘เซ็กซี่’ และข้างในก็ไม่ควรจะสวมใส่อะไรเลย แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่กล้ามากพอที่จะถอดบราออก เพราะแค่นี้เธอก็แทบจะไม่ไหวกับตัวเองอยู่แล้ว+
เกิดมายังไม่เคยชอบผู้ชาย ยังไม่คบ ไม่เคยมีแฟน ไม่เคยจีบ แล้วนี่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็อดที่จะระอากับตัวเองไม่ได้เหมือนกัน แล้วที่สำคัญเธอก็...ทำไม่เป็นด้วย!!
แต่เอาน่า...ผู้ชายยังไงก็ต่อได้อยู่แล้ว ขนาดวันก่อนเธอแค่เอาปากแตะเขาแค่นั้น เขาเองนั่นแหละที่ทำอะไรๆไม่รู้กับปากของเธอจนมันบวมเป่งเจ่อไปหมดจนยัยนิดต้องถามมาว่าแพ้อาหารอะไรรึเปล่า เพราะเมื่อสมัยเรียนมอปลายนั้นเธอเคยทานไส้กรอกแล้วปากบวมแบบนี้เช่นกัน
ซึ่งอย่างน้อยขึ้นชื่อว่าผู้ชายจะไม่มีประสบการณ์ทางด้านพวกนี้แน่นอนว่าเป็นไปไม่ ได้ยิ่งด้วยสมัยนี้แล้วทุกคนย่อมผ่านกันมาหมดแล้ว และเพียงครั้งนี้เธอก็แค่จุดไฟเป็นคนเริ่มให้ เดี๋ยวไฟมันก็ลามเผาต่อไปเองนั่นแหละ
มือบางขยุ้มผมตัวเองให้ดูยุ่งหน่อยๆก่อนจะจัดกางเกงขาสั้นจู๋เนื้อบางให้เข้าที่เข้าทาง แล้วเดินข้ามข้าวของเพื่อไปเปิดประตูรับ ’แขกคนพิเศษ’
--------------------
มือบางค่อยๆแง้มประตูออกมาก่อนจะเจอเข้ากับคนที่เธอคาดหมายไว้ วันนี้เขาสวมชุดสบายๆด้วยกางเกงยีนส์สีเข้มที่มีรอยฟอกหน่อยๆกับเสื้อยืดสีเทาเข้ม พอตัดกับผิวขาวๆของเขามันก็ยิ่งทำให้คนใส่ดูเด่นขึ้นไปอีก แม้ว่าจะต่างจากปกติที่เขามักจะใส่เสื้อเชิ๊ตสีสุภาพกับกางเกงสแลคเสียมากกว่า แต่มันก็ทำให้เขาในลุคนี้ดูดีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเดิมเท่าไร
ใบหน้าสวยกวาดตามองตั้งแต่ข้างล่างจนมาจรดถึงใบหน้าคม เขายังคงใส่แว่นเหมือนเดิม แต่ทรงผมของเขานั้นไม่ได้เซตใดๆเหมือนทุกวัน ผมข้างหน้าจึงปกลงมาคลุมหน้าผากมากกว่าทุกครั้ง
เขาดูสบายๆแต่ก็ดูคูล (Cool) สุดๆไปเลย!
เธอไล่สายตามาเรื่อยจนถึงริมฝีปากของเขาที่ออกสีชมพูอ่อนๆนั้นที่เป็นผลจากการที่ชายหนุ่มไม่สูบบุหรี่ก็ยิ่งใจเต้น เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในเย็นวันก่อนที่เขาใช้มันสัมผัสกับปากอิ่มของเธอ...มันทั้งร้อนแรงและเร้าอารมณ์เธอที่สุดทั้งที่เป็นจูบแรกแท้ๆ!!
หญิงสาวยืนอยู่นิ่งจนเหมือนหินที่ถูกสาบเพราะมัวแต่จ้องริมฝีปากเขาอยู่อย่างนั้น จนร่างสูงที่เธอมองเขาอยู่โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้เธอโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
“เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมนิ่งแบบนั้นล่ะ”
เธอตื่นจากภวังค์ทันที รู้ตัวอีกทีใบหน้าของเขาและเธอก็ห่างกันเพียงคืบเดียวเท่านั้น
หญิงสาวตกใจเล็กน้อยก่อนจะผละถอยห่างเข้าประตูไปหน่อยแล้วสะดุดกับสิ่งของที่ตัวเองกองไว้หน้าห้อง “อ๊ายยยย”
แต่ไม่ทันได้ล้มเอนลงไปกับพื้นก็มีแขนแกร่งของคนหน้าห้องนั้นมาคล้องเอวของเธอไว้ทัน
ตาสวยหวานสบตากับเจ้าของร่างที่เธอยึดตัวเขาไว้นิ่งราวกับต้องมนต์ ก่อนที่จะได้สติแล้วเพิ่งนึกออกว่าเธอต้องพาเขามาทำอะไรที่นี่!
“อ่อ ขอบคุณค่ะ พะ พี่ตั้มเข้ามาก่อนนะคะ” อารยาพยายามควบคุมไม่ให้เสียงของตัวเองสั่น
อภิวัชรปิดประตูพร้อมกับเดินตามเธอเข้ามา แต่เมื่อได้เข้ามาถึงได้ไม่กี่วินาทีก็พบว่าอากาศภายในอบอ้าวและร้อนเสียยิ่งข้างนอกมาก
“แล้วนี่ไปทำอะไรมาเหงื่อเต็มตัวเลย แล้วทำไมไม่เปิดแอร์” เขาถามขึ้นแม้จะสังเกตเห็นตั้งแต่เธอออกมาเปิดประตูให้เขาเมื่อครู่แล้ว
ซึ่งคำถามนั้นทำให้เธอมีสตินึกสิ่งที่จะทำขึ้นได้
“...พี่ตั้ม หลินร้อนจังเลย แล้ววันนี้แอร์ก็ดันเสียอีก” อารยาสะบัดผมเพื่อสร้างความสนใจพร้อมกับมือบางจับเสื้อของเธอให้กระพือออก เพื่อแสร้งระบายความร้อนในกายโดยมีเจตนาแฝงให้คนที่อยู่ใกล้ๆได้มองเห็นอะไรบางอย่างใต้ผ้าเสื้อของเธอ
เอาวะ!...ไอ้หลิน ด้านได้ อายอด!!
คนที่เป็นเป้าหมายเดินมาใกล้ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองมาซับเหงื่อให้ ตั้งแต่ใบหน้านวลไล่จนมาถึงลำคอระหงก่อนที่เขาจะหยุด...อยู่ที่ตรงนั้น...
“พี่ว่าหลินไปอาบน้ำดีกว่าไหม” สายตาของเขาหยุดอยู่ตรงที่ต่ำกว่ามือหนาซึ่งถือผ้าเช็ดหน้า ก่อนจะรีบดึงมือของตัวเองออกราวกับร่างกายเธอเป็นของร้อนขึ้นมาทันใด
วูบหนึ่งเธอเห็นอะไรบางอย่างในนัยน์ตาเขาที่ดูเหมือนจะอยากรู้อยากเห็นและ ตื่นเต้นไปพร้อมกัน หากแต่เขากลับหยุดแล้วถอยห่างออกไปเฉยๆ
...ทำแบบนี้ก็เท่ากับมันจะจบน่ะสิ!!
หญิงสาวกระทืบเท้าย่ำอยู่กับที่ราวกับเด็กที่งอแงเอาแต่ใจถูกแม่บังคับให้ไปโรงเรียนแต่นี่ไม่ใช่! เธอถูกเขาบังคับให้ไปอาบน้ำ!
“ไม่เอา หลินไม่อาบ ยังทำความสะอาดห้องไม่เสร็จเลย เดี๋ยวก็เลอะอยู่ดี”
อภิวัชรกวาดตามองรอบห้องที่เจ้าของบอกว่ารก ดูจากลักษณะแล้วเหมือนว่ามันจะถูกรื้อออกมาเป็นหย่อมๆมากกว่า
“ไม่เป็นไร ไปอาบเถอะ เดี๋ยวพี่ดูแอร์ให้” ร่างสูงทำท่าเข้าไปจะหยิบรีโมทเครื่องปรับอากาศ ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างโซฟา แต่ไม่ทันไรหญิงสาวเจ้าของห้องก็เดินเข้ามาขวางทันที
“ไม่ได้นะคะพี่ตั้ม! หลินดูแล้วว่ามันเสีย พี่จะดูให้เสียเวลาทำไม”
“พี่ดูได้นะ พี่ก็พอรู้เรื่องพวกนี้อยู่บ้าง” เขาเอื้อมมือจะหยิบรีโมทข้างหลังหญิงสาว แต่แน่นอนว่าคนที่ตั้งใจมาขวางนั้นย่อมไม่ยอม เธอจึงโถมกายเข้ากอดรัดเขาไว้แน่น โดยที่ชายหนุ่มไม่ทันได้ตั้งตัว
“อย่าดูเลยนะคะพี่ตั้ม! เสียเวลา” ร่างบางที่โอบร่างสูงของชายหนุ่มไว้ดันกายเขาออกมาจากจุดที่วางรีโมทและถอยห่างออกไปเรื่อยๆจนข้อพับขาข้างหลังของร่างสูงชนเข้ากับที่นั่งของโซฟาจนล้มทับลงไปด้วยกันทั้งคู่
จมูกโด่งรั้นและริมฝีปากอิ่มประทับลงบนผิวกายบริเวณต้อคอของร่างสูงที่เธอกำลังนอนทาบทับเขาอยู่ …นี่มันไม่ต่างจากจูบเลยนะ!
ไหนจะกลิ่นนี่อีกที่เตะเข้าจมูกเธออย่างจัง! ก็จะไม่ให้กลิ่นได้ยังไงในเมื่อจมูกของเธอเฉียดอยู่กับผิวขาวของเขาเบาๆอยู่อย่างนี้ ซึ่งมันเป็นกลิ่นที่ติดอยู่ที่หมอนเกือบทุกใบรวมถึงเตียงที่อยู่ในห้องนอนของเธอด้วย
แต่ถึงกระนั้นคนที่บังเอิญล้มมาทับก็ยังกล้าที่จะได้ถือโอกาสนี้สูดกลิ่นนั้นเข้าไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบผงกหัวขึ้นมาขณะที่แอบคิดไปด้วย
…นี่เขาใช้น้ำหอมยี่ห้ออะไรเนี่ย มันคล้ายกับว่าเป็นกลิ่นเสื้อ กลิ่นโคโลญ ผสมกับกลิ่นกายของเขาแล้วมันเลยออกมาเป็นแบบนี้…โอ๊ยย...นึกแล้วก็ได้แต่ห้ามใจตัวเองไม่ให้ลงไปฟัดคนตรงหน้า
ใบหน้าใสที่แต่งแก้มของตัวเองให้มีสีเลือดฝาดเล็กน้อย ค่อยๆดันตัวเองขึ้น แต่ลุกเท่าไรก็ไม่เป็นผลสำเร็จเมื่อมีมือหนากดทับบริเวณเอวช่วงหลังของเธอไว้
หญิงสาวมองขึ้นสบตาเจ้าของวงแขนเป็นเชิงถามว่าทำไมถึงไม่ปล่อย หรือว่าผีหื่นกามตัวใดมันเข้าสิงเขาเข้าไปเสียแล้ว
แต่ด้วยใบหน้าอันแสนสุภาพขัดกับนัยน์ตาพราวระยับที่กำลังส่งมานั้นมันทำให้เธอมองไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
“พี่ตั้มมีอะไรรึเปล่า” เสียงหวานถามเสียงสั่น เพราะตลอดแนวลำตัวของเธอแนบชิดราบสนิทไปกับตัวของเขาจนแทบจะไม่มีมดหรือแม้แต่อากาศมุดลอดผ่านไปได้
อีตาบ้านี่! คิดอะไรอยู่กันแน่ พอตั้งใจจะยั่วก็ไม่ยอมเล่นด้วย ทีตอนนี้จะมารั้งไว้ทำเพื่อ?
“แอร์ไม่ได้เสียใช่ไหม” เสียงทุ้มนุ่มมีแววหยอกล้อกระซิบ ปลายจมูกโด่งของเขาเฉียดไปมาบนผิวอ่อนบริเวณหูของเธอ
คนเจ้าแผนการเบิกตากว้าง ก่อนจะหันไปมองหน้าคมคายที่สวมใส่แว่นอยู่
“พี่ตั้มหาว่าหลินโกหกเหรอ!?” หญิงสาวพูดเสียงแข็ง พร้อมกับซ่อนนัยน์ตาที่สะท้อนการโป้ปดออกไป
เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแต่จ้องดวงตาหวานที่ไม่ยอมหลีกเลี่ยงการมองของเขาราวกับวัดใจ
ไม่มีใครยอมเลิกถอยไปก่อนซึ่งแม้แต่จะกระพริบตาก็ไม่มีใครเว้น จนหญิงสาวที่ทับอยู่บนร่างสูงเริ่มชักต้านทานไม่ไหว เมื่อเธอเริ่มจะเสียสมาธิ หัวสมองที่ไม่ยอมเชื่อฟังเธอนั้นเริ่มคิดออกนอกลู่นอกทางกับร่างกายของเขา
และในที่สุดเหตุผลก็อยู่ภายใต้อำนาจจิตใต้สำนึก เมื่อมือบางยกขึ้นถอดแว่นของเขาออกจากใบหน้าที่ไม่ได้ห่างจากเธอมาก ส่วนหนึ่งที่ทำไปก็เพราะอยากจะเห็นว่าถ้าถอดแว่นออกแล้วเขายังจะมองเห็นเธอชัดอยู่รึเปล่า แล้วเขายังจะกล้าจ้องตาเธออยู่อีกไหม...ช่างเป็นข้ออ้างที่ไร้เหตุผลสิ้นดี!
หัวใจทั้งสองดวงเต้นระรัวพร้อมกัน เมื่อหญิงสาวรุกและจู่โจมเขาด้วยการเอาแว่นที่บดบังบนใบหน้าของเขาออก ซึ่งอย่างน้อยถ้าหากสวมใส่มันไว้ก็ยังช่วยปิดกลั้นความรู้สึกบางอย่างไม่ให้ออกมามากจนเกินไปได้ แต่เมื่อปราศจากมันความรู้สึกต้องการอันมากล้นจึงได้ถลำออกมาโดยที่ร่างบางไม่ทันได้ตั้งตัว
จู่ๆร่างของอารยาก็ถูกพลิกลงไปอยู่ข้างล่างภายใต้ร่างหนาเธอทับไว้เมื่อครู่
ไม่มีคำพูดใดๆออกจากปากของทั้งสองคน
นัยน์ตาหวานไล่พินิจมองใบหน้าของชายหนุ่มในระยะใกล้ เธอรู้สึกเคลิ้มราวกับเข้าไปอยู่ในความฝัน ก่อนจะรู้สึกอีกทีเมื่อผมของเขาเข้ามาปกคลุมบริเวณหน้าผากของตัวเองพร้อมกับเงามืดที่ไม่ต่างจากเมฆฝนที่เคลื่อนเข้ามาบดบังแสงสว่างจากดวงอาทิตย์
ไม่ถึงเสี้ยววินาทีที่นึกได้ปากอิ่มก็พลันสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่แนบสนิทลงมา และถือวิสาสะบดเคล้าให้ริมฝีปากเธอเผยอออกและไม่ให้มันหยุดอยู่นิ่ง
ครั้งก่อนที่จูบกันเธอเป็นคนเริ่มต้นก็จริง แต่ไม่นานเขาก็เป็นคนสานต่อไปเรื่อยๆจนจบครั้งน้น แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อนและยังไม่ได้อนุญาตให้เขาทำเช่นนี้ด้วย
แต่ถึงอย่างไรแรงที่จะต่อต้านกลับมลายหายไปสิ้น เพราะสิ่งที่เธอมองเห็นอยู่เพียงตอนนี้มีแต่ใบหน้าคมอันหล่อเหลาที่อยู่ในระยะใกล้...ใกล้มากจนเธอเห็นเพียงแค่ตาของเขาที่กำลังหลับขณะทำมิดีมิร้ายกับปากเธออยู่
จนสุดท้ายเธอไม่สามารถที่จะทนมองเห็นเขาในระยะนี้ไว้ หญิงสาวจึงต้องหลับตาแล้วปล่อยให้เขาทำเช่นนั้นต่อไปเรื่อยๆซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่าครั้งนี้มันจะสำเร็จจบไปเมื่อใด
ตอนนี้ไม่ได้เมฆฝนที่เคลื่อนเข้ามาไม่ได้ทำให้ฝนอันชุ่มฉ่ำตกลงมาเลยสักนิด หากแต่มันเหมือนจะนำพายุลมร้อนให้โหมกระหน่ำเข้ามาเล่นงานเธอแทน
ชายหนุ่มยกใบหน้าของต้นขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะเบนศีรษะไปอีกฝั่งราวกับกับปรับองศาแล้วก้มลงมาประกบริมฝีปากของเธออีกครั้ง เขาทำเช่นนั้นประมาณสองถึงสามรอบ จนเธอแทบจะทนไม่ไหวหายใจไม่ทันคล้ายกับวิ่งแล้วหอบจนตัวโยน
ทุกครั้งที่เขาผงกหัวขึ้นเธอไม่ทันได้สูดออกซิเจนเข้าเต็มปอด ก็ต้องถูกชายหนุ่มช่วงชิงลมหายใจไปเสียแล้ว
มือหนาสัมผัสเลาะไล้รอดเข้าไปตามผิวบริเวณช่วงเอวบางก่อนจะเลื้อยสูงขึ้นไปเรื่อยๆแล้วไล้วนอยู่บริเวณช่วงหน้าท้องแต่ไม่ได้ล่วงล้ำเข้าไปบนเสื้อชั้นใน
มือบางที่วางอยู่บนบ่าของเขาขยุ้มเสื้อยืดพร้อมกับจิกมือลงบินผิวขาวภายใต้เนื้อผ้านิ่มนั้นอย่างระบายอารมณ์ ตอนนี้เธอไม่สามารถทำอะไรได้เลย นอกจากรอเวลาเสร็จสิ้นเพียงเท่านั้น
ชายหนุ่มปล่อยให้หญิงสาวสูดอากาศหายใจด้วยการผละออกจากริมฝีปากแล้วไล้จมูกโด่งไปตามแก้มใสและทั่วกรอบหน้าสวยเรื่อยจนต่ำลงมาถึงบริเวณลำคอจนทั่วทั้งสองข้าง ก่อนสัมผัสต่ำลงไปเรื่อยๆจนถึงเนินอกอิ่ม เขากดจูบลงบนเนื้อนุ่มนั้น พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะหยุดทุกอย่างอยู่ที่ตรงนั้นแล้วซบใบหน้าลงไปบนอกนิ่ม
“วันหลังอย่าทำแบบนี้อีก…”
เสียงของเขาเอ่ยออกมาอย่างสั่นพร่า จนเธอแทบไม่เชื่อหูตัวเองว่าเป็นเสียงของเขาจริงรึเปล่า แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เท่ากับการที่เขานอนทับบริเวณหัวใจข้างซ้ายใต้หน้าอกของเธอที่หญิงสาวกลัวเป็นอย่างมากว่ามันจะกระโดดเด้งออกมาจากร่างที่แม้แต่เจ้าของอย่างเธอก็ยังห้ามมันไว้ไม่อยู่
คนที่ถูกกดทับไม่ได้พูดอะไรออกมาเพราะตอนนี้เธอรู้สึกได้ว่าปากของเธอนั้นมันชาและหนักอึ้งเกินไป หนักเสียยิ่งกว่าร่างกายของตัวเองตอนนี้ที่กำลังถูกเขาทับเสียอีก
เขาซบอยู่เช่นนั้นซักพัก ปล่อยให้เธอหายใจหายคอไม่ได้เต็มปอด ขณะที่เขาเองก็ดูเหมือนว่าคล้ายกับจะทำใจไม่ได้ที่จะลุกออกไป จึงทำได้เพียงยื้อเวลาไว้ให้ร่างทั้งสองนอนกอดก่ายกันอยู่เช่นนี้
มันจะไม่เป็นอะไรมากถ้าหากเขาเพียงแต่หนุนทับเท่านั้น แต่สิ่งที่เขากำลังทำนั้นมันช่างตรงกันข้ามกับการอยู่เฉยๆ เสียเหลือเกิน จมูกโด่งและปากที่ใช้รังแกเธอนั้นยังคงไล้สัมผัสอยู่บนผิวกายเธอ!
ยิ่งยามมันถูกลากไล้ขยับไปทางซ้ายที ขวาที อย่างช้าๆ ก็ไม่ต่างกับการจงใจทรมานเจ้าของร่างด้วยเครื่องมืออะไรซักอย่างที่ทำให้เธอทั้งตื่นเต้นและหวาดเสียวในเวลาเดียวกัน เขาทำเหมือนเด็กที่ติดหมอนแล้วกำลังจูบอยู่บนหมอนนุ่มนั้นราวไม่อยากลุกออกจากเตียงไปไหน แต่ระหว่างเขากับเด็กนั้นมีสิ่งที่ต่างกันก็คือ...ไรเคราที่มันเริ่มขึ้นบางๆ นั้นมันสร้างความเดือดร้อนให้เธอเป็นอย่างมาก
อาจจะเรียกว่าเป็นความผิดของเธอก็ว่าได้ที่ไม่ยอมกลัดกระดุมเสื้อบริเวณนั้นให้มิดชิด เพราะมัวแต่คิดจะหลอกล่อเขา แต่พอเหยื่อติดกับ เธอเริ่มชักไม่แน่ใจแล้วว่าตอนนี้เธอเองรึเปล่าที่กำลังจะเป็นเหยื่อของเขาเสียเอง
จากคนที่กำลังวังชาค่อนข้างดี เพราะเธอเป็นคนชอบทำอะไรด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้มือทั้งสองข้างมันกลับทำได้แค่วางแปะและกดอยู่บนไหล่ของเขาที่ต่ำกว่าระดับตัวเธอไม่มาก
เธอไม่สามารถดันออกไปได้ เว้นเสียแต่ว่าจะจิกมันลงไปเมื่อเขากำลังทำอะไรบางอย่างกับร่างกายของเธอมากกว่าที่เป็นอยู่
จนไม่นานชายหนุ่มก็ผงกศรีษะขึ้นมาก่อนจะลุกขึ้นนั่งแล้วดึงตัวเธอขึ้น มือหนาหยิบแว่นสายตาที่มันหล่นอยู่บนพื้นข้างๆโซฟานั้นขึ้นมาสวม ซึ่งโชคดีว่าพื้นในห้องนี้เป็นพื้นพรมเมื่อแว่นตกกระทบพื้นในห้องจึงไม่ทำให้แว่นสายตาของเขาแตกร้าว
หลังจากนั้นคนตัวโตกว่าก็เขยิบเข้ามาใกล้ พร้อมกับจัดผมเผ้าของเธอที่ตอนนี้มันดูไม่เป็นทรงหนักราวกับไปสะบัดเต้นที่ไหนมาซักแห่งให้เข้าที่ พร้อมกับกระชับเสื้อที่มันเปิดกว้างจนเห็นหัวไหล่ขาวนวลข้างหนึ่ง ซึ่งนั่นทำให้เธอเพิ่งสังเกตเห็นว่ากระดุมบนเสื้อของเธอนั้นมันหลุดจากรังดุมเพิ่มจากที่เธอปลดมันไว้
หญิงสาวนิ่งไปชั่วครู่ เธอรีบกำเสื้อไว้ที่ไม่ได้ถูกติดกระดุมทั้งสองข้างแน่น แล้วค่อยๆเขยิบตัวถอยห่างออกจากเขา
…พอเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นจริง เธอก็แอบตกใจไม่น้อย แต่ก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าถ้าไม่พร้อมขนาดนี้แล้วทำไมไม่ต่อต้านเขาให้ถึงที่สุด และก็ไม่ได้กลัวเขาเลยสักนิด หากแต่กลับปล่อยเลยไปให้เขาทำตามใจชอบไปได้
เธอเชื่อว่าเขาก็ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้เพราะเขาเป็นคนควบคุมอารมณ์และสติได้ หลายต่อหลายครั้งเขาก็ไม่เคยที่จะกระทำล่วงเกินเธอเลย
แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้ชาย ต่อให้จะควบคุมได้มากเท่าใดแต่หากถูกกระตุ้นแล้วเชื้อเพลิงก็ย่อมติดง่ายเป็นธรรมดา…และนี่ก็เป็นครั้งแรก…ผู้ชายคนแรกที่ได้สัมผัสเธอเช่นนี้
เขารู้ว่าเธอกำลังทำอะไรบางอย่างเพื่อยั่วยวนเขา ถึงกระนั้นมันก็ได้ผลระดับที่ค่อนข้างดี(มาก)
ดวงตาของหญิงสาวสะท้อนแววสั่นไหวพร้อมกับความสับสน จนชายหนุ่มต้องเอ่ยปากขึ้นเพื่อตัดบรรยากาศที่เงียบงันและกดดันทั้งสองฝ่าย
“พี่ขอโทษ” เขาพูดทั้งที่ยังสบตากับเธอซึ่งแสดงความรู้สึกผิดออกมา
หญิงสาวไม่ได้ว่ากล่าวอะไร เธอเพียงแต่เงียบ เพราะแม้เวลาจะผ่านไปสักระยะ ปากของเธอก็ดูเหมือนจะใช้การไม่ได้อยู่ดี
“เดี๋ยวพี่ทำต่อเอง หลินไปอาบน้ำเถอะ” ด้วยคำพูดของเขาร่างบางจึงถือโอกาสนี้ลุกออกไปอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูห้องน้ำอย่างฉับพลันราวกับหนีอะไรบางอย่าง
ไม่ต่างกับอีกคนที่พ่นลมหายใจออกมาแรงก่อนจะเดินออกไประเบียงข้างๆเพื่อสูดอากาศ เข้าปอดลึก พร้อมกับหลับตาเพื่อทำการรีเซ็ทตัวเองใหม่ก่อนจะเดินเข้ามาเก็บของที่อยู่ใน ห้องต่อให้เข้าที่
อารยาใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำค่อนข้างนานกว่าจะออกมา เธอกำลังทำใจกับสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อครู่ ทั้งๆที่คิดไว้แล้วว่ามันจะต้องเกิดขึ้นแบบนี้อย่างแน่นอน แต่พอเอาเข้าจริงเธอกลับกล้าๆกลัวๆไปเสียอย่างงั้น เขาเองก็คงไม่ต่างกัน
เขาอาจจะเคยทำแบบนี้กับผู้หญิงคนอื่นมาแล้ว แต่สำหรับเธอนั้นไม่! มันเป็นครั้งแรกของเธอ!
ร่างบางเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยเสื้อผ้าครบชุดที่ปิดมิดชิดตรงข้ามกับเมื่อครู่ที่เปิดเผยให้เห็นอย่างตั้งใจ
และพอได้ออกมาไม่ถึงห้าวินาทีเธอก็สัมผัสได้ทันทีว่าอุณหภูมิในห้องที่ร้อนเมื่อครู่เริ่มเปลี่ยนไปเป็นอากาศที่เริ่มเย็นลงเพราะมีใครบางคนเปิดเครื่องปรับอากาศที่เธอบอกว่าเสียไว้...
เจ้าของห้องเดินเข้าไปหาคนที่กำลังจัดกองข้าวของหนังสือที่เธอรื้อออกมาให้เข้าที่โดยแยกไว้เป็นหมวดหมู่อย่างชัดเจน
“พะ พี่ตั้ม เดี๋ยวหลินจัดต่อเอง” อารยานั่งลงข้างๆเขาก่อนจะหยิบหนังสือที่วางอยู่จัดลงบนชั้น
สรุปแล้วการรื้อของเธอก็แค่เพื่อสร้างหลักฐานเท็จให้เขามาที่นี่ แต่ในเมื่อผลมันไม่สำเร็จก็กลายเป็นว่าเขาจึงต้องมานั่งจัดห้องให้เธอจริงๆ
อภิวัชรเงียบตลอดเวลาที่เขาจัดห้อง ทำความสะอาดให้ เขาไม่ยอมพูดอะไรขึ้นมาเลย นอกจากก้มหน้าก้มตาจัดเรียงต่อไป จนหญิงสาวแอบที่จะรู้สึกผิดไม่ได้ พาเขามาทำบัดสีในห้องของตัวเองแล้วยังมาให้เขารับผิดชอบจัดของทำความสะอาดให้เธออีก
จนในที่สุดเป็นหญิงสาวเองที่ทนทานต่อความเงียบนั้นไม่ไหวจึงเป็นฝ่ายไปจับแขนของเขาไว้เพื่อให้หันมาสนใจเธอบ้าง คนที่เงียบมาตลอดจึงยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตา
“พี่ตั้ม...โกรธหลินหรือเปล่า” รู้สึกเป็นคำถามที่หนักหน่วงกว่าจะพูดเอ่ยปากออกมาได้ แต่ในที่สุดเธอก็ต้องพูดออกมา
เขายังคงมองเธออยู่เช่นนั้น อย่างที่ไม่สามารอ่านสายตาออกได้ และในที่สุดการรอคอยของเธอก็สิ้นสุดลงเมื่อมือหนาจับมือน้อยที่วางอยู่บนแขนแกร่งนั้นออก ทำเอาหัวใจของคนที่กำลังรู้สึกผิดและแย่กับตัวเองกระตุกวูบไปชั่วครู่
แต่แล้วเขาก็ทำให้เธอเริ่มอุ่นขึ้นด้วยการหยิบมือบางนั้นเข้ามากุมแทนและเริ่มขยับริมฝีปากที่เธอเฝ้ารอว่าให้พูดอะไรบ้างก็ได้ออกมาซักที
“พี่ไม่รู้ว่าหลินกำลังคิดทำอะไรอยู่ แต่พี่อยากให้หลินคิดดีๆก่อนมันจะแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว”
คนรู้ตัวว่าผิดทำได้แต่ก้มมองมือตัวเองที่ถูกเขากุมไว้ โดยไม่กล้าสบตามองหน้าเขา ขณะที่เขายังคงพูดต่อไป
“พี่อยากให้หลินแน่ใจในความรู้สึกของตัวเองก่อน” และไม่รู้เหตุใดจังหวะนั้นเธอจึงยอมเงยหน้าขึ้นมามองเขาซึ่งตรงกับจังหวะที่เขาใช้คำพูดพิฆาตนารีจนเธอแทบจะลมจับไป
“...ไม่ว่าจะยังไง พี่ก็อยากให้หลินรู้ไว้นะ… ‘พี่รักหลิน’ ”
...คำคำนั้นสะท้อนก้องอยู่ในหูหญิงสาวซ้ำๆจนเธอไม่เป็นตัวของตัวเองไปหลายวัน
หลังจากวันนั้นอารยาก็ไม่ได้ติดต่อหาเขาอีกเลย รวมถึงการพบปะหน้ากันด้วย นี่ก็เกือบจะหนึ่งอาทิตย์แล้วสินะ ที่เขาและเธอยังไมได้พบหน้ากันเลย
ปกติแล้วเมื่อเลิกงานเขาก็มักจะมานัดเจอใกล้ที่ทำงานหรือเป็นเธอเองซึ่งพาเขามาที่ห้อง ต่างจากตอนนี้ที่แม้เขาโทรมา เธอก็ไม่รับ ส่งข้อความมาเธอก็ไม่ตอบกลับ แต่ด้วยความอยากรู้ก็ทำได้เพียงแต่เปิดอ่านเท่านั้น…
ไม่รู้เหมือนกันทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทั้งๆที่มันดูเหมือนจะใกล้ความสำเร็จแล้วแท้ๆ แต่กลับเป็นตัวเธอเองที่ทำให้ทุกอย่างไม่กล้าเดิน
…เรื่องราวมันเกิดขึ้นตั้งแต่วันนั้น วันที่เขา บอกว่า ‘รัก’ โดยทีเธอไม่ได้ตั้งตัว
คล้ายกับว่าคำนี้มันเป็นยันต์กันวิญญาณอย่างเธอให้ออกห่างจากเขา ทั้งๆที่ทุกอย่างก็ดูจะเข้าข้างเธออยู่แล้ว
เธอรู้ดีว่าตัวเองกำลังหนีปัญหา และกลัวคำว่า ‘รัก’ จากปากของเขาเหลือเกิน
…รักเหรอ…ไร้สาระ
เธอกับเขาเพิ่งรู้จักกันมาไม่กี่เดือนนี้เอง จะมาบอกรักกันง่ายๆอย่างนี้ได้ยังไง เพ้อเจ้อ!
เธอสั่งสมองให้จดจำและคิดเช่นนั้นดังที่เธอเคยคิดเมื่อก่อนจะรู้จักเขา
ผู้ชายอย่างไรเสียก็เป็นผู้ชาย น้ำคำคนไม่สามารถจะเชื่ออะไรได้ทั้งนั้น
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ…ทำไมเธอต้องมานั่งแคร์ด้วยว่าเขาจะพูดจริงหรือไม่ ในเมื่อเธอไม่ได้แคร์อยู่แล้วไม่ใช่หรือ
หญิงสาวยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว เรื่องทุกอย่างสับสนไปหมด ตลอดทั้งสัปดาห์นี้สมาธิและประสิทธิภาพในการทำงานของเธอน้อยมาก เนื้อที่ส่วนมากที่ใช้คิดก็จะมีเรื่องเขาอยู่ด้วย
มือบางหยิบกระป๋องเบียร์ออกจากถุง ซึ่งมีวางไว้ด้วยกันอยู่เกือบสิบกระป๋องจากบนโต๊ะ ก่อนจะแกะแล้วเทเข้าปากอย่างไม่คิดจะลังเลในการดื่มอะไรทั้งนั้น
ช่างมันเถอะ อ้วนก็อ้วน!
การดื่มเบียร์ก็สามารถอ้วนได้เช่นกันเพราะแคลอรี่ค่อนข้างสูง แต่ตอนนี้เธอสามารถบอกเลยได้ว่าไม่สนใจอะไรทั้งนั้น!
เพราะเกลียดความวิตกกังวลในจิตใจ ไม่เป็นตัวของตัวเอง ทำให้เธอคิดหาวิธีลืมทุกอย่างแล้วให้ตัวเองนอนหลับสนิทแทนที่จะมาฝืนบังคับให้ตัวเองนอนทั้งๆที่ยังไม่รู้สึกง่วง กว่าตาจะรู้สึกปิดก็ใกล้สว่างแล้ว
ได้โอกาสว่าพรุ่งนี้พอดีตรงกับวันหยุด แล้วด้วยอารมณ์แบบนี้เธอก็ไม่มีอารมณ์จะกลับบ้าน ไม่กล้าที่จะไปพบม๊าด้วย จึงตัดสินใจทำอะไรซักอย่างแก้เซ็งแล้วลืมๆเรื่องในหัวไปบ้าง
แต่ถึงกระนั้นก็อยากจะมีใครบางคนนั่งอยู่ด้วย เธอจึงได้ชวนนิชานันท์มาทานด้วยกัน เพราะคนนั้นน่ะ คอเบียร์เลยซึ่งเธอชอบดื่มตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว ดื่มเท่าไรก็ไม่เมา ต่างจากเธอที่ไม่เคยแม้แต่จะคิดแตะ นอกจากครั้งนี้ที่ทำราวกับประชดชีวิต
แต่ว่าเพื่อนรักกลับบอกว่าวันนี้จะต้องไปตรวจร้านที่บูธสินค้าที่จัดในงานใหญ่ จึงไม่สามารถมาร่วมสนุกและฉลองกับการดื่มครั้งแรกของเธอไม่ได้
แม้ว่าเบียร์จะมีสัมผัสรสชาติข๋มปี๋ แต่มันกลับให้เธออยากลองต่อแล้วว่าทำไมหลายๆคนถึงได้ติดใจรสชาติของมันกัน
กระป๋องเบียร์ที่ว่างเปล่าถูกวางบนโต๊ะเรื่อยๆจนไม่มีมาเติมเต็มอีก
มือบางเขย่ากระป๋องเปล่าที่ของเหลวสีทองอ่อนเพิ่งจะหมดไปเพราะเข้าปากเธอเมื่อครู่เพื่อดูว่ามันยังคงหลงเหลืออยู่อีกหรือไม่…ไม่มี
เปลือกตาของคนที่เพิ่งดื่มไปแทบจะเปิดไม่ได้ ตอนนี้เธอหนักไปหมดทั้งร่างจึงได้แต่ล้มตัวเอนไปบนพนักโซฟา ไม่นานก็มีเสียงออดจากหน้าประตูดังขึ้น
ยัยนิดดด…ไหนบอกว่าจะไม่มางายยย
เจ้าของห้องเดินโซซัดโซเซออกไปที่หน้าประตูเพื่อเปิดมันออกโดยที่ไม่ได้สอดส่องให้แน่ใจว่าแขกเป็นคนเดียวกับที่เธอคิดไว้หรือไม่
หญิงสาวปรือตามองตั้งแต่เท้าจรดศรีษะ ก็พบว่าเพื่อนสาวของเธอมีรูปร่างที่เปลี่ยนไป ทั้งสูงและตัวใหญ่ ผิดจากเดิม
“นิดดด แกไปทำอารายยยมา ทำไมถึงตัวสูงล่ำขนาดนี้ฮะ!” คนเมาเริ่มถามตะโกนโหวกเหวกโดยไม่กลัวว่าข้างห้องจะได้ยินหรือไม่
เธอยื่นมือไปจับใบหน้าของคนตัวสูงก่อนจะจับพลิกไปพลิกมาแล้ว ตาที่มองเห็นทุกอย่างพร่ามัวเริ่มเพ่งสังเกตดีๆ ก่อนจะพบว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ใช่เพื่อนเธอ แต่เป็นคนที่เธอหลบหน้ามาตลอด
…พี่ตั้ม!!
*-------------------------
ลงอีกรอบ อิอิ ตัวนี้อาจมีคำผิดบ้างนะคะ แต่ต้นฉบับแก้แล้ววน้าา
สนใจสั่งหนังสือ จิ้มๆ จำนวนจำกัดนะคะ >>>> เปิดจองผูกรักเพียงใจ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

คนเมามักทำอะไร พูดอะไรไม่คิด
แล้วยัยหลินจะเป็นงัยละเนี่ย
ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆมาให้อ่านค่ะ
โดนพี่ตั้มบอกรักแบบนี้
พี่ตั้มสุภาพบุรุษกระทิงแดงจริงๆ
พี่ตั้มไม่ใช้คนหื่นแต่เป็นคนดีนะ แค่นี้คือการสั่งสอนนะจ๊ะ พี่ตั้มไม่ได้กล่าว อิอิอิ
จะมาเรียกร้องให้หยุดไม่ได้นะหลิน
แอบกรี๊ดเบาๆงานนี้ใครจะอ่อยใครกันแน่เนี่ย
ขอบคุณไรเตอร์คร้า มาอัพเยอะๆน๊ากำลังติดงอมแงมเลย
จะเอาแต่ลูก พ่อของลูกต้องการไม่ ไม่ต้องการทางนี้รอรับอยู่นะจ๊ะ
จะกินตับเธอๆ