ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rockman X {x} Zero no Tsukaima : โลกใบใหม่

    ลำดับตอนที่ #89 : Chapter 70: บนเรือสู่แดนจรัสแสง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 251
      6
      22 ก.ค. 61


    (ภาพตัวละคร Arc 13: เวิร์ลด์ดอร์แห่งประเทศศักดิ์สิทธิ์ / Credit: baka-tsuki.org)
     
    เอ็กซ์มองมังกรสีน้ำเงินบินเข้ากลีบเมฆไป แล้วมองกลับลงมาที่ลานหน้าปราสาท
     
    ทหารยืนรักษาการที่หน้าประตู เปิดทางให้รถม้าผ่านเข้ามา คนงานเดินหลีกทางให้และเร่งไปทำหน้าที่ของตัวเอง ชายแต่งกายหรูหราก้าวลงมาจากรถม้าและเดินยืดอกเข้าประตูวัง ผ่านทหารอีกหนึ่งคู่ที่ทำความเคารพ ต่างคนต่างรีบบ้างช้าบ้างไปตามจุดหมายของตัวเอง มีเพียงสายตาไม่กี่คู่ที่มองวับแวบมาที่เอ็กซ์
     
    ...จะหนึ่งปีแล้วเหรอ รู้สึกว่านาน แต่ก็รู้สึกว่าเร็ว
     
    มองย้อนกลับไป เมื่อหนึ่งปีก่อนเขาได้พบกับไซโตะและหลุยส์เป็นครั้งแรก หลังจากนั้นเรื่องวุ่นวายก็ตามมาไม่ขาดสาย จับขโมย พบกับองค์หญิง ไปทำภารกิจลับที่อัลเบี้ยน ขับไล่เรกองกิสตาที่มารุกราน หยุดการลักพาตัวองค์หญิง เข้าไปพัวพันกับการตั้งหน่วยราชองครักษ์ใหม่ จนยาวไปเปิดโปงไส้ศึกในราชสำนัก ปกป้องโรงเรียนจากซีโร่ เข้าร่วมกับนานะลักพาตัวองค์หญิงผิดตัว สุดท้ายก็ต่อสู้เอาชีวิตกับพวกไซโตะที่ปราสาทกลางทะเลทราย
     
    เรื่องสัพเพเหระก็มี เช่น ซื้อตุ๊กตาให้ทาบาสะ เป็นทหารรับจ้างกำจัดออร์ค ช่วยเหลือหมู่บ้านมุกอรุณ มีเรื่องกับเจ้าหน้าที่กองทัพในโรงเตี๊ยม เยี่ยมบ้านคนรู้จักคนโน้นทีคนนี้ที ทำงานกินแกลบเก็บเงินค่าเดินทาง
     
    ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นภายในปีเดียว
     
    ทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นเพราะเขาขอดูดาบที่ไซโตะจะซื้อในตรอกธรรมดาๆ
     
    ถ้าจะเชื่อเรื่องโชคชะตาล่ะก็ ตอนนี้คงไม่เลว... เอ็กซ์ยิ้มอย่างอิ่มเอม
     
    ตลอดเหตุการณ์เหล่านั้นรอบตัวมีคนอยู่ไม่เคยขาด เมื่อรอบข้างที่มีใครอยู่เสมอว่างลง เอ็กซ์ก็หวนนึกถึงบรรยากาศเก่าๆ สมัยที่เดินทางอยู่คนเดียว
     
    รู้สึกถึงสายลมพัดเบาๆ บนยอดเนิน มองเห็นแสงอาทิตย์สะท้อนสีเขียวของใบหญ้า รู้สึกถึงแดดที่กระทบกับผิวหนัง
     
    ความรู้สึกของการมีชีวิตอยู่ เอ็กซ์รู้สึกว่าดีจริงๆ ที่มาจนถึงตอนนี้ได้
     
    นี่ สมองเป็นอะไรรึเปล่า ยืนมองฟ้าแล้วยิ้ม?
     
    เสียงดังแทรกความสงบมาจากด้านหลัง เอ็กซ์หันกลับไป เห็นอาเนียสในเสื้อเกราะห่วงโซ่กับผ้าคลุมสีดำประจำตำแหน่งเดินทำหน้าบึ้งประจำตัวเข้ามา
     
    เปล่า ก็แค่คิดว่าการมีชีวิตอยู่นี่มันดีจริงๆ
     
    มาปรัชญาอะไรตอนนี้ แต่ตาแก่ที่อยู่มาเป็นร้อยปีพูดก็มีน้ำหนักอยู่หรอก
     
    เอะ...
     
    เอ็กซ์เพิ่งเคยถูกเรียกอย่างนั้นเป็นครั้งแรก ยิ่งแล้วใหญ่คือการปฏิเสธไม่ได้เต็มปาก
     
    ฝ่าบาทรับสั่งให้ไปเตรียมตัว ตามมาอย่าชักช้า ไม่มีเวลา
     
    พูดจบอาเนียสก็หันหลังเดินออกไปก่อนทันที เอ็กซ์ต้องเดินตามไปพูดไป
     
    ข้าวของฉันก็มีแค่นี้ จะไปก็ไปได้เลยนะ
     
    เพราะอย่างนั้นไงถึงต้องเตรียมตัว
     
    ยังงั้นเหรอ?
     
    เคยเป็นผู้นำอาณาจักรมาจริงรึเปล่า? เรื่องแค่นี้ยังต้องถาม
     
    เอ็กซ์ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่า แต่อาเนียสท่าทางอารมณ์ไม่ดี
     
    ...มีเรื่องอะไรรึเปล่า หรือว่าฉันไปทำอะไรไว้?
     
    ทำไว้สิ ทำไว้แน่
     
    ... เอ็กซ์ไม่กล้าถามต่อ แบบนี้...ถ้าถามว่า ทำอะไรไว้? จะยิ่งโดนโมโหสินะ...
     
    เอ็กซ์เค้นสมองคิด แล้วก็นึกได้อยู่เรื่องหนึ่ง
     
    หรือว่า...ที่ฉันตบหน้าเธอที่ปราสาทอาฮัมบรา ในการดวลครั้งสุดท้ายระหว่างเอ็กซ์กับคณะเดินทาง
     
    หะ? อาเนียสหันหน้ากลับมาครึ่งหนึ่งพร้อมกับส่งเสียงประหลาดใจ สักพักจึงหันกลับไปแล้วพูดด้วยเสียงที่อารมณ์เสียกว่าเดิม
     
    จะดูถูกฉันเกินไปแล้ว คิดว่าอัศวินจะติดใจเรื่องแค่นั้นรึไง หรือว่าอะไรที่เป็นผู้หญิงหน่อยก็เห็นเป็นหญิงสาวบอบบางไปซะหมด?
     
    เอ็กซ์หุบปาก กลัวว่าจะยิ่งทำให้อาเนียสโมโหมากขึ้น ตราบเท่าที่ไม่รู้ว่าต้นเหตุคืออะไร
     
    ฮึ่ม ท่าทางจะไม่ได้นึกถึงเรื่องนั้นเลย อาเนียสพิจารณาจากปฏิกิริยาของเอ็กซ์

    หมายความว่าไม่ได้ทำสิ่งที่ตัวเองคิดว่าผิดไปงั้นเหรอ? น่าจะแค่ลืมไปซะมากกว่า
     
    ต้นเหตุที่เอ็กซ์ตามหาคือเรื่องที่เอ็กซ์ลอบขึ้นห้องนอนของอังริเอตต้ากลางดึกนั่นเอง จริงอยู่ที่อาเนียสตอบอังริเอตต้าไปว่า หากไม่สั่งก็ไม่ลงมือ แต่ไม่ลงมือไม่ได้หมายความว่าไม่คิดอะไร
     
    ในสายตาอาเนียสที่ไม่รู้ว่าทั้งสองเกี่ยวพันกันอย่างไรบ้าง การกระทำของเอ็กซ์ในครั้งนั้นเป็นการก้าวล้ำเส้นและเป็นการฉวยโอกาส ทำสิ่งที่นอกเหนือขอบเขตของตัวเอง(ไม่อย่างนั้นจะปลอมเป็นคนอื่นทำไม)ในเวลาที่อีกฝ่ายกำลังเปราะบาง อาเนียสสมัยที่เคยเป็นทหารรับจ้างมาก่อน...เรียกได้ว่ามีประสบการณ์ตรงจนสะอิดสะเอียนกระทำเช่นนั้น
     
    แน่นอนว่าอาเนียสรู้จักเอ็กซ์ดีพอจะไม่ปักใจเชื่อว่าเรื่องทั้งหมดเป็นอย่างนั้น ดังนั้นจึงอยู่ในสถานะ อยากจ้วงแต่ทำไม่ได้ ที่ทำให้หงุดหงิด
     
    เอ็กซ์เดินตามอาเนียสในความเงียบ ขึ้นบันได ผ่านโถงทางเดิน โดนอัศวินเวทมองอย่างไม่ไว้ใจ จนในที่สุดก็มาหยุดอยู่ที่หน้าห้องห้องหนึ่งซึ่งมีสาวใช้สองคนกับคนงานชายอีกสองคนยืนรออยู่
     
    พามาแล้ว
     
    สาวใช้ทั้งสี่พยักหน้าตอบคำพูดของอาเนียส ก่อนที่สามในสี่คนจะเปิดประตูเข้าไปในห้อง
     
    ตามเข้าไปสิ
     
    เอ็กซ์มองอาเนียสแทนคำถาม ก่อนจะทำตามเมื่อไม่ได้คำตอบ
     
    ห้องที่เอ็กซ์ก้าวเข้าไปเป็นห้องเล็กโดยมาตรฐานของราชวัง มีกระจกเต็มตัวท่าทางราคาถูก มีโต๊ะเก็บเสื้อผ้าเก่าๆ มีรอยตำหนิกับเก้าอี้หนึ่งตัวที่ลักษณะไม่เข้าชุดกันแต่สภาพไม่ต่างกัน พื้นกับผนังบุด้วยไม้อย่างดีมีลวดลายสวยงาม แต่ปราศจากการประดับตกแต่งทำให้รู้สึกโล่งเตียน ทางด้านซ้ายมือมีฉากกั้นแบบพับได้สามส่วนทำจากโครงไม้และผ้าสีขาวตั้งอยู่ บังส่วนหนึ่งของห้องเอาไว้
     
    จากลักษณะดังกล่าว เอ็กซ์ตัดสินว่าที่นี่คือห้องแต่งตัวที่ถูกขายเครื่องเรือนไปจนหมดแล้วซื้อของมือสองมาแทน
     
    ฝ่าบาทรับสั่งให้หาเครื่องแต่งกายที่เหมาะสมในการไปเยือนโรมาเลียให้กับท่าน
     
    สาวใช้พูดก่อนเอ็กซ์จะทันได้ถาม เอ็กซ์เลิกคิ้วและหันหลังกลับไปมองอาเนียสที่ยืนอยู่หน้าห้องกับสาวใช้อีกหนึ่งคน
     
    คิดว่าผู้ติดตามราชินีจะแต่งตัวเหมือนคนพเนจรแบบนั้นได้รึไง
     
    นั่นมัน...ก็จริงอยู่... แต่เอ็กซ์เคยชินกับรูปลักษณ์ปัจจุบันของตัวเอง จนไม่คิดว่าวันหนึ่งจะต้องเปลี่ยน
     
    ถ้าเข้าใจก็รีบเลือกมาได้แล้ว อีกแค่ชั่วยามก็จะขึ้นเรือกันแล้ว
     
    ฝ่าบาทรับสั่งอีกด้วยว่าหัวหน้าหน่วยปืนคาบศิลาอาเนียส ชูวาลิเยร์ เดอ มิลานจะไปในฐานะเลขานุการส่วนพระองค์ ดังนั้นจึงควรแต่งกายให้เหมาะสม สาวใช้กล่าวหน้าตาย
     
    ...เห?
     
    และห้ามท่านอาเนียสออกจากห้องจนกว่าจะสามารถเดินเข้างานสังสรรค์ชนชั้นสูงได้โดยไม่มีผู้ใดกะพริบตา
     
    อาเนียสหน้าซีดเผือดขณะถูกสาวใช้ดันหลังให้เข้าไปในห้อง
     
    แกร๊ก
     
    [...]
     
    อังริเอตต้าวางปากกาลง พอใจกับความเรียบร้อยของเอกสารส่งตัวทิฟฟาเนีย
     
    คงไม่มีอะไรแล้ว ผู้อำนวยการออสมันไว้ใจได้ ถึงจะมีด้านที่...แปลกอยู่บ้าง แต่ก็เป็นคนที่ฝากฝังลูกพี่ลูกน้องของเราไว้ได้
     
    เมื่อธุระสำคัญสุดท้ายเสร็จสิ้น ความคิดของอังริเอตต้าก็หันไปทางสองคนที่กำลังจะ สนุก กับการแต่งองค์ทรงเครื่องอยู่ในขณะนี้
     
    โดยเฉพาะองครักษ์ประจำตัวของตัวเอง
     
    ตอบแทนที่พูดเรื่องคืนนั้นนะอาเนียส~’
     
    ราชินีแห่งทริสเทนเผยรอยยิ้มที่สมกับเด็กสาววัยรุ่นก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานและเดินออกจากห้อง
     
    [...]
     
    [.....]
     
    ในเวลาที่ตะวันเริ่มคล้อยต่ำ ขบวนรถม้าที่จะเดินทางไปยังเรือเหาะที่จอดอยู่นอกเมืองตั้งแถวอยู่ที่ถนนหน้าทางเข้าวัง ขุนนางที่จะร่วมการเดินทางครั้งนี้ ครอบครัว และผู้ติดตามต่างประจำที่ข้างรถม้าของตัวเอง คาร์ดินัลมาซารินิและคณะขุนนางผู้ไม่ได้เดินทางไปด้วยออกมาส่งราชินีที่หน้าขบวน
     
    ระหว่างที่ข้าไม่อยู่ ทริสเทนอยู่ในมือของท่านแล้วนะ มาซารินิ
     
    โปรดวางพระทัย กระหม่อมจะอุทิศแรงกายแรงใจเพื่อราษฎรพะยะค่ะ
     
    คำฝากฝังของอังริเอตต้า หากเป็นเมื่อหนึ่งปีก่อนคงทำให้ขุนนางหลายคนรู้สึกอึดอัดไม่ใช่น้อย ในช่วงนั้นมีกระทั่งข่าวลือว่ามาซารินิแอบคิดโค่นล้มราชวงศ์ทริสเทน แต่ในตอนนี้ที่อังริเอตต้าขึ้นครองบัลลังก์มาได้หลายเดือน ความรู้สึกนั้นก็หายไปเสียเป็นส่วนใหญ่แล้ว
     
    มาซารินิที่ภักดีต่อราชวงศ์ทริสเทนเสมอมาคนนั้นย่อมอดไม่ได้ที่จะถามถึงใบหน้าไม่คุ้นเคยที่อยู่ข้างอังริเอตต้า เทียบได้กับหัวหน้าหน่วยปืนที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง
     
    ฝ่าบาท ชายผู้นี้คือ...?
     
    เขาชื่อว่าเอ็กซ์ ผู้ติดตามของหน่วยอัศวินอองดีน เป็นตัวแทนของหน่วยอัศวินอองดีนและหลุยส์ ฟรังซัวส์ช่วยคุ้มครองข้าอีกแรง
     
    มาซารินิฟังอังริเอตต้าและหันกลับมาพิจารณาชายแปลกหน้าอีกครั้ง
     
    เอ็กซ์ขอรับ เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบ คาร์ดินัลมาซารินิ
     
    เอ็กซ์โค้งคำนับอย่างสวยงามหนึ่งครั้ง เพื่อความประทับใจครั้งแรกที่ดี
     
    ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน มิสเตอร์เอ็กซ์ มาซารินิก้มศีรษะเล็กน้อยตอบ
     
    เท่าที่ผมทราบ สีเส้นผมของคุณนี้หาไม่ได้ง่ายๆ  ไม่ทราบว่าคุณมาจากที่ไหนหรือ?
     
    กระผมมาจากเยอร์มาเนียขอรับ เอ็กซ์ให้คำตอบที่เตรียมไว้สำหรับคำถามอย่างนี้
     
    คำตอบ น้ำเสียง ท่าทางไม่มิพิรุธ บวกกับราชินียืนยันด้วยตัวเอง มาซารินิจึงไม่เห็นจำเป็นต้องตามต่อ
     
    แต่ขุนนางที่อยู่รอบข้างบางส่วนไม่เห็นตามนั้น
     
    เอ็กซ์รู้ได้จากสายตาของขุนนางที่ร่วมขบวนว่าตัวเองไม่เป็นที่ต้อนรับ อาจจะยิ่งกว่าตอนที่หน่วยปืนตั้งขึ้นแรกๆ เสียอีก
     
    เมื่อทุกคนขึ้นประจำรถม้าของตัวเองแล้ว ขบวนก็ออกเดินทาง
     
    ระหว่างที่ผ่านตัวเมืองทริสทาเนีย เอ็กซ์ก็เปิดม่านมองออกไปที่ท้องถนน
     
    ไม่มีใครรู้ว่าฝ่าบาททรงอยู่ในนี้จริงๆ สินะพะยะค่ะ
     
    รถของราชินีอยู่หน้าสุด มีสมาชิกหน่วยปืนสองคนในคราบของทหารธรรมดาคุ้มกัน การเดินทางไปเยือนโรมาเลียครั้งนี้เป็นความลับต่อสาธารณะ ดังนั้นสิ่งที่ทำให้รู้ว่าเป็นขบวนของราชินีจึงต้องนำออกไปหรือไม่ก็อำพราง
     
    ด้วยเหตุผลเดียวกัน รถประจำพระองค์ของราชินีจึงไม่สามารถนำมาใช้ได้ รถอีกคันที่ลวดลายการตกแต่งปราศจากสัญลักษณ์ของราชวงศ์ถูกนำมาใช้แทน ในสายตาของผู้คุ้นเคยดูเป็นรถของขุนนางสำคัญคนหนึ่ง
     
    จากสามคนในรถ มีเพียงเอ็กซ์ที่สามารถเปิดม่านมองผ่านหน้าต่างออกไปได้โดยไม่ต้องกลัวถูกจำได้
     
    เท่าที่เอ็กซ์มองเห็น ชาวเมืองนอกจากมองมาด้วยความสงสัยเล็กๆ น้อยๆ แล้วก็ไม่ได้สนใจขบวนรถนัก หากรู้ว่าราชินีอยู่ในขบวนด้วยความตื่นเต้นต้องมากกว่านี้
     
    การไปเยือนโรมาเลียครั้งนี้มีแค่ระดับสูงของสองประเทศเท่านั้นที่รู้ อย่าทำประเจิดประเจ้อไปล่ะ
     
    อาเนียสเตือน เอ็กซ์หัวเราะนิดๆ แล้วก็กลับลงไปนั่งที่ตรงข้ามกับอัศวินหญิง
     
    ฮึ่ม สำหรับคนที่ได้มานั่งในรถม้าแคบๆ คนน้อยๆ คันเดียวกับราชินี ดูไม่ตื่นเต้นเลยนะ
     
    จริงอยู่ที่มีความคิดว่า ป่านนี้แล้ว อยู่เหมือนกัน แต่หากวัดจากสถานการณ์แล้วก็ต้องบอกว่าใจเย็นกว่าคนปกติ
     
    ในทางกลับกัน... อาเนียสนึกพลางชำเลืองด้านซ้ายของตัวเอง
     
    อังริเอตต้านั่งอยู่กับที่ สองมือวางบนตักในอาการสำรวม แต่นิ้วมือเขี่ยชุดกระโปรงสีขาวที่สวมเป็นประจำ สายตาก็แอบชำเลืองเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาที่นั่งเยื้องกันเป็นพักๆ
     
    ทำไมราชินีถึงเป็นฝ่ายเกร็งซะเอง... อาเนียสเก็บความรู้สึกย้อนแย้งนี้ไว้ในใจ
     
    ในรถที่ไม่มีเสียงพูดคุยเข้าสู่บรรยากาศที่น่าอึดอัด คนเดียวที่ดูไม่สะทกสะท้านกับความเงียบเลยคือเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทา ขณะที่คนที่ได้รับผลมากที่สุดคือเด็กสาวผมสีน้ำตาลเกาลัด
     
    นี่
     
    อาเนียสออกปากทำลายความเงียบเองเพื่อช่วยราชินี อังริเอตต้าแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
     
    ทำไมนายถึงมาคนเดียว เลเวียล่ะ?
     
    กลับไปโรงเรียนกับพวกไซโตะ เพราะฝ่ายกาเลียอาจจะจู่โจมอีกก็ได้
     
    แยกกัน? ยัยนั่นยอมด้วยเหรอ?
     
    ไม่เห็นต้องแปลกใจขนาดนั้นเลย เอ็กซ์ตอบอย่างนั้น แต่ใจจริงก็พอเข้าใจว่าถ้าอีกฝ่ายจะแปลกใจบ้างก็สมควรอยู่
     
    แล้วยัยนั่นรู้รึเปล่าว่านายจะต้องไปอยู่ที่นั่นอย่างน้อยยี่สิบวัน
     
    เอ๋? เอ็กซ์กะพริบตา ข้อนี้เขายังไม่รู้ นานขนาดนั้นเลยหรือพะยะค่ะ?
     
    ค—ค่ะ อังริเอตต้าถูกถามไม่ทันตั้งตัว ทำให้เผลอใช้ภาษาผิดที่ผิดทาง สมณสาส์น*จากจากองค์สันตะปาปาแจ้งให้พวกเราเดินทางไปถึงก่อนวันพิธียี่สิบวัน แต่แม้จะเร่งเดินทางก็คงไปถึงล่าช้าหนึ่งถึงสองวัน
     
    เอ็กซ์ได้ฟังก็แสดงสีหน้าลำบากใจ
     
    หรือว่า...เป็นเพราะรอกระหม่อมหรือพะยะค่ะ?
     
    เอ็กซ์พูดในความหมายตัวเองเป็นสาเหตุของการล่าช้า
     
    เปล่า...ไม่ใช่อย่างนั้น
     
    อังริเอตต้าพูดในความหมายตัวเองรอเพราะอยากให้อีกฝ่ายไปด้วยเป็นการส่วนตัว
     
    ไม่เกี่ยวกับพวกนายหรอก จดหมายส่งมาถึงล่าช้าเอง พวกนายแค่กลับมาถึงทันวันออกเดินทางพอดี
     
    อาเนียสพูดในความหมายที่ทนดูไม่ได้
     
    ถ้าอย่างนั้น ที่ทรงให้กระหม่อมติดตามไปด้วยก็ไม่ได้มีความหมายพิเศษแต่อย่างใด อย่างนั้นหรือพะยะค่ะ?
     
    เอ็กซ์พูดในความหมายที่ต้องการรู้ความคาดหวังในความสามารถของตัวเอง
     
    เอ่อ...เป็นเพราะกฎหมายพิเศษของโรมาเลียที่ห้ามพกอาวุธ ข้า...กับอาเนียสจึงอยากให้ท่านที่ไม่จำเป็นต้องพกอาวุธติดตามไปด้วย
     
    อังริเอตต้ารีบตอบในความหมายที่อีกฝ่ายคิดว่าตัวเองไม่สำคัญ
     
    ฮ่า...
     
    อาเนียสถอนใจในความหมายที่ถอนใจ
     
    ภายในรถม้าดำเนินไปเช่นนี้จนกระทั่งไปถึงเรือเหาะ
     
    [...]
     
    [.....]
     
    เรือเหาะที่จะนำคณะทูตไปยังโรมาเลียจอดอยู่บนที่ราบห่างจากทริสทาเนียประมาณหนึ่งลีก(ประมาณหนึ่งกิโลเมตร) เป็นเรือเหาะขนาดใหญ่ที่ขับเคลื่อนด้วยศิลาลม
     
    คณะทูตลงจากรถม้าและเดินขึ้นเรือเหาะ ชายวัยราวห้าสิบสวมหมวกกัปตันพร้อมด้วยลูกเรือยืนต้อนรับราชินีและคณะผู้ติดตามที่ทางขึ้นสะพานพาดกราบเรือ จากนั้นต่างคนต่างก็แยกย้ายไปประจำที่ของตนเอง คณะขุนนางและผู้ติดตามก็นำสัมภาระไปเก็บที่ห้อง
     
    ตอนที่เอ็กซ์วางถุงสัมภาระ ซึ่งประกอบด้วยแปรงสีฟันยาสีฟัน ช้อนมีดส้อม และเสื้อผ้าทั้งชุดทางการและชุดทั่วไป เสียงประกาศขึ้นบินของกัปตันก็ดังไปทั่วเรือ ตามด้วยความรู้สึกว่าพื้นที่เหยียบอยู่ลอยสูงขึ้น
     
    อังริเอตต้าสั่งไว้ว่าเก็บสัมภาระแล้วให้ออกมาพบที่ทางเดินหน้าห้อง เอ็กซ์จึงเปิดประตูกลับออกไป
     
    ทางเดินหน้าห้องเป็นทางเดินยาวอย่างที่เห็นได้บนเรือทั่วไป ความสว่างมาจากตะเกียงเวทมนตร์ บนผนังที่เป็นไม้ไร้การตกแต่งเนื่องจากเป็นการเตรียมการโดยเร่งด่วน
     
    ห้องพักของราชินีคือห้องกัปตันที่อยู่สุดทางเดิน ความกว้างและเครื่องอำนวยความสะดวกสมฐานะผู้ที่มีอำนาจสูงสุดบนเรือ ห้องของเอ็กซ์กับอาเนียสอยู่บนโถงทางเดินเดียวกัน ถัดออกมาจากห้องของราชินี ในฐานะองครักษ์ส่วนพระองค์
     
    เอ็กซ์กับอาเนียสเปิดประตูห้องออกมาเกือบจะพร้อมกัน เอ็กซ์เป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน
     
    เปลี่ยนชุดเหรอ
     
    อาเนียสถอดชุดเกราะห่วงโซ่ ผ้าคลุม ถุงมือ และเปลี่ยนรองเท้าบูทเป็นรองเท้าเดินภายในอาคาร ชุดที่เหลืออยู่พอเรียกได้ว่าเป็นชุดลำลอง แต่ก็ยังห่างจากการแต่งกายของหญิงสาวปกติ หากมองจากไกลๆ ยังเห็นเป็นชายหนุ่มร่างผอม
     
    ไม่มีใครสวมเกราะไปกินข้าวหรอก นายตะหาก ชุดเดิมเลยนะ
     
    ไม่รู้ว่าขนาดไหนจะเข้าขั้นเสียมารยาทน่ะ
     
    เอ็กซ์อยู่ในชุดเดิม เพียงแต่ถอดปลอกแขนหนังกับอาร์มการ์ดออกเท่านั้น
     
    สิ่งที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุดคือความยาวของเส้นผม แต่เดิมที่ความยาวระต้นคอถูกตัดขึ้นมาจนมองเห็นติ่งหู ด้วยเหตุผลว่า สร้างความล่าช้าในการแยกแยะเพศ  เอ็กซ์ได้ยินแล้วก็ได้แต่กล่าวเสียใจกับเจ้าของเดิมของร่างกายอยู่ในใจ
     
    อาเนียสพิจารณาการแต่งกายตั้งแต่ศีรษะลงมาหยุดที่รองเท้าบูท
     
    เปลี่ยนรองเท้าซะ พวกชนชั้นสูงไม่ชอบโดนข้ามหน้าข้ามตา
     
    ให้เหมือนที่เธอใส่อยู่เหรอ?
     
    ยังงั้นก็ได้
     
    เอ็กซ์เชื่อฟังผู้มีประสบการณ์และกลับเข้าห้องไปเปลี่ยนรองเท้า ตอนที่กลับออกมาพร้อมกับรองเท้าใส่ในอาคาร ราชินีก็ออกมาจากห้องพอดี
     
    ขอโทษที่ทำให้รอ
     
    มิได้เพคะ
     
    ทั้งสามเริ่มเดินไปยังห้องรับประทานอาหาร อังริเอตต้าเดินนำ อาเนียสเดินตามฝั่งขวา เอ็กซ์ฝั่งซ้าย
     
    อังริเอตต้าเปลี่ยนจากชุดกระโปรงยาวถึงข้อเท้าและผ้าคลุมไหล่เป็นชุดกระโปรงที่ชายสั้นขึ้นและไม่มีสุ่มรองใต้กระโปรง ถุงมือยาวก็ถอดออกเหลือแต่แขนเปล่าๆ
     
    เพราะมื้อค่ำที่กำลังจะไปร่วมนี้เป็นมื้อค่ำธรรมดาไม่ใช่งานสังคม การแต่งกายจึงเน้นความเรียบง่าย แน่นอนว่าเรียบง่ายในความหมายของชนชั้นสูงไม่เหมือนกับของสามัญชน ฉะนั้นเอ็กซ์จึงแทบไม่ต้องลดจากเครื่องแต่งกายเต็มยศ
     
    มองชุดลำลองของราชินีที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นทำให้เอ็กซ์เกิดความคิดขึ้นอย่างหนึ่ง
     
    อาเนียสไม่ต้องช่วยฝ่าบาทเปลี่ยนฉลองพระองค์เหรอ?
     
    อังริเอตต้ากับอาเนียสหันมามองเอ็กซ์พร้อมกัน
     
    นี่นาย...เข้าใจอะไรผิดอยู่รึเปล่า ฉันเป็นทหารนะ หน้าที่คือคุ้มครององค์ราชินีแค่นั้น จะให้ก้าวล้ำหน้าที่ได้ยังไง อีกอย่างฝ่าบาททรงมีนางกำนัลที่ชำนาญงานอยู่แล้ว
     
    แต่เธอก็เป็นองครักษ์ส่วนพระองค์ เรื่องความใกล้ชิดอาจจะมากกว่ามิสวาลลิแยร์ด้วยซ้ำ
     
    ก็บอกอยู่นี่ไงว่าเรื่องนั้นกับเรื่องนี้มันคนละเรื่องกัน
     
    ไม่หรอกอาเนียส คุณเอ็กซ์พูดถูกแล้ว
     
    อังริเอตต้าพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
     
    ตอนที่ยังอยู่บนเรืออาจจะให้นางกำนัลปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ แต่เมื่อไปถึงโรมาเลียแล้ว ผู้ที่จะคอยรับใช้ข้าอย่างใกล้ชิดที่สุดคือท่าน หลังจากนั้นไปก็เช่นกัน ในฐานะองครักษ์และคนสนิทของข้า หากไม่ให้ท่านเรียนรู้วิชาอื่นๆ นอกจากดาบและปืนเอาไว้ ข้าเองก็ลำบาก
     
    ...ทรงหมายความรวมถึงที่รับสั่งคนงานในปราสาทให้เล่นตุ๊กตากับหม่อมฉันด้วยสินะเพคะ
     
    ตุ๊กตา ในที่นี้คือตัวอาเนียสเอง
     
    ถูกต้อง ตัวคำตอบจริงจัง แต่รอยยิ้มของอังริเอตต้าก็ปนความขบขันนิดๆ
     
    คุณเอ็กซ์ อาเนียสในชุดใหม่เป็นอย่างไรบ้างคะ?
     
    ฝ่าบาท... อาเนียสพึมพำเสียงอ่อน
     
    ในห้องมีม่านกั้น และหลังจากเลือกเครื่องแต่งกายเสร็จพวกเราต่างก็สวมชุดเดิมคืนทันทีจึงยังไม่มีโอกาสได้เห็นพะยะค่ะ เอ็กซ์ตอบจริงจัง แต่ในใจก็รู้ถึงความขบขันกับความทรมานเบื้องหลังคำถามนั้น
     
    ถ้าอย่างนั้นก็คงจะได้เห็นในวันเทียบท่าที่โรมาเลีย อยากให้มาถึงเร็วๆ จังเลยนะคะ
     
    นั่นสิพะยะค่ะ เอ็กซ์ตัดสินใจร่วมด้วยสักนิด และก็ทำให้โดนเขม่นจากอาเนียสไปอย่างไม่น่าแปลกใจ
     
    ห้องที่ทั้งสามมาถึงแต่เดิมเป็นห้องประชุมของเรือ สำหรับการเดินทางครั้งนี้เพิ่มการใช้งานเป็นห้องรับประทานอาหาร
     
    ขุนนางผู้ร่วมทางมาถึงเป็นส่วนใหญ่แล้ว คนรับใช้และผู้ติดตามของแต่ละคนกำลังช่วยกันจัดโต๊ะและอาหาร เอ็กซ์มองและรู้สึกว่าหากตัวเองไม่ใช่ผู้ติดตามของราชินี ตอนนี้ก็คงจะเป็นหนึ่งในนั้น
     
    อังริเอตต้ากล่าวทักทายผู้ที่เดินผ่านระหว่างทางไปที่เก้าอี้ที่หัวโต๊ะ ซึ่งโดยปกติคงจะเป็นที่นั่งของกัปตันในการประชุม ในครั้งนี้ก็ว่างไว้สำหรับราชินีโดยเฉพาะ
     
    เอ็กซ์กับอาเนียสเข้าไปยืนชิดผนังด้านหลังอังริเอตต้าที่นั่งลงกับเก้าอี้
     
    เสียงพูดคุยเบาลง ให้เสียงอังริเอตต้าดังชัด
     
    การเดินทางไปโรมาเลียในครั้งนี้ นอกจากเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบสมณภิเษกขององค์สันตะปาปาแล้วยังเป็นโอกาสดีในการเชื่อมสัมพันธ์กับประเทศอันทรงเกียรติ ขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมเดินทางไปกับข้าในครั้งนี้
     
    มื้อค่ำครั้งนี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของพิธีหรืองานฉลองใหญ่โต อังริเอตต้าในฐานะราชินีก็เพียงแต่กล่าวสั้นๆ  หลังจากทุกคนล้างมือจากอ่างไม้และกล่าวขอบคุณศาสดาบริมิร์เป็นที่เรียบร้อยก็เริ่มรับประทานกันอย่างผ่อนคลาย
     
    อาหารบนโต๊ะเป็นอาหารอย่างง่ายๆ  ขนมปัง ซุป ถั่วและเนื้อ พุดดิ้งตามเป็นของหวาน เทียบไม่ได้กับอาหารเต็มชุดที่โรงเรียนทริสเทน แต่หากชาวนาชาวชนบทมาเห็นก็ยังคงตาลุกวาว
     
    เอ็กซ์ไม่แสดงออกทางสีหน้า แต่ก็รู้สึกถึงช่องว่างในท้อง เพราะเร่งเดินทางกลับไปที่ราชวังจึงข้ามมื้อเที่ยงไป ตั้งแต่สายจึงยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย อาหารที่อยู่แค่เบื้องหน้าก็ส่งกลิ่มหอมหวลมาถึง ยิ่งเป็นอาหารง่ายๆ ยิ่งทำให้จินตนาการรสชาติได้ชัดเจน
     
    นอกจากเรื่องความหิวแล้วอีกสิ่งที่ต้องอดกลั้นสีหน้าไว้ก็คือสายตาจากผู้ร่วมโต๊ะที่ชำเลืองมาเป็นช่วงๆ  จากขุนนาง จากผู้ติดตาม จากราชองครักษ์ทั้งหน่วยปืนและหน่วยอื่น มีทั้งประหลาดใจ แคลงใจ พิศวง ขุ่นเคือง เหตุผลที่อยู่หลังดวงตาแต่ละคู่เข้าใจได้ไม่ยาก
     
    แต่ที่สะดุดตามีอยู่คู่หนึ่ง จ้องเขม็งมาที่เอ็กซ์ด้วยความอาฆาตบางอย่าง ไม่รุนแรง แต่ก็รู้สึกได้ว่าเป้าหมายคือตัวเองเป็นการส่วนตัว ที่น่าประหลาดใจกว่านั้นคือเจ้าของสายตาเป็นสมาชิกหน่วยฮิปโปกริฟที่ยืนประจำที่อยู่ฝั่งทางเข้าห้อง
     
    นี่นาย ไปก่อเรื่องอะไรไว้อีกล่ะ
     
    เสียงกระซิบมาจากอาเนียสที่ยังหันหน้ามองตรง หมายความว่าอาเนียสเองก็สังเกตเช่นกัน
     
    ถ้าเคยก็จำไม่ได้ จำหน้าผู้ชายคนนั้นไม่ได้ด้วย
     
    ก่อเรื่องไว้เยอะจนจำไม่หมดสินะ
     
    ...เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเธอกับเลเวียธานถึงเข้ากันได้ดีนัก
     
    ถ้าเป็นเรื่องสมัยที่ยังอาศัยฉายา [มาจิ คิลเลอร์] ก็ไม่แน่ แต่นอกจากนั้นเอ็กซ์มั่นใจว่าไม่เคยสร้างความบาดหมางโดยตรงกับชนชั้นสูง
     
    ...ยกเว้นที่หักปีกหน่วยฮิปโปกริฟทั้งหน่วยตอนร่วมมือกับเวลส์คืนชีพ
     
    หรือจะโดนจำหน้าได้...?
     
    แล้วสายตาอาฆาตก็รุนแรงขึ้นกว่าเดิม ไม่ใช่แค่คิดไปเองแน่นอนแล้ว
     
    บรรยากาศมื้อค่ำค่อนข้างผ่อนคลาย ผู้ร่วมโต๊ะพูดคุยเรื่องสัพเพเหระ ไม่มีใครแตะเรื่องหนักสมอง แต่สำหรับเอ็กซ์เป็นช่วงเวลาที่ผ่านไปอย่างเชื่องช้า ถูกมองเหมือนเป็นสัตว์แปลกหายากหรือหมาป่าที่ไปกินแกะที่เลี้ยงไว้
     
    หลังมื้อค่ำจบลง ต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน กลับห้องตัวเอง หรือไปห้องสันทนาการ มีเครื่องฆ่าเวลาเตรียมไว้สี่ห้าอย่าง หมากรุก แบ็กแกมมอน หนังสือ ละครอัลวี่
     
    สำหรับผู้ทำหน้าที่คุ้มกันเมื่อครู่อย่างเอ็กซ์และอาเนียสเป็นเวลารับประทานมื้อค่ำ โดยผลัดกันทีละคน เริ่มจากเอ็กซ์
     
    ถ้าเช่นนั้นกระหม่อมขอตัวพะยะค่ะ
     
    ไม่ต้องรีบนะคะ ยังไงก็ต้องอยู่บนนี้อีกหนึ่งสัปดาห์
     
    เอ็กซ์แยกกับอังริเอตต้าและอาเนียสที่หน้าห้องรับประทานอาหาร
     
    แต่ก่อนหน้านั้นอังริเอตต้ามีเรื่องสงสัย
     
    ว่าแต่คุณเอ็กซ์ รู้จักกับสมาชิกหน่วยฮิปโปกริฟคนนั้นหรือคะ?
     
    เสียงกระซิบระหว่างเอ็กซ์กับอาเนียสดังถึงอังริเอตต้าที่อยู่ระหว่างทั้งคู่
     
    กระหม่อมจำไม่ได้เลยพะยะค่ะ แต่สงสัยว่าเขาอาจจำหน้ากระหม่อมได้จากเหตุการณ์ลักพาตัวฝ่าบาทเมื่อปีก่อน
     
    อังริเอตต้านึกถึงความทรงจำที่ไม่ดี แต่ก็รีบปัดมันออกไป
     
    ก็อาจเป็นไปได้ แต่คุณเอ็กซ์ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงฉันจะช่วยอธิบายให้เขาเข้าใจเอง ว่าครั้งนั้นเป็นฉันเองที่โง่เขลาเต็มใจให้โดนหลอก
     
    ขออย่าทรงทำถึงขนาดนั้นเลยพะยะค่ะ แม้จะไม่ชอบการปิดบังความจริงนัก แต่หากถูกถามกระหม่อมจะบ่ายเบี่ยงเอง
     
    อย่าหลงคิดไปล่ะว่ายังไงก็รอด อาเนียสเตือนถ้าเรื่องทำท่าจะเสื่อมเสียถึงฝ่าบาทล่ะก็ฉันจะตัดหางนายอย่างไม่ลังเลเลย จำไว้
     
    ฮะๆ เข้าใจแล้ว...
     
    ...ฮ่า รู้สึกเหมือนมีหลุยส์กับไซโตะเพิ่มขึ้นอีกคู่หนึ่งใกล้ตัวทำให้อังริเอตต้าอดถอนใจไม่ได้
     
    ยังไม่ทันผ่านไปถึงวันก็มีเค้าลางของปัญหาเสียแล้ว เอ็กซ์ภาวนาไม่ให้เป็นเรื่องใหญ่โต
     
    ห้องพักผ่อนลูกเรือส่วนหนึ่งถูกใช้เป็นห้องพักผ่อนและรับประทานอาหารของราชองครักษ์
     
    เอ็กซ์ทักทายราชองครักษ์ที่เฝ้าหน้าห้อง(ซึ่งทักตอบอย่างเรียบๆ)และเปิดประตูเข้าไป
     
    ภายในห้อง สมาชิกหน่วยราชองครักษ์นั่งปะปนกันตามโต๊ะเก้าอี้อยู่ในชุดลำลอง บ้างก็ยืนคุยกัน บ้างก็อ่านหนังสือ บ้างก็เล่นเกมกระดาน ตรงข้ามกับภาพลักษณ์ยามปกติของหน่วยราชองครักษ์ที่ความประพฤติเฉียบอยู่เสมอ
     
    อ๊ะ มานั่นแล้ว! มานี่ๆๆ
     
    สมาชิกหน่วยปืนหันมาเห็นและกวักมือเรียกท่าทางตื่นเต้น เอ็กซ์เดินเข้าไปหาอย่างงงๆ
     
    นั่งก่อนๆ
     
    เอ็กซ์ถูกจับให้นั่งลง ขนาบด้วยสมาชิกหน่วยปืนทั้งสองข้าง จานอาหารมีคนนำมาวางให้ตรงหน้า ในใจเริ่มรู้สึกเหมือนการต้อนรับของหน่วยอัศวินที่โรงเรียน
     
    ระหว่างที่จัดการอาหารค่ำ เอ็กซ์ก็ถูกสมาชิกหน่วยปืนชวนคุยไปด้วย
     
    เพื่อนของเลเวีย ไม่ได้เจอกันนาน สบายดีทั้งคู่นะ อ๊ะ ฉันชื่อนิโคล คงจะจำไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ
     
    คนที่ทักเอ็กซ์ก่อนเป็นหญิงสาวร่างสูงผมสีดำยาวระต้นคอ นิโคล หนึ่งในคนรู้จักแรกเริ่มของเลเวียธานกับอาเนียส และเป็นพี่สาวของเอมิลี รองหัวหน้าหน่วย
     
    ก็ขึ้นๆ ลงๆ  แต่ตอนนี้ก็สบายดีกว่าที่ผ่านมามากเลย เลเวียธานก็เหมือนกัน ยิ่งตอนนี้ไม่มีฉันเป็นภาระแล้ว
     
    ดีแล้วๆ  แต่ไม่คิดเลยว่าจู่ๆ จะได้เจอนายแบบนี้ แล้วทำยังไงถึงมาอยู่นี่ได้ แถมยังเป็นองครักษ์ของราชินีอีก?
     
    ตอนนี้ฉันเป็นผู้ติดตามของหน่วยอัศวินอองดีนที่โรงเรียนทริสเทนอยู่ แล้วฝ่าบาททรงเรียกใช้งานน่ะ
     
    เห ได้รับความไว้วางพระทัยจากฝ่าบาทน่าดูเลยนี่
     
    สมาชิกหน่วยปืนสองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมองเอ็กซ์กับนิโคล ก่อนที่คนหนึ่งจะถามขึ้นอย่างไม่มั่นใจ
     
    ใช่คนตอนที่จับขุนนางกบฏรึเปล่า?
     
    หมายถึงเหตุการณ์ดักจับผู้สมรู้ร่วมคิดกับริชมงต์ที่โรงแรม
     
    แล้วก็ตอนที่ไปอัลเบี้ยน?
     
    หมายถึงการประชุมผู้นำหลังสงครามกับเรกองกิสตา
     
    อา ใช่ ฉันเอง ทั้งสองครั้งเลย
     
    นึกแล้วว่าคุ้นๆ  ตอนนั้นไม่ได้บอกชื่อไว้ด้วย
     
    เอ ว่ายังไงนะ รู้สึกจะชื่อซาวิเยร์?
     
    เอ็กซ์นึกขึ้นได้ว่าเรื่องยังเป็นอย่างนั้นอยู่
     
    เอ่อ...นั่นไม่ใช่ชื่อจริงฉันหรอก ชื่อจริงฉันคือเอ็กซ์
     
    ชื่อปลอม? นิโคลเลิกคิ้ว ไปทำอะไรไว้รึไงถึงต้องปลอมช่งปลอมชื่อ?
     
    ก็...ก็ประมาณนั้น เพราะสาเหตุมันซับซ้อน เอ็กซ์จึงอธิบายอะไรไม่ได้มากกว่านั้น
     
    การเตรียมการทั้งหลายที่ทำไว้เพื่อจะได้จากโลกนี้ไปได้อย่างราบรื่น  พอเปลี่ยนแผนแล้วก็กลายเป็นเรื่องยุ่งยากที่ต้องมาแก้ไข เหมือนยิ่งจัดกระเป๋าเดินทางไปครบครันแค่ไหน พอไม่ได้ไปแล้วก็ยิ่งลำบากตอนต้องเอาออกมาเก็บ
     
    เหอ...งั้นเรียกชื่อจริงละกัน สั้นกว่า เรียกง่ายกว่า เนอะเอ็กซ์
     
    อะ อืม ง่ายอย่างนี้เลย?
     
    ถึงจะแปลกใจบ้าง แต่เอ็กซ์ก็ปล่อยให้ผ่านไปและฉีกขนมปังอย่างเงียบๆ
     
    เรื่องชื่อผ่านไปแล้ว ทีนี้กลับมาเรื่องสำคัญกันดีกว่า
     
    เรื่องสำคัญ? เอ็กซ์รู้สึกระแวงขึ้นมาเล็กน้อย ยิ่งอาเนียสท่าทางมีเรื่องไม่พอใจตัวเองที่เป็นปริศนา ก็ไม่รู้ว่าจะรวมถึงหน่วยปืนคนอื่นด้วยหรือไม่
     
    ใช่ สำคัญมาก เป็นสิ่งที่สมาชิกหน่วยของเราหลายต่อหลายคนจับตามอง คำถามที่ฉันจะถามจากนี้ไปถือเป็นคำถามในฐานะตัวแทนสมาชิกหน่วยทุกคน
     
    ...คำถามอะไรเหรอ?
     
    สมาชิกหน่วยปืนที่อยู่ในระยะรอฟังอย่างใจจดใจจ่อ
     
    นายกะอาเนียสกิ๊กกันรึเปล่า?
     
    [...]
     
    เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น อาเนียสลุกไปเปิด และบ่นทันทีที่เห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทา
     
    แค่กินข้าวช้าจริงๆ  จำทางกลับไม่ได้รึไง?
     
    แต่เอ็กซ์เพียงแค่มองอาเนียสด้วยสายตาเวทนานิดๆ
     
    ...อะไรของนาย พอ ฉันจะไปกินบ้าง หิวจะแย่แล้ว
     
    อาเนียสถอยให้เอ็กซ์เข้ามาในห้อง รับช่วงอารักขาราชินีแทนตัวเอง แล้วก็ออกจากห้องปิดประตู
     
    ระหว่างทางไปห้องพักองครักษ์ อาเนียสก็สลัดสายตานั้นออกไปไม่ได้ รู้สึกว่าต้องมีความหมายอะไรบางอย่าง
     
    ความหมายนั้นปรากฏเมื่ออาเนียสเปิดประตูเข้าไปและถูกนิโคลเรียกให้ไปนั่งด้วย
     
    [...]
     
    [.....]
     
    เทียบกับจำนวนคณะทูต เรือเหาะลำนี้ถือว่ากว้างมาก จำนวนห้องมีมากกว่าจำนวนคนหลายเท่าตัว เพราะแต่เดิมเป็นเรือเหาะสำหรับบรรทุกกำลังทหาร สาเหตุที่ต้องใช้เรือขนาดใหญ่ก็เพราะความจำเป็นเรื่องระยะเวลาการเดินทาง ทำให้ต้องบรรทุกศิลาลมปริมาณมาก เพื่อเดินทางไปยังสหพันธรัฐโรมาเลียอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งประกาศตนเป็นเขตปลอดอาวุธ อุปกรณ์ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทหารถูกถอดออกจนหมด ทำให้น้ำหนักเบาลงพอสมควร
     
    เมื่อเป็นเรือเหาะที่ใช้สำหรับทางทหาร ก็ย่อมมีบริเวณดาดฟ้าเรือที่กว้างพอสำหรับกิจกรรมทางทหารด้วยเช่นกัน ซึ่งหน่วยราชองครักษ์ที่ถูกคัดเลือกให้ร่วมการเดินทางครั้งนี้ก็กำลังใช้ทำการฝึกยามเช้า
     
    การเดินทางไปต่างแดนเป็นระยะเวลานานๆ ทั้งยังเป็นสถานที่ที่มีกฎหมายห้ามอาวุธเคร่งครัด การนำพาหนะในการต่อสู้เช่นกริฟฟินหรือฮิปโปกริฟมาด้วยเป็นความไม่สะดวก หน่วยอัศวินมนตราจึงมาแต่ตัว และบนเรือเช่นนี้การฝึกฝนเวทมนตร์ทำได้ค่อนข้างจำกัด ดังนั้นหน่วยอัศวินมนตรากับหน่วยปืนจึงร่วมกันฝึกทั่วไปได้ไม่ยุ่งยาก
     
    วิดพื้นสองนาที...เตรียม...ปฏิบัติ!”
     
    แมรี่แดงช้าไปแล้ว! ดูแมรี่ดำเป็นตัวอย่างหน่อย!”
     
    ใครที่เมาเรืออย่าฝืน ไม่งั้นได้ทำความสะอาดเอง!”
     
    การฝึกเช้าวันแรกเป็นไปด้วยความกระตือรือร้น สาเหตุใหญ่เป็นเพราะขุนนางและผู้ติดตามบางส่วนไม่ค่อยได้เห็นการฝึกฝนของหน่วยราชองครักษ์และมาดูด้วยความอยากรู้ จึงต้องแสดงความเข้มแข็ง โดยเฉพาะกับคนคนหนึ่ง
     
    อังริเอตต้านั่งอยู่กับโต๊ะใต้ร่มบังแดด  เฝ้ามองการฝึกเช่นเดียวกับขุนนางคนอื่นๆ  สำหรับหน่วยราชองครักษ์ ไม่มีสิ่งใดเป็นกำลังใจมากกว่าการรู้ว่านายเหนือหัวเฝ้าดูตัวเองอยู่
     
    เอ็กซ์ยืนเยื้องไปด้านหลังทางขวามือของอังริเอตต้า เอ็กซ์เข้าร่วมการอบอุ่นร่างกายก่อนมื้อเช้าด้วย แต่พอเข้าสู่ช่วงการฝึกจริงก็ออกมายืนดูอยู่ข้างลาน
     
    คุณเอ็กซ์ คิดว่ายังไงคะ?
     
    เรื่องใดหรือพะยะค่ะ?
     
    หน่วยราชองครักษ์ของฉัน อาจฟังดูย้อนแย้งเมื่อเทียบกับสิ่งที่ฉันทำลงไป แต่ฉันเป็นราชินีที่ไม่มีความสามารถและความสนใจทางการทหาร จึงอยากถามความเห็นคุณในฐานะผู้ที่มีประสบการณ์
     
    อา ทรงหมายถึง... เอ็กซ์นึกย้อนกลับไปถึงสมัยเนโออาร์คาเดีย และความรู้สึกคิดถึงก็วูบผ่านเข้ามา
     
    เมื่อเอ็กซ์เงียบไปนานอังริเอตต้าก็เริ่มใจคอไม่ดี คิดว่าตัวเองถามอะไรที่ไม่ควรถามเข้า แต่ก่อนได้จะกล่าวขอโทษเอ็กซ์ก็ตอบ
     
    กระหม่อมมิรู้จักหน่วยราชองครักษ์อื่นนอกจากหน่วยปืนดีพอจึงประเมินได้ไม่แม่นยำ แต่เท่าที่ทราบ หน่วยราชองครักษ์ของฝ่าบาทปฏิบัติหน้าที่ได้ดีทีเดียวพะยะค่ะ
     
    อังริเอตต้าพยักหน้า ก่อนจะนึกคำถามได้อีกข้อ
     
    แล้วถ้าเทียบกับองครักษ์ของคุณ เลเวียธานล่ะคะ?
     
    เลเวียธาน...
     
    คำถามมาในเวลาที่เอ็กซ์ตอบได้ยาก เพราะไม่แน่ใจว่าระหว่างตัวเองกับเลเวียธานขณะนี้อยู่ในระหว่างการเปลี่ยนแปลงหรือไม่และในทิศทางใด
     
    ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าคำถามไม่เกี่ยวข้องกับข้อเดิมสักเท่าไร
     
    ฝ่าบาท หากจะเปรียบเทียบกับเลเวียธานก็ต้องเป็นอาเนียสสิพะยะค่ะ มิใช่กับหน่วยราชชองครักษ์ทั้งหมด
     
    จริงสินะคะ
     
    อังริเอตต้ารู้แต่แรกแล้ว จุดประสงค์ที่แท้จริงก็เพื่อถามความเห็นของเอ็กซ์ต่อเลเวียธาน
     
    ถ้าอย่างนั้นคุณคิดว่าเลเวียธานเป็นอย่างไรคะ?
     
    เอ๋?
     
    ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้วอังริเอตต้าจึงถามไปตรงๆ เลย
     
    เอ็กซ์รู้สึกว่าไม่เกี่ยวกับคำถามเดิมโดยสิ้นเชิงแล้ว แต่ก็พยายามตอบ
     
    ...รู้สึกว่าพูดเหน็บกระหม่อมมากไปนิด แต่ก็พึ่งพาได้เสมอในเวลาจำเป็นพะยะค่ะ
     
    ในฐานะองครักษ์?
     
    ในฐานะ... เอ็กซ์หยุด เมื่อนึกคำตอบดีๆ ไม่ได้
     
    จะว่า องครักษ์ ก็ใกล้เคียงที่สุด แต่ตัวเอ็กซ์เองไม่รู้สึกว่าแค่นั้นครอบคลุมได้ทั้งหมด จะว่า เพื่อน ก็ความรู้สึกไม่เหมือนกับซีโร่หรือเอเลีย เมื่อพยายามค้นหาคำที่ใกล้เคียงที่สุดแล้ว...
     
    ...ในฐานะ น้องสาว...ข้างบ้าน กระมัง? ...พะยะค่ะ
     
    เอ็กซ์รู้สึกถึงแรงต่อต้านที่จะพูดคำว่า ลูกสาว  ส่วนหนึ่งเพราะเพิ่งถูกว่าเป็นตาแก่อายุร่วมร้อยไปเมื่อวันก่อน
     
    น้องสาวข้างบ้านหรือ...ฉันที่อยู่ในวังไม่มีคนเช่นนั้น แต่คุณคัทเลยาเป็น พี่สาวของเพื่อนสนิท  ...จริงสินะคะ อาจจะเป็นอย่างที่คุณพูดก็ได้
     
    น้องสาวที่พูดจาเหน็บพี่ชายข้างบ้านที่รู้จักกันมาแต่เด็ก น้องสาวที่เป็นห่วงพี่ชายข้างบ้าน น้องสาวที่หวงพี่ชายข้างบ้าน
     
    น้องสาวที่หลงใหลพี่ชายข้างบ้าน อังริเอตต้าคิดในใจ นึกถึงรักแรกของเพื่อนสนิทที่เป็นลูกชายขุนนางในที่ดินใกล้เคียง
     
    บทสนทนาหยุดลงเมื่อทั้งคู่สังเกตเห็นอาเนียสมองมาทางนี้
     
    สงสัยจะมีธุระกับคุณเอ็กซ์ ไปเถอะค่ะ
     
    พะยะค่ะ เช่นนั้นกระหม่อมขอตัวสักครู่
     
    อังริเอตต้ามองเอ็กซ์เดินออกจากร่มไปพลางครุ่นคิดถึงคำพูดเมื่อครู่
     
    น้องสาวข้างบ้านเหรอ...คงจะจริง เพราะมีบางอย่างที่ยิ่งใกล้ชิดก็ยิ่งรู้สึกตัวได้ยาก ยิ่งพูดได้ยาก เช่นความเปลี่ยนแปลง สิ่งที่อาจทำลายความสัมพันธ์ในปัจจุบัน สิ่งที่อาจเปลี่ยนมุมมองของอีกฝ่ายที่มีต่อตัวเอง
     
    โดยสถานะแล้วตัวเองกับอีกฝ่ายอาจเป็นคู่แข่งกัน แต่อังริเอตต้าก็รู้สึกจริงๆ ว่าหากเป็นความจริงก็อยากเอาใจช่วยพรายสาวให้พูดสิ่งที่เก็บไว้ออกมาได้
     
    ด้านเอ็กซ์เดินเข้าไปถึงอาเนียสก็ถามถึงธุระ
     
    มีอะไรให้ช่วยเหรอ?
     
    มาเป็นกระส—มาเป็นคู่ซ้อมให้ฉันหน่อย
     
    เมื่อกี้พูดว่ากระสอบทราย เมื่อกี้จะพูดว่ากระสอบทรายแหงๆ
     
    เอ็กซ์กะพริบตาอย่างงุนงง ขณะเดียวกันหน่วยราชองครักษ์ที่อยู่ใกล้ๆ ก็คิดเป็นอย่างเดียวกัน
     
    คู่ซ้อม จากนี้ไปจะเป็นการซ้อมสู้หนึ่งต่อหนึ่ง แต่ขาดคนไปคนนึง ถึงจะสภาพยังงี้แต่ตอนนี้นายก็ยังเป็นองครักษ์ของฝ่าบาทอยู่ อย่างน้อยก็ฝึกซะหน่อยเป็นไร
     
    เข้าใจล่ะ เอ็กซ์ข้ามคำเหน็บแนมทั้งหลายไปและพยักหน้ากับสาระหลัก
     
    เอ็กซ์รับดาบไม้ที่ใช้ฝึกจากอาเนียส หน่วยราชองครักษ์ทั้งหมดก็หันหน้าเข้าหาคู่ของตัวเอง
     
    ความยาวไม่ค่อยถนัดเลยนะ เอ็กซ์พูดพลางพลิกดาบไม้ที่ยาวกว่าที่คุ้นชินร่วมสามสิบซ.ม.
     
    งั้นก็ดีน่ะสิ ฉันค่อยฟันได้เต็มไม้เต็มมือหน่อย อาเนียสจับดาบสองมือพูดเสียงเรียบ ฟังไม่รู้ว่าพูดจริงแค่ไหน
     
    อังริเอตต้าเห็นองครักษ์ทั้งสองจับดาบหันหน้าเข้าหากัน แม้อังริเอตต้าจะไม่ได้ชื่นชอบวิชาอาวุธ แต่ก็อดสนใจการประลองระหว่างองครักษ์ของตัวเองไม่ได้
     
    ทันทีที่เสียงหัวหน้าหน่วยฮิปโปกริฟสั่งเริ่มการฝึก อาเนียสก็กระหน่ำโจมตีทันที เอ็กซ์ที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะถือดาบมือซ้ายอย่างที่เคยชินดีหรือไม่ต้องรีบจับสองมือรับดาบของอาเนียสพัลวัน
     
    เป็นการจู่โจมฝ่ายเดียวที่เหมือนคนหนึ่งอยากฟาดหน้าอีกฝ่ายมากกว่าเป็นการซ้อม
     
    กำลังกับความเร็วอย่างที่เคยไปไหนแล้วล่ะ อาเนียสถามระหว่างการจู่โจม
     
    ไป...ร่างนั้นหมดแล้ว ตอนนี้ก็...มีแค่เท่าที่เห็นนี่ล่ะ เอ็กซ์ตอบระหว่างปัดป้องด้วยความลำบากกว่า

    ตั้งแต่เรื่องที่ปราสาทอาฮัมบราคลี่คลาย ร่างกายของเอ็กซ์ก็กลับไปมีสัดส่วนความเป็นมนุษย์สูงยิ่งกว่าที่ผ่านมาเสียอีก ในทำนองเดียวกับที่จิตใต้สำนึกของเอ็กซ์เคยทำให้มาเธอร์เอลฟ์เปลี่ยนร่างมนุษย์ให้ใกล้เคียงเรปลิลอยด์ขึ้นเรื่อยๆ  ครั้งนี้ความต้องการออกห่างจากร่างเรปลิลอยด์ทำให้มาเธอร์เอลฟ์เปลี่ยนร่างให้เป็นมนุษย์มากขึ้น
     
    งั้นสงสัยฉันจะคิดผิดที่เสนอให้เอานายมาด้วย
     
    อาเนียสจู่โจมอย่างไม่ลดละ ฟันบน ฟันข้าง แทง ไม่เปิดโอกาสให้เอ็กซ์ตอบโต้แม้แต่น้อย
     
    ท่าทางจะยังโกรธเรื่องเมื่อวานอยู่ เอ็กซ์นึกในใจแต่ไม่พูดออกมา เพราะรู้ว่าจะทำให้โดนหนักขึ้น
     
    ในตอนนี้ร่างกายของเอ็กซ์มีสมรรถนะเท่ากับ 110% ของมนุษย์ผู้ชายวัยยี่สิบปีที่ฝึกฝนร่างกายเป็นประจำ หมายความว่าด้านกำลังเหนือกว่าอาเนียสไม่มาก ดังนั้นตัวตัดสินจึงเป็นวิชาดาบกับความชำนาญในการต่อสู้
     
    และในการต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่งที่จำกัดทั้งสถานที่ อาวุธ และกติกา ส่วนใดมีน้ำหนักกว่านั้นเดาได้ไม่ยาก
     
    ผลัก! อั่ก!”
     
    เอ็กซ์มือขวากุมท้องคุกเข่าลงกับพื้น การป้องกันเสียจังหวะทำให้ปลายดาบของอาเนียสลอดเข้ามาได้
     
    ได้แค่นี้เองเหรอ อย่างนี้ไซโตะตอนมือไม่มีตัวหนังสือยังจะดีซะกว่า
     
    อาเนียสพูดไม่มีปรานี แต่ถึงไม่พูดเอ็กซ์ก็รู้เรื่องนั้นอยู่แล้ว
     
    ถ้าเป็นของจริงนายตายไปแล้ว ลุกขึ้นมา
     
    เรื่องนี้แม้แต่อาเนียสก็รู้ว่าเอ็กซ์รู้ดี แต่บรรยากาศของการฝึกซ้อมทำให้สวมบทครูฝึกตามความเคยชิน
     
    เอ็กซ์ยืนขึ้นและตั้งท่าจับดาบอีกครั้ง แต่คราวนี้มีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป คนอื่นที่ใจจดใจจ่อกับการซ้อมของตัวเองไม่สังเกตเห็น อังริเอตต้าที่ไม่ใช่นักรบก็ไม่สังเกตเห็น แต่อาเนียสที่ยืนอยู่ต่อหน้าไม่มีทางที่จะไม่เห็น
     
    ตอนที่เป็นคู่ซ้อมให้ไซโตะใต้การฝึกสอนของตัวเองนั้นอาเนียสได้เห็นเอ็กซ์ต่อสู้ด้วยดาบอยู่ครั้งหรือสองครั้ง แต่ความแตกต่างด้านพลังและความเร็วนั้นล้นเหลือเสียจนคำว่าเทคนิคไม่มีค่าอะไร
     
    เมื่อมาอยู่ในจุดยืนที่ทัดเทียมกันเช่นตอนนี้จึงประเมินได้ ผลการประเมินบอกว่าเทียบกับเมื่อครู่นี้ที่การเคลื่อนไหวเหมือนคนเรียนมาแบบไม่มีครู ท่ายืนจับดาบตอนนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง
     
    หมายความว่ายังไง?...
     
    อาเนียสไม่บุ่มบ่ามเข้าไปเหมือนครั้งแรก แต่รักษาระยะและลองฟันตื้นๆ ดูเชิงก่อนเจ็ดแปดดาบ
     
    ศูนย์ถ่วงยังมั่นคง กะระยะก็แม่นยำ แค่ไม่กี่นาทีเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ...
     
    อาเนียสเปลี่ยนจังหวะ ฟันลึกและใส่แรงมากกว่าเดิมอีกขั้นหนึ่ง เอ็กซ์ก็แยกเท้ามากขึ้นเพิ่มความมั่นคงก่อนจะรับ แล้วฟันสวนเฉียดไหล่อาเนียสที่หลบได้เส้นยาแดงผ่าแปด
     
    แถมยังเหมือนรู้อีกว่าเราจะทำอะไร ชิ ยังกับสู้กับตัวเองเลย
     
    ดาบไม้สองเล่มปะทะกันบ้างหวดลมบ้างอย่างต่อเนื่อง นานเข้าหูของคนที่ได้ยินก็เหมือนกำลังฟังจังหวะดนตรี แม้แต่อังริเอตต้าที่ไม่ใช่นักดาบก็ยังรู้สึกได้ถึงทำนองที่ต่อเนื่องไม่ขาดห้วงระหว่างทั้งสอง
     
    ทว่าท่วงทำนองก็อยู่ได้ไม่นาน อาเนียสรู้ว่าแม้มองภายนอกจะไม่ดูเป็นอย่างนั้น(ตัวเองตัวสูงกว่าอีกฝ่ายเล็กน้อย) แต่ความจริงคือตัวเองเสียเปรียบด้านความอึด หากจะชนะก็จำเป็นต้องตัดสินเด็ดขาดโดยเร็ว
     
    อาเนียสห้ามตัวเองไม่ให้ใจร้อน แลกดาบกับเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาต่อไปพร้อมกับรอจังหวะ
     
    ...เจอแล้ว!’
     
    ดาบของอาเนียสที่ฟันต่ำเล็งข้อมือถูกอีกฝ่ายพลิกดาบรับไว้ได้อย่างไม่น่าแปลกใจ แต่ช่วงบนตั้งแต่เอวขึ้นมาเปิดโล่ง แม้ต่างฝ่ายต่างขยับดาบไม่ได้ในเสี้ยววินาทีนั้น แต่อาวุธไม่ได้มีแค่ดาบ
     
    อาเนียสโถมตัวไปข้างหน้า มือดันดาบอีกฝ่ายไปด้านขวา พร้อมกันนั้นก็บิดตัวเอาไหล่ซ้ายกระแทกใส่อีกฝ่าย
     
    แต่ในจังหวะนั้นเอ็กซ์ที่มีความคิดใกล้เคียงกันปล่อยมือซ้ายจากด้ามดาบและยื่นออกไปชกไหล่ขวาของอาเนียส
     
    ต่างฝ่ายต่างไม่ได้คาดเดาการเคลื่อนไหวของกันและกัน หมัดซ้ายของเอ็กซ์พลาดเป้าเพราะอาเนียสบิดตัว ไหล่ของอาเนียสก็พลาดเป้าเพราะเอ็กซ์เอียงตัว แทนที่จะหยุดเมื่อปะทะกับเป้าหมาย ร่างของอาเนียสก็ถลาไปข้างหน้า
     
    ทั้งหมดเกิดขึ้นในเสี้ยววินาที ไม่มีเวลาให้ตั้งตัว
     
    เห?
     
    ปึก!
     
    ศีรษะของเอ็กซ์และอาเนียสกระดอนออกมา ก่อนที่ต่างฝ่ายจะต่างกุมจมูกของตัวเอง
     
    คนที่ซ้อมอยู่ใกล้ๆ หยุดและหันมามองทั้งคู่ บ้างก็หัวเราะ บ้างก็กะพริบตาอย่างงงงวย บ้างก็ซุบซิบกับคนข้างๆ
     
    นี่...เมื่อกี้ว่าใช่มั้ย... ไม่รู้สิ...น่าจะไม่ตรงเป้าล่ะมั้ง?
     
    สมาชิกหน่วยปืนสองคนไม่ได้กำลังคุยเรื่องหมัดกับไหล่
     
    อังริเอตต้าที่มองจากข้างสนามอ้าปากด้วยกิริยาไม่เหมาะกับราชินีแม้แต่น้อย ความรู้สึกเพลิดเพลินเมื่อครู่ลืมไปโดยสิ้นเชิง
     
    ด้านเอ็กซ์กับอาเนียสดึงสติคืนมาแทบจะพร้อมกัน แต่ไม่มีใครลงมือต่อ
     
    เอ็กซ์กับอาเนียสสังเกตสายตากับเสียงหัวเราะในเวลาไล่เลี่ยกัน
     
    เอ็กซ์หัวเราะตามสมาชิกหน่วยแมนติคอร์เป็นการกลบเกลื่อน อาเนียสถามสมาชิกหน่วยปืนที่มองมาด้วยสายตาแปลกๆ
     
    คู่ของตัวเองก็มี หยุดซ้อมทำไม
     
    อะ คือว่า แค่สงสัยน่ะค่ะ...
     
    สงสัยอะไร? อาเนียสขมวดคิ้ว
     
    สมาชิกหน่วยปืนสองคนมองหน้ากัน ก่อนที่อีกคนหนึ่งจะถาม
     
    เมื่อกี้นี้...โดนแค่จมูกใช่มั้ยคะ?
     
    หา? ก็ใช่น่ะสิ ถามทำไม?...
     
    สมาชิกหน่วยปืนไม่ต้องตอบอาเนียสก็เข้าใจได้เอง พลันสีแดงก็แล่นขึ้นใบหน้าและหู
     
    พ—พวกเธอ...ถ้ามีเวลามาคิดเรื่องไร้สาระก็เอาไปฝึกไป!! สำนึกบ้างว่าตัวเองถูกคัดมาร่วมภารกิจนี้เพราะอะไร!!”
     
    ค—ค่ะ!!”
     
    สมาชิกหน่วยปืนสองคนรีบหันหน้าเข้าหากันเพื่อหลบสายตาพิโรธของอาเนียส ขณะเดียวกันเอ็กซ์ได้ยินเสียงตะคอกก็หันหลังกลับมาพอดีสบตากับอาเนียส
     
    อา—
     
    เอ็กซ์อ้าปากได้ไม่ถึงวินาทีก็ถูกดาบไม้เข้าเต็มหน้าผาก
     
    [...]
     
    การฝึกดำเนินไปตามปกติ และจบลงก่อนตะวันตรงศีรษะ  ขุนนางที่แยกย้ายกันไปทำธุระของตัวเองตั้งแต่ช่วงสายและราชินีที่นั่งดูจนจบต่างไปที่ห้องรับประทานอาหาร เอ็กซ์กับอาเนียสในฐานะองครักษ์ส่วนพระองค์ติดตามอังริเอตต้าไปเช่นเดียวกับคืนก่อน
     
    ระหว่างทางเอ็กซ์คลำหน้าผากที่ยังบวมแดงอยู่ อาเนียสชำเลืองแล้วก็พ่นลม
     
    ฮึ่ม นั่นล่ะผลของความประมาท
     
    ...อา ไม่เถียง ถึงใจจริงจะคิดว่าอาเนียสเล่นนอกกฎ แต่ก็รู้ว่าพูดไปจะถูกตอบกลับมาอย่างไร
     
    นอกจากที่หน้าผากแล้ว ที่จมูกก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่นิดๆ แม้รอยแดงจะหายไปแล้ว
     
    แต่ไม่นึกเลยว่าจะคิดเหมือนกันในเวลาเดียวกัน ไม่ทันตั้งตัวจริงๆ
     
    เอ็กซ์พูดโดยไม่มีความหมายแอบแฝง แต่อาเนียสหยีหน้าอย่างไม่สบอารมณ์
     
    กำลังนายมากกว่าไม่ใช่รึไง แค่ถ่วงเวลาไปเรื่อยๆ ก็ได้เปรียบเอง ไม่เห็นต้องลงมือ
     
    แบบนั้นก็ไม่ใช่การฝึกสิ อีกอย่างฉันรู้ว่าเธอต้องลองทำอะไรแน่เลยตั้งใจจะชิงลงมือก่อน
     
    ...ที่เขาเรียกกันว่า ตายคู่ สินะ
     
    หลังรอบเดียวนั้นอาเนียสก็ไล่เอ็กซ์ไปซ้อมไกลจากตัวเอง จึงยังไม่มีการแก้มือ
     
    แต่ถ้าไปถึงโรมาเลียแล้วก็พกดาบติดตัวไม่ได้อยู่ดีไม่ใช่เหรอ? ถึงฉันจะซ้อมไปก็คงไม่ได้ใช้ในครั้งนี้
     
    เรื่องนั้นก็ส่วนเรื่องนั้น เมื่อกี้ก็ส่วนเมื่อกี้
     
    เอ็กซ์นึกในใจว่าอาเนียสแค่อยากฟาดหน้าตัวเองจริงๆ ด้วย
     
    เมื่อไปถึงโรมาเลียแล้ววิชาการต่อสู้ด้วยมือเปล่าจะมีความสำคัญที่สุด หน่วยเราถึงจะชื่อหน่วยปืนคาบศิลาแต่ก็ไม่ได้ฝึกแต่ปืน นายตะหาก สภาพอย่างนั้นนอกจากคนเมาอาละวาดแล้วจับอะไรอยู่รึเปล่า หรือต้องพึ่งพาพลังประหลาดนั่น
     
    ฉันถนัดมือเปล่ามากกว่าดาบซะอีก เพราะแต่เดิมในตัวฉันไม่มีอาวุธที่ไม่ถึงชีวิต เวลาควบคุมตัวเป้าหมายทั้งเป็นๆ ก็มีแต่ร่างกายตัวเอง
     
    ขอให้จริงก็แล้วกัน
     
    หรือว่าจะให้เป็นคู่ซ้อมอีก?
     
    อาเนียสนึกถึงเหตุการณ์เมื่อช่วงสาย แล้วก็ทำหน้าเหยเกเมื่อคิดว่าจะเป็นการซ้อมที่ระยะประชิดยิ่งกว่านั้น
     
    ไม่จำเป็น
     
    นั่นสินะ ถ้าเกิดอุบัติเหตุเหมือนเมื่อกลางวันอีกคราวนี้อาจจะเจ็บตัวจริงๆ ก็ได้
     
    ...นี่นายน่ะ เคยมีใครบอกมั้ยว่าพูดจากวนโมโหแบบไม่เหมือนชาวบ้าน
     
    ...เลเวียธานเหมือนจะเคยพูดทำนองนั้น
     
    เอ็กซ์ยอมรับผิด ถึงแม้จะยังไม่แน่ใจว่าผิดที่ตรงไหน
     
    อาเนียสกับคุณเอ็กซ์เข้ากันได้ดีข้าก็ยินดี อังริเอตต้าหันกลับมายิ้มให้องครักษ์
     
    ฝ่าบาททรงเห็นเป็นเช่นนั้นหรือเพคะ...
     
    เอ็กซ์ไม่ตอบแต่ในใจก็คิดคล้ายๆ อาเนียส
     
    หลังรับประทานมือเที่ยงเสร็จก่อนจะออกจากห้อง อังริเอตต้าก็กระซิบกับอาเนียส
     
    ว่าแต่ อาเนียส...
     
    เพคะฝ่าบาท
     
    เมื่อกี้นี้...โดนแค่จมูกใช่มั้ย
     
    ฝ—ฝ่าบาท? อาเนียสตกใจเผลอพูดเสียงดัง
     
    ถ้าชิงตัดหน้าข้าไปก่อนล่ะก็ไม่ยกโทษให้หรอกนะ
     
    อังริเอตต้าเอ่ยปนยิ้ม แต่อาเนียสกลั้นสีหน้าหวาดผวาไม่ได้ไปหลายวินาที
     
    สงสัยจะแกล้งแรงไป อังริเอตต้านึกในใจ
     
    [...]
     
    [.....]
     
    วันเวลาบนเรือเหาะผ่านไปอย่างเรื่อยเปื่อยกับกิจวัตรซ้ำๆ  เอ็กซ์เป็นคู่ซ้อมให้อาเนียสเป็นครั้งคราว แต่ไม่มีฝ่ายใดกล้าทำอะไรบุ่มบ่ามแล้ว เป็นที่น่าผิดหวังของสมาชิกหน่วยปืนกลุ่มเล็กๆ
     
    สายตาคลางแคลงสงสัยที่มองเอ็กซ์ก็ลดความถี่ลงตามลำดับ หากไม่เดินสวนกันในระยะประชิดจริงๆ ชนชั้นสูงส่วนใหญ่ก็ดูจะพอใจกับการเมินตัวตนของเอ็กซ์โดยสิ้นเชิง การเดินทางที่เหลือก็ท่าทางจะผ่านไปได้อย่างราบรื่น
     
    แต่ในวันที่สี่ก็มีการสะอึกในกิจวัตรอันราบรื่นของเอ็กซ์
     
    ระหว่างทางกลับจากรับประทานอาหารกลางวัน เอ็กซ์เดินสวนกับชายชนชั้นสูงวัยราวหกสิบคนหนึ่งซึ่งมากับอัศวินเวทอีกหนึ่งคน
     
    สวัสดียามบ่าย ใต้เท้า เอ็กซ์กล่าวทักทายแสดงความนอบน้อมอย่างที่ทำมาตลอดตั้งแต่ขึ้นมาบนเรือลำนี้
     
    สวัสดียามบ่าย ท่านองครักษ์ ชายผมหงอกเทาทักตอบอย่างมีอัธยาศัย
     
    คำตอบของอีกฝ่ายทำให้เอ็กซ์ประหลาดใจเล็กน้อย คำทักทายของเขาหากไม่ถูกเมินก็ได้รับคำตอบพร้อมกับสายตาดูแคลน เป็นครั้งแรกที่คำทักทายได้รับคำตอบ ซ้ำยังสบตากับเขาโดยตรงอีก
     
    ข้าอยากหาโอกาสพูดกับท่านสักครั้งอยู่พอดี ข้ารู้ว่าท่านมีหน้าที่อันสำคัญยิ่งต่อฝ่าบาท แต่ถ้าหากไม่รังเกียจจะช่วยเป็นคู่สนทนาให้กับข้าสักสองสามนาทีได้ไหม?
     
    เอ็กซ์ลังเล ไม่แน่ใจว่าจุดประสงค์อีกฝ่ายคืออะไร ทัศนคติของชนชั้นสูงเกือบทั้งหมดต่อเขานั้นชัดเจน คำพูดให้เกียรติและรอยยิ้มเป็นมิตรของชายตรงหน้านี้ผิดแผกจากนั้นมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเอ็กซ์จำได้ว่าชายคนนี้เป็นหนึ่งในเจ้าของสายตารังเกียจเขาตั้งแต่วันแรกๆ
     
    ...หากไม่นานนักกระผมก็ยินดี เอ็กซ์ตัดสินใจเล่นตามน้ำไปก่อน
     
    ขอบคุณที่ให้เกียรติ ก่อนอื่นให้ข้าได้แนะนำตัวเสียก่อน ข้าชื่อมาร์คุส เดอ เธียรี หนึ่งในที่ปรึกษาฝ่ายในของฝ่าบาท จริงสิ เดอ เกร ท่านก็แนะนำตัวด้วยสิ
     
    สตัน เดอ เกร หน่วยฮิปโปกริฟ องครักษ์ผู้ซื่อสัตย์ขององค์ราชินี
     
    อัศวินเวทร่างสูงโปร่งที่มากับที่ปรึกษาเดอ เธียรีพูดกับเอ็กซ์ด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่แววตาซ่อนความคิดบางอย่างไว้
     
    ...คนนี้เอง ที่ส่งสายตาอาฆาตให้กับเขาในห้องรับประทานอาหารเมื่อสี่วันก่อนและระหว่างการฝึกทุกๆ เช้า
     
    คนแบบนี้สองคนอยู่ด้วยกันทำให้เอ็กซ์ระวังเป็นเท่าตัว
     
    เรื่องที่ข้าอยากจะพูดกับท่านก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรหรอก เพียงแต่สนใจในตัวท่าน หากเข้าใจไม่ผิด ท่านเป็นเพียงสามัญชน แต่ได้รับการแต่งตั้งจากฝ่าบาทให้เป็นผู้ติดตามของหน่วยราชองครักษ์ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นมาใหม่ ซ้ำในครั้งนี้ยังได้รับความไว้วางพระทัยจากฝ่าบาทให้เป็นราชองครักษ์ส่วนพระองค์ ไม่ใช่แค่ข้า ขุนนางคนอื่นๆ ก็แทบเก็บความสงสัยกันไม่อยู่แล้ว
     
    เดอ เธียรีหัวเราะอย่างร่าเริง แต่ความขบขันที่เอ็กซ์สัมผัสได้เต็มไปด้วยการเสียดสี
     
    ต้องตอบอะไรซักอย่าง...
     
    ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาคือตอบอย่างถ่อมตัว แต่จากเจตนาแอบแฝงของอีกฝ่ายแล้วถ่อมตัวเกินไปก็ติดกับเสียเปล่า จะตอบอย่างโอ้อวดนั้นไม่ได้แน่นอนอยู่แล้ว ต้องเลือกคำตอบให้ดี
     
    เป็นเพราะสถานการณ์พิเศษ ที่โรมาเลียมีกฎห้ามพกอาวุธ ทำให้การคุ้มครองฝ่าบาทขึ้นอยู่กับความสามารถทางกายเท่านั้น กระผมมีทักษะการต่อสู้ด้วยมือเปล่ามากกว่าคนทั่วไป จึงสะดวกต่อการไปเยือนโรมาเลียในครั้งนี้ เท่านั้นเอง ใต้เท้า
     
    โฮ่ อย่างนี้นี่เอง มีเหตุผล แต่ถึงจะแค่ความสามารถทางร่างกาย การที่สามารถได้รับเลือกจากฝ่าบาทเหนือหน่วยราชองครักษ์นี้ก็นับว่าเหลือเชื่อจริงๆ
     
    เจตนาของเดอ เธียรีตอนที่พูดคำว่า เหลือเชื่อ นั้นชัดเจนจนไม่รู้จะชัดอย่างไรแล้ว
     
    เอ็กซ์ลังเลว่าควรออกชื่อหลุยส์หรือไม่ อาจช่วยเป็นข้ออ้างเรื่องความไว้วางใจของอังริเอตต้าได้ แต่ก็อาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายพัวพันไปถึงหลุยส์ได้เช่นกัน
     
    ข้าอยากเห็นสักครั้งเหลือเกิน ท่านเดอ เกรก็คิดเหมือนกันใช่ไหม?
     
    เดอ เธียรีหันเอียงคอกลับไปถามสมาชิกหน่วยฮิปโปกริฟ ซึ่งพยักหน้าพร้อมกับตอบสั้นๆ  ก่อนจะหันกลับมาพูดกับเอ็กซ์อีกครั้ง
     
    พรุ่งนี้เช้าหน่วยราชองครักษ์ก็ทำการฝึกเหมือนอย่างทุกวันสินะ น่าชื่นชมจริงๆ  ถือเป็นโอกาสดี ข้าจะตั้งตารอการแสดงความสามารถของท่านนะ ท่านองครักษ์
     
    เอ็กซ์มองขุนนางเฒ่ากับอัศวินเวทเดินจากไปหลังคำบอกลา ทั้งคู่ไม่หันหลังกลับมาส่งสายตาบอกใบ้อะไรเพิ่ม
     
    ...มาอย่างนี้สินะ
     
    พรุ่งนี้อัศวินฮิปโปกริฟคนนั้นคงจะเข้ามาขอ ประลอง กับเขาโดยไม่ใช้อาวุธ ผลที่คาดหวังไว้ก็คงจะเป็นความพ่ายแพ้ของเขา
     
    และเป้าหมายก็คือ...
     
    การพิสูจน์ความด้อยของสามัญชนต่อหน้าสาธารณะนั้นแน่นอนอยู่แล้ว เป้าหมายจริงๆ คงไม่ตื้นเขินอย่างนั้น ลำดับต่อมาก็คือการหักหน้าอังริเอตต้าซึ่งนำเอ็กซ์มาเป็นองครักษ์ส่วนตัวโดยไม่ถามความเห็นของสภาก่อน แต่จะทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร ขณะนี้ไม่ได้อยู่ในทริสเทน ซ้ำยังอยู่ระหว่างการเยือนต่างประเทศเป็นเวลานานหลายสัปดาห์ มีแต่จะถูกฝ่ายสนับสนุนราชินีเพ่งเล็งโดยไม่ส่งผลใดๆ ต่ออำนาจทางการเมือง
     
    เอ็กซ์นึกถึงคำเตือนของอาเนียสในวันออกเดินทาง แต่ถึงไม่มีคำพูดนั้นก็ได้คำตอบไม่ยากอยู่แล้ว
     
    ไม่ใช่การหักหน้าราชินี เพราะราชินีจะไม่ปล่อยให้ถึงตัว  การคัดเลือกคนของเราคงจะผิดไป  เป้าหมายคือให้ราชินีพูดคำนั้น ผลของประโยคสั้นๆ นั้นก็คือการสกัดช่องทางที่ราชินีจะนำสามัญชนเข้ามามีบทบาทสำคัญในทางการเมืองหรือทางทหารต่อไป เป็นเป้าหมายที่สมกับฝ่ายอนุรักษ์อำนาจชนชั้นสูงโดยแท้
     
    เอ็กซ์ถอนใจ คนในแวดวงการเมืองการปกครองไม่ว่าที่ไหนก็เหมือนกันจริงๆ  คิดเรื่องดุลอำนาจอยู่เสมอ ไม่ปล่อยโอกาสผ่านไป ไม่ว่าที่ไหนเมื่อไร
     
    ...แต่จะไปถึงขั้นนั้นได้ก็ต้องเริ่มจากชนะเราให้ได้ซะก่อนนะ
     
    ในแววตาของเอ็กซ์เป็นแรงต่อต้านซึ่งห่างหายมาได้สักพักแล้ว
     
    [...]
     
    [.....]
     
    การฝึกเช้าวันต่อมาดำเนินไปตามปกติ เอ็กซ์อบอุ่นร่างกาย วิ่ง ลุกนั่ง วิดพื้น ตามอย่างหน่วยราชองครักษ์ สำหรับเอ็กซ์ในร่างกายปัจจุบันถือว่าไม่หนักไม่เบา
     
    เมื่อดำเนินมาถึงช่วงประลองตัวต่อตัว สมาชิกหน่วยฮิปโปกริฟที่เอ็กซ์จับตาดูอยู่ก็เคลื่อนไหวตามคาด
     
    ท่านองครักษ์จะช่วยเป็นคู่มือให้กับข้าหน่อยจะได้ไหม?
     
    ไม่มีปัญหา
     
    ตามกฎของโรมาเลีย ไม่ใช้อาวุธ
     
    เดอ เกรโยนดาบฝึกลงกับพื้น เอ็กซ์ก็ทำตาม สายตารอบข้างเริ่มหันมาทางพวกเขา คู่เดียวที่ทิ้งอาวุธ
     
    หากท่านองครักษ์พร้อมเมื่อใดก็เข้ามาได้ทุกเมื่อ พูดจบเดอ เกรก็ตั้งท่า
     
    เอ็กซ์สำรวจคู่ประลอง สองเท้าวางห่างกันอย่างมั่นคง เอวย่อเล็กน้อย สองแขนยกออกมากันลำตัวและหน้า มีประสบการณ์ต่อสู้มือเปล่าไม่มากก็น้อย แต่ที่เอ็กซ์สะดุดตาจริงๆ คือแววตา
     
    อัศวินฮิปโปกริฟคนนี้ท่าทางจะร่วมมือกับขุนนางคนนั้นอยู่ แต่จุดประสงค์ที่แฝงในแววตานั้นดูไม่เหมือนกัน เป็นเป้าหมายที่ส่วนตัวมากกว่าเรื่องศักดิ์ศรีของชนชั้นสูง เรื่องที่นึกได้ก็มีแต่เรื่องตอนองค์ชายเวลส์คืนชีพ เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้วเดอ เกรก็อาจจะมีเป้าหมายของตัวเองถึงได้ร่วมมือกับขุนนางคนนั้น
     
    ...เปิดโปงความผิดของเราในครั้งนั้น
     
    เอ็กซ์หักปีกของหน่วยอัศวินฮิปโปกริฟที่ไล่ตามมาด้วยพลังของไซเบอร์เอลฟ์อีกลีด คนที่นี่คงเข้าใจว่าเป็นเวทมนตร์ลม ถ้าอย่างนั้นหนึ่งในหลักฐานที่อีกฝ่ายอยากจะได้ก็คือการที่เขาสามารถใช้เวทมนตร์ลมได้
     
    เอ็กซ์ชำเลืองไปที่ท้องฟ้าอันไร้ขอบเขตด้านซ้ายมือ
     
    ...จะโยนเราลงจากเรืองั้นเหรอ?
     
    ถ้าชีวิตตกอยู่ในอันตรายต้องใช้เวทมนตร์ช่วยตัวเองแน่ จริงอยู่ว่าอัศวินเวทคนอื่นก็ช่วยได้ แต่โอกาสที่จะไม่ช่วยหรือช่วยไม่ทันก็ไม่ใช่น้อย ไม่ว่าจะรู้แผนการล่วงหน้าหรือไม่ สุดท้ายแล้วเพื่อเอาตัวรอดก็ต้องเผยตัวออกมาอย่างช่วยไม่ได้
     
    ...ถ้าท่านไม่เข้ามาข้าจะเข้าไปเอง
     
    “!”
     
    เอ็กซ์ต้องสลัดความคิดทิ้งไปเพื่อป้องกันเดอ เกรที่ถีบตัวเข้ามา แม้จะไม่ได้ใช้เวทมนตร์เสริมแรงแต่ร่างกายที่ฝึกฝนมาอย่างไม่ย่อหย่อนก็ไม่ใช่เล่น
     
    เอ็กซ์หลบหมัดขวาที่พุ่งตรงเข้ามาที่หน้าสลับกับที่ลำตัวพลางประเมินกำลังและความเร็วของคู่ต่อสู้ จุดประสงค์ของอีกฝ่ายเก็บไปก่อน ที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือจะแพ้การประลองครั้งนี้ไม่ได้ จะใช้พลังของไซเบอร์เอลฟ์ก็ไม่ได้เช่นกัน
     
    ความสนใจมาอยู่ที่การประลองของเอ็กซ์กับเดอ เกรเป็นส่วนใหญ่แล้ว การประลองมือเปล่าของอัศวินเวทแทบหาดูไม่ได้ในยามปกติ อาเนียสกอดอกสังเกตการณ์อย่างตั้งใจ มีแต่อังริเอตต้าที่เก็บความกังวลไว้ในท่านั่งที่สำรวม
     
    จากการหลบและปัดป้องการจู่โจมของเดอ เกรอยู่ราวสองนาที เอ็กซ์ก็ประเมินได้หลายข้อ พละกำลังกับความเร็วของตัวเองกับอีกฝ่ายแทบไม่ต่างกัน ข้อได้เปรียบของอีกฝ่ายอยู่ที่ขนาดร่างกาย ระยะแขนยาวกว่า และน้ำหนักก็มากกว่าทำให้แม้กำลังจะเท่ากันแต่แรงปะทะเหนือกว่าเขา
     
    ทว่าเดอ เกรก็เข้าใจข้อนั้นเช่นเดียวกันจึงจู่โจมด้วยหมัดเพียงอย่างเดียว สองเท้าวางกับพื้นอย่างมั่นคง อาศัยระยะแขนที่ยาวกว่าและแรงหมัดที่มากกว่าผลาญแรงของเขาไปกับการป้องกัน การจะพลิกสถานการณ์ฝ่ายที่ด้อยกว่าจำเป็นต้องสละฐานที่มั่นของตัวเองเพื่อก้าวล้ำเข้าไปในระยะที่ตัวเองจู่โจมได้
     
    เอ็กซ์รู้ว่าเดอ เกรรอให้ตัวเองทำอย่างนั้นอยู่ หากจู่โจมเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้ามีโอกาสจะถูกรวบตัวโยนลงข้างเรือ
     
    ดังนั้นเอ็กซ์จึงรอ หลบไปพลาง ปัดป้องไปพลาง ปล่อยหมัดตื้นๆ สวนกลับบ้างไปพลาง ปล่อยให้พลังงานของตัวเองตกลงเร็วกว่าอีกฝ่าย
     
    การต่อสู้เอนมาทางตัวเอง คนที่คิดเป็นเหตุเป็นผลอย่างเดอ เกรย่อมดำเนินการจู่โจมต่อไปอย่างนั้น เป็นไปตามการคาดเดาของเอ็กซ์ แต่การที่เอ็กซ์ไม่เคลื่อนไหวเพื่อแก้ไขสถานการณ์เสียทีทำให้เดอ เกรสับสน นั่นก็เป็นไปตามการคาดเดาของเอ็กซ์เช่นกัน
     
    เดอ เกรถีบตัวถอยทิ้งระยะห่างจากเอ็กซ์เป็นครั้งแรกนับแต่ที่การประลองเริ่มต้นมาได้สี่นาที ดวงตาคมเหมือนเหยี่ยวมองเอ็กซ์อย่างระแวง
     
    ...คิดอะไรของท่านอยู่?
     
    ก็เปล่านี่ เอ็กซ์ตอบเรียบๆ โดยไม่เปิดเผยความคิดใดๆ
     
    ถึงตอนนี้น่าจะรู้แล้วว่าข้าเป็นฝ่ายได้เปรียบ ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงสุดท้ายแล้วชัยชนะต้องเป็นของข้า ถึงอย่างนั้นท่านก็ยังไม่ทำอะไร
     
    เหรอ? ฉันไม่เห็นว่าจะเป็นอย่างนั้นเลย เอ็กซ์ยิ้มอย่างไม่เกรงกลัวแม้ตัวเองจะเริ่มหอบ
     
    ...ผู้ที่ฝ่าบาททรงคัดเลือกมาด้วยพระองค์เอง เรื่องแค่นี้ไม่น่าจะไม่รู้
     
    พูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่อง
     
    เอ็กซ์มองเห็นความผิดหวังกับเบื่อหน่ายในแววตาของอีกฝ่าย หมายความว่าการเล่นละครของเขาได้ผล แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้ต้องพิจารณาความคิดหนึ่งเสียใหม่
     
    ถึงตอนนี้ยังไม่พูดถึงอีก...ก็แสดงว่าไม่เกี่ยวข้องกับความแค้นเก่างั้นเหรอ?
     
    ถ้าอย่างนั้นจุดประสงค์ที่อัศวินฮิปโปกริฟคนนี้ให้ความร่วมมือในแผนการสกัดอำนาจสามัญชนนี้ก็เป็นปริศนา
     
    ที่ฝ่าบาททรงเลือกท่านมาเป็นถึงองครักษ์ส่วนพระองค์ ที่สุดแล้วก็ไม่เข้าใจจริงๆ
     
    คิดมากเกินไปแล้ว เอ็กซ์พูดทำลายความอดทนของอีกฝ่ายต่อไป
     
    ท่านถือสิทธิ์ในตำแหน่งกระทำตามใจชอบอย่าง จะให้ข้าไม่คิดได้อย่างไร
     
    บทสนทนาจู่ๆ ก็เลี้ยวไปในทิศทางที่เอ็กซ์งุนงง
     
    พูดถึงเรื่องอะไร? คราวนี้เป็นคำถามจริงๆ ไม่ใช่เพื่อยั่วโมโห
     
    องครักษ์ส่วนพระองค์อีกท่านหนึ่ง ท่านอาเนียสเป็นหัวหน้าหน่วยราชองครักษ์ ได้ตำแหน่งนั้นโดยความเหมาะสมทุกประการ ท่านตีตัวเสมอคนเช่นนั้น รู้บ้างไหมว่ามันค้านสายตาผู้ที่มาถึงตำแหน่งนี้ด้วยความสามารถอย่างพวกเราแค่ไหน?
     
    เอ็กซ์ชะงักไป ก่อนจะค่อยๆ ตาโตขึ้น
     
    ...อย่าบอกนะว่า...
     
    ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็นเหตุผลส่วนตัวแน่นอนอยู่แล้ว ไม่มีอะไรจะส่วนตัวมากไปกว่านี้แล้ว
     
    เอ็กซ์ชำเลืองมองด้านข้าง อาเนียสยังยืนกอดอกสังเกตการณ์ต่อสู้อย่างตั้งใจ
     
    ท่าทางจะไม่รู้เลยสินะ
     
    เดอ เกรเห็นทิศทางที่เอ็กซ์ชำเลืองไปก็ขมวดคิ้ว เอ็กซ์สัมผัสความอาฆาตเท่ากับในห้องรับประทานอาหารเมื่อสี่วันก่อนได้ และก็มั่นใจว่าไม่ผิดแน่
     
    การชำเลืองสั้นๆ นั้นทำลายความอดทนของอีกฝ่ายได้มากกว่าละครที่เล่นมาเสียอีก แม้จะไม่ได้ตั้งใจแต่เอ็กซ์ก็พร้อมใช้ให้เป็นประโยชน์
     
    เดอ เกรถีบตัวเข้ามาในท่าเดียวกับที่เริ่มการต่อสู้ครั้งแรก แต่ความรอบคอบในการเคลื่อนไหวบั่นทอนลง
     
    ดีล่ะ...!’
     
    เอ็กซ์ไม่ยืนตั้งรับเหมือนครั้งก่อน แต่ถีบตัวสวนเข้าไปพร้อมกับย่อตัวลงต่ำ
     
    เดอ เกรไหวตัวทันลดแขนซ้ายลงมากันบริเวณลำตัวที่เอ็กซ์พุ่งเข้ามา แต่นั่นก็อยู่ในการคาดเดาของเอ็กซ์เช่นกัน
     
    หากมีมีสมาธิกว่านี้สักนิดเดอ เกรจะสังเกตเห็นว่าศูนย์ถ่วงของเอ็กซ์นั้นเอียงไปด้านข้างเล็กน้อย นั่นเพราะหมัดตรงเป็นการพุ่งหลอก
     
    เอ็กซ์เบี่ยงทิศทางพุ่งสวนไปด้านขวาของเดอ เกรที่ยื่นหมัดออกมา เป็นจุดบอดโดยสิ้นเชิง เอ็กซ์ซัดหมัดซ้ายที่เสริมด้วยแรงหมุนตัวเข้าไปที่ชายโครงขวาของเดอ เกร
     
    ความเจ็บปวดและแรงกระแทกทำให้ฐานยืนของเดอ เกรเสียความมั่นคง การประลองตัดสินในชั่ววินาทีนั้น
     
    กว่าเดอ เกรจะรู้สึกตัว ขาก็ถูกขัด คอเสื้อก็ถูกดึง หลังกระแทกลงกับพื้น และศอกอีกฝ่ายก็กดลงมาที่คอของตัวเอง
     
    บรรยากาศบนดาดฟ้าเรือหยุดลงชั่วอึดใจ ก่อนจะเกิดเสียงพูดคุยดังปนกันมา แสดงความประหลาดใจ แสดงความชืนชม แสดงความคิดเห็น ทั้งหมดแล้วก็กล่าวได้ว่าคนดูรับทราบผลของการประลอง ก่อนจะหันกลับไปสนใจคู่ประลองของตัวเองต่อ บ้างวางอาวุธและลองใช้มือเปล่าตามอย่างทั้งคู่ เดอ เธียรีย่นคิ้วอย่างไม่พอใจและเดินจากลานฝึกไปโดยไม่ปริปาก
     
    อังริเอตต้าถอนหายใจอย่างโล่งอก อาเนียสออกจากสมาธิที่เฝ้าดูการประลองอย่างใจจดใจจ่อและหันไปที่เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาเพียงคนเดียว สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงแต่ในหัวประเมินการประลองเมื่อครู่
     
    เอ็กซ์ลุกออกมาและปล่อยให้อีกฝ่ายลุกขึ้นด้วยตัวเอง
     
    เดอ เกรลุกขึ้นมาและมองเอ็กซ์ด้วยความรู้สึกซับซ้อน หลังจากต่อสู้กับตัวเองอยู่ครู่หนึ่งเดอ เกรก็ก้มศีรษะเล็กน้อย
     
    ความสามารถของท่าน ข้ารับรู้แล้ว
     
    อย่างนั้นฉันก็วางใจ
     
    ...ข้าขอตัว
     
    เอ็กซ์มองแผ่นหลังของเดอ เกรที่เดินไปหาคู่ซ้อมอื่นแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายคงจะกำลังซึมเรื่องที่พลาดท่าต่อหน้าคนที่แอบหลง
     
    หลังสิ้นสุดการฝึกช่วงเช้า เอ็กซ์เดินกลับไปที่ทางเข้าตัวเรือ อาเนียสยืนสำรวจความเรียบร้อยอยู่ใกล้ๆ
     
    ที่ว่าถนัดมือเปล่าไม่ได้แค่โม้สินะ อาเนียสหันมาพูด น้ำเสียงและคำพูดปราศจากความตั้งใจจะญาติดีด้วยเช่นเคย
     
    แต่คราวนี้เอ็กซ์เพียงแค่สบตา แล้วก็ถอนใจ
     
    ...อะไรของนาย
     
    เปล่า ก็แค่คนที่ไม่สนใจนี่ก็ไม่รู้อะไรเลยนะ
     
    ...จะกวนโมโหกันรึไง
     
    เอ็กซ์รู้สึกเห็นใจเดอ เกรขึ้นมา
     
    ...ช่วงที่อยู่บนเรือเราพยายามอยู่ห่างกันไว้ซักหน่อยก็แล้วกันนะ
     
    หา?
     
    ในจังหวะเดียวกันนั้นสมาชิกหน่วยปืนสามคนก็เดินผ่านมาและหายใจ เฮือกเมื่อได้ยินคำพูดของเอ็กซ์เข้า
     
    อาเนียสมองตามหลังสมาชิกหน่วยที่รีบเดินเข้าตัวเรือไปพร้อมกลั้นหัวเราะคิกคัก ก่อนจะหันกลับมาหาเอ็กซ์ แล้วก็ยกมือขึ้นขยุ้มคอเสื้อ
     
    --
     
    *หมายเหตุ: สาส์น ไม่มีในพจนานุกรม มีแต่คำว่า สาร หรือ สาสน์(อ่านว่าสาด) ที่หมายถึงจดหมาย แต่คนเขียนทำใจใช้คำว่า สาสน์ ไม่ได้จริงๆ  เสียงอ่านมันไม่ถูกหู และคำว่า สาร ก็ดูธรรมดาไป ดังนั้นคนเขียนจะใช้คำว่าสาส์นใครจะทำไมฟะ(เด็กดีอย่าเลียนแบบ)
     
    PBW:“เกิดตัดสินใจเปลี่ยนเนื้อหาซะเยอะ สุดท้ายเลยเสียเวลาเพิ่มอีกอาทิตย์นึง
     
    DX:“คือข้ออ้างที่ไม่ได้ลงตามที่บอกไว้?
     
    PBW:“มันคือความจริง ทีแรกไม่มีฉากสู้ แต่มันรู้สึกเป็นส่วนเกิน สุดท้ายก็เลยกลับมาแก้ใหม่ให้มันครบๆ ไปซะ
     
    DX:“แล้วตอนต่อไปยังไง? จะกลับไปที่โรงเรียนอีก?
     
    PBW:“ยังอยู่ฝั่งเอ็กซ์ เพิ่งแค่เปิด ยังไม่ทันเข้าสู่เนื้อหลักเลย
     
    S:“งั้นระหว่างนี้ให้ฉันทำอะไร?
     
    PBW:“ทำร่างกายให้แข็งแรงๆ ไว้ เรื่องที่โรงเรียนต่อไปจะเป็นเรื่องอะไรก็รู้อยู่
     
    S:“...อ๊ะ

    PBW:“...ส่วนเรื่องอาเนียสก็ไม่ต้องคิดมาก เพราะคนเขียนก็ยังไม่ได้คิดอะไรเลย
     
    ตอบคอมเมนต์
     
    ช่วงที่ห่างหายไปนาน แต่ก็กลับมาตามความจำเป็น
     
    คุณ Master Zero X Advent: ไม่รู้ว่าหมายถึงตรงไหน ความคิดของตัวละครไม่ใช่ความคิดของคนเขียนเสมอไป แต่ส่วนใหญ่ก็ไปในทำนองเดียวกันนั่นล่ะ ที่จริงแล้วตั้งแต่เริ่ม Arc 11 มาคนเขียนพยายามไม่อวยเอ็กซ์มากเกินไป หนึ่งในวิธีคานอำนาจก็คือเลเวียธานนั่นเอง รู้สึกว่าในฟิคนี้เลเวียธานอยู่ในตำแหน่งสมอเรือของเอ็กซ์ไปโดยปริยายแล้ว คงไม่เปลี่ยนแปลงในเร็ววัน
     
    ส่วนเรื่องเก็บกดนั้น ใช่  คนเขียนอ่าน XOver จาก fanfiction.net แล้วก็สลัดความคิดนี้ออกไปไม่ได้ ต้องพิมพ์ออกมา น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้ทำเป็นฟิคเต็ม ถ้าได้ทำคงจะซักสามสิบตอน(เลยไม่ทำ)
     

    คุณ shelanoir: คนเขียนพยายามไม่ให้ออกทะเลอยู่แล้ว ถ้าไม่จำเป็นกับพล็อตเรื่อง(ถ้าออกแสดงว่าตั้งใจออก)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×