ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rockman X {x} Zero no Tsukaima : โลกใบใหม่

    ลำดับตอนที่ #80 : Chapter 62: ชิ้นส่วนที่ตกหล่น

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 486
      12
      22 ก.ค. 61


    (ภาพตัวละคร Arc 11 : บทเพลงคู่แห่งความหลัง / Credit: baka-tsuki.org)

    ปราสาทฟอน เซิร์บต์ตั้งอยู่กลางป่าลึกของเยอร์มาเนีย รูปลักษณ์ของมันหากนำมาเทียบข้างปราสาทของทริสเทนแม้แต่ผู้ที่ไม่มีความรู้ก็พอจะมองเห็นความแตกต่างได้
     
    อาคารหินที่เก่าแก่นี้เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ผ่านการต่อเติมหลายต่อหลายครั้งจนมีขนาดเป็นสองเท่าของขนาดเดิม ผสมปนเปด้วยสถาปัตยกรรมจากทั่วฮาลเคกิเนีย หินก้อนใหญ่แบบเยอร์มาเนีย อิฐก้อนเล็กละเอียดแบบโรมาเลีย หลังคาลาดแบบกาเลียและทริสเทนโบราณอยู่ข้างๆ กับยอดแหลมแบบวารอง ความงดงามของมันคล้ายกับนำชิ้นตัวต่อของเล่นจากต่างท้องถิ่นมาต่อเข้าด้วยกัน มีคุณค่าในสายตาของดินแดนแห่งไฟที่รักอิสระและปัจเจกนิยมอย่างเยอร์มาเนีย กองหินยุ่งเหยิงในสายตาของชนชั้นสูงทริสเทนและกาเลียผู้เคร่งในธรรมเนียม
     
    ไซโตะตกใจตื่นขึ้นในห้องที่ตกแต่งเน้นความสดใสของฤดูใบไม้ผลิ
     
    ฝัน?
     
    แน่นอนต้องเป็นความฝัน แม่ของเขาจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
     
    ไซโตะลุกขึ้นจากเตียงและมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงอาทิตย์ผ่านจุดครึ่งค่อนวันมาแล้ว มาลิคอร์นกับกีชไม่อยู่บนเตียงของตัวเอง
     
    ไซโตะแต่งตัวให้เรียบร้อยกำลังจะเดินออกไปจากห้อง
     
    ไซโตะ
     
    หลุยส์ยืนอยู่ที่หน้าประตู
     
    อ้าวหลุยส์ อรุณสวัสดิ์
     
    หลุยส์ก้มหน้าหลบสายตาของไซโตะ เด็กสาวผมสีชมพูเริ่มมีอาการเช่นนี้ตั้งแต่คืนที่ถูกกีชกับมาลิคอร์นเห็นระหว่าง...ซ้อมละคร กับไซโตะบนรถม้า
     
    อาหารเที่ยงพร้อมแล้ว ทุกคนรออยู่
     
    ทำไมไม่ปลุกฉันเล่า
     
    ปลุกแล้ว แต่ไม่ตื่นเอง
     
    ง—งั้นเหรอ โทษที
     
    ไซโตะหลบสายตา แต่ด้วยคนละเหตุผล การฝันถึงแม่ทำให้รู้สึกเขินแปลกๆ
     
    คณะเดินทางออกจากปราสาทอาฮัมบราเมื่อห้าวันก่อน คนสิบห้าคนกับซิลฟีดมาถึงปราสาทฟอน เซิร์บสต์เมื่อคืน
     
    เมื่อกองทหารทราบว่าผู้ที่ตัวเองคุมขังหายตัวไปก็แจ้งให้ทางการกาเลียทราบ ทางการกาเลียสั่งวางด่านตรวจทั่วราชอาณาจักร แต่เนื่องจากปล่อยปละละเลยกำลังท้องถิ่นมานาน กำลังใจในการทำงานของแต่ละด่านจึงต่ำมาก แต่ละด่านตรวจเพียงส่งๆ ก่อนจะพึมพำ ไปได้ อย่างไร้ความกระตือรือร้น
     
    ด่านตรวจที่เข้มงวดที่สุดคือที่ชายแดน คณะเดินทางอาศัยซิลฟีดให้พาเฉพาะทาบาสะกับแม่ข้ามไปไม่ได้ เพราะทหารย่อมมีข้อมูลเรื่องอสูรรับใช้ของทาบาสะ คณะเดินทางจึงได้แต่ภาวนาให้ผ่านการตรวจค้นไปได้
     
    อัศวินหนุ่มที่ชื่อคาสเตลมอร์เป็นหัวหน้ากองอัศวินกุหลาบผู้คุมด่าน อัศวินหนุ่มลงมือตรวจด้วยตัวเอง และสังเกตเห็นเครื่องแต่งผิวที่ใช้บดบังตัวจริงของทาบาสะที่กำลังหลับ พวกไซโตะเตรียมตัวฝ่าด่าน แต่อัศวินหนุ่มกลับออกมาจากรถม้าและประกาศด้วยเสียงอันดัง ไปได้!’
     
    พวกไซโตะแม้จะประหลาดใจ แต่ก็ผ่านด่านไปพร้อมกับส่งสายตาขอบคุณให้อัศวินที่ชื่อคาสเตลมอร์ เมื่อเล่าให้ฟังหลังจากตื่นทาบาสะก็บอกว่าโล่งใจที่คนคนนั้นแม้จะไม่ได้เป็นมิตรแต่ก็ไม่ได้เป็นศัตรู
     
    ขณะนี้ทาบาสะกับแม่หลับพักผ่อนอยู่ที่ห้องตรงข้ามกับที่ไซโตะอยู่ ไซโตะเปิดประตูที่ไม่ได้ล็อกเข้าไปอย่างเงียบเชียบ และมองลอดช่องว่างเข้าไปข้างใน เห็นร่างของแม่ลูกที่นอนกอดกันและกัน หลับอย่างสงบบนเตียงหลังใหญ่
     
    ในที่สุดก็ปลอดภัยแล้ว
     
    ไซโตะพึมพำ หลุยส์พยักหน้า ที่นี่คือเยอร์มาเนีย แม้จะเป็นกาเลียก็ทำอะไรไม่ได้มาก
     
    แล้วองค์หญิงล่ะ?
     
    องค์หญิงประทับอยู่ที่ห้องกับอาเนียส เรื่องที่องค์หญิงทรงถูกลักพาตัวไปที่กาเลียน่าจะยังเป็นความลับอยู่ จึงตัดสินพระทัยว่าจะไม่แสดงพระองค์ในที่ที่อาจถูกรู้ตัวจริง
     
    ไซโตะพยักหน้า หากสามารถส่งราชินีคืนราชวังที่ทริสทาเนียได้โดยไม่มีใครรู้ได้ก็จะลดความเสียหายลงได้มากที่สุด อาจจะราวกับไม่เคยมีการลักพาตัวเกิดขึ้น
     
    นอกจากสามคนนั้นแล้วซิลฟีดก็ยังสบายดี ไซโตะเข้าใจสถานการณ์ของสี่ในห้าคนที่เขาออกเดินทางไปช่วยกลับมาแล้ว เหลืออีกแค่คนเดียว
     
    แล้ว...เอ็กซ์ล่ะ?
     
    คิ้วของหลุยส์ตกลง บอกคำตอบไซโตะล่วงหน้าก่อนที่จะทันได้พูด
     
    ...ยังเหมือนเดิม
     
    [...]
     
    การตกแต่งของแต่ละห้องในปราสาทฟอน เซิร์บสต์เรียกได้ว่าแทบไม่ซ้ำกัน แต่ห้องนี้ก็เน้นความสดใสเช่นเดียวกับห้องของไซโตะ ดวงอาทิตย์ที่อยู่นอกหน้าต่างส่องแสงเข้ามาเสริมความสว่างให้สีสันในห้อง
     
    จากเตียงสามหลังมีเพียงหลังเดียวที่มีคนนอนอยู่ เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาลืมตาราวกับจ้องมองเพดานโดยไม่ขยับตัว แต่หากมองใกล้ๆ จะเห็นว่าแววตาไม่ได้จับจ้องที่ภาพข้างหน้า ภายในห้องไม่มีเสียงอื่นนอกจากเสียงนกร้องที่ลอดเข้ามาทางหน้าต่าง ร่างที่อยู่บนเตียงไม่แสดงออกว่าสังเกตเห็นร่างเล็กๆ ที่บินมาเกาะข้างหน้าต่าง หรือดวงตาสองคู่ที่แอบมองตัวเองผ่านทางประตูที่แง้มอยู่
     
    ไซโตะงับประตูกลับลงอย่างเงียบเชียบ แต่ถึงจะส่งเสียงดังสักนิดผู้ที่อยู่ข้างในก็คงไม่ได้ยินหรือใส่ใจ
     
    ไม่ใช่ตายแล้วเหรอน่ะ? หลุยส์พูดหลังจากทั้งคู่เดินออกมาจากห้องได้เพียงสามก้าว
     
    ปากเสียจริงนะเธอนี่
     
    ไซโตะเขม่น แต่ในใจก็พิจารณาคำพูดของเด็กสาว
     
    ...แต่หมอนั่นก็เคยตายแล้วครั้งนึง อาจจะทำให้คิดอะไรที่พวกเราไม่เข้าใจก็ได้
     
    นายก็เคยไม่ใช่รึไง?
     
    รู้สึกเหมือนหมดสติธรรมดามากกว่า ไซโตะเกาท้ายทอย ตัวเขาเองไม่เคยรู้สึกว่า นี่คือตายแล้ว  มีแต่ กำลังจะตาย แล้วรู้สึกตัวอีกทีก็ รอดมาได้เหรอเนี่ย
     
    แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่เข้าใจเลยเสียทีเดียว
     
    แต่ก็นะ เมื่อก่อนฉันคิดว่าตัวเองยังเด็กอยู่ ยังอีกนานกว่าจะตาย พอผ่านความตายมาหวุดหวิดตอนแรกๆ ก็ทำให้คิดเหมือนกัน...
     
    คิดว่าอะไร? หลุยส์ถามด้วยความอยากรู้
     
    คิดว่าทำไมต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อเด็กผู้หญิงเอาแต่ใจชอบใช้กำลังอย่างเธอด้วยไงเล่า ไซโตะคิดในใจแต่พูดออกมาไม่ได้เพราะมีสิทธิ์ถูกลงโทษสถานหนัก  คิดว่าไม่มีพลังของกันดาล์ฟร์แล้วก็เป็นแค่ตัวถ่วงไม่มีหน้ากลับไปหาเธอได้ไงเล่า ไซโตะคิดในใจแต่พูดออกมาไม่ได้เพราะเขิน
     
    ก็...คิดว่าอย่างน้อยถ้าจะตายก็อยากจะกลับคืนผืนดินบ้านเกิดเมืองนอน ล่ะมั้งนะ? ไซโตะยิ้มแห้งๆ  เขานึกถึงความฝันเมื่อครู่และตัดสินใจว่าเป็นเรื่องน่าอายน้อยกว่า
     
    อย่างไหนกันแน่? หลุยส์เท้าสะเอวพูดกับไซโตะด้วยน้ำเสียงเวลาที่ไซโตะพูดอะไรไม่เข้าท่า แต่ในใจเก็บคำพูดของไซโตะมาคิด
     
    บ้านเหรอ... หลุยส์จำสัญญาที่ให้ไว้ได้ว่าจะหาทางส่งไซโตะกลับบ้าน แต่จนป่านนี้ก็ไม่ได้เบาะแสอะไรเลยนอกจากทิศตะวันออก ที่จริงแล้วมีเรื่องประดังเข้ามาบ่อยมากจนแทบไม่มีเวลากลับไปคิดเรื่องนั้น
     
    แต่ถ้าพบหนทางที่ทำได้ขึ้นมาแล้วเธอจะสามารถส่งไซโตะกลับไปได้หรือ เธอจะทำเพราะมันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง หรือจะเลือกความรู้สึกในอกนี้
     
    ...อกนี้ที่ไซโตะแอบชำเลืองมองทั้งที่เบือนหน้าหนีไปทางอื่น
     
    มองอะไรของนาย? หลุยส์ยกมือปิดแล้วเขม่น ไซโตะพยายามกลบเกลื่อน
     
    ก—ก็แค่สงสัย...ว่าทำไมเธอยังไม่ถอดออกอีก
     
    ว—ว่าไงนะยะ!? จะให้ฉันถ—ถ—ถอด...!”
     
    ม—ไม่ใช่! หมายถึงถอดแล้วป—เปลี่ยนเป็นชุดอื่น
     
    ชุดที่หลุยส์ใส่อยู่ตอนนี้คือชุดเต้นรำ แม้การปลอมตัวจะไม่จำเป็นแล้วหลุยส์ก็ยังไม่เปลี่ยนกลับเป็นเครื่องแบบนักเรียน ด้วยเหตุผลว่ามันสกปรก ไม่ขอชุดจากคีร์เก้เนื่องจากไม่มีขนาดที่สวมได้(และถึงมีเธอก็ไม่คิดจะฟังคำสบประมาทเรือนร่างของตัวเองจากลูกสาวเจ้าของบ้าน) หลุยส์นำเฉพาะผ้าคลุมที่เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแบบมาสวม แต่ก็ยังปกปิดด้านหน้าไม่ได้มากอยู่ดี
     
    หลุยส์นึกถึงคืนหนึ่งในรถม้า หลังจากที่คนอื่นหลับกันไปหมดแล้ว...ที่จริงแล้วไม่ เลเวียธานที่นอนดูดาวอยู่บนหลังคารู้สึกตัวเต็มที่ อาเนียส กีช มาลิคอร์นที่เฝ้ายามและผลัดกันเป็นคนขับก็ยังตื่นอยู่ แต่หลุยส์ตั้งใจจะตัดต่อความทรงจำของตัวเองให้เป็นอย่างนั้นเพราะละอายการกระทำของตัวเอง(กับไซโตะ)โดยไม่สนใจสายตาประชาชี
     
    ความผิดของหมอนี่แหละ!’ หลุยส์โทษไซโตะ โทษสายตาของไซโตะในคืนนั้นที่มองเธอด้วย...ด้วยคำที่เป็นชื่อที่สองของคีร์เก้
     
    หลุยส์จึงใช้เหตุผลนั้นเป็นข้ออ้างในการแก้แค้น ด้วยการสะบัดชายผ้าคลุม ฟึ่บ
     
    ท—ทำอะไรของเธอ...
     
    ฟึ่บ หลุยส์สะบัดแรงกว่าเดิม เผยผิวสีขาวผ่องวับแวบ มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้าหยอกขณะที่ใบหน้าแดงระเรื่อไม่ต่างจากไซโตะ
     

    (Credit: baka-tsuki.org) 

    พอได้แล้ว ไซโตะเบือนหน้าหนีจนคอแทบตึง
     

    ทำไมล่ะ?
     
    ฟึ่บ
     
    ท—ทำไม...! ม—ไม่มียางอายบ้างรึไง รักนวลสงวนตัวน่ะรู้จักมั้ย!?”
     
    ย—ยางอายเรื่องอะไรยะ แค่โดนอสูรรับใช้เห็น ไม่เห็นต้องอาย!”
     
    หลุยส์รู้สึกถึงชัยชนะ ความเก็บกดจากการต้องเห็นสายตาระริกระรี้ของไซโตะไปหาคีร์เก้ที เมดนั่นที ฮาล์ฟเอลฟ์นั่นที เพื่อนสมัยเด็กของเธอที การที่ตัวเองดึงดูดสายตาของไซโตะได้อย่างคืนนั้นและสร้างปฏิกิริยาได้อย่างตอนนี้ทำให้ความยินดีชนะความอาย
     
    ขณะเดียวกันอีกใจหนึ่งก็นึกละอายว่าหากบรรพบุรุษเห็นตัวเองในสภาพนี้จะคิดอย่างไร หากองค์หญิงหรือท่านพี่จีเห็น ครอบครัวเธอคนใด(...ท่านแม่)เห็นเธอในสภาพนี้จะคิดอย่างไร
     
    ทันใดนั้นสายตาของหลุยส์ก็เห็นเส้นผมสีแดงที่หัวมุม สมองส่งคลื่นไฟฟ้าผ่านเส้นประสาทสั่งการไปยังกล้ามเนื้อในเสี้ยววินาที ขาขวาดีดขึ้นเตะที่หว่างขาของไซโตะ
     
    ม—มองอะไรของนายยะ อ—ไอ้โรคจิต!”
     
    ม—เมื่อกี้ไม่ได้พูดยังงี้นี่... ไซโตะก้มลงหน้าผากจรดพื้น
     
    คีร์เก้เดินออกมาจากหัวมุมตรงเข้ามาหาทั้งสอง
     
    ไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่วาลลิแยร์เกทับฉันเรื่องนี้ได้
     
    เกท้งเกทับอะไรกัน! ไม่มีย่ะ! ...แค่ร้อน! แค่ร้อนเท่านั้น!”
     
    รู้แล้วว่าเร่าร้อน อย่าตะโกนในบ้านคนอื่นเขาสิยะ เจ้าของบ้านก็อายเป็นนะ
     
    หลุยส์อ้าปาก ก่อนจะหุบลง แล้วอ้าอีก ไม่รู้จะท้วงจากเรื่องใดก่อน
     
    เรื่องอื่นช่างเถอะ มีของที่เธออยากได้ คีร์เก้ชูกระดาษที่คีบระหว่างนิ้วชี้กับนิ้วกลางขึ้น
     
    ไม่เห็นอยากได้เลย หลุยส์ตอบและเบือนหนีโดยไม่สนใจว่าของนั้นคืออะไร
     
    จดหมายจากทริสเทนนะ
     
    [...]
     
    [.....]
     
    เร็วจริงๆ
     
    หลุยส์พึมพำหลังจากอ่านจดหมายจบ
     
    แน่นอน การไม่เสียเวลาเปล่าเป็นส่วนสำคัญของการทำงาน หน่วยของฉันสลักลงในสมองกันทุกคน อาเนียสพูดอย่างภูมิใจนิดๆ
     
    เมื่อคืนก่อนอาเนียสส่งจดหมายกลับไปหาหน่วยปืนใต้คราบของรายงานการปฏิบัติภารกิจ(ที่ไม่เจาะจงว่าเป็นอะไร) แต่เนื้อหาเป็นรายงานความสำเร็จของการช่วยเหลือราชินีและสถานที่อยู่ปัจจุบัน เนื้อความอีกส่วนเขียนและเซ็นชื่อโดยอังริเอตต้าแจ้งต่อคาร์ดินัลมาซารินิให้มารับที่ปราสาทลา วาลลิแยร์ จัดขบวนทำทีเป็นเธอไปพบดยุคลา วาลลิแยร์(ให้คนคิดกันไปเองว่าเป็นเรื่องที่ดยุคไม่ส่งทหารร่วมกองทัพบุกอัลเบี้ยนหรือเรื่องอื่นๆ และเป็นการไปเยี่ยมเพื่อนสมัยเด็กไปในตัว)
     
    ทีแรกหลุยส์ละล่ำละลักบอกอังริเอตต้าว่ายังไม่พร้อมสละชีวิตกับคทาของผู้เป็นแม่ แต่ต้องจำนนด้วยเหตุผลและเมื่ออังริเอตต้าบอกว่าจะไม่ให้ใครทำอะไรเพื่อนรักได้ หลุยส์จึงยอมกลั้นใจพยักหน้า
     
    ตอนนี้จดหมายตอบกลับมาแล้ว จากรองหัวหน้าหน่วยปืนแต่เขียนและเซ็นชื่อด้วยลายมือคาร์ดินัลมาซารินิ คณะเดินทาง(ที่ตื่นอยู่)รวมตัวกันอ่านที่ห้องของคีร์เก้ ซึ่งอยู่ไกลจากห้องพักรับรองแขก แต่ใกล้ห้องรับประทานอาหารมากกว่า
     
    ออกเดินทางจากเมืองหลวงแล้วจะไปถึงวันพรุ่งนี้ ถ้าจะไปไม่ให้สายมากก็ต้องออกภายในช่วงบ่ายนี้ล่ะ คีร์เก้สรุประยะทางจากฟอน เซิร์บสต์ไปลา วาลลิแยร์ แม้จะอยู่คนละประเทศแต่ก็แค่ข้ามฝั่งชายแดน ระยะทางสั้นกว่าจากทริสทาเนียไปลา วาลลิแยร์
     
    คณะเดินทางออกจากห้องคีร์เก้เพื่อไปรับประทานมื้อเที่ยงก่อนออกเดินทาง หลุยส์ตัวสั่นเป็นลูกแมวตกน้ำต้องให้ไซโตะกับคัทเลยาประคอง กีช มาลิคอร์น และมอนท์โมรันซี่เดินออกจากห้องไปพลางนึกถึงพายุลูกเท่าหมู่บ้านคราวนั้นก็ทำหน้าเหยเก
     
    ในห้องเหลือแค่หกคน คีร์เก้ อาเนียส อังริเอตต้า ซีโร่ เชล และเลเวียธาน
     
    จู่ๆ คีร์เก้ก็ถอนสายบัวต่อหน้าอังริเอตต้า คนอื่นในห้อง(เว้นแต่ซีโร่)เบิกตาอย่างประหลาดใจ
     
    ขอประทานอภัยที่ไม่อาจต้อนรับได้อย่างสมพระเกียรติ หวังว่าอ่างอาบน้ำคงไม่เล็กเกินไปสำหรับพระองค์
     
    ใช้เวลาครู่หนึ่ง แต่ในที่สุดอังริเอตต้าก็เข้าใจ
     
    ทั้งคู่ต่างเป็นเพื่อนของหลุยส์ ทั้งยังเคยพบกันมาก่อนแล้วครั้งหนึ่ง แต่ยังไม่เคยได้ทำความรู้จักกันเป็นการส่วนตัวเลย แล้วด้วยเหตุการณ์คราวนี้อังริเอตต้ายังได้มีความใกล้ชิดกับชาร์ล็อตต์ เดอ ออร์เลียง ซึ่งอังริเอตต้าเข้าใจว่าเป็นเพื่อนสนิทของคีร์เก้ ตัวอังริเอตต้ากลายเป็นตัวตนที่มีคีร์เก้มองข้ามไม่ได้
     
    อังริเอตต้าตอบกลับไปตามความเคยชิน
     
    ข้าต่างหากที่ต้องขอบคุณท่าน... ก่อนจะหยุดและคิด
     
    อังริเอตต้าสังหรณ์ใจว่ามีความหมายบางอย่างในดวงตาที่ปิดอยู่ของเด็กสาวเยอร์มาเนีย จากเวลาสั้นๆ ที่รู้จักเด็กสาวคนนี้มาอังริเอตต้าไม่แน่ใจนัก แต่ว่า...
     
    ...มิสเซิร์บสต์ ท่านดั้นด้นไปแสนไกลเพื่อช่วยเหลือมิสออร์เลียงและมารดา ข้ายินดีเหลือเกินที่หลุยส์และมิสออร์เลียงมีท่านเป็นเพื่อน
     
    มิได้ หม่อมฉันเพียงแต่ทำสิ่งที่เพื่อนสมควรทำ คีร์เก้ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาว่าคำตอบของเธอมีความพิเศษแต่อย่างใด แต่อังริเอตต้าก็รู้สึกว่าตัวเองตอบถูก
     
    ส่วนอ่างอาบน้ำ สำหรับผู้หญิงคนเดียวอย่างข้านับว่าเกินพอ แต่ข้าอยากจะถามว่าสบู่ที่ท่านใช้เป็นของที่ใดกัน ข้าไม่เคยรู้สึกสดชื่นถึงเพียงนั้นมาก่อน
     
    อาจเป็นเพียงความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง แต่หากไม่ทรงรังเกียจหม่อมฉันจะให้คนเตรียมให้พระองค์ทรงนำกลับไปใช้สักครึ่งปี
     
    ข้ารู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของท่านเหลือเกิน
     
    คนอื่นไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็พอเข้าใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างราชินีทริสเทนกับชนชั้นสูงเยอร์มาเนียดำเนินไปด้วยดี
     
    คีร์เก้ยังไม่หมดเรื่องพูด
     
    หากไม่เป็นการรบกวน หม่อมฉันมีเรื่องอยากจะทูลถาม เรื่องชายคนหนึ่งที่ถูกราชองครักษ์ของพระองค์จับกุม
     
    อาเนียสยกมือขึ้นปิดหน้าผากก่อนที่อังริเอตต้าจะแสดงสีหน้าพิศวงเสียอีก
     
    อาเนียส เรื่องอะไรกัน? อังริเอตต้ารู้โดยอัตโนมัติว่าต้องเป็นหน่วยองครักษ์หน่วยนี้เด็กสาวเยอร์มาเนียจึงเลือกพูดขึ้นตอนนี้
     
    ชายคนนั้นช่วยเหลือนักโทษหลบหนีเพคะ เพียงแค่คุมตัวไว้เท่านั้น หม่อมฉันให้หน่วยปืนนำตัวไปที่ปราสาทวาลลิแยร์ในวันนัดพบด้วย อาเนียสอธิบายอย่างเป็นกลางที่สุด
     
    ถ้าเช่นนั้นก็ไม่มีปัญหาอันใดเพคะ คีร์เก้ตอบอาเนียสผ่านทางอังริเอตต้า
     
    ส่วนพวกเธอ คีร์เก้หันไปทางซีโร่กับเชลจะเอายังไงต่อ จะไปทริสเทนด้วยกันรึเปล่า?
     
    เชลปรึกษากับซีโร่ไว้แล้วจึงตอบได้ทันที
     
    พวกเราตั้งใจจะกลับไปหาเพื่อนที่อัลเบี้ยนก่อนค่ะ หลังจากนั้นค่อยคิดกันต่อว่าจะทำอะไร แต่คิดว่าคงจะหางานทำ
     
    การตามหาเคอร์เนลก็ไม่จำเป็นแล้ว เหลือแต่การช่วยสนับสนุนหมู่บ้านเวสต์วู้ดและทิฟฟาเนีย ก่อนหน้านั้นต้องไปให้ฮาล์ฟเอลฟ์สาวเห็นหน้าเสียก่อนว่าปลอดภัยแล้ว
     
    งั้นก็มาด้วยกันจนถึงโรงเรียนก็ได้ จากโรงเรียนไปลา โรแชลล์เดินเอาไม่น่าจะเกินอาทิตย์นึง
     
    เชลหันไปสบตากับซีโร่ แล้วหันกลับมาก้มศีรษะขอบคุณคีร์เก้
     
    ทั้งหมดออกจากห้อง อังริเอตต้ากับอาเนียสออกไปให้ใครเห็นหน้าไม่ได้จึงต้องรออาหารของตัวเองอยู่ในห้อง เลเวียธานรับประทานไม่ได้จึงไปทางของตัวเองโดยไม่บอกใครว่าไปที่ใด คีร์เก้ เชล และซีโร่ที่คงจะไปเฝ้าเชลไปที่ห้องรับประทานอาหาร
     
    [...]
     
    ห้องของอาเนียสกับอังริเอตต้าอยู่ลึกที่สุด ต้องผ่านห้องของคนอื่นๆ...รวมทั้งห้องที่เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาพักอยู่ชั่วคราว
     
    อังริเอตต้าหยุดที่หน้าห้องนั้นและมองประตูที่ปิดอยู่
     
    ทรงอยากเข้าไปหรือเพคะ? อาเนียสถาม
     
    อังริเอตต้าพยักหน้าอย่างลังเล อาเนียสพิจารณาสีหน้าอังริเอตต้าอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อแน่ใจว่าไม่เปลี่ยนใจจึงเปิดประตูให้ เมื่อประตูเปิดแล้วอังริเอตต้าก็รู้ว่าต้องเข้าไป
     
    เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทายังนอนอยู่บนเตียง ตามองเพดาน ร่างกายตั้งแต่ไหล่ลงไปอยู่ใต้ผ้าห่ม
     
    อังริเอตต้านั่งลงบนขอบเตียงข้างกัน อาเนียสยืนอยู่ข้างๆ
     
    คุณเอ็กซ์
     
    เด็กหนุ่มไม่ตอบ ไม่ขยับตัว ไม่หันมามองอังริเอตต้า
     
    ได้ยินฉันรึเปล่าคะ?
     
    ไม่มีการเปลี่ยนแปลง มองเช่นนี้แล้วอาจคิดว่าเด็กหนุ่มหูหนวก สมองเสียหาย หรือตายไปแล้ว เด็กหนุ่มไม่กินไม่ดื่มมาห้าวันแล้ว ร่างกายแสดงสัญญาณของการขาดน้ำและอาหาร  แขนและขาผอมลง ริมฝีปากและผิวหนังแห้งกร้าน เบ้าตาคล้ำและลึกลง ใช้เวลาหลับเสียเป็นส่วนใหญ่
     
    แต่เขายังหายใจอยู่ ยังได้ยินและปฏิบัติตามได้เมื่อพรายสาวขอให้เขาลงจากรถม้าและเดินมาที่ห้องนี้ แม้จะกระทำอย่างคนตาย
     
    บางทีอาจจะเป็นอย่างหลัง แม้ร่างกายจะยังทำงานอยู่ แต่ภายในเสมือนไม่มีชีวิต
     
    ฝ่าบาททรงสนทนาด้วย ตอบสิ อาเนียสกล่าวด้วยเสียงที่กระด้าง ตรงข้ามกับอังริเอตต้า
     
    อาเนียส ไม่ต้องหรอก
     
    อังริเอตต้าห้ามอาเนียสโดยไม่ละสายตาจากเด็กหนุ่ม แล้วพูดต่อ
     
    คุณเอ็กซ์ ฉันแค่อยากจะบอกว่าฉันเข้าใจความกลัวของคุณ การกลัวความล้มเหลว การกลัวว่าตัวเองจะนำประเทศไปสู่ความเสื่อม ฉันคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาค่ะ เป็นหลักฐานว่าคุณเป็นผู้นำที่ดี
     
    เด็กหนุ่มอยู่นิ่งราวกับไม่ได้ยิน แต่อังริเอตต้าก็ไม่ท้อ
     
    ฉันทราบดีว่าไม่อาจเข้าใจความรู้สึกที่ต้องเห็นสิ่งที่สร้างมาพังทลายลงต่อหน้า คำพูดของฉันอาจดูไม่มีความหมาย แต่ฉันก็อยากจะบอก ในฐานะผู้ที่รู้จักคุณและในฐานะราชินี ว่าสิ่งนั้นไม่ใช่ความผิดที่คุณต้องแบกรับเพียงผู้เดียว
     
    อังริเอตต้าไม่รู้แน่ชัดว่าตัวเองกำลังพูดอะไรและจะพูดอะไรต่อ เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่เธอกล่าวถ้อยคำยาวๆ โดยปราศจากการวางแผน แต่ในครั้งนี้เธอคิดว่าการวางแผนล่วงหน้าคงไม่มีประโยชน์เท่ากับพูดสิ่งที่คิดจากใจจริงออกมา
     
    ความรู้สึกผิดบาปอาจหนักอึ้งจนคุณไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากพยายามหาหนทางที่จะชดใช้ แต่ไม่ว่าอย่างไร...
     
    อังริเอตต้าสอดมือเข้าไปใต้ผ้าห่มและสัมผัสมือที่อยู่ข้างใต้
     
    ...คุณก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป แม้ว่าสิ่งที่ต้องชดใช้จะหนักหนาจนไม่มีวันทำได้หมดสิ้น แม้ว่าวันหนึ่งจะทำได้สำเร็จ ฉันก็ขอให้คุณมีชีวิตอยู่ต่อไปเถอะค่ะ
     
    อังริเอตต้ามองดวงตากึ่งปิดที่ยังคงจ้องมองที่เพดาน และอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง ก่อนปล่อยมือและลุกขึ้นจากเก้าอี้
     
    ฉันขอตัวก่อนนะคะ แต่เราจะได้พบกันอีก หวังว่าครั้งหน้าฉันจะได้ยินเสียงของคุณนะคะ
     
    อังริเอตต้าก้มศีรษะ อาเนียสไม่ปริปากต่อกิริยาที่ไม่เหมาะสมกับผู้เป็นราชินี จากนั้นทั้งคู่ก็ออกจากห้องไป
     
    อาเนียสไม่ได้ชำเลืองกลับไปมองเด็กหนุ่มที่อยู่บนเตียง แต่ในใจก็รำพึงกับตัวเอง ความรู้สึกของเด็กหนุ่มในตอนนี้เหมือนกับความรู้สึกว่างเปล่าวันที่ตัวเธอเองคิดว่าศัตรูคู่แค้นตายไปต่อหน้าก่อนที่ตัวเองจะได้ลงมือหรือเปล่า เป็นความรู้สึกที่รุนแรงกว่า ที่เธออาจจะได้เผชิญเช่นเดียวกันหากที่ชายแดนเธอเลือกบั่นคอของศัตรูคู่แค้นหรือเปล่า
     
    [...]
     
    ทาบาสะตื่นขึ้นจากความฝันและพบใบหน้าของผู้เป็นแม่อยู่เหนือศีรษะตัวเอง ร่างกายของทั้งคู่แนบชิดกันบนเตียง
     
    เพราะเป็นวันที่ห้าแล้วทาบาสะจึงยอมรับได้โดยไม่คิดว่าฝันไป ตัวเองกับแม่เป็นอิสระจากการจองจำของกาเลียแล้ว ไม่ถึงกับปลอดภัยเสียทีเดียวเพราะตอนนี้พวกเธอกลายเป็นคนที่ทางการต้องการตัว แต่ก็อยู่ในที่ที่อำนาจของกาเลียเอื้อมมาไม่ถึง
     
    ทาบาสะหลับตาและซุกตัวเข้าหาแม่อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกถึงความฝันเมื่อสักครู่
     
    ฝันของเธอเป็นความทรงจำของวันคืนที่เธออยู่กับเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาเมื่อสี่ปีก่อน ทั้งที่เธอจำได้ด้วยตัวเองและที่นานะให้เธอกับราชินีแห่งทริสเทนดูในห้องคุมขัง
     
    ทาบาสะค่อยๆ ถอยตัวเองลงจากเตียง หันไปบอก ขอโทษ กับผู้เป็นแม่เบาๆ ที่ลุกออกไปด้วยตัวเองทั้งที่อุตส่าห์ได้อยู่ด้วยกันแล้ว
     
    เธอกับแม่พ้นจากกรงของโจเซฟแล้ว แต่เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาคนนั้นยังติดอยู่ในกรงของอดีต
     
    เมื่อวางเท้าลงกับพื้นและยืนขึ้น กระเพาะก็เตือนทาบาสะว่ามีอีกเรื่องที่เธอต้องใส่ใจ
     
    ประตูเปิดขึ้นในตอนนั้นพอดี
     
    มาได้จังหวะพอดีเลยสิเนี่ย
     
    คีร์เก้เปิดประตูด้วยมือซ้ายและถือถาดอาหารเข้ามาด้วยมือขวา น่าแปลกที่ลูกสาวเจ้าของปราสาททำอะไรอย่างนี้ด้วยตัวเอง แต่ไม่น่าแปลกนักเมื่อคนคนนั้นเป็นคีร์เก้และอีกคนเป็นทาบาสะ
     
    คนอื่นอยู่ที่ห้องกินข้าว แต่เธอคงอยากอยู่กับแม่ใช่ม้า
     
    ทาบาสะพยักหน้าตอบรับและขอบคุณเพื่อน ก่อนจะนึกถึงสิ่งที่คิดอยู่เมื่อครู่
     
    เขาล่ะ? เอ็กซ์?
     
    คีร์เก้วางถาดอาหารลงกับโต๊ะแล้วค่อยตอบ
     
    อยู่ที่ห้อง ยังเหมือนเดิม จะไปดูมั้ย?
     
    ทาบาสะพยักหน้าและเดินเข้าไปหาคีร์เก้ที่ยกอาหารส่วนของแม่ลงวางบนโต๊ะและยกส่วนที่เหลือขึ้นมากับถาด
     
    เผื่อจะคุยนาน คีร์เก้ให้เหตุผล
     
    ในที่สุดทาบาสะก็ขอมาถือเอง เพื่อให้คีร์เก้นำทาง
     
    คีร์เก้ในชุดลำลองนำทางทาบาสะในชุดนอนเดียวกับที่สวมมาตลอดห้าวันไปที่ห้องที่ทาบาสะต้องการ ระหว่างทางผ่านสาวใช้(ในชุดที่ทาบาสะต้องกะพริบตาเพื่อให้มั่นใจว่ามองไม่ผิด)ซึ่งคีร์เก้สั่งให้นำอาหารของตัวเองจากห้องรับประทานตามมาให้เนื่องจากคิดว่าไม่น่าจะได้กลับไปนั่งโต๊ะแล้ว
     
    คีร์เก้เปิดประตูห้องและปิดตามหลังทาบาสะซึ่งเดินนำถาดไปวางกับโต๊ะ ก่อนจะเข้าไปยืนข้างเตียงหลังในสุด
     
    เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทายังนอนอยู่ท่าเดิม ด้วยแววตาที่ไม่เคลื่อนไหวไม่ว่าใครจะเข้าออก
     
    ในความคิดของทาบาสะ ราวกับในคืนนั้นที่ปราสาทอาฮัมบราความมืดที่ทำให้ร่างกายของเด็กหนุ่มเคลื่อนไหวถูกล้างออกไปจนหมดสิ้น เหลือทิ้งไว้เพียงเปลือกนอกที่ข้างในว่างเปล่า
     
    ทาบาสะไม่รู้ว่ามีคำพูดที่สามารถส่งถึงเด็กหนุ่มในสภาพนี้ได้หรือเปล่า แต่รู้ว่ามีสิ่งอื่นที่ควรทำ ทาบาสะเดินกลับไปที่ถาดอาหาร และหยิบถ้วยข้าวโอ๊ตที่ยังอุ่นๆ กลับมานั่งลงบนขอบเตียงของเด็กหนุ่ม
     
    กินสิ
     
    ที่ปราสาทกลางทะเลทรายทาบาสะได้ดูอังริเอตต้าเป็นคนทำให้แม่ของเธออยู่หลายวัน แม้จะไม่เคยทำเองก็พอจะรู้ว่ามีภาษาร่างกายอย่างไร แต่แน่นอนว่าไม่มีปฏิกิริยาจากเด็กหนุ่ม
     
    ถ้าคุณไม่กินฉันก็ไม่กิน
     
    คีร์เก้ที่ยืนอยู่ข้างๆ เลิกคิ้ว เธอรู้มานานแล้วว่าเบื้องหลังหน้ากากที่ดูเย็นชานั้นซ่อนความมุทะลุอย่างคาดไม่ถึงไว้ เห็นเงียบๆ อย่างนี้ทาบาสะเป็นคนที่ดื้อแพ่งไม่ยอมใครง่ายๆ เมื่อตั้งใจแล้ว แต่ก็ประหลาดใจที่จู่ๆ จะงัดออกมาเลย
     
    แต่ว่าความดื้อจะมีประโยชน์มากแค่ไหนกับคนที่ไม่เต็มใจจะมีความรู้สึก คีร์เก้มองเด็กหนุ่มตอนนี้เห็นได้เพียงแค่นั้น
     
    เวลาผ่านไป คนที่นอนอยู่บนเตียง คนที่นั่งถือถ้วย แม้แต่ดวงตาก็ไม่ขยับ มีแต่คีร์เก้ที่เมื่อยเปลี่ยนท่ายืนสองครั้งแล้ว
     
    จ๊อก~
     
    เป็นเสียงที่ต้องดังไม่ช้าก็เร็ว แต่ที่ทำให้คีร์เก้รู้สึกทึ่งก็คือเสียงนั้นมาจากทาบาสะ แทนที่จะเป็นจากคนที่อดข้าวมาห้าวัน
     
    แต่ทั้งสองคนก็ปฏิบัติราวกับไม่ได้ยินเสียงนั้น เวลายังคงผ่านไป จนคีร์เก้ไปรับอาหารจากสาวใช้กลับมานั่งที่โต๊ะกินไปมองไปทั้งสองก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะขยับตัว
     
    นี่เล่นเกมอะไรกันอยู่?
     
    หลังจากคิดเช่นนั้นคีร์เก้ก็ได้ยินเสียงเดิมอีกครั้ง ยังคงเป็นจากทาบาสะ
     
    ทาบาสะ ช่างเถอะ เธอกินก่อน ถ้าออกเดินทางแล้วจนกว่าจะไปถึงบ้านหลุยส์จะหากินลำบากนะ
     
    คีร์เก้พูดกับทาบาสะ แต่ครึ่งหนึ่งก็พูดกับเด็กหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงด้วย
     
    คราวนี้คีร์เก้ไม่ประหลาดใจแล้วที่ไม่มีใครขยับตัว จนเวลาผ่านไปรวมทั้งสิ้นเกือบครึ่งชั่วโมง เมื่อท้องของทาบาสะร้องเป็นครั้งที่สาม เวลาเดียวกับที่คีร์เก้รู้ว่าทาบาสะกำลังอดทนเพียงใด
     
    เด็กหนุ่มก็ขยับตัว
     
    เพียงแค่เอียงศีรษะไปทางทาบาสะ ดวงตาสีเขียวทึมประสานกับดวงตาสีฟ้าที่รีบซ่อนความยินดีไว้
     
    ทาบาสะยังไม่กล้าวู่วาม รอจนกระทั่งเด็กหนุ่มทำท่าพยายามจะลุกขึ้นจึงกล้ามั่นใจ คีร์เก้วางมีดส้อมและผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ตรงเข้ามารับถ้วยจากทาบาสะโดยไม่ต้องถาม ปล่อยทาบาสะให้มือว่างช่วยพยุงเด็กหนุ่มให้ลุกขึ้น
     
    ทาบาสะรับถ้วยคืนจากคีร์เก้และ
    จับช้อนตักคำแรก
     
    คีร์เก้มองเพื่อนป้องเด็กหนุ่มคำต่อคำ และสังเกตความสุขกับความพึงพอใจที่ปรากฏอย่างจางๆ บนใบหน้าที่มักจะเย็นชา เธอไม่รู้ทั้งหมดว่าทาบาสะคิดอะไรอยู่ แต่รู้ว่ากำลังสุขใจที่ได้ตอบแทนผู้มีพระคุณที่เคยกล่าวถึง
     
    ส่วนตัวเด็กหนุ่มเองยังคงไม่แสดงสัญญาณใดๆ ทางใบหน้า แต่คีร์เก้มีความรู้สึกว่าเพียงแค่การปฏิบัติตามอย่างว่าง่ายนี้ก็แสดงถึงความรู้สึกอย่างหนึ่งแล้ว
     
    หลังจากหมดไปได้ครึ่งถ้วยคีร์เก้ก็บอกให้ทาบาสะไปทานของตัวเอง ที่เหลือคีร์เก้จะป้อนแทน หยอกต่อท้ายว่าไม่ต้องห่วงว่าจะโดนแย่งเพราะคีร์เก้เองมีคู่แล้วรออยู่ที่ทริสเทน
     
    ทาบาสะลังเลเล็กน้อย(แต่ไม่ใช่ด้วยเหตุผลที่คีร์เก้ล้อ) จนมือของเด็กหนุ่มเอื้อมมาที่ถ้วย นิ้วที่ผอมกว่าที่ทาบาสะจำได้สัมผัสกับมือของเธอ ทาบาสะไม่ทันตั้งตัวและกลั้นสีแดงที่รุกล้ำแก้มทั้งสองข้างไว้ไม่ได้
     
    แน่ใจเหรอ?
     
    เด็กหนุ่มพยักหน้าช้าๆ  ทาบาสะจึงค่อยๆ ปล่อยมือจากถ้วยและจากมือของเด็กหนุ่มซึ่งรับถ้วยไปโดยไม่ทำตก
     
    เวลาที่เหลือผ่านไปในความเงียบ อาหารของทาบาสะซึ่งมีหลายชนิดและมีมากกว่าหมดพร้อมกับข้าวโอ๊ตครึ่งถ้วยของเด็กหนุ่ม คีร์เก้รับถ้วยและแก้วน้ำไปวางรวมกับภาชนะว่างเปล่าอื่นๆ ขณะที่ทาบาสะกลับไปยืนข้างเด็กหนุ่มที่ยังนั่งอยู่
     
    ถ้าเป็นตอนนี้ทาบาสะคิดว่าสามารถพูดได้
     
    คุณอาจจะคิดว่าคุณมีเพียงแค่นั้น เมื่อเสียไปก็ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว แต่หลังจากเมื่อครู่นี้หวังว่าคุณจะรู้ว่าไม่จริง สิ่งที่ทำให้คุณขยับเมื่อครู่นี้ไม่ใช่ความแค้น
     
    แม้จะอธิบายอย่างละเอียดไปก็ไม่มีประโยชน์ หากเด็กหนุ่มเข้าใจก็จะเข้าใจด้วยตัวเอง ทาบาสะทำได้เพียงเท่านี้ และเชื่อว่าจะเพียงพอ
     
    ทาบาสะตามคีร์เก้ที่ถือถาดออกไปแล้ว แต่เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทายังนั่งอยู่ท่าเดิม อาจครุ่นคิดคำพูดของเด็กสาวสวมแว่นหรือของเด็กสาวผมสีน้ำตาลเกาลัดก่อนหน้านี้ หรือไม่เลย ไม่มีใครรู้
     
    [...]
     
    ไซโตะซึ่งอยู่ในชุดปกติตั้งแต่เช้าแล้วเพียงแค่ต้องกลับไปหยิบเดอร์ฟลิงเกอร์ก็นับว่าเตรียมตัวเสร็จสิ้น เขาออกจากห้องมาก่อนกีชกับมาลิคอร์นและพบกับหลุยส์และพี่สาวที่ทางเดินพอดี
     
    เตรียมตัวเสร็จแล้วเหรอ
     
    ก็แค่ต้องหยิบเดอร์ฟ ไซโตะชูดาบเหล็กประกอบคำตอบ
     
    เมื่อคิดว่าต้องรอคนอื่นเฉยๆ หรือเปล่า ไซโตะก็เกิดความคิดที่จะไปเยี่ยมคนที่ยังนอนซึมอยู่ในห้อง
     
    งั้น ระหว่างรอฉันไปดูเอ็กซ์ก่อนนะ
     
    หลุยส์เบ้ปากทำหน้าเบื่อหน่าย ไซโตะผงะไม่เข้าใจสาเหตุของปฏิกิริยานั้น จนกระทั่งคัทเลยาพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มประจำตัว
     
    พอดีเลยค่ะ ฉันเองก็กำลังจะไปเยี่ยมเขาเหมือนกัน
     
    คัทเลยาใบ้ไว้แต่เนิ่นๆ แล้วว่าสาเหตุหลักสาเหตุหนึ่งที่ร่วมทางไปกับพวกไซโตะด้วยก็เพื่อไปพาเอ็กซ์กลับมา ไซโตะจึงไม่คิดติดใจแล้วในตอนนี้
     
    อะไรๆ ก็หมอนั่น คนนู้นทีคนนี้ที หมอนั่นมีดีอะไรนักหนา ลักพาตัวองค์หญิงไปไม่ใช่รึไง...” หลุยส์บ่นอุบอิบ
     
    ไซโตะไม่กล้าพูดออกมา เพราะนอกจากจะไม่ยอมรับแล้วหลุยส์ยังคงจะเตะจุดสำคัญเขากลบเกลื่อนอีก แต่เขาคิดว่าหลุยส์แค่หงุดหงิดที่ความสนใจพี่สาวโดนแย่งไปจากตัวเอง
     
    ระหว่างระยะทางสั้นๆ จากหน้าห้องของตัวเองไปห้องของเอ็กซ์ ไซโตะพยายามคิดว่าเมื่อไปถึงแล้วจะทำอย่างไร พูดทักทายอย่างร่าเริง ควรจะเสียงเบาเพื่อรักษาความสงบ หรือควรจะเงียบไว้แล้วสื่อความทางภาษาร่างกาย
     
    สุดท้ายไซโตะก็ตัดสินใจอย่างสมกับเป็นตัวเองว่าเข้าไปดูก่อนแล้วค่อยว่ากัน เพราะมาถึงห้องแล้ว ไซโตะเอื้อมมือไปที่มือจับประตู แต่หยุดเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าจากอีกฝั่ง
     
    ไซโตะถอยออกมาพอดีกับที่ประตูเปิด คีร์เก้ที่มือซ้ายถือถาดวางถ้วยชามออกมาก่อน ตามด้วยทาบาสะ
     
    มาอยู่นี่เองเหรอคีร์เก้ แล้วทาบาสะตื่นแล้วเหรอ ไซโตะถาม ทั้งสองพยักหน้าตอบ
     
    พวกนายกินกันเสร็จแล้วสินะ พอดีเลยพวกฉันจะได้ไปเตรียมตัวบ้าง
     
    แล้ว...แม่ของทาบาสะจะทำยังไง? ไซโตะถามพลางชำเลืองทาบาสะ
     
    อยู่ที่นี่ปลอดภัยกว่า ทาบาสะตอบเอง
     
    ก็อย่างนั้นล่ะนะ เยอร์มาเนียยังไม่เคยมีปัญหากับกาเลีย ทาบาสะก็จะอยู่กับแม่ที่นี่ด้วยใช่มั้ย?
     
    ทาบาสะนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างลังเลนิดๆ
     
    ดีแล้วล่ะ อยู่กับแม่ เรื่องเรียนไว้ทีหลังก็ได้ ไซโตะพูด ก่อนจะเกิดความรู้สึกประหลาดกับประโยคนั้น
     
    แค่เพราะอยู่กับแม่รึเปล่าน้า~” คีร์เก้ลากเสียงสูงพลางขยี้ผมทาบาสะด้วยมือข้างที่ว่าง ทาบาสะผมยุ่งอยู่แล้วเพราะเพิ่งตื่นก็ยิ่งกระเซิงมากขึ้น แต่สีหน้านิ่งเฉยราวกับไม่รับรู้เรื่องนั้นหรือคำพูดของเพื่อน
     
    แล้วคุณเอ็กซ์เป็นอย่างไรบ้างคะ? คัทเลยาถามสองคนที่ออกมาจากห้อง
     
    ไม่มีปริปาก แต่อย่างน้อยก็ยอมกินอะไรบ้างแล้ว คงจะถือว่าดีขึ้นนิดหน่อยล่ะมั้ง? ถึงจะต้องมีข่มขู่ซักหน่อย คีร์เก้ยิ้มเย้าพลางชำเลืองทาบาสะประกอบคำพูด
     
    ไซโตะไม่รู้จะคิดอย่างไรดีและไม่คิดว่าควรขอคำอธิบายเพิ่มจึงลาคีร์เก้กับทาบาสะแล้วเปิดประตูเข้าไป
     
    นายนี่ เปิดให้สุภาพสตรีก่อนสิยะ เป็นอัศวินแล้วนะ หลุยส์ตำหนิ
     
    เลิกเป็นไปแล้วไงเล่า ไซโตะเถียง แต่ในใจก็คิดว่าตัวเองพลาดไปและครั้งหน้าจะทำ
     
    คัทเลยาเดินนำพวกเขาเข้าไปก่อนและนั่งลงที่ขอบเตียงข้างๆ เอ็กซ์ ไซโตะกับหลุยส์ตามไปยืนใกล้ๆ(หลุยส์ตาขวางนิดๆ ท่าทางไม่พอใจระยะห่างระหว่างพี่สาวกับเด็กหนุ่มบนเตียงที่น้อยเกินไป)
     
    เอ็กซ์ลุกขึ้นนั่งได้แล้ว คงจะเพื่อกิน ไซโตะคิดดูแล้วไม่รู้ว่าใครเป็นคนป้อน เขาจินตนาการทาบาสะเป็นคนทำไม่ได้เลย คีร์เก้ก็อาจเป็นไปได้ แต่น่าจะกินเองมากกว่า ...มาคิดดูแล้วภาพที่เอ็กซ์ต้องให้ใครป้อนเองมากกว่าที่ประหลาดในความคิดของเขา(เอ็กซ์อ้อนคนอื่น? ไม่ใช่พวกนักเรียนที่โรงเรียนสักหน่อย)
     
    ความคิดเรื่อยเปื่อยหยุดไปเมื่อไซโตะสังเกตเห็นแววตาของเด็กหนุ่มบนเตียง ส่วนนั้นยังคงไม่มีความเปลี่ยนแปลง
     
    ความว่างเปล่าในดวงตาสีเขียวมรกตทำให้ไซโตะนึกขึ้นได้ว่าเคยมีบทสนทนาสั้นๆ ระหว่างเขากับเจ้าของดวงตาคู่นั้น ตอนนั้นคนอื่นๆ พูดกันเรื่องในอนาคตว่าจะทำอะไร เขาเข้าไปพูดกับเด็กหนุ่มที่แยกไปนั่งอยู่คนเดียว เมื่อเขาถามก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า ไม่มีอนาคต
     
    ตอนนั้นไซโตะไม่เข้าใจคำตอบ แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว ตั้งแต่ก่อนหน้านั้นดวงตาคู่นั้นก็มองหาเพียงแค่จุดจบ ซึ่งคิดว่าพบแล้วที่คืนนั้นในปราสาทอาฮัมบรา แต่ในที่สุดแล้วจุดจบนั้นก็ถูกพวกเขาหยุดเอาไว้ได้
     
    เด็กหนุ่มคนนี้เดิมพันทุกสิ่งทุกอย่างกับจุดจบในวันนั้น แม้มันจะล้มเหลวแต่ก็ได้ทิ้งทุกอย่างไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่เหลือสิ่งใดให้มีชีวิตอยู่ต่อ สิ่งที่ทิ้งไปแล้วครั้งหนึ่งจะทำใจเก็บกลับคืนมาไม่ใช่ง่ายๆ  ยิ่งตัดสินใจอย่างหนักแน่นเพียงใดก็ยิ่งยากขึ้นเท่านั้น กว่าเขาจะกล้าพูดกับองค์หญิงเรื่องการสละตำแหน่งของเขากับเพื่อนอีกสองคนก็ก่อนมาถึงเยอร์มาเนียแค่วันเดียว(อังริเอตต้าบอกเพียงว่า จะจัดการตามความเหมาะสม)
     
    เอ แต่คีร์เก้บอกว่ายอมกินอะไรแล้วนี่ ทั้งที่ห้าวันที่ผ่านมาไม่กินไม่ดื่มเลย ไซโตะรู้สึกมีความหวังขึ้นมาและขอบคุณคีร์เก้กับทาบาสะ
     
    แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะรู้ว่าควรพูดอะไร ข้างหน้านี้คือเด็กหนุ่มที่ไซโตะเคยคิดว่าเป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันที่มีความเป็นผู้ใหญ่กว่าเขาหน่อย ดูลึกลับนิดๆ แต่เป็นมิตรแบบที่ผู้หญิงน่าจะชอบถ้าไม่ติดว่าคนที่อยู่รอบตัวเขาส่วนใหญ่ไม่ค่อยใยดีสามัญชน
     
    ความจริงลึกล้ำและบิดเบี้ยวกว่านั้นมาก ขนาดที่ไซโตะสองจิตสองใจว่าไม่รู้อาจจะดีกว่า เด็กหนุ่มคนนี้ตัวจริงเป็นหุ่นยนต์ มีอายุที่ขึ้นหลักร้อย ภูมิหลังที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ความตาย และการหลอกลวง ไซโตะไม่สามารถจินตนาการเป็นตัวเองได้ ทำให้คำพูดใดๆ ก็รู้สึกว่าไม่เพียงพอ
     
    แต่เขาต้องทำอะไรสักอย่าง สิ่งที่ไซโตะคิดว่าอาจเป็นความถูกต้องภายในตัวของเขาไม่ยอมให้เขาอยู่เฉยๆ ขณะที่เพื่อนอยู่ในสภาพเช่นนี้
     
    เพื่อนเป็นแล้วไม่เลิกเป็นกันง่ายๆ หรอกน่ะ! แค่อดีตร้อยสองร้อยปีไม่เท่าไหร่หรอก! หุ่นยนต์ก็หุ่นยนต์สิ ทีโดooเอoooยังเป็นเพื่อนกับโนooได้เลย!’
     
    ไซโตะกำหมัดรวบรวมความกล้า
     
    พักผ่อนสบายดีมั้ยคะ?
     
    แต่ถูกคัทเลยาตัดหน้าไปก่อน ทำให้ต้องคลายหมัดและพ่นลมหายใจออกมา หลุยส์เสมองไซโตะโดยไม่ถาม
     
    ท่าทางมีกำลังขึ้นมาหน่อยแล้ว ค่อยยังชั่วหน่อยค่ะ
     
    ไซโตะพิจารณาใบหน้าและแขนของเด็กหนุ่มบนเตียง เขาไม่เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลง แต่เขาไม่ใช่หมอจะไปรู้อะไร
     
    เด็กหนุ่มบนเตียงไม่แสดงท่าทีว่ารับรู้คำพูดของเธอ คัทเลยาจึงตัดสินใจเข้าเรื่อง พูดสิ่งที่อยากพูด
     
    ความต้องการยาวิเศษที่เพื่อรักษาอาการป่วยที่ไม่มีทางอื่นรักษาได้ ฉันเข้าใจนะคะ
     
    ไซโตะไม่เข้าใจว่าคัทเลยาพูดถึงอะไร และสงสัยว่าเป็นสำนวนอะไรที่เขาไม่รู้จักหรือเป็นรหัสลับที่เข้าใจแค่สองคนหรือเปล่า หลุยส์ก็งุนงงคล้ายๆ กันแต่คลับคล้ายคลับคลาว่าช่วงที่พี่สาวของเธอป่วยอยู่เคยได้ยินเรื่องอะไรอย่างนั้น
     
    ความรู้สึกที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อไขว่คว้าหามัน ความสิ้นหวังเมื่อไม่สำเร็จ ฉันก็เข้าใจค่ะ
     
    เด็กหนุ่มที่อยู่บนเตียงไม่มีการตอบสนอง แต่รอยยิ้มอ่อนโยนของคัทเลยาก็ไม่หวั่นไหว
     
    แต่ฉันก็รู้อีกว่าสิ่งที่ทำไปไม่ได้เสียเปล่าทั้งหมด เราอาจมองไม่เห็นเพราะจดจ่ออยู่กับเพียงสิ่งนั้น แต่เราได้สิ่งอื่นๆ มาในระหว่างนั้นด้วย แม้จะไม่ได้ยาวิเศษ แต่ก็ได้พบคนสำคัญสองคน และยังได้ประสบการณ์ตื่นเต้นเพียงแค่ครั้งเดียวในยี่สิบปีอีกด้วยนะคะ
     
    หลุยส์มั่นใจกว่าเก้าในสิบแล้วว่าพี่สาวของเธอพูดถึงตัวเอง เป็นเรื่องที่มีแค่พี่สาวคนนั้นแล้วก็เด็กหนุ่มบนเตียงที่รู้
     
    คุณเองมาจนถึงตอนนี้ก็ต้องได้สิ่งอื่นๆ ที่มีค่ามามากมายเช่นเดียวกันค่ะ อย่างน้อยที่สุดคุณก็มีผู้หญิงสองคนกับเด็กหนุ่มที่กล้าหาญอีกหนึ่งคนที่เห็นคุณเป็นคนสำคัญถึงขนาดยอมเดินทางแสนไกลเพื่อพากลับมา
     
    ไซโตะเกาแก้มอย่างเขินนิดๆ  พี่สาวของหลุยส์พูดแทนเขาไปเสียแล้ว แต่เขาก็ไม่รู้สึกว่าไม่พอใจ เขาพูดเองคงจะไม่ดีเท่านี้
     
    ตราบเท่าที่ยังมีชีวิตอยู่ คุณก็จะได้พบสิ่งและคนที่สำคัญอีกมากมาย ฉันรู้ค่ะ เพราะฉันเองก็ได้พบกับซินนามอน ได้เห็นน้องสาวเติบโตรายล้อมด้วยคนที่จิตใจดีงาม และได้พบกับคุณอีกครั้ง คุณเองก็จะมีโอกาสเช่นนั้นแน่นอนค่ะ
     
    คำพูดของคัทเลยากับรอยยิ้มที่อ่อนโยนกินใจขนาดที่ไซโตะรู้สึกว่าสื่อถึงเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาแน่นอน แม้จะมองด้วยตาจะไม่เห็นปฏิกิริยาก็ตาม
     
    ตายจริง ฉันแย่งพูดคนเดียวซะแล้ว คุณอัศวินของหลุยส์ มีเรื่องจะพูดกับเขาใช่มั้ยคะ?
     
    ไซโตะสะดุ้งเมื่อจู่ๆ ก็ตกมาที่ตัวเอง และคำเรียก อัศวิน โดยไม่มีความนัยประชดประชันจากผู้หญิงอายุมากกว่าอย่างคัทเลยาทำให้เขาเขินแปลกๆ  ไซโตะไม่ได้สังเกต แต่หลุยส์เองก็มีสีชมพูระเรื่อที่แก้มเช่นกัน
     
    อ—เอ... ก—ก็...ไม่ได้สำคัญเท่ากับคุณคัทเลยาหรอกครับ... ไซโตะกลบเกลื่อนระหว่างที่คิด ก่อนจะกระแอมไอหนึ่งครั้ง
     
    เอ็กซ์ ไซโตะเผลอทำเสียงเข้ม ต้องลดลงมาเท่าปกติ ถ้านายว่าง—หมายถึง ถ้านายไม่ว่าล่ะก็ ช่วยฉันหาวิธีกลับ เอ่อ...บ้านเกิดฉันหน่อยก็ดีนะ... ไซโตะต้องเปลี่ยนคำพูดกลางคันเมื่อนึกขึ้นได้ว่าคัทเลยายังไม่รู้(แต่ระแคะระคายอยู่พอสมควร)
     
    ก่อนที่ไซโตะจะนึกขึ้นได้ว่าข้างหน้านี้คือเด็กหนุ่มผู้เจ็บปวดกับการไม่สามารถรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเพื่อนได้
     
    อ๊ะ แต่ว่าไม่อยากให้ยึดติดอะไรกับมันมากขนาดนั้นนะ! ฉันยังไงก็ได้! ...เอ๊ะ ไม่สิ ฉันอยากกลับอยู่นะ อยากกลับมากอยู่นะ... ไซโตะเริ่มได้รับผลของการไม่คิดก่อนพูด
     
    สายตาของหลุยส์สงสัยในสติปัญญาของอสูรรับใช้ คัทเลยาหัวเราะไม่ออกเสียง
     
    ไซโตะมองเด็กหนุ่มบนเตียงที่ไม่ขยับตัว และรู้สึกตัวว่าหมดเรื่องที่พูดได้แล้ว
     
    พวกเราจะกลับไปบ้านของหลุยส์ ถ้านายจะตามไปด้วย...ก็ตามมานะ
     
    เมื่อชัดเจนว่าไม่มีใครมีเรื่องพูดมากกว่านั้นก็ได้เวลาไปเตรียมตัวเดินทางสู่ปราสาทวาลลิแยร์
     
    ไซโตะกับหลุยส์เดินออกไปจากห้องก่อน ทั้งคู่หยุดที่หน้าประตูและหันกลับไปอย่างลังเล ไซโตะมองผู้ที่อยู่บนเตียง หลุยส์มองพี่สาวที่ลุกขึ้นช้ากว่าตัวเอง
     
    มาเยี่ยมฉันบ้างนะคะ หรือถ้าไม่รังเกียจ ข้อเสนอเดิมยังอยู่นะคะ คัทเลยายิ้มให้เด็กหนุ่มที่ไม่ตอบสนอง แล้วเดินตามน้องสาวกับอสูรรับใช้ออกจากห้องไป
     
    เสียงประตูปิดดังในความเงียบของห้อง
     
    ร่างบนเตียงค่อยๆ เอนไปข้างหลัง ทิ้งศีรษะลงบนหมอตามเดิม สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่อื่นนอกจากภาพข้างหน้า ก่อนที่เปลือกตาจะค่อยๆ ปิดลง
     
    สิ่งที่ราชินีของทริสเทน องค์หญิงของกาเลีย และลูกสาวขุนนางทริสเทนพูดทำให้เขาคิด และทำให้เขาเหนื่อย
     
    ...
     
    [...]
     
    รอบตัวเขาเป็นสีขาวโพลน
     
    ไม่มีเส้นขอบ ไม่มีเขตสิ้นสุด แต่เขารู้ว่าตัวเองอยู่ในห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่มองไม่เห็น
     
    นี่คือความฝัน ครั้งหนึ่งเขาจะเชื่ออย่างนั้นจากประสบการณ์โดยไม่สงสัย แต่หลังจากกลายเป็นไซเบอร์เอลฟ์ เขาก็ไม่สามารถชี้ชัดได้
     
    ร่างสีฟ้าปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา ไม่ใช่ร่างที่จับต้องได้ เป็นความรู้สึกเหมือนกับมีแต่ก็ไม่มี เป็นความรู้สึกที่เขาไม่ได้สัมผัสนานมากแล้ว แต่ยังจำได้
     
    เอ็กซ์เงยหน้าขึ้นมองชายชราในชุดขาว ใบหน้าที่มีหนวดเครายังคงเหมือนเดิม ดูอ่อนโยนแต่กระด้างเล็กน้อยจากความทุกข์ที่ต้องพบเจอ ตรงกันข้ามกับที่เขาพบใน—
     
    เขาไม่เคยคิดถึงความเชื่อมโยง แต่หลังจากได้เข้าไปในร่างของซีโร่ทำให้เขารู้
     
    คุณคือคนที่สร้างผมใช่มั้ย?
     
    ร่างโฮโลแกรมไม่ตอบ ไม่พยักหน้า แต่เอ็กซ์ก็รู้ว่าใช่โดยไม่ต้องได้รับคำยืนยัน
     
    ทำอย่างไรจึงมีแคปซูลให้ชุดเกราะกับเขาได้มากมาย ทำไมจู่ๆ ก็แคปซูลเหล่านั้นรวมทั้งตัวเองก็ไม่ปรากฏตัวต่อหน้าเขาอีก เป็นแค่ภาพบันทึกหรือว่าเป็น A.I. ที่อยู่ในโปรแกรมของเขา มีคำถามมากมายที่เขาสามารถถามได้ แต่เขาไม่รู้ว่าเวลามีเท่าไร และจะได้พบอีกหรือไม่ เขาจึงเลือกคำถามที่ต้องการคำตอบที่สุด
     
    ช่วยบอกผมที...หุ่นยนต์มีวิญญาณรึเปล่า?
     
    คำถามของเขากลืนไปกับสีขาวโดยไม่มีเสียงสะท้อนกลับ เขารอคำตอบจากชายชราโดยไม่พูดหรือแม้แต่ขยับตัว
     
    ชายในภาพโฮโลแกรมท่าทางครุ่นคิดคำถามของเขา ก่อนจะเปิดปาก
     
    #เอ็กซ์ ก่อนที่จะสร้างเจ้าฉันสร้างหุ่นยนต์มามาก แม้จะถูกควบคุมด้วยกฎสามข้อ ไม่ได้มีความคิดที่อิสระอย่างเจ้า แต่พวกเขาเหล่านั้นก็ต่างเหมือนกับลูกๆ ของฉัน คำถามนี้ถูกถามโดยใครหลายคน รวมทั้งตัวฉันเอง ดังนั้นฉันจึงได้สร้างเจ้าขึ้น ฉันหวังว่าเจ้าจะเป็นคำตอบที่โลกต้องการ ...แต่แม้จนถึงตอนนี้ฉันก็ตอบได้เพียงว่าฉันไม่รู้#
     
    เขาก้มหน้าลง เขากึ่งคาดหวังว่าชายชราคนนี้จะให้คำตอบนั้นกับเขา...กับเนโออาร์คาเดียที่อยู่ในความทรงจำของเขาได้ แต่อีกครึ่งหนึ่งก็รู้ว่าคำถามนี้อาจไม่มีวันที่ใครสามารถให้คำตอบได้
     
    #...ฉันก็เห็นด้วยกับเจ้า แม้ในอนาคตก็คงไม่มีคนที่รู้แน่นอน แต่คำตอบอาจจะไม่จำเป็น#
     
    เขาเงยหน้าขึ้น สีหน้าของชายชราเป็นของคนที่ได้คำตอบบางอย่าง
     
    #ฉันใช้ความรู้ทั้งหมดที่มีในโลก วิทยาศาสตร์ ปรัชญา หรือศาสนาก็ไม่ยกเว้น เพื่อค้นหาสิ่งที่เป็น วิญญาณ ในตัวมนุษย์ เพื่อที่จะมอบมันให้กับหุ่นยนต์ ในที่สุดฉันก็ไม่รู้ว่าวิญญาณ นั้นคืออะไร แต่ฉันก็พบคำตอบที่ฉันพอใจ ไม่ใช่ในฐานะนักวิทยาศาสตร์ แต่ในฐานะคนที่มีหุ่นยนต์เป็นครอบครัว#
     
    ใบหน้าของชายชราอ่อนโยนขึ้นอีกนิด ลดความกระด้างลง แต่เปี่ยมด้วยความเชื่อมั่น
     
    #เพราะมีมนุษย์ หุ่นยนต์จึงมีวิญญาณ และเพราะมีหุ่นยนต์ มนุษย์จึงมีวิญญาณ นั่นคือความเชื่อของฉัน สำหรับฉัน นั่นคือสัจธรรม#
     
    คำพูดของชายชราซึมลงในความคิดของเขา พร้อมกันนั้นดวงตาของเขาก็ค่อยๆ เบิกขึ้น
     
    เขาไม่เข้าใจความหมายของคำพูดนั้น ไม่แน่ใจว่าความหมายที่แท้จริงคืออะไร
     
    แต่ความรู้สึกที่ช่องว่างในจิตใจถูกเติมเต็มก็สามารถสัมผัสได้อย่างเด่นชัด ทำให้เขายิ้มออกมา ราวกับคำตอบนี้เป็นตัวต่อชิ้นสุดท้ายที่ความฝันของเขาขาดมาโดยตลอด
     
    ขอบคุณครับ...ผมคิดว่าเป็นคำตอบที่ดีที่สุดแล้ว...เป็นคำตอบที่ควรค่าในการปกป้อง
     
    ชายในภาพโฮโลแกรมยิ้ม เขาเพิ่งนึกได้ตอนนี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นชายชรายิ้ม
     
    #เอ็กซ์ ฉันขอให้เจ้าโชคดี#
     
    เขายิ้มและพยักหน้า แล้วภาพของชายชราก็หายไป จากนั้นตัวเขาเองก็ไม่อยู่ในพื้นที่สีขาวนั้นอีก
     
    [...]
     
    เอ็กซ์ลืมตาขึ้น ครั้งนี้ด้วยอาการสงบมากกว่าความเงียบที่ว่างเปล่า
     
    เขาหันไปมองสีแดงที่ข้างเตียง แล้วเรียกชื่อ
     
    ซีโร่
     
    เอ็กซ์
     
    ต่างคนเพียงแค่พูดชื่อของกันและกัน แต่ราวกับมีความหมายมากมายถ่ายทอดแก่กัน
     
    ...ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ แต่ฉันเริ่มไม่แน่ใจว่าความฝันของพวกเราจะเป็นจริงได้
     
    จู่ๆ เอ็กซ์ก็พูดออกมาโดยไม่มีการปูการสนทนามาก่อน ใบหน้าที่เรียบเฉยและปราศจากความประหลาดใจของซีโร่บอกว่าทั้งคู่ทำแล้วด้วยสองคำสั้นๆ นั้น
     
    เนโออาร์คาเดียเหมือนจะเป็นสวรรค์ที่ความฝันของพวกเราจะเป็นจริงได้ แต่ใต้ผิวนอกมีรอยร้าวมากมาย ความปั่นป่วนที่สะสมอยู่ภายในปีแล้วปีเล่า รอเวลาที่ฉันจะรั้งไว้ไม่อยู่ ความพยายามของฉันกลายเป็นเพียงเพื่อให้ภาพลวงตานั้นคงอยู่ได้ไปแต่ละวัน
     
    เชลยืนอยู่ห่างๆ ให้พูดคุยกันแค่เรปลิลอยด์สีแดงกับเด็กหนุ่มบนเตียง แต่ตัวเองก็ฟังและมองอยู่ และประหลาดใจเมื่อเอ็กซ์เปล่งเสียงเป็นครั้งแรกในห้าวันเปิดเผยสิ่งที่อยู่ในใจซึ่งปิดจากคนอื่นมานับร้อยปี
     
    ฉันรู้สึกว่าทำผิดที่แก้ไขไม่ได้ นายกับแอ็กเซลต่อสู้จนสละชีวิตเพราะเชื่อในความฝันของฉัน แต่ทุกอย่างค่อยๆ พังลงต่อหน้า ...ตอนที่ฉันซึ่งเป็นคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ทิ้งความหวังไป เชื่อว่าความฝันของพวกเราไม่มีวันเป็นจริง คือตอนที่ฉันทำผิดที่สุด
     
    ซีโร่มองและฟังเอ็กซ์โดยไม่ปริปาก ไม่ขยับตัวมากกว่าแค่กะพริบตา ไม่แสดงการกล่าวโทษหรือสงสารเพื่อนด้วยแววตา เพียงแค่ให้รู้ว่าตัวเองอยู่ตรงนั้น จากซีโร่สู่เอ็กซ์ เป็นสิ่งที่ดีกว่าคำปลอบใดๆ
     
    ตอนที่เห็นนายปักเซเบอร์เข้าไปในตัวของหุ่นก็อปปี้ของฉัน ฉันคิดกับตัวเองว่านั่นคือสิ่งที่ฉันต้องการ คือสิ่งที่คู่ควรกับโลก คนที่ความยึดมั่นแข็งแกร่งกว่าฉัน คนที่จะกำจัดฉันที่หักหลังความเชื่อนั้นและแก้ไขอย่างที่ควรจะเป็น ตัวเองที่กลายเป็นไซเบอร์เอลฟ์ไปแล้วไม่สามารถได้สิ่งนั้นมา ทำได้แค่ช่วยนายแก้ไขความผิดพลาดให้กลับมาถูกต้อง แต่ความผิดนั้นก็ไม่หายไป
     
    เชลจำได้ว่าเอ็กซ์ช่วยรีซิสแทนซ์หลายต่อหลายครั้ง แต่เธอไม่เคยสงสัยเหตุผลเบื้องหลัง เอ็กซ์เป็นตัวจริงของหุ่นที่เธอสร้าง อาจจะอยากทำลายตัวปลอมของตัวเอง อาจจะอยากช่วยเพื่อนของตัวเอง เชลไม่ได้คิดว่ามันสำคัญนัก ซึ่งก็จริงสำหรับเธอ แต่ไม่ใช่สำหรับซีโร่
     
    กับไซเบอร์เอลฟ์ที่กระจัดกระจายอยู่ในโลกใบใหม่นี้ฉันก็ทำเหมือนกับที่ช่วยนาย แต่นอกจากความผิดจะไม่เคยหายไปอย่างแท้จริงแล้วยังมีแต่เพิ่มขึ้นแต่ละครั้งที่ฉันได้ระลึกว่าการตัดสินใจของตัวเองผิดพลาดเสมอ พอรู้ว่านายอยู่ที่นี่ด้วย แต่อยู่ฝ่ายที่ทำเรื่องไม่ถูกต้อง รู้ว่านายไม่อยู่ในตำแหน่งที่จะกำจัดฉันในนามของความฝันของเราได้ ฉันผิดหวังมากจนกระโจนใส่นาย
     
    เอ็กซ์ยิ้ม แต่เป็นยิ้มที่ประชดประชันมากกว่าจะขบขัน
     
    หลังจากถูกนานะไล่ต้อน ฉันก็เห็นโอกาสที่จะได้มา ถึงจะต้องทำเรื่องเลวร้ายแค่ไหนก็ไม่เป็นไร เพราะสุดท้ายนั่นก็จะเป็นบทของฉันอยู่แล้ว สิ่งที่ตามกัดกินฉันจะได้พอใจซะที ...แต่สุดท้ายนอกจากฉันจะไม่ตายแล้ว คนที่โค่นฉันได้ยังเป็นคนอื่นนอกจากนายซะอีก ไม่ใช่เรปลิลอยด์ ไม่ใช่แม้แต่คนที่อยู่ในโลกของเรา ฉันรู้สึกว่าสิ่งที่ฉันรู้มีน้อยนิด แล้วก็พอใจที่จะจบลงตรงนั้น ไม่คิดว่านานะจะไม่ทำตามสัญญา
     
    เอ็กซ์ยิ้ม ไม่กล่าวโทษอดีตโอเปอเรเตอร์ แต่ยินดีที่เธอคนนั้นตัดสินใจด้วยสิ่งอื่นนอกจากความแค้นได้
     
    ซีโร่ นายสู้ทั้งที่จำอะไรไม่ได้ เพราะในใจของนายมีความถูกต้องอยู่ เป็นความถูกต้องที่เข้มแข็งกว่าฉัน
     
    เปล่า
     
    ซีโร่เปิดปากขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากปล่อยให้เอ็กซ์พูดเพียงคนเดียว
     
    ฉันไม่ได้สู้เพราะคิดว่ามันถูกต้อง ฉันสู้เพราะเป็นสิ่งที่นายเชื่อ ถึงจะจำอย่างอื่นไม่ได้ แต่ฉันก็รู้
     
    เอ็กซ์ยิ้ม ไม่ประหลาดใจกับคำตอบของเพื่อน
     
    นี่ซีโร่ นายคิดว่าเรปลิลอยด์มีวิญญาณรึเปล่า?
     
    เอ็กซ์ถามคำถามเดียวกับในความฝัน ผู้ที่ถูกถามไม่รู้ แต่น้ำเสียงของเอ็กซ์ในครั้งที่สองนี้ต่างจากครั้งแรก เป็นความหวังเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ความหวังที่จะหาท่อนไม้สักท่อนเกาะท่ามกลางมหาสมุทรอันเคว้งคว้าง แต่เป็นความหวังที่รู้ว่าแผ่นดินอยู่ข้างหน้า
     
    ไม่รู้เหมือนกัน นายรู้อยู่แล้วว่าฉันไม่ถนัดเรื่องพวกนี้ ...แต่ถ้าคนอย่างไวล์มีวิญญาณได้ นายก็ต้องมีได้เหมือนกัน
     
    เอ็กซ์หัวเราะ เป็นเสียงเบาๆ แค่สองสามวินาที ไม่ได้ยินไปถึงนอกห้อง ไม่ได้เปี่ยมด้วยชีวิตชีวา แต่ก็เป็นเสียงหัวเราะที่แท้จริง เป็นเสียงหัวเราะที่ปราศจากน้ำหนักที่ถ่วงในอก ครั้งแรกในร้อยปี ครั้งแรกตั้งแต่เพื่อนของเขาผนึกตัวเอง
     
    ตอนนั้นเองเชลจึงได้เห็น ในแววตาของเอ็กซ์เป็นความว่างเปล่า แต่ไม่ใช่ความว่างเปล่าที่ไม่เหลืออะไรอยู่ข้างในอย่างที่ผ่านมา เป็นความว่างเปล่าที่พร้อมจะใส่สิ่งใหม่ๆ ลงไป
     
    ว่าแต่ นายยังใช้บัสเตอร์ได้อยู่มั้ย?
     
    ไม่ได้แล้ว คงได้ครั้งเดียวนั่นล่ะ ซีโร่ตอบอย่างไม่เสียดาย
     
    ฉันก็รู้สึกว่าจะเรียกชุดเกราะมาอีกไม่ได้แล้วเหมือนกัน จำไม่ได้ว่าทำได้ยังไง ตอนนั้นคิดแค่ว่าต้องดึงออกมาอีก
     
    ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน ไม่รู้เลยว่าทำได้ เมื่อก่อนฉันเคยมีบัสเตอร์เหรอ?
     
    นานแล้วล่ะ แต่ระบบนายตัดสินว่าเป็นตัวถ่วงเทียบกับใช้ดาบอย่างเดียวก็เลยทิ้งไปหรืออะไรทำนองนั้น นายบอกฉันเอง พอเชล อ่า เชลอีกคนสร้างร่างใหม่ให้นายก็ไม่มีแล้ว
     
    ไม่รู้ว่ากลายมาเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร แต่บทสนทนาระหว่างทั้งสองกลายเป็นเรื่องสัพเพเหระไปเสียอย่างนั้น
     
    เชลไม่อยากรบกวนบทสนทนาแรกที่ไร้ความกดดันระหว่างเพื่อนสองคน แต่เธอเองมีคำถาม จึงเตรียมใจและก้าวเข้าไป
     
    เอ็กซ์เห็นและหันมาพูดกับเธอก่อน
     
    เชล เธอมีเรื่องจะถามฉันสินะ
     
    เชลมองรอยยิ้มที่ไร้ความเป็นศัตรูและไม่รู้ว่ารู้สึกอย่างไร เพราะมันเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เธอจะถาม
     
    ฉันอยากจะถาม...เรื่องผู้หญิงคนนั้น ที่ชื่อแทร์...
     
    อา แม่ของเธอ
     
    เชลผงะ จากความคิดที่ว่าตัวเองมีแม่จริงๆ และจากเสียงที่ไร้ความโกรธเคืองของเอ็กซ์
     
    เธอต้องถามคำถามนี้ให้ได้
     
    เอ็กซ์ไม่...เกลียดผู้หญิงคนนั้นเหรอ?
     
    ไม่เลย เอ็กซ์ส่ายหน้าและตอบอย่างไม่ลังเล ทำให้เชลประหลาดใจ
     
    ไม่รู้สึกโกรธที่ถูกหักหลังบ้างเหรอ?
     
    แทร์เป็นคนที่จริงจังกับความเป็นแม่มากที่สุด อาจจะเพราะลูกในท้องเป็นคนแรกที่ไม่มีคำสาปเหมือนกับตัวเองและบรรพบุรุษ คนที่ใช้ความปลอดภัยของลูกในท้องข่มขู่แทร์ก็รู้ว่าจะได้ผล ฉันไม่โกรธที่แทร์พยายามปกป้องลูก และถึงจะเกิดอะไรขึ้นฉันก็ไม่มีทางเกลียดลูกของวีย์ หรือลียา หรือโซเลย์ หรือเชลคนก่อนเธอได้หรอก
     
    น้ำเสียงสงบที่บอกว่าสิ่งที่กล่าวมาเป็นความจริงทำให้เชลรู้อย่างหนึ่ง ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเอ็กซ์กับบรรพบุรุษของเธอใกล้เคียงกับความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับซีโร่ นั่นคือความรัก ไม่ใช่ความหมายในเชิงคนสองคนเหมือนอย่างเชลเอง แต่ในความหมายที่ครอบคลุมความปรารถนาดีทั้งหมด
     
    แล้วสิ่งที่ทำลงไปสุดท้ายก็ให้กำเนิดเด็กสาวที่ทำให้ความฝันของฉันกับซีโร่เป็นจริง ถ้าแทร์รู้สึกเสียใจหรืออยากจะขอโทษล่ะก็ เท่านั้นถือว่าชดเชยได้เกินพอแล้ว
     
    น้ำหนักที่ถ่วงใจของเชลตั้งแต่ได้เห็นบันทึกภาพนั้นถูกยกออกไป ลูกสาวของแทร์ยิ้มออกมา
     
    บางทีความต้องการจะสร้างโลกของมนุษย์และเรปลิลอยด์ฉันอาจจะได้รับถ่ายทอดมาจากคุณแม่ก็ได้
     
    อาจจะนะ
     
    ซีโร่มองรอยยิ้มของเชลกับเอ็กซ์แล้วก็ยิ้มบ้าง เรปลิลอยด์สีแดงไม่ใช่คนที่แสดงความรู้สึกออกมามาก แต่ในขณะนั้นเขารู้สึกว่าทุกอย่างในโลกเป็นอย่างที่ควรจะเป็นแล้ว
     
    เอ็กซ์ พวกเราจะกลับไปที่อัลเบี้ยน ตอนนี้จะติดรถม้าไปกับเพื่อนของนายก่อน ถ้านายจะไปด้วยก็ตามมาล่ะ
     
    อา อีกซักเดี๋ยว
     
    ซีโร่กับเชลยิ้มให้เอ็กซ์อีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องไป
     
    เมื่อประตูปิดลง ในห้องก็เหลือเพียงแค่เขากับความเงียบ
     
    เลเวียธาน
     
    จนกระทั่งเขาพูดขึ้น และร่างสีฟ้าปรากฏตัวขึ้นที่มุมห้องข้างหน้าต่าง
     
    พรายสาวเข้ามาในนี้ก่อนใคร แต่ต่างคนต่างไม่ปริปาก จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าสองคู่ของราชินีกับอัศวินหยุดที่หน้าประตูพรายสาวจึงเข้าไปพรางตัวที่มุม
     
    หลังจากนั้นก็อยู่ที่นั่นตลอด และเพิ่งจะปรากฏตัวเมื่อเขาเรียกชื่อ
     
    พวกเธอสี่คนเป็นหลักฐานความผิดที่ชัดเจนที่สุดของฉัน
     
    เลเวียธานยืนอยู่กับที่ รู้ว่าควรปล่อยให้เจ้านายพูด
     
    ถ้าฉันไม่ทำให้เนโออาร์คาเดียล้มเหลว พวกเธอสี่คนก็ไม่จำเป็นต้องต่อสู้ เพราะฉะนั้นการให้เธอได้ใช้ชีวิตที่ปลอดภาระแบบนั้นที่โลกนี้ถึงเป็นการชดเชยความผิดอย่างหนึ่ง
     
    เลเวียธานรู้แล้ว ตั้งแต่เห็นบันทึกอดีตของเอ็กซ์ที่นานะเปิดให้ดู พรายสาวก็เข้าใจสาเหตุเบื้องหลังความพยายามทั้งอย่างลับๆ และอย่างโจ่งแจ้งให้เธอกลมกลืนเข้ากับโลกใบนี้
     
    ท่านเอ็กซ์คิดว่าเนโออาร์คาเดียล้มเหลว ก็อาจจะจริงอยู่ส่วนหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราก็รักเนโออาร์คาเดีย พวกเรารักอาณาจักรและผู้คนที่อาศัยอยู่ เราถึงได้เคารพท่านเอ็กซ์ซึ่งเป็นผู้ทำให้เกิดขึ้น และต่อสู้กับผู้ที่เป็นภัย
     
    เอ็กซ์เบิกตาด้วยความประหลาดใจและด้วยความรู้ตัวที่ผุดขึ้น เขาเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองสามารถยินดีได้ถึงขนาดนี้เมื่อได้ยินใคร โดยเฉพาะจตุรเทพ บอกว่ารักอาณาจักรแห่งนั้น
     
    แต่ก็จริงที่พวกเรามีเรื่องเสียใจและเสียดายหลายอย่าง โดยเฉพาะฉันมีความแค้นตกค้างที่ไม่สามารถปล่อยวางได้ จนกว่าจะได้สะสาง ฉันเองก็เริ่มต้นใหม่ไม่ได้อย่างสนิทใจเช่นกันค่ะ
     
    เกี่ยวกับซีโร่ใช่มั้ย?
     
    เอ็กซ์ประหลาดใจเมื่อเลเวียธานส่ายหน้า แต่เก็บอาการและตั้งใจฟัง
     
    ท่านเอ็กซ์ค่ะ ซีโร่เป็นแพะบูชายัญเพื่อชำระความรู้สึกแค้นเคืองที่สุมอยู่เท่านั้น เหมือนที่ท่านเอ็กซ์ทำกับชีวิตของตัวเอง ฉันเพิ่งจะรู้เมื่อไม่นานมานี้ ฉันคิดว่ามีแค่ฮาร์เปียที่รู้สึกตัวตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ หมอนั่นถึงได้ไม่เคยสั่งโจมตีรีซิสแทนซ์และส่งกำลังแค่เล็กๆ น้อยๆ ตามล่าซีโร่แต่พอได้ส่ง
     
    เอ็กซ์พยักหน้า เขาเองก็ดูอยู่ ฮาร์เปียรักษานโยบายเดิมที่มีอยู่ แต่จัดการด้วยความสมเหตุสมผลกว่าก็อปปี้ของเขา
     
    แต่เรื่องสำคัญตอนนี้ไม่ใช่เรื่องนั้น
     
    เธอเข้ากับโลกนี้ได้แล้วเลเวียธาน ฉันดูอยู่และรู้ว่าเป็นจริง เธอมีเพื่อนที่เชื่อใจได้ มีความซาบซึ้งกับสิ่งที่โลกนี้มีให้ เท่านั้นฉันก็พอใจแล้ว รู้ว่าไม่มีอะไรที่ต้องทำอีก
     
    จึงได้ตัดสินใจดำเนินแผนการที่จะนำมาซึ่งจุดจบของตัวเองได้ เป็นส่วนที่รู้กันดีตั้งแต่ก่อนเริ่มการสนทนา
     
    ยังค่ะ ยังขาดอยู่หนึ่งก้าวก่อนที่ฉันจะเริ่มต้นในโลกนี้ได้อย่างสนิทใจ ท่านเอ็กซ์ต้องทำด้วย เมื่อนั้นฉันถึงจะปล่อยวางจากความแค้นที่เหลืออยู่ได้
     
    คำตอบกับใบหน้าที่จริงจังของเลเวียธานทำให้เอ็กซ์ยิ้มโดยอัตโนมัติ เลเวียธานมาไกลแล้วจากจตุรเทพที่แสดงเบื้องหน้าอำมหิต ตอนนี้แม้จะยังมีภายนอกที่แข็งกระด้างอยู่ แต่ก็เผยความอ่อนโยนที่ไม่เคยมีโอกาสได้แสดงออกมาสมัยเป็นจตุรเทพ เขารู้สึกขอบคุณโลกใบใหม่นี้ที่ให้โอกาสที่เขาแย่งไปจากเลเวียธาน
     
    บางทีโลกใบนี้ก็อาจจะให้โอกาสเดียวกันกับเขาด้วย
     
    นั่นสินะ งั้นฉันจะทำเพื่อเธอซักหน่อยก็แล้วกัน
     
    ซักทีนะคะ ทำคนอื่นเดือดร้อนเพราะเรื่องของตัวเองมาสิบปีแล้ว เลเวียธานเบือนหน้าไปด้านข้างพลางเท้าเอวและกล่าวเสียงตำหนิ ซึ่งทำให้เอ็กซ์หัวเราะเบาๆ
     
    เลเวียธานรู้สึกโชคดีที่มีร่างกายที่สามารถควบคุมได้ดั่งใจ ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องหันหลังไปทั้งตัวและยกมือขึ้นกดปิดปากเพื่อไม่ให้ท่านเอ็กซ์เห็นและได้ยินสิ่งที่เอ่อขึ้นในใจของเธอตอนนี้
     
    ในที่สุดก็จบลงเสียที ในที่สุดคำสาปของโลกใบเก่าก็คลายลงแล้ว
     
    เอ็กซ์ยิ้มขณะมองเลเวียธานที่เบือนหน้าหนี เขารู้ว่าพรายสาวรู้สึกอย่างไรและรู้ว่าไม่อยากให้เขารู้(เพราะเขิน) เขาจะเงียบไว้เพื่อไม่ให้บรรยากาศดีๆ เสียหาย
     
    จริงสิ แหวนอันดวาริคืนให้ภูตวารีไปรึยัง?
     
    ยังเลยค่ะ อย่าลืมนะคะว่าคนที่ไปสัญญากับภูตวารีไว้คือท่านเอ็กซ์ ต้องเอาไปคืนเองไม่งั้นผิดคำพูดนะคะ เลเวียธานยกแหวนที่ปรากฏขึ้นบนนิ้วนี้ข้างซ้ายประกอบ
     
    เอ็กซ์ขมวดคิ้ว
     
    ...โชคดีที่เธอไม่ได้ออกมาช่วยซีโร่
     
    นั่นสินะคะ เลเวียธานเองไม่หวั่นใจเพราะเรื่องผ่านไปแล้ว
     
    ถ้างั้นก็รีบเอาไปคืนเถอะ มีแหวนที่คืนชีพศพได้อยู่กับตัวไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ เอ็กซ์รีบเปลี่ยนอารมณ์และยิ้ม
     
    เอ ถ้าเป็นแฟนธอมคงถูกใจนะคะ ไม่ว่าจะตายซักกี่หนก็จะกลับคืนมาปกป้องท่านเอ็กซ์เสมอ เป็นเงาที่ทำยังไงก็ไม่ไปไหนตลอดชีวิต ยี่สิบสี่ชั่วโมง เลเวียธานแสยะยิ้มกับสีหน้าหวาดกลัวนิดๆ ของเอ็กซ์
     
    เอ่อ นั่นมันก็เกินไปหน่อย...ค่อนไปทางน่าขนลุก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพราะว่ามีโอกาสที่แฟนธอมจะทำอย่างนั้นจริงๆ
     
    แล้วจะทำยังไงคะ? จะไปเลยหรือจะพักอยู่นี่ก่อน? คีร์เก้บอกว่าอยู่ได้ตามสบาย หรือจะตามพวกนั้นไปที่บ้านของหลุยส์ก็ได้นะคะถ้าสนใจ
     
    ไหนๆ ก็กลับมาด้วยกันแล้ว อย่างน้อยก็ตามไปส่งถึงที่ดีกว่า ยังไงก็เป็นทางผ่าน เพราะทะเลสาบแล็กโดเรี่ยนตั้งอยู่บนชายแดนทริสเทนกับกาเลีย อย่างไรก็ต้องผ่านทริสเทนก่อน
     
    งั้นก็รีบไปเถอะค่ะ เพราะตอนนี้เตรียมรถเตรียมม้ากันเสร็จแล้ว
     
    เอ็กซ์ลุกขึ้นจากเตียง กำลังใจที่กลับมามีผลดีกว่าที่คาดไว้ แต่อย่างไรก็ยังเป็นร่างกายที่ขาดอาหารและน้ำมาห้าวัน ต้องให้เลเวียธานช่วยประคองให้ลุกขึ้นและสวมเสื้อคลุม ผ้าพันเอว และถุงเท้ารองเท้า อาร์มการ์ดกับถุงมือหนังใส่ถุงหนังที่สะพายข้างเอวซ้ายไปก่อน ร่างกายยังไม่พร้อมจะสวมเครื่องแต่งกายที่เกินจำเป็น
     
    จู่ๆ เลเวียธานก็หัวเราะเบาๆ โดยไม่เปิดปาก
     
    ไม่นึกว่าจะมีวันที่ต้องดูแลท่านเอ็กซ์เหมือนเด็กสามขวบอย่างนี้นะคะ
     
    คนป่วย เรียกคนป่วยสิ เอ็กซ์ยิ้มแห้งๆ พลางท้วงคำแซวของเลเวียธาน
     
    เอ็กซ์ เลเวียธาน และมาเธอร์เอลฟ์ที่อยู่กับเอ็กซ์ตลอดแต่ไม่มีใครเห็นเปิดประตูออกจากห้อง
     
    ว่าไปแล้ว หลังจากนั้นนานะก็กลับไซเบอร์สเปซไปแล้วก็ไม่มีข่าวคราวอะไรอีกเลยนะคะ ไม่มีคำอธิบายอะไรเลยด้วย รู้สึกว่าน่าจะยังมีเรื่องต้องพูดกันมากกว่านี้นะคะเนี่ย อย่างเช่นห้องทดลองที่ยังอยู่ใต้ปราสาทอาฮัมบราจะทำยังไง แล้วอยู่กับเจ้านายเก่ามีสารพัดเครื่องมืออะไรบ้างที่เราต้องระวัง
     
    เลเวียธานยังไม่แน่ใจว่าควรจะคิดอย่างไรกับนานะ อยู่ในสถานะที่เป็นศัตรูกันมานาน เป็น เรปลิลอยด์ปริศนา ที่จับตัวไซเบอร์เอลฟ์และหนุนหลังครอมเวล เป็นอสูรรับใช้แห่งความว่างเปล่าที่ทำงานให้ราชสำนักกาเลีย ทำการทดลองกับไซเบอร์เอลฟ์ ใช้ตัวประกันบังคับซีโร่กับเชลให้ทำเรื่องเลวร้าย แล้วจู่ๆ ก็กลายเป็นคนสำคัญที่ช่วยเหลือเธอเรื่องอดีตของท่านเอ็กซ์ภายในชั่วข้ามคืน เลเวียธานรู้ว่าที่ผ่านมานานะต้องเคยสร้างเรื่องที่ทำให้มีผู้คนบาดเจ็บล้มตายมาบ้าง อาจจะมาก แต่เพราะไม่เคยได้เห็นด้วยตัวเองหรือรู้สถิติแน่ชัดจึงทำให้รู้สึกไกลตัว
     
    นานะเองก็มีเรื่องที่ต้องสะสางกับตัวเองเหมือนกัน แล้วก็กับเพื่อนด้วย ให้เวลาอีกซักหน่อยเถอะ
     
    คำพูดของเอ็กซ์มีความหมายว่าตัวเองก็มีสิ่งที่อยากจะพูดด้วยเช่นกัน แต่เลื่อนไปก่อน
     
    จริงสิ ทาบาสะจะอยู่ที่นี่กับแม่ ไปบอกลาซักหน่อยมั้ยคะ?
     
    เอาสิ
     
    เจ้านายของเธอตอบทันทีและตกลงง่ายๆ มาได้สักพักแล้ว ทำให้เลเวียธานรู้สึกแปลกๆ เพราะเคยชินกับการต้องลำบากเหลือแสนในการโน้มน้าว แต่เลเวียธานรู้ว่าท่านเอ็กซ์ไม่ได้กลับมาแข็งแรงดีในด้านจิตใจ หรือกลับไปเป็น ปกติ
     
    คำว่า ปกติ หมายถึงตัวตนก่อนจะเริ่มถลำลึกลงในความมืด(ช่วงก่อนการลักพาตัวโดยศพของเวลส์) ซึ่งนั่นเองก็เป็นหน้ากาก ดังนั้นเลเวียธานจึงไม่รู้ว่า ปกติ ของท่านเอ็กซ์เป็นอย่างไรกันแน่ หรือแม้แต่มีอยู่จริงหรือเปล่า เพียงแต่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังฝืนอยู่ไม่มากก็น้อย เพื่อไม่ให้เธอและคนอื่นๆ คิดว่าความพยายามช่วยสูญเปล่า ฝืนยิ้ม ฝืนตอบ
     
    เลเวียธานเปิดประตูให้ ไม่จำเป็นต้องเดินเข้าไปหรือปิดประตูเพราะเพียงแค่แวะชั่วประเดี๋ยว
     
    เด็กสาวผมสีฟ้าที่นั่งอยู่กับโต๊ะชิดผนังห้องหันมาเมื่อประตูเปิด และตาโตเมื่อเห็นเส้นผมสีบรอนซ์เทาและผ้าพันเอวสีแดง ไม่แน่ว่าเพราะเป็นคนพูดน้อยอยู่แล้วหรือเพราะตกใจมากจึงไม่ส่งเสียงใดๆ
     
    มิสทาบาสะ
     
    ทาบาสะลุกขึ้นและเดินตรงเข้ามาหาพวกเอ็กซ์แทบจะทันที เลเวียธานสงสัยว่าถ้าไม่ใช่เพราะแม่ที่นอนหลับอยู่บนเตียงเด็กสาวอาจจะวิ่ง
     
    ทาบาสะที่ไม่ได้สวมแว่นสังเกตใบหน้าของเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาใกล้ๆ ให้แน่ใจ ดวงตาที่มองรอยยิ้มบางๆ ที่ราวกับไม่ได้เห็นมานานนับปียังคงเบิกกว้าง
     
    คุณ...สบายดีแล้วเหรอ? ทาบาสะเลือกคำที่เป็นกลาง
     
    ครับ กำลังใจเพราะได้ทุกคนช่วย แต่กำลังกายต้องขอบคุณมิสทาบาสะโดยเฉพาะ
     
    คำตอบของท่านเอ็กซ์และสีชมพูจางๆ บนใบหน้าของทาบาสะที่พยักหน้าทำให้เลเวียธานนึกถึงการดื้อแพ่งและการยอมจำนนเมื่อกว่าชั่วโมงก่อนในห้องนั้น การได้เห็นเจ้านายของเธอเป็นฝ่ายยอมศึกแข่งความดื้อทำให้ความเคารพในตัวทาบาสะเพิ่มขึ้น
     
    พวกเราจะตามพวกไซโตะกลับไปที่ทริสเทน ได้ยินว่ามิสทาบาสะจะอยู่ที่นี่กับคุณแม่เลยมาบอกลาก่อน
     
    คุณจะตามพวกเขากลับไปที่โรงเรียนด้วยเหรอ?
     
    เอ ไม่น่าจะนะครับ น่าจะแยกกันที่บ้านของมิสวาลลิแยร์ พวกเราจะไปที่ทะเลสาบแล็กโดเรี่ยน เอาแหวนไปคืนภูตวารี
     
    สัญญากับภูตวารี ทาบาสะพยักหน้าและหันหน้ามาทางเลเวียธานเป็นการบอกว่าจำได้
     
    แล้วหลังจากนั้นล่ะ?
     
    เลเวียธานรู้สึกว่าได้ยินความกังวลแทรกอยู่ในคำถามนั้นด้วย ถ้าเธอคิดไม่ผิด น่าจะเป็นเพราะกลัวท่านเอ็กซ์จะหายหน้าไป อาจจะกลับโลกตัวเอง
     
    ยังไม่แน่ใจครับ ...แต่ถ้ามิสทาบาสะกลับไปที่โรงเรียนกับพวกไซโตะด้วยจะตัดสินใจง่ายกว่านี้ ตอนสุดท้ายเอ็กซ์ยิ้มคล้ายจะหัวเราะนิดๆ
     
    ทำไมล่ะ? ทาบาสะตาโตขึ้น ไม่รู้ว่าเพราะคำถามหรือเพราะเห็นเอ็กซ์ทำท่าจะหัวเราะ
     
    ตอนนี้ผมไม่มีธุระที่ต้องทำเป็นพิเศษ ก็เลย...คิดว่าจะยังอยู่ใกล้ๆ นี้ก่อน ช่วยสะสางเรื่องโน้นเรื่องนี้ ...เช่นเรื่องยารักษาแม่ของมิสทาบาสะ
     
    จากใบหน้าประหลาดใจ ทาบาสะคงไม่ได้คาดไว้ว่าเรื่องนั้นจะถูกพูดถึง
     
    เท่าที่ผมทราบ ยาที่เป็นต้นเหตุปรุงโดยเอลฟ์ ยาแก้ก็มีแต่เอลฟ์ที่ปรุงได้ แม้แต่แหวนอันดวาริก็รักษาไม่ได้
     
    ตื่นอยู่ด้วยเหรอคะ? เลเวียธานเลิกคิ้ว เธอพูดกับทาบาสะระหว่างที่เดินทางกลับจากกาเลีย
     
    กึ่งหลับกึ่งตื่นน่ะ ข้อสำคัญก็คือเราไม่รู้ว่าเอลฟ์อยู่ที่ไหน แต่รู้ว่าทำงานให้ราชสำนักกาเลีย ซึ่งเรารู้ว่าต้องการตัวมิสทาบาสะกับคุณแม่ และมิสวาลลิแยร์ โอกาสที่จะได้พบเอลฟ์อีกตอนนี้มีแค่เมื่ออีกฝ่ายลงมือครั้งต่อไป ผมก็เลยคิดว่าถ้ามิสทาบาสะกับมิสวาลลิแยร์อยู่ในสถานที่เดียวกันจะดีกว่า เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเลือกจู่โจมใครต่อไป
     
    ทาบาสะมองเอ็กซ์ระหว่างตีความคำพูด
     
    ...หมายความว่าคุณจะอยู่ที่โรงเรียน
     
    ถ้าทางโรงเรียนรับเป็นคนงานนะครับ
     
    เอ็กซ์ยิ้มแห้งๆ  ตอนนี้เขาต้องกลับมาเป็นห่วงเรื่องเงินกินเงินอยู่อีกแล้ว
     
    ...เป็นความคิดที่ทำให้สดชื่นดีจริง เขาคิดอย่างนั้น
     
    ทาบาสะพิจารณาตัวเลือก มองสลับระหว่างเอ็กซ์กับมารดาที่อยู่บนเตียง
     
    ฉันจะกลับไปด้วย ทาบาสะเอ่ยเสียงเรียบ
     
    ผมไม่ได้ตั้งใจจะกดดันนะครับ เอ็กซ์หุบยิ้มเพื่อให้รู้ว่าพูดจริง
     
    ทาบาสะส่ายหน้า
     
    อยู่ที่นี่ก็ทำอะไรไม่ได้
     
    แม่ของทาบาสะยังกลัวลูกแท้ๆ อยู่ แม้ว่าคงจะหาหนังสือเรื่องอิวาลดีมาได้ แต่การใช้เวลาอยู่ใกล้ทำอยู่แค่นั้นก็ไม่ต่างจากอาศัยอยู่ในภาพลวงตา และวิธีนั้นอาจจะไม่ได้ผลขึ้นมาเมื่อไรก็ได้
     
    ถ้าอย่างนั้นก็ลงไปหาทุกคนกันเถอะครับ
     
    ทาบาสะมองรอยยิ้มบางๆ ของเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาต่อมาอีกอึดใจ ราวกับอยากจะอาบความอบอุ่นจากเตาผิงอีกสักนิด ก่อนจะเดินไปเตรียมตัว
     
    ...ด้วยการเปลี่ยนชุด
     
    รีบออกมาเดี๋ยวนี้เลยค่ะท่านเอ็กซ์ เลเวียธานไม่พูดเปล่า อาศัยสภาพร่างกายที่ยังไม่เต็มร้อยของเอ็กซ์อย่างไม่ปรานีจับแขนดึงออกไปที่ทางเดิน
     
    เอ็กซ์ยิ้มแห้งๆ กำลังจะตอบรับ แต่เป็นทาบาสะที่โพล่งออกมาก่อน ด้วยเสียงเรียบนิ่งประจำตัว
     
    ไม่เป็นไร ยังไงก็เคยเห็นแล้ว
     
    เอ็กซ์เป็นฝ่ายดันเลเวียธานที่ยืนตาค้างออกไปและปิดประตูด้วยตัวเอง(อย่างเงียบเชียบ ไม่ให้คนที่นอนอยู่ตื่น)
     
    เลเวียธานรู้สึกประหลาดใจและพิศวงจนไม่ทันได้เขม่นมองเจ้านายด้วยสายตารังเกียจอย่างเคย ข้อหนึ่งที่สงสัยแน่นอนคือคำอ้างนั้นจริงหรือไม่ และหากจริงเกิดขึ้นเมื่อไรและได้อย่างไร แต่อีกข้อหนึ่งคือเหตุใดทาบาสะจึงกล่าวขึ้นมาเสียเฉยๆ  ซึ่งเลเวียธานก็มีข้อสันนิษฐานที่อาจเป็นไปได้อยู่ข้อหนึ่ง
     
    นั่นคือ...การแสดงความเป็นเจ้าของเหรอ...?
     
    เลเวียธานสังหรณ์ใจว่าชีวิตที่เริ่มต้นใหม่ของท่านเอ็กซ์จะยุ่งเหยิงยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
     
    [...]
     
    รถม้าสองคันเตรียมพร้อมอยู่ที่ลานหน้าปราสาทฟอน เซิร์บสต์ คณะเดินทางยืนอยู่รอบๆ บ้างคุยกัน บ้างยืนเฉยๆ ดูปราสาทที่อาศัยนอนเมื่อคืนและป่าที่อยู่รอบๆ
     
    มีกันแค่นี้ใช่มั้ย? ครบแล้วจะได้ไปเลย เดี๋ยวไม่ทัน คีร์เก้ถามเป็นครั้งสุดท้าย
     
    ทาบาสะบอกว่าจะอยู่กับแม่ ส่วนเอ็กซ์กับเลเวียธานก็... สองคนสุดท้ายไซโตะไม่แน่ใจเพราะยังไม่ได้คำตอบแน่นอน คนหลังไม่เห็นเลยตั้งแต่เริ่มมื้อเที่ยง
     
    เอ็กซ์กำลังมา ซีโร่กล่าวเสียงเรียบพลางมองทางเข้าตัวปราสาท
     
    รู้ได้ไง?
     
    หมอนั่นบอก
     
    ไซโตะแปลกใจเล็กน้อย ตอนที่เขาพูดด้วยไม่มีการตอบกลับมาเลย แต่ซีโร่เป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่จะยอมพูดด้วยก็คงไม่แปลก
     
    ราวหนึ่งนาทีหลังจากนั้น ขณะที่บางคนเริ่มก้าวขึ้นหลังรถ สามร่างก็ปรากฏขึ้นที่หน้าทางเข้า สองคนที่อยู่หน้าสุดเป็นดังที่ซีโร่บอก คือเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทากับพรายสาว แต่อีกคนที่อยู่ข้างหลัง เด็กสาวผมสีฟ้าสวมแว่นในเครื่องแบบนักเรียนและไม้เท้าที่ยาวกว่าความสูงนั้นผิดคาดเล็กน้อย
     
    เอ็กซ์! แล้วทาบาสะ ไม่ได้จะอยู่กับแม่เหรอ? ไซโตะเรียกคนหน้าและหันไปถามคนหลัง ซึ่งให้คำอธิบายเดิมคือ อยู่ไปก็ทำอะไรไม่ได้
     
    คีร์เก้สบตากับเพื่อนรักแล้วก็ยิ้มอย่างที่เห็นชัดว่ามีความนัย
     
    ที่บ้านฉันจะดูแลแม่ของเธออย่างดี ไม่ต้องห่วงแล้วก็ไป ตามหาหัวใจ ตามสบายเถอะ
     
    ทาบาสะทำเป็นไม่ได้ใส่ใจคำพูดของคีร์เก้ แต่เห็นได้ชัดว่าเข้าใจความหมายที่รู้กันแค่สองคน (หรือสาม เมื่อนับเลเวียธาน เอ็กซ์พูดกับไซโตะที่ถามอาการอยู่ทั้งคู่จึงไม่ทันได้ยิน)
     
    เมื่อครบคนแล้วก็ได้เวลาออกเดินทาง
     
    มีรถสองคันก็ไม่ต้องอึดอัดแล้ว พวกเธอจะขึ้นคันไหนกันล่ะ? ตอนนี้มีคนเท่าๆ กันทั้งสองคัน
     
    ใครอยู่คันไหนบ้าง? เลเวียธานชิงถามก่อนที่ท่านเอ็กซ์อาจจะได้พูดอะไรไม่เข้าท่าอย่างเช่น คันไหนก็ได้ ออกไป
     
    คันทางซ้ายคันเดิมที่เรานั่งม้านั่นก็มีกีช มาลิคอร์น มอนท์โมรันซี่ ฉัน แล้วก็เพื่อนตัวแดงของพวกเธอกับแฟน
     
    เชลก้มใบหน้าที่เป็นสีชมพูจากคำพูดที่ไร้การชั่งใจของคีร์เก้
     
    คันขวาเป็นคันใหม่ของบ้านฉัน มีราชินีกับหัวหน้าหน่วยปืน ไซโตะ แล้วก็หลุยส์กับพี่สาว
     
    เอ็กซ์ เลเวียธาน และทาบาสะต่างสังเกตว่าเป็นการแบ่งระหว่างกลุ่มที่รู้จักเป็นการส่วนตัวกับราชินีและกลุ่มที่ไม่ใช่
     
    ถ้าจะแบ่งยังงั้นพวกเราก็ต้องขึ้นคันซ้ายอยู่แล้วสิ
     
    ถ้าเป็นอย่างนั้นจะเป็นคันหนึ่งเก้าคน อีกคันหนึ่งห้าคน ไม่ถึงกับอึดอัดมาก แต่อังริเอตต้าที่ยืนอยู่ห่างออกไปเล็กน้อยก็เห็นว่าจำเป็นต้องแทรก
     
    อย่าลำบากเพื่อเรื่องแบบนั้นเลยค่ะ แบ่งคนมาที่คันที่พวกเราอยู่บ้างก็ได้
     
    อาเนียสที่เป็นองครักษ์เองไม่กะพริบตา แต่หลุยส์ชำเลืองมองอังริเอตต้าด้วยความกังวลนิดๆ  แม้จะรู้ว่าเป็นความกังวลที่ไม่สมเหตุสมผล แต่เธอก็ยังสบายใจกับเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ...ไม่เหมือนอสูรรับใช้ของเธอที่ในหัวไม่มีอะไรนอกจากลมกับหน้าอกผู้หญิง
     
    ถ้าอย่างนั้นให้กระหม่อมกับมาลิคอร์นได้รับเกียรติพิทักษ์ความปลอดภัยของฝ่าบาทในระหว่างการเดินทางเถิดพะยะค่ะ แม้พวกเราจะสละผ้าคลุมไปแล้ว แต่ความเป็นอัศวินของฝ่าบาทยังมั่นคงอยู่ในจิตใจไม่เสื่อมคลาย
     
    ผู้ที่พูดประโยคนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากกีช
     
    ไม่ต้องเลยย่ะ ฉันรู้ว่าคิดอะไรอยู่!”
     
    ผู้ที่สกัดกีชไว้ด้วยสองนิ้วที่หูก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากมอนท์โมรันซี่ ผู้ซึ่งสังเกตเห็นว่าทั้งราชินีและพี่สาวของหลุยส์นั่งอยู่คันนั้น หลุยส์ซึ่งสังเกตเห็นอย่างเดียวกันก็เริ่มเปลี่ยนความคิดว่าเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาอาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
     
    ถ้างั้นทาบาสะมานั่งกับพวกเรา ส่วนพวกนายสองคนก็ไปนั่งคันเดียวกับพวกไซโตะก็แล้วกัน คีร์เก้สรุปให้
     
    เอ็กซ์พยักหน้ารับอย่างไม่คิดให้มากความ เลเวียธานเองก็คงสีหน้าเรียบเฉย อังริเอตต้าพยายามรักษากิริยาที่เหมาะสมเพียงแค่ยิ้มบางๆ ที่ไม่มีความหมายเป็นพิเศษ แต่ภายในกระตือรือร้นกว่านั้น ตรงกันข้ามทาบาสะ
     
    ฉันจะขึ้นคันนั้นด้วย ทาบาสะกล่าวเสียงเบาตามปกติ แต่คนฟังต่างได้ยินความหนักแน่นในประโยคนั้น บอกว่าไม่ยอมถอยง่ายๆ  ซึ่งทำให้หลายคนประหลาดใจและพิศวง
     
    เห แบบนั้นคนก็หนักไปทางคนนั้นมากกว่าสิ คีร์เก้แย้ง แต่รอยยิ้มเย้าบอกชัดว่าการแย้งไม่ใช่เจตนาหลัก
     
    ไม่เป็นไร ฉันตัวเล็ก
     
    ถ้ายังมีใครที่ไม่ประหลาดใจกับการโพล่งออกมาก่อนหน้านี้ ประโยคล่าสุดนี้ก็แน่นอนแล้ว ทาบาสะคนนั้นเอาเรื่องขนาดร่างกายตัวเองมาเป็นข้ออ้างเพื่อให้ได้ตามที่ต้องการ พวกกีชไม่แน่ใจว่าทำไม แต่เรื่องนี้น่าตกตะลึงกว่าเรื่องโลกอีกใบหนึ่งกับหุ่นยนต์เสียอีก
     
    ก็แล้วแต่นะ ถ้าคนที่นั่งรถไม่ได้ว่าอะไร? คีร์เก้ส่งสายตาถามไปทางอังริเอตต้ากับไซโตะเป็นหลัก
     
    ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ไซโตะตอบแทนตัวเองและหลุยส์โดยไม่คิดซับซ้อน
     
    เช่นกันค่ะ อังริเอตต้าเสริม กลับกัน ราชินีแห่งทริสเทนเข้าใจสาเหตุและรู้ที่มาที่ไปของคำขอของเด็กสาวสวมแว่น ทั้งยังต้องการเป็นการส่วนตัวที่จะใช้เวลากับองค์หญิงแห่งกาเลียอีกสักนิด
     
    ทาบาสะผิวปากเรียกซิลฟีดและบอกให้บินตามรถม้า จากนั้นทั้งหมดก็ขึ้นหลังรถม้าตามที่กำหนด คีร์เก้ไม่เสียใจแม้แต่นิดซ้ำยังท่าทางตื่นเต้นเสียอีกที่ทาบาสะขึ้นคนละคันกับตัวเอง ก่อนที่รถม้าค้านขวาจะขับนำออกไป
     
    ออกเดินทางช่วงบ่ายจากฟอน เซิร์บสต์ไปลา วาลลิแยร์คงจะถึงประมาณช่วงสายหรือช่วงบ่ายของวันถัดไปหากไม่หยุดพักตอนกลางคืน เวลาสิบกว่าชั่วโมงจะเกิดอะไรขึ้นในรถคันนั้นบ้าง จะมีบทสนทนาแบบใดบ้าง แค่คิดคีร์เก้ก็ยิ้มแก้มปริแล้ว น่าเสียดายที่ตัวเธอเองไม่ได้ไปอยู่ในนั้นด้วย แต่ไปเค้นเอาจากทาบาสะทีหลังก็บันเทิงไปอีกแบบ
     
    ในเวลานั้นคงไม่มีใครสนุกสนานกับชีวิตเท่าเด็กสาวเยอร์มาเนียผมแดง
     
    ขณะเดียวกันก็อาจไม่มีใครที่กำลังจะสับสนกับชีวิตเท่าเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาเช่นกัน
     
    แน่นอนว่าความทุกข์ของเจ้าตัวเป็นความบันเทิงของผู้เฝ้าดู
     
    --
     
    แนะนำตัวละคร
     

     
    เอ็กซ์
    เผ่าพันธุ์ : มนุษย์(ร่างกาย) / หุ่นยนต์(วิญญาณ)
    เพศ : ชาย / เสมือนชาย
    อายุ : 20 ปี / ราว 300 ปี
    ส่วนสูง : 168 เซนติเมตร
    น้ำหนัก : 57 กิโลกรัม
    ชอบ : สิ่งที่มีในชีวิตปัจจุบัน, โอกาสและความไม่แน่นอนของอนาคต, ความสุขของคนรอบข้าง
    เกลียด : ความเศร้า, การสูญเสีย, การกดขี่ข่มเหง (โดยเฉพาะของคนรอบข้าง)
     
    ข้อมูล : ...ทุกอย่างจบลง และเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง...
     
    --
     
    PBW:“โอ้ ความรู้สึกเหมือนเริ่มแต่งฟิคใหม่เลย ในที่สุดก็กลับมาเขียนเอ็กซ์เป็นคนดีเหมือนเดิมได้แล้ว คนอ่านใส่ใจมั้ยไม่รู้แต่คนเขียนรู้สึกโล่งใจจริงๆ
     
    DX:“แกไปเอารูปมาใส่อีกแล้ว เป็นรูปของตอนที่ 1 นี่หว่า อยากให้เป็น เริ่มต้นใหม่ จริงๆ สินะ
     
    PBW:“หลังจากโปรเจคสั้นๆ [Tree of God] ไปคนเขียนก็ได้ความสามารถ(snakefishๆ)ในการปรับแต่งภาพเล็กน้อย ทำให้ตอนนี้เด็กหนุ่ม(ที่จริงคนวาดตั้งใจให้เป็นผู้หญิงหรือไงนี่ล่ะ ไม่แน่ใจเพราะไม่รู้คนวาดเป็นใคร หายังไงก็ไม่เจอ)มีนิ้วนางซ้ายแล้ว!”
     
    DX:“อย่าซูมกันมากก็พอ เพราะ Edit มันกระจอกๆ
     
    (*คำเตือน: หลังจากนี้เป็นการพล่ามเรื่องทางเทคนิคซับซ้อนและมั่วซั่ว)
     
    PBW:“ว่าไปแล้ว มีสิ่งที่ไม่ได้พูดในตอนไคลแม็กซ์ Arc 10 อยู่ เช่นถ้าเผื่อมีใครสงสัย ระดับพลังของเอ็กซ์กับซีโร่ในตอนนั้นถดถอยไปจากโลกเดิมเยอะ เอ็กซ์เพราะระบบตัดสินว่าไม่มีความจำเป็นในช่วงที่สงบสุข ซีโร่เพราะโดนลบไปพร้อมความทรงจำ โดยในการต่อสู้ครั้งนั้นพลังเริ่มต้นจากประมาณช่วง X1 และไปสิ้นสุดที่ X5(ในการต่อสู้แห่งศตวรรษครั้งเดียวนั่นล่ะ) ถ้าพลังเท่ากับตอนสงครามเอลฟ์ ปราสาทอาฮัมบราที่ทำจากหินต้องถล่มในบัสเตอร์แค่สามสี่นัดแล้ว
     
    DX:“โอเค เข้าใจว่าผลึกเปล่งแสงที่หน้าผากของเอ็กซ์นี่คือเอามาจาก The Day of ∑  แต่ของซีโร่นี่คือเลียนแบบเฉยๆ?
     
    PBW:“อืม(แต่แกไม่มีนะ) แต่อย่างที่ว่าไป ซีโร่พลังถดถอยไป นั่นก็แค่ฟื้นกลับมาอย่างรวดเร็วเพราะจำเป็น
     
    DX:“แล้วชุดเกราะ?
     
    PBW:“ข้อมูลทั้งหมดทั้งมวลมีอยู่ในไซเบอร์สเปซ ตอนที่ได้รับร่างกายจากมาเธอร์เอลฟ์ก็ติดมาด้วย ยิ่งสะดวกเมื่อข้อมูลของเอ็กซ์โดนรวบรวมไว้ในที่เดียว อย่างที่นานะว่า
     
    DX:“ย้อนกลับไปก่อนนั้น เอ็กซ์มีศักยภาพไร้ขอบเขต(ตามที่โฆษณา) แต่ซีโร่มีอะไรทำไมตามทันตั้งสองร้อยปี?
     
    PBW:“น่าจะเพราะมีไวลี่อยู่ในหัว
     
    DX:“ห้ะ?
     
    PBW:“พูดจริงนะเนี่ย เอ็กซ์มี AI ดร.ไรท์คอยประมวลผลแล้วสร้างแคปซูลตรงโน้นตรงนี้(ไม่งั้นจะมีแคปซูลเกราะแขนอยู่บนรถหุ้มเกราะของ Wheel Alligates ได้ไง สร้างหลังจากดร.ไรท์ตายแล้วนะ และตอนจบ X5 ที่เอ็กซ์โดนระเบิดจนเหลือครึ่งตัว ดร.ไรท์ยังโผล่ออกมาซ่อมอย่างปาฏิหาริย์เลย แสดงว่าอยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลา ดร.ไรท์นี่ยังกะไซเบอร์เอลฟ์ มีพลังทำนู่นทำนี่ได้) ซีโร่ก็มีดร.ไวลี่กระจายไวรัสออกไปทั่วโลก แล้วพอซีโร่ออกไปทำงานก็ซึมซับกลับมา แข็งแกร่งขึ้น(X5 ว่าซีโร่ติดไวรัสแล้วไม่เป็นไร แถมยังแข็งแกร่งขึ้น) ฉะนั้นต่างคนต่างก็มีวัฏจักรเพิ่มพลังของตัวเองอย่างไร้ที่สิ้นสุด เอ็กซ์ก็แค่ปรับขึ้นๆ ไปเรื่อยๆ  ส่วนซีโร่ก็เหมือนหว่านเมล็ดไวรัสออกไป แล้วไปเก็บผลผลิตคืนมาทีหลัง ถึงโลกจะสร้างเรปลิลอยด์รุ่นใหม่ที่มีความสามารถขนาดไหนขึ้นมา เอ็กซ์กับซีโร่ก็ไม่มีวันล้าหลัง
     
    DX:“ได้เปรียบอย่างมาก แล้วแหล่งอ้างอิง?
     
    PBW:“เดา
     
    DX:“...
     
    PBW:“แต่เป็นการเดาของ Veteran ร็อคแมนเอ็กซ์เฟ้ย ถ้ามีสาขานี้จบปริญญาตรีง่ายๆ เลยเถอะ
     
    DX:“แกแก่แล้วล่ะ เด็กสมัยนี้ไม่มีใครรู้จักร็อคแมนแล้ว แค่เห็นภาพก็ไม่เล่นแล้ว
     
    PBW:“...หนกขูเฟ้ย
     
    DX:“แค่ใช้คำว่า หนกขู แกก็ยืนยันแล้วว่าจริง

    (Edit: ไม่ได้อัพเดทนาน สะเพร่าจริงๆ ลืมพื้นหลังบ้างลืมรูปบ้าง)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×