ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    No Fancy! เพราะนี่คือเรื่องจริงที่ฉันรักนาย.

    ลำดับตอนที่ #4 : No Fancy! เพราะนี่คือเรื่องจริงที่ฉันรักนาย. : ตอนที่ 3 เปิดเทอมวันแรก.

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ย. 56



    No Fancy! เพราะนี่คือเรื่องจริงที่ฉันรักนาย.

    ตอนที่3

     

    น้ำ เสียงของจงอินดังขึ้นทันทีเมื่อได้หันไปพบกับผู้ชายคนนั้นด้วยสีหน้าตกใจ และเขาลุกขึ้นไปแล้วเดินไปกอดผู้ชายคนนั้น..

                “แบค...? แบคฮยอน บยอน แบคฮยอน!!!!  O_o” ฉันทวนชื่อเขาซ้ำไปซ้ำมา.. แบคฮยอน! น้กร้องหลักวงเอ็กโซบอยแบนด์ของเกาหลีนิ!!! ฉันเคยได้ยินชื่อเสียงของเขามาบ้าง..แต่ไม่คิดว่าจะได้เจอกับเขาทีนี่... ฉันอยากจะกรี๊ดออกมาดังๆ! นี่ฉันได้เจอตัวจริงหรอเนี้ย-////- ฉันอยากจะถ่ายรูปเขาตอนนี้แล้วอัพลงทวิตเตอร์จริงๆ!!

                “ฉันก็มาซื้อกาแฟหน่ะสิ! ว่าแต่นายพาใครมาด้วย? แฟนนายหรอ?” แบคฮยอนแซวจงอินพร้อมกับเหล่ตามามองที่ฉันก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาเบาๆ แบคฮยอนนี่ตัวจริงน่ารักกว่าในรูปอีกนะ.. ทวิตเตอร์ของฉันโพสรูปเกี่ยวกับเขาอยู่บ่อยๆ แต่ฉันก็ไม่พลาดที่จะเก็บไฟล์รูปคนหน้าตาดีเข้าแฟ้มของฉันหรอกนะ.. และเขาก็เป็นอีกคนที่ฉันเก็บไว้ หึหึ-.-

                “ไม่ใช่หรอก.. คนดูแลโฮมสเตย์คนใหม่หน่ะฉันพาเขามาซื้อกาแฟ...” เขาตอบแบคฮยอนกลับไปพร้อมกับโน้มตัวไปกระซิบข้างหูแบคฮยอนเบาๆ... เขากระซิบอะไรกันนะ?

                “ฮ่าๆ! จริงหรอ?” พวกเขาดูจะสนุกสนานกันมากสินะ - - สนุกบนความสงสัยของฉันเนี่ย!

                    “จงอิน! ฉันกลับบ้านก่อนนะ พอดีมีธุระหน่ะ” ฉันพูดแทรกบทสนทนาของพวกเขาทั้งสองคนก่อนที่จะลุกออกไปจากร้านโดยไม่ฟังเสียงตอบกลับ... อันที่จริงฉันอยากจะอยู่ต่อนะ.. อุส่าได้เจอกับนักร้องชื่อดังแต่ฉันดันนัดกับคยองซูว่าจะไปซื้อของกันวันนี้T___T รู้สึกเสียดายจัง...

                “เดี๋ยวสิแอ๊นท์! รอด้วย!! แบคนายจะแวะมาที่บ้านใช่มั้ย? ” เขาตะโกนไล่หลังมาก่อนที่จะหันไปส่งลากับแบคฮยอน

                “ใช่ๆ! ฉันคิดว่าพอซื้อกาแฟเสร็จจะไปหานายพอดี”

                “โอเคๆงั้นเจอกันที่บ้านนะ..” จงอินตอบกลับไปพร้อมกับวิ่งมาหาฉันที่กำลังจะเดินออกไปจากร้าน

                “นี่! เธอจะรีบไปไหนเนี่ย!!” จงอินพูดเสียงหอบขึ้น สงสัยจะวิ่งมาเหนื่อยสินะ ฮ่าๆ!!!

                “ก็กลับบ้านไง.. ฉันนัดคยองซูไว้-3-..”

                “นัดไว้? จะไปไหน?

                “ไปซื้อของ ทำไมละ?

                “เปล๊า... ฉันก็แค่ถามดูเฉยๆ” ร่างสูงตอบกลับมาพร้อมกับทำหน้ากวนๆใส่ฉัน... สักวันฉันกับหมอนี่ได้ตีกับตายแน่ๆ! ฉันมาอยู่ที่นี่ได้แค่สองวัน แต่หมอนี่ก่อกวนฉันเหมือนฉันมาอยู่ที่นี่เป็นสิบปี! เหอะๆ

                ฉันเงียบไปไม่ตอบกลับ.. ฉันเหนื่อยที่จะเถียงกับคนอย่างเขาเหลือเกิน ฉันหวังว่าระหว่างเดินกลับบ้านจะได้สูดอากาศดีๆที่เกาหลีไปให้เต็มปอด.. ฉันจิบกาแฟไปพลางเดินไปอย่างเพลินๆ ชื่นชมกับอากาศของที่นี่...

    กาแฟมันจืดจริงๆ-__-

    แต่ชั่งเหอะ.. และเมื่อเราทั้งสองคนเดินมาถึงงหน้าบ้านกาแฟของฉันก็หมดพอดีฉันโยนแก้วกาแฟลงในถังขยะที่ตั้งอยู่หน้าบ้าน และเดินเข้าไปในบ้าน ฉันเดินตรงดิ่งไปที่ห้องโดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างตัวเองเลยแม้แต่น้อย... และเมื่อฉันก้าวเข้ามาในห้องฉันก็รีบอาบน้ำแต่งตัวทันทีเพื่อจะได้ไม่ต้องให้คยองซูรอฉันนาน

                เวลาผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีฉันก็อาบน้ำเสร็จ... ฉันเร่งสปีดตัวเองเป็นสิบเท่าเลยละ วันนี้ฉันเลือกที่จะปล่อยผมของตัวเองแล้วเก็บผมหน้าม้าขึ้นไปโดยติดกิ๊บโบว์สีขาวไว้.. โบว์อันนี้เพื่อนฉันซื้อให้ตอนอยู่ที่ไทยหน่ะ... และฉันก็ไม่พลาดที่จะนำมันมาที่นี่ด้วย ฉันเดินไปยังตู้เสื้อผ้าและเลือกชุดออกมาหนึ่งชุด ชุดที่เลือกออกมานั่นคือเสื้อยืดรักเมืองไทยสีขาวกับเอี๊ยมยีนส์ขาสั้น และที่สำคัญคือรองเท้าผ้าใบสีฟ้า.. แนวนี้ใส่แล้วคงสบายต่อการช๊อปปิ้งมากเลยละ! ฉันรีบสวมเสื้อผ้าเข้าไปโดยใช้เวลาให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้... ฉันจะรีบไปทำไมเนี่ย!? ก็ไม่รู้เหมือนกัน ฮ่าๆ!! ฉันเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งทาครีมกันแดดนิดหน่อยก่อนจะจัดเครื่องแต่งกายให้เข้าที่พร้อมกับหยิบกระเป๋าเป้หนังสีดำมาสะพายไว้ข้างหลัง และหยิบโทรศัพท์ที่ถูกวางไว้บนหัวเตียงมาใส่กระเป๋าที่เอี๊ยม..พร้อมแล้ว! ออกเดินทางได้! เย้ ><..

                ฉันรีบสาวเท้าทั้งสองข้างลงมาที่ชั้นหนึ่ง.. และฉันพบว่าคยองซูนั่งรออยู่ที่โซฟาแล้ว

                “คยองซู! นายรอฉันนานยังเนี้ย!?” ฉันพูดขึ้นเสียงดังจนทำให้ร่างสูงที่กำลังนั่งอยู่สะดุ้งโย้งขึ้นทันที

                “เห้ย! ตกใจหมดเลย!! ฉันพึ่งก็พึ่งมานั่งเนี่ยแหละ..” คยองซูยื่นขึ้นพร้อมกับตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงตกใจเล็กน้อย

                “ฮ่าๆ ขอโทษๆ.. ไปกันเลยป่ะ! ฉันอยากจะช๊อปปิ้งจะแย่แล้ว ><” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงกระดี้กระด้า

                “โอเคๆ เดี๋ยวฉันไปเอารถมาก่อนเธอรออยู่ที่หน้าบ้านนะ เธอบอกจงอินยังว่าจะไปข้างนอกหน่ะ?

                “บอกแล้วเรียบร้อย^^! นายมีรถด้วยหรอ? อื้มๆงั้นฉันไปรอเลยนะ” ฉันตอบกลับไปพลางวิ่งออกไปโดยไม่รอให้เขาตอบ ดีจริงๆเลยที่พวกเขาขับรถเป็นจะได้ไม่ต้องไปเบียดเสียดคนบนรถเมล์.. ฉันเคยเห็นในซีรีย์ ว่าตอนเช้าเนี้ย! คนเยอะอย่าบอกใครเลยละ.. เบียดกันจนจะเป็นปลากระป๋องตราชะนีข้างขวดแล้ว-___-/ ไม่นานนักรถฟอร์จูนเนอร์คันสีขาวก็มาจอดเทียบข้างที่ฟุตบาทหน้าบ้าน.. กระจกข้างคนนั่งค่อยๆเลื่อนลง..และมีเสียงของคยองซูลอดออกมา..

                “ขึ้นรถมาเลย!” คยองซูพูดก่อนกวักมือเรียกขึ้นไปนั่งบนรถ.. ฉันเดินไปที่รถและเปิดประตูออกขึ้นไปนั่งทันที.. รถคันนี้ค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปช้าๆก่อนที่จะอยู่ในความเร็วปกติ..

                “เธออยากจะไปที่ไหนละ?” คยองซูพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบบนรถ..

                “แล้วแต่นายสิ ฉันเองก็ไม่ค่อยจะรู้เหมือนกัน” ฉันจะไปรู้ได้ไงละในเมื่อเขาเป็นคนบอกว่าจะพาไป=___=

                “นั่นสินะ! ฮ่าๆ ฉันจะพาเธอไปเมียงดงก็แล้วกัน..”

                “อ้อ!! เมียงดงที่ขายของเยอะๆป่ะ? ที่แทมินเคยพานาอึนไปใช่มั้ยๆ?” เมียงดงสถานที่ช้อปปิ้ง ดังของเกาหลี.. ฉันเคยดูรายการวีก๊อตแมรี่ที่แทมินคู่กับนาอึน แล้วแทมินพานาอึนไปเที่ยว... ฉันดูแล้วมันน่าเที่ยวมากเลยละ>< ฉันอยากจะซื้อกระเป๋า เสื้อผ้า ดินสอ เครื่องสำอางค์ ขนม ของกิน.. มันเยอะมากจริงๆในตอนนี้.. ฮ่าๆ!!

                “ใช่แล้ว.. เธอดูรายการนี้ด้วยหรอ?

                “ดูสิ.. ชอบมากเลยละ!” ฉันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงดีอกดีใจ   จนทำให้ร่างสูงที่กำลังขับรถอยู่หัวเราะออกมาเบาๆ พวกเราสองคนคุยเล่นกับบนรถไปสักพัก  พวกเราก็ได้ขับมาถึงเมียงดงเสียแล้ว

                “อ่า! ถึงแล้ววว> <”  ฉันทำเสียงกระดี้กระด้าขึ้นเมื่อเห็นผู้คนเดินไปมา.. แต่มันไม่เยอะสักเท่าไหร่ก็มันตอนเช้าหน่ะสิ...

                “นี่!คยองซู... ทำไมคนน้อยจัง? มันจะเยอะช่วงเย็นๆหรอ?” ฉันถามเขาไปพลางมองออกไปข้างนอก.. ถึงจะมีคนเดินผ่านไปผ่านมาบ้างแต่มันก็น้อยจริงๆแหละ

                “ใช่แล้วละ ที่นี่คนจะมาเยอะมากช่วยเย็นๆสักประมาณห้าหกโมงเย็นละมั้ง”

                “อ่า... อย่างนี้นี่เองงั้นเราไปเดินหาร้านเครื่องเขียนก่อนดีกว่ามั้ย?

                “อะ อื้ม^^” คยองซูนำรถมาจอดที่สาถานที่จอดรถ พวกเราเดินลงมาจากรถแล้วมุ่งหน้าตามาหาร้านเครื่องเขียนทันที... แต่เดินไปได้ไม่เท่าไหร่ ฉันก็ได้ไปสะดุดตากับร้านถุงเท้าร้านหนึ่งเข้า เป็นร้านเล็กๆธรรมดาๆแต่กลับดูหน้าดึงดูดให้ไปเสียเงินสะงั้น.. ถุงเท้าร้านนี้น่ารักมาก มากมีหลายลวดลายให้เลือกเยอะสุดๆ... เอ๊ะ!หน้ามันหน้าของแบคฮยอนนิ ฮ่าๆ!! ใครชั่งเอาหน้าแบคฮยอนมาแป๊ะที่ถุงเท้านะ ^[]^ ถัดมาคู่ข้างก็เป็นหน้าของปาร์คชานยอล.. แร๊พเปอร์วงเอ็กโซวงเดียวกันกับแบคฮยอนเลย ได้ข่าวว่าคู่นี้เขาเป็นชิปเปอร์ด้วยละ.. หึหึ ซื้อมาทั้งสองคู่คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง...

                ในขณะที่ฉันกำลังเลือกถุงเท้านั้น คยองซูที่ยืนอยู่ข้างๆฉันกลับยื่นถุงเท้าลายดอกไม้สีชมพูหวานแหววมาให้.. สงสัยเขาจะรู้ว่าฉันชอบสีชมพู > <

                    “เธอไม่เอาลายนี่หรอ? ฉันเห็นเธอชอบสีชมพูลายนี่น่าจะเข้ากับเธอนะ” คยองซูพูดออกมาพร้อมกับยิ้มบางๆให้กับฉัน นายนี่ชั่งสดใสเข้าใจผู้หญิงจริงๆ... ถ้าไม่ติดนายเป็นผู้ชายมีลูกกระเดือกนะ... ฉันคิดว่านายเป็นผู้หญิงแล้วละ ฮ่า!!!

                “เอาก็ได้>< ฉันเอาหมดนี่เลยก็แล้วกันสามคู่เป็นไง?

                “ก็แล้วแต่เธอสิ... แต่ลายนี่มันเป็นแบค กับยอลนะ.. เธอชอบพวกเขาหรอ?

                “ก็ชอบนะ... แต่ฉันชอบมิกกี้เม้าส์มากกว่าหน่ะ-3-..”

                    “ฮ่าๆ เธอนี่เหมือนเด็กเลยจริงๆ!” เขาพูดพลางเอามือมาขยี้หัวฉันเบาๆ... นิ! ขยี้อยู่นั่นแหละหัวของฉันเนี่ย! มันยุ่งหมดแล้วT____T

                “นี่!! ขยี้หัวฉันจนผมยุ่งหมดแล้วเนี่ยT[]T

                “โอ๋ๆ ไม่ร้องๆนะจ้ะเด็กดี:P” เขาแล่บลิ้นให้ฉันก่อนจะเอามือมาลูบผมฉันให้เข้าทีดังเดิม.. สงสัยจะอยู่กับจงอินนานไปติดนิสัยกวยโอ้ย! เขามาเต็มๆ=___=

                ฉันหันหน้าไปพูดกับคุณป้าคนขายถุงเท้าก่อนที่จะตกลงซื้อขายกัน... หลังจากนั้นไม่นานพวกเราก็เดินออกมาจากร้านแล้วเดินหาร้านเครื่องเขียนไปเรื่อยๆ แต่ก็ต้องชะงักทันทีเมื่อเห็นร้านกาแฟร้านหนึ่งเข้า... กลิ่นกาแฟโชยออกมาจากนอกร้านจนมันมาปะทะกับปลายจมูกของฉัน จนทำให้ต่อมอยากกาแฟทำงาน... ฉันชวนคยองซูไปดื่มกาแฟด้วยกัน และแน่นอน! เขาไม่เคยปฎิเสธ ฉันเดินเข้ามาในร้านกาแฟนี้ ร้านนี้ถูกแต่งแต้มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้เก่าๆ ผนังที่ถูกทาด้วยสีครีมและมีลวดลายของต้นไม้ที่แพ่กิ่งก้านสาขาออกมา...

                “นายจะดื่มอะไรก่อนมั้ย?” ฉันหันไปถามคนร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ

                “ไม่ละ.. ฉันยังไม่หิวนะ ขอบคุณนะ^^” เขาปฎิเสธออกมาอย่างสุภาพ...

                “งั้นฉันไปสั่งกาแฟก่อนนะนายไปหาโต๊ะนั่งก่อนก็แล้วกัน”

                “ครับ..” ร่างสูงตอบกลับมาก่อนที่จะหมุนตัวและเดินตรงไปที่โต๊ะว่างๆที่ยังไม่มีผู้คนจับจอง และตรงนั้นเป็นมุมเดียวกันกับที่ฉันเคยดื่มกาแฟกับจงอิน ใช่แล้ว! ที่ริมหน้าต่างบานใหญ่...

                ฉันเดินไปที่เคาวเตอร์มีพนักงานหนุ่มวัยรุ่นคอยต้อนรับอยู่...

                “รับอะไรดีครับ^^” พนักงานหนุ่มถามเสียงนุ่มเป็นการต้อนรับก่อนที่จะชี้ไปที่เมนูกาแฟบนเคาวเตอร์

                “งั้นขออเมริกาโนแก้วนึงคะ”

                “ครับ ทั้งหมดสี่พันวอนครับ” ฉันหยิบเงินจากกระเป๋าตังค์ออกมาสี่พันวอนก่อนที่จะยื่นให้กับพนักงาน

                “รับมาสี่พันวอนนะครับ.. เชิญไปนั่งที่โต๊ะเลยครับ” เขาส่งเครื่องเล็กๆเครื่องหนึ่งมาให้ฉัน นี่มันเครื่องอะไรเนี่ย? ที่ไทยไม่เคยจะมีสงสัยแจกฟรีมั้ง? =____=  ฉันเดินมาที่โต๊ะริมหน้าต่างซึ่งมีคยองซูนั่งรออยู่

                “นี่คยองซู... ไอเจ้าเครื่องนี่มันไว้ทำอะไรหรอ?” ฉันนั่งลงบนเก้าอี้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปถามร่างสูงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม

                “ก็เครื่องส่งสัญญาณเมื่อเวลาได้กาแฟแล้วมันจะดังไง...”

                “อ้อ!! ที่ไทยไม่เคยมีเลยนะมีแต่พนักงานเอามาเสิร์ฟให้ ฮ่าๆ!

                “ดีจัง..บางทีฉันก็ขี้เกียจลุกไปเอาเหมือนกันนะ-__-..”

                “ฮ่าๆ นายนี่มันขี้เกียจจริงๆ!!

                “ว่าแต่.. เมื่อเช้าเธอไปไหนมาหรอ?” จู่ๆคยองซูก็เปลี่ยนเรื่อง จากสีหน้าขี้เล่นกลับกลายเป็นสีหน้าจริงจังในทันที...

                “ฉันไปร้านกาแฟหน้าปากซอยมาหน่ะ ทำไมหรอ?

                “อ่อ.. ป่าวหรอกปกติมันไม่เคยจะตื่นเช้าสักเท่าไหร่-___-;

                “เอ่อ! คยองซูเมื่อเช้าฉันเจอแบคฮยอนด้วยละ! หล่อมากๆ ฉันเคยเห็นเขาแค่ในทวิตเตอร์กับรายการที่เขาไปออกแค่นั้น..  พอมาเจอตัวจริงฉันอยากจะละลายเลยละT//T” ฉันพร่ำเพ้อถึงแบคฮยอนให้คยองซูฟัง.. แต่คนตรงหน้ากลับหัวเราะออกมาสะงั้น..

                    “ฮ่าๆ!! ฉันว่าแล้วเธอต้องเป็นแบบนี้เวลาเจอพวกเพื่อนๆของฉัน ^[]^

                “ก็เขาหล่อจริงๆนี่หน่า... แต่ฉันสงสัยพวกนายไปเป็นเพื่อนกันได้ยังไงหรอ?

                “ฉันเคยเป็นเด็กเทรนของบริษัทที่แบคฮยอนทำงานอยู่.. แต่ครอบครัวฉันไม่สนับสนุนหน่ะ ฉันเลยต้องหยุดมันไว้” สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันทีที่พูดถึงเรื่องนี้... ฉันว่าเขาคงมีเรื่องฝังใจกับเรื่องแบบนี้แน่นอน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีสีหน้าแบบนี้แสดงออกมาให้ฉันเห็นหรอก ฉันไม่ควรจะถามเขาเรื่องแบบนี้ดีกว่าก่อนที่มันจะทำร้ายจิตใจของเขามากไปกว่านี้

                “ชั่งเถอะๆ ฮ่าๆ!! ^[]^ ฉันว่าถ้าได้กาแฟแล้วไปเดินเล่นฆ่าเวลากันมั้ย?” ฉันถามคนตรงหน้าเพื่อเป็นการเปลี่ยนเรื่อง.. ถ้าเป็นฉันแล้วโดนถามด้วยเรื่องแบบนี้ ฉันคงต้องร้องไห้ออกมาแน่นอน ความฝันอันยิ่งใหญ่ที่ได้รับโอกาสแล้วแต่ต้องกลับพังทลายเหตุเพราะครอบครัวไม่สนับสนุนด้านนี้ ฉันคงจะทนไม่ได้จริงๆ..

                “เอางั้นก็ได้ ^^” ร่างสูงยิ้มให้ฉันบางๆ ความเจ็บปวดที่เขาแบกเอาไว้ทั้งหมดในตอนนี้ฉันอยากจะช่วยให้มันเบาลงบ้าง อย่างน้อยสัดนิดก็ยังดี..

                “ครืดดดดด ครืดดดดด”

                เสียงเจ้าเครื่องเล็กสั่น มีแสงไฟสีเขียวกระพริบถี่ที่ตัวเครื่องเป็นสัญญาณบ่งบอกให้ฉันลุกจากเก้าอี้ไปรับกาแฟที่เคาวเตอร์ ฉันลุกออกมาจากเก้าอี้แล้วมารับกาแฟที่เคาวเตอร์ทันที ฉันส่งตัวเครื่องสัญญาณให้กับพนักงานก่อนที่จะรับกาแฟกลับมา

                กลิ่นอเมริกาโนโชยมาปะทะที่ปลายจมูกของฉัน กลิ่นอันหอมหวานของเมล็ดกาแฟผสมน้ำตาล.. ฉันถือเจ้าแก้วกาแฟถ้วยนี้แล้วเดินมานั่งที่โต๊ะตัวเดิม ฉันจัดการเปิดฝาถ้วยกาแฟแล้วจรดขอบแก้วกาแฟลงมาบนริมฝีปากบางอมชมพูของฉัน ก่อนที่จะค่อยรินกาแฟเข้าไปในปากให้ลิ้นได้รับรสชาติของกาแฟ...

                “=___=<<< สีหน้าฉันหลังจากได้ชิมกาแฟอเมริกาโนราคาสี่พันวอน.. มันไม่ต่างอะไรกับโอเลี้ยงเมืองไทยเลยจริงๆ! ให้ตายเถอะดาร์ลิ้ง! สิ่งที่ฉันวาดฝันไว้มันช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว.. รสชาติที่แสนจะจืดชืด ฉันเสียเงินซื้อมันไปได้ยังไงกัน..

                “ไม่อร่อยละสิ” คนตรงหน้าพูดขึ้นหลังจากเห็นสีหน้าของฉัน และใช่! เขาคิดถูก

                “ใช่! ก็ประมาณนั้นหน่ะฉันคงไม่ซื้อมันมาดื่มอีก=___=” ฉันปิดฝาแก้วก่อนจะวางมันไว้ที่โต๊ะดังเดิม...

                “ฮ่าๆ! เธอนี่จริงๆเลยนะ.. คนเกาหลีปกติเขาดื่มกันอย่างนี้ละ”

                “ฉันคงไม่เหมาะกับมันจริงๆ-___-;” ถ้าให้ฉันดื่มอเมริกาโนราคาสี่พันวอนทุกวันฉันยอมกินข้าวผัดเมื่อวานจะดีกว่านะ.. รสชาติมันดีกว่าเยอะ แต่นึกถึงข้าวผัดไข่ใส่เนื้อวัวแล้วมันสะอิดสะเอียนยังไงบอกไม่ถูกเหมือนกัน ฮ่าๆ! =___=;

                “ไปเถอะคยองซู  ไปเดินเล่นสักหน่อยฉันอยากรู้ว่าที่เมียงดงมันมีอะไรบ้าง..”

                “คร้าบบบบบ...” คยองซูตอบกลับมาลากเสียงยาวด้วยน้ำเสียงกวนๆของเขา นายนี่สักวันจะโดนฉันเขกหัวอีกแน่ๆ-___-

                พวกเราสองคนเดินออกมาจากร้านกาแฟ ฉันเป็นฝ่ายให้คยองซูนำทางไปก่อน เพราะฉันไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหนดี.. ร่างสูงเลือกที่จะเดินไปทางด้านขวาซึ่งมีแต่ร้านค้าที่ขายเสื้อผ้าเต็มไปหมดทั้งสองข้างทาง.. แหล่งช้อปปิ้งดีๆทั้งนั้น.. หวานหมูแล้ว ลี แอนนา!! พวกเราเดินมาหยุดอยู่ตรงสัญญาณไปข้ามถนน ไฟจราจรเป็นสีแดงบ่งบอกให้พวกเราทั้งสองคนหยุดเดินก่อน ฉันยกนาฬิกาขึ้นมาดูเข็มปัดสั้นของนาฬิกาชี้ตัวเลขไปที่เลขสิบสองซึ่งนั้นคือตอนเที่ยงแล้ว... เวลาเดินไปไวจริงๆ ยังไม่ทันได้เดินดูอะไรเลยแต่กลับเที่ยงแล้ว

                “เฮ้ย! แอ๊นท์ระวัง!!!” จู่ๆเสียงของคยองซูดังขึ้นท่ามกลางผู้คนมากมายจนพวกเรากลายเป็นจุดสนใจของคนอื่นๆ... ฉันเงยหน้าจากนาฬิกาขึ้นมาและจะหันหน้าไปมองคนข้างๆ แต่ทว่ากลับโดนใครบางคนวิ่งมาชนเข้าข้างหลังอย่างจัง.. จนทำให้ร่างบางๆเซล้มลงไปกองอยู่ที่พื้น จากที่ฉันกำลังยืนดูนาฬิกาอยู่แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าฉันกำลังล้มหน้าจิ้มอยู่บนพื้นฟุตบาท... =____= ใครมาชนฉันฟร้ะ! อย่าให้รู้นะแม่จะชกให้หหน้าเขียวเลย!! คยองซูรีบมาพยุงฉันให้ลุกขึ้นทันที ฉันลุกขึ้นจากพื้นแล้วทำการปัดฝุ่นที่เกาะอยู่ตามเสื้อผ้าตามร่างกายไม่มีรอยอะไรสักรอย... แต่กลับมามีรอยมาโผล่ที่มือข้างขวา.. แต่มันก็ไม่ได้ใหญ่อะไรหรอก

                ฉันหันไปมองคนที่วิ่งมาชนฉันแต่กลับว่างเปล่า.. อีบ้านั่นมันไปไหนแล้วละ! มันทำฉันล้มอย่างนี้ไม่ขอโทษแถมยังวิ่งหนีไปอีก!

                “ไอคนที่วิ่งชนฉันมันหายไปไหนแล้วนะ! อย่าให้ฉันเจออีกนะฉันจะ ^!@#%$&#$^*” ฉันสบถคำด่าต่อว่าเป็นภาษาไทยใส่หน้าคยองซูรัวๆ ด้วยความโกรธมันระเบิดออกมาจนฉันสามารถชกกำแพงให้ร้าวได้เลยละ!!!

                “เอ่อแอ๊นท์.. เป็นอะไรป่าว? หยุดพูดก่อนได้มั้ยฉันฟังมันไม่รู้เรื่อง..” ร่างสูงพูดขึ้น.. ฉันลืมไปเลยว่าเขายืนอยู่ตรงนี้ เขาคงไม่รู้อะไรหรอกมั้งว่าฉันพูดอะไรไปบ้าง ถ้าเกิดว่าเขารู้ขึ้นมาคงทำให้ฉันอยากมุดลงดินเสียเดี๋ยวนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยT___T

                “ขอโทษทีๆพอดีโมโหไปหน่อยหน่ะ! ตาบ้านั่นมันไม่เห็นฉันยืนอยู่หรือยังไงกัน วิ่งมาชนฉันแถมยังไม่ขอโทษอีก!

                “คนที่นี่ก็อย่างนี้ละ.. ว่าแต่เธอเป็นอะไรมากมั้ย?

                “ไม่เป็นไรหรอกแค่ถลอกนิดๆที่มือชั่งมันเถอะ-__-;” ฉันพูดออกไปก่อนจะทำท่าปัดฝุ่นตามตัวอีกครั้ง...

                “งั้นเราข้ามถนนกันเถอะ” ร่างสูงพูดขึ้นก่อนที่มือหนาๆของเขาจะมาจับที่ข้อมือของฉันก่อนที่จะพาวิ่งข้ามถนนไป มือหนาอุ่นๆที่กำลังสัมผัสข้อมือของฉันมันทำให้ฉันตกใจ แต่กลับไม่มีอาการใจเต้นแรงเลยสักนิด... ทำไมกันนะ?

                พวกเราสองคนข้ามถนนมาแต่มือของเขาก็ยังไม่ปล่อยข้อมือของฉันสักที..

                “คยองซู.. นายจะปล่อยมือฉันได้หรือยัง(.  .  )” ฉันถามคนตรงหน้าด้วยสีหน้าเขอะเขิน-//-จะไม่เขินได้ยังไงกันละ... ร้อยวันพันปีจะมีผู้ชายกล้ามาแตะต้องเนื้อตัวฉัน ปกติฉันมีแต่เพื่อนผู้หญิงเพื่อนผู้ชายก็มีนะ... แต่มันเป็นผู้ชายที่ไม่เต็มร้อยแค่นั้นเอง...

                “อ อะเอ่ออ... ขอโทษที” ร่างสูงรับพละมืออกจากข้อมือทันที

                “ม มะไม่เป็นไร” พวกเราต่างพูดตะกุกตะกักเพราะไม่สามารถทนความเขินได้... คงมีผู้หญิงเป็นร้อยๆคนอิจฉาฉันแน่ๆ -///- เพราะคยองซูเล่นน่ารักสะขนาดนี้ โฮ้ๆ!!!! ^{}^  (หลังนิยายจบคนเขียนโดนตบแน่ๆ555555)

                จากนั้นไม่นานพวกเราสองคนก็เริ่มเดินก้าวเท้าไปเรื่อยตามฟุตบาทที่ทอดยาวไปไกล ตามข้างทางต่างมีร้านค้าตั้งอยู่มากมายและเริ่มมีผู้คนถยอยมาเดินช้อปปิ้งกันบ้างแล้ว ฉันเดินเข้าไปแวะดูตามร้านต่างๆ เสื้อ กางเกง กระโปรง รองเท้า ... แต่มีอยู่ร้านหนึ่งที่ฉันสะดุดตาคือร้านเคสโทรศัพท์ ฉันเดินเข้าไปในร้านมีพนักงานป้าแก่ๆคนหนึ่งเฝ้าอยู่ด้วย ฉันกวักมือเรียกคยองซูให้เข้ามาดูเคสด้วยด้วยกัน... และก็เขาเดินตามฉันเข้ามาข้างในร้าน

                ร้านเคสโทรศัพท์ร้านนี้ต่างมีสีสันสดใส มีลายหลากหลายให้เลือกซื้อ ฉันเดินดูตามแผงมาเรื่อยๆจนมาสะดุดกับเคสลายผู้หญิงใส่ประโปรงลายสก๊อต และข้างก็มีเคสเด็กผู้ชายใส่เอี๊ยมลายสก๊อต คงเป็นเคสคู่สินะ? ฉันหยิบมันขึ้นมาดูทั้งสองอันแล้วหันไปถามกับตยองซูว่า..

                “คยองซูนายใช้โทรศัพท์รุ่นอะไร?

                “ไอโฟนห้าหน่ะ.. มีอะไรหรือเปล่า?” เขาใช้รุ่นเดียวกับฉันเลย.. มันคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้งที่จะใช้เคสคู่เพราะว่าเพื่อนๆฉันที่ไทยใช้เคสคู่กันตั้งเยอะแยะนิ

                “ฉันก็ใช้ไอโฟนห้า! นี่ๆ นายอยากใช้เคสคู่กับฉันมั้ย?” ฉันถามคยองซูขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะยื่นเคสเด็กผู้ชายไปให้...

                “ฮ่าๆแล้วแต่เธอสิ^^

                “งั้นแสดงว่าตกลงก็แล้วกันนะ^[]^ งั้นฉันจะซื้อเคสเป็นของรับขวัญลูกบ้านเลยก็แล้วกัน^^

                “มันอลังการมาก.. ฮ่าๆ!!!” คนตรงหน้าแค่นหัวเราะออกมาหน่อยๆก่อนจะรับเคสเด็กผู้ชายไป ฉันจัดการจ่ายเงินให้กับป้าแก่ๆก่อนที่จะเดินออกมาจากร้าน

                น่ารักจัง

    ฉันมองโทรศัพท์ที่ถูกสวมด้วยเคสเด็กผู้หญิงก่อนจะหันไปมองคนข้างๆที่กำลังจะใส่เคสให้กับโทรศัพท์เครื่องสีขาวอยู่ จากนั้นไม่นานเขาก็ใส่มันเข้าจนได้

                ฉันเดินมาตามทางที่ทอดยาวไปเรื่อยๆ ผ่านตามร้านค้ามากมาย จริงๆแล้วบรรยากาศที่นี้ ณ เวลานี้มันดีจริงๆ... ฉันอยากจะเก็บช่วงเวลานี้ไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้

                “นี่ แอ๊นท์เราไปหาอะไรทานกันก่อนมั้ย?” เสียงทุ้มต่ำๆคุ้นหูดังขึ้นข้างๆ ก่อนที่พวกเราจะหยุดเดิน

                “ก็ตามใจนายสิ แต่จะว่าไปฉันก็หิวแล้วเหมือนกัน” อันที่จริงฉันควรจะบอกว่าฉันหิวมาก ข้าวเช้าก็ไม่ได้กินแถมออกมาเดินเที่ยวโดยที่ท้องยังว่างขนาดนี้ สงสัยฉันคงจะผอมลงแน่ๆ

    -0-

                “ฉันมีร้านแนะนำอยู่ร้านหนึ่งอร่อยสุดๆเลยละ!” ร่างสูงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นก่อนที่จะก้าวเท้าเดินต่อไปยังจุดมุ่งหมาย โดยไม่รอให้ฉันได้เอ่ยคำพูดออกมาเขาเอามือมาจับที่ข้อมือฉันก่อนที่จะลากฉันไปด้วย

                ร้านอาหารแบบไหนกัน?

                นั่นสิ... ตั้งแต่ฉันมาที่นี่ฉันอยากจะลองชิมอาหารแปลกๆเหมือนกัน เห็นแต่ในรายการทีวีดูน่ากินจนทำให้ท้องฉันปั่นป่วนไปเลย

                หลังจากนั้นไม่นานเท้าทั้งสองข้างของฉันกับคยองซูได้เดินมาถึงหน้าร้านค้าร้านหนึ่ง เป็นร้านเก่าๆที่ดูท่าแล้วจะเปิดมานาน คนในร้านไม่พลุ่กพล่านนัก พวกเราเดินเข้าไปในร้านแล้วเลือกโต๊ะที่ไร้ผู้คนจับจองคือ โต๊ะว่างๆ นั่นเอง.. และเมื่อมาถึงฉันก็หย่อนก้นลงนั่งที่เก้าอี้ทันที ความเหมื่อยล้าของช่วงล่างได้ผ่อนคลายลง ขจัดความปวดขาออกไป

                สบายจริงๆ..

                “นี่คือร้านต๊อกโบกี เธอรู้จักมั้ย? เดี๋ยวฉันจะสั่งของอร่อยมาให้ทาน”

                “ก็เคยได้ยินชื่ออยู่เหมือนกันนะ แต่ไม่เคยลองกินเลยสักครั้ง” ฉันเคยเห็นผ่านๆในทวิตเตอร์นะ ช่วงดึกมักจะมีคนคอยรีทวิตข้อความอาหารมาที่หน้าทามไลน์ฉันเยอะมากๆ และแน่นอน! มันทำให้ฉันหิวมาก และมันเป็นทวีคูณในตอนดึกๆ

                “งั้นรอแป๊บนึงนะ” ทันใดนั้นเขาก็ยกมือขึ้นสูงเป็นสัญญาณเรียกพนักงานมารับออร์เดอร์ พนักงานส่งใบเมนูมาก่อนที่เขาจะทอดสายตามองลงที่เมนู ก่อนจะหันไปสั่งอาหารประมาณสองสามอย่างแล้วส่งเมนูคืนพนักงาน

                รออาหารเพียงแค่ไม่ถึงสิบนาที อาหารสองสามจานที่คนตรงหน้าสั่งก็ถูกเสิร์ฟอยู่บนโต๊ะ มีต๊อกโบกีจานหนึ่งละที่ฉันพอจะรู้จัก และไม่คอยช้าฉันรีบหยิบตะเกียบออกมาคีบแป้งแท่งๆเข้าปากทันที...

                “อ่า...” ทันทีที่อาหารเข้าปากความร้อนของมันกระทบกับเส้นประสาทบนลิ้นจนทำให้ฉันต้องอ้าปากเป่าลมร้อนออกมา

                “ฮ่าๆ! ระวังหน่อยสิอาหารมันยังร้อนๆอยู่” คยองซูพูดขึ้นแต่ทว่าเขาก็หยิบตะเกียบคีบต๊อกโบกีเข้าปากเช่นกัน

                “นายก็ระวังร้อนละ” ควันของอาหารทั้งสามจานลอยโชยขึ้นมาปะทะกับจมูกของฉัน กลิ่นมันหอมหวาน ซึ่งมันบ่งบอกถึงรสชาติของมันไปด้วยและแน่นอน!

                มันอร่อยสุดๆจนหยุดกินไม่ได้เลยทีเดียว.

    ฉันรีบคีบอาหารตรงหน้าเข้าปากทันทีที่ปากว่าง มันอร่อยจนฉันไม่สามารถว่างตะเกียบได้เลย.. ถึงแม้ว่ามันจะร้อนขนาดไหนแต่ถ้าเทียบกับรสชาติแล้วฉันยอมลิ้นพองเลยละ!

                ผ่านไปแค่พริบตาเดียวอาหารทั้งหมดก็หายเกลี้ยงไปกับสายลม.. แต่มาตกอยู่ในท้องของฉันและคยองซู หน้าท้องของฉันรู้สึกตึงอย่างเห็นได้ชัด แสดงว่าฉันอิ่มจนไม่สามารถลุกได้เลยทีเดียว

                “อิ่มมากเลยละสิ ฉันบอกแล้วอาหารที่นี่อร่อยจริงๆ!

                “ฉันเชื่อนายแล้ว ไว้วันหลังฉันจะมากินอีก ฮ่าๆ! ^[]^

                “งั้นมื้อนี้ฉันเลี้ยงเธอ.. แต่คราวต่อไปเธอเลี้ยงฉันนะ?

                “รับทราบคะ!” ฉันค้านรับพร้อมกับยกมือขวาขึ้นมาทำท่าวัทยาหัด

                อ่า.. อิ่มจริงๆถึงน้ำหนักจะขึ้นยังไงก็ชั่งเถอะ ฉันไม่แคร์อะไรมันอยู่แล้ว มันก็แค่ตัวเลขเท่านั้นเอง=___=

                หลังจากที่พวกเราทานอาหารแสนจะอร่อยเหาะเสร็จ พวกเราก็เดินดูร้านด้าต่างๆไปเรื่อยๆ และท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีไปจากที่พระอาทิตย์ส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้าตอนนี้มันกำลังจะลับขอบฟ้าลงไป.. ท้องฟ้าเปลี่ยนสีมาเป็นสีน้าเงินเข้มไปจนดำ บ่งว่าตอนนี้ตอนกลางคืน พวกเราเดินช้อปปิ้งกันไปสักพักก่อนที่จะตัดสินใจกลับบ้าน

                ฉันลงจากรถฟอร์จูนเนอร์สีขาวของคยองซูพร้อมกับหิ้วของพะรุงพะรังลงมาจากรถ ฉันซื้อของมาเยอะมากจนทำให้ฉันตอนนี้กลายเป็น อีบ้าหอบฟาง ไปโดยปริยาย...

                ฉันเปิดกระตูบ้านเข้ามาแต่กลับต้องชะงักทันทีเมื่อเห็นร่างสูงที่ไม่คุ้นตาสองคนกำลังนั่งอยู่ที่โซฟาสีดำในห้องรับแขก พวกเขากำลังให้ความสนใจกับทีวีจอแบนขนาดใหญ่อยู่โดยไม่สังเกตุว่าฉันเปิดประตูเข้ามาในบ้าน..

                พวกเขาเป็นใคร?

    เป็นคำถามแรกที่ผุดขึ้นมาอยู่ในหัวฉันก่อนที่สาวเท้าเข้าไปที่โต๊ะอาหารแล้วจัดการวางของทั้งหมดไว้ตรงนั้น หลังจากนั้นไม่นานคยองซูก็เปิดประตูบ้านเข้ามา แต่เขากลับมีสีหน้าปกติแล้วกล่าวทักทายแขกผู้แปลกหน้าสองคนที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่

                “แบคฮยอน! จงแด! มาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย!!?” เสียงของคยองซูทำให้ร่างสูงสองคนที่กำลังให้ความสนใจกำลังทีวีแปรเปลี่ยนมาสนใจเจ้าของน้ำเสียงนั้น..

                “ฉันมาตั้งแต่เช้าแล้ว ส่วนจงแดมันพึ่งมาไม่นานเอง”

                เห้ย!! อย่าบอกนะว่าแบคฮยอนยังไม่ได้กลับเลย... งั้นแสดงว่าฉันก็มีโอกาสได้คุยกับเขาอ่ะสิ? O///O ทำไมฉันรู้วึกว่าฉันโชคดีขนาดนี้เนี่ย! เจอไอดอลคนดังแถมเขายังเป็นเพื่อนสนิทกับเพื่อนของฉันอีก ในหัวของฉันมันสับสนไปหมดจนทำอะไรไม่ถูก ฉันไม่รู้ว่าจะควรเริ่มกล่าวทักทายพวกเขากันยังไงดี..

                “นายยังไม่กลับอีกหรอเนี้ย!? อ่าว! แอ๊นท์มานี่สิฉันจะแนะนำเพื่อนของฉันให้รู้จักแต่เธอคงรู้จักแบคฮยอนแล้วมั้ง? เขาออกจะดังสะขนาดนี้ ฮ่าๆ!!” ใช่! เขาดังมากๆเลยละ ที่ไทยเขาถูกจัดว่าเป็นไอดอลร่างบางนิ้วสวย หน้าหวาน ถ้าใครได้เจอเขาแบบที่ฉันเจอคงต้องกรี๊ดสนั่นแน่ๆ!

                ฉันก้าวเท้าอันสั่นเทาทั้งสองข้างไปข้างหน้า ที่มันสั่นไม่ใช่เพราะกลัวหรอกนะแต่เป็นเพราะฉันตื่นเต้นที่ได้เจอคนหน้าตาดีอยู่รวมกันถึงสามคน.. ว่าแต่นายจงอินเขาไปไหนกัน? หมดนี่เป็นมนุษย์ล่องหนหรือยังไง?

                “อะ อันยอง..” ฉันกล่าวทักทายแขกทั้งสองคนด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก

                “อันยอง! แอ๊นท์ฉันแบคฮยอนนะ ส่วนนี่จงแด คิมจงแด^^” แบคฮยอนตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสดใสร่าเริง เขาส่งรอยยิ้มที่เป็นประกายมาให้ฉัน นายรู้มั้ยนายกำลังจะฆ่าคนอื่นด้วยรอยยิ้มนั่น! มันทำให้ฉันอยากจะเก็บรูปตอนเขายิ้มไว้เสียจริงๆ...

                “อันยอง แอ๊นท์!” ร่างสูงที่นั่งข้างๆแบคฮยอนเอ่ยออกมาก่อนที่จะยิ้มให้ฉันบางๆหนึ่งที..

                หน้าเขาเหมือนแป๊ะยิ้มเลย..

    รอยยิ้มของจงแดมันน่ามั่นเขี้ยวยิ่งนัก.. พวกเขากินอะไรกันนะทำไมถึงหน้าตาดีขนาดนี้.. ฉันเป็นผู้หญิงฉันยังรู้อายไปเลยละที่เห็นผู้ชายสวยกว่าขนาดนี้...

                “แล้วจงอินมันไปไหนของมันละ?” คยองซูเอ่ยขึ้นเมื่อสังเกตุไปรอบๆห้องแล้วไม่มีเงาของจงอินแม้แต่น้อย..

                “มันไปหยิบหนังในห้องมันหนะ ป่านนี้มันยังไม่ออกมาเลย.. สงสัยคงจะเลือกหนังอยู่” เสียงของจงแดตอบกลับมา

                “งั้นฉันขอตัวไปนอนก่อนก็แล้วกันนะ พวกนายดูหนังกันไปเถอะ อยากได้อะไรก็ไปบอกฉันก็แล้วกัน ฉันไปนะ บาย^^” อันที่จริงฉันอยากจะอยู่ต่อนะแต่พลังงานในร่างกายฉันมันไม่ทนทานต่อหนังหลายๆชั่วโมงหรอก ฉันอยากจะอาบน้ำล้างตัวจริงๆ.. เหนียมเนอะหนะไปทั้งตัว

                “เสียดายจัง.. (.__.  ) ไม่เป็นไรไว้คราวหน้ามาดูหนังด้วยกันนะ^^” แบคฮยอนพูดด้วยน้ำเสียงเสียดายเล็กน้อยก่อนะส่งยิ้มอันเปล่งประกายมาให้ฉันอีกครั้ง -/////- โอ้ย! สักวันฉันจะตายเพราะทนคนหน้าตาดีไม่ไหวสะแล้วมั้ง..

                “จ้า ฝันดีนะคะทุกคน” ฉันกล่าวลาก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้นแล้วมาหยิบของที่โต๊ะอาหารแล้วเคลื่อนตัวเองไปยังห้องส่วนตัว

                เมื่อมาถึงหน้าห้องฉันวางของทั้งหมดไว้ที่ปลายเตียงนุ่มๆก่อนจะเวี้ยงกระเป๋าลงไปด้วยเช่นกัน หลังจากที่ฉันเสร็จสิ้นภาริกิจส่วนตัว จนมาอยู่ในชุดนอนสีชมพูสีโปรดปรานของฉัน ฉันจัดแจงของที่ซื้อมาใหม่ให้เข้าที่.. แล้วเดินมาหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเป้ ฉันเปิดดูการแจ้งเตือนที่หน้าจอ ก่อนที่จะเลื่อนดูข้อความใหม่ที่ส่งเข้ามาให้ทวิตเตอร์

                อยู่เกาหลีมีเพื่อนใหม่อย่าลืมฉันนะT_T’

                เจอหนุ่มหน้าตี๋เป็นยังไงบ้างยัยแอ๊นท์

                อย่าลืมลดน้ำหนักนะคร้าบบบบบ =P

    ข้อความต่างๆที่ถูกส่งมายังทวิตเตอร์ของฉันล้วนแล้วแต่มาจากเพื่อนๆที่ไทย.. ฉันก็คิดถึงพวกเขานะอยากจะกลับไปหาจริงๆ ไว้ปิดเทอมฉันจะกลับไปหาพวกเขาแน่นอน ฉันกดไปที่ปุ่มทวิตใหม่...

                อาจจะเป็นโชคดีของฉันก็ได้...

                ฉันกดทวิตข้อความไปในหน้าทามไลน์ก่อนที่จะวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะทำงาน ฉันเดินไปที่ข้างๆเตียงก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มอันแสนสบาย.. เรี่ยวแรงของฉันมันกำลังจะหมดไป เปลือกตาของฉันเริ่มหนักอึ่งอีกครั้งก่อนที่มาค่อยๆเคลื่อนลงมาปิดตาและแล้วความมืดก็คลืบคลานเข้ามา... จนทำให้ฉันตกไปอยู่ในห้วงของความฝันอีกครั้งหนึ่ง

     

    -3วันต่อมา-

                เช้าวันเปิดเทอมวันแรกของฉัน ใช่แล้ว! ตอนนี้ฉันอยู่ที่เกาหลีฉันกำลังเริ่มต้นใช้ชีวิตใหม่ที่นี้! ฉันค่อยๆถีบตัวเองขึ้นจากเตียงแต่แรงโน้มถ้วงของโลกตอนตื่นนอนถึงรู้สึกว่ามันมากว่าเก้าจุดแปดเสียอีก... ฉันลุกขึ้นแล้วทำการบิดซ้ายบิดขวาเพื่อเป็นการปัดความขี้เกียจให้ออกไปจากร่างกาย และทำการจัดที่นอนให้เข้าที่เรียบร้อยดังเดิม

                เอ๊ะ!? ชุดนักเรียนของฉันมันอยู่กับคยองซูนิ? ให้ตายเถอะ! ทำไมฉันไม่เตรียมมันตั้งแต่เมื่อวานละ? ถ้าเมื่อวานฉันไม่มัวแต่อุดอู้อยู่ในห้อง มัวแต่ตอบข้อความเพื่อนๆในทวิตเตอร์ละก็วันนี้คงจะไม่ยุ่งหรอก...

                ฉันเดินไปเปิดประตูที่หน้าห้อง แต่ทว่ากลับมีอะไรมาแขวนไว้ที่ประตูหน้าห้อง..

                ชุดนักเรียนของฉันนิ?

    ใช่ชุดนักเรียนของฉันเอง ฉันสำรวจมันก่อนจะหยิบมันเข้ามาให้ห้องเสื้อสูทแขนยาวสีดำปักตราของโรงเรียนไว้ที่อกข้างซ้าย เสื้อแขนยาวทับในสีขาวกับกระโปรงสีขาวสั้นเหนือเข่ามาเล็กน้อย และที่ขาดไม่ได้คือเนคไทสีแดงกับป้ายชื่อที่เขียนว่า ลี แอนนา ฉันแขวนมันไว้ที่จับปนะประตูของตู้เสื้อผ้า ก่อนที่เดินเข้าไปในห้องน้ำและจัดการอาบน้ำโดยทันทีเพื่อไม่ให้เวลาล่วงเลยจนสายมาไปกว่านี้

                หลังจากนั้นไม่นานฉันเดินออกมาแล้วหยิบชุดนักเรียนสวมใส่ไปทีละชิ้น แต่มันไม่ง่ายเลยที่จะไม่กังวลว่ามันจะเข้ากับฉันหรือเปล่า.. ฉันเดินไปยืนที่หน้ากระจกบานใหญ่ก่อนที่มันจะสะท้อนรูปร่างฉันกลับมา.. ก็ไม่เลวนิไม่ได้ดีมากแต่ก็ไม่ได้แย่

                ฉันเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งแล้วทาครีมกันแดดเล็กน้อยก่อนที่จะรวบผมขึ้นสูง แล้วปล่อยหน้าม้าลงมา.. เอาละเสร็จแล้ว! ฉันเดินไปหยิบกระเป๋าเป้สีดำใบเดิม พร้อมกับโทรศัพท์ที่ถูกวางไว้ที่โต๊ะใส่กระเป๋าเสื้อทันที

                ทันทีที่ก้าวขาลงมาจากฉันสองฉันก็พบกับร่างสูงสองคนที่กำลังกินขนมปังกับนมซึ่งเดาไม่ยากเลย.. มันคงจะเป็นอาหารเช้าสำหรับพวกเขา

                “แอ๊นท์เสร็จแล้วหรอ? มันกินอาหารเช้าก่อนสิแต่มันมีแค่ขนมปังกับนมนะ” เสียงทุ้มต่ำๆของคยองซูพูดขึ้นเมื่อสายตาได้มาเจอฉันที่กำลังยืนมองอยู่

                “ฉันขอแค่นมก็พอ..” ปกติตอนอยู่ไทยอาหารเช้าก็นมนี่ละ -3- ฉันมักจะตื่นสายอยู่บ่อยๆเลยไม่มีเวลามากินอาหารเช้า.. ถ้าเกิดนั่งเอื้อยๆละเลียดกินอาหารเช้าเข้าละก็มีหวังไปโรงเรียนสายแน่ๆ

                ทันใดนั้นสายตาของจงอินก็หันมาปะทะกับสายตาของฉัน ดูเหมือนกับว่าเขาจะนอนดึกนะขอบตาคล้ำสะขนาดนั้น ฉันเดินไปที่โต๊ะก่อนจะหยิบนมที่วางไว้ออกมาดื่ม..

                “จงอินนายเป็นอะไรหรือเปล่า? ทำไมขอบตาดำขนาดนั้น?” ฉันถามขึ้นเมื่อสังเกตุเห็นขอบตาเขา

                “เปล่าหรอกแค่นอนดึกหน่ะ=___=

     

                พวกเราสามคนหลังจากที่ทานอาหารเช้าเสร็จก็เคลื่อนย้ายตัวเองมาอยู่บนรถฟอร์จูนเนอร์สีขาวคันเดิม โดยที่ฉันนั่งข้างคนขับโดยมีคยองซูเป็นคนขับ และจงอินนั่งอยู่ที่เบาะหลังตรงกลาง..

                “นี่! แอ๊นท์ฉันขอเบอร์เธอหน่อยสิฉันยังไม่มีเบอร์เธอเลย..” จู่ๆเสียงของคยองซูพูดขึ้นเป็นการทำลายความเงียบในรถลง

                “นายเอาโทรศัพท์นายมาสิ เดี๋ยวฉันจะเมมเบอร์ให้” ฉันพูดเสร็จคยองซูก็ส่งโทรศัพท์มาให้ฉัน ฉันใช้เวลาแค่องถึงสามนาทีก็เมมเบอร์ของฉันในเครื่องเขาแล้วจัดการส่งคืนทันที

                “ฉันขอบ้างสิ.. แค่เธอเอาโทรศัพท์เธอมานะ” และไม่นานเสียงของจงอินดังขึ้นที่ข้างหลัง

                “โอเคๆ” ฉันตอบกลับไปเบาๆพลางส่งโทรศัพท์ไปให้เขา.. และหลังจากที่เขาเมมเบอร์เสร็จเขาก็ส่งคืนมา

     

                เพียงผ่านไปแค่สิบห้านาทีรถก็เคลื่อนมาถึงในโรงเรียนเสียแล้ว.. โรงเรียนที่กว้างขว้างสุดลูกหูลูกตา มันใหญ่มากจนไม่สามารถเดินรอบๆหมดภายในวันเดียว ฉันก้าวขาลงมาจากรถก่อนที่จะทอดสายตาสำรวจมองไปรอบๆ ร่างสูงทั้งสองเดินนำไปข้างหน้า แต่ฉันรู้สึกถึงสายตาแปลกของนักเรียนที่นี่.. เหมือนมีใครจ้องอยู่

                ใช่!เหมือนมีใครจ้องอยู่..

    ฉันมองไปรอบๆก็พบกับสายตาของนักเรียนชายหญิงมากมายกำลังมองมาที่ฉัน แล้วส่งเสียงซุบซิบนินทาเป็นช่วงๆ ฉันแค่นักเรียนมาใหม่เองนะ..

                “แอ๊นท์เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปที่ห้องเรียนนะ เธออยู่ห้องสองฉันกับจงอินอยู่ห้องสี่..” คยองซูหยุดเดินแล้วหันมาพูดกับฉันก่อนที่จะออกตัวเดินอีกครั้ง โดยที่จงอินก็เงียบปากไปตลอดทาง.. ทำไมวันนี้เขาไม่พูดอะไรเลยละ? ปกติจะมาก่อกวนฉันตลอด...

                พวกเราทั้งสามคนเดินมาตามทางเดินโดยผ่านหน้าห้องเรียนมากมาย.. จนมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องเรียนหนึ่ง... ใช่แล้ว! มันคือห้องสองนั่นเอง

                “ถ้ามีอะไรสงสัยโทรมาหาฉันก็แล้วฉัน ห้องฉันอยู่ถัดไปสองห้องนะ^^ ฉันไปละ”

                “จ้า ขอบคุณนะ” ฉันกล่าวลาก่อนที่พวกเขาสองคนจะหมุนตัวหันหลังกลับไป.. แปลกจริงๆ วันนี้จงอินเขาเป็นอะไรรึเปล่า?

                เมื่อฉันก้าวขาเดินเข้ามาให้ห้อง ทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องหยุดทำกิจกรรมของตัวเองแล้วหันมาให้ความสนใจกับเด็กนักเรียนใหม่อย่างฉัน.. ก่อนที่จะส่งเสียงซุบซิบดังฮึ่มขึ้นอีก ไม่นานผู้ชายวัยกลางคนก็เดินเข้ามาในห้องเขาน่าจะเป็นอาจารย์ละมั้ง? เขากวักมือเรียกฉันให้มายืนอยู่ข้างๆ และบรรยากาศในห้องเรียนจากที่นักเรียนแตกกระจายอยู่กันเต็มห้องแต่บัดนี้ พวกเขาได้มานั่งประจำอยู่ที่โต๊ะของตัวเอง...

                “เอาละ! วันนี้มีนักเรียนมาใหม่คนหนึ่ง... เธอมาจากประเทศไทยช่วยดูแลเธอหน่อยก็แล้วกันนะ อ่าว!เธอแนะนำตัวสิ้” จู่ๆอาจารย์ก็หันมาบอกให้ฉันแนะนำตัวหน้าห้องเรียน.. ให้ตายเถอะ! ฉันยังไม่ได้เตรียมตัวมาเลย..

                “อันยอง.. ฉันชื่อลี แอนนาคะ เรียกฉันว่าแอ๊นท์ก็ได้แล้วแต่จะสะดวก ฉันมาจากไทยอาจจะพูดไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ^^” ฉันโค้งตัวลงหนึ่งทีก่อนที่เสียงของคนในห้องจะคุยกันดังอีกครั้งหนึ่ง

                “นี่ๆ!! หยุดคุยก่อน! ลี แอนนาเธอไปนั่งตรงโน้นนะ” อาจารย์ชี้ไปยังโต๊ะตัวที่ไม่มีคนนั่งอยู่ซึ่งมันอยู่หลังห้องและมันติดกับริมหน้าต่าง..

                    ชั่งโชคดีอะไรอย่างนี้!

    ฉันเลื่อนเก้าอี้ออกมาแล้วหย่อนก้นตัวเองนั่งลงไปก่อนที่จะสำรวจมองไปรอบๆ มีสายตามากมายกำลังจับจ้องฉันอยู่แต่จะทำไงได้ มันคงต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว.. ฉันหันไปมองเพื่อนๆอีกครั้งก่อนที่จะสะดุดกับร่างสูงที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ เขากำลังฟุบหน้าลงบนหนังสือโดยใส่หูฟังสีขาวอยู่ แต่เขาหันหน้าไปทางอื่น.. ฉันเลยสังเกตุเห็นหน้าเขาไม่ค่อยชัด.. นี่ขนาดเปิดเทอมวันแรกยังจะมานอนให้เรียนอีกนะ.. ฉันนินทาเขาในใจแต่จู่ๆเหมือนโชคร้ายกำลังกระโจนใส่ฉันเต็มๆ เพราะคนที่ฉันกำลังจ้องอยู่จู่ๆก็เงยหน้าขึ้นแล้วหันมามองหน้าฉัน... และ...

                “O.O<< สีหน้าฉันในตอนนี้...

    เขา เขา เขา!!!! ปาร์ค ชานยอล!! แร๊พเปอร์วงเอ็กโซนิหน่า!! กรี๊ดดดดดด! O[]O
     



    To Be Continued
    โปรติดตามตอนต่อไป...



     

     

    เนื้อเรื่องนี้มีผิดพลาดประการใดขอโทษไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ^^
    ไรท์เตอร์เป็นนักเขียนมือใหม่อาจจะยังไม่ชำนาญมากสักเท่าไหร่
    แต่หวังว่าทุกคนจะชอบกันนะคะ *ส่งจูบรัวๆ* 555555




    ช่องทางการติดต่อไรท์เตอร์
    Twitter : @AiiNiiT 
    สามารถมาคอมเม้นหรือวิจารณ์ผลงานได้เลยนะจ้ะ ^___^
    รับฟังทุกคอมเม้นต์แล้วจะนำไปพัฒนางานเขียนให้ดีขึ้นกว่าเดิมนะคะ
    *โบกมือลา*

    หลังจากที่สลัดความขี้เกียจออกไปเลยมานั่งจิ้มนิยายต่อ... เปิดเทอมแล้วอาจจะอัพช้าหน่อยนะคะแต่จะยายามจ้า^^
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×