ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    No Fancy! เพราะนี่คือเรื่องจริงที่ฉันรักนาย.

    ลำดับตอนที่ #1 : No Fancy! เพราะเรื่องจริงคือฉันรักนาย. : Intro

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ย. 56


    INTRO

               

                   เท้าทั้งสองก้าวเดินออกมาจากเกทเวย์ผู้โดยสารขาออก และสายตาทั้งสองทอดออกไปมองรอบๆข้าง ผู้คนเดินขวักไขว่พลุกพล่านเต็มสนามบินอินชอน ความวุ่นวายต่างๆนานาบังเกิดขึ้น มันชั่งไม่ต่างอะไรจากบีทีเอสเมืองไทยเลยจริงๆ-__-;

                ใช่แล้ว! ฉันมาจากไทยแต่ ณ ตอนนี้ฉันกำลังยืนอยู่ที่เกาหลี ประเทศที่ห่างจากไทยหลายพันไมล์เชียวละ...

                ขาทั้งสองก้าวออกมาตามทางเดิน เดินผ่านผู้คนมากมาย แต่ทำไมคนที่นี่หน้าตาถึงดูละม้ายคล้ายกันไปหมด.. ทำให้ฉันกลายเป็นบุคคลหน้าแปลกไปโดยปริยาย ดวงตากลมโต จมูกโด่งเล็กๆ ริมฝีปากชมพูระรือ ผมที่ถูกรวบตึงแต่ปล่อยหน้าม้ามาบดบังราศีเรืองแสงบนหน้าผาก ทำยังไงได้ละ ก็หน้าผากฉันมันเกือบจะสะท้อนแสงได้เลย... -___-;

                “แบตมาใกล้หมดถูกเวลาจริงๆ-___-;” ฉันหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าขณะที่เดินไปหาร้านกาแฟในสนามบินเพื่อผ่อนคลายร่างกายที่นั่งเครื่องบินมานานนับหลายชั่วโมง

                แต่ความคิดก็ต้องถูกเปลี่ยน กลับกลายเป็นต้องหาสถานที่ชาร์ตแบตแทน แบตเจ้ากรรมดันมาหมดอะไรตอนนี้นะ! แล้วฉันจะติดต่อพ่อยังไงกันละ...

                ด้วยความที่ฉันผ่านประสาการณ์มาเกาหลีแล้ว ถึงแม้จะมาแค่เยี่ยมครอบครัวแล้วก็กลับไทย.. แต่มันก็ไม่ยากมากนักที่จะหาสถานที่ชาร์ตแบต

    ฉันลากประเป๋าเดินทางใบใหญ่พร้อมกับกดดูแบตในโทรศัพท์มือถือไปด้วยฉันควรจะเปลี่ยนวอลเปเปอร์นะ.. มันออริจินัลเกินไปรึป่าวนะ-___-; เพียงไม่นาน.. ฉันก็เดินมาถึงสถานที่ชาร์ตแบตสายชาร์ตโทรศัพท์รุ่นต่างๆถูกเสียบอยู่กับปลั๊กมากมายหลายสิบอัน

     ฉันมองเต้าเสียบที่ยังวางก่อนจะหยิบสายชาร์ตโทรศัพท์ออกมาแล้วเสียบมันเข้ากับเต้าเสียบ และนำโทรศัพท์มาเสียบสายชาร์ต..

                ไปหากาแฟดื่มดีกว่า..

                เพื่อฆ่าเวลารอให้แบตโทรศัพท์เต็มฉันจึงคิดไปหาอะไรดื่มดีกว่ามานั่งรออยู่เฉยๆ อีกนานกว่ามันจะเต็ม ถ้ายืนรอสงสัยขาจะหัก-__-...

    และไม่มีทางที่โทรศัพท์มันจะหาย เพราะมีเจ้าหน้าที่คอยสอดส่องดูแลเจ้าของพวกนี้อยู่ ตลอดเวลา คงเป็นการยากที่พวกเจ้าหัวขโมยจะขโมยโทรศัพท์ไป ฉันเดินออกมาจากตรงนั้นโดยที่ไม่ลืมลากกระเป๋าใบใหญ่ที่หนักอึ้งออกมาด้วย

                ไม่ต้องเดินไปไหนไกลก็เจอร้านกาแฟเล็กๆตั้งอยู่ ขอแค่กาแฟสักแก้วมาปลุกเรี่ยวแรงกับสติของฉันให้มันตื่นตัวสักหน่อยก็คงจะดี...  ฉันเดินตรงดิ่งไปที่เคาวเตอร์เพื่อสั่งกาแฟ ด้วยความที่ลูกค้าในร้านนี้ค่อนข้างน้อย จึงทำให้พนักงานทำกาแฟของฉันได้อย่างรวดเร็ว

                ผ่านไปเพียงสิบนาทีกาแฟร้อนระอุในแก้วพลาสติกสีขาวซึ่งมีโลโก้ร้านอยู่ที่ข้างแก้วก็ตกมาอยู่ในมือของฉันทันที แต่ก่อนที่ฉันจะดื่มมันฉันควรจะหาที่เหมาะๆในการนั่งดื่มกาแฟ และตรงนั้นเอง.. ใกล้ๆกับสถานที่ชาร์ตมีเก้าอี้วางเรียงติดกันนับสิบตัวอยู่

                ฉันลากกระเป๋าใบใหญ่พร้อมกับถือแก้วกาแฟไปในมือ จนเดินมาถึงที่เก้าอี้ ฉันค่อยๆหย่อนก้นลงนั่งก่อนที่จะเปิดฝากาแฟแล้วซดมันเข้าไปทันทีโดยลืมไปว่ามันยังร้อนอยู่

                “โอ้ย! ร้อน..” ฉันสบถคำพูดออกมาเบาๆก่อนจะค่อยๆดื่มมันเข้าปากทีละนิด รสชาติมันยังเหมือนเดิม.. จืดชืดแต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ดื่มละกัน

                ฉันค่อยๆจิบกาแฟไปทีละนิด ผ่านไปกว่าเกือบชั่วโมงกาแฟในแก้วก็ยังไม่หมด นี่ฉันดื่มหรือดมกันแน่.. ชักจะไม่แน่ใจ=___=?

                เดินไปดูแบตหน่อยดีกว่า..

    จู่ๆ ความคิดนี้ก็ผุดขึ้นทันใด... ฉันเดินมายังจุดเดิมที่โทรศัพท์ถูกชาร์ตเอาไว้และแน่นอนที่จะไม่ลืมถือแก้วกาแฟมาด้วย.. ก็เสียดายนินา ถึงรสชาติจะห่วยขนาดไหนแต่ก็ควรจะดื่มให้หมด-.-

     และในตอนนั้นเองฉันหยิบโทรศัพท์เครื่องสีขาวของฉันขึ้นมาเปิดดูแต่กลับเป็นว่าวอลเปเปอร์ออริจินัลของฉันกลับกลายเป็นรูปกีตาร์คลาสสิคเก่าๆไปเสียได้.. ฉันไปเปลี่ยนมันตอนไหนกัน? เอ๊ะ!?...

     โซนประสาทประมวลผลออกมาทันทีว่า ...

    มันไม่ใช้ของฉัน!!

    แล้วโทรศัพท์ของฉันไปไหน? คงไม่ใช่มีใครบางคนมันหยิบผิดไปหรอกนะ.. ในโทรศัพท์นั่นมันมีรูปแบคฮยอนกับเซฮุนไอดอลที่ฉันชอบเป็นพันๆรูปเลยนะT___T มันจะหายไปไม่ได้ฉันไม่ยอมมม!!!!

                ไม่รอช้าฉันก็กดโทรศัพท์โทรเข้าเครื่องฉันทันที และไม่นานปลายสายก็กดรับ..

                [ยอโบเซโย] เสียงทุ้มต่ำของปลายสายตอบกลับมา.. คงจะเป็นผู้ชายสินะ ถึงจะเป็นผู้ชายก็ชั่ง! ฉันไม่ให้อถัยแน่นอนมีหน้ามาขโมยโทรศัพท์ฉัน แถมยังตอบกลับมาน้ำเสียงละลื่นอีก!

                “นี่! นายขโมยโทรศัพท์ฉันไปรึไง!!” ฉันตะหวาดกลับปลายสายไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว..

                [นี่มันโทรศัพท์ฉัน!] เขาเถียงกลับมาโดยไม่คิดจะยอมแพ้..

                “นาย! ลองดูที่หน้าจอก่อนมั้ยมันไม่ใช่รูปไอกีต้าร์บ้าๆ! ของนายเลยสักนิด!

                […..] จู่ๆปลายสายก็เงียบไป คงจะดูรูปวอลเปเปอร์อยู่ละสิ! แหม.. เถียงดีจริงๆ! หน้าแตกเลยเป็นยังไงสมน้ำหน้า!

                [ก กะ...ก็ฉันไม่รู้นิเห็นมันเหมือนกับโทรศัพท์ของฉัน แล้วเธออยู่ตรงไหนฉันจะได้เอาไปคืน?]

                “ตรงที่ชาร์ตแบต ถ้านายมาช้าเกินสิบนาทีฉันจะแจ้งตำรวจจับจริงๆด้วย!” ฉันกดวางโทรศัพท์ทันทีหลังจากที่ตอบกลับไป.. คนอะไรไม่ตรวจโทรศัพท์ตัวเองก่อนเลยว่ามันใช้ของตัวเองมั้ย จู่ๆก็หยิบไปมันทำให้ฉันเดือดร้อนมั้ยเนี่ย!

                ผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีก็มีบางสิ่งบางอย่างมาสะกิดที่ด้านหลังตรงไหล่ขวา และไม่รอช้าฉันก็หมุนตัวไปเผชิญกับชายร่างสูงร่างหนึ่ง เขาใส่แว่นดำกับหมวกสีดำใบหนึ่ง แถมปากห้อยๆสีแดงของเขา สรุปนี้ผู้ชายหรือผู้หญิง...? และคงจะเป็นคนที่หยิบโทรศัพท์ไปผิดแน่ๆ!

                “ใช่เธอคนที่โทรมารึป่าว?” เสียงทุ้มต่ำๆเหล็ดรอดออกมาจากริมฝีปากห้อยๆของเขาและสายตาทั้งสองพลางจ้องหน้าของฉันผ่านแว่นสีดำหนาๆที่เขาส่วมใส่อยู่

                “ใช่! แล้วไหนละโทรศัพท์ของฉัน?” ฉันทักท้วงถึงโทรศัพท์ทันที ที่ไม่เห็นวี่แววของมันเลย

                “เอ้า! นี่ไง” ร่างสูงล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะหยิบบางสิ่งบางอย่างออกมา

    ใช่! นั่นมันโทรศัพท์ของฉัน!!!

                “ทีหลังจะหยิบไปก็ดูก่อนบ้าง! นายทำคนอื่นเดือดร้อนขนาดไหนรู้มั้ยห้ะ!!!” ไม่รอช้าฉันกระชากโทรศัพท์ออกมาขากมือเขาทันที พร้อมกับตะหวาดเขากลับไป

                “ใครมันจะไปรู้ละ! ก็เธอซื้อโทรศัพท์เหมือนฉันเองนิ!

                “นี่นาย! ถ้าฉันรู้ว่าฉันซื้อโทรศัพท์แล้วเหมือนนายนะ!! ฉันยอมปาทิ้งแล้วไปซื้อเครื่องใหม่ยี่ห้อเลย!!!

                “กล้าปาหรอ? ในเครื่องมีรูปแบคกับฮุนเยอะเลยนิ.. หึหึ” นี่เขาคงไม่ได้แอบค้นข้อมูลในโทรศัพท์ฉันหรอกใช่มั้ย? นายนี่มัน!!!!!!!!! อ๊ากกกกกกก!!

                “นี่! นายค้นโทรศัพท์ฉันหรอ! มันมากเกินไปแล้วนะ!!” ทันทีที่เขาพูดออกมาอารมณ์ในร่างกายก็พุ่งพรวดขึ้นทันที.. อยากจะเอาสากทุบหัวจริงๆ!

                “ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจหรอกนะ.. แต่ฉันอยากจะรู้ว่าหน้าตาเธอเป็นยังไงจะได้เอาโทรศัพท์มาคืนถูก แต่กลับเจอรูปแบคกับฮุนเต็มเครื่อง.. แล้วก็มีภาพเธอตอนนอนน้ำลายไหลอยู่รูปหนึ่ง ฮ่าๆ!!” จู่ๆคนตรงหน้าก็ขำขึ้นมา... ใครแกล้งฉันกัน! ฉันรีบกดโทรศัพท์เปิดดูรูปทันที

                ไอเพื่อนบ้าตอนฉันดีๆไม่ถ่ายมาถ่ายตอนนอนT_T

                ณ ตอนนั้นอยากจะเอาหน้าแทรกดินลงได้เสียจริงๆ.. มันหน้าอายมั้ยเนี่ยT////T

                “ฉันรู้ว่านายตั้งใจ! และนี่สำหรับการที่นายค้นโทรศัพท์ฉัน!!” ไม่รอช้าฉันจับแก้วกาแฟในมือแน่นแล้วจัดการสาดกาแฟที่มันกำลังอุ่นๆใส่เสื้อของร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้า น้ำกาแฟพุ่งไปข้างหน้าจนหมดไม่หลงเหลือกาแฟสักหยด..  และมันก็ทำให้เสื้อของเขาเปอะเปรื้อนไปด้วยคราบกาแฟ ร่างสูงตรงหน้าถึงกับผงะ.. สมน้ำหน้า! มาค้นโทรศัพท์ฉันโดยไม่ได้รับอนุญาตมันต้องเจอแบบนี้ ฮ่าๆ! ^[]^

                “นี่!! เธอทำอะไรลงไป! รู้มั้ยว่าเสื้อโค้ชตัวนี้มันราคาเท่าไหร่! เธอไม่มีทางหาเงินมาชดใช้ได้หรอก!!!” เขาตะหวาดกลับมาทันทีที่กาแฟไปเลอะที่ตัวเขา แถมหูกางๆของเขาก็เริ่มแดงๆแล้วด้วยสงสัยจะโกรธมาสินะ ฮ่าๆ!!!

                “จะเท่าไหร่กันเชียว..(  - -)คงไม่เกินห้าหมื่นวอนหรอก ไม่เป็นจะสวยตรงไหนเลย-___-..”

                “จะบ้ารึไง! ราคามันหนึ่งล้านห้าแสนวอนนะ! เธอตีราคามันต่ำเกินไป! แล้วเธอจะชดใช้ยังไงกันห้ะ!!” ห้ะ!!! นะ นะ...หนึ่งล้านห้าแสนวอน!!! O_O แอ๊นท์! แกทำอะไรลงไปกันห้ะ! เสื้อโค้ชตัวนี้ดูแล้วมันไม่น่าจะราคาขนาดนี้เลยT__T

                “ฉะ...ฉันไม่รู้นิ! เสื้ออะไรกันราคาตั้งหนึ่งล้านห้าแสนวอน! ดูแล้วห้าหมื่นยังว่าแพงเลยTT

                “เธอไปเอาเงินมาชดใช้ค่าเสียหายเดี๋ยวนี้สะ! ก่อนที่ฉันจะจับเธอไปขายแทน! แต่คงได้น้อยนะดูจากรูปร่างหน้าตาเธอแล้คงขายได้แค่ สามพันวอน.. หึหึ”

                ตาบ้า! สามพันวอนหรอ? ฉันมีค่ามากกว่านั่นยะ! มากกว่าไอเสื้อโค้ชบ้าๆของนายด้วยซ้ำไป!!

                “ฉันมีค่ามากกว่านั่นยะ! แล้วฉันก็ไม่มีเงินมากมายขนาดนั้นหรอกนะ.. จู่ๆจะมาให้ชดใช้แบบนี้ บ้าเหอะ!

                “นี่เธอคิดจะหนีเหรอ! ไม่ได้นะยังไงเธอก็ต้องชดใช้!” ร่างสูงเถียงเอาเป็นเอาตายจนกว่าจะได้ค่าเสียหายที่โค้ชของเขานั้นถูกกาแฟสาดมาเต็มๆ

                “ฉันไม่ได้คิดจะหนีสักหน่อย... มั้ง...”

    หนีหรอ? ความคิดดีเหมือนกันแหะ.. หึหึ

    สัญชาตญาณการเอาตัวรอดในตัวฉันกำลังจะทำงาน..โซนประสาทสั่งให้ฉันต้องหนี เพราะถ้าไม่หนีก็เท่ากับต้องชดใช้เงินให้กับเขา

    และทันใดนั้นฉันจับกระเป๋าใบใหญ่ก่อนที่เท้าทั้งสองข้างจะวิ่งออกไปแบบสปีดหมาเลยทีเดียว.. และแน่นอนร่างสูงที่กำลังยืนอึ่งกับเหตุการณ์ตรงหน้าพอตั้งสติได้เขาก็วิ่งไล่ตามฉันมาติดๆ

                “ยัยบ้า!!! คิดจะหนีรึไงกันห๊า!!!!!” เขาตะโกนไล่หลังตามมาติดๆ.. แต่ฉันไม่ยอมหยุดวิ่งหรอกนะ จะให้ฉันหยุดวิ่งนะหรอ หึหึ... ไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกยะ!

                ฉันวิ่งหนีเขาจนมาถึงประตูของสนามบินและสวรรค์ก็ทรงเข้าข้างฉันเสียจริงๆ! รถมินิคูเปอร์คันขาวดำของพ่อจอดรอฉันที่ข้างฟุตบาทอยู่... ดีนะที่วันนี้พ่อมารับฉันแทนที่จะให้ฉันนั่งกลับแท็กซี่กลับไปเอง..

                ไม่ต้องรอช้าฉันรีบจัดการเปิดประตูหลังแล้วยัดกระเป๋าเดินทางเข้าไปภายในรถก่อนจะเปิดประตูฝั่งข้างคนขับแล้วเข้าไปนั่งทันที..

                “พ่อ! ออกรถไปเลยคะ!” ฉันรีบพูดใส่พ่อก่อนที่เขาจะสตาร์จรถแล้วเยียบคันเร่งออกไปทันที..

                “ยัยบ้า!!! กลับมาก่อนโว้ยยยย!!!” เสียงของชายที่ฉันพึ่งวิ่งหนีมาตะโกนไล่หลังและมันค่อยๆเบาลงเมื่อรถคันนี้ได้ขับออกห่างไกลเขาออกไป...

                “เห้อออออ-3- รอดแล้วเรา” ฉันพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ถ้าไม่หนีฉันคงต้องชดใช้เงินไปแบบฟรีๆแน่ๆT___T

                “แอ๊นท์! แกไปหนีใครมาเนี่ย? รีบร้อนจริงๆ” จู่ๆเสียงของพ่อก็ดังขึ้น ทำให้ฉันหยุดคิดเรื่องการชดใช้เงินบ้าๆนั่น-___-

                “อ้าวพ่อ! สวัสดีคะ ฮ่าๆ! หนูแค่ออกกำลังกายหน่ะ นั่งเครื่องมาเหมื่อยเลยวิ่งสักหน่อย^^” ฉันแก้ตัวขุ่นๆเพื่อไม่ให้พ่อสงสัย ถ้าเกิดเขารู้ว่าฉันไปทำกาแฟหกใส่ผู้ชายคนหนึ่งแล้วเสื้อตัวนั่นราคามันหนึ่งล้านห้าแสนวอนละก็พ่อต้องฆ่าฉันตายแน่ๆT___T;

                “แล้วไอผู้ชายที่ตะโกนไล่หลังมานี่มันใครกัน?” ฉันรู้ว่าพ่อคงไม่เชื่อฉันง่ายๆหรอก... แต่ก็นะโกหกต้องโกหกให้เนียนๆ หุหุ-..-

                “อ้อ! ไอหมอนั่นมันโรคจิตคะพ่อ! อยู่ดีๆหมอนั่นก็วิ่งตามหนูมา หนูเลยวิ่งหนีออกมา” ฟู่วววววว-3-... ฉันนี่แก้สถานการณ์ได้ยอดดเยี่ยมจริงๆ-___-; ถ้าฉันไม่หาข้ออ้างสงสัยจะโดนยิงคำถามใส่จนตัวพรุดแน่ๆ-___-

                “เอ่อ... พ่อคะทำไมพ่อต้องให้หนูมาที่เกาหลีด้วยละ? ฉันจัดการเปลี่ยนเรื่องในทันที เพื่อหลีกเหลี่ยงคำถามต่างๆนาๆที่พ่อกำลังจะพูดขึ้น...

    “ต่อไปนี้แกต้องมาอยู่เกาหลีกับพ่อ..”จู่ๆพ่อก็เปลี่ยนน้ำเสียงปกติมาเป็นน้ำเสียงที่เยือกเย็น และแน่นอนถ้าน้ำเสียงแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องลอเล่น..

    “พ่อ! การที่หนูมาเกาหลีครั้งนี้หนูคิดว่าจะมาเยี่ยมพ่อกับแม่แค่นั้น.. จู่ๆพ่อมาบอกให้หนูอยู่เกาหลีเลย พ่อเคยถามหนูบ้างมั้ย?” น้ำเสียงฉันเริ่มสั่นขึ้นเรื่อยๆ จู่ๆจะให้ฉันมาอยู่ที่เกาหลี ด้วยความที่ฉันผูกพันธ์กับไทย เพื่อนที่ไทย ชีวิตที่นั่น.. แล้วทำไมฉันต้องยอมมาอยู่ที่นี่ด้วยละ? มันไม่มีเหตุผลเอาสะเลย!

    “พ่อเข้าใจแกนะ ว่าแกลำบากใจที่จู่ๆ แกต้องมาอยู่ที่นี่.. แต่พ่อก็มีภาระอีกมากมายที่ต้องดูแลไหนจะกิจการที่จะขยายเพิ่มอีก แกเห็นใจพ่อหน่อยสิ...”

    ฉันคงจะเป็นได้แค่ภาระของพ่อสินะ... จริงๆถ้าเลือกได้ฉันก็ไม่อยากจะทำให้เขาเดือดร้อนหรอก กลัวว่าเขาจะลำบากที่มีฉันคอยเป็นตัวปัญหา และเพื่อตัดปัญหานี้ออกไป...

    “คะพ่อ.. หนูจะยอมอยู่ที่นี่” ฉันตอบเสียงเหนื่อยกลับไป.. บางทีก็น้อยใจตัวเองนะ ที่ทำให้คนเป็นพ่อเป็นแม่ลำบากเพราะเราคนเดียว...

    “พ่อเชื่อในตัวแกนะแอ๊นท์ หวังว่าแกจะไม่ทำให้พ่อลำบาก... แล้วภาษาเกาหลีแกเป็นยังไงบ้าง? ดีขึ้นมั้ย?

    ลำบาก... คำก็ลำบาก สองคำก็ลำบาก...

    “ก็ดีคะ..”

    “พ่อเชื่อว่าแกต้องพูดได้ดีเหมือนเมื่อก่อน แต่ไม่ต้องกังวลพ่อหาโรงเรียนให้แกเรียบร้อย โรงเรียนนานาชาติคงไม่มีปัญหาสำหรับแกหรอกมั้ง ใช่มั้ย?

    “คะ... ไม่มี” ฉันตอบกลับไปสั้นก่อนจะค่อยๆมองออกไปนอกกระจกรถ... เปลือกทั้งสองค่อยๆขยับขึ้นลงช้าๆ ก่อนที่มันจะเคลื่อนลงมาปิด นอนผ่อนคลายไปสักพักปล่อยวางทุกอย่าง ปล่อยไปเลยก็คงจะดี...

    จากนั้นไม่กี่ชั่วโมงนานรถก็เคลื่อนเข้ามาในกรุงโซล และมาจอดอยู่ ณ สถานที่แห่งหนึ่ง..ฉันตื่นมาจากภวังค์ความเหนื่อยก่อนที่จะทอดสายตามองออกไปข้างนอก

     ซึ่งมันควรจะเป็นบ้านของฉัน แต่สิ่งที่อยู่ภายนอกมันต่างจากความคิดโดยสิ้นเชิง มันเป็นบ้านพักลักษณะโฮมสเตย์สีขาวหลังใหญ่ ที่ล้อมรอบด้วยรั้วสีเขียว สวนหย่อมหน้าบ้านเล็กๆ...

    ฉันมองสิ่งที่อยู่ภายนอกสลับกับมองหน้าของผู้เป็นพ่อ.. นี่มันอะไรกันเนี่ย? มาที่นี่ทำไม?

                    “พ่อคะ... ทำไมไม่ขับรถไปที่บ้านละ? มาที่ทำไม?  ฉันเอ่ยขึ้นอย่างสงสัยพลางมองออกไปข้างนอกอีกครั้ง

    “นี่คือโฮมสเตย์ที่พ่อสร้างเอาไว้ พ่ออยากให้หนูช่วยดูแลมันหน่อยที่นี้มีคนมาเช้าแค่สองคนเองและคนที่ดูแลที่นี่ลาออกไปทำงานทื่อื่น พ่อเลยอยากให้แกมาดูแลแทนจนกว่าจะหาคนมาดูแลแทนใหม่ได้”

    “พ่อคะ! หนูพึ่งอยู่มัธยมปลายนะ จะดูแลที่นี่ได้ยังไงกัน? ” ฉันขึ้นเสียงเล็กน้อย ฉันพึ่งอยู่มัธยมปลายเองนะ! จะให้ดูแลที่นี่หรอ? พ่อคิดอะไรของพ่ออยู่เนี่ย!!?

    “พ่อเชื่อใจแกนะแอ๊นท์ ช่วยพ่อดูแลจนกว่าจะหาคนดูแลใหม่ได้ก็แล้วกัน เหมือนฝึกตัวเองทำงานไปด้วย... และอีกอย่างที่นี่ไม่ไกลจากจากโรงเรียนที่แกจะเข้าเรียนสักเท่าไหร่ด้วย”

     “คะ.. หนูคงต้องดูแลมันจริงๆสินะ” ฉันคงได้แค่ต้องเถียงในใจต่อไป... เสมือนคำประกาสิทธิ์ที่พ่อไปเอ่ยออกมา และแน่นอนมันขัดไม่ได้

    “เออๆ เอากระเป๋าลงได้แล้วพ่อจะไปประชุมต่อ แล้วว่างๆอย่าลืมโทรหาแม่แกบ้างนะ” พ่อส่งคำสั่งมาให้ฉันเสร็จสับโดยที่ไม่ถามฉันสักคำ...

    บอกได้คำเดียวเลยว่า อะเมซิ่ง!!’  ฉันอยากจะกรี๊ดออกมาดังๆให้โลกได้รับรู้ว่าฉันอยากจะบ้าตายวันนี้มันวันอะไรของฉันกัน! เจอแต่เหตุการณ์ที่ทำให้ฉันตะลึงไปเสียหมด.. ไหนจะเจอเรื่องบ้าๆที่สนามบิน เรื่องที่ต้องมาอยู่เกาหลีอีก แล้วก็เรื่องดูแลบ้านหลังนี่!

                ฉันอยากจะเถียงพ่อออกไปจริงๆ ว่าฉันไม่ต้องการจะดูแลบ้านหลังนี้เลย! แต่ฉันก็ไม่อยากจะเป็นภาระของเขา... ฉันก็อยากจะทำหน้าที่ลูที่ดีบ้าง ถึงบางครั้งจะเผลอแอบเป็นลูกเลว-..- เพื่อพิสูจน์ให้พ่อดูว่าฉันไม่ใช้ภาระของเขา! ฉันจะต้องทำมันให้ได้ ไฟร์ติ้งนะแอ๊นท์!!

     

     



    To Be Continued
    โปรติดตามตอนต่อไป...



     

     

    เนื้อเรื่องนี้มีผิดพลาดประการใดขอโทษไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ^^
    ไรท์เตอร์เป็นนักเขียนมือใหม่อาจจะยังไม่ชำนาญมากสักเท่าไหร่
    แต่หวังว่าทุกคนจะชอบกันนะคะ *ส่งจูบรัวๆ* 555555




    ช่องทางการติดต่อไรท์เตอร์
    Twitter : @AiiNiiT 
    สามารถมาคอมเม้นหรือวิจารณ์ผลงานได้เลยนะจ้ะ ^___^
    รับฟังทุกคอมเม้นต์แล้วจะนำไปพัฒนางานเขียนให้ดีขึ้นกว่าเดิมนะคะ
    *โบกมือลา*



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×