ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rockman X {x} Zero no Tsukaima : โลกใบใหม่

    ลำดับตอนที่ #93 : Chapter 74: วันฉายเดี่ยวของพรายสาว - เรื่องวุ่นๆ ในโรงเรียนทริสเทน Pt.3 ~เป็นยาอันตราย ควรใช้ภายใต้การกำกับดูแลของเภสัชกร~

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 205
      4
      18 ม.ค. 62

    ความเดิม: เอ็กซ์ติดตามอังริเอตต้าไปที่โรมาเลีย มอบหมายให้เลเวียธานคอยคุ้มครองหลุยส์และทาบาสะกรณีกาเลียจู่โจมอีกครั้ง เลเวียธานจึงได้สัมผัสกับเรื่องวุ่นวายในโรงเรียนทริสเทนด้วยตัวเอง เรื่องวุ่นๆ ที่เกิดจากการเข้ามาเป็นนักเรียนใหม่ของทิฟฟาเนีย นอกจากนั้นก็มีอันตรายที่เฝ้าดูอยู่ในความมืดในรูปของหุ่นยนต์สองตัวที่ทำร้ายซีโร่จนโคม่า และสงครามในจิตใจของตัวเองเกี่ยวกับศักดิ์ศรีขององครักษ์และความรู้สึกนอกเหนือจากนั้น ร่วมกันมาละเลงชีวิตของเลเวียธานให้ไม่ได้สงบสุข ล่าสุดหน่วยอัศวินอองดีนคิดอุตริถ้ำมองห้องอาบน้ำนักเรียนหญิงแล้วโดนจับได้จนเป็นเรื่องใหญ่โต มีเพียงไซโตะกับเรย์นาลที่รอดมาได้
     
    --
     
    โรงเรียนเวทมนตร์ทริสเทน สถานศึกษาเวทมนตร์ วันนี้เหล่าเด็กหนุ่มสาวชนชั้นสูงก็ยังคงตั้งใจกับการเรียนเพื่อจะได้เป็นผู้ใช้เวทมนตร์อย่างเต็มตัว เป็นบรรยากาศที่สงบร่มเย็น
     
    ท่ามกลางบรรยากาศเช่นนั้น มอนท์โมรันซี่จิบชายามบ่ายที่ระเบียงด้านนอกหอคอยกับหลุยส์
     
    ฉันรู้ว่าเรื่องผ่านมานานแล้ว แต่ชีวิตที่ปลอดสงครามนี่สงบดีจริงๆ เลยนะ
     
    ฉันร่วมสงครามที่เธอว่า ก็เห็นด้วยว่าจริง
     
    มอนท์โมรันซี่มองลงไปที่สนามหญ้าซึ่งเปรียบได้กับลานกิจกรรมของโรงเรียน นักเรียนรุ่นเดียวกันและรุ่นน้องต่างทำกิจกรรมยามว่าง บ้างคุยกัน บ้างอ่านหนังสือ บ้างเล่นกับอสูรรับใช้ เป็นภาพที่สงบร่มเย็นสมกับบรรยากาศ
     
    ดูสิหลุยส์ ทั่วทั้งทริสเทนคงไม่มีที่ไหนสงบสุขเท่าที่นี่อีกแล้ว
     
    นั่นสินะ เสียก็แต่มีหน่วยอัศวินติงต๊องที่ก่อเรื่องไม่รู้จักหยุดจักหย่อน
     
    พูดอะไรน่ะหลุยส์? โรงเรียนเรามีหน่วยอัศวินที่ไหนกัน
     
    หลุยส์มองใบหน้าฉงนของมอนท์โมรันซี่แล้วก็พยักหน้า
     
    ...จริงสินะ ฉันลืมไป
     
    หลุยส์ยกชาขึ้นจิบพร้อมกับดึงความคิดตัวเองกลับมาจากหน่วยอัศวินที่ไม่มีตัวตน
     
    [...]
     
    ในเวลาเดียวกันนั้นนักเรียนชายปีสามร่างเล็กสวมแว่นและเด็กหนุ่มผมสีดำสวมเสื้อกันหนาวสีน้ำเงินก็กำลังพูดกับกลุ่มนักเรียนชายในโรงจอดเครื่องบิน
     
    เป็นยังไงบ้างล่ะ การใช้ชีวิตอยู่เคียงข้างความตายของอัศวิน?
     
    เรย์นาลพูดตำหนิปนเหน็บแนม เสียงบ่นของหน่วยอัศวินก็ดังตอบกลับมา
     
    ทำไมมีแต่พวกนายที่ไม่เป็นอะไร... พวกคนทรยศ!” “รองหัวหน้าทอดทิ้งหน่วยได้ยังไง
     
    อย่าเอาฉันไปเกี่ยวข้องกับความปัญญาอ่อนของพวกนายด้วยสิฟะ ไซโตะตอบหน้าตาย
     
    รู้มั้ยว่าโชคดีแค่ไหนที่ไม่โดนไล่ออก ถ้าไม่ใช่เพราะมีชื่อของหน่วยราชองครักษ์ ป่านนี้พวกนายได้กลับไปนอนซบหมอนที่บ้านกันหมดแล้ว เรย์นาลซ้ำเติม
     
    หลังเหตุการณ์ถ้ำมองห้องอาบน้ำนักเรียนหญิงก็มีคำร้องจากอาจารย์ส่วนหนึ่งให้ไล่ผู้กระทำผิดออกจากโรงเรียน แต่เพราะข้ออ้างว่าไอน้ำบังมองไม่เห็น บวกกับการลงโทษอาจกระทบถึงพระเกียรติของราชินี สุดท้ายจึงตกลงทำโทษเป็นการใช้ช่วงฝึกของอัศวินทำงานเพื่อสังคมเป็นเวลาหนึ่งเดือน เริ่มงานพรุ่งนี้ เนื่องจากวันนี้เพิ่งออกจากห้องพยาบาล เทียบกับตอนปะทะกับหน่วยอัศวินเวหาหุ้มเกราะแล้วบาดแผลที่อองดีนได้รับจากคทาของเหล่านักเรียนหญิงหนักหนากว่ามาก
     
    ไซโตะ เรย์นาล กีชเรียกทั้งคู่ ความโง่เขลาชั่ววูบทำให้พวกเราตกอยู่ในสภาพอย่างนี้
     
    มีชั่ววูบบ่อยมากเลยนะ เรย์นาลตอบอย่างเย็นชา
     
    ที่พวกเราได้รับบทลงโทษก็สมควรแล้ว
     
    แหงอยู่แล้ว ไซโตะตอบอย่างเย็นชา
     
    แต่ที่ทำให้ฉันเจ็บปวดใจคือชื่อเสียงของหน่วยราชองครักษ์ต้องแปดเปื้อน...!”
     
    ฉันก็พูดอย่างนั้นก่อนพวกนายจะเฮโลกันไป เรย์นาลตอบอย่างไม่ปราณี
     
    ไซโตะ เรย์นาล เหลือแต่พวกนายเท่านั้น ชื่อเสียงและเกียรติยศของหน่วยอัศวินอองดีนอยู่ในมือพวกนายแล้วนะ...!”
     
    ไม่อยากจะรับฝากฝังคำว่า เกียรติยศ จากนายว่ะ ไซโตะตอบอย่างไร้ความเห็นใจ
     
    รองหัวหน้ากับมันสมองของกลุ่ม...ฉันฝากที่เหลือด้วย!”
     
    ฝากด้วยนะรองฯ!” “เรย์นาล! อย่าให้พวกเราผิดหวังนะเฟ้ย!” “สู้เค้า! หน่วยอัศวินอองดีน!”
     
    ทั้งคู่มองกลุ่มนักเรียนชายที่ส่งเสียงเชียร์ด้วยใบหน้าเรียบเฉย
     
    ไซโตะ พวกเราออกไปจากที่นี่ก่อนจะโดนเหมารวมเป็นพวกเดียวกับไอ้พวกนี้เถอะ
     
    เห็นด้วยอย่างแรง
     
    ทั้งคู่เดินออกมาจากโรงจอดเครื่องบิน นักเรียนหญิงที่เดินผ่านมามองทั้งคู่ด้วยสายตาระแวง แต่เดินผ่านไปโดยไม่พูดอะไร ไซโตะมองตามนักเรียนหญิงไปพลางพูดขึ้น
     
    ไม่อยากจะยอมรับที่กีชมันพูดซักเท่าไหร่ แต่อาจจะจริงก็ได้ ต้องทำอะไรซักอย่างกับชื่อเสียงพวกเราตอนนี้ ไม่งั้นโดนเกลียดทั้งโรงเรียนแหง
     
    ฉันเองก็กังวลอยู่เหมือนกัน แต่จะทำอะไรที่ลบล้างความอับอายระดับนั้นได้ต้องเป็นความดีที่ยิ่งใหญ่พอสมควร ยิ่งถ้าจะทำให้ได้ตอนนี้ที่เพิ่งเกิดเหตุไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อวานซืนยิ่งยากใหญ่ เรย์นาลยกมือขึ้นจรดคาง
     
    ฮ่า...ถ้ามีพวกบ้าที่ไหนมาบุกโรงเรียนอีกก็ดีสิ ถ้าได้กอบกู้โรงเรียนล่ะก็ง่ายเลย
     
    พวกแบบนั้นจะโผล่มาบ่อยๆ ได้ยังไงเล่า
     
    ไซโตะกับเรย์นาลระดมสมองกันสองคนแล้วก็ยังคิดไม่ออก
     
    เอาเถอะ ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ ยังไงก็ไม่มีใครโดนไล่ออกแล้วนี่ ไซโตะก็ไม่ต้องสนใจที่กีชพูดมากก็ได้ มีธุระอะไรของตัวเองก็ไปทำเถอะ
     
    นั่นสินะ นายก็เหมือนกัน
     
    ทั้งคู่แยกกันไปตามทางของตัวเอง ในใจเก็บความยินดีของผู้รอดชีวิตไว้อย่างเงียบๆ
     
    [...]
     
    ในเวลาเดียวกันนั้น เซียสต้าที่กลับจากไปเยี่ยมสคาร์รอนกำลังยืนอยู่ข้างหอคอยไฟด้วยสีหน้าลังเล ในมือเป็นขวดแก้วทรงหัวใจที่บรรจุของเหลวสีม่วง เซียสต้าได้รับมาจากเจสสิก้าซึ่งริบมาจากลูกค้าอีกต่อหนึ่ง หลังจากนั้นมันก็กลายเป็นต้นเหตุของสงครามภายใน
     
    จะใช้ดีมั้ยนะ?
     
    ไม่ได้นะเซียสต้า! ไม่ได้เด็ดขาด
     
    มันคือยาเสน่ห์
     
    ใช้ของแบบนี้บังคับจิตใจคนเป็นวิธีสกปรก!’
     
    แต่คู่ต่อสู้เป็นผู้ใช้เวทมนตร์! ใช้โพชั่นบ้างก็สมน้ำสมเนื้อแล้ว!’
     
    นึกย้อนไปถึงอาการของหลุยส์ตอนที่ดื่มยาเสน่ห์เข้าไป จากยักษ์ร้ายกลายเป็นแมวเชื่องตัวหนึ่ง เซียสต้าขนลุกเกรียวด้วยความกลัว...และความตื่นเต้น
     
    คุณไซโตะที่ต้องยาก็ไม่ใช่คุณไซโตะตัวจริงน่ะสิ!’
     
    แต่ถ้าทำให้ได้ฟังคำบอกรักอย่างเร่าร้อนก็อาจจะ...
     
    สงครามดำเนินไปเช่นนี้
     
    แค่วันเดียว...ยามีฤทธิ์แค่วันเดียว...
     
    แค่วันเดียวก็เป็นโอกาสพอจะประทับความเป็นเจ้าของได้ ตามที่เจสสิก้ายุยง
     
    คำว่า แค่วันเดียว ทำให้เซียสต้าคิดถึงอะไรต่างๆ มากมายที่สามารถทำได้ จินตนาการแล่นพล่านทำให้เลือดสูบฉีดจนเซียสต้าหน้ามืด
     
    อ—อันตราย...ยาเสน่ห์...อันตรายเกินไปแล้ว...
     
    อยู่นี่เอง!”
     
    เสียงเพื่อนสาวใช้ตามด้วยเสียงเดินเข้ามาหา เซียสต้าลนลานเก็บขวดยาคืนกระเป๋าผ้ากันเปื้อน
     
    มาแอบทำอะไรของเธอ? ไปช่วยกันจัดห้องอาหารได้แล้ว
     
    อ—อืม ไปเดี๋ยวนี้แหละ เซียสต้ายิ้มกลบเกลื่อนและเดินตามเพื่อนไป
     
    ความรีบร้อนทำให้เซียสต้าไม่ทันสังเกตขวดทรงหัวใจที่ตกอยู่บนพื้นหญ้า และเงาปริศนาที่แอบอยู่หลังหอคอย
     
    [...]
     
    ในบ่ายวันนั้นเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น
     
    จุดเริ่มต้นขึ้นคือหอประชุมกลาง ระหว่างเวลาพักรับประทานอาหารกลางวัน
     
    เลเวียธานทำหน้าที่บริการเสิร์ฟอาหารและไวน์เช่นเคย
     
    ท่านเอ็กซ์...คิดจะไปกี่วันกันแน่คะ? รีบๆ กลับมาซะทีเถอะค่ะ
     
    เลเวียธานเริ่มจะเบื่อกับงานที่ทำอยู่แล้วนั่นเอง แต่ไหนแต่ไรการต้องตีหน้ายิ้มแย้มบริการคนอื่นก็ไม่ใช่วิสัยของเลเวียธานอยู่แล้ว พรายสาวจะปั้นหน้ายิ้มก็ต่อเมื่อเป็นประโยชน์กับตัวเองเท่านั้น
     
    ตรงกันข้ามกับความคิดภายใน ร่างกายของเลเวียธานขยับทำงานอย่างคล่องแคล่วราวกับอยู่ในสายงานนี้มานับปี
     
    ในทางกลับกันเชลที่ยังแค่พอไปวัดไปวาได้ไม่รู้สึกรังเกียจงานเช่นนี้เป็นพิเศษ ปัญหาหลักเป็นความเกร็งจากการยังไม่คุ้นชินเสียมากกว่า ซึ่งก็แปลงเป็นสมาธิและความตั้งใจ ความอึดอัดอยู่ที่ไม่ได้จับต้องงานวิจัยอะไรสักอย่างมาร่วมสัปดาห์แล้วเท่านั้น
     
    ขณะที่เลเวียธานอยู่ในกลุ่มที่ดูแลนักเรียนปีหนึ่ง วันนี้เชลอยู่ในกลุ่มที่ดูแลโต๊ะนักเรียนปีสาม
     
    เชลเดินเติมไวน์ให้กับนักเรียนที่ต้องการไปทีละคน ขณะที่เอียงขวดไวน์ในมือข้างนักเรียนคนหนึ่ง เชลก็สังเกตเห็นขวดแก้วที่ไม่รู้จักวางอยู่บนโต๊ะ
     
    ในชุดอาหารไม่มีขวดแบบนั้นนี่?
     
    ซึ่งก็เป็นจริง เพราะนอกจากขวดนั้นแล้วที่หน้านักเรียนคนอื่นๆ ก็เป็นชุดรับประทานอาหารตามปกติเหมือนกันทุกคน
     
    แต่ความไม่คุ้นเคยกับวัฒนธรรมชนชั้นสูงทำให้เชลไม่สงสัยอะไรมากกว่านั้น คิดว่าเป็นน้ำหอมหรืออะไรทำนองนั้นที่นักเรียนนำมาเอง ก่อนจะเดินทำหน้าที่ต่อไป
     
    แต่ไม่ใช่แค่เชลเท่านั้นที่ผิดสังเกต นักเรียนชายที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็เช่นกัน
     
    หือ? ขวดอะไร มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?
     
    อ๊ะๆ อย่าแตะนะ
     
    มาลิคอร์นยกมือห้ามเพื่อนร่วมหน่วยอัศวิน
     
    ของนายเหรอ? ...ไม่ยักรู้ว่านายสนใจน้ำหงน้ำหอมกับเขาด้วย
     
    จะว่าอย่างนั้นก็ได้ มาลิคอร์นคลี่ยิ้มบนใบหน้าบานๆ เป็น อาวุธลับ ที่จะดึงความเนื้อหอมของฉันกลับมาร้อยเท่าทวีคูณยังไงล่ะ
     
    ...อืม
     
    เพื่อนนักเรียนชายตัดสินใจว่าไม่อยากยุ่งและเลิกถามเพียงเท่านั้น
     
    มื้อกลางวันดำเนินและเสร็จสิ้นลงตามปกติ นักเรียนทั้งหมดกล่าวขอบคุณต่อองค์ศาสดาและเริ่มแยกย้าย
     
    ในระหว่างนั้นมีนักเรียนชายคนหนึ่งจากโต๊ะปีสามเดินเข้าไปยังกลุ่มนักเรียนหญิงปีหนึ่ง
     
    บริจิทต้า
     
    ท—ท่านมาลิคอร์น...
     
    เด็กสาวผมดำท่าทางเรียบร้อยเรียกชื่อนักเรียนชายปีสามร่างอ้วนด้วยท่าทางลังเล
     
    นักเรียนหญิงปึหนึ่งคนนี้คือหนึ่งในสองคนที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับมาลิคอร์นในช่วงที่ความนิยมของหน่วยอัศวินอองดีนพุ่งสูง และเป็นคนที่มีท่าทางจะชอบที่ตัวมาลิคอร์นนอกจากแค่เรื่องชื่อเสียง
     
    แต่ทั้งหมดก็สูญสลายไปในเหตุการณ์เมื่อสองวันก่อน
     
    มาลิคอร์นคนนั้นยื่นไวน์หนึ่งแก้วให้บริจิทต้าโดยปราศจากท่าทางสำนึกผิดในสิ่งที่ทำไป
     
    บริจิทต้า ฉันรู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อนทำให้เธอผิดหวังในตัวฉันมาก หวังว่าไวน์ขวดนี้จะช่วยทดแทนความรู้สึกนั้นได้บ้าง
     
    ม—ไม่ได้หรอกค่ะ! ท่านมาลิคอร์นทำเรื่อง...เรื่อง...บัดสีบัดเถลิงขนาดนั้น! ทำยังก็ลบไปไม่ได้หรอกค่ะ!” บริจิทต้าเม้มเปลือกตาปิด อาศัยความกล้าอย่างมากในการพูดอย่างนั้นกับผู้ที่เคยชื่นชม
     
    โอ๊ะ อย่าเข้าใจผิด ที่ฉันขอโทษคือที่ทำร้ายความรู้สึกของบริจิทต้าเท่านั้น แต่ฉันไม่เสียใจกับเรื่องทำไปหรอกนะ ลูกผู้ชายเรามีเรื่องที่ถอยไม่ได้ แม้จะรู้ว่าปลายทางมีแต่ความพ่ายแพ้ก็ตาม มาลิคอร์นวางมาดตอบอย่างเยือกเย็น
     
    พูด—พูดอะไรไม่เห็นเข้าใจเลยค่ะ!”
     
    ไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร แต่อย่างน้อยก็ช่วยรับคำขอโทษจากฉันถึงเธอหน่อยจะได้รึเปล่า แมวน้อยที่น่ารักของฉัน
     
    นักเรียนหญิงสองคนที่ประกบข้างบริจิทต้าทำหน้าเหมือนจะอ้วก แต่ตัวบริจิทต้าเองจ้องมองแก้วไวน์และต่อสู้กับตัวเองอย่างหนัก
     
    ไม่...ไม่รับค่ะ! ของของคนข—ขยะที่แอบดูผู้หญิงอาบน้ำน่ะฉันไม่ต้องการหรอกค่ะ!”
     
    บริจิทประกาศเสียงดังก่อนจะวิ่งออกไป เพื่อนอีกสองคนตามไป ทิ้งให้มาลิคอร์นยืนอยู่โดดเดี่ยวเดียวดาย
     
    ฮะ...ฮะๆ...ขยะ...ฮะๆๆๆๆ...พูดอีกสิ...พูดอีก... มาลิคอร์นหัวเราะตาเยิ้มราวกับฝันกลางวัน
     
    กว่าจะได้สติก็เมื่อรู้สึกถึงสัมผัสของของเหลวที่ผ่านลำคอตัวเองลงไป
     
    ย...ย...แย่แล้วววว!!~~”
     
    นักเรียนที่ยังอยู่ในหอประชุมหันมามองว่าเกิดอะไรขึ้น และเห็นมาลิคอร์นกุมคอตัวเองแจ้นออกไปจากหอประชุมพร้อมกับร้องคร่ำครวญ
     
    เฮ้ย มาลิคอร์น เดี๋ยวดิ!” เกิดอะไรขึ้น!”
     
    อย่าตามฉันมาน้าาาาา!!~~”
     
    เพื่อนสมาชิกหน่วยอัศวินไล่ตามด้วยความเป็นห่วง มาลิคอร์นเร่งหนีเต็มฝีเท้า แต่ถูกตามมาทันอย่างไม่ยากเย็น สองคนล็อกแขนมาลิคอร์นไว้คนละข้าง
     
    เป็นอะไรของนาย? อยู่ดีๆ ก็ตะโกนออกมา?
     
    ไม่นะ ปล่อยฉานนนน!!~~” มาลิคอร์นดิ้นพล่าน ยิ่งทำให้เพื่อนล็อกแขนแน่นขึ้น
     
    มาลิคอร์นไม่ได้เชี่ยวชาญด้านยาเวทมนตร์ แต่ก็ไม่ได้ประมาทขนาดจะใช้โดยไม่รู้อะไร จากที่ค้นคว้าที่ห้องสมุดที่ไม่เคยเข้าไปเลยตลอดสองปีที่อยู่ในโรงเรียนนี้มาก็ทำให้เข้าใจการทำงานของยาเสน่ห์
     
    เจ้าบ้า! สะบัดหน้าขนาดนั้นเดี๋ยวคอก็เคล็ดหรอก!”
     
    อ๊าาาาาา!!~~”
     
    นั่นคือคนที่ดื่มยาเข้าไปจะตกหลุมรักคนแรกที่เห็นหลังจากยาออกฤทธิ์
     
    เฮ้อ สงบลงได้ซะทีนะ
     
    การต่อต้านของมาลิคอร์นหยุดลง เพื่อนสมาชิกหน่วยคิดว่าค่อยวางใจได้เปลาะหนึ่ง
     
    ทว่านรกเพิ่มจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น
     
    [...]
     
    อย่านะ!! อย่าเข้ามา!!~”
     
    ตั้งสติไว้ก่อนสตีฟ!!”
     
    กิมลี่ เป็นอะไรของนาย!?”
     
    อย่านะกีช!! ม่ายยยย!!~~”
     
    อ๊ากกกก!!~”
     
    เสียงร้องโหยหวนดังมาจากด้านนอกหอคอยกลาง นักเรียนชายหญิงต่างหันไปมองอย่างกึ่งตกใจกึ่งสับสน คนที่มองเห็นเหตุการณ์จากทางเข้าแสดงสีหน้าตกตะลึง และกลุ่มนักเรียนหญิงอยู่บนระเบียงด้านนอกหอคอยกลางต่างสำลักน้ำชากันตาแทบถลน
     
    ที่สนามหญ้าเบื้องล่างนั้น ปากนรกเปิดอ้า ปีศาจที่เปี่ยมด้วยความกระหายวิ่งพล่าน เหยื่อผู้โชคร้ายต่างหนีกระจัดกระจายด้วยความหวาดกลัว ใครที่ถูกฝังคมเขี้ยวของปีศาจร้ายก็มีชะตากรรมต้องกลายร่างเป็นสิ่งที่น่ากลัว
     
    พูดในภาษาปกติก็คือกลุ่มนักเรียนชายหน่วยอัศวินอองดีนวิ่งไล่จูบปากกันเป็นทอดๆ
     
    ไม่มีใครจำได้ว่าจุดเริ่มต้นอยู่ที่ใด ตอนที่รู้สึกตัวเหตุการณ์ก็บานปลายไปสิบ ยี่สิบคนแล้ว
     
    กรี๊ด!!~~ หน่วยอัศวินวิปริต!!”
     
    ผู้ชายก็ไม่เว้นเฟ้ย! พวกเราหนีเร็ว!!~”
     
    ความโกลาหลกระจายไปอย่างรวดเร็ว นักเรียนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่พากันหนีหน่วยอัศวินอองดีนที่เสียสติ ฝ่ายคนงานพากันหนีกลับอาคารที่พัก ปิดประตูแน่นหนา
     
    เชลเบียดเสียดกับกลุ่มสาวใช้ที่กรูกันเข้ามาในอาคารพร้อมกัน ก่อนที่ประตูจะปิดลง
     
    อยู่กันครบนะ?! ขาดใครไปรึเปล่า?!”
     
    ยัยผมฟ้านั่น เลเวียธานไม่อยู่!”
     
    โธ่เอ๊ย! ออกไปไหนคนเดียวอีกแล้วสิยะเนี่ย!”
     
    เชลประหลาดใจแต่ไม่ตกใจ เชลรู้ดีกว่าหลายคนว่าเลเวียธานไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง แต่ก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นและกำลังทำอะไรอยู่ตอนนี้
     
    [...]
     
    ในเวลาเดียวกับที่เชื้อเพิ่งจะเริ่มแพร่กระจาย
     
    เลเวียธานในชุดเมดยืนอยู่ด้านหน้าของหอคอยกลาง เบื้องหน้าเป็นเด็กหนุ่มร่างเล็กสวมแว่น เรย์นาลแห่งหน่วยอัศวินอองดีน
     
    แม้จะเป็นประตูหน้า แต่เนื่องจากเป็นคนละทางกับหอพักนักเรียนจึงไม่มีใครผ่านมา
     
    เอ้า มีธุระอะไรก็ว่ามา เลเวียธานถามพลางเท้าเอวข้างซ้ายทั้งที่อยู่ในชุดพนักงาน พฤติกรรมที่แสดงกับคนที่รู้ตัวตนที่แท้จริง
     
    ค—ครับ!”
     
    เรย์นาลยืดตัวตรง ใจเต้นไม่เป็นส่ำ
     
    ต—ต้องทำได้สิ...! ดึงความกล้าเมื่อวันนั้นออกมา! วันที่เราเอาชนะกิเลสของตัวเองได้! เชื่อมั่นในความรู้สึกของเราสิ!’
     
    เรย์นาลกำหมัด ควบคุมลมหายใจ และสบตากับเลเวียธานตรงๆ
     
    พี่สาวเลเวียธานครับ! วันว่างเปล่าสัปดาห์หน้า! ช่วยไปเดท—
     
    ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วเสี้ยววินาทีนั้น นักเรียนชายคนหนึ่งวิ่งหนีตายจากด้านข้างหอคอยหลัก แต่เมื่อใบหน้าของเรย์นาลต้องตา สีหน้าก็เปลี่ยนไป ชั่วอึดใจต่อมาก็กระโจนเข้าใส่เด็กหนุ่มสวมแว่นที่กำลังเค้นความกล้าทั้งหมดพูดประโยคสำคัญ
     
    เลเวียธานเลิกคิ้วมองเด็กหนุ่มสวมแว่นที่จำหน้าค่าตาได้ถูกนักเรียนชายอีกคนผลักลงไปกับพื้นแล้วประกบปากต่อหน้าต่อตา เด็กหนุ่มสวมแว่นชูมือขึ้นขอความช่วยเหลือเหมือนคนจมน้ำ ใบหน้าผะอืดผะอมสุดขีดราวกับจะอาเจียนออกมาทันทีเพียงแค่พลิกคว่ำหน้าลง
     
    หลังจากสังเกตสถานการณ์อยู่สามวินาที เลเวียธานในสีหน้าเรียบเฉยก็ย่อเข่านั่งลงข้างๆ นักเรียนชายที่กำลังหอมแก้มคนที่อยู่ใต้ตัว ก่อนจะจิ้มนิ้วชึ้ลงบนท้ายทอยของนักเรียนชายคนนั้น
     
    กิริยาอาการที่เปี่ยมด้วยความเร่าร้อนหยุดชะงักในทันทีทันใด ก่อนนักเรียนชายคนนั้นจะเป็นลมล้มสลบลง
     
    เรย์นาลยังไม่ทันคิดจะดึงตัวเองออกมานิ้วชี้เลเวียธานก็จรดลงมาที่หน้าผาก แล้วก็เป็นลมหมดสติไปเหมือนคนแรก
     
    เลเวียธานไม่ต้องอาศัยคาถาอะไรก็บอกได้อย่างง่ายดาย
     
    เวทมนตร์น้ำที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจเหรอ แถมยังติดต่อกันได้ด้วย
     
    เลเวียธานถอนใจหนึ่งที ก่อนจะลุกขึ้นยืนและหันหน้าไปทางสนามหญ้าข้างหอคอยกลางที่ยังมีผู้ต้องมนตร์อีกยั้วเยี้ย
     
    ถ้าปล่อยไว้ได้เป็นเรื่องใหญ่ซ้ำซ้อนแน่ ฮ่า...
     
    เลเวียธานสลัดชุดพนักงานเปลี่ยนร่างให้โปร่งใสและวิ่งเข้าไปกลางกลุ่มนักเรียนชายพลางคิดในใจว่าตัวเองกลายมาเป็นผู้พิทักษ์โรงเรียนตั้งแต่เมื่อไร
     
    [...]
     
    [.....]
     
    ไม่นานนักกว่าที่นักเรียนชายที่หมดสติไปโดยไม่มีใครทราบสาเหตุจะฟื้นคืนสติขึ้นมาอีกครั้ง ปฏิกิริยาแรกของทุกคนคือเบิกตาโพลง สองคือมือกุมคอและปาก สามคือก้มหน้าลงกับพื้นเหมือนกับจะอ้วก บ้างเอามือถูปากอย่างแรงราวกับจะดึงหลุดออกไป เสียงร้องคร่ำครวญก่นด่าสาปแช่งดังระงมทั่วสนามหญ้า
     
    กลุ่มนักเรียนผู้ไม่เกี่ยวข้องมองสภาพแต่ละคนด้วยหลากหลายความรู้สึก ตื่นตระหนก โมโห สงสาร สมเพช และในกรณีนักเรียนหญิงบางส่วน ตื่นเต้น
     
    เมื่อสอบถามอาจารย์ประจำห้องพยาบาลก็ได้ข้อสันนิษฐานว่าอาจมีใครวางยาเสน่ห์ที่ไม่ได้มาตรฐานคุณภาพกับหน่วยอัศวินด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่ไม่มีใครออกตัวยอมรับ ไม่ว่าเด็กหนุ่มร่างอ้วนที่กลั้นหายใจจนหน้าแทบเขียว หรือเมดสาวผมดำที่เม้มปากตัวสั่นระริก แม้จะมีนักเรียนและอาจารย์จำนวนไม่น้อยที่เชื่อว่าเป็นการเล่นพิเรนทร์ภายในหน่วยอัศวินเอง แต่ไม่มีหลักฐาน และแม้เป็นจริงก็ถือว่ากรรมสนอง ไม่มีผู้ใดเสียหายนอกจากกลุ่มผู้กระทำเอง ดังนั้นเหตุการณ์ในครั้งนี้จึงลงข้อสรุปโดยไม่มีผู้ถูกลงโทษ
     
    เลเวียธานพรางตัวยืนอยู่ขอบสนามหญ้ามองขวดแก้วทรงหัวใจที่มีของเหลวสีม่วงเหลืออยู่ก้นขวดสองสามหยดในมือ พลางสลับไปมองกลุ่มนักเรียนที่พากันแยกย้ายกลับห้อง
     
    รอดไปนะยะไอ้เด็กอ้วน
     
    เลเวียธานพ่นลม นึกถึงพฤติกรรมวิตถารที่อีกฝ่ายพยายามส่องใต้กระโปรงตัวเองในอุโมงค์ใต้โรงอาบน้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะความเสียหายจะกระจายถึงคนจำนวนมากอาจจะปล่อยไปตามเวรตามกรรมจริงๆ ก็ได้
     
    มองขวดอีกครั้งทำให้เลเวียธานนึกถึงอาการต้องยาที่เห็นมาเมื่อสักครู่
     
    กีช ฉันน่ะแอบชื่นชมความกล้าหาญและความเป็นผู้นำของนายมานานตลอด ให้ฉันได้เป็นอัศวินพิทักษ์นายตราบจนชั่วกัลปาวสานเถอะ หัวหน้าหน่วยของฉัน
     
    กิมลี่ นายไม่เหมือนผู้ใช้เวทมนตร์คนอื่น ไม่ได้มีดีแค่เวทมนตร์ ร่างกายที่แข็งแกร่งนั้นช่วยฉันไว้ในวันที่ดวลกับอัศวินของกุลเด็นฮอร์ฟ ไม่ว่าจะต้องข้ามน้ำข้ามภูเขาทะเลทราย ก็ขอให้ฉันได้ต่อสู้เคียงข้างนายตลอดไปเถอะนะ!”
     
    สตีฟฟฟ~~~ เลิฟยู~~~~~”
     
    ถ้านั่นคือ ความหลงใหลที่ยัยราชินีเคยพูดไว้ล่ะก็ ขอปฏิเสธหัวชนฝา ยังไงเราก็ไม่มีทางเป็นนั้นเด็ดขาด เลเวียธานทำหน้าเหยเกพลางประกาศก้องกับตัวเอง
     
    หลังจากสวมชุดสาวใช้คืนและเก็บขวดแก้วในกระเป้าผ้ากันเปื้อน เลเวียธานก็เดินกลับเข้าไปในหอคอยกลาง ระหว่างนั้นต้องคอยห้ามความคิดที่พยายามบุกรุกเข้ามาในสมอง
     
    ตัวเองก็สาบานความภักดีชั่วชีวิตกับท่านเอ็กซ์ไม่ใช่หรือ ไม่ใช่เรื่องแปลก องครักษ์ล้วนทำอย่างเดียวกันทั้งสิ้น
     
    ตัวเองเคยข้ามทะเลทรายไปกลับเพื่อช่วยท่านเอ็กซ์ไม่ใช่หรือ เป็นหน้าที่ขององค์รักษ์ ถึงไม่เคร่งจัดเหมือนฮาร์เปียแต่ตัวเองก็มีความรับผิดชอบ
     
    การโกรธแทนจนบันดาลโทสะก็เป็นส่วนหนึ่งขององครักษ์ด้วยหรือ ตัวเองเป็นองครักษ์ที่มีอุดมการณ์เดียวกับเจ้านาย
     
    ถ้าท่านเอ็กซ์สั่งให้ไป เธอจะไปหรือ? ...ข้อนี้เท่านั้นที่เลเวียธานไม่ตอบ แม้จะรู้คำตอบแล้วก็ทำเป็นไม่เห็น ไม่คิดถึงความหมาย ไม่อย่างนั้นจะเสียสิ่งที่สำคัญไป และตัวเองจะไม่เหมือนเดิม
     
    ไม่ได้สิ ไหนบอกกับหลุยส์ไปซะดิบดีแล้วไงว่าพยายามเปลี่ยนแปลงอยู่
     
    แต่จำเป็นต้องเปลี่ยนมากแค่ไหน ตัวเองอยากเปลี่ยนมากแค่ไหน จนกว่าจะเจอเอ็กซ์ครั้งต่อไปเลเวียธานคงไม่รู้แน่ จนกว่าจะถึงตอนนั้นเลเวียธานตัดสินใจจะทำอย่างที่ทำอยู่ต่อไป
     
    เวลานั้นมาถึงอย่างนอกเหนือความคาดหมาย
     
    [...]
     
    [.....]
     
    วันต่อมา ระหว่างที่หน่วยอัศวินอองดีนทำงานช่วยเหลือสังคมด้วยการเก็บขยะบนสนามหญ้าตามบทลงโทษที่ได้รับ ชายสองคนก็กำลังสนทนากันอยู่ที่ห้องชั้นบนสุดของหอคอยกลาง
     
    ...เข้าใจแล้วครับ ไม่ได้รับอนุญาตจริงๆ สินะครับ
     
    มิสเตอร์โคลแบร์คอตกอย่างผิดหวัง ข้างหน้าเขาเป็นโต๊ะตัวใหญ่ซึ่งผู้อำนวยการออสมันนั่งสูบไปป์อยู่
     
    มิสเตอร์โคลแบร์ขอให้ผู้อำนวยการช่วยทำเรื่องถึงทางราชสำนักช่วยเจรจาขอนำเรือออสท์ลันท์บินผ่านน่านฟ้าของกาเลีย จุดประสงค์เพื่อจะเดินทางไปทางตะวันออก แต่ถูกราชสำนักปฏิเสธมา
     
    มิสเตอร์โคลแบร์ เธอเป็นคนใจกล้าหน้าด้านกว่าที่เห็นภายนอกจริงๆ นะ
     
    เอ อย่างนั้นหรือครับ?
     
    ถูกอีกฝ่ายลักพาตัวราชินีไป ฝ่ายตัวเองลอบเข้าไปช่วยเหลือออกมาแล้วพาตัวอัศวินของฝ่ายนั้นติดมาหนึ่งคนกับมารดาเป็นของแถม แล้วยังจะมาขออนุญาตบินผ่านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ราชสำนักหรือคนธรรมดาที่ไหนก็ไม่กล้าเขย่ารังต่อขนาดนั้น
     
    ความต้องการจะช่วยเด็กหนุ่มคนนั้นของเธอฉันก็ชื่นชมและอยากจะให้ความช่วยเหลือ แต่ถ้าพูดด้วยความเห็นส่วนตัวของฉันเอง...เธอยังจำเป็นกับสถานศึกษาแห่งนี้ ดังนั้นนอกจากราชสำนักแล้วฉันเองก็ตอบรับคำขอนั้นไม่ได้เหมือนกัน
     
    อะไรกันครับ ผมไม่ได้จะลาออกเสียหน่อย แค่ไปเปิดหูเปิดตาหาความรู้ใหม่ๆ เท่านั้น
     
    ออสมันหรี่ตาลง มองโคลแบร์ด้วยแววตาคมกริบ
     
    ฉันรู้ความเป็นนักวิจัยในตัวเธอดี ฉันรู้จักคนแบบเธอมาไม่น้อย คนแบบนั้นลองได้ไปอยู่ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยสิ่งกระตุ้นความสนใจอย่างนั้น มีหรือที่ความคิดเรื่องกลับมาจะไม่หายวับไปจากสมอง
     
    โคลแบร์เถียงไม่ได้ก็สลด
     
    อีกอย่างหนึ่ง...
     
    คิ้วของออสมันขมวดเข้าหากัน แววตาบ่งบอกถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ เป็นใบหน้าที่ไม่ค่อยจะแสดงให้เห็น
     
    แม้การต่อสู้จะจบลงไปแล้ว แต่หมอกมืดยังไม่สลายไป ฟ้ายังไม่มีทีท่าว่าจะสว่าง น่าเสียใจจริงๆ แต่สำหรับพวกเราทุกคน พวกเธอเป็นสิ่งจำเป็น
     
    พวกเราหรือครับ? โคลแบร์ถามด้วยสีหน้าจริงจังเช่นกัน
     
    คนอย่างเขา เจ้านายของเขา เพื่อนๆ...รวมทั้งผู้สอนที่ล้ำเลิศอย่างเธอด้วย ฉะนั้นก็ช่วยอยู่กับโลกที่แก่เฒ่านี้ต่อไปอีกสักนิดเถอะนะ
     
    ...ผมน่ะไม่เป็นไรหรอกครับ แต่เขาล่ะครับ? เขาไม่ใช่คนของโลกนี้ แต่กลับต้องช่วยประเทศแห่งนี้หลายต่อหลายครั้ง ขนาดที่ไม่ว่าเหรียญตราเกียรติยศหรือรางวัลใดๆ ก็ไม่เพียงพอ ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากจะร้องขอความช่วยเหลือจากเขาอีกอย่างนั้นหรือครับ? โคลแบร์เอ่ยอย่างเศร้าสลด
     
    พวกเราเป็นชนชั้นสูงไม่ใช่เหรอครับ? ไฟที่ลามมาถึงตัวก็ควรจะปัดเป่าด้วยคทาของตัวเองไม่ใช่เหรอครับ?
     
    เถรตรงจริงนะ ถ้าหากเป็นปัญหาของประเทศที่ชื่อทริสเทนแห่งเดียวล่ะก็ฉันคงจะเห็นด้วยกับเธอ ...แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นจากนี้ไปคงจะเป็นเปลวไฟที่แผดเผาทั้งฮาลเคกิเนีย
     
    โคลแบร์กลืนน้ำลาย
     
    ผู้ที่จะช่วยเหลือฮาลเคกิเนียจากเปลวไฟนั้นได้ไม่ใช่ชนชั้นสูง แต่เป็นวีรชน ผู้กล้า อย่างเช่นเธอ...อย่างเช่นเขา อย่าโกรธแค้นฉันเลย เสียงเรียกหาผู้กล้าไม่ใช่ของคนคนเดียว แต่เป็นของยุคสมัย เป็นเสียงของกาลเวลาที่สัมผัสถึงแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ ขอให้เข้าใจด้วย มิสเตอร์โคลแบร์

    โคลแบร์นิ่งเงียบไป ความสำคัญและความร้ายแรงที่สื่อในคำพูดและท่วงท่าของออสมันทำให้โคลแบร์ตอบสนองไม่ถูก
     
    ...เข้าใจแล้วครับ ถ้าผู้ที่มากด้วยความรู้อย่างท่านผู้อำนวยการกล่าวเช่นนั้น ผมก็จะเชื่อ ผมเองก็ใช่ว่าจะไม่รักบ้านเกิดแห่งนี้ ถึงชนชั้นสูงที่นี่จะมีความเห็นไม่ตรงกับผม แต่ถ้าเกิดอันตรายขึ้นผมก็จะทำทุกอย่างที่ทำได้
     
    ได้ยินอย่างนั้นฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว
     
    พูดจบออสมันก็เปลี่ยนท่าทีเป็นร่าเริงโดยฉับพลัน
     
    เอาล่ะ เอาแต่พูดเรื่องมืดมนเดี๋ยวจะป่วยเอา ฉันรู้จักที่ดีๆ ที่ถนนชิคต็อง ชื่อ [โรงเตี๊ยมภูตน้อยเจ้าเสน่ห์]  มีสาวสวยนุ่งน้อยห่มน้อยบริการรินไวน์เอาอกเอาใจ เย็นนี้ไปด้วยกันสิ ฉันเลี้ยงเอง
     
    อา...เคยได้ยินครับ แต่...อะแฮ่ม...ผมคงต้องขอปฏิเสธ ผมต้องไปแจ้งข่าวร้ายให้เพื่อนของผมทราบ โคลแบร์กระแอมไออย่างเขินๆ
     
    อะไรกัน ยิ่งอายุมากความบันเทิงก็ยิ่งเหลือน้อยนะรู้มั้ย ยังจะทำลายความสุขที่เหลืออยู่กันอีกนะ... ออสมันบ่นพึมพำ
     
    ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ
     
    โคลแบร์โค้งคำนับขอตัวและหันหลังเดินออกจากห้องไป
     
    อ้อ ซักเดี๋ยว มิสเตอร์โคลแบร์
     
    ยังมีอะไรอีกหรือครับ?
     
    นิดหน่อย ฉันอยากจะถามเธอเรื่องเด็กหนุ่มอีกคนที่อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย คนที่เส้นผมสีใกล้เคียงกับฉัน คนที่เข้ามาในโรงเรียนเราตอนที่เกิดเรื่องฟูเก้ต์นั่นน่ะ
     
    โคลแบร์อ้าปาก อ้อ พลางนึกขึ้นได้ว่าเคยมีเรื่องอย่างนั้น เพราะหลังจากนั้นมีแต่เรื่องตื่นเต้นทำให้รู้สึกว่าเป็นเรื่องตั้งนานมาแล้ว
     
    อ๋อ เขาหรือครับ ทำไมหรือครับ?
     
    สองสามวันมานี้ไม่เห็นเลย เขาไปที่ไหนรึเปล่า?
     
    ได้ยินว่าติดตามไปช่วยงานของราชินีที่ไหนซักแห่งน่ะครับ เขาเป็นผู้ติดตามของหน่วยราชองครักษ์นี่นะครับ
     
    พาผู้ติดตามไปแทนที่จะเป็นราชองครักษ์ ฝ่าบาทก็ทรงมีความคิดแปลกๆ เหมือนกันนะ การหัวเราะเบาๆ แสดงให้เห็นว่าไม่ได้พูดจริงจัง
     
    มีธุระอะไรกับเขาอย่างนั้นหรือครับ?
     
    ก็นิดหน่อย แค่รู้สึกว่าช่วงหลังมานี้เปลี่ยนไปจากที่เจอกันครั้งแรก
     
    อืม...ผมก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกันครับ
     
    โคลแบร์นึกย้อนกลับไปบทสนทนาที่คฤหาสน์เซิร์บสต์ เทียบกับเด็กหนุ่มเมื่อเร็วๆ นี้แล้วมีความแตกต่างอย่างที่คนที่รู้จักสัมผัสได้ชัดเจน ความสุขุมอ่อนน้อมยังเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ถ่วงเด็กหนุ่มเอาไว้หายไปแล้ว ไม่ว่าเวลาเคลื่อนไหว เวลาพูดคุย เขาดูมีอิสระกว่าเมื่อก่อน แต่ก็เป็นแค่ความเห็นของโคลแบร์ที่ไม่รู้จักเด็กหนุ่มดีนัก
     
    ถึงอย่างนั้นผู้อำนวยการออสมันที่รู้จักเด็กหนุ่มน้อยกว่า ไม่รู้ความลับเรื่องเด็กหนุ่มคนนั้นมาจากต่างโลกและไม่ใช่มนุษย์ ยังสังเกตเห็น ฉะนั้นก็คงจะจริง
     
    มิสเตอร์โคลแบร์คงจะไม่บังเอิญรู้บ้างใช่ไหมว่าเด็กหนุ่มคนนั้นเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงที่ผ่านมาบ้างรึเปล่า?
     
    โคลแบร์ตัวแข็ง ความแตกแล้ว หรืออย่างน้อยก็ถูกเดาทางออกแล้ว
     
    เอ่อ ผมก็ไม่ทราบรายละเอียด คงต้องถามกลุ่มของมิสวาลลิแยร์และไซโตะ ฮิรากะดูครับ
     
    โคลแบร์ไม่อยากทำเหมือนโยนความรับผิดชอบ แต่คิดว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์เลือกว่าควรเปิดเผยเรื่องใดกับใคร
     
    งั้นเหรอ ถ้าเด็กหนุ่มคนนั้นกลับมาเมื่อไหร่ก็บอกฉันด้วยก็แล้วกัน อยากจะชวนมานั่งดื่มชาด้วยกันซักหน่อย
     
    ท่านผู้อำนวยการกับเขาน่ะหรือครับ? โคลแบร์เลิกคิ้ว ทั้งสองคนไม่เคยรู้จักกันเป็นการส่วนตัวมาก่อน ทั้งจุดยืนก็ยังไม่มีความเกี่ยวข้องกัน
     
    ผู้อำนวยการลุกขึ้นจากโต๊ะและเดินไปที่หน้าต่าง ก่อนจะตอบ
     
    มิสเตอร์โคลแบร์ อายุมากขึ้นมีแต่เรื่องไม่น่าภิรมย์ทั้งนั้นเลยนะ
     
    อา...ครับ?
     
    แค่มองท้องฟ้า อะไรที่ไม่อยากจะเห็นมันก็เห็น แต่ความหนุ่มแน่นก็ไม่มีเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ถึงเห็นก็ได้แต่มอง ที่ทำได้ก็มีแต่สนทนากับคนที่เห็นด้วยกันเคล้าเครื่องดื่มเท่านั้น แต่คนอย่างนั้นก็ไม่ใช่จะหาได้ง่ายๆ
     
    เอ่อ ครับ?
     
    ไม่มีอะไรแล้ว ไปได้ มิสเตอร์โคลแบร์
     
    ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวครับ
     
    มิสเตอร์โคลแบร์หันหลังและคราวนี้ออกจากห้องไปจริงๆ  เหลือออสมันที่ยังคงยืนอยู่ที่หน้าต่าง มองท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งด้านนอก
     
    ฮ่า...วันนี้ก็มืดครึ้มเหมือนเดิมเหรอ คราวนี้อีกนานแค่ไหนกว่าจะสว่างอีกนะ
     
    [...]
     
    โคลแบร์มาถึงหน้าห้องหลุยส์ ถามจากหน่วยอัศวินที่เก็บขยะอยู่ที่สนามหญ้าได้ความว่าไซโตะไม่ได้ถูกทำโทษด้วยจึงอยู่ที่นี่
     
    มิสวาลลิแยร์ ไซโตะคุง อยู่รึเปล่า โคลแบร์เคาะประตู
     
    ข้างในห้องมีเสียงที่น่าจะเป็นทั้งสองคนนั้น แต่ไม่มีใครตอบ โคลแบร์เคาะประตูอีกครั้ง ไม่มีการตอบรับ
     
    มีอะไร?
     
    เมดสาวผมสีฟ้าเรียกโคลแบร์จากบนทางเดินและเดินเข้ามาหา
     
    เธอ...คนที่อยู่กับเด็กหนุ่มคนนั้น...
     
    เลเวียธาน
     
    ฉันชื่อฌอง โคลแบร์ ถึงจะรู้สึกว่าช้าไปหน่อย แต่ก็ยินดีที่ได้รู้จัก
     
    เช่นกัน แล้ว มีธุระกับสองคนนั้นเหรอ?
     
    อืม ได้ยินเสียงน่าจะอยู่ข้างใน แต่สงสัยจะไม่ได้ยินเสียงฉัน
     
    เลเวียธานคิดครู่สั้นๆ ก่อนจะหันหน้าไปทางผนัง เพ่งเหมือนจะมองเข้าไปในห้อง ก่อนจะทำหน้ารำคาญ แล้วก็เคาะประตูเสียงดังจนโคลแบร์สะดุ้ง
     
    มีแขกมาย่ะ!”
     
    เสียงเอะอะตึงตังดังขึ้นในห้อง ครู่หนึ่งผ่านไปไซโตะก็โผล่หน้าห้อง หน้าแดงนิดๆ เหมือนวิ่งรอบห้องสิบรอบก่อนมาเปิดประตู
     
    อาจารย์...! กับเลวิ—เลเวียธาน มีอะไรกันเหรอ? เอ่อ ข—เข้ามาก่อนสิ...!”
     
    ไซโตะท่าทางลุกลี้ลุกลนเหมือนปกปิดอะไรอยู่ เมื่อเข้ามาในห้องหลุยส์ก็นั่งอยู่ที่ขอบเตียง หันหน้าไปทางหน้าต่างเหมือนหลบสายตา ชุดนักเรียนยับเล็กน้อย ไหล่กระเพื่อมเหมือนยังปรับลมหายใจอยู่ ทั้งหมดนี้โคลแบร์ไม่ได้สังเกตเลย เพราะใจจดจ่ออยู่กับข่าวที่ต้องแจ้ง
     
    ทุกคนในห้องเว้นเลเวียธานนั่งที่เก้าอี้ สักพักหนึ่งเซียสต้าที่เพิ่งกลับมาถึงห้องก็เสิร์ฟน้ำชา(โดยที่เลเวียธานไม่ช่วย) เมื่อพร้อมทุกคนประจำที่แล้วโคลแบร์ก็เริ่มพูด
     
    ก่อนอื่นต้องขอโทษเธอด้วย ไซโตะคุง
     
    ร—เรื่องอะไรเหรอครับ
     
    เลเวียธานรู้ว่าไซโตะคิดคนละเรื่องกับที่โคลแบร์กำลังพูดถึง
     
    โคลแบร์อธิบายเรื่องที่คำขออนุญาตถูกตีกลับและการเดินทางไปตะวันออกด้วยออสท์ลันท์ต้องเลื่อนไปไม่มีกำหนด
     
    ...ไซโตะคุง ผิดหวังสินะ
     
    ก็...ผิดหวังอยู่ครับ... แต่ก็ ปัญหาที่ยังไม่ได้แก้ทางนี้ก็ยังเหลืออยู่ ยังไงก็อยู่ที่นี่ไปก่อน...ไม่สิ ผมอยากจะอยู่ที่นี่ไปก่อนนะครับ
     
    หลุยส์หลบตาทำหน้าบึ้งมากกว่าเดิม แต่เป็นแค่การซ่อนความดีใจที่ออกเป็นสีแดงที่แก้มเท่านั้น
     
    อาจจะเป็นโอกาสเดียวก็ได้นะ พลาดไปอาจจะไม่ได้กลับไปอีกแล้วก็ได้นะ
     
    ไซโตะที่ได้ยินคำนั้นนึกถึงเพื่อนๆ ที่กำลังทำงานเพื่อสังคมอยู่ที่สนามหญ้า ภาพของเรื่องเฮฮา เรื่องคับขันที่ผ่านมาด้วยกันแวบเข้ามาในหัว พลันความกังวลและความคิดถึงบ้านก็บรรเทาลง
     
    ถึงตอนนั้นก็ค่อยว่ากันละกันครับ
     
    ไซโตะพูดอย่างไม่เป็นเดือดเป็นร้อนมาก โคลแบร์ส่ายหน้าอย่างเสียดาย
     
    ฉันรออย่างเธอไม่ได้น่ะสิ ต้องอยากเห็นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ! โลกที่ขับเคลื่อนด้วยวิทยาการเครื่องกล ไม่ใช้เวทมนตร์! โลกที่คุณค่า ความคิด ผู้คนเป็นอีกแบบหนึ่ง... เอาเถอะ ถ้าเธอพูดอย่างนั้นก็รอต่อไปอีกซักนิดก็ได้
     
    โคลแบร์ถอนใจเบาๆ  ก่อนจะหันไปเห็นเลเวียธานและทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้
     
    จริงสิ เธอกับเด็กหนุ่มคนนั้นเองก็มาจากอีกโลกหนึ่งเหมือนกัน จำได้ว่าไม่ใช่โลกเดียวกับไซโตะคุง โลกของเธอเป็นแบบไหนเหรอ?
     
    โคลแบร์เปลี่ยนความสนใจไปที่แหล่งใหม่เป็นการปลอบใจตัวเอง เลเวียธานไม่แสดงสีหน้าใดๆ เป็นพิเศษแต่คิดครู่หนึ่งก่อนจะตอบ
     
    ถ้าให้เปรียบเทียบก็คล้ายโลกไซโตะมากกว่า ไม่มีเวทมนตร์ มีวิทยาการ แต่ล้ำหน้ากว่าโลกหมอนี่เยอะนะ
     
    ยิ่งกว่าโลกของไซโตะคุงอีกเหรอ! เช่นอะไรล่ะ เช่นอะไรล่ะ?!”
     
    นอกจากเร็วกว่า ทนกว่า รักษาโรคได้มากกว่า พวกทั่วๆ ไป แล้วก็ นั่นสินะ รู้ใช่มั้ยว่าการเดินทางในโลกหมอนั่นเร็วกว่าโลกนี้หลายสิบเท่า ถ้าใช้เครื่องบิน จากที่นี่ไปโรมาเลียคงใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมง เลเวียธานพูดแล้วก็อดนึกไม่ได้ว่าจะดีแค่ไหนถ้าสามารถบินไปตามเอ็กซ์กลับมาดูซีโร่ได้เดี๋ยวนี้เลย
     
    ที่โลกฉันระยะทางไม่สำคัญ ไม่ว่าเป็นที่ไหนก็ไปถึงได้ในหนึ่งนาที
     
    ไม่น่าเชื่อ! ต้องเร็วขนาดไหนกันถึงจะทำอย่างนั้นได้?! ต้องใช้วัสดุแบบไหนถึงจะทนความเร็วขนาดนั้นได้?!” โคลแบร์ตื่นเต้นเหมือนเมื่อได้ฟังเรื่องโลกของไซโตะครั้งแรก
     
    ไม่ใช่ความเร็วแบบนั้น สสาร ร่างกาย สิ่งของ เปลี่ยนเป็นพลังงาน เหมือนฟ้าผ่า เคลื่อนย้ายไปบนสถานีที่ปล่อยค้างไว้เหนือเมฆ แล้วยิงกลับลงมาที่หมาย ตราบเท่าที่ระยะทางไม่เกินสามแสนลีก เวลาที่ใช้เดินทางก็คลาดเคลื่อนไม่เกินหนึ่งวินาที โลกที่ฉันอยู่ระยะทางไกลที่สุดแค่สองหมื่นกว่าลีก ฉะนั้นใช้เวลาแค่พริบตา
     
    น่าทึ่ง! น่าทึ่งจริงๆ! อย่างนี้ก็ไม่จำเป็นต้องมีพาหนะเลยน่ะสิ!”
     
    การเตรียมการยังยุ่งยาก ฉะนั้นเราใช้กันกับกิจการสำคัญหรือในสถานการณ์ฉุกเฉิน พาหนะทางบก ทางอากาศ ทางน้ำแบบปกติก็มี ด้วยข้อจำกัดเรื่องสถานที่ความเร็วและความทนทานเหนือกว่าโลกของหมอนั่นไม่มากเท่าไหร่ แต่น่าจะจัดระเบียบไว้ดีกว่า
     
    จะเป็นโลกที่วิเศษขนาดไหนกันนะ!? ฉันเลือกไม่ถูกแล้ว! อยากไปเห็นโลกที่ไซโตะคุงเติบโตมา! แต่โลกของพวกเธอก็อยากไปเห็น!”
     
    ไปโลกของหมอนั่นเถอะ โลกของพวกฉันยังมีปัญหาอยู่เยอะ
     
    ปัญหาอะไรเหรอ?
     
    ...ไม่ต้องรู้หรอก
     
    เลเวียธานไม่อยากทำลายความฝันของโคลแบร์จึงตัดสินใจเก็บภาพของทุ่งร้างเอาไว้
     
    แต่ขอพูดไว้อย่างหนึ่งในฐานะคนที่มาจากโลกที่คุณค่าและผู้คนเป็นอีกแบบหนึ่ง วิทยาการไม่ว่าจะล้ำหน้าขนาดไหนก็ไม่ใช่สิ่งอัศจรรย์อย่างที่นายหวังหรอก ถ้าช่วยคนได้เร็วกว่าเวทมนตร์ก็ฆ่าคนได้เร็วกว่าเวทมนตร์เหมือนกัน แล้วก็...ไม่ว่าจะเวทมนตร์หรือวิทยาการเครื่องกลเป็นใหญ่ มนุษย์ก็ไม่ต่างกันหรอก
     
    คำพูดของเลเวียธานทำให้ห้องเงียบกริบ ก่อนที่บรรยากาศจะอึดอัดไปมากกว่านั้นเลเวียธานก็เปลี่ยนเรื่อง
     
    ฉันมีเรื่องพูดแค่นี้ล่ะ ทีนี้ขอพูดธุระที่ฉันมาได้รึยัง?
     
    อืม เอาสิ
     
    เลเวียธานหันไปหาเมดสาวที่ยืนอยู่หลังไซโตะ
     
    เซียสต้า มาร์โตเรียก
     
    เอ๋ ค—คะ?
     
    ...แค่นั้นเหรอ? ไซโตะถามอย่างประหลาดใจ
     
    แค่นี้ล่ะ เลเวียธานตอบด้วยสีหน้าราวกับจะบอกว่า เสียเวลามั้ยล่ะ
     
    เลเวียธานพาเซียสต้าออกไปจากห้อง เซียสต้าไม่ลืมบอกไซโตะอย่างเอียงอายว่าดีใจที่ไซโตะตัดสินใจอยู่ที่นี่
     
    เลวิเลวิเดี๋ยว! ...เอ่อ เลเวียธาน เดี๋ยวนึง ไซโตะแก้เมื่อเจ้าของชื่อหันกลับมาถลึงตาใส่
     
    มีอะไรยะ?
     
    ...รอเดี๋ยวนึง
     
    เลเวียธานบอกเซียสต้าให้ล่วงหน้าไปก่อน ระหว่างนี้ไซโตะเดินไปที่กองข้าวของบนโต๊ะหลุยส์และหยิบวัตถุทรงแบนชิ้นหนึ่งกลับมาวางลงบนโต๊ะ
     
    ขณะที่โคลแบร์มองวัตถุปริศนาด้วยความสงสัยใคร่รู้ เลเวียธานก็เบิกตาขึ้นเล็กน้อย
     
    คอมพิวเตอร์?
     
    รู้จริงๆ ด้วยสินะ
     
    มีของแบบนี้อยู่ที่นี่...นายพกติดตัวมาจากโลกเดิมสินะ
     
    ใช่ นอกจากเสื้อผ้าชุดนี้แล้วก็มีแค่โน้ตบุ๊กเครื่องนี้ล่ะ
     
    หมายความว่านี่เป็นอุปกรณ์จากโลกของไซโตะคุงสินะ!”
     
    โคลแบร์ตื่นเต้นจนแทบจะเก็บมือกับตัวไม่อยู่ ส่งสายตาขอให้ไซโตะแสดงให้ดูว่าทำงานยังไง ไซโตะเจอกับสายตาคาดหวังก็ง้างเปิดจอขึ้นมาอย่างลังเลนิดๆ
     
    โอ! เป็นงานที่ละเอียดอะไรอย่างนี้!” โคลแบร์มองแป้นพิมพ์แต่ละปุ่มที่เรียบเสมอกันอย่างชื่นชม
     
    อันนี้นายเคยเปิดให้ฉันดูครั้งนึงนี่ จำได้ว่ามีภาพอะไรขึ้นมาด้วย หลุยส์ชี้หน้าจอที่ดำสนิท
     
    แสดงภาพได้ยังงั้นเหรอ?! ถ้างั้นก็เป็นเหมือนกับหนังสือภาพยังงั้นเหรอ?!”
     
    เป็นเหมือน...ห้องสมุดมากกว่าครับ ข้างในนี้เก็บข้อมูลไว้ได้มากมายมหาศาล แล้วก็รับส่งกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นจากที่ไกลๆ ได้ด้วย
     
    โอ! ข้างในกล่องเล็กๆ นี้คือห้องสมุดงั้นเหรอ! ไม่ต้องเก็บเรียงบนชั้นหนังสือสูงเป็นสิบๆ เมล! ไซโตะคุงทำให้ดูหน่อยสิ!”
     
    ถ้ายังมีแบตฯอยู่ก็จะทำให้ดูได้อยู่หรอกครับ ไซโตะเกาท้ายทอยอย่างอายๆ
     
    แบ็ด? มันคืออะไรเหรอ?
     
    เอ่อ พลังงานของ...สิ่งนี้น่ะครับ ใช้ไฟฟ้า
     
    ไฟฟ้างั้นเหรอ!? น่าทึ่งจริงๆ!”
     
    ไฟฟ้าคืออะไรคะ? หลุยส์เป็นคนถาม
     
    ไฟฟ้าในฮาลเคกิเนียก็มีตัวตนอยู่ในหลายรูป ฟ้าผ่า ฟ้าแลบ หรือเวลาที่เราแตะบันไดในฤดูหนาว ในเวทมนตร์ก็คือคาถาประเภท<ไลท์นิ่ง> เป็นพลังงานที่ไม่ค่อยมีการศึกษากันเท่าไหร่ โคลแบร์อธิบายให้นักเรียนฟัง
     
    ครับ เอ่อ แบตฯ...แบตเตอรี่ก็คืออุปกรณ์ที่เก็บไฟฟ้าไว้ข้างใน ตอนนี้ก็หมดเกลี้ยง ก็เลย...เปิดไม่ได้ ขอโทษด้วยครับ
     
    ไม่หรอก! แค่ได้เห็นใกล้ๆ แบบนี้ก็ดีใจจะแย่แล้ว!” โคลแบร์ตื่นเต้นเหมือนเด็กที่ได้ของเล่นใหม่
     
    ทีแรกผมกะว่าจะให้อาจารย์เอาไปศึกษาตามใจชอบเลย ทดแทนที่ไม่ได้ไปตะวันออกแล้ว...แต่ถ้าเปิดเครื่องขึ้นมาได้ก็จะยิ่งดีกว่านี้ ก็เลยอยากให้เธอช่วย คำสุดท้ายไซโตะหันไปหาเลเวียธาน ซึ่งยืนกอดอก
     
    พอเข้าใจว่าทำไมถึงอยากพึ่งฉัน ถ้าท่านเอ็กซ์อยู่คงหาทางทำอะไรได้ แต่ฉันควบคุมน้ำ ไม่ใช่ไฟฟ้า
     
    งั้นเหรอ...
     
    จะรอเพื่อนของเธอกลับมาก่อนก็ได้นะ โคลแบร์พูดอย่างนั้น แต่เห็นได้ชัดว่าต้องอดกลั้นอย่างมาก
     
    ไม่ต้องหรอกครับ อาจารย์เอาไปเถอะครับ ไว้กับผมก็ไม่มีประโยชน์
     
    แน่ใจเหรอ? ฉันอาจจะทำเสียหายก็ได้นะ?
     
    ไซโตะคิดหนัก ถ้าใช้ไม่ได้แล้วก็เป็นอีกอย่าง แต่ยังมีโอกาสที่จะกลับมาใช้ได้ใหม่ และเป็นของชิ้นเดียวนอกจากเสื้อผ้าที่ติดตัวมาจากโลกเดิม
     
    ก่อนที่ไซโตะจะตัดสินใจได้ เลเวียธานก็แทรกขึ้น
     
    ถ้าอยากจะแงะโดยไม่พังล่ะก็มีทางนะ
     
    [...]
     
    เชลไม่แน่ใจว่าอะไรเป็นอะไร หลังจากนักเรียนและอาจารย์รับประทานอาหารเย็นเสร็จ ตัวเองก็โดนเลเวียธานก็ดึงตัวออกมาจากหอคอยกลางก่อนจะทันได้ลงมือเก็บโต๊ะ บอกว่ามีงานให้ทำ จากนั้นก็พามาที่อาคารไม้หลังหนึ่ง จับให้นั่งลงบนเก้าอี้ และบนโต๊ะข้างหน้าก็มีอุปกรณ์ปริศนาวางอยู่
     
    เชลหันไปมองเลเวียธานแทนคำถาม เลเวียธานหันไปหาชายผมบางที่ยืนงงไม่ต่างกันและอธิบาย
     
    จากวันนี้ไป ยัยนี่จะเป็นผู้ช่วยของนาย
     
    ผู้ช่วยเหรอ? โคลแบร์กะพริบตา
     
    ใช่ ถ้าจะศึกษาเจ้านี่ล่ะก็ให้ยัยนี่ช่วย คงจะแยกส่วนได้โดยไม่พัง
     
    เชลสังเกตอุปกรณ์ปริศนาที่อยู่ตรงหน้า แล้วก็อุทาน
     
    คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก? ทำไมถึงมีของแบบนี้?
     
    โคลแบร์ทำท่าจะอ้าปากถาม แต่เมื่อได้ยินคำพูดนั้นก็ได้คำตอบ
     
    ผู้หญิงคนนี้ก็มาจากโลกเดียวกับพวกเธองั้นเหรอ?
     
    ใช่ และไม่ใช่แค่คนธรรมดา เป็นนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะด้วย
     
    นักวิทยาศาสตร์?
     
    พูดย่อๆ ก็คือคนที่ศึกษาวิชาความรู้เกี่ยวกับความเป็นไปของโลก ถ้าขยายความก็คือคนที่ทำงานเพื่อตอบปริศนาของโลกบนพื้นฐานของการศึกษา วิจัย และทดลอง เช่น ทำไมท้องฟ้าถึงเป็นสีฟ้า ทำไมนกถึงบินได้ รวมทั้งประดิษฐ์อุปกรณ์กลไกที่อาศัยผลของการศึกษาด้วยในบางกรณี
     
    โคลแบร์นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาอย่างไม่มั่นใจ
     
    งั้นก็เหมือนกับฉันน่ะสิ?
     
    ใช่
     
    โคลแบร์ตาเป็นประกายและพุ่งเข้ามาจับมือเชลเขย่า
     
    ยินดีเหลือเกินที่ได้พบกับคนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน! ผมชื่อฌอง โคลแบร์! เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รู้จัก!”
     
    ค—ค่ะ เช่นกันค่ะ ดิฉันชื่อเชลค่ะ...
     
    เลเวียธานมองเชลที่ไม่รู้จะทำตัวอย่างไรพลางแสยะยิ้มนิดๆ
     
    ผมสนใจวิทยาการในโลกของคุณมาก! ช่วยตอบคำถามผมซักสองสามข้อได้มั้ย? ก่อนอื่น—
     
    หยุดก่อน เลเวียธานยกมือเบรกโคลแบร์
     
    วันนี้พามาแนะนำเฉยๆ  นี่ก็ดึกแล้ว ยัยนี่ก็ยังใส่ชุดพนักงานอยู่เลย ถ้าอยากเริ่มจริงจังก็ไปขออนุญาตจ้างยัยนี่เป็นผู้ช่วยอย่างเป็นทางการซะ
     
    อ—อา จริงสินะ...ผมตื่นเต้นเกินไปหน่อย ต้องขอโทษด้วย โคลแบร์ปล่อยมือแล้วก้มศีรษะเล็กน้อย
     
    ม—ไม่เป็นไรค่ะ ฉันแค่ตกใจนิดหน่อย เพิ่งเคยเจอคนของโลกนี้ที่สนใจเครื่องยนต์กลไกเป็นครั้งแรก
     
    เลเวียธานพูดกับโคลแบร์เสร็จก็หันมาพูดกับเชลต่อ
     
    งานเสิร์ฟน้ำเสิร์ฟอาหารซักผ้าถูพื้นไม่เหมาะกับเธอหรอก ฉันรู้นะว่าเธออึดอัดที่ไม่ได้ทำงานที่ตัวเองถนัด ถึงขนาดจะวิจัยพืชและแมลงที่พบในบริเวณโรงเรียน
     
    ร—รู้ด้วยเหรอ... เชลแก้มแดงนิดๆ
     
    ว่ายังไง? จะตกลงเปลี่ยนงานมั้ย?
     
    ...ถ้าคุณโคลแบร์ไม่ว่าอะไร...
     
    ผมยินดีอยู่แล้ว! ที่จริงต้องไปขออนุญาตอย่างเป็นทางการก่อน แต่เชื่อว่าผู้อำนวยการคงไม่ขัดข้อง
     
    ถ้าอย่างนั้นดิฉันเองก็ตกลงค่ะ
     
    ทั้งสองจับมือทำข้อตกลงกันด้วยดี
     
    ฌอ~ง เป็นยังไงบ้าง~ คิดถึงฉั—
     
    คีร์เก้เดินเข้ามาในห้องทดลอง และชะงักกับภาพที่เห็น สายตาเพ่งไปที่มือของสองนักวิทยาศาสตร์
     
    แวบแรกคีร์เก้คิดจะถามธรรมดาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างที่ฉันไม่อยู่?  แต่แวบต่อมาส่วนที่เป็นบุคลิกของสาวเจ้าเสน่ห์ก็คิดปฏิกิริยาที่ดีกว่านั้นได้
     
    เริ่มจากการตีหน้าเศร้า
     
    ฌอง ทำไมคุณถึงทำแบบนี้...ทั้งที่มีฉันอยู่ทั้งคนแล้วแท้ๆ...
     
    โคลแบร์ปล่อยมือจากเชลแล้วเดินเข้าไปหาคีร์เก้
     
    มิสเซิร์บสต์? ไม่ใช่อย่างที่เธอเห็นนะ!”
     
    ด้วยอารามตกใจโคลแบร์รีบแก้ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับคนที่เพิ่งรู้จักก่อน ไม่มีเวลาแม้แต่ให้พูดว่า ฉันกับเธอเป็นอาจารย์กับนักเรียนต่างหาก
     
    เชลลังเลว่าตัวเองควรช่วยพูดด้วยหรือไม่ แต่เลเวียธานวางมือบนไหล่และบอก ปล่อยไป เรื่องปกติ
     
    [...]
     
    [.....]
     
    สุภาพบุรุษทุกท่าน นี่เป็นโอกาสที่จะกอบกู้ชื่อเสียงของเรากลับมา
     
    โอ้!!~”
     
    กีชพูดเสียงดังฟังชัด แถวนักเรียนชายส่งเสียงร้องอย่างแข็งขัน
     
    เกียรติของเราต้องด่างพร้อยจากเหตุอันน่าเศร้า...แล้วยังโศกนาฏกรรมที่บังเกิดแก่พวกเรา...
     
    อ๊าก!! ไม่เอากีช อย่าพูดถึงสิฟะ!” “ไม่ ไม่ ไม่อยากนึกถึง!!” อุ๊บ... ใครก็ได้! เอาถังมาหน่อย!”
     
    หน่วยอัศวินแทบไม่มองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างปฏิบัติราวร่างกายอีกฝ่ายเป็นถ่านร้อน กีชต้องฝืนความผะอืดผะอมของตัวเองและเรียกขวัญกำลังใจของหน่วยกลับมา
     
    แต่พระผู้เป็นเจ้ายังไม่ทรงทอดทิ้งเรา! ฝ่าบาทองค์ราชินีอังริเอตต้าทรงมอบโอกาสที่จะนำความภาคภูมิใจของเรากลับมา!”
     
    หน่วยอัศวินโห่ร้องเสียงดัง ราวกับพยายามสลัดความทรงจำอันเลวร้าย
     
    เอาล่ะรองหัวหน้าหน่วย ช่วยบอกทุกคนให้รู้ถึงภารกิจอันยิ่งใหญ่นี้ซิ
     
    เอ่อ อะแฮ่ม...วันนี้เป็นวันที่สดใส ตะวันส่องแสงราวกับจะอวยพรเราในการเดินทาง—
     
    พิธีรีตองช่างมันเถอะน่า รีบๆ บอกภารกิจจากฝ่าบาทได้แล้ว กีชทิ่มสีข้างไซโตะที่เกร็งเหมือนต้องยืนกล่าวในพิธีปฐมนิเทศโรงเรียน
     
    ไซโตะยกพระราชเสาวนีย์จากโรมาเลียที่หน่วยอัศวินมังกรของทริสเทนนำมาส่งด่วนเมื่อคืนขึ้นกาง
     
    เอ่อ งั้นจะอ่านเลยนะทุกท่าน ท่านกีช เดอ กรามองต์และท่านไซโตะ ชูวาลิเยร์ เดอ ฮิรากะ ขอให้พวกท่านพานางพระกำนัลในฝ่าบาทราชินีอังริเอตต้าท่านหลุยส์ เดอ ลา วาลลิแยร์ และนักเรียนสถานศึกษาเวทมนตร์ทริสเทนทิฟฟาเนีย เวสต์วู้ด มาที่สหพันธรัฐโรมาเลียอย่างปลอดภัยโดยเร็วที่สุดด้วย
     
    เข้าใจนะ! ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ต้องปกป้องสตรีทั้งสองนางให้ได้!”
     
    สิ้นคำพูดที่เปี่ยมด้วยความกระตือรือร้นของกีช เหล่าเด็กหนุ่มแห่งหน่วยอัศวินอองดีนต่างก็แหงนหน้ามองฟ้าปล่อยน้ำตาไหลพรั่งพรูด้วยความยินดี
     
    ภาพของเด็กหนุ่มเหล่านั้นอยู่ในสายตาของเด็กสาวสามคนที่ยืนพิงกราบเรือ หลุยส์ เดอ ลา วาลลิแยร์ที่เหล่าอัศวินต้องปกป้อง คีร์เก้ที่ตามติดโคลแบร์มาช่วยควบคุมเรือออสท์ลันท์
     
    พวกคนใหญ่คนโตนี่เอาแต่สั่งอย่างเดียวแต่ไม่ยอมบอกวิธีให้เลยนะ คีร์เก้พูดเหน็บคำสั่งราชินี
     
    บอกให้ไป โดยเร็วที่สุด’  ถ้าไม่มีออสท์ลันท์ล่ะมีหวังใช้เวลาเป็นอาทิตย์
     
    เพราะแผนการที่จะเดินทางไปตะวันออก ออสท์ลันท์จึงอยู่ในสภาพพร้อมบินเต็มร้อย รวมทั้งศิลาลมที่เป็นแหล่งพลังงาน บนที่ราบใกล้กับโรงเรียน
     
    แต่แม้ราชินีจะถูกพูดเหน็บอยู่ข้างๆ  หลุยส์ก็เอาแต่เหม่อมองท้องฟ้า แก้มเป็นสีชมพูจางๆ
     
    ...หลุยส์ เป็นอะไรของเธอ?
     
    หลุยส์สะดุ้งรู้สึกตัว
     
    เอะ เอ๋? เมื่อกี้ว่าอะไรนะ?
     
    ฝันแต่กลางวันเลยนะ ฉันบอกว่า พวกคนใหญ่คนโตเนี่ย คิดจะสั่งก็สั่ง แล้วก็ปล่อยให้เราหาทางกันเองเลยนะ
     
    หลุยส์กระแอมไอก่อนจะปั้นหน้าจริงจังสุดชีวิต
     
    การปฏิบัติให้เหนือความคาดหวังของคนใหญ่คนโตเป็นหน้าที่ของผู้ปฏิบัติ
     
    ข้างหลังพวกหลุยส์เป็นเสียงเครื่องจักรไอน้ำที่ไม่คุ้นหูกำลังทำงาน
     
    แล้วอาจารย์โคลแบร์ล่ะ?
     
    แม้แต่ตอนเรือออกก็ไม่เห็นตัว แน่นอนว่าต้องอยู่บนเรือลำนี้ ไม่อย่างนั้นก็คงขึ้นบินไม่ได้
     
    คีร์เก้ถูกถามก็ตอบเสียงเซ็ง
     
    ก็ตั้งแต่ได้ของขวัญจากไซโตะก็เอาแต่ขลุกตัว...กับพี่สาวผมทองคนนั้น
     
    ของขวัญจากไซโตะ อ๋อ หลุยส์ก็อยู่ด้วยตอนที่ไซโตะยกให้โคลแบร์ แต่ผู้หญิงคนนั้นเกี่ยวอะไรด้วย?
     
    เป็นผู้ช่วยน่ะสิ อย่างเป็นทางการด้วย ขออนุญาตผู้อำนวยการออสมันเมื่อวาน ทั้งที่มีฉันอยู่ทั้งคนแล้วแท้ๆ คีร์เก้รู้ว่าไม่มีอะไรระหว่างสองคนนั้น แต่ก็อดบ่นไม่ได้
     
    หลุยส์นึกถึงผู้หญิงผมสีทองคนนั้น นอกจากเรื่องที่เป็นมนุษย์จากโลกของเอ็กซ์และเคยเป็นตัวประกันให้เมียวธ์วิทนิร์คนก่อนควบคุมเพื่อนของเอ็กซ์อีกคนแล้วก็ไม่รู้จักดีนัก
     
    เป็นผู้ช่วยอาจารย์โคลแบร์? ทำไมล่ะ?
     
    เห็นว่าเก่งเรื่องเครื่องกลพวกนั้นที่ฌองชอบ อย่างน้อยก็เก่งกว่าฉันที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยเยอะละกัน...
     
    เซิร์บสต์...นี่เธอหึงเหรอ?
     
    แหงสิยะ ผู้ชายของตัวเองคุยถูกคอกับผู้หญิงคนอื่นมากกว่าตัวเอง ต่อให้รู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีอะไรก็เถอะ มีผู้หญิงที่จะไม่หึงด้วยเหรอยะ?
     
    หลุยส์ตาโต ถ้าพูดตามที่คีร์เก้ว่ามันก็สมเหตุสมผล แต่การที่ได้เห็นคีร์เก้คนนั้นหึงก็ทำให้หลุยส์ทึ่งไม่ใช่น้อย
     
    เธอก็ไปเรียนเรื่องพวกนั้นด้วยเป็นไร?
     
    คีร์เก้ทำหน้ามุ่ยก่อนจะถอนใจ
     
    ...ใช่สินะ ถ้ามีเวลามาบ่นเรื่องพวกนี้ล่ะก็สู้เอาเวลาไปเรียบรู้สิ่งที่ผู้ชายของตัวเองชอบจะดีกว่า ไม่ใช่วาลลิแยร์ซะหน่อย
     
    ขนาดนี้แล้วก็ยังจะชวนทะเลาะอีกเหรอยะ?
     
    แต่ก็คงต้องไว้ทีหลังล่ะ ตอนนี้แค่คำพูดที่พูดกันยังฟังไม่รู้เรื่องเลย เข้าไปก็มีแต่จะงงเป็นไก่ตาแตกเท่านั้น
     
    หืม... หลุยส์เองก็ไม่รู้เรื่องเครื่องยนต์กลไก
     
    ...เรื่องฉันไว้ก่อน เรื่องเธอดีกว่า เมื่อกี้ฝันกลางวันอะไร?
     
    ฝันกลางวัน ฝ—ฝันอะไรของเธอ ไม่มีซะหน่อย หลุยส์แก้มแดงขึ้นกะทันหัน
     
    ทำหน้าเหมือนสาวน้อยในห้วงรักขนาดนั้นคิดว่าฉันจะไม่เห็นรึไง? ยังไงซะก็คงเรื่องไซโตะอีกล่ะสิ คราวนี้หมอนั่นพูดอะไรถูกใจเข้าล่ะ?
     
    ถ—ถูกจงถูกใจอะไร อีตานั่นมีแต่ทำให้ฉันโมโหตะหาก
     
    ไม่ได้มีแค่นั้นใช่มั้ยล่ะ ไม่งั้นจะไปรักเขาได้ยังไง
     
    ร—ร้งรักบ้าบออะไรของเธอยะเซิร์บสต์! เลอะเทอะไปใหญ่แล้วย่ะ! ค—แค่ใช้ได้! แค่คิดว่าใช้ได้บ้างบางครั้งเท่านั้น!”
     
    โอ๊ะ เริ่มพัฒนาขึ้นมาบ้างแล้วนี่ แต่กว่าจะซื่อสัตย์กับตัวเองยังอีกไกล
     
    ฉ—ฉันพูดความจริงเสมอล่ะย่ะ!”
     
    ในเวลาเดียวกันที่กราบเรืออีกฝั่งก็มีอีกคู่หนึ่งกำลังสนทนากันด้วยความสงบกว่า
     
    ไม่อ่านหนังสือเหมือนทุกทีเหรอ?
     
    ลมแรง
     
    จริงสินะ
     
    เลเวียธานยืนศอกค้ำกราบเรือ ทาบาสะถือไม้เท้าประจำตัว ทั้งคู่มองออกไปที่ท้องฟ้าและเมฆสีขาวที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วเทียบเท่ามังกรลมของเรือออสท์ลันท์
     
    งั้นข้างนอกมีอะไรน่าสนใจว่าหนังสืองั้นเหรอ?
     
    เรือลำนี้
     
    ว่าไปแล้วเธอก็เพิ่งเคยขึ้นนี่นะ ตอนไปอาฮัมบราก็แยกกันไป ขากลับก็นั่งรถม้า แล้วสนใจอะไรล่ะ?
     
    ทาบาสะผละจากกราบเรือและยกมือซ้ายชี้ห้องเครื่องจักรไอน้ำบนปีกของออสท์ลันท์
     
    กังหันลมหมุนเองได้
     
    ใฝ่เรียนรู้จริงๆ เลเวียธานยิ้มนิดๆ กึ่งหัวเราะ
     
    พูดอย่างนั้นแสดงว่าเข้าใจการทำงานของใบพัดแล้ว สมกับเป็นผู้ใช้ลมไทรแองเกิ้ล ส่วนที่อยู่ตรงนั้นคือเครื่องจักรไอน้ำ ตัวกลไกถ้าไม่ไปดูกับตาก็อธิบายยาก แต่โดยหลักก็คือใช้ความร้อนจากถ่านทำให้น้ำเดือดและบังคับไอน้ำให้ผลักกลไกข้างในให้หมุนใบพัด
     
    ...เหมือนกาต้มน้ำเหรอ?
     
    ประมาณนั้น
     
    เร็วจริงๆ  เท่ากับมังกรลม
     
    ก็นะ...แต่ก็แลกกับการเปลืองถ่าน ถ้าไม่ใช่เพราะศิลาลมช่วยยกขึ้นจะยิ่งเปลืองกว่านี้
     
    ออสท์ลันท์ลำนี้เป็นไปได้เพราะวิทยาศาสตร์ของฮาลเคกิเนียและโลกไซโตะผสมผสานกัน
     
    วิทยาศาสตร์ ใช่สิ อะไรที่มีหลักการทำงานชัดเจน อธิบายและประเมินได้แม่นยำคือวิทยาศาสตร์ทั้งนั้น
     
    คนที่โลกนี้เปลี่ยนให้เวทมนตร์บางส่วนให้กลายเป็น วิทยาศาสตร์เวทมนตร์ ด้วยทฤษฎีมากมายที่คิดขึ้นอธิบายการทำงานและก่อให้เกิดคาถาต่างๆ มากมาย ที่ชัดเจนที่สุดก็คือการแปรธาตุที่ไม่ต่างจากเคมีในโลกของวิทยาศาสตร์ ที่แตกต่างกันคือแหล่งที่มาของพลังงานเท่านั้น การประยุกต์ใช้แทบจะไม่ต่างกัน ใช้การสันดาปจุดไฟเหมือนกัน ใช้แรงลอยตัวยกวัตถุเหมือนกัน ใช้การแยกอนุภาคในการแปลงธาตุเหมือนกัน

    แม้แต่ความว่างเปล่าก็เป็นวิทยาศาสตร์ไปแล้วครึ่งนึง แต่กับคนอื่นทุกคนนอกจากบริมิร์อะไรนั่นก็คงยังเป็นพลังที่อธิบายไม่ได้ เป็นเวทมนตร์แท้ๆ อยู่ล่ะนะ
     
    เชลเคยพูดไว้ว่าผู้ใช้เวทมนตร์ที่โลกใบนี้มีความเข้าใจการเคลื่อนไหวของอนุภาคและผลกระทบในระดับจิตใต้สำนึก ยิ่งเข้าใจมากก็ยิ่งร่ายคาถาซับซ้อนที่รวมกระบวนการได้หลายกระบวนการและลดพลังงานที่เสียเปล่า เรียกว่าการเลื่อนระดับ เป็นไลน์ เป็นไทรแองเกิ้ล เป็นสแควร์
     
    หืม? งั้นถ้าผู้ใช้เวทมนตร์ทำความเข้าใจหลักวิทยาศาสตร์ของฝั่งเราก็อาจจะยิ่งเก่งขึ้นก็ได้น่ะสิ?
     
    เลเวียธานจินตนาการทาบาสะที่เข้าใจถ่องแท้เรื่องวิทยาศาสตร์พื้นฐานเบื้องหลังธาตุทั้งสี่ อาจจะทรงพลังยิ่งกว่า [พายุยักษ์] อีกก็ได้ เป็นแค่ความคิดเอาสนุก ไม่ได้นึกจะทำจริงจัง
     
    ความคิดมาทางเรื่องของทาบาสะแล้ว เลเวียธานจึงถามคำถามที่ทีแรกไม่ได้สนใจอะไรมาก
     
    คำสั่งราชินีไม่เกี่ยวอะไรกับเธอนี่ ทำไมถึงตามมาด้วย? เลเวียธานถามทั้งที่มีคำตอบหนึ่งอยู่แล้วในใจ แต่ถ้าได้คำตอบอื่นนอกจากนั้นก็อาจจะดี คิดดังนั้นจึงได้ถาม
     
    เขาบอกว่าฉันอยู่ใกล้กับผู้ใช้ความว่างเปล่าจะสะดวกกว่า
     
    อ้อ ว่าไปแล้วก็พูดไว้อย่างนั้นจริงด้วย สำหรับเลเวียธานที่รับหน้าที่คุ้มครองผู้ที่อาจเป็นเป้าหมายของกาเลียแทนเอ็กซ์ก็สะดวกกว่าด้วยเช่นกัน
     
    ผู้หญิงคนนั้นกับหุ่นสีแดงตามมาด้วยทำไม? ทาบาสะเป็นฝ่ายถามบ้าง
     
    อ๋อ ยัยนั่นกลายเป็นผู้ช่วยให้อาจารย์ของพวกเธออย่างเป็นทางการ ซีโร่ตามมาด้วยเพราะคนที่มีโอกาสซ่อมหมอนั่นได้อยู่ที่ปลายทาง
     
    ซีโร่เคยเสียหายหนักตอนมาถึงโลกนี้พร้อมกับแร็กนาร็อค ครั้งนั้นไซเบอร์เอลฟ์ไอริสช่วยซ่อมแซมให้แต่ก็ต้องใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ ครั้งนี้ก็ไม่แน่ว่าจะใช้เวลามากหรือน้อยกว่านั้นแค่ไหน
     
    เมื่อหมดเรื่องพูด ทั้งสองก็เริ่มนึกถึงเรื่องหนึ่งที่รู้ว่าสามารถพูดกันได้ เรื่องที่เลเวียธานพยายามเลี่ยงด้วยการพูดแต่เรื่องอื่น แต่ทาบาสะไม่เห็นความจำเป็นนั้น
     
    จะได้ไปพบกับเขาแล้ว ดีใจรึเปล่า?
     
    เลเวียธานอยากจะถามกลับว่า ใคร?  แต่รู้ว่าหลอกอีกฝ่ายไม่ได้
     
    ...ก็งั้นๆ
     
    ตอบเหมือนหลุยส์
     
    เลเวียธานนิ่วหน้า เพราะรู้ตัวว่าจริง
     
    ย้อนกลับไปหนึ่งเดือนก่อนเลเวียธานมีแต่จะตอบ องครักษ์ได้เจอเจ้านายก็ต้องดีใจสิ  ไม่มีทางพูดบ่ายเบี่ยงอ้อมค้อมอย่างนี้ อะไรที่เปลี่ยนแปลงไป อะไรที่ไม่อยากยอมรับจนต้องทำตัวเหมือนเด็กสาววัยรุ่นปากไม่ตรงกับใจแบบนั้น เลเวียธานไม่อยากจะคิดถึง
     
    ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะยัยราชินีนั่นดันพูดเรื่องไม่เข้าท่า เลเวียธานรู้ตัวว่าพาลแต่ก็ยังโทษคนอื่น
     
    เพราะหลังจากพูดกันเรื่องนั้นตัวเองกับเจ้านายก็แยกกันทันที ทำให้ความคิดมีแต่สับสนขึ้นทางเดียว เพราะคนต้นเรื่องไม่อยู่ทำให้ไม่สามารถทดสอบหรือพิสูจน์อะไรได้
     
    เดี๋ยวได้เจอท่านเอ็กซ์แล้วก็คงจะรู้เรื่องกันซักที
     
    ตูม!!
     
    เลเวียธานกับทาบาสะหันหลังขวับ ใจหนึ่งอยากจะหยิบอาวุธ แต่ก็ไม่ได้ทำเพราะอีกใจหนึ่งเคยชินกับเหตุการณ์สงบสุขที่ส่งเสียงแบบเดียวกัน
     
    ระเบิดดูจะมาจากห้องโดยสารห้องหนึ่ง จากกลุ่มคนที่วิ่งหนีออกมาจากบริเวณเกิดเหตุ ประกอบด้วยคีร์เก้ กีช และมาลิคอร์น ทั้งคู่เดาได้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร
     
    ...นี่
     
    ทาบาสะเงียบรอ
     
    เธอจะทำอะไรกับท่านเอ็กซ์ก็ช่าง แต่ขอร้อง อย่าให้เป็นแบบนั้นนะ
     
    ไม่เป็นหรอก
     
    เลเวียธานรู้สึกโล่งใจกับคำสั้นๆ นั้นมากเสียจนตัวเองยังประหลาดใจ
     
    --
     
    PBW:“อะแฮ่ม คนเขียนรู้ตัวว่าหายไปนาน ตลอดเวลานั้นก็ไม่ได้ลืมเรื่องนี้แต่อย่างใด เพียงแต่ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นมางานที่ทำงานก็มากขึ้น ไม่มีเวลาว่างต่อกันยาวๆ ทำให้ความคิดไม่ปะติดปะต่อกัน ระหว่างนั้นก็เลยเขียนฟิคอีกเรื่องเปลี่ยนอารมณ์ไปพลาง...แล้วดันเขียนสนุกกว่าที่คิด เลยเขียนยาวเกือบทั้งเดือนพฤศจิกายน รู้สึกตัวอีกทีก็สามร้อยหน้าเวิร์ดแล้ว เรื่องที่ว่านั้น...เลื่อนลงไปด้านล่าง
     
    DX:“เหมือนเคยสาบานกับตัวเองไว้ว่าจะไม่ลงฟิคซ้อน? เพราะเชื่อว่าเป็นสาเหตุของการทิ้งเรื่อง?
     
    PBW:“ยอมรับผิด...แต่อีกเรื่องนั้นยังไงก็สลัดไปจากหัวไม่ได้จริงๆ ตอนนั้น พล็อตมันเข้ากันได้ดีเกินไปจนรู้สึกว่าการไม่เขียนออกมาจะเป็นบาปอันร้ายแรง ก็เลย...เขียน...แต่ระดับความเอาใจใส่จะยังไม่เท่าเรื่องนี้ เรื่องนี้ยังเป็นเรื่องหลัก ที่เคยพูดไว้ว่ายังไงก็ต้องจบ ต่อให้เหลือคนอ่านแค่คนเดียว(ตัวเอง)ก็ต้องจบ นั้นยังคงคำเดิม อีกเรื่องนึงถือเป็น ขั้นทดลอง ไปก่อน
     
    DX:“ทดลองอะไร?
     
    PBW:“ทดลองว่าจะโดนยิงร่วงมั้ย
     
    DX:“...แกเขียนอะไรลงไป
     
    PBW:“เอาน่ะ
     
    DX:“หาเรื่องใส่ตัว

    PBW:“อะแฮ่ม เรื่องวุ่นๆ ของเลเวียธานที่โรงเรียนก็จบลงแต่เพียงเท่านี้ ตอนหน้า(หรือตอนหน้าๆ)เส้นทางก็จะกลับมาบรรจบกันอีกครั้ง รู้สึกสนุกอยู่เหมือนกันที่ได้ให้เลเวียธานเฉิดฉาย จะสนุกกว่านี้ถ้าเขียนไม่ขาดตอนกัน...ยังไงก็ตาม ในช่วงที่หายไปนี้และเกิดอะไรขึ้นมากมาย(เช่น Rockman 11)ทำให้คนเขียนรู้สึกตัวว่ามีสิ่งหนึ่งที่ต้องการจากใจ แม้จะลืมไปแล้วครั้งหนึ่งแต่ความรู้สึกนั้นก็ฟื้นกลับมา นั่นก็คือ...

     

    “Rockman X9 ออกมาเถอะโว้ย! พลีส! (แต่ทำให้ดีๆ ด้วยนะ!)

     

    (*PBW:“ที่จริงแล้วไอเดียคนเขียนมีเยอะมากไม่ต่างจากคนที่เขียนทีละหลายๆ เรื่องที่เห็นๆ กัน ที่ได้ลงมือเขียนไปเป็นตอนๆ แล้วก็มี Zero no Tsukaima(อีกแล้ว) {x} Granblue Fantasy ไปสี่ตอนใหญ่ๆ  แปล Znt {x} Monster Girl Quest(ที่เป็นตอนพิเศษในเรื่องนี้)เป็น Eng ลงเว็บ fanfiction.net ไปอย่างยากลำบาก  Fire Emblem สองภาค  Rockman {x} Fate/Extra ซึ่งล้มเลิกไปเพราะไม่ถูกรสนิยม Type-Moon  ยังจะเขียน Criminal Girls ต่อ(ยังมีที่อยากเขียนอีกเยอะ) แล้วก็วางแผนอยากจะเขียน Mary Skelter {x} Operation Abyss/Babel {x} Criminal Girls แต่ยังวางเค้าโครงไม่ได้อะไร สุดท้ายก็คือ...เรื่องข้างล่าง...ซึ่ง...เขียนแบบไม่ยั้งที่สุดแล้วในชีวิตนี้ ชนิดที่ว่าถ้าโดนยิงร่วงจากเว็บเด็กดีไปหรือโดนด่าบรรพบุรุษจะไม่แปลกใจเลย(แต่ไม่สน)
    ตัว

     



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×