ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rockman X {x} Zero no Tsukaima : โลกใบใหม่

    ลำดับตอนที่ #88 : Chapter 69: วันฉายเดี่ยวของพรายสาว - เรื่องวุ่นๆ ในโรงเรียนทริสเทน Pt.1

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 245
      4
      22 ก.ค. 61


    (ภาพตัวละคร Arc 12: วันหยุดของเหล่าภูต / Credit: baka-tsuki.org)
     
    เดือนแห่งอูร์ สัปดาห์แห่งเฮมดัลร์ วันแห่งความว่างเปล่า วันที่เก้าเดือนห้าของฮาลเคกิเนีย
     
    สถานศึกษาเวทมนตร์ทริสเทน หอประชุมอัลวี่ ตามธรรมเนียมปฏิบัติเป็นสถานที่รับประทานอาหารสามเวลาของเหล่าชนชั้นสูงที่ศึกษาอยู่ที่นี่
     
    วันนี้เองก็เช่นกัน พวกไซโตะรับประทานมื้อเช้าที่โต๊ะของปีสาม มองจากทางเข้าเป็นโต๊ะด้านซ้ายของโต๊ะสามตัว
     
    เนื้อหอมมากเลยนะนั่น
     
    ไซโตะพึมพำพลางหยุดมือที่ถือมีดหั่นเนื้อ
     
    อะไรนะ? เนื้ออะไรหอม?
     
    กีชที่นั่งอยู่ตรงข้ามไซโตะเบิกตาขึ้นแล้วหันไปมองข้างหลัง สมาชิกหน่วยอัศวินอองดีนที่เมาหน้าแดงกันแต่หัววันมองตามสายตาของทั้งสอง
     
    ร่างผอมบางเส้นผมสีทองสว่างเปล่งรัศมีเย้ายวนราวกับภูตในเรื่องเล่า ใบหน้ามีร่องรอยของความอึดอัดอยู่เล็กน้อย
     
    ทิฟฟาเนียนั่นเอง
     
    ตามคำขอของอังริเอตต้าผู้เป็นคนกลางประสานกับทางโรงเรียน แม้จะช้าไปหนึ่งเดือน แต่ทิฟฟาเนียก็สามารถเข้าเรียนได้โดยไม่มีเหตุการณ์ใหญ่โต
     
    ...แต่ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองว่า ใหญ่โต ในความหมายใด
     
    สายเลือดเอลฟ์ผสมกับราชวงศ์อัลเบี้ยนสร้างใบหน้าที่งดงามดั่งงานศิลปะ เพียงแค่วันแรกที่ปรากฏตัว เด็กสาวฮาล์ฟเอลฟ์ก็ถูกกล่าวถึงไปทั่วทั้งโรงเรียน
     
    แน่นอนว่าสายเลือดทั้งสองนั้นเป็นความลับ ผู้ที่รู้นอกจากกลุ่มที่ไปรับตัวมาตามภารกิจก็มีเพียงผู้อำนวยการออสมันกับคีร์เก้ที่สนิทสนมกับกลุ่มดังกล่าวเท่านั้น
     
    หนึ่งในสายเลือดนั้นมีหลักฐานที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ดังนั้นทิฟฟาเนียจึงต้องสวมหมวกปีกกว้างอย่างที่เคยสวมที่หมู่บ้านเวสต์วู้ด
     
    โดยปกติแล้วนักเรียนไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเรียนทั้งอย่างนั้น แต่ด้วยด้วยคำขอของอังริเอตต้า ออสมันผู้รับช่วงเป็นผู้ปกครองของทิฟฟาเนียจึงกล่าวอ้างต่อหน้าอาจารย์และนักเรียนว่า หากถูกแสงแดดแม้ผ่านทางหน้าต่าง ผิวที่บอบบางของนางจะถูกแผดเผาได้
     
    อีกเช่นกัน โดยปกติแล้วข้ออ้างเช่นนั้นไม่มีทางที่คนจะหลงเชื่อ แต่เมื่อได้เห็นผิวที่ขาวเสียจนแม้แต่ในหมู่นักเรียนหญิงที่เลี่ยงแสงแดดก็ไม่มีผู้ใดเทียบได้ ไม่ว่าใครต่างก็คิดว่าเด็กสาวคนนี้คงทนแสงแดดไม่ได้แน่
     
    ด้วยความบอบบางราวกับแสงจางที่ปกคลุมดวงจันทร์สีฟ้า และทรวดทรงองเอวที่ไม่เข้ากับความบอบบางนั้น สถานะของชนชั้นสูงที่มีเหตุผลให้ต้องออกจากอัลเบี้ยนมาที่นี่ ระหว่างสามประการนี้เกิดกลิ่นอายที่เชิญชวนให้หลงใหล ดึงดูดเหล่านักเรียนชายให้มาห้อมล้อม
     
    นับแต่ตอนนั้นผ่านมาหนึ่งสัปดาห์เต็ม ทิฟฟาเนียในตอนนี้ไม่ต่างจากก้อนน้ำตาลที่มีมดมารุมตอม
     
    อา เนื้อหอมจริง เนื้อหอมมาก
     
    เป็นคำพูดของกีชที่เข้าใจข้อเท็จจริงที่กล่าวมาทั้งมวลอยู่รางๆ
     
    เจ้าพวกนั้นในสมองคิดอะไรอยู่ อย่างกับเจ้าหญิงกับเหล่าผู้ติดตามเลย
     
    เรย์นาลที่นั่งอยู่ทางด้านขวาของกีชบ่นพลางขยับแว่น
     
    เป็นดังที่เรย์นาลพูด ไม่เพียงผ้าคลุมสีน้ำตาลของนักเรียนปีหนึ่ง แต่สีน้ำเงินเข้มและสีดำของปีสองและสามก็รวมอยู่ด้วย


    (Credit: baka-tsuki.org)
     
    เมื่อทิฟฟาเนียยกชาขึ้นจิบก็มีคนเติมให้เต็มทันที เมื่อทิฟฟาเนียทานอาหารคำหนึ่งก็มีคนสละของตัวเองให้ทันที เมื่อทิฟฟาเนียเอื้อมไปหาอาหารที่เป็นเนื้อก็มีคนตัดแบ่งให้ทันที ไปยาลใหญ่
     
    ความกลุ้มใจแสดงออกทางใบหน้าของทิฟฟาเนีย สาวงามผมสีทองมีคนที่คอยรับใช้ไม่ต่ำกว่าสิบคนรอบกาย ความขี้อายอันเป็นบุคลิกประจำตัวทำให้อดทนรับสภาพดังกล่าวต่อไปโดยไม่ปริปากบ่นแม้แต่คำเดียว
     
    สายตาของเหล่านักเรียนชายที่รายล้อมต่างสลับไปมาระหว่างผิวที่ขาวละมุน ใบหน้าที่งดงาม และอีกส่วนหนึ่ง
     
    เกี่ยวกับส่วนนั้น กีชอดจะแสดงความเห็นไม่ได้
     
    ฉันนะครุ่นคิดอย่างจริงจังตั้งแต่กลับมาจากอัลเบี้ยนแล้ว สรุปได้แค่อย่างเดียวเท่านั้น
     
    ฝั่งซ้ายของกีชเป็นมาลิคอร์น ผู้ยกริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้มสามานย์
     
    กีช ขอให้บอกข้อสันนิษฐานของนายกับ [ลมบน] ผู้นี้หน่อยจะได้ไหม
     
    กีชพูด ด้วยน้ำเสียงและความมั่นใจราวกับอยู่ในการโต้วาที
     
    ได้สิ ข้อสรุปของฉัน วัตถุทรงกลมที่บริเวณอกของคุณผู้หญิงทิฟฟาเนีย คืออาวุธมนตราที่ทำให้ประชากรครึ่งหนึ่งของโลกเสียสติได้
     
    ประชากรครึ่งหนึ่งของโลกที่ว่านี่ก็คือ...
     
    เหล่าชายหนุ่มยังไงล่ะ ท่านสุภาพบุรุษ
     
    มาลิคอร์นจรดนิ้วที่คางในท่าครุ่นคิด ก่อนจะถามกีชอีกคำอย่างหนักแน่น
     
    อาวุธที่ว่านี้ ในความหมายทางเพศ?
     
    แน่นอน ในความหมายทางเพศ
     
    ต่อการแสดงสติปัญญาอันต่ำต้อยของทั้งสองคนนี้ ไซโตะพยักหน้าราวกับจะพูดว่า มีเหตุผล
     
    นายนี่อัจฉริยะจริงๆ เลยนะกีช
     
    แต่ก็เป็นแค่ข้อสรุปครึ่งๆ กลางๆ  ข้อสันนิษฐานนี้ของฉันยังไม่ได้รับการพิสูจน์
     
    กีชกระดกไวน์รวดเดียวแล้วลุกพรวดขึ้นเสียงดัง
     
    ตามฉันมาเลย ท่านผู้เปี่ยมด้วยความใคร่รู้!”
     
    มาลิคอร์นยืนขึ้นตาม แล้วทั้งคู่ก็เริ่มตระเตรียมตัวราวกับกำลังจะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทสมเด็จพระราชินี ก่อนจะหันมาพยักหน้าให้กันอย่างผู้ด้อยสติปัญญา แล้วย่างสามขุมเข้าไปทางโต๊ะปีหนึ่ง
     
    เรย์นาลถามไซโตะ
     
    สองคนนั้นจะทำอะไรกันแน่
     
    ปล่อยไปเหอะ เดี๋ยวความโง่จะมาติด
     
    สมาชิกหน่วยอัศวินอองดีนมองตามหลังกีชกับมาลิคอร์นอย่างเป็นห่วงในสมองของทั้งสอง
     
    สองคนผู้เมามายเดินฝ่ากลุ่มนักเรียนปีหนึ่งที่ห้อมล้อมทิฟฟาเนีย เป็นราชองครักษ์และนักเรียนปีสาม ไม่มีปีหนึ่งคนใดกล้าท้วง ทางจึงเปิดแก่ทั้งสองโดยง่าย
     
    กีชกับมาลิคอร์นยืดอกเดินไปบนทางที่เบิกขึ้น
     
    กีชเข้าไปยืนข้างทิฟฟาเนียซึ่งกลัวจนหดตัวเล็กลงไปอีก แล้วโค้งคำนับหนึ่งครั้ง
     
    ในวินาทีนั้น สิ่งนั้น ก็เกิดขึ้น
     
    กีชไม่ปริปาก เพียงแต่ยื่นมือเข้าไปหาอาวุธมนตรา...หน้าอกของทิฟฟาเนีย ทิฟฟาเนียเกร็งตัวด้วยความตกใจ ในชั่วอึดใจนั้นบรรยากาศของห้องรับประทานอาหารหยุดนิ่ง
     
    เจ้าบ้านั่น...!” ไซโตะลุกขึ้น
     
    ทว่าในเสี้ยววินาทีนั้น วัตถุโลหะสีเงินครึ่งทรงกลมก็ลอยผ่านอากาศเข้ามาปะทะกับศีรษะของกีชจนเซไปด้านข้าง
     
    ...ฝาครอบถาด? ไม่ว่าใครก็นึกขึ้นพร้อมกัน
     
    ทุกสายตาในห้องรับประทานอาหารหันไปทางที่ฝาครอบถาดลอยมา เสียงฝีเท้าดังก้องในความเงียบ
     
    ขออภัยด้วยค่ะ มือลื่นไป ไม่ได้ตั้งใจค่ะ
     
    เจ้าของคำขอโทษค้อมตัว ฝ่ามือสองข้างวางบนตัก น้ำเสียงนอบน้อมดังคำพูด แต่มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ย บนศีรษะสีฟ้าน้ำทะเลเป็นที่คาดผมสีขาว
     
    เลเวียธานนั่นเอง ในชุดสาวใช้
     
    หญิงสาวผมสีทองในชุดสาวใช้อีกคนเดินตามมาด้วยอาการตื่นตระหนกได้แต่มองเลเวียธานอย่างทำอะไรไม่ถูก
     
    ขณะที่กลุ่มนักเรียนตกตะลึงสาวใช้ไม่คุ้นหน้าที่อาจหาญทำร้ายชนชั้นสูงที่เป็นถึงราชองครักษ์ ใต้กีชที่ยังมึนอยู่ก็เกิดสายน้ำพุขึ้น ช้อนตัวกีชขึ้นจากพื้นและกลืนเข้าไปภายใน ข้างหลังกีชที่ดิ้นรนอยู่ภายในสายน้ำพุคือมอนท์โมรันซี่ที่โบกคทาด้วยใบหน้าเรียบเฉย
     
    มอนท์โมรันซี่เดินออกไปทางออกจากห้องพลางโบกคทาให้น้ำพุเคลื่อนตามไป กล่าวสั้นๆ กับสาวใช้ผมสีฟ้าน้ำทะเลที่เดินผ่าน
     
    ขอบใจ
     
    มิได้
     
    เลเวียธานจับชายกระโปรงถอนสายบัวพอเป็นพิธี ยิ้มเล็กน้อยอย่างสำรวม
     
    มอนท์โมรันซี่กับกีชไปถึงมุมอับสายตา พลันเสียงน้ำพุสลายตัวก็ดังขึ้น ตามด้วยเสียงร้องของกีช
     
    ก็แค่อยากตรวจสอบให้รู้แน่ชัดเท่านั้นเอง! ลองได้เห็นของแบบนั้นเข้าแล้วคุณเองก็ต้องเกิดความรู้สึกใคร่รู้ในทางวิชาการขึ้นมา! ขึ้นมา ขึ้นมาจนทนไม่ไหว ต้องพิสูจน์ให้ได้ไม่งั้นนอนไม่หลับ! อ๊อก! อั่ก!!”
     
    เสียงน้ำและคลื่นจู่โจมกีชในที่ที่มองไม่เห็นทำให้นักเรียนปีหนึ่งเย็นวาบ ครู่หนึ่งผ่านไปเสียงจึงดับลง และหอประชุมก็ตกอยู่ในความเงียบ
     
    ไซโตะนั่งลงพร้อมกับถอนใจ แล้วกลับไปรับประทานอาหารอย่างเดิม
     
    ไม่เข้าใจเลย เรย์นาลพูดขึ้น
     
    ก็เหมือนทุกทีนั่นล่ะ เมาแล้วก็สร้างเรื่อง...ดีแล้วที่มือยังไม่ทันถึงน่ะ
     
    เปล่า หมายถึงนาย ถ้าเป็นปกติล่ะก็เรื่องแบบนี้ต้องนำหน้าไปแล้วแท้ๆ
     
    เรื่องหน้าอกทิฟฟาเนียเป็นของจริงรึเปล่าน่ะเหรอ? ไซโตะตาโต ท่าทางเสียใจนิดๆ ที่ถูกมองแบบนั้น ฉันไม่บ้าขนาดนั้นหรอกน่า อย่าไปรวมกับเจ้าพวกนั้นเซ่
     
    จริงอยู่ที่นายมีส่วนที่ขี้อายอยู่ ถึงจะเมาแค่ไหนก็คงไม่เดินดุ่มเข้าไปกลางวันแสกๆ อย่างนั้น...แต่อย่างน้อย สงสัยจนผุดลุกผุดนั่ง อยู่ไม่ติดที่ แบบนั้นอยู่ในขอบเขตของนายแน่ๆ
     
    สายตาของเรย์นาลที่ขยับแว่นนั้นเฉียบคม
     
    ทั้งที่เป็นอย่างนั้นแท้ๆ  แล้วทำไมถึงได้ดูสบายใจขนาดนั้น
     
    เรื่องนั้นช่างมันเถอะน่า รีบกินเถอะเดี๋ยวเย็น
     
    ไซโตะพูดอย่างใจเย็นแล้วเริ่มกินต่อ ตอนนั้นเองที่นักเรียนหญิงปีหนึ่งเข้ามาห้อมล้อม นำมาโดยเด็กสาวปีสองผมสีน้ำตาล เคธี
     
    ไกลจากไซโตะที่สำรวมอาการรับพุดดิ้งแช่เย็นจากเหล่าแฟนคลับ สาวใช้เลเวียธานเก็บฝาครอบจานที่ ทำหลุดมือ เมื่อครู่ขึ้นมาแล้วกลับไปทำหน้าที่ส่งอาหารต่อ สาวใช้ผมสีทองเร่งเดินตามไปด้วยอาการเลิ่กลั่ก
     
    คือว่า...ทำแบบนั้นไม่เป็นไรแน่เหรอ? เด็กผู้ชายคนนั้นเป็นชนชั้นสูง...
     
    ไม่เป็นไรๆ  เป็นสถานการณ์พิเศษ ไม่ต้องสนใจหรอก เลเวียธานตอบแบบขอไปที แล้วจึงหันหลังกลับมามองสาวใช้ผมทองที่ตัวสูงกว่าตัวเองเล็กน้อย
     
    ถ้ามีเวลาไปสนใจเรื่องพรรค์นั้นล่ะก็ ตั้งใจดูฉันกับคนงานคนอื่นๆ ให้ดีๆ ก็แล้วกัน เห็นบอกว่าเคยทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในโรงเตี๊ยมมาก่อน แต่เดินตัวแข็งเป็นท่อนไม้เลยนะยะ
     
    คือว่า...ตอนนั้นเป็นร้านอาหารธรรมดา แต่ว่าที่นี่มีแต่ชนชั้นสูง...
     
    ถึงได้บอกให้ดูไว้ไง สาวใช้ที่นี่รู้สึกจะเรียนในโรงเรียนมาเป็นกิจจะลักษณะ พยายามเลียนแบบเขาไว้ล่ะดีที่สุด เข้าใจนะยะ?
     
    ข—เข้าใจแล้ว...
     
    ก่อนอื่นเลย...เดินหลังตรง จะทำนอบน้อมก็ไว้เวลาที่พูดด้วยโดยตรงพอ งอตัวอย่างนั้นมีแต่จะโดนดูถูกเท่านั้นล่ะย่ะ
     
    ย—อย่างนี้เหรอ...?
     
    หญิงสาวผมทองตั้งตัวตรงเป็นท่อนไม้
     
    ...ฮ่า หนทางยังอีกยาวไกล
     
    ระหว่างที่เลเวียธานถอนใจนั้น ทั้งคู่ก็เดินผ่านโต๊ะที่เด็กสาวผมแดงจากเยอร์มาเนียนั่งอยู่ คีร์เก้หันมาโบกมือทักทายทั้งคู่
     
    อรุณสวัสดิ์ เป็นยังไงบ้าง ชินกับงานรึยัง?
     
    เคยทำมาก่อน ก็ชินมาแต่แต่ไรแล้ว
     
    เลเวียธานตอบอย่างมั่นใจ คีร์เก้ไม่สงสัยอยู่แล้ว แต่อีกคน...
     
    แล้ว...คุณพี่สาวล่ะคะว่ายังไง? คีร์เก้ถามอมยิ้ม
     
    ก็...กำลังเรียนรู้อยู่ค่ะ
     
    คีร์เก้พยักหน้าทั้งยังคงรอยยิ้มไว้
     
    อย่าลืมนะคะ ความมั่นใจต้องมาก่อน ไม่ว่าในสถานะไหน สิ่งที่ผู้หญิงต้องมีก็คือความมั่นใจ
     
    อืม...จะจำไว้ค่ะ
     
    ทั้งสองเดินต่อมาจนกลับมาถึงรถเข็นที่มีอุปกรณ์เสิร์ฟวางอยู่ เลเวียธานหยิบขวดไวน์ขึ้นมา เปิดจุกก๊อกอย่างชำนาญ แล้วส่งให้หญิงสาวผมทอง
     
    เชล เธอไปรินไวน์ให้ปีหนึ่ง ทำอย่างที่ฉันทำ นักเรียนเข้าใหม่ยังไม่ช่างติเท่าพวกปีสูง ลองดู
     
    อ—อืม...
     
    ใช่แล้ว สาวใช้ผมทองอีกคนคือเชล นักวิทยาศาสตร์ผู้มาจากโลกที่มีเรปลิลอยด์นั่นเอง
     
    เหตุใดทั้งเลเวียธานและเชลจึงมาทำงานเป็นสาวใช้ในโรงเรียนได้ ต้องย้อนกลับไปเมื่อหกวันที่แล้ว หลังจากทิฟฟาเนียเริ่มเรียนได้หนึ่งวัน
     
    [.....]
     
    [...]
     
    ยามสายด้านหลังหอคอยกลาง ผู้หญิงในชุดสาวใช้นำเสื้อผ้าหลากสีสันและรูปร่างขึ้นพาดกับราวไม้ที่เรียงเป็นทิวแถว
     
    หนึ่งในนั้นเป็นเด็กสาวผมสีฟ้าน้ำทะเลที่ทำด้วยความเบื่อหน่าย
     
    พอตากผ้าเสร็จแล้วต่อไปก็ไปที่ห้องครัว ยกอาหารไปจัดเรียงที่ห้องประชุมนะ
     
    เมดสาวผมบลอนด์ที่อยู่ข้างๆ บอกรายการงานต่อไป สาวใช้คนใหม่พยักหน้ารับอย่างเฉื่อยชา
     
    นี่ ตอนอยู่ต่อหน้าพวกชนชั้นสูงต้องยิ้มนะ ไม่งั้นพวกเรื่องมากจะโวยวาย ถึงจะไม่ชอบขี้หน้าใครขนาดไหนก็ต้องยิ้ม
     
    อืม เข้าใจแล้ว
     
    ใบหน้าของเลเวียธานราวกับถามตัวเองว่าทำไมถึงมาทำอะไรอย่างนี้ แต่คำตอบก็รู้อยู่แล้ว
     
    แต่เดิมเอ็กซ์ทำงานช่วยคนงานที่โรงเรียนแลกกับการกินนอน เมื่อเอ็กซ์ติดตามอังริเอตต้าไปต่างแดน เลเวียธานจึงออกปากรับงานแทนโดยอัตโนมัติ
     
    ส่วน โดยอัตโนมัติ นี้เองที่ทำให้เลเวียธานหนักใจ เพียงเพราะเห็นว่าแต่เดิมเป็นภาระของเจ้านาย เธอก็รับทำแทนโดยไม่คิดเสียด้วยซ้ำ หากเป็นก่อนหน้านี้เธอคงเห็นว่าเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องตั้งคำถาม แต่คำถามจากอังริเอตต้าล่องลอยอยู่ในหัวไม่ยอมไปไหน
     
    การติดตามช่วยเหลือท่านเอ็กซ์เป็นสิ่งที่เธอเลือกเอง ที่ผ่านมาเลเวียธานคิดอย่างนั้น แต่ตั้งแต่กลับมาจากอัลเบี้ยนเมื่อวานเธอก็เริ่มไม่แน่ใจ
     
    ความคิดแรกของเธอเมื่อลงจากหลังของซิลฟีดคือ จะทำยังไงต่อ?’
     
    เวลาที่อยู่กับเอ็กซ์ เลเวียธานแทบจะไม่เคยมีปัญหาเรื่องคิดสิ่งที่จะทำต่อไป คำตอบมักจะวางไว้รอเธออยู่แล้ว ท่านเอ็กซ์จะไปที่นี่ ดังนั้นเธอจะตามไป’ ‘ท่านเอ็กซ์จะทำสิ่งนี้ ดังนั้นเธอจะหาทางช่วย’ ‘ท่านเอ็กซ์จะทำอะไรไม่เข้าท่า เธอต้องห้าม
     
    พอมาวันที่ไม่มีเอ็กซ์อยู่ วันที่ไม่มีคำสั่งหรือความต้องการให้ทำอะไร วันที่เป็น อิสระ  เลเวียธานก็ต้องเผชิญกับปัญหาที่ไม่เคยพบมาก่อน
     
    ทำให้เลเวียธานรำพึงกับตัวเอง ว่าที่ตัวเองเคยพูดไว้ว่าปล่อยเจ้านายละสายตาไม่ได้ แท้ที่จริงแล้วใครกันแน่ที่อยู่โดยไม่มีอีกฝ่ายไม่ได้ คนหนึ่งอยู่ด้วยตัวเองมาก่อนแล้วตั้งเก้าปี ดังนั้นคำตอบก็ชัดอยู่แล้ว
     
    การมีชีวิตที่ขึ้นอยู่กับคนอื่นหรือสิ่งอื่นนั้น เลเวียธานไม่คิดว่ามันผิดหรือไม่ดีหรือเลวร้าย เพราะมีคนที่ใช้ชีวิตแบบนั้นได้อย่างน่าภาคภูมิใจ เช่นองครักษ์เงาคนหนึ่งที่เธอรู้จัก แต่สำหรับเลเวียธานแล้วไม่ใช่ทางที่เธอต้องการ และเจ้านายของเธอก็กล่าวอย่างชัดเจนทั้งทางคำพูดและการกระทำแล้วว่าไม่ใช่ทางที่เขาต้องการเช่นกัน
     
    ฉะนั้นตอนนี้สิ่งที่เลเวียธานต้องคิดคือทำอย่างไรจึงจะพูดได้ว่ากำลังใช้ชีวิตของตัวเองอย่างแท้จริง จากนี้ไปไม่ว่าจะตัดสินใจทำอะไรก็ไม่ใช่เพราะหลอกตัวเองหรือเพราะถูกผูกมัดด้วยเชือกที่ตัวเองเป็นคนสานขึ้น
     
    แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะทิ้งงานปัจจุบัน เมื่อออกปากรับไปแล้วก็จะทำให้เสร็จ อย่างน้อยข้อนี้เลเวียธานก็มั่นใจว่าเป็นความคิดของตัวเองไม่ผิดแน่
     
    ความคิดของเลเวียธานหยุดลงเมื่อมีเสียงเรียกชื่อเธอดังมาแต่ไกล
     
    เด็กสาวผมสีแดงเพลิงปรากฏตัวขึ้นจากหลังผนังหอคอยและกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาเธอ
     
    มาอยู่นี่เอง หาแทบแย่
     
    ตัวเองหายหน้าไปไม่บอกยังจะพูดนะยะ
     
    เมื่อเย็นวานหลังจากกลับมาถึงโรงเรียนพวกไซโตะก็ได้รู้ว่าในช่วงเช้าของวันเดียวกันนั้น ก่อนที่พวกไซโตะจะกลับมาถึง จดหมายฉบับหนึ่งก็มาถึงหน่วยอัศวินอองดีนก่อน โดยจ่าหน้าซองถึงเอ็กซ์ คีร์เก้ถือวิสาสะเปิดอ่าน หลังจากนั้นก็ลาโรงเรียนออกไปข้างนอกพร้อมกับกำจดหมายฉบับนั้นไปด้วย เลเวียธานไม่ได้เห็นคีร์เก้เลยจนกระทั่งตอนนี้
     
    แล้วมีธุระอะไร?
     
    เมดผมบลอนด์มองการโต้ตอบระหว่างทั้งคู่อย่างพิศวง เพราะเลเวียธานไม่ได้ใช้ภาษานอบน้อมกับเด็กสาวชนชั้นสูง และตัวอีกฝ่ายเองก็ไม่ได้ทักท้วงแต่อย่างใด
     
    ฉันพาแขกของเธอกลับมาด้วย รออยู่ที่นั่งเล่นของพวกผู้ชายน่ะ มาด้วยกันหน่อยสิ
     
    แขกของฉัน? ไว้ทีหลังได้มั้ย ฉันทำงานอยู่ พูดไปเลเวียธานก็ยกผ้าจากถังไม้ขึ้นพาดด้วยความกระตือรือร้นเป็นศูนย์
     
    ใช่เวลาจะมาเล่นเป็นเมดอยู่ซะที่ไหนกันล่ะ
     
    ใบหน้าของคีร์เก้เปลี่ยนเป็นจริงจังอย่างที่ไม่เห็นได้บ่อย เมดสาวผมบลอนด์ที่ชื่อโลล่าหันมาพูดกับเลเวียธาน
     
    ต้องไปนะ ถึงจะทำงานอยู่ แต่ถ้านักเรียนหรืออาจารย์เรียกก็ต้องไป เป็นหน้าที่หนึ่งของเมด
     
    คีร์เก้ได้ทีพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม
     
    ใช่ๆ  อย่างที่คุณเมดคนนี้พูดนั่นล่ะ แล้วก็ เรื่องนี้สำคัญกับพวกเธอมากกว่าใคร
     
    เลเวียธานยกผ้าขึ้นตากเป็นผืนสุดท้าย แล้วก็ถอนใจเบาๆ
     
    ก็ได้ๆ  เมื่อกี้ว่าหอคอยกลางใช่มั้ย เดี๋ยวเสร็จแล้วจะตามไป
     
    เลเวียธานบอกเมดโลล่าทิ้งท้าย ก่อนจะเดินตามคีร์เก้ไป
     
    แล้วแขกที่ว่านี่คือใคร?
     
    มันก็พูดยาก ไปเห็นเองดีกว่า
     
    คีร์เก้พามาที่โรงจอดเครื่องบินด้านหลังหอคอยไฟ นักเรียนชายสมาชิกหน่วยอัศวินอองดีนสองสามคนยืนรออยู่ด้านนอก
     
    มาแล้วๆ  ขอบคุณนะจ๊ะที่ช่วยเฝ้าให้ คีร์เก้ทักทายนักเรียนปีสามคนหนึ่งที่รู้จัก
     
    ควรจะขอบคุณล่ะ เมื่อกี้อาจารย์ผ่านมาโดนสงสัย เกือบแก้ตัวไม่ทัน
     
    หลังจากบ่นสั้นๆ นักเรียนชายก็ให้ทั้งสองผ่านเข้าไป ข้างในมีสมาชิกหน่วยอองดีนอีกสี่ห้าคน สองคนในนั้นคือกีชกับไซโตะ สีหน้าทั้งสองเหมือนได้รับข่าวที่ไม่สบายใจ ถึงตอนนี้เลเวียธานเข้าใจแล้วว่าเป็นเรื่องจริงจังเอาการ จึงเดินตามพวกกีชไปเงียบๆ
     
    วนมาถึงด้านหลังโรงจอด มุมอับหลังเครื่องบินที่มีกล่องไม้วางซ้อนกัน เลเวียธานเห็นสองใบหน้าที่คุ้นเคย
     
    แต่มีอะไรบางอย่างผิดปกติ
     
    พามาแล้วค่ะคนนึง อีกคนก็อย่างที่ว่าไป อยู่โรมาเลีย
     
    หญิงสาวผมสีทองที่คีร์เก้พูดด้วยหันมาหาเลเวียธาน ใบหน้าอิดโรยราวกับคนอดนอน แต่เลเวียธานไม่มีโอกาสได้คิดเป็นห่วง เพราะสิ่งที่อยู่ข้างๆ ดึงสายตาไปในทันที
     
    ข้างๆ หญิงสาวที่นั่งคุกเข่าอยู่เป็นร่างสีแดงที่นั่งพิงกล่องไม้อยู่ แต่เมื่อเพ่งจะเห็นว่าไม่ใช่แค่นั่ง ดวงตาปิดสนิท อกไม่กระเพื่อม แม้จะมีคนจำนวนมากเดินเข้ามาใกล้ก็ไม่ตอบสนอง
     
    และที่สำคัญคือแผลเหวอะตั้งแต่ไหล่ซ้ายลงจนถึงเอวขวา
     
    น้ำในร่างกายของเลเวียธานเย็นวาบ
     
    เชล...เกิดอะไรขึ้น...?
     
    คำถามที่ปราศจากการเหน็บแนมสื่อว่าผู้พูดตกใจแค่ไหน
     
    ผู้ถูกถามเองก็ไม่พูดอ้อมค้อม เริ่มต้นเล่าทันทีด้วยเสียงที่คุมอย่างลำบาก
     
    ป่านนี้ทิฟฟาเนียจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้นะ
     
    มีคนรู้จักที่ส่งเงินให้อยู่ คงไม่เป็นไร
     
    นั่นสินะ ก็อยู่อย่างนั้นตั้งแต่ก่อนเราจะไปพบแล้วนี่
     
    เชลกับซีโร่เดินอยู่บนถนนตัดผ่านป่าที่จะนำไปสู่ลา โรแชลล์ ที่หมายคือหมู่บ้านเวสต์วู้ดบนเกาะอัลเบี้ยน
     
    เมื่อเรื่องไอริสกับเคอร์เนลเสร็จสิ้นไปด้วยดี พวกเธอก็ไม่มีเป้าหมายอะไรเป็นพิเศษ ดังนั้นจึงตัดสินใจทำตามที่เคยบอกกับฮาล์ฟเอลฟ์สาวในหมู่บ้านกลางป่าไว้ ช่วยสนับสนุนความเป็นอยู่ของเหล่าเด็กกำพร้า แล้วค่อยเริ่มคิดจากนั้นว่าจะทำอะไรต่อไป
     
    แต่ว่า...แน่ใจเหรอซีโร่?
     
    เรื่องอะไร?
     
    อุตส่าห์ได้พบกับเอ็กซ์ทั้งที ไม่อยู่ด้วยกันอีกซักหน่อยเหรอ?
     
    อา หมอนั่นก็มีเรื่องที่หมอนั่นต้องทำ แล้วถ้าเป็นหมอนั่นตอนนี้ถึงไม่มีฉันก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง
     
    คราวนี้มีแต่เพื่อนที่ดีๆ อยู่รอบตัวนี่เนอะ เชลยิ้มพลางนึกถึงคณะเดินทางที่ไปปราสาทอาฮัมบรา ทำให้เธอนึกถึงรีซิสแทนซ์สมัยที่ยังต่อสู้กับเนโออาร์คาเดีย
     
    อีกอย่าง ถ้ามีเรื่องที่ต้องให้ฉันช่วย ฉันก็จะไปทันที นั่นล่ะที่เรียกว่า คู่หู’” ซีโร่ยิ้มมุมปากในโอกาสที่เห็นได้ยาก
     
    สายสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอสองคนน่าอิจฉาจริงๆ นะ
     
    พูดอะไรของเธอ สายสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเธอก็ไม่แพ้กันไม่ใช่เหรอ?
     
    ถ้อยคำที่ซีโร่พูดอย่างไม่ยากเย็นทำให้เชลหัวใจพองโต
     
    อืม!”
     
    หนทางสู่ลา โรแชลล์เหลืออีกไม่ถึงครึ่งทางแล้ว การเดินทางของพวกเธอทำท่าจะเป็นไปอย่างราบรื่น
     
    แต่จู่ๆ ซีโร่ก็หยุดเดิน
     
    มีอะไรเหรอซีโร่?
     
    ...มีอะไรกำลังมา
     
    หลังซีโร่พูดจบ ความเงียบที่เชลรู้สึกว่าเป็นความสงบร่มรื่นมาโดยตลอดก็เปลี่ยนเป็นความสงัดที่แฝงอันตราย ราวกับจากในป่าสองข้างทางจะมีอะไรออกมาได้ตลอดเวลา ซีโร่จับด้ามเซเบอร์ที่เอว สายตาสอดส่องมุมที่อาจมีผู้จู่โจมซ่อนอยู่ ราวกับทั้งป่ากำลังกลั้นหายใจ
     
    เสียงใบไม้ขยับ พร้อมกันนั้นอะไรบางอย่างก็พุ่งลงมาจากยอดไม้
     
    ซีโร่เร็วกว่านั้น ชักเซเบอร์ออกมาก่อนที่เสียงใบไม้จะดังขึ้นเสี้ยววินาที ฟันสวนสิ่งที่พุ่งเข้ามา
     
    การเคลื่อนไหวเหล่านั้นเร็วเกินไปสำหรับมนุษย์อย่างเชล ตอนที่สมองรับภาพได้อีกครั้ง ซีโร่ที่กำบังเธอก็ถูกเคียวขนาดใหญ่ฟันตั้งแต่ไหล่ซ้ายลงไป
     
    แซดเซเบอร์ไม่ทำงาน? เลเวียธานถามเสียงสูง
     
    อืม...คงเป็นเพราะความเสียหายจากการต่อสู้ที่ปราสาทอาฮัมบรา ยูนิตจ่ายพลังงานเกิดโอเวอร์ฮีทขึ้นมาตอนนั้น ถ้ารู้ล่วงหน้าก็ซ่อมได้ง่ายๆ แท้ๆ...
     
    แล้วศัตรูเป็นตัวอะไรกันแน่? รอยไหม้ที่ขอบแผลเป็นลักษณะของบาดแผลจากอาวุธที่มีความร้อนสูงมาก ที่โลกใบนี้ไม่น่าจะมีอะไรที่สร้างบาดแผลแบบนี้กับเรปลิลอยด์อย่างซีโร่ได้
     
    เชลก้มหน้า ครู่ต่อมาก็ส่ายหน้า
     
    ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน จากสมรรถนะศัตรูเหมือนกับจะเป็นเรปลิลอยด์สองตัว แต่ระดับความรู้สึกตัวเหมือนกับเป็นแค่เมคานิลอยด์
     
    ...งั้นก็เหมือนกับหุ่นจำลองของนานะเลยน่ะสิ ยัยนั่นมีรุ่นที่สมรรถนะเท่าเรปลิลอยด์ตัวจริงเก็บไว้ด้วยเหรอ? เลเวียธานขมวดคิ้ว เพราะไม่เคยได้ยินเรื่องอย่างนั้นจากนานะเลย และจากข้อมูลมากมายที่ได้รับมาก็ไม่คิดว่านานะจะตั้งใจซ่อนอะไรไว้ด้วย
     
    แต่สิ่งที่ฉันไม่เข้าใจมากที่สุด คือสิ่งที่ฉันสัมผัสได้จากหุ่นสองตัวนั้น
     
    สัมผัส? เพิ่งรู้ว่าเธอมีสัมผัสพิเศษอะไรแบบนั้นด้วย? เลเวียธานประหลาดใจ ปกติแล้วพวกที่จะพูดอะไรทำนองนั้นจะเป็นนักรบพูดถึงเรื่องรบๆ  หรือผู้ใช้เวทมนตร์พูดถึงเรื่องเวทมนตร์ๆ
     
    อาจจะเพราะสาเหตุเดียวกับที่ฉันมองเห็นไซเบอร์เอลฟ์ได้ก็ได้ ถ้าเธอได้สัมผัสซักครั้งก็จะรู้ได้เหมือนกัน สัมผัสที่ชั่วร้ายของโมเดลวี
     
    โมเดลวี? คำที่เลเวียธานไม่รู้จัก
     
    เป็นชื่อที่ฉันกับทีมวิจัยเรียกวัตถุที่ส่งอิทธิพลชั่วร้ายต่อสภาพจิตใจของเรปลิลอยด์ แท้ที่จริงมันคือชิ้นส่วนของดาวเทียมแร็กนาร็อค
     
    แร็กนาร็อค...
     
    เรื่องนี้นานะเคยพูดไว้แล้ว เศษซากวัตถุที่แผ่พลังชั่วร้ายที่เอ็กซ์กับเลเวียธานพบในป่าที่เยอร์มาเนีย ที่มาที่โลกนี้พร้อมกับซีโร่
     
    ชิ้นส่วนของแร็กนาร็อกสามารถเสริมสมรรถนะให้กับเครื่องจักรได้อย่างมหาศาล แต่ขณะเดียวกันก็ครอบงำจิตใจด้วยความคิดชั่วร้าย เป็นโลหะที่ราวกับมีชีวิต พวกเราเรียกว่า ไลฟ์เมทัล ที่โลกเดิมมีคนชั่วร้ายที่แอบใช้มันทำอะไรบางอย่างอยู่เบื้องหลัง หุ่นสองตัวนั้นอาจจะเป็นหุ่นที่สร้างขึ้นโดยใช้ชิ้นส่วนแร็กนาร็อคเป็นแก่น แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
     
    ที่ว่ามีพลังมหาศาลเนี่ย มากขนาดนั้นเลยเหรอ? เลเวียธานไม่ได้เห็นด้วยตัวเองจึงจินตนาการไม่ถูก
     
    ในโลกที่ไม่มีผู้กล้าในตำนานเหลืออยู่ เป็นภัยที่ร้ายแรงที่สุด โดยเฉพาะพฤติกรรมการครอบงำของมัน...เหมือนกับดาร์คเอลฟ์
     
    ด้วยคำนั้นคำเดียวเลเวียธานก็เข้าใจถึงความร้ายแรงของสถานการณ์
     
    ...เรื่องความอันตรายไว้ก่อน แต่มีหุ่นแบบนั้นเกิดขึ้นมาได้ยังไง? ในโลกนี้คนที่สร้างของแบบนั้นได้นอกจากเธอก็มีแต่นานะ ในเมื่อไม่ใช่เธอแน่นอนก็มีแต่นานะ...แต่จะติดต่อกับนานะก็ต้องผ่านมาเธอร์เอลฟ์
     
    มาเธอร์เอลฟ์อยู่กับเอ็กซ์ แล้วตอนนี้เอ็กซ์ก็อยู่ระหว่างเดินทางไปโรมาเลียสินะ...
     
    เลเวียธานพยักหน้าตอบ
     
    เรื่องแบบนี้ควรจะรีบบอกให้เอ็กซ์รู้โดยเร็วที่สุด
     
    แต่ก็ดันมาไม่อยู่เอาตอนนี้ซะด้วยนะ...ยัยราชินีนั่นดวงไม่ดีหรือยังไง ถึงได้เกิดเรื่องให้ฉันรู้สึกหงุดหงิดกับยัยนั่นอยู่เรื่อย
     
    เมื่อผู้เกี่ยวข้องที่สำคัญคนหนึ่งไม่อยู่ ก็ต้องจัดการกันแค่เท่าที่มีอยู่
     
    แล้วซีโร่...คงไม่ได้ตายไปแล้วหรอกนะ?
     
    ชิปบุคลิก ชิปประมวลผลกลาง ชิ้นส่วนที่สำคัญต่อการเป็นซีโร่ยังปลอดภัยดี แต่ยูนิตจ่ายพลังงานได้รับความเสียหาย ระบบซ่อมแซมอัตโนมัติก็ไม่ทำงาน ตอนนี้ก็เหมือนกับโคม่า
     
    แล้วซ่อมได้รึเปล่า?
     
    ถ้ามีอุปกรณ์...แต่ว่าในโลกนี้ ที่ที่มีอุปกรณ์แบบนั้นก็มีแต่ห้องทดลองของนานะ...
     
    ...สุดท้ายก็กลับมาที่คนที่ไม่อยู่อยู่ดีสินะ เลเวียธานพูดปนเสียงถอนใจ
     
    ว่าไปแล้ว เธอหนีกลับมาได้ยังไง? แถมยังพาซีโร่มาด้วยได้อีก?
     
    ...ถึงเซเบอร์จะโอเวอร์ฮีท ทำให้ใช้ระดับพลังงานต่ำสุดได้อย่างติดๆ ดับๆ  แต่ซีโร่ก็สร้างความเสียหายรุนแรงกับหุ่นโมเดลวีสองตัวนั้น ทำให้พวกมันหนีกลับไป หลังจากนั้นฉันก็แบกซีโร่ไปที่เมืองที่อยู่ใกล้ที่สุด แล้วส่งจดหมายถึงพวกเธอที่โรงเรียนนี้
     
    เลเวียธานจินตนาการความลำบากของเชลที่ต้องแบกซีโร่เป็นกิโลๆ
     
    จดหมายนั้นมาถึงหน่วยอัศวินระหว่างที่พวกเธอไม่อยู่ แล้วฉันก็มาเปิดอ่านเข้า คีร์เก้สรุปเหตุการณ์ที่นำไปสู่ตัวเองออกเดินทางไปรับพวกเชลกลับมา
     
    ถ้างั้นคงไม่มีการโจมตีแบบนั้นอีกซักพัก...ถ้าจนกว่าท่านเอ็กซ์จะกลับมาเลยก็ดีหรอก เลเวียธานสรุปสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนัก
     
    ซีโร่ที่เป็นไพ่ตายก็หลุดจากเกมไปก่อนแล้ว คนที่เหลือก็มีร่างกายเป็นมนุษย์ ถ้าโดนแบบซีโร่คงไม่จบแค่รอซ่อม
     
    ว่าแต่ใครที่เป็นคนส่งของแบบนั้นไป? คีร์เก้ถาม ทำให้เลเวียธานนึกได้ว่ามีหลายเรื่องที่คีร์เก้คงยังไม่รู้
     
    ที่พวกเราไปหาราชินีน่ะ ถูกใช้ให้ไปอัลเบี้ยน...
     
    ...
     
    .....
     
    มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นระหว่างที่ฉันไม่ได้ไปด้วยเหรอเนี่ย...แบบนี้เรียกว่าโชคดีได้มั้ยเนี่ย?
     
    โชคดีนั่นล่ะย่ะ ของแบบนั้นไม่ต้องไปเจอมันหรอก
     
    เลเวียธานเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง แต่ไม่เปิดเผยตัวจริงของทิฟฟาเนียซึ่งจะย้ายมาเข้าเรียนในเร็ววัน
     
    สรุปว่ากาเลียมีคนมาแทนเพื่อนของเอ็กซ์แล้ว เป็นฝีมือของยัยคนนั้นสินะ ฮ่า ไม่จบไม่สิ้นซะทีน้า~”
     
    เรื่องของศัตรูสันนิษฐานไปไม่ได้มากกว่านี้ จึงหยุดไว้และเปลี่ยนมาเป็นเรื่องต่อจากนี้ไป
     
    ร่างของซีโร่คงต้องขอเก็บไว้ในนี้ก่อน ได้ใช่มั้ย? เลเวียธานถามหน่วยอัศวิน
     
    อา ไม่มีปัญหา ไซโตะตอบทันที สมาชิกหน่วยที่อยู่ด้านหลังมองหน้ากันอย่างลังเล แต่ก็ไม่มีใครค้าน
     
    ที้นี้ก็เป็นเธอแล้ว เชล
     
    ฉันเหรอ?
     
    เธอยังไงก็คงจะอยู่ที่นี่ ถ้างั้นก็ต้องทำงานทดแทนค่ากินค่าอยู่
     
    ได้สิ งานอะไรเหรอ?
     
    เลเวียธานฉีกยิ้ม
     
    [...]
     
    [.....]
     
    ดังนั้นเชลจึงกำลังเดินถือขวดไวน์เข้าไปที่โต๊ะนักเรียนปีหนึ่งด้วยความประหม่าในชุดสาวใช้อย่างตอนนี้
     
    เลเวียธานและเชลต่างมีประสบการณ์ในการเป็นพนักงานเสิร์ฟ(ที่ร้านเดียวกันอีกด้วย แม้ทั้งคู่จะไม่รู้) แต่ทั้งระยะเวลาและพรสวรรค์ เลเวียธานเหนือกว่าหลายขั้น ในเวลาไม่นานจึงทำงานได้ใกล้เคียงกับสาวใช้ที่อยู่มานาน และกลายเป็นผู้ดูแลมือใหม่ด้วยกันอย่างเชลไปโดยปริยาย
     
    ในความเป็นจริงสถานศึกษาที่มีเกียรติอย่างสถานศึกษาเวทมนตร์ทริสเทนนี้ไม่ว่าสาวใช้หรือพ่อครัวต่างก็รับเฉพาะผู้ที่มีหลักฐานรองรับความเชี่ยวชาญในตำแหน่ง หัวหน้าพนักงานชาย พ่อครัวมาร์โตนั้นก็ไม่ใช่แค่คนทำอาหารที่มีอยู่ดาษดื่นทั่วไป สาวใช้เช่นเซียสต้าต่างก็ผ่านโรงเรียนสอนการเป็นสาวใช้มาทุกคน
     
    ดังนั้นจู่ๆ การที่เชลจะเข้ามาทำงานเช่นนี้โดยปกติแล้วเป็นไปไม่ได้ แต่เป็นเพราะคำขอของเลเวียธานซึ่งเข้ามาทำงานด้วยสถานการณ์พิเศษกับได้พิสูจน์ความสามารถของตัวเองไปแล้ว และคำยืนยันว่าจะรับผิดชอบเชลเอง ทางโรงเรียนจึงอนุญาตให้ทดลองงานได้ โดยมีข้อแม้ว่าภายในหนึ่งสัปดาห์ต้องกลายเป็นสาวใช้ที่ทำหน้าที่ได้ไม่ขาดตกบกพร่อง
     
    เลเวียธานดูเชลรินไวน์ให้นักเรียนปีหนึ่งสามสี่คน จนพอวางใจได้แล้วก็ถือขวดไวน์ตัวเองไปที่โต๊ะปีสามบ้าง เริ่มจากนักเรียนชายที่อยู่หัวโต๊ะ
     
    เติมไวน์ไหมคะ?
     
    อ—อา...
     
    วีรกรรมฝาครอบถาดบินเมื่อครู่ไม่มีใครในห้องที่ไม่เห็น รวมถึงนักเรียนที่บริเวณหัวโต๊ะด้วย
     
    แต่ท่วงท่าที่ทั้งสง่าและนอบน้อม รอยยิ้มที่สำรวมและเป็นมิตรซึ่งไม่ว่าเมื่อครู่หรือขณะนี้ก็ไม่ย่อหย่อน รูปร่างหน้าตาเองก็เป็นคะแนนบวกมากกว่าคะแนนลบ รวมกันแล้วทำให้มีบรรยากาศลึกลับแบบที่ต่างจากทิฟฟาเนีย นักเรียนชายที่ได้รับการบริการในระยะใกล้ต่างอดที่จะมองไม่ได้
     
    ขณะที่ทิฟฟาเนียมีคนมาติดตามห้อมล้อมอย่างออกนอกหน้า เลเวียธานก็เริ่มตกเป็นเป้าสายตาในวงที่แคบกว่าอย่างเงียบๆ
     
    [...]
     
    [.....]
     
    สามวันต่อมา เลเวียธานยังคงทำงานเป็นสาวใช้ได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นเคย แม้เบื้องหลังจะเริ่มบ่นว่าเบื่อและอยากให้เอ็กซ์กลับมารับผิดชอบหน้าที่ตัวเองต่อเสียที เชลชินกับงานมากขึ้น แต่ความซ้ำซากของงานทำให้สมองที่มักจะมีเรื่องให้วิจัยขบคิดอยู่เสมอเริ่มรู้สึกอึดอัด
     
    วันนี้ก็เช่นเคย เลเวียธานกับเชลที่กลับจากทำธุระที่หอคอยไฟเดินผ่านลานเวสทรี่ไปที่ประตูหน้าของหอคอยกลางเพื่อจะไปเก็บกวาดหลังมื้อเช้าของนักเรียน ระหว่างทางก็เห็นนักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่งอยู่ที่กลางสนาม
     
    เลเวียธาน นั่น...
     
    ทิฟฟาเนียกับนักเรียนปีหนึ่ง
     
    เลเวียธานรู้ได้จากสีผ้าคลุมที่เป็นสีน้ำตาล ไม่ใช่เพราะจำหน้าได้แต่อย่างใด
     
    ดูบรรยากาศไม่ค่อยเป็นมิตรเลยนะ หรือว่า...จะถูกรังแกอยู่รึเปล่า?
     
    ...สงสัยว่าจะใช่
     
    เลเวียธานยืนดูอยู่ห่างๆ เพื่อไม่เป็นการแสดงตัวและเพ่งประสาทฟังเสียงที่กำลังพูดกัน
     
    การสนทนาดำเนินไป ทิฟฟาเนียถอยหลังและกำปลายหมวกไว้ นักเรียนหญิงสี่ในห้าคนเข้าไปแย่งหมวกมาจากทิฟฟาเนีย
     
    อะ! ถ้าถูกถอดหมวกคนจะรู้ว่าคุณทิฟฟาเนียเป็นเอลฟ์! ต้องห้ามแล้วค่ะ!”
     
    เลเวียธานก้าวออกไปก้าวหนึ่งแล้วก็หยุด มองเด็กหนุ่มผมดำวิ่งเข้าไปแทรกระหว่างสองฝ่าย ไซโตะนั่นเอง
     
    หลังจากนั้นกีชกับมอนท์โมรันซี่ก็มาผสมโรง แต่ทั้งที่มีนักเรียนปีสามถึงสามคน และสองคนในนั้นเป็นถึงราชองครักษ์ กลุ่มนักเรียนหญิงห้าคนก็ไม่มีท่าทีเกรงกลัวแม้แต่น้อย กลับเป็นฝ่ายกีชที่นอบน้อมถ่อมตัวก้มหัวปะหลกๆ ให้นักเรียนหญิงผมทรงทวินเทลคนหนึ่งในกลุ่ม
     
    พอนักเรียนกลุ่มนั้นเดินออกไป เลเวียธานกับเชลก็เข้าไปหา
     
    พวกเธอ...เมื่อกี้ดูอยู่เหรอ? กีชถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ
     
    ใช่ แล้~วก็เห็นท่าทางน่าสมเพชของพวกนายหมดทุกช็อต เลเวียธานยิ้มแซวกีชกับมอนท์โมรันซี่
     
    ฮ่า...เธอนี่นับวันจะเหมือนเซิร์บสต์เข้าไปทุกทีแล้วรู้ตัวบ้างรึเปล่า กีชถอนใจ
     
    อ—อะไรกันยะ เธอไม่รู้เรื่องตระกูลพวกเราซะหน่อย มอนท์โมรันซี่ปกป้องตัวเองเท่าที่ทำได้
     
    ได้ยินหมดแล้วย่ะ ยัยเด็กที่ชื่อ [เบียทริซ] นั่นเป็นลูกสาวของผู้ปกครองประเทศราชของทริสเทนที่ไหนซักแห่ง แล้วที่บ้านพวกนายเดือดร้อนเรื่องเงินจนไปยืมบ้านยัยเด็กนั่นเข้า ลูกอย่างพวกนายเลยต้องนอบน้อมลูกของเจ้าหนี้ด้วย
     
    แหงะ...
     
    ถึงจะเล่าให้ไซโตะฟังเองเมื่อครู่ แต่พอถูกอีกคนมาพูดก็แทงใจดำกีชกับมอนท์โมรันซี่ไม่ใช่น้อย
     
    ยังไงก็ช่าง ไซโตะ ราชรัฐกุลเด็นฮอร์ฟมีทุนทรัพย์พอจะบริหารประเทศได้ด้วยตนเอง ซ้ำกำลังทหารเองก็ไม่ธรรมดา
     
    กีชชี้ให้พวกไซโตะกับเลเวียธานมองไปทางประตูหน้า เลยประตูหน้าออกไปด้านนอกมีเต็นท์ตั้งเรียงกันอยู่ เป็นค่ายของคนกลุ่มหนึ่ง กับมังกรอีกยี่สิบสี่ตัว
     
    หน่วยอัศวินเวหาหุ้มเกราะที่เลื่องชื่อว่าเป็นรองเพียงกองอัศวินมังกรของอัลเบี้ยน [ลุฟต์ แพนเซอร์ ริตเตอร์]”
     
    พาทหารมาโรงเรียนด้วยเนี่ยนะ? ไซโตะถามอย่างเหลือเชื่อ
     
    พวกคนรวยก็ชอบอวดยังงี้ล่ะ กีชพูดเสียดสี
     
    ชนชั้นสูงนินทาชนชั้นสูงด้วยกันเรื่องความรวย ไซโตะรู้สึกเหมือนกับได้บรรลุสัจธรรมชั่วพริบตาหนึ่ง
     
    จะหน่วยรบชื่อดังหรืออะไรก็ช่าง ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาฉันช่วยเอง ไม่ต้องห่วงนะทิฟา ไซโตะหันให้คำสัญญาเป็นมั่นเหมาะ แต่ถูกกีชสวนขึ้นทันที
     
    ไซโตะ ฉันเข้าใจความรู้ของนาย แต่ในฐานะหัวหน้าขอเตือนว่าอย่ายุ่งดีกว่า
     
    อยู่ๆ ปอดอะไรของนายขึ้นมา? เทียบกับที่กาเลียแล้วแค่นี้สิวๆ
     
    กีชส่ายหัว ไม่ใช่เรื่องชนะได้ไม่ได้ แต่เราเป็นหน่วยราชองครักษ์ อีกฝ่ายเป็นกองทัพของราชรัฐที่มีอิทธิพล เรื่องอะไรที่เกิดขึ้นระหว่างเราส่งผลถึงทริสเทนทั้งนั้น อุตส่าห์รอดเรื่องที่กาเลียมาได้หวุดหวิด นายอยากเพิ่มภาระให้ฝ่าบาทอีกรึไง?
     
    ไซโตะฟังแล้วก็มีแต่ต้องยอมรับ ตำแหน่งและบรรดาศักดิ์ที่ได้มาให้ความสะดวกหลายอย่างก็จริง แต่ก็มีความรับผิดชอบที่ไม่พึงประสงค์ติดมาด้วยเช่นกัน คิดอย่างนี้แล้วไซโตะเริ่มจะเข้าใจว่าทำไมชนชั้นสูงที่เป็นผู้ใหญ่แต่ละคนถึงได้เคร่งเครียดกันนัก
     
    ไซโตะ ไม่เป็นไรหรอก แค่ความรู้สึกฉันก็ดีใจแล้ว แต่ว่าเรื่องของฉันฉันต้องจัดการเอง
     
    แต่ว่า...!”
     
    ใส่หมวกในห้องเรียนเป็นความผิดของฉันเอง อีกอย่างการโกหกก็เป็นเรื่องที่ไม่ดี
     
    ใบหน้าของทิฟฟาเนียเป็นของคนที่ตัดสินใจอะไรบางอย่าง
     
    คุณทิฟฟาเนีย ถ้าหากมีเรื่องที่ต้องการความช่วยเหลือล่ะก็... เชลชั่งใจก่อนจะพูดกับทิฟฟาเนีย
     
    เชลกับทิฟฟาเนียทั้งที่เป็นคนรู้จักกันแต่ตั้งแต่มาอยู่ที่โรงเรียนก็ได้คุยกันแค่ผ่านๆ  ทิฟฟาเนียถามว่าเห็นจดหมายที่เขียนทิ้งไว้ที่อัลเบี้ยนหรือ เชลก็เล่าให้ฟังว่ายังไม่ทันไปก็เกิดเรื่องเสียก่อน ต่างฝ่ายรู้ว่าจะได้เห็นหน้ากันที่นี่อีกนานพอสมควรแล้วก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง
     
    ได้รู้ว่ามีคนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีด้วยอยู่ในสถานที่เดียวกันช่วยทำให้ทิฟฟาเนียเบาใจขึ้น แต่ก็เพียงแค่เล็กน้อยเมื่อเทียบกับความเหงาที่ต้องจากเด็กๆ และชีวิตในหมู่บ้านกลางป่าที่ไร้แสงสีแต่สงบและมีความสุขมาสู่โลกภายนอกที่อึกทึกและเร่งรีบกว่าที่จินตนาการไว้
     
    ขอบคุณคุณด้วยนะคะ มีคนเป็นห่วงฉันมากมายขนาดนี้ฉันดีใจจริงๆ  แล้วก็ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้เป็นห่วง
     
    แล้วทิฟฟาเนียก็เดินกลับเข้าหอคอยไป ไซโตะมองตามหลังไปด้วยความเป็นห่วง
     
    ไซโตะ เลเวียธานเรียกด้วยน้ำเสียงเตือน อย่าเข้าไปยุ่ง ไม่งั้นนายจะเดือดร้อนซะเอง
     
    รู้แล้วล่ะน่า...กะอีแค่บอดี้การ์ดของยัยเด็กแก่แดด...
     
    ไม่ใช่เจ้าพวกนั้น หลุยส์ตะหากย่ะ แค่นี้ยัยนั่นก็อารมณ์เสียพออยู่แล้ว
     
    หลุยส์น่ะนะ?
     
    อย่าบอกนะยะว่าไม่รู้ตัวเลย? เลเวียธานพูดอย่างเอือมระอา ถ้าเรื่องตัวเองยังลูกผีลูกคนก็อย่าไปยุ่งเรื่องคนอื่น ประสบการณ์ตรงจากคนที่ติดตามคนที่ทำอย่างนั้น
     
    ไซโตะรู้ทันทีว่าหมายถึงเอ็กซ์ จริงอยู่ที่เอ็กซ์เมินปัญหาที่เกิดกับตัวเองจนบานปลายเป็นเรื่องใหญ่ แต่เรื่องของเขาเองคงไม่ไปถึงขั้นนั้น
     
    ความคิดนั้นบ่งบอกว่าการอยู่กันมาเกือบหนึ่งปียังช่วยให้ไซโตะเรียนรู้จิตใจของหลุยส์ได้ไม่มากพอ
     
    ในขณะนั้น หลุยส์ที่นั่งสัปหงกอยู่ในห้องเรียนของปีสามขอบตาคล้ำราวกับตั้งแต่เริ่มปียังไม่เคยได้พักผ่อน อัดแน่นไปด้วยความอ่อนล้าและความหงุดหงิด เพื่อนร่วมห้องต่างมองแล้วกระซิบกระซาบ
     
    และไซโตะก็ยังคงไม่สังเกตเห็นอาการภายนอกเหล่านั้น
     
    [...]
     
    [.....]
     
    วันต่อมา หลังจากคนงานเพิ่งจะเก็บกวาดหลังมื้อเช้าของนักเรียนเสร็จหมาดๆ  เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่คาบเรียนแรกเพิ่งจะเริ่มเรียนได้ไม่นาน
     
    เลเวียธานกำลังเข็นรถเข็นที่มีจานและแก้ววางซ้อนกันออกทางด้านหลังหอคอยเพื่อนำไปล้าง เป็นหนึ่งในงานที่เลเวียธานขยาดที่สุด เพราะมันประกอบด้วยสิ่งที่รักที่สุดอย่างน้ำ และสิ่งที่เกลียดที่สุดอย่างสิ่งปนเปื้อน
     
    การเดินอย่างไร้ความกระตือรือร้นของเลเวียธานถูกขัดจังหวะด้วยเสียงกระจกแตก เลเวียธานกับสาวใช้คนอื่นๆ ที่ตื่นตระหนกหันไปมองทางต้นเสียง
     
    มังกรราวสิบตัวล้อมห้องเรียนชั้นล่างของหอคอยหนึ่ง หน้าต่างทุกบานของห้องเรียนห้องนั้นแตกละเอียด มองเห็นอัศวินในชุดเกราะสีฟ้าราวสิบคนภายใน
     
    หน่วยอัศวินเวหาของราชรัฐกุลเด็นฮอร์ฟ [ลุฟต์ แพนเซอร์ ริตเตอร์]
     
    เรื่องที่กลุ่มนั้นจะเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยในช่วงนี้ก็มีอยู่แค่เรื่องเดียว เลเวียธานขมวดคิ้วและเฝ้ามองเหตุการณ์
     
    เลเวียธานเห็นทิฟฟาเนียที่ถอดหมวกยืนตัวสั่นอยู่ในห้อง เห็นหนึ่งในอัศวินชึ้คทาใส่ฮาล์ฟเอลฟ์สาว เห็นอัศวินคนหนึ่งกระชากตัวเด็กผู้หญิงที่ไร้ทางสู้ขึ้นหลังมังกรและพาบินไปทางหน้าโรงเรียน
     
    เลเวียธานยินดีทิ้งกองจานสกปรกและวิ่งอ้อมหอคอยกลางตามฝูงมังกรไปทันที อาศัยการที่ความสนใจของนักเรียนทั้งหมดอยู่ที่ฝูงมังกร เปลี่ยนร่างตัวเองให้โปร่งแสง สลัดชุดสาวใช้ออก เลเวียธานไปถึงจุดที่มังกรร่อนลงเป็นคนแรกโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
     
    ตอนที่เลเวียธานไปถึง หน่วยอัศวินก็ตีวงพร้อมทั้งชักคทาออกมาชี้ไปที่ทิฟฟาเนียที่ถูกล้อมไว้
     
    เลเวียธานไล่ความเป็นไปได้ที่ทิฟฟาเนียจะทำอะไรด้วยตัวเองก่อน
     
    อาวุธเพียงหนึ่งเดียวของทิฟฟาเนียคือคาถาลบความทรงจำ ซึ่งเมื่อมีผู้พบเห็นมากถึงขนาดนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ก่อนหน้านั้นการจะร่ายตัวคาถาเองก็เป็นไปไม่ได้ในวงล้อมของศัตรูเช่นนี้
     
    เลเวียธานบอกไซโตะไปว่าอย่ายุ่ง แต่ขนาดนี้ไม่อยู่ในข่ายที่จะปล่อยให้จัดการตัวเองแล้ว แม้จะรู้อย่างนั้นเลเวียธานก็ไม่อยากให้ตัวเองเป็นคนลงมือจนกว่าจะเป็นหนทางสุดท้าย ดังนั้นเลเวียธานจึงตัดสินใจรอให้กลุ่มนักเรียนและอาจารย์มาถึงเสียก่อน
     
    ทว่าตอนนั้นเองที่บทสนทนาระหว่างทิฟฟาเนียกับฝ่ายอัศวินก็ดังมาเข้าหูเลเวียธาน
     
    ฮึ อยากจะเป็นเพื่อนกับทุกคนงั้นเหรอ? คิดว่าจะหลอกพวกเราได้รึไง ฮาลเคกิเนียเป็นศัตรูกับเอลฟ์มาช้านาน ไม่ว่ายังไงก็ตาม เอลฟ์เป็นคู่อาฆาตของพวกเรา เบียทริซพูดพลางยิ้มอย่างคนเหนือกว่า
     
    จริงอยู่ที่ฮาลเคกิเนียขัดแย้งกับเอลฟ์ แต่ในตัวของฉันก็มีทั้งสายเลือดของแม่ที่เป็นเอลฟ์กับพ่อที่เป็นมนุษย์ เป็นคนที่ฉันรักทั้งคู่!”
     
    ฮะ? ฮาล์ฟเอลฟ์เหรอ? ผู้ชายที่ขายวิญญาณให้เอลฟ์ คนแบบนั้นชั่วช้ากว่าพวกเอลฟ์เป็นไหนๆ
     
    มือขวาของเลเวียธานขยับ
     
    อย่าว่าพ่อฉันนะ!”
     
    อย่าขยับ!! ไม่งั้นหูน่าเกลียดของแกขาดกระจุยแน่!”
     
    ทิฟฟาเนียก้าวไปข้างหน้าด้วยความโกรธ แต่ถูกอัศวินตะโกนขู่ทันที
     
    เรารู้ว่าเอลฟ์อย่างพวกแกใช้เวทมนตร์ชั่วร้ายได้โดยไม่ต้องมีคทา
     
    ฉ—ฉันใช้เวทมนตร์โบราณไม่เป็น แล้วเวทมนตร์โบราณก็ไม่ได้ชั่วร้ายด้วย แม่บอกฉันเอง เวทมนตร์จะดีหรือชั่วอยู่ที่คนใช้
     
    หุบปาก! ไม่มีใครเชื่อคำพูดของแกหรอก!”
     
    มุมปากเลเวียธานตกลง
     
    พอแล้ว เบียทริซพูดแทรก มิสเวสต์วู้ด ถ้าอยากจะ เป็นเพื่อนกับทุกคนจริง ก็ต้องพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ใช่ชาวทะเลทรายที่ไร้อารยธรรม นับถือเทพองค์เดียวกับเราซะ คือศาสดาบริมิร์ คิดว่าทำได้มั้ย?
     
    เบียทริซพูดอย่างท้าทาย
     
    ตอนอยู่ที่อัลเบี้ยนมีแท่นบูชาที่แม่กับฉันสวดภาวนาทุกอาทิตย์ ฉันไม่รู้ว่าแม่ศรัทธาจริงแค่ไหน แต่ถ้าเพื่อให้อยู่ร่วมกับทุกคนได้ ฉันก็เต็มใจ
     
    คำพูดนั้นได้รับความเชื่อถือเพียงใด ฟังเสียงพ่นลมที่ดังขึ้นรอบข้างก็รู้
     
    ส้นเท้าขวาเลเวียธานกระดกขึ้นลง
     
    เบียทริซแสยะยิ้มราวกับรอโอกาสนี้อยู่
     
    แค่ลมปากเชื่อถือไม่ได้ อา ถ้าอย่างนั้น...
     
    หลังจากทำทีเป็นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เบียทริซก็ยิ้มออกมาอีก
     
    ในเมื่อเธอพูดว่าจะยอมนับถือองค์ศาสดาบริมิร์ จะนับถือเทพองค์เดียวกับพวกเราชาวฮาลเคกิเนีย ฉะนั้นก็ต้องแสดงหลักฐานต่อหน้าดวงวิญญาณของบรรพบุรุษและตัวแทนของศาสนจักร หลักฐานว่าไม่ใช่คนนอกศาสนา นี่ล่ะคือการสอบสวนคนนอกรีต
     
    เบียทริซยกมือขึ้นกวักส่งสัญญาณ จากนั้นอัศวินก็นำหม้อขนาดใหญ่สำหรับทำอาหารออกมาจากเต็นท์และวางลงบนกองไฟ อัศวินอีกคนใช้คาถาไฟเร่งอุณหภูมิน้ำข้างในจนเดือดอย่างรวดเร็ว
     
    จากนี้เธอจะลงไปในหม้อใบนั้น หากเป็นผู้ศรัทธาในองค์ศาสดาบริมิร์จริง น้ำในนั้นก็จะเป็นแค่น้ำอุ่น แต่หากเป็นคนนอกรีตที่น่ารังเกียจก็จะถูกต้มทั้งเป็น
     
    ในตอนที่ความคิดเรื่องไม่เข้าไปยุ่งปลิวไปจากสมองของเลเวียธานนั้นเองที่กลุ่มนักเรียนตามมาถึงและตีวงล้อมหน่วยอัศวินอีกชั้นหนึ่ง
     
    เลเวียธานคลายสภาพโปร่งใสและกลืนไปกับกลุ่มนักเรียน เฝ้าดูไซโตะแหวกกลุ่มนักเรียนออกไปเผชิญหน้ากับหน่วยอัศวิน ยอมคุกเข่าก้มหัวเพื่อขอให้ปล่อยทิฟฟาเนียไป เห็นอัศวินร่ายคาถาโจมตีก่อนไซโตะจะทันได้จับด้ามดาบ
     
    ช่างน่าอิจฉาจริงๆ มิสเวสต์วู้ด แม้แต่คนของหน่วยอัศวินอองดีนก็เข้าข้างเธอ ฉันจะปรานีซักครั้งและให้โอกาส ออกจากโรงเรียนนี้และกลับไปบ้านนอกที่เธออยู่ซะ แล้วฉันจะลืมที่เธอเคยทำเสียมารยาทกับฉันไว้
     
    ทิฟฟาเนียที่หันไปมองไซโตะด้วยความเป็นห่วงถูกเรียกกลับมาด้วยคำยิ้มย่องของเบียทริซ
     
    ใบหน้าของทิฟฟาเนียผู้ยอมคนอื่นอยู่เสมอเป็นความโกรธ
     
    ...คุณเป็นคนที่น่าสงสารจริงๆ
     
    หา?
     
    ถ้าทุกอย่างไม่ถูกใจก็ยอมไม่ได้ เด็กจริงๆ  คุณน่ะ
     
    ใบหน้าของเบียทริซที่กระหยิ่มยิ้มย่องมาตลอดบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ
     
    การออกมาเห็นโลกภายนอกเป็นความฝันของฉัน ถ้าฉันกลับไปเพราะคนขี้ขลาดอย่างคุณ จะกล้าสู้หน้าพวกไซโตะที่อุตส่าห์ทำให้ความฝันของฉันเป็นจริงได้ยังไง
     
    เบียทริซกัดฟันกรอดแล้วตะโกนเสียงดัง
     
    ในนามของตระกูลกุลเด็นฮอร์ฟ ขอเริ่มการสอบสวนคนนอกรีต ณ บัดนี้! ลุฟต์ แพนเซอร์ ริตเตอร์!”
     
    อัศวินเวทในชุดเกราะสามคนย่ำเข้าไปหาทิฟฟาเนีย
     
    เคล้ง! ซ่า!
     
    สายตาทุกคู่เลื่อนไปทางเสียงประหลาด ซึ่งก็คือหม้อที่พลิกข้างเทน้ำเดือดออกมาดับกองไฟที่อยู่ข้างใต้
     
    ตัวการคือโกเลมทรงวาลคีรี่ที่สร้างขึ้นจากสัมฤทธิ์
     
    กีช!” นักเรียนที่อยู่รายรอบร้องขึ้นพร้อมกัน
     
    เจ้าของชื่อยืนอยู่หน้าแถวของฝูงชน มือถือกุหลาบปลอมตัวสั่นงันงก
     
    มิสเตอร์กรามองต์ หมายความว่ายังไงกัน? ตั้งใจจะต่อต้านตระกูลกุลเด็นฮอร์ฟงั้นรึ?
     
    เปล่า คือว่า... กีชถูกเบียทริซจ้องจนหงอ มือมัน...ขยับไปเองน่ะครับ นี่แน่ะ นี่แน่ะ
     
    กีชตีมือตัวเอง
     
    กรุณาอย่าเล่นลิ้น
     
    เปล่า คือว่า... กีชมองล่อกแล่กซ้ายขวา จนในที่สุดดูเหมือนจะปลงตกได้ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
     
    ฮ่า~~~ ทำยังไงดีน้า...เป็นการสอบสวนคนนอกรีตแท้ๆ  ...ทำยังไงดีน้า...อีกฝ่ายเป็นราชรัฐกุลเด็นฮอร์ฟแท้ๆ  ...ทำยังไงดีน้า...มีหน่วยอัศวินเวหาหุ้มเกราะอีกตะหาก ไม่ไหวจริงๆ เลยฉันเนี่ย พอมีคนเยอะๆ ทีไรอยู่เฉยไม่ได้ต้องทำเท่ บ้าจริงๆ เลย ฉันนี่มันบ้าจริงๆ
     
    มิสเตอร์กรามองต์?
     
    ถูกเรียกชื่ออีกครั้งเหมือนจะทำให้กีชเตรียมใจได้ กีชยืดตัวตรง ใบหน้าขึงขัง
     
    การทอดทิ้งสุภาพสตรี เด็ก และสหายเป็นความอับอายของอัศวิน ตายในฐานะคนนอกรีตก็ด่างพร้อยเกียรติของตระกูล ถ้าอย่างนั้นก็มีทางเดียว คือชี้ถูกชี้ผิดด้วยคทาด้ามนี้
     
    เสียงของกีชที่ชี้กุหลาบปลอมไปทางหน่วยอัศวินเวหาที่ว่ากันว่าแกร่งที่สุดในฮาลเคกิเนียนั้นไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความลังเล
     
    เพราะเป็นกีชที่เกิดมาในตระกูลทหาร ที่ถูกปลูกฝังเรื่องการเดิมพันชีวิตมาตั้งแต่เด็ก
     
    กีช บุตรคนที่สี่ของตระกูลกรามองต์ ขอประมือกับพวกท่าน
     
    การกระทำของกีชส่งผลทันทีต่อมาลิคอร์นที่ยืนดูอยู่ไม่ไกล
     
    โอ้!!!~~~ หน่วยอัศวินอองดีน ตามหัวหน้าไป!!!~~~”
     
    สมาชิกหน่วยอัศวินอองดีนชักคทาออกมาพร้อมกัน ใบหน้าไร้ความกลัว
     
    ความโมโหของเบียทริซขึ้นสู่จุดสูงสุดนั้นมองเห็นจากใบหน้าได้อย่างชัดเจน
     
    ลุฟต์ แพนเซอร์ ริตเตอร์ เคลื่อนพล!”
     
    เสียงแผ่นโลหะเคล้งคล้างดังพร้อมกับที่อัศวินหุ้มเกราะเดินออกมาข้างหน้า คนที่ร่างใหญ่ที่สุดเดินออกมาข้างหน้าสุดและชี้คทามาที่พวกกีช คาดว่าเป็นหัวหน้าหน่วย จากช่องบนหมวกเหล็กมองเห็นหนวดปลายแหลมชี้สองข้างขยับตามเสียงพูด
     
    นักเรียนเล่นเป็นอัศวิน อย่าคิดว่าจะจบแค่เจ็บตัวล่ะ
     
    กีชยิ้มตอบ แต่ไม่ใช่รอยยิ้มยามปกติ เป็นรอยยิ้มเลือดเย็นแบบเดียวกับครั้งที่ทรมานไซโตะด้วยบรอนซ์วาลคีรี่
     
    จะจำไว้ใส่ใจ เอาล่ะ อยากได้รูเพิ่มตรงไหนก็ขอให้บอกมาได้เลย วาลคีรี่ของผมจะจัดการให้เอง
     
    ใบหน้าใต้หน้ากากหมวกแดงก่ำด้วยความโกรธ ก่อนที่ศรน้ำแข็งจะพุ่งเข้ามาหากีช แต่บรอนซ์วาลคีรี่สองตัวไขว้หอกข้างหน้ากีชที่ยืนท่าเดิมอย่างไม่เกรงกลัว ศรน้ำแข็งกระทบกับหอกสั้นและแตกสลายไป
     
    ในจังหวะเดียวกันนั้นมาลิคอร์นก็ร่ายคาถาเสร็จ หัวหน้าหน่วยที่เลือดขึ้นหน้าจนตอบสนองไม่ทันถูก<แอร์แฮมเมอร์>เข้าเต็มเปา กระเด็นกระดอนไปกับพื้นด้วยน้ำหนักของชุดเกราะที่สวมและจบลงด้วยแขนที่บิดผิดรูป
     
    เสียงร้องของหัวหน้าหน่วยอัศวินเป็นสัญญาณเปิดฉากยิง
     
    เวทมนตร์หลากชนิดยิงตอบโต้กันทั้งซ้ายขวา บริเวณหน้าโรงเรียนกลายเป็นสนามรบขนาดย่อมไปอย่างแท้จริง
     
    โดยปกติแล้วหน่วยอัศวินอองดีนย่อมถูกหน่วยอัศวินมังกรบดขยี้ในพริบตา ความแตกต่างระหว่างความสามารถและประสบการณ์มีมากถึงเพียงนั้น
     
    ทว่าหน่วยอัศวินมังกรไม่ได้อยู่บนหลังมังกร ศักดิ์ศรีเป็นตัวถ่วงให้ไม่สามารถใช้พาหนะกับคู่ต่อสู้ที่เป็นแค่เด็กได้ ส่งผลต่อเนื่องให้ชุดเกราะหนักที่สวมกลายเป็นเพียงตัวถ่วงซ้ำสอง ในทางกลับกันหน่วยอัศวินอองดีนต่อสู้ในถิ่นของตัวเองที่ใช้ฝึกซ้อมทุกวัน ทั้งยังได้รับขวัญกำลังใจอย่างเต็มเปี่ยมจากความกล้าหาญของหัวหน้าและเสียงเชียร์ของนักเรียน(โดยเฉพาะนักเรียนหญิง)
     
    เมื่อคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้แล้ว การต่อศู้ออกมาค่อนข้างสูสี
     
    ไซโตะที่นอนแขนเจ็บสองข้างอยู่กับพื้นมองดูการต่อสู้อย่างไร้ความกระตือรือร้น หากไม่มีใครใช้เวทมนตร์น้ำช่วยรักษาแขนไซโตะก็จับดาบขึ้นมาต่อสู้ในฐานะกันดาล์ฟร์ไม่ได้ ไซโตะซึ่งถูกลืมโดยเหล่านักเรียนหญิงที่ยังห้อมล้อมตัวเองจนถึงเมื่อวานจึงได้แต่นอนอยู่กับที่
     
    ท่ามกลางห่าฝนเวทมนตร์ที่ยิงไปทุกทิศทาง ศรน้ำแข็งดอกหนึ่งพุ่งไปทางทิฟฟาเนีย
     
    ศรดอกนั้นถูกปลายหอกสีขาวชมพูทำลายทิ้งกลางอากาศ ศรอีกสองดอกกับลูกไฟอีกสองลูกก็ถูกเลเวียธานที่เข้ามายืนขวางปัดออกไปอย่างไม่ยากเย็น
     
    ถอยไปไกลๆ  เดี๋ยวจะโดนลูกหลง
     
    ข—ขอบคุณค่ะ
     
    ทิฟฟาเนียยังตกใจแต่ก็ยอมถอยห่างจากจุดอันตราย เมื่อหันกลับไปอีกครั้งก็เห็นผู้หญิงที่ปกป้องตัวเองถือหอกค่อยๆ เดินเข้าสู่สมรภูมิอย่างไร้ความเกรงกลัว
     
    ด้านหน่วยอัศวินมังกรกำลังกัดฟันเจ็บใจที่ต้องตึงมือกับแค่เด็กเล่นเป็นอัศวิน คนหนึ่งสังเกตว่ามีร่างสีฟ้าเดินเข้ามาจากด้านข้าง
     
    ผู้หญิง? ชุดไม่ใช่นักเรียน จะเข้ามาทำไม!? อยากเจ็บตัวรึไง!?”
     
    แต่เด็กสาวในชุดกระโปรงสั้นสีฟ้าไม่หยุด อัศวินจึงวิ่งเข้าไปไล่อย่างหงุดหงิด
     
    บอกให้ถ—อ๊อก!!?!”
     
    พอรู้สึกตัวอีกครั้งตัวเองก็ถูกฟาดด้วยแรงมหาศาลจนกระเด็นไปไม่ต่างจากที่หัวหน้าหน่วยโดนในทีแรก โดยด้ามหอกที่เด็กสาวจับด้วยแขนอันผอมบาง
     
    คนอื่นๆ บริเวณใกล้เคียงไม่มีใครสังเกตเห็นเพราะความโกลาหลของสนามรบ แต่ร่างสีฟ้าที่ยืนอยู่ตรงนั้นมีสีหน้าที่ต่างจากใครทั้งหมด
     
    ทั้งฝ่ายนักเรียนและฝ่ายอัศวินมังกรต่างก็มีใบหน้าเกรี้ยวกราดของผู้ที่ต่อสู้เพื่อเกียรติของตัวเอง
     
    ใบหน้าของเลเวียธานนั้นเรียบสนิท ราวกับผิวน้ำที่ไม่มีแม้แต่คลื่นเล็กๆ  เป็นผืนน้ำที่ใครมองแล้วก็รู้สึกราวกับมีอสุรกายกำลังกลั้นหายใจรออยู่ข้างใต้
     
    เลเวียธานเก็บอสุรกายนั้นไว้ข้างใน และเดินเข้าไปฟาดอัศวินคนที่สอง คนที่สาม คนที่สี่ จนในที่สุดฝ่ายอัศวินมังกรก็ไม่สังเกตเห็นไม่ได้
     
    อะไรน่ะ?!” “ผู้หญิงสามัญชนเหรอ!?”
     
    หูของพรายน้ำไม่ได้ฟังเสียง ตาไม่ได้มองใบหน้าตื่นตระหนกของคนที่ตัวเองฟาดกระเด็นไปคนแล้วคนเล่า
     
    ในหัวของพรายสาวคิดอยู่เพียงเรื่องเดียว
     
    การปะทะกันครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นจากเด็กทะเลาะกัน แค่มองเด็กผู้หญิงที่ชื่อเบียทริซปราดเดียวเลเวียธานก็รู้ ถึงคำพูดจะว่าอย่างไร แต่สิ่งที่แสดงออกทางแววตาเป็นความแค้นส่วนตัว
     
    แต่อัศวินพวกนี้ไม่ใช่อย่างนั้น คำพูดเดียวกันของเด็กผู้หญิงที่ชื่อเบียทริซอัศวินพวกนื้ถือความหมายตรงตามนั้น การกระทำของอัศวินมังกรพวกนี้ต่อทิฟฟาเนีย ความรุนแรง ความไม่แยแส ไม่ใช่เพราะคำสั่งของเจ้านาย
     
    เพราะทิฟฟาเนียไม่ใช่มนุษย์
     
    แค่นั้นเอง
     
    เพราะเผ่าพันธุ์แตกต่างกัน
     
    แค่นั้นเอง
     
    เพราะอีกฝ่ายมีพลังมากกว่าตัวเอง
     
    แค่นั้นเอง
     
    ด้วยเหตุผลแค่นั้น มนุษย์พวกนี้เลือกคนหนึ่งคนเป็นเหยื่อ เพื่อสนองความกลัวและความรู้สึกด้อยกว่าของตัวเอง
     
    ไร้ซึ่งความพยายามที่จะสื่อสาร ไร้ความคิดที่จะพยายามเข้าใจกัน เอาแต่คิดเข้าข้างตัวเองว่าการเจรจาไร้ค่าดังนั้นการลงมือจึงเป็นทางที่ถูกต้องที่สุด
     
    มีคนคนหนึ่งที่หากได้มาเห็นภาพเช่นนี้แล้วจะรู้สึกโศกเศร้าจากก้นบึ้งของหัวใจ
     
    เมื่อนึกใบหน้าเช่นนั้นของคนคนนั้นแล้ว ความควบคุมตัวเองของเลเวียธานก็เข้าใกล้ขีดจำกัด
     
    เห็นเพื่อนคนแล้วคนเล่าถูกซัดกระเด็นไปเหมือนตุ๊กตายัดนุ่น อัศวินมังกรสามคนหันคทามาทางเลเวียธาน
     
    เลเวียธานชี้ปลายหอกสวนกลับไป พลันก้อนน้ำก็ก่อตัวขึ้นหุ้มหมวกเหล็กของอัศวินทั้งสามไว้ ใบหน้าถูกปกคลุมด้วยน้ำทำให้ท่องคาถาไม่ได้ หายใจก็ไม่ได้
     
    อัศวินพยายามทั้งตะกุยทั้งสะบัดหัวไปมาราวกับถูกผีสิง แต่ก้อนน้ำก็ไม่หลุด จนกระทั่งทั้งสามล้มฟุบลงไปจึงคลายลงเป็นแอ่งน้ำเล็กๆ ที่พื้น
     
    ในช่วงเวลานั้นเลเวียธานก็ฟาดอัศวินสองคนจนหมวกยุบกดลงไปในกะโหลก สามคนเกราะฉีกจนย้อนกลับไปบาดเนื้อข้างใน
     
    คนที่บาดเจ็บได้เพื่อนช่วยร่ายคาถาน้ำรักษาให้แล้วก็กระโดดขึ้นมาต่อสู้กับทั้งนักเรียนและเลเวียธานต่อ
     
    เลเวียธานปล่อยให้รักษาไป ใครที่ลุกขึ้นมาใหม่ก็ฟาดอย่างไม่ปรานี
     
    ตอนที่นักเรียนที่ยืนดูอยู่สังเกตเห็นเลเวียธานกันเกือบครบทุกคน การต่อสู้ก็มาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว
     
    ฝ่ายอัศวินอองดีนเหลือสมาชิกที่ยังยืนอยู่ได้หกคนรวมกีชซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยและไซโตะซึ่งลุกขึ้นมาต่อยตีด้วยมือเปล่า ฝ่ายลุฟต์ แพนเซอร์ ริตเตอร์เหลืออัศวินที่สละชุดเกราะที่หนักอึ้งออกแต่เนิ่นๆ อยู่หกคน ทั้งจำนวนทั้งความสะบักสะบอมทั้งสองฝ่ายทัดเทียมกัน
     
    แต่ฝ่ายอัศวินมังกรมีศึกด้านที่สองเป็นเลเวียธานที่ไม่ออกอาการเหนื่อยแม้แต่น้อย
     
    ทว่าแม้มองภายนอกจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ภายในนั้นอารมณ์ของเลเวียธานสงบลงเป็นส่วนใหญ่แล้ว ทำให้หยุดการลงมือมาได้สักครู่หนึ่ง พร้อมกับความคิดอื่นผุดขึ้นมาแทน
     
    ไร้สาระจริงๆ  เราทำอะไรของเราอยู่
     
    ตอนนี้เลเวียธานเห็นชัดแล้วว่าจากเริ่มแรกที่มีสาเหตุมาจากการมุ่งร้ายต่อทิฟฟาเนีย ระหว่างทางกลายเป็นการต่อสู้ของฝ่ายอัศวินกับฝ่ายนักเรียนไปอย่างเต็มตัว หมายความว่าหากมีเป้าหมายเพียงเพื่อปกป้องทิฟฟาเนียจากการกีดกันทางเผ่าพันธุ์ก็ไม่จำเป็นต้องลงมือไปมากกว่านี้
     
    กีชรวบรวมกำลังที่เหลือไม่มากประกาศอย่างเข้มแข็งเท่าที่เสียงจะดังได้
     
    สุภาพบุรุษทั้งหลาย ต่อไปจะเป็นการโจมตีครั้งสุดท้ายแล้ว มุ่งไปข้างหน้าอย่าถอย!”
     
    เลเวียธานหันหลังให้หน่วยอัศวินทั้งสองที่กำลังจะเข้าปะทะกัน ในจังหวะนั้นเอง...
     
    ตูม!!
     
    ว้าก!” เกี๊ยก!!”
     
    หลังบอลแสงที่ระเบิดกลางสนามรบดับลง ร่างของอัศวินทั้งสองฝ่ายก็นอนเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นที่มีควันโขมง สมาชิกที่ยกศีรษะที่มึนงงขึ้นมาได้ก็มองเห็นเด็กสาวผมสีชมพูในชุดนอนผ้าบางเดินเข้ามา มือขวากำคทาอย่างหลวมๆ
     
    แกเป็นใครกัน?!” หนึ่งในอัศวินมังกรตะโกนถาม
     
    จากนั้นก็ได้คำตอบเป็นการโบกคทาหนึ่งครั้งกับระเบิดไปเต็มหน้าหนึ่งลูก
     
    ...หนวกหูจริงๆ
     
    หลุยส์!?!” ไซโตะและอัศวินอองดีนที่ยังมีแรงอยู่ตะโกนขึ้นพร้อมกัน
     
    พวกนายนี่มันเสียงดังกันจริงๆ  คนอดหลับอดนานมาเป็นอาทิตย์ อุตส่าห์จะหลับได้แล้ว พวกนายก็มาตึงตังตึงตังตึงตังตึงตัง...
     
    หลุยส์ร่ายยาวซ้ำๆ  ยิ่งฟังคำพูดของตัวเองโทสะก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้น
     
    ...ตึงตังตึงตังตึงตัง ช—ชอบระเบิดกันมากนักใช่ม—มั้ย? ง—งั้นก็ป—ไปเล่นที่อื่น...
     
    หลุยส์กัดริมฝีปากตัวเองเพื่อคุมเสียงที่สั่นตามร่างกาย ราวกับร่างกายเล็กๆ เก็บความโกรธเอาไว้ได้ไม่หมด จึงล้นทะลักออกมาเป็นไอที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า
     
    นักเรียนที่อยู่รอบๆ ตัวสั่นด้วยความกลัว อัศวินเวทเวหาหุ้มเกราะก็ตัวสั่นด้วยความกลัว มังกรลมที่อยู่ในค่ายก็ตัวสั่นด้วยความกลัว เลเวียธานรู้ตัวทันถอยทัพเชิงยุทธศาสตร์ไปตั้งแต่ก่อนจะโดนระเบิดลูกแรก หลุยส์เดือดสุดขีดแล้ว
     
    คนจะนอนเข้าใจมั้ยย้าาาาา!!!”
     
    เสียงตะโกนของหลุยส์เป็นสัญญาณจุดชนวน หลังจากนั้นมีเวลาสามวินาทีที่นักเรียนและอัศวินมังกรต่างพากันหนีตายสุดชีวิต แน่นอนว่าไม่ทัน
     
    เลเวียธานเฝ้ามองสถานการณ์หลังจากนั้นจากบนยอดกำแพงโรงเรียน หลังจากพรางตัวโปร่งแสงแล้วก็ปล่อยลมหายใจออกมาเบาๆ
     
    ฟู่ เกือบได้กลายเป็นเศษข้อมูลแล้ว
     
    ที่จริงก็ไม่ถึงขนาดนั้น แต่ก็เป็นความจริงที่ไซเบอร์เอลฟ์สามารถได้รับความเสียหายจากเวทมนตร์ที่รุนแรง จะทำลายไซเบอร์เอลฟ์โดยสิ้นเชิงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่พลังขนาดเมื่อครู่ก็ทำให้มึนได้เหมือนกัน
     
    ...ก็นึกว่าตัวเองโมโหมากแล้วนะ แต่ขนาดนั้นไม่ไหว เลเวียธานมองดูหลุยส์ที่กำลังพูดจาสาดเทสาดเสียเบียทริซ(การอดนอนไม่ใช่เรื่องล้อเล่น)
     
    ท่าทางเราจะไม่เหมาะกับการฟิวส์ขาดจริงๆ  ยกให้ไอ้บ้าต่อสู้ไปละกัน
     
    ทั้งทิฟฟาเนียทั้งผู้อำนวยการออสมันเข้ามาแล้ว ความเป็นศัตรูของนักเรียนต่อทิฟฟาเนียก็แทบจะไม่เหลือ
     
    ท่านเอ็กซ์คิดถูกจริงๆ ที่ยังไม่ได้บอกทิฟฟาเนียเรื่องลุงที่อยู่ที่เยอร์มาเนีย
     
    ทำให้ความสนใจของทิฟฟาเนียอยู่กับการสร้างชีวิตปัจจุบันอย่างเต็มที่ ไว้หลังจากชีวิตมีความสุขดีแล้วค่อยบอก จะได้เป็นอีกหนึ่งข่าวดี ไม่ใช่ทางหนีจากความทุกข์ในปัจจุบัน
     
    เหตุการณ์ดูจะคลี่คลายลงด้วยดีแล้ว เลเวียธานก็หันหลังให้กลุ่มนักเรียนด้านล่างและกระโดดลงฝั่งด้านในของกำแพง
     
    คนที่สถานการณ์ดิ่งลงลึกขึ้นคือเลเวียธานเสียเอง
     
    แม้แต่โกรธจนอาละวาดก็เป็นเรื่องของท่านเอ็กซ์เหรอเนี่ย...
     
    การโกรธแทนคนอื่นไม่ถึงกับเรียกได้ว่าเป็นหลักฐานของการพึ่งพา เพราะไซโตะเองก็ทำไปทั่ว ไม่ใช่แค่เรื่องของหลุยส์ที่เป็นเจ้านาย
     
    เลเวียธานก็ไม่ได้หนักใจกับเรื่องนั้น แต่เป็นเรื่องที่อังริเอตต้าถามทิ้งไว้ก่อนจะไปโรมาเลีย
     
    ถ้ายัยราชินีมาเห็นเข้าตอนนี้คงหัวเราะเยาะเย้ยฉันจนหนำใจ
     
    แม้จะเป็นความคิดที่เจือปนด้วยอคติ แต่ก็เท่ากับเลเวียธานยอมรับกับตัวเองว่าสิ่งที่อังริเอตต้าพูดในวันนั้นมีเค้าของความเป็นไปได้ เพราะเลเวียธานไม่ใช่คนที่จะเสียความเยือกเย็นกับข้อกล่าวหาที่ไร้ที่มาที่ไป
     
    สรุปสั้นๆ ก็คือทั้งคำพูดของอังริเอตต้าในวันนั้นและพฤติกรรมของตัวเองในวันนี้แทงใจดำเลเวียธาน
     
    ชิ ไม่มีทางเป็นไปตามที่ยัยราชินีคิดหรอก เราติดตามท่านเอ็กซ์ด้วยหน้าที่ของจตุรเทพ ที่ครั้งนึงเคยสร้างอาณาจักรที่เป็นบ้านของพวกเรา ไม่ใช่เพื่อตัวเองเหมือนยัยพวกนั้น
     
    เลเวียธานเรียกความภาคภูมิใจในหน้าที่กลับมาระหว่างที่เก็บชุดสาวใช้ที่ทิ้งไว้กลับขึ้นมาสวม ก่อนจะกลับไปที่ด้านหลังหอคอยหลัก
     
    อู้งานไปไหนมา?
     
    อ๊ะ
     
    [...]
     
    ขณะเดียวกัน ที่โรมาเลีย
     
    คือว่า ขอออกไปเดินเล่น
     
    ไม่อนุญาต
     
    เสียงแข็งปฏิเสธคำขอของเอ็กซ์อย่างไม่ใยดี
     
    ถ้างั้นอย่างน้อยขอไปหาหนังสืออ่านซักเล่ม
     
    ไม่อนุญาต ห้ามเคลื่อนไหวโดยไม่จำเป็น
     
    แต่ว่า ฝ่าบาทรับสั่งว่าให้พวกเราพักได้ จะให้อยู่แต่ในห้องนี้มันก็...
     
    แล้วมันเพราะใครล่ะ?
     
    เสียงของอาเนียสฉาบด้วยความความเคียดแค้น
     
    ถ้างั้นอย่างน้อย ขอไปเข้าห้องน้ำ
     
    ฉันจะตามไปด้วย
     
    ...
     
    --
     
    PBW:“อีกแล้ว ลืมลงอีกแล้ว ที่จริงเขียนจนเสร็จตอน 70 แล้ว แต่ลืมลง ตอน 70 จะลงวันเสาร์หน้า(ถ้าไม่ลืมอีก)
     
    DX:“เอาอีกแล้วนะแก
     
    PBW:“เริ่มด้วย Arc 12 ก่อน ตามลำดับเวลา ตอนต่อไปก็จับสลับไป Arc 13 ตามดูเอ็กซ์ที่นครอันศักดิ์สิทธิ์ จะไปก่อเรื่องอะไรไว้บ้าง
     
    DX:“เจ้าเอ็กซ์มันเป็นตัวละครแบบนั้นเรอะ?
     
    PBW:“อัพเดทมาถึงตอนนี้ก็รู้สึกว่ากลับมาแล้วอย่างเต็มตัวจริงๆ  (คงจะ)ไม่มีการหยุดยาวอีกเร็วๆ นี้เว้นเหตุฉับพลัน
     
    DX:“ทำพินัยกรรมไว้ดีกว่านะแก อะไรก็เกิดขึ้นได้

    PBW:“คิดอยู่เหมือนกัน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×