ตอนที่ 11 : คำขอ...Rewrite
บรรยากาศในห้องคอนโดนใจกลางเมืองก็ยังคงเป็นไปตามเหมือนเช่นเคย หญิงสาวเปิดทีวีเบาๆให้พอได้ยิน และเปิดเครื่องปรับอากาศให้ห้องเย็นสบาย เช่นเดียวกับการส่งข้อความหาใครบางคนทุกคืน
"ฝันดีนะคะพี่ตั้ม" อารยากดส่งข้อความหาชายหนุ่มที่เธอปักหมุดไว้เป็นเป้าหมายในตอนนี้
ไม่นานเครื่องมือสื่อสารที่เธอถือสั่นแล้วปรากฏข้อความของอภิวัชรที่ส่งมา
"เช่นกันครับ" ข้อความของเขามาพร้อมกับสติ๊กเกอร์ตัวการ์ตูนหมีถือหัวใจที่เขียนว่า Good Night Kiss
เธอไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะมีมุมนี้เหมือนคนอื่นด้วย!
ตั้งแต่วันที่ไปดูหนังกันเมื่อเกือบสัปดาห์ก่อน เขาก็ดูเข้าหาเธอมากขึ้นเรื่อยๆ สนิทกันมากขึ้น ซึ่งนั่นถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี
แต่เหตุการณ์ในวันนั้นเธอไม่ได้ตั้งใจที่จะไปทำเช่นนั้นกับเขาเลยสักนิด เธอก็แค่กลัวการกระทำของตัวละครโรคจิต ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้วที่ไม่ชอบดูหนังแนวสยองขวัญ แต่เมื่อวันนั้นได้ดูแล้วก็อยากรู้จุดจบของการกระทำของตัวละครเช่นกัน
แต่วันนั้นหนังที่ดูกลับจบได้แย่มากสำหรับเธอ! ท้ายที่สุดแล้วตัวเอกก็ยังคงหาเหยื่อฆ่าต่อไปเพื่อสนองแก้ปมในจิตใจตัวเอง ที่โดนทำร้ายตอนเด็กๆนั่นเอง
เฮ้อ...เธอเกลียดจริงๆภาพยนตร์ที่สร้างมาแล้วจบแบบนี้ สาระแก่นสารก็ไม่มีนอกจากเอาใจกลุ่มคนที่ชอบเสพติดความรุนแรงแอบโรคจิต
วันนั้นในโรงหนังเธอเพียงหลับตาปี๋ก็แค่นั้นเอง ไม่ได้ถึงกับละเมอคลุ้มคลั่งเท่ากับตอนเด็กๆที่เคยพลั้งมาดูกับเพื่อนซึ่งทำเอานอนไม่หลับไปหลายวัน แต่เขานั่นแหละไม่รู้ทำไมถึงได้สังเกตเห็นเธอในที่มืดๆแบบนั้นก็ไม่รู้ ถึงได้จับให้หัวของเธออิงซบอยู่ตรงบ่าของเขา มือข้างหนึ่งประสานจับเธอไว้แน่น และอีกข้างหนึ่งก็ยังรูปผมของเธอบนศีรษะเป็นระยะๆ พร้อมกับถามว่า โอเคไหม ออกไปกันไหม
ซึ่งเธอในตอนนั้นดูอ่อนแอกว่าที่คิดและกว่าปกติมากถึงยอมให้ชายหนุ่มแตะเนื้อต้องตัวได้โดยไม่ขัดขืนแม้แต่น้อย แต่ก็ไม่เป็นไร...อย่างน้อยผลของวันนั้นคือเธอสามารถทำให้เขา...ใกล้เข้ามาอีกนิด
หญิงสาวคิดเรื่องราวทั้งหมดไว้โดยทวนออกมาเป็นอย่างดีแล้ว ว่าเธอน่ะ ทำถูกต้องแล้วที่สุด
มือบางกดส่งสติ๊กเกอร์น่ารักๆกลับไปเช่นกันโดยพยายามไม่ได้คิดอะไร
พรุ่งนี้แหละบางอย่างที่เธอวางแผนไว้ต้องสำเร็จ
บรรยากาศในร้านอาหารหรูบนตึกของโรงแรมชั้นยี่สิบบรรยากาศดีมาก สามารถเห็นภาพเมืองกรุงในยามค่ำคืนได้อย่างชัดเจนและกว้างทั่วสุดลูกตาตาม การออกแบบของตึกที่ผู้ใช้บริการเป็นระดับไฮโซ เพราะแน่นอนว่าคนมีจุดประสงค์อย่างหญิงสาวต้องการให้ผลออกมาบรรลุล่วงสำเร็จไป เธอจึงเลือกใช้ที่นี่เป็นการเลี้ยงชายหนุ่มคู่กรณีที่ต้องเจรจามา ทั้งที่เธอแทบไม่เคยมาเหยียบที่นี่เลย นอกจากยัยนิดพามาเลี้ยงวันเกิดเท่านั้น
"พี่ตั้มชอบบรรยากาศที่นี่ไหมคะ" เธอถามไปพร้อมกับตักอาหารวางลงบนจานเขาไปด้วย
มุมที่เธอนั่งค่อนข้างเป็นมุมส่วนตัวเหมาะกับการคุยเรื่องที่สำคัญโดยเฉพาะ
"หลินชวนพี่มาที่นี่ต้องมีอะไรสำคัญแน่เลย ใช่ไหม" หญิงสาวสบตาคนถามฉับพลัน เขาไม่ใช่ผู้ชายที่ดูหลงตัวเองจนดูไม่ออกว่าเธอต้องการอะไร
เธอคิดว่าร้อยทั้งร้อยในสายตาผู้ชายคนอื่นไม่มีทางคิดอย่างนี้แน่นอน
"ค่ะ แต่ไว้ทานข้าวให้อิ่มกันก่อนดีกว่านะคะ เพราะเราก็ยังไม่ได้ทานอะไรกันมาตั้งแต่กลางวันเลย" และเธอก็แอบหวั่นเช่นเดียวกันว่าถ้าพูดออกไปแล้วเขาจะทานต่อได้อีกไหม
แต่ถึงอย่างไรวันนี้ก็ต้องเป็นวันตัดสิน ไม่ว่าผลออกมาจะเป็นอย่างไร เรื่องงานก็ส่วนเรื่องงาน เรื่องส่วนตัวก็ส่วนเรื่องส่วนตัว
นัยน์ตาคมหลังแว่นมองหญิงสาวที่ชวนเขาทานก่อนจะพยักหน้ารับคำ โดยที่เขาอาจไม่คิดว่าเรื่องต่อไปนี้ที่เธอจะพูดมันจะสะเทือนหัวใจของเขาเข้าอีกครั้ง
หลังจากบริกรเก็บจานอาหารบางส่วนที่ทานกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว คนต้นเรื่องก็สููดหายใจเข้าลึกก่อนจะเกริ่นออกมา แม้ข้างในใจยังคงแอบหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อย
"พี่ตั้ม...สุขภาพดีใช่ไหมคะ ไม่มีโรคประจำตัวอะไรใช่ไหม" เท่าที่เคยฟังยัยนิดมาก็ไม่เคยบอกว่าเขาเป็นอะไรหนักๆถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาล มีก็เพียงอาการอ่อนเพลียบ้างในช่วงทำงานหนักๆซึ่งเป็นปกติของคนเป็นสถาปนิก
"ไม่ครับ" เขาพูดออกมาพร้อมกับยิ้มละมุนจนเธอไม่คิดว่ามันจะยังมีอยู่ต่อไหมหลังจากที่เธอพูดต่อ
เธอยังคงแอบหวังว่าต่อจากนี้ เขาจะยังคงยิ้มให้เธอ หัวเราะไปด้วยกันเวลาเธอชวนคุยเรื่องตลก ซึ่งถ้านับจากเมื่อก่อนก็คิดว่ามาไกลมากที่เธอปิดกั้นระยะห่างระหว่างเขาและเธอ ในตอนนี้เขาสามารถทำให้เธอวางใจได้ว่าเขาสามารถอยู่ใกล้เธอได้โดยที่ไม่คิดที่จะล่วงเกิน แม้จะมีโอกาสอยู่หลายครั้งที่อยู่กันเพียงตามลำพังแต่เขาก็ไม่คิดแม้แต่จะทำ
และในตอนนี้เธอซึ่งอยู่ในฐานะน้องสาวคนหนึ่งจะขอพี่ชายอย่างเขาช่วย เขาก็ต้องตระหนักและเห็นใจเธอบ้าง
มือบางเอื้อมไปจับมือหนาที่วางอยู่บนโต๊ะในฝั่งของเขา "พี่ตั้มคะ พี่ตั้มช่วยหลินหน่อยนะคะ"
เธอบีบมือนั้นไว้เบาๆราวกับขอความเห็นใจ
"หลินมีความจำเป็นจริงๆ พี่ตั้มรับปากได้ไหมว่าจะช่วยหลิน"
สีหน้าและแววตาของเธอไม่ได้แสดงการล้อเล่น เธอจริงจังประหนึ่งว่ามันเป็นปัญหาหนักและใหญ่ในชีวิตเธอมากจนคนมองต้องรู้สึกแปลกใจและเริ่มสงสาร
มือของเขากระชับมือน้อยมั่น พร้อมกับพูดยืนยันและให้กำลังใจ
"ได้สิ พี่ช่วยหลินได้ทุกเรื่อง"
หญิงสาวสยิ่งได้ยินคำพูดนั้นเธอก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าเขาจะต้องช่วยเธอแน่!
"หลินจำเป็นต้องมีลูก พี่ตั้มช่วยหลินนะคะ"
คนฟังขมวดคิ้วเป็นปมทันที ทั้งสงสัยและสับสนในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด
"วันพรุ่งนี้ เราไปโรงพยาบาลกันนะคะ ไปปรึกษาคุณหมอว่าจะทำวิธีไหนดีที่สุดแล้วต้องทำอะไรบ้าง"
ยิ่งเธอพูดไป คนฟังก็ยิ่งทำท่าทีแปลกใจหนักขึ้นจนเธอไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
"นี่หลินพูดเรื่องอะไร"
...นี่เธอพูดอ้อมไปจนเขาฟังไม่รู้เรื่องหรือยังไง
"ก็พี่ตั้ม...จะช่วยหลินทำลูก ใช่ไหมคะ" ก็เขาบอกเธอว่าช่วยได้ทุกเรื่อง
"ทำลูก?"
"อ่ะ เอ่อ ค่ะ แต่ว่าเป็นแบบวิทยาศาสตร์นะคะ พี่ตั้มไม่ต้องกังวลค่ะ หลังสำเร็จ พี่ตั้มไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลยซักอย่าง ลูกจะเป็นสิทธิ์ของหลินคนเดียว เพียงแต่พี่ตั้มช่วยหลินแค่ทำให้มีเขาแค่นั้น..."
มือบางกระชับมือหนาที่กุมไว้อยู่แน่น ยิ่งพูดเธอก็แอบรู้สึกละอายตัวเองไม่น้อยไปเช่นกัน แกท่องไว้! อยากได้ก็ต้องกล้าเสี่ยง!...
ตาทั้งสองคู่สบตากันราวกับวัดใจ คนหนึ่งพยายามทำนัยน์ตาหวานอ้อนวอน อีกคนหนึ่งก็ไม่สามารถบอกอารมณ์ของเขาได้
"นี่เป็นเหตุผลที่่หลิน จ้างพี่เขียนแบบใช่ไหม"
คนฟังเบิกตากว้างเล็กน้อย...นี่เขามองออกขนาดนั้นเชียวหรือ
เธอเม้มปากแน่น และเงียบ... ตอนนี้กดดันและเครียดยิ่งกว่าตอนเข้าประชุมแล้วโดนต่อว่าเสียอีก
เพียงครู่เดียว สีหน้าไร้อารมณ์นิ่งของเขาก็เบือนออกจากเธอ หยิบธนบัตรสีเทาในกระเป๋าออกมาแล้ววางลงบนโต๊ะ ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ออกไป
ร่างบางกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามเพื่อยืนดักเขาไว้ เพื่อคุยให้รู้เรื่อง...เขายังไม่ได้ตอบตกลง...และยังไม่ได้ปฏิเสธด้วยเช่นกัน
"สรุปแล้วพี่ตั้มจะช่วยหลินไหมคะ"
เขายังคงไม่พูด แต่ถ้าตาเธอไม่ได้ตาฝาด เธอเห็นแววตาวูบไหวของเขาเพียงชั่วครู่ แต่ก็อาจจะไม่เป็นอย่างที่คิด
"สำหรับเรื่องนี้พี่คงช่วยหลินไม่ได้จริงๆ"
ร่างสูงเดินหลบหลีกคนที่ยืนขวางทางอยู่ออกไปแต่ก็ไม่แคล้วโดนมือบางดึงรั้งที่แขนไว้
"พี่ ตั้มต้องการอะไร ถ้าหลินทำได้ หลินจะทำให้ทุกอย่าง" มาถึงขั้นนี้แล้วเธอลงทุนถึงขนาดต้องยอมมาง้อผู้ชาย ทั้งที่คิดว่าชาตินี้จะไม่มีทางทำแน่นอน ซึ่งการกระทำที่ยอมทั้งหมดก็เพราะคำว่า ‘ลูก’ คำเดียว!
"หลิน กลับไปคิดดูให้ดีก่อนดีกว่า อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจ เรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องใหญ่นะ" เขาพูดพร้อมกับดึงมือของคนตัวเล็กกว่าออกจากการรั้งเขาไว้
"พี่ตั้มก็ไม่ได้มีแฟน หรือคนรักในตอนนี้ใช่ไหมคะ หลินคิดว่ามันไม่น่าจะกระทบต่อตัวพี่แน่นอน มันเป็นโอกาสที่ดีที่สุดแล้ว หลินรับรองได้ว่าจะไม่เกิดปัญหาขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคตค่ะ หลินจะไม่ให้เด็กได้รู้ว่าพ่อเขาคือใคร พี่ตั้มไม่ต้องห่วงนะคะ"
"แล้วทำไมถึงต้องเป็นพี่..." เขาจ้องเธอกลับมาอย่างไม่มีลดละ จนผู้หญิงเก่งอย่างเธอก็ยังแอบหวั่น
"พี่ตั้มเป็นคนดี เป็นคนเก่ง ฉลาด สามารถสร้างผลงานอะไรต่อมิอะไรได้อีกตั้งเยอะแยะ ไม่เคยมีข่าวเรื่องผู้หญิง หลินเชื่อว่าลูกที่เกิดออกมาระหว่างเราจะต้องดีมากแน่ๆค่ะ"
คำว่า'ระหว่างเรา' อดทำให้หัวใจชายหนุ่มอุ่นวาบไม่ได้ แต่กระนั้นก็ยังคงมีสิ่งที่ค้างคาใจ
"ดี นี่หมายความว่ายังไง?"
" ลูกที่ได้พี่ตั้มเป็นพ่อที่เป็นต้นแบบที่ดีย่อมออกมาดีค่ะ แม้จะได้นิสัยหลินหรืออะไรก็ตามแต่ของหลินไป หลินรับได้ แต่ถ้าพันธุกรรมฝั่งพ่อ หลินขอเลือกสิ่งที่ดีที่สุดนะคะ"
ยิ่งพูดใบหน้าของเขาก็ยิ่งตึงเข้าไปกันอีก พร้อมกับหายใจเข้าลึก เขาไม่ได้แสดงอารมณ์ออกมา แต่เห็นก็พอสัมผัสได้ว่าลึกๆแล้วเขารู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก
เธอสบตาเขา เขาสบตาเธอ เป็นเช่นนั้นกันอีกครั้ง เธออ่านความคิดเขาไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรหรือสื่ออะไรออกมา มีแต่เพียงเธอเท่านั้นที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการความช่วยเหลือ
ผ่านไปหลายนาทีจนในที่สุดเขามีท่าทีเบือนหน้าออกจากเธอแล้วถอนหายใจให้เธอพอได้ยิน เพียงแค่นั้นความอดทนที่เก็บไว้มานานของเธอก็ขาดผึง!
ในเมื่อเธอทั้งยื้อ ทั้งง้อ ทั้งทุ่มเทเวลาให้ขนาดนี้แล้วยังไม่ตกลงอีกละก็...
"สรุป แล้วพี่ตั้มจะไม่ช่วยหลิน แล้วใช่ไหมคะ" จากสายตาอ้อนวอนเปลี่ยนเป็นนิ่งและเย็นชาทันใด เมื่อไม่เห็นความหวังที่เธอพยายามทุ่มเททั้งหมดเพื่อให้มันเกิด
และเมื่อยิ่งเขาไม่พูดก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำคำตอบให้แก่เธอแล้วว่าเขาปฏิเสธที่จะช่วยเหลือ!
อารยาสูดหายใจเข้าลึกไม่ต่างจากคนตรงหน้าที่ทำก่อนหน้านี้ เพียงแต่ว่าเธอทำให้เขาเห็นชัดเจนกว่า ใบหน้าสวยชักสีหน้าเล็กน้อยในเมื่อทำเป้าหมายที่ต้องการไม่สำเร็จ เธอก็ไม่รู้จะทนแกล้งแสดงออกเป็นคนดีไปทำไม!
หมดสิ้นแล้วสำหรับการรอคอยความช่วยเหลือจากเขา!
"ได้ค่ะ ถ้าพี่ตั้มไม่สะดวกใจก็ไม่เป็นไร หลินพอจะมีทางเลือกอื่นอยู่บ้าง เรื่องแบบบ้านเดี๋ยวหลินจะให้คนติดต่อไปนะคะ ถ้าพี่มีอะไรจะบอก จะแก้ก็ฝากบอกทางยัยนิดได้เลย แล้วถ้างานเสร็จแล้วหลินจะโอนเงินให้ทันที ขอบคุณนะคะ" เสียงของหญิงสาวย้ำคำสุดท้ายเป็นพิเศษ ก่อนจะเพิ่มด้วยอีกคำที่ไม่ได้เน้นมาก แต่ก็มีความหมายโดดเด่นและแย่งความสนใจไปได้มากกว่า "ลาก่อนค่ะ"
มือบางพนมมือขึ้นไหว้ก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าถือที่วางไว้บนโต๊ะอาหารที่วางไว้ ตั้งแต่ทานข้าวแล้วเมื่อครู่ก่อนจะเดินออกจากร้านไปเลยโดยไม่หันกลับไป ไม่มองด้วยว่าเขาจะทำสีหน้ายังไง จะเดินออกไปแล้วรึยัง และที่สำคัญแน่นอนว่าเธอไม่จ่ายค่าอาหารมื้อค่ำนี้เด็ดขาด เธอชวนเขามาก็เพื่อให้เป้าหมายสำเร็จ เพื่อให้เขาพึงพอใจ แต่เมื่อมันไม่เป็นอย่างนั้น ก็ช่วยไม่ได้ ออกค่าใช้จ่ายไปคนเดียวเองละกัน!
"กินหน่อยนะครับ อ้ำๆ อ้าปากหน่อยสิครับคนเก่ง" มือหนายกขึ้นปาดอาหารที่เลอะอยู่บนแก้มใสของหนูน้อยแก้มยุ้ยที่มัวแต่สนใจ ของเล่นมากกว่าการทานข้าว
"สนใจป๊าหน่อยสิคะ ไม่สนใจอย่างงี้ป๊าน้อยใจน้าา" ชายหนุ่มจำเป็นจึงต้องเรียกหลานสาวด้วยเสียงออดอ้อนจนเด็กน้อยหันมามอง
"ปะ ปะป้ะ ปะป้ะ" มืออ้วนป้อมน้อยชูของเล่นเป็ดน้อยสีเหลืองอ๋อยราวกับอวดให้คุณพ่อของเธอดูด้วย
"ทานข้าวก่อนนะคะ ไม่ทาน พี่เป็ดไม่ให้เล่นด้วยแล้วนะคะ" เขาใช้อีกข้างที่ว่างหยิบของเล่นออกจากมือใบตองอย่างช้าๆเพื่อไม่ให้แตกตื่น พร้อมกับหลอกล่อให้เด็กสนใจสิ่งใหม่ๆ
"มะๆมา หม่ำๆหน่อยดีกว่า ไม่ทานเดี๋ยวม่าม๊าไม่รักนะคะ"
ใบตองอ้าปากทานอย่างว่าง่ายแล้วพยายามหัดเคี้ยวตามที่เขาสอน
"ดีมากครับ คนเก่ง ทานอีกน้า" เขาหยิบช้อนขึ้นตักอาหารขึ้นมาให้หลานสาวได้ทานอีก เพียงไม่นานผู้เป็นแม่ของเด็กน้อยก็มาถึงบ้านพอดี
"ว่าไงคะใบตอง อาหารอร่อยไหมลูก" มือบางวางถุงที่ใส่ข้าวของที่ซื้อมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตวางลงบนโต๊ะ พร้อมกับนั่งข้างๆลูกอีกฝั่ง
"มา ค่ะ พี่ตั้ม เดี๋ยวบัวป้อนต่อดีกว่า พี่ตั้มไปทานข้าวก่อนดีกว่า ยังไม่ทานใช่ไหมคะ บัวซื้อผัดกระเพราไข่ดาว กับผัดสุกี้มาฝาก" เพราะนี่ก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว คาดว่าเขายังคงไม่ได้ทานถ้าหากหลานยังไม่ได้ทานก่อน
ใบบัวทำหน้าที่ป้อนลูกสาวต่อจากพี่ชาย ซึ่งตัวเล็กก็อ้าปากรับอาหารอย่างว่าง่ายเพราะมักเชื่อฟังคนเป็นแม่
"พี่ ตั้มดูแปลกๆนะคะ สองสามวันมานี้พี่เครียดอะไรมารึเปล่า" เขามักจะมีอาการนิ่ง ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยยิ้ม หัวเราะนอกจากเวลาอยู่กับหลานสาว ราวกับมีเรื่องอะไรบางอย่างอยู่ในใจ
"พี่ เครียดเรื่องผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม?"
เมื่อคืนที่เธอเคาะประตูหน้าห้องเขาเพื่อเอานมอุ่นๆไปให้ กลับไม่ได้ยินเสียงเขาขานตอบกลับมา เธอจึงถือวิสาสะเปิดเข้าไป ก็เห็นพี่ชายฟลุบนอนหลับบนแบบที่ตัวเองกำลังร่างๆไว้อยู่ มันเป็นบ้านขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่แต่ก็ถือว่าสวยมากในระดับนึง แต่ก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า...อย่างพี่ตั้ม นี่รับงานเล็กๆแบบนี้ด้วยเหรอ?
จนเธอหันหน้าไปพบกับสิ่งของบางอย่างที่วางอยู่ข้างๆโต๊ะเขียนแบบ มันเป็นภาพถ่ายของใครบางคนที่เธอเห็นมานานแล้ว แต่ไม่คิดว่าเขาจะรื้อมันออกมาจากกล่องแล้วกลับมาเปิดดูอีกครั้ง
ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าเรื่องที่พี่ตั้มกังวลอยู่จะต้องเกี่ยวข้องกับคนที่ใส่ชุด ม.ปลายในภาพถ่ายนั้น ยิ่งเขาเปิดมันทิ้งไว้เหมือนกับเพื่อดูรำลึกหรือเตือนใจ อภิญญาก็ยิ่งเป็นห่วง แม้ว่าพี่ชายของเธอจะเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยพูด แต่ความคิดของเขานั้นสำหรับเธอเดาได้ไม่ยากเลยว่ากำลังคิดอย่างไร
แม้ว่าอภิวัชรจะไม่ตอบน้องสาว แต่เขาก็รู้ว่าเธอหมายถึงใคร เมื่อเช้านี้ตื่นขึ้นมาเขาก็พบว่าผ้าห่มคลุมอยู่ขณะที่ฟลุบหลับบนโต๊ะไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว
อภิญญาเห็นรูปถ่ายพวกนั้นในกล่องตั้งแต่เขายังเรียนอยู่ม.ปลาย เพราะบ่อยครั้งที่เขาเปิดกล่องนั้นขึ้นมาดู ก็จะเห็นว่าน้องสาวนั้นจะมาพบเขาอยู่กับกล่องใบนั้นพอดี
"พี่ไปเจอเธอมาใช่ไหม?"
อภิวัชรไม่ตอบ เขาทำหน้านิ่งเงียบสุขุมเหมือนทุกครั้ง แต่ใครจะรู้ว่าภายในใจนั้นเขาคิดอย่างไร
"พี่ขอตัวก่อนนะ เดี๋ยวจะได้รีบไปเคลียร์งานต่อ"
ร่างสูงเดินหลบหลีกขึ้นไปชั้นบน เพื่อเลี่ยงตอบคำถาม อดไม่ได้ที่น้องสาวทซึ่งโตมาด้วยกันอย่างเธอจะอดเป็นห่วงไม่ได้
"JINDEO Book Store ยินดีต้อนรับค่ะ" เสียงพนักงานในร้านขายหนังสือเอ่ยกล่าวต้อนรับชายหนุ่มขณะกำลังเดินเข้ามาในร้าน เขาสวมกางเกงสีครีมเข้มกับเสื้อเชิ๊ตสีขาวสว่างเข้าชุดกันเป็นอย่างดี เนื้อผ้าเรียบสื่อถึงนิสัยของคนใส่ที่เป็นคนมีระเบียบ และชอบความลงตัว ยิ่งบวกกับใบหน้าที่สวมแว่นด้วยแล้วก็ยิ่งทำให้เขาดูขรึมขึ้นและเสริมความน่าเชื่อถือ
แต่ถึงกระนั้นไม่ว่าจะใครจะผ่านไปมาก็ต่างกันต้องแอบลอบมองบ้าง เมื่อผู้ชายตรงหน้านอกจากจะมีเสื้อผ้าที่แม้จะดูเรียบเฉยแล้วแต่สะดุดตาด้วย รูปร่างของเขาและใบหน้าที่รับกับแว่นอย่างเหมาะเจาะ แม้แต่พนักงานเองก็ยังอดที่จะกระแซะให้อีกคนหนึ่งหันมามาองด้วยไม่ได้
ร่างสูงเดินเข้าไปหาหนังสือนิตยสารเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมที่มักจะออกมาประจำทุกเดือนเพื่ออ่านเพิ่มไอเดียใหม่ๆเข้าไปในการทำงาน
แม้ว่าในช่วงหลายวันนี้เขาค่อนข้างจะไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเต็มที่เท่าไรนัก เพราะในหัวส่วนหนึ่งก็มักจะวกกังวลกลับไปหาใครบางคนที่ขอให้เขาช่วยเธอในเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ แล้วก็เดินบอกลาจากไปหลังจากที่เขาปฏิเสธ อภิวัชรบอกตัวเองไม่ถูกเหมือนกันว่าเขาเองรู้สึกยังไง มันเป็นความรู้สึกที่ค้างคาอยู่ในใจไม่จางหายไปไหน เพราะนับตั้งแต่วันนั้นทั้งเขาและเธอก็ไม่ได้คุยและติดต่อกันอีกเลย
แน่นอนว่าในวันนั้นเขาก็ค่อนข้างอารมณ์คุกร่นไม่ใช่น้อยที่ได้รู้ว่าเธอมาให้เขาเขียนแบบเพราะอยากจะหาทางพูดเพื่อให้เขาช่วยเธอเรื่องลูก แม้จะรู้ว่าเธอไม่ได้รู้สึกและคิดอะไรกับเขา แต่การที่ทำอย่างนี้ก็ออกจะใจร้ายเกินไปหน่อยสำหรับคนที่แอบคิดมีใจให้
บ่อยครั้งที่จะหยิบโทรศัพท์ส่งข้อความหาเธอคนนั้น ก็มีอันต้องออกจากโปรแกรมสนทนานั้นไปเมื่อไม่มั่นใจในเหตุผลตัวเองพอที่จะหาเรื่องกลับไปทักทายเธอ จึงได้แต่ทำเป็นลืมสิ่งที่คอยกังวล และพยายามหางานทำ หาเรื่องให้คิดอยู่ตลอดเวลา แต่จนแล้วจนรอดก็มายืนอยู่ห้างสรรพสินค้าใกล้คอนโดเธอนี่เอง
ในขณะที่หัวสมองคิดไปเรื่อยเปื่อยนั้น สายตาก็ยังคงจับอยู่ที่หนังสือในมือ แต่หูกลับพลันได้ยินเสียงคุ้นเคยไม่ไกลจากที่เขายืนอยู่ คล้ายกับว่าใกล้แค่เพียงชั้นวางหนังสือตรงหน้านี้กั้น
เขาคงไม่ได้คิดมากเกินไปถึงขนาดหลอนจนได้ยินเสียงเธอหรอกนะ อาจจะเป็นเพียงเสียงของคนที่คล้ายกันก็ได้ แต่จนแล้วจนรอดก็อดไม่ได้ที่จะส่องดูจากช่องชั้นวางหนังสือในระดับสายตา เพื่อมองหาเจ้าของเสียง
ใช่เธอจริงๆด้วย
แต่สิ่งที่ไม่คาดถึงนั้นก็คือชายร่างสูงคนหนึ่งภาพลักษณ์และหน้าตาดูดี มีภูมิฐานกำลังยืนคุยกับเธออยู่ เธอทั้งยิ้มและคุยกับเขาได้ราวกับสนิทมาระดับหนึ่ง ต่างจากเขาที่ช่วงแรกๆเจอกันแล้วเธอกลับไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญอะไรมาก จนกระทั่งเธอเริ่มต้นความสัมพันธ์นั้นขึ้นอย่างมีจุดประสงค์
ซึ่งก็ทำให้เขาพลันนึกถึงคำพูดของเธอที่บอกไว้ก่อนจะเดินจากไปในร้านอาหาร...’หลินพอจะมีทางเลือกอื่นบ้าง’
จากคนใจเย็นที่มักจะไม่ค่อยได้รับผลกระทบอะไรจากความรู้สึก ตอนนี้กลับร้อนจนเหมือนกองไฟเล็กๆสุมอยู่ที่อกผิดไปจากปกติ
"เดี๋ยวหลินจะพาแม่ไปตรวจดูอีกที เพราะช่วงนี้แกไม่ค่อยได้ไปหาหมอเลยค่ะ เอาแต่จะทำงานอย่างเดียว"
เมื่อปีที่แล้วแม่ของเธอผ่าตัดทำบอลลูนหัวใจมา ตอนนี้ก็ครบปีแล้วยังไม่ได้เข้าไปเช็คและตรวจสุขภาพอื่นๆเลย แม้ว่าเธออยู่คอนโด ไม่ได้ดูแลแม่เท่าใดนัก แต่ก็ยังดีว่ามีพี่แวว คนช่วยงานที่บ้านพักอยู่ที่นั่นและช่วยดูแลแกด้วย เธอจึงวางใจได้สักหน่อยหนึ่ง
"ได้สิ สัปดาห์หน้าก็ดีนะ พี่อยู่ด้วยในช่วงนั้นจะไดด้ตรวจท่านด้วย"
"ดีค่ะ หลินจะได้ไปบอกแม่ด้วย ว่า ต้องไปโรงพยาบาลนะ ครั้งนี่พี่หมอตรวจให้เลย เอ้อ พี่หมอคะ มันมีหนังสือเล่มนึงเกี่ยวกับหัวใจอ่ะ แล้วหลินอ่าน หลินว่ามันขัดกับตามที่พี่เคยบอกหลินนะคะ" เธอเปิดหนังสือในมือที่เพิ่งจะหยิบจากชั้นวางมาเปิดให้คนตรงหน้าดู มันเป็นเล่มเดียวกันกับที่เธอเคยซื้อไป
"นี่อ่ะค่ะ ตรงนี้มันบอกว่าตามผลการวิจัยแล้ว คนที่เป็นโรคหัวใจจะไม่...."
ยังไม่ทันได้พูดจบก็รู้สึกได้ว่ามีก็บางคนมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ
ใบหน้าสวยเงยหน้าขึ้นจากหนังสือเมื่อเห็นรองเท้าซึ่งเธอเคยเห็นมันมาก่อน และเธอก็ได้พบกับบุคคลที่เธอตัดพ้อต่อว่าเขาไปเมื่อวันก่อน
...นี่เขามาทำอะไรที่นี่?!
เขาดูเหมือนมายืนเพื่อจะมาหาเธอแต่ไม่กล่าวพูดอะไร ไม่ต่างจากเธอที่ราวกับหินมาทับค้างไว้ที่ปากทำให้พูดไม่ออก
จะเริ่มต้นอย่างไรดี...
ถามว่าวันนั้นรู้สึกผิดไหม ก็มีบ้าง ใช่เธออาจจะดูเห็นแก่ตัว แต่ถ้าเขาปฏิเสธมาถึงขนาดนั้นเธอก็ไม่มีหน้าจะมองเขาติดหรอก
"...พี่ตั้ม มาทำอะไรที่นี่คะ" เธอทนไม่ไหวเมื่อคนที่เอามือสวมเข้าไปในกระเป๋ากางเกงข้างหนึ่งเอาแต่เงียบ
"มาซื้อหนังสือ"
"ที่นี่เหรอคะ?" หญิงสาวอดไม่ได้ต้องถามด้วยความสงสัย แม้จะดูเป็นคำถามที่ดูไร้สมองก็ตามที ห้างสรรพสินค้า ร้านหนังสือที่อื่นใกล้บ้าน ใกล้ที่ทำงานเขาไม่มีหรือไงทำไมต้องมาที่นี่
"ใช่"
ชายหนุ่มคู่กรณีเพียงตอบแล้วมองอีกฝ่ายนิ่งซึ่งดูแล้วเขากำลังไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไร
ทำเอาพี่หมอที่ยืนอยู่ข้างๆเธอต้องรู้สึกเกรงไปด้วย ราวกับไปทำอะไรผิดหรือไปยืนขวางหูขวางตาเขามา
"เอ่อ พี่บุ๊คคะ นี่พี่ตั้มทีเป็นสถาปนิกชื่อดังอ่ะค่ะ ตอนนี้เขาเขียนแบบบ้านให้หลินอยู่" หญิงสาวแนะนำด้วยท่าทางกระอักกระอ่วนทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่กลับรู้สึกที่จะต้องสำนึก
"ส่วนนี่พี่บุ๊คค่ะ เป็นหมอที่ผ่าตัดหัวใจให้แม่หลิน"
"สวัสดีครับ" เป็นคนหน้าขมึงตึงต้องยื่นมือเข้าไปจับทักทายอีกฝ่ายก่อน ซึ่งคุณหมอก็ยิ้มรับเป็นมิตรตอบกลับอย่างดี
"ครับ ยินดีมากนะครับที่ได้เจอคุณตั้ม เพราะผมก็เคยได้ยินชื่อเสียงของคุณอยู่บ้าง"
"ขอบคุณครับ"
เมื่อเห็นว่าระหว่างผู้ชายตรงหน้าเขาและอารยาดูมีอะไรบางอย่างที่อยากจะคุยกันเป็นแน่ คุณหมอจึงต้องออกตัวขอกลับไปโรงพยาบาลซึ่งอยู่ติดกันกับห้างสรรพสินค้านี้ เพื่อปล่อยให้พวกเขาสองคนได้มีเวลาส่วนตัวกันพูดคุยกัน
"แล้วนี่พี่ตั้มได้หนังสือรึยังคะ?" หญิงสาวถามเสียงเบาประหนึ่งไม่กล้า เพราะวันนั้นเธอมั่นใจมากว่าจะไม่มีทางได้พบเขาอีก แต่พอเอาเข้าจริงๆกลับได้พบกันอีกครั้งก็ทำเอาเธอปั้นหน้าตัวเองไม่ถูกเช่นกัน
"ได้แล้ว แล้วหลินล่ะมาทำอะไร"
คนถูกถามเม้มปากแน่นพยายามระงับการเต้นของหัวใจที่ดูเต้นผิดปกติ ไม่ต่างจากเด็กที่กลัวแม่จะทำโทษ
"มาซื้อหนังสือค่ะ แล้วพอดีเจอพี่หมอเมื่อครู่ก็เลยปรึกษาเรื่องแม่แล้วก็เรื่องหัวใจ" บอกทั้งที่ไม่มีเหตุผลต้องบอก
คนฟังพยักหน้าเข้าใจ...ทำไมนะ เธอจะต้องมารายงานเขาด้วย แล้วเขาก็ทำตัวเหมือนผู้ปกครองเสียอย่างนั้น
"แล้วนี่จะกลับรึยัง"
"ค่ะ"
"ขามา มายังไง"
"นั่งรถไฟฟ้ามาค่ะ" พอดีว่าวันนี้ตรงกับวันหยุด แล้วเธอก็ขี้เกียจจะขับรถออกมาด้วย แม้ว่าจะดูลำบากหน่อยแต่ก็ไม่ต้องเสียเวลาหาที่จอด
"พอดีว่าพี่ผ่านแถวนั้นพอดี เดี๋ยวพี่ไปส่งนะ" นัยน์ตากลมโตหวานเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ไม่คิดว่าเขายังจะทำตัวสนิทกับเธอดังเดิมอีก
ด้วยความไม่เสถียรทางด้านอารมณ์หรือต่อมสำนึกผิดของคนดีทำงานหรืออย่างไรก็ ไม่ทราบ ทำให้เธอไม่กล้าที่จะปฏิเสธเขา อาจเป็นเพราะกิจวัตรประจำวันที่เคยคุยกับเขาแทบทุกวัน แชทพูดคุยกับเขาก่อนนอนทุกคืน ซึ่งมันได้ขาดช่วงไปในไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ เลยอาจทำให้นึกถึงความเคยชินช่วงก่อนๆที่ยังคงต้องติดต่อเขาอยู่
"ค่ะ"
ดูเหมือนว่ามุมปากของผู้ชายตรงหน้าจะยกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเดินหันหลังนำเธอออกไป ซึ่งอารยาก็ได้แต่เดินตามเขาอย่างนึกไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

2,646 ความคิดเห็น
-
#2434 S1O9N9E5 (จากตอนที่ 11)วันที่ 2 สิงหาคม 2559 / 21:43หลินโคตรเห็นแก่ตัวเลยอะ ไม่เหมาะจะเป็นภรรยาของใครและแม่ของลูกด้วย ไม่ชอบนางเอกแบบนี้เลยเหอะ#2,4340
-
#75 bobbikim (จากตอนที่ 11)วันที่ 14 พฤษภาคม 2559 / 21:18ติดตามๆ เป็นกำลังใจให้นะค่ะ มาอัพไวๆนะค่ะ พี่ตั้มมมมมม????#750
-
#66 EkibZa รักในหลวง (จากตอนที่ 11)วันที่ 14 พฤษภาคม 2559 / 04:25โหยย หลินจะเห็นแก่ตัวเกินไปมั๊ยอ่ะ พอไม่ได้อย่างที่ตัวเองต้องการ ก็สะบัดบ๊อบแล้วเดินจากไปเฉยเลย ไม่ได้มองความรู้สึกของคนอื่นเลยอ่ะ พี่ตั้มคะ อย่าไปสนหลินเลยค่ะ ทางนี้ว่างมาก มาสนใจเค้าดีกว่า อิอิ#660
-
#65 วิมล(wimon252318@gmail.com (จากตอนที่ 11)วันที่ 14 พฤษภาคม 2559 / 02:48มันไม่มีแววจะจูนกันติดอะ#650
-
#63 อุ็ (จากตอนที่ 11)วันที่ 13 พฤษภาคม 2559 / 17:08เฮ้ย... ..#630
-
#62 เพ็ญเล็ก (จากตอนที่ 11)วันที่ 13 พฤษภาคม 2559 / 13:09ค้างงงงงงงง#620
-
#61 aom (จากตอนที่ 11)วันที่ 13 พฤษภาคม 2559 / 07:51พี่ตั้มตัดใจดีก่าวคร้า...ฝืนต่อไปมีแต่เจ้บแน่ๆๆเพราะดูแร้วหลินคงเป้นแม่เป้นภรรยาใครไม่ได้ล่ะคร้า#610
-
#60 วิมล(wimon252318@gmail.com (จากตอนที่ 11)วันที่ 13 พฤษภาคม 2559 / 05:13แล้วอยา่งนี้เมื่อำรจะใด้ลงเอ๋ยกันใหมนี#600
-
#59 Annaris (จากตอนที่ 11)วันที่ 11 พฤษภาคม 2559 / 19:05รุกเลยพี่ตั้ม รุกยัยหลินให้สะท้านเลย เอาให้ขาดพี่ไม่ได้ เย้ๆๆๆ#590
-
#57 FogGy (จากตอนที่ 11)วันที่ 11 พฤษภาคม 2559 / 12:06หลินแบบเห็นแก่ตัวมาก#570
-
#56 ต่า (จากตอนที่ 11)วันที่ 10 พฤษภาคม 2559 / 14:05แบบยาวๆๆค่ะ#560
-
#55 evangelene (จากตอนที่ 11)วันที่ 10 พฤษภาคม 2559 / 12:06พี่ตั้มบอก ขอแม่ของลูกด้วยได้ไหม#550
-
#54 nufon1027 (จากตอนที่ 11)วันที่ 10 พฤษภาคม 2559 / 11:12โอ้ยยยยยย ไรท์ มาต่อเลยค่ะ รอคำตอบพี่ตั้ม ขอยาวๆ เลยนะคะ#540
-
#53 gracieji (จากตอนที่ 11)วันที่ 9 พฤษภาคม 2559 / 12:12สื่อสารไม่ชัดเจนตรง วิธีการ สินะ#530
-
#52 dox_z (จากตอนที่ 11)วันที่ 9 พฤษภาคม 2559 / 11:13รีบมาต่อเร็วๆนะคะ#520
-
#51 เพ็ญ (จากตอนที่ 11)วันที่ 8 พฤษภาคม 2559 / 11:39ค้างๆๆๆๆ#510