ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rockman X {x} Zero no Tsukaima : โลกใบใหม่

    ลำดับตอนที่ #78 : End Tale Pt.3: Tales of Peace and Dream

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 177
      6
      24 ธ.ค. 60

    ภายในห้องที่กว้างขวาง คนกลุ่มหนึ่งนั่งรอบโต๊ะกลมตัวใหญ่ แสงอาทิตย์ผ่านเข้ามาทางหน้าต่างจางๆ ทำให้ห้องดูสว่างอบอุ่น
     
    เขานั่งอยู่ที่ประจำของเขา สวมเสื้อคลุมสีฟ้าประจำตำแหน่ง มองใบหน้าทั้งสิบที่รายรอบ
     
    ถ้าทุกคนพร้อมแล้วก็เริ่มการประชุมได้
     
    [...]
     
    [.....]
     
    เนโออาร์คาเดีย เริ่มต้นจากสถานที่ที่ผู้เป็นเหยื่อสงครามอันโหดร้ายได้พักพิง กลายมาเป็นสถานที่ปลอดภัยแห่งเดียวบนโลกที่เต็มไปด้วยบาดแผล เป็นสถานที่ที่ใจของผู้คนมารวมกัน มนุษย์และเรปลิลอยด์ ด้วยความหวังในอนาคตที่ดีกว่า
     
    มหานครและอาณาจักรเพียงแห่งเดียวในโลก ปกครองโดยวีรบุรุษผู้ยื่นมือให้กับผู้ไร้ที่พักพิงและสภาที่ปรึกษาทั้งสิบที่ถูกเลือกมาโดยประชาชน เป็นต้นกล้าที่โลกใบใหม่จะงอกงามขึ้นมา
     
    เขานั่งอยู่กับโต๊ะ ทิ้งหลังลงบนพนักเก้าอี้และถอนใจเมื่อคนสุดท้ายออกไปจากห้อง
     
    การรับผิดชอบความเป็นอยู่ของประเทศทั้งประเทศเป็นสิ่งที่ยากด้วยสาเหตุหลายประการ เขารู้มาตั้งแต่สมัยยังเป็นอิเร็กกุล่าร์ฮันเตอร์แล้ว แต่สัมผัสด้วยตัวเองเป็นคนละเรื่อง
     
    แทบเป็นไปไม่ได้ที่การประชุมเรื่องใดๆ จะจบลงในครั้งเดียว ทุกคนดูจะมีข้อน้อยบ้างใหญ่บ้างที่ไม่พอใจอยู่เสมอ และมักจะยืดเยื้อไปบางครั้งเป็นเดือนกว่าจะได้ข้อสรุป ซึ่งครึ่งต่อครึ่งไม่ได้ต่างจากที่เสนอไว้ในวันแรก ยิ่งกว่านั้น บางเรื่องที่ได้มีการตัดสินไปแล้วเจ้าของเรื่องก็ยังนำกลับมาเสนอซ้ำแล้วซ้ำอีก ซึ่งแม้จะปฏิเสธครั้งแรกๆ ได้ในที่สุดก็ต้องนำมาพิจารณาอีกครั้งด้วยเหตุผลว่า เวลาผ่านไปพอสมควร อาจมีการเปลี่ยนแปลง
     
    เช่นเรื่องที่ประชุมกันในวันนี้ ข้อเสนอให้พัฒนายุทโธปกรณ์และเพิ่มกำลังรักษาความปลอดภัยโดยมีเป้าหมายสุดท้ายเป็นการจัดตั้งกำลังทางทหารอย่างเป็นทางการ เชื่อหรือไม่เชื่อ ครั้งนี้เป็นครั้งที่สิบแล้วที่นำขึ้นมาเสนอในรอบสามปี ครั้งแรกตั้งแต่เพิ่งเริ่มมีความคิดที่จะตั้งเนโออาร์คาเดียเป็นอาณาจักรที่มีรัฐบาล
     
    สาเหตุของความกังวลเกิดจากเรปลิลอยด์ส่วนน้อยที่ปฏิเสธการอยู่ร่วมกับมนุษย์ หรือก็คืออิเร็กกุล่าร์ในความหมายแท้ เรปลิลอยด์เหล่านี้ปรากฏขึ้นเป็นระยะและแยกตัวออกไปจากเนโออาร์คาเดีย พื้นที่ภายนอกแม้มนุษย์จะอาศัยอยู่ไม่ได้แต่ไม่เป็นปัญหานักสำหรับเรปลิลอยด์ นานๆ ครั้งก็จะกลับมาโจมตี ซึ่งเป็นหน้าที่ของอิเร็กกุล่าร์ฮันเตอร์ต้องดูแล
     
    เขากับสมาชิกส่วนใหญ่พยายามเกลี้ยกล่อมด้วยเหตุผลทุกๆ ครั้งว่าไม่ได้มีความจำเป็นเท่ากับที่ผู้เสนอสองสามคนตีโพยตีพาย อิเร็กกุล่าร์ฮันเตอร์ที่มีอยู่ก็สามารถดูแลได้ และทรัพยากรที่มีอย่างจำกัดควรจะเน้นไปที่สิ่งที่สำคัญกว่า ในขณะนั้นจนถึงขณะนี้ก็คือการพัฒนาความเป็นอยู่ ซึ่งก็เห็นผลงานที่เกิดขึ้นแล้วและอยู่ระหว่างการเกิดไม่ใช่น้อย อย่างเช่นวิทยาการปรับสภาพหน้าดินให้สามารถทำการเพาะปลูกได้ แม้จะยังทำได้เพียงในบริเวณไม่กว้าง แต่หากพัฒนาต่อไปน่าจะสามารถทดแทนการบริโภคได้เต็มร้อยก่อนที่เสบียงจากสมัยศูนย์อพยพจะหมดลง
     
    เนโออาร์คาเดียแม้จะได้ชื่อว่าเป็นมหานคร แต่ก็ยังห่างไกลจากความสะดวกสบายของเมืองก่อนสงครามเอลฟ์นัก ทั้งสภาพอากาศที่แปรปรวน มลภาวะจากภายนอก ขาดแคลนทรัพยากรน้ำ อาหาร และพลังงาน ปัญหามีมากมาย แต่ด้วยความร่วมมือของมนุษย์และเรปลิลอยด์ ทางออกก็ดูจะค่อยๆ ปรากฏขึ้นให้เห็น แม้ส่วนใหญ่จะยังคว้ามาไม่ได้
     
    พูดถึงเรื่องการแก้ปัญหาความเป็นอยู่ มีสิ่งที่เขาต้องกล่าวถึงเป็นพิเศษ
     
    เอ็กซ์
     
    เสียงทักทายเมื่อเขาออกมาจากห้องประชุม สองร่างซึ่งเป็นของหญิงสาวในชุดคลุมสีขาวหนึ่งมนุษย์หนึ่งเรปลิลอยด์ยืนรอเขาอยู่ข้างนอก
     
    เชล นานะ เขายิ้มและเรียกชื่อของทั้งสองคนก่อนจะเดินเข้าไปหา
     
    โครงการที่พวกเธอคิดขึ้นมาไม่ว่ากี่ครั้งก็ยอดเยี่ยมเหมือนเดิม เพราะมีพวกเธอฉันถึงเชื่อได้จริงๆ ว่าปัญหาที่รุมเร้าเนโออาร์คาเดียจะแก้ไขได้หมดซักวัน
     
    ถ้าทำให้เธอสบายใจได้บ้างพวกเราก็ดีใจ พวกเราที่ศูนย์วิจัยเองก็รู้สึกซาบซึ้งที่เธอให้ความสำคัญกับงานของพวกเรา ใช่รึเปล่าคะ คุณนานะ?
     
    ค่ะ การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องทำให้งานของเราเดินหน้าได้ราบรื่น ต้องขอขอบคุณจริงๆ ค่ะ
     
    ที่ฉันยังผลักดันการสนับสนุนพวกเธอได้โดยแทบไม่มีใครคัดค้านก็เพราะผลงานของพวกเธอเอง โครงการบำบัดน้ำวันนี้ก็เหมือนกัน กว่าเอกสารอนุมัติอย่างเป็นทางการจะส่งไปก็คงสัปดาห์หน้า แต่จากการประชุมวันนี้ก็เห็นผลชัดอยู่แล้ว
     
    เขามองเพื่อนของเขาสองคนยืนอยู่ข้างกันและยิ้ม นึกถึงวันที่แนะนำนานะให้รู้จักกับเชลเป็นครั้งแรกเมื่อสองสัปดาห์ก่อน หลังจากนานะย้ายไปประจำแผนกวิทยาการฟื้นฟูของฝ่ายวิจัยวิทยาการที่เชลเป็นหัวหน้าแผนก เขาแนะนำผลงานที่เป็นที่รู้จักสองสามชิ้นรวมถึงมาเธอร์เอลฟ์เพื่อให้นานะมั่นใจในความรู้ความสามารถของเชลเช่นเดียวกับเขา
     
    ที่จริงเชลกับกลุ่มที่มาจากกิกันทิสคงจะได้ทำความรู้จักกันไปแล้วหากไม่เพราะช่วงสองเดือนสุดท้ายของสงครามเอลฟ์เชลไม่ติดพันกับการสร้างร่างของซีโร่ที่ห้องวิจัยลับ และหลังจากสงครามจบลงเชลก็ต้องการให้ปิดเรื่องที่ตัวเองสร้างร่างของซีโร่เป็นความลับ เพราะรู้สึกว่าไม่ควรได้รับคำชื่นชมจากผลงานที่ตัวเองไม่ได้เข้าใจเต็มที่ เขาเคารพการตัดสินใจของเชล แต่เสียดายเพราะหากเล่าเรื่องการสร้างร่างของซีโร่เชลน่าจะได้คะแนนจากพวกนานะไม่ใช่น้อยทีเดียว
     
    เป็นยังไงบ้างนานะ ชินกับงานรึยัง?
     
    พอสมควรแล้วค่ะ ต้องขอบคุณด็อกเตอร์เชล
     
    คุณนานะเรียนรู้ได้รวดเร็วมากค่ะ เพื่อนของเธอมีแต่คนเก่งๆ ทั้งนั้นเลยนะเอ็กซ์
     
    ฉันโชคดีใช่มั้ยล่ะ
     
    เชลเริ่มแรกที่เขาได้พบเป็นคนจริงจัง เอาการเอางาน นอกจากเรื่องงานแล้วแทบไม่พูด ใบหน้าก็ไม่ค่อยแสดงความรู้สึก ทำให้เข้ากับคนยาก จนเมื่อพวกเขาสนิทสนมกันพอสมควรจึงเริ่มผ่อนคลายและเผยรอยยิ้มให้เห็นมากขึ้น นานะก็เช่นเดียวกัน ดังนั้นส่วนหนึ่งของเขาจึงหวังว่าเชลจะช่วยให้นานะผ่อนคลายได้เช่นเดียวกับตัวเอง แม้ตอนนี้จะยังไม่เห็นผล แต่เขาก็เห็นความพยายามของเชลโดยที่เขาไม่ต้องบอก ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
     
    พวกเราไปก่อนนะเอ็กซ์ ต้องไปแจ้งข่าวให้ทุกคนรู้ว่าการนำเสนอโครงการเป็นไปด้วยดี
     
    อา พยายามเข้านะ ถึงบางคนอาจจะไม่เห็นด้วย แต่ตอนนี้การวิจัยของพวกเธอคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเนโออาร์คาเดีย
     
    พวกเราจะไม่ทำให้คุณผิดหวังค่ะ
     
    เขาส่งเชลกับนานะที่ทางเข้าชั้นหนึ่งของอาคาร กล่าวทักทายเรปลิลอยด์รักษาความปลอดภัย
     
    แหงนหน้าขึ้น เขาเห็นเรปลิลอยด์และเมคานิลอยด์ทำงานอยู่บนตึกสูงที่กำลังก่อสร้าง เหนือท้องฟ้ามีสิ่งที่คล้ายทุ่นลอยอยู่บนฟ้าด้วยใบพัด คอยกรองมลภาวะจากอากาศที่ผ่านเข้ามา
     
    มองกลับลงมาบนพื้น ผ่านอาคารขนาดกลางสองสามหลังซึ่งเป็นของรัฐบาลออกไป เขาเห็นมนุษย์และเรปลิลอยด์เดินอยู่บนท้องถนน บ้างเร่งรีบ บ้างทักทายกันก่อนไปตามทางของตัวเอง รถโดยสารประจำทางแล่นผ่านมาคันหนึ่ง บรรทุกผู้โดยสารเข้าไปยังเขตเมือง
     
    ภาพของโลกที่กำลังก่อร่างสร้างตัวเองขึ้น เป็นสิ่งที่ทำให้ความพยายามของพวกเขาไม่สูญเปล่า
     
    เขากลับเข้าอาคารเพื่อไปที่ห้องทำงานส่วนตัว เมื่อนึกถึงกองเอกสารที่สะสางแล้วเขาก็อยากจะถอนใจอีกรอบ
     
    แต่เขารู้ว่าความเหนื่อยนี้ไม่ได้สูญเปล่า เป็นความเหนื่อยเพื่อโลกที่เขาและเพื่อนคนสำคัญของเขาสามารถอยู่ร่วมกับมนุษย์และเรปลิลอยด์ได้โดยสันติสุข
     
    [...]
     
    [.....]
     
    โดยหลักก็มีเท่านี้ มีคำถามอะไรไหมครับ?
     
    ทั้งห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบ ทั้งที่มีแสงแดดอ่อนๆ ส่องเข้ามา แต่บรรยากาศในห้องเย็นเฉียบ
     
    ...พวกคุณ...นี่พูดจริงรึ? หนึ่งในเรปลิลอยด์ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ราวกับทั้งทึ่งและกลัวในเวลาเดียวกัน
     
    แน่นอน ความปลอดภัยของผู้รับการทดลองได้รับการยืนยันโดยแผนกสุขภาพและการแพทย์ซึ่งร่วมในโครงการของเราด้วย สมาชิกสภาผู้สนับสนุนโครงการตอบแทนนักวิจัยผู้ยืนอธิบาย
     
    ไม่ใช่ ที่เขาอยากถามคือพวกคุณยังมีความเป็นมนุษย์อยู่รึเปล่า?!” มนุษย์เพศชายที่นั่งอยู่กับโต๊ะพูดเสียงดังด้วยความรังเกียจ
     
    ผมยอมรับว่าโครงการนี้อาจเข้าใกล้ข้อห้ามทางศีลธรรมมากเกินไป และรู้ว่าพวกคุณบางคนจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้ แต่ขอให้เข้าใจ โครงการนี้ก็เพื่ออนาคตของเนโออาร์คาเดีย สมาชิกสภาผู้สนับสนุนโครงการคนที่สองกล่าวเสริม
     
    ไม่ใช่แค่เข้าใกล้ แต่ล้ำเส้นมาแล้ว โครงการของนี้มันก็คือการผลิตมนุษย์เหมือนผลิตเรปลิลอยด์ดีๆ นี่เอง คนที่สามคัดค้าน
     
    การผลิตของพวกเราผิดตรงไหน? ที่คุณพูดเหมือนกับการดูถูกเรปลิลอยด์อย่างพวกเรา คนที่สามเป็นเรปลิลอยด์ชาย แม้จะเพิ่งรู้เรื่องโครงการแต่ก็โอนเอียงไปทางสนับสนุน
     
    ผมก็เป็นเรปลิลอยด์ แต่ผมไม่เห็นด้วยกับความคิดของคุณ มนุษย์กับเรปลิลอยด์ต่างมีระบบของตัวเอง การบังคับฝืนธรรมชาติผมว่าไม่ถูกต้อง ไม่เกี่ยวกับเหมือนหรือไม่เหมือนเรปลิลอยด์ คนที่สี่คัดค้าน
     
    พวกคุณเข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว การให้กำเนิดยังทำด้วยระบบสืบพันธุ์ตามปกติทุกอย่าง เราเพียงแค่ปรับปรุงการทำงานของระบบสืบพันธุ์และลักษณะทางพันธุกรรมของเซลล์สิบพันธุ์เท่านั้น เด็กที่เกิดมาจะเป็นมนุษย์คนหนึ่งเหมือนเราๆ ท่านๆ  ผมขอสัญญา ผู้สนับสนุนคนที่สี่ ใช้วิธีประนีประนอม
     
    ซึ่งก็ไม่ต่างจากการคัดผสมพันธุ์สัตว์หรือพืช ดิฉันคิดว่าเป็นการผิดมนุษยธรรมอย่างให้อภัยไม่ได้ เรปลิลอยด์หญิงคัดค้านเป็นคนที่ห้า
     
    เท่าที่ผมฟังมา พวกเขากล่าวไปแต่ต้นแล้วว่าจะไม่มีการบังคับเจ้าตัว ไม่มีการกดดันใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าปฏิเสธก็ไม่ได้เสียหายอะไร ถ้าตอบตกลงก็เป็นผลดีอย่างมหาศาลต่อเนโออาร์คาเดีย อย่างน้อยเราก็ควรถามความเห็นเจ้าตัวก่อน พวกคุณไม่คิดเหมือนกันหรือ? เรปลิลอยด์ชายกล่าวเหมือนเป็นกลางแต่เอนไปทางสนับสนุนเป็นคนที่ห้า
     
    ในรัฐบาลนอกจากเขาเป็นสภาที่ปรึกษาสิบคน เรปลิลอยด์ห้า มนุษย์ห้า ต่างได้รับเลือกมาด้วยเสียงของประชากรเรปลิลอยด์และมนุษย์ฝั่งใครฝั่งมัน สถานการณ์ที่น่าหนักใจอันดับต้นๆ คือเมื่อมีเสียงแบ่งเป็นสองฝั่งในประเด็นใดประเด็นหนึ่งห้าต่อห้าเช่นครั้งนี้
     
    แล้ว คุณเอ็กซ์ล่ะ มีความเห็นว่าอย่างไร? หนึ่งในฝ่ายเสนอโครงการหันมาถามเขา
     
    เขารู้ว่าตาของเขาต้องมาถึง แต่เขาก็ยังหนักใจ
     
    ...ทำไมรายละเอียดหลายข้อถึงไม่มีในเอกสารที่ส่งมา
     
    พวกเราเกรงว่าเนื้อหาจะถูกเข้าใจผิดและทำให้ถูกปฏิเสธก่อนจะได้ชี้แจงรายละเอียดที่ถูกต้องให้ที่ประชุมรับทราบ พวกเราต้องขออภัยด้วย
     
    ...โครงการของพวกคุณโดยสรุปมีจุดประสงค์เพื่อผลิตนักวิจัยอัจฉริยะที่จะช่วยพัฒนาเนโออาร์คาเดียต่อไป โดยใช้อัจฉริยะที่มีอยู่แล้วเป็นเสมือนหัวเชื้อ
     
    ไม่ใช่หนักใจในการเลือก แต่หนักใจในการใช้อำนาจ
     
    คุณเอ็กซ์พูดแบบนี้ ท่าทางจะไม่ค่อยถูกใจโครงการที่พวกเรานำมาเสนอเท่าไหร่ แย่จริง แบบนี้ก็ตกซะแล้ว ชายผู้เสนอโครงการทำยักไหล่ใช้น้ำเสียงที่สื่อว่า ช่วยไม่ได้ ช่วยไม่ได้  เป็นกิริยาที่นับว่าเสียมารยาท แต่จุดประสงค์ก็เพื่อสร้างโทสะแต่แรกอยู่แล้ว
     
    สิ่งที่ชายคนนี้ประชดประชันคืออำนาจตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายสูงสุดตอนที่ตั้งอาณาจักรเนโออาร์คาเดียอย่างเป็นทางการ ในกรณีที่เสียงในสภาแบ่งเป็นสองฝั่ง ไม่ว่าจะด้วยสัดส่วนเท่าไร ให้ถือการตัดสินของผู้นำเป็นเด็ดขาด ในกรณีที่เสียงในสภาเป็นเอกฉันท์ผู้นำสามารถคัดค้านต่อการตัดสินใจของสภาได้ด้วยการทำประชามติ ข้อบัญญัตินี้ให้อำนาจในการปกครองเนโออาร์คาเดียกับเขาแทบจะร้อยเปอร์เซ็นต์
     
    และเป็นข้อบัญญัติที่เขียนขึ้นจากการสนับสนุนของประชาชนส่วนใหญ่ นัยหนึ่งก็เป็นการสื่อว่าประชาชนโดยรวมยังไว้ใจการตัดสินใจของเขาเพียงคนเดียวมากกว่าการตัดสินใจของสภาซึ่งเลือกมาด้วยเสียงประชาชนเอง(ซึ่ง การตั้งสภาที่ปรึกษาให้มีตัวแทนจากประชาชนนี้เป็นความคิดของเขา ขัดแย้งกันได้อย่างน่าพิศวง) ไม่น่าแปลกใจหากผู้ที่ขึ้นมาเป็นสมาชิกสภาจะรู้สึกเป็นศัตรูกับเขาด้วยเรื่องนี้
     
    อาจจะคิดว่าการมีอำนาจเกือบเด็ดขาดในมือพร้อมกับการสนับสนุนของประชาชนทำให้ไม่มีอุปสรรค แต่ในความเป็นจริงแล้วตรงกันข้าม ยิ่งมีอำนาจมากเท่าไรก็ยิ่งไม่สามารถใช้ได้ เขาไม่สามารถโต้แย้งอย่างดุเดือดเหมือนสมาชิกสภาคนอื่นๆ ได้ เพราะทุกคำพูดของเขาในสภาไม่ใช่เพียงแค่ความเห็น
     
    เขาต้องตัดสินใจระหว่างดุลยพินิจของตัวเองกับความเห็นของสภา แม้จะเป็นสิ่งที่เขาเชื่อเหลือเกินว่าถูกต้อง แต่ที่สุดก็ไม่มีสิ่งใดที่ยืนยันได้ว่าเขาคิดถูก หากเลือกเชื่อตัวเอง เขาต้องรับผิดชอบกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นด้วยความเชื่อมั่นของประชาชน สื่อภายนอกโดยเฉพาะบางส่วนรอจะตะครุบเรื่องทำนองนี้ยิ่งกว่าสุนัขล่าเนื้อ
     
    คนอื่นอาจจะเลือกทางที่ปลอดภัยด้วยการเชื่อตามความเห็นของสภาทุกครั้ง แต่เขาไม่อยากจะใช้วิธีการโยนความรับผิดชอบแบบนั้น หากมีสิ่งที่เขารู้ว่าถูกต้องและเขามีอำนาจที่จะตัดสินใจได้ เขาก็ต้องทำแม้จะสวนทางกับความเห็นของสภา
     
    เขาต้องนำเนโออาร์คาเดียไปในทางที่ถูกต้องเสมอ นั่นคือตัวตนที่แท้จริงของอำนาจอันมหาศาลนี้ บางทีตอนที่เขียนข้อบัญญัตินั้นผู้เสนออาจจะรู้อยู่แล้ว อาจจะเจตนาใช้มัดมือเขาด้วยวิธีนี้ เพราะผู้เสนอที่ว่าก็รวมถึงสามคนผู้เสนอโครงการนี้
     
    คุณเอ็กซ์ไม่ต้องไปกลัวคำขู่ ไม่มีใครที่ไหนเห็นด้วยกับโครงการบ้าๆ นี่หรอก ปฏิเสธไปเลยครับ ประชาชนไม่โทษคุณแน่นอน ผู้คัดค้านคนที่สองพูดอย่างมั่นใจ
     
    เอ้า แล้วความเห็นของเจ้าตัวไม่สำคัญเลยรึไง? ถ้าเจ้าตัวสมัครใจก็ควรจะเคารพการตัดสินใจของเขา คุณเอ็กซ์ก็คงคิดเหมือนกันใช่ไหมครับ? ถึงได้ตั้งสภานี้ขึ้นมา
     
    ...แล้วผู้ที่จะเป็นเป้าหมายของโครงการนี้ว่ายังไงล่ะ? เขาเลี่ยงการตอบด้วยคำถาม
     
    เราส่งเนื้อหาโครงการไปให้พิจารณาและได้พูดด้วยแล้ว ในวันนี้เจ้าตัวก็ได้มาให้คำตอบ ชายผู้เสนอโครงการพยักเพยิดให้นักวิจัยออกไปนำตัวผู้ที่เป็นเป้าหมายของโครงการเข้ามา
     
    ตั้งแต่เริ่มการนำเสนอ เขาก็รู้สึกมวนในอก ราวกับมันพยายามจะเตือนอะไรบางอย่าง ความรู้สึกนั้นตอนนี้กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อนักวิจัยเปิดประตูออกไป และกลับเข้ามาอีกครั้ง
     
    พร้อมกับ...เชล
     
    นั่นคือ...ด็อกเตอร์เชลผู้สร้างมาเธอร์เอลฟ์ไม่ใช่หรือคะ?
     
    ถูกต้อง จะมีใครที่เหมาะสมกับโครงการสานต่ออัจฉริยะนี้เท่ากับด็อกเตอร์เชลผู้ได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะตั้งแต่ยังอายุไม่ถึงยี่สิบปี
     
    เชลไม่ยอมสบตากับเขา
     
    ว่าอย่างไร ด็อกเตอร์เชล คุณตกลงจะให้ความร่วมมือกับโครงการของเราเพื่อถ่ายทอดอัจฉริยภาพของคุณสู่รุ่นต่อไปหรือไม่?
     
    ...ตกลงค่ะ
     
    เจ้าตัวได้ให้คำตอบแก่ที่ประชุมแล้ว ยังมีผู้ใดจะคัดค้านอีกรึเปล่า? ชายผู้เสนอโครงการเอ่ยราวกับท้า
     
    ชั่วร้ายที่สุด! พวกคุณเห็นผู้หญิงเป็นอะไร รู้สึกละอายต่อแม่ผู้ให้กำเนิดพวกคุณบ้างมั้ย?!”
     
    หืม? แม่ของผมต้องภูมิใจที่ลูกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ทำเพื่อสังคม
     
    อย่างนี้นี่เอง ด็อกเตอร์เชล...ในฐานะเรปลิลอยด์ผมรู้สึกเสียดายสติปัญญาที่อยู่ในร่างกายที่เสื่อมสลายได้เหมือนกัน ผมเห็นด้วยกับโครงการที่จะรักษามันเอาไว้
     
    ในฐานะเรปลิลอยด์ ผมไม่เห็นด้วยกับการให้มนุษย์ต้องเสียสละทำสิ่งที่เกินตัว เราควรต้องทำเท่าที่ความสามารถของตัวเองอำนวย ไม่ใช่—
     
    ทุกคนเงียบ
     
    ภายในห้องประชุมเหลือเพียงเสียงหายใจกับเสียงเสียดสีของผ้าตามคำสั่งของเขา คนที่ยั่วโมโหเขาสองสามครั้งเมื่อครู่ก็ท่าทางจะรู้ว่าทุกอย่างมีขีดจำกัด
     
    ผมได้รับรู้ความเห็นของพวกคุณแต่ละคนแล้ว เรื่องนี้ผมจะนำไปพิจารณาต่อ หากผมต้องการความคิดเห็นเพิ่มเติมผมจะถามในการประชุมวันพรุ่งนี้ หากไม่ผมจะแจ้งการตัดสินใจของผมพรุ่งนี้เช่นกัน วันนี้ยังมีเรื่องอะไรอีกรึเปล่า?
     
    ...ไม่มีแล้วครับ เลขาฯการประชุมตอบ
     
    การประชุมจบลงแต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมให้ความเห็น ด็อกเตอร์เชลกรุณาอยู่ที่นี่ก่อน
     
    ...ค่ะ เชลก้มหน้าหลบตาเขา
     
    สมาชิกสภาทยอยลุกขึ้นออกไปจากห้อง บางคนเหลียวมองกลับมาที่เขาและเชลด้วยแววตาต่างกัน ก่อนที่ประตูจะปิดลง
     
    เขารออยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงลุกขึ้น และเดินเข้าไปที่กลางห้อง เชลเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา ก่อนเขาจะถูกจับต้นแขนทั้งสองข้าง
     
    ทำไมถึงทำอะไรแบบนี้?
     
    มีหลายสิ่งที่เขาอยากจะพูด แต่เขาเลือกที่จะถามเหตุผลของการกระทำ เชลหลบตา ทำให้เขารู้ว่าเชื่อสิ่งที่จะได้ยินต่อไปนี้ไม่ได้ทั้งหมด
     
    ฉันไม่เชี่ยวชาญเรื่องสิ่งมีชีวิต แต่โครงการนั้นดูไม่มีอะไรผิดปกติ ถ้าฉันทำประโยชน์ให้กับโลกด้วยวิธีนี้ได้ ฉันก็ยินดี
     
    สิ่งที่พูดมาอาจจะเป็นความจริงทั้งหมด ยกเว้นคำว่ายินดี
     
    เชล โลกที่ฉันอยากจะสร้าง โลกที่ทุกคนควรจะสร้างไม่ใช่โลกที่ใครบางคนต้องเสียสละตัวเอง ที่เธอทำอยู่ตอนนี้ก็ช่วยพวกเราได้มากกว่าใครๆ แล้ว
     
    แต่ยกเว้นตัวเธอเองใช่มั้ย ถ้าตัวเธอเองเป็นคนเสียสละถือว่าไม่นับใช่รึเปล่า?
     
    เขาชะงัก ไม่แน่ใจว่าเชลพูดเรื่องอะไร หรือเขาอาจจะรู้อยู่แต่ทำเป็นไม่รู้
     
    ฉันแค่ทำสิ่งที่สามารถทำได้อยู่แล้ว ไม่ใช่การฝืน
     
    แต่เธอไม่ได้อยากรับตำแหน่งผู้นำเลยใช่รึเปล่า? เธอทำเพราะเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ ที่จริงแล้วเธอแค่อยากใช้ชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป
     
    เพราะว่ามันจำเป็น แต่โครงการนี้ไม่ใช่เลย เธอไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ เธอบอกว่าเข้าใจโครงการนี้แล้ว งั้นเธอก็ต้องรู้ว่ามันคือการให้เธอตั้งครรภ์และมีลูกด้วยวิธีผิดมนุษย์ ถึงจะมีคำยืนยันว่าชีวิตของเธอจะปลอดภัยจากกระบวนการ แต่ไม่ได้ยืนยันว่าจะไม่ส่งผลระยะยาวต่อระบบภายในของเธอ ไม่สิ การไม่มีคำยืนยันก็เท่ากับยืนยันอีกด้านหนึ่งนั่นล่ะ เธออาจจะไม่มีโอกาสมีครอบครัวเหมือนคนปกติได้อีก เท่ากับการเสียสละอนาคต ฉันยอมไม่ได้
     
    เขาไม่เข้าใจเลย ทำไมเพื่อนของเขาคนแล้วคนเล่าต้องทำอะไรแบบนี้ด้วย
     
    ...เอ็กซ์ เธอรู้รึเปล่าว่าเมื่อก่อนฉันไม่ใช่คนแบบนี้ เชลมองเขาและยิ้ม
     
    เมื่อก่อนฉันศึกษาเรื่องเรปลิลอยด์ รู้ทุกๆ อย่างและคิดกับเรปลิลอยด์เป็นแค่เครื่องจักรเท่านั้น แม้กระทั่งตอนที่พ่อกับแม่ของฉันเสียชีวิตจากอิเร็กกุล่าร์ ฉันก็รู้สึกไม่ต่างจากอุบัติเหตุเครื่องจักรอื่นๆ  จนฉันได้พบกับเอเลีย
     
    เรื่องที่ศูนย์วิจัยโปรเจค H0PE เชลเล่าให้เขาฟังตั้งแต่แรกๆ ที่ได้พบกัน หลังจากโพล่งชื่อเอเลียออกมา
     
    เอเลียทำให้ฉันเริ่มมองเรปลิลอยด์เปลี่ยนไป ส่วนหนึ่งก็เพราะเอเลียเล่าเรื่องของเพื่อนที่ชื่อ เอ็กซ์  จากเรื่องที่เล่าเธอไม่เหมือนกับเป็นเรปลิลอยด์ที่ฉันรู้จัก เธอเหมือนกับเป็นมนุษย์ ฉันตอนนั้นไม่เชื่อว่าเป็นความจริง คิดว่าเป็นแค่เรปลิลอยด์จินตนาการไปเองว่าเรปลิลอยด์ด้วยกันมีความรู้สึก แต่พอได้พบกับเธอตัวด้วยเอง ฉันก็รู้ว่าเอเลียพูดจริง
     
    เชลเล่าว่ารู้จักกับเอเลียในฐานะนักวิจัยด้วยกัน แต่ไม่เคยบอกว่ารู้จักกันดีเพียงใด
     
    จำวันที่เราพบกันครั้งแรกได้รึเปล่า? ไม่ใช่ที่เธอไปช่วยฉันออกมาจากศูนย์วิจัย แต่ที่เราได้แนะนำตัวกันเป็นครั้งแรก วันนั้นฉันได้ยินสิ่งที่เธอพูดกับด็อกเตอร์ไวล์ ตอนนั้นฉันถึงเข้าใจ ที่เอเลียเป็นแบบนั้นก็เพราะเธอ ไม่ใช่แค่เอเลีย ซีโร่เองก็เหมือนกัน ซีโร่อาจจะเป็นคนที่ยอมผนึกตัวเองเพื่อคนอื่นอยู่แล้วรึเปล่าฉันก็ไม่รู้ แต่ที่ซีโร่ทำได้อย่างสบายใจเพราะว่ามีเธออยู่
     
    เพื่อนของเขายอมเสียสละตัวเองก็เพราะ...เขาหรือ
     
    เอ็กซ์ เธอทำเพื่อคนอื่น และทำให้คนรอบข้างอยากจะทำอย่างเดียวกัน อย่างน้อยฉันก็ไม่มีทางปล่อยให้เธอเสียสละแล้วตัวฉันเองใช้ชีวิตปกติสุขได้
     
    เรื่องนั้น...ถึงอย่างนั้นก็ต้องมีวิธีอื่น ไม่ถึงกับต้องเสียสละอนาคต
     
    ไม่เป็นไรหรอก ฉันเลิกคิดจะแต่งงานมีครอบครัวตั้งนานแล้ว เพราะเธอนั่นล่ะรู้รึเปล่า เชลตอบทั้งรอยยิ้ม
     
    เพราะเขา หมายความว่าอย่างไร ยิ่งพูดด้วยรอยยิ้มที่ไม่มีความอาฆาตเขาก็ยิ่งไม่เข้าใจ
     
    ฉะนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ฉันคิดดีแล้ว นะ
     
    เขารู้ว่ามันไม่ถูกต้อง เขารู้ว่าควรห้าม ควรจะใช้อำนาจยกเลิกโครงการไปเสีย อย่างไรโครงการแบบนี้ก็ไม่มีทางถึงหูประชาชนอยู่แล้ว
     
    แต่เมื่อเห็นดวงตาสีน้ำเงินที่อ่อนโยนและเปี่ยมด้วยความตั้งใจนั้นแล้ว เขาก็พูดได้เพียงสิ่งเดียว
     
    ...ถ้าเธอตั้งใจขนาดนั้น ฉันก็จะไม่ห้าม...แต่ฉันจะคุยเรื่องละเอียดของโครงการกับคนที่เสนอ ถ้าฉันตัดสินใจว่าใช้ไม่ได้ฉันจะสั่งเลิกโครงการซะ เข้าใจมั้ย?
     
    อืม ขอบคุณที่ยอมตามใจฉัน
     
    เขาจะไม่มีวันลืมรอยยิ้มของเชลในวันนั้นเลย แม้จะผ่านไปนานเท่าใด
     
    รอยยิ้มนั้นก็จะหลอกหลอนเขาไปจนวันตาย
     
    [...]
     
    [.....]
     
    โครงการสร้างเด็กอัจฉริยะจากยีนส์ของด็อกเตอร์เชลเริ่มดำเนินการทันทีหลังได้รับการอนุมัติจากผู้นำ ด็อกเตอร์เชลได้รับการปรับแต่งที่ไม่ส่งผลต่อชีวิตประจำวัน ระหว่างนั้นก็มีการเก็บรวบรวมเซลล์สืบพันธุ์จำนวนมาก คัดเลือกตัวอย่างที่ใกล้เคียงอุดมคติที่สุดและนำมาตัดแต่ง ผลสุดท้ายเป็นเซลล์สืบพันธุ์ที่ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นของมนุษย์คนใดคนหนึ่ง เป็นของที่สังเคราะห์ขึ้น ในทำนองเดียวกับอวัยวะเทียม
     
    ด็อกเตอร์เชลตั้งครรภ์ การตรวจยืนยันว่าทารกแข็งแรงดี
     
    อีกแค่อาทิตย์เดียวสินะ
     
    อืม แล้วฉันก็จะได้กลับไปทำงานต่อซะที
     
    เขานั่งอยู่กับเก้าอี้ในศูนย์วิจัยเฉพาะกิจ เชลนั่งเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้าม มือสัมผัสท้องของตัวเองที่กลมโต
     
    อยากหยิบจับเครื่องมือจะแย่แล้ว แค่ค้นคว้าข้อมูลอย่างเดียวไม่พอเลย แถมยังโดนจำกัดเวลาอีก
     
    ตั้งแต่วันแรกที่ตั้งภรรค์ เชลก็ต้องดำเนินกิจวัตรที่ออกแบบมาอย่างละเอียดแทบจะทุกการหายใจ แน่นอนว่างานวิจัยก็ต้องพักไว้ด้วย ไม่ต้องสงสัยว่าอึดอัดเพียงใด
     
    ยังดีที่เจรจาได้บ้าง แต่แค่เพราะความเครียดของฉันไม่ดีต่อทารกหรอก
     
    โทษทีนะที่ช่วยอะไรไม่ได้ ในข้อตกลงโครงการห้ามฉันยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการทุกอย่าง ต้องยอมรับว่าฉันไม่รู้เรื่องจริงๆ นั่นล่ะ อย่างเวลาที่เชลเกิดอาการ แพ้ท้อง ขึ้นมาเขาก็ต้องเผชิญกับการทำอะไรไม่ถูก หรือเวลาที่เชลเกิดอารมณ์แปรปรวนจนเขาตามไม่ทัน
     
    แม้แต่ในตอนนี้เขาก็ยังคิดอยู่เสมอว่าโครงการนี้ไม่ถูกต้อง ว่าเขาควรจะสั่งยกเลิกไปเสียแต่ตอนนั้น
     
    เขาคงไม่สามารถเข้าใจสัญชาตญาณความเป็นแม่ได้ แต่ได้เห็นเชลเฝ้ารอการกำเนิดของลูกด้วยความสุขทำให้เขาเก็บความขัดแย้งไว้ในใจ
     
    แค่มาเยี่ยมฉันก็ดีใจแล้ว นานะเองก็มาครั้งนึงตอนเดือนที่สอง แต่คงจะไม่เข้าใจว่าทำไมพยาบาลเคร่งครัดกับเวลาเหลือเกินก็เลยไม่ได้มาอีก
     
    เขาหัวเราะเบาๆ  นึกภาพนานะมีสีหน้าพิศวงขณะถูกเจ้าหน้าที่ดันให้กลับไปพลางบอกว่า หมดเวลาเยี่ยมแล้ว  เพราะกว่าศูนย์วิจัยจะเลิกก็ตั้งมืดค่ำ นานๆ ถึงจะมีวันหยุดสักที(หมายถึง นานๆ ถึงจะหาเหตุผลให้พวกนักวิจัยยอมหยุดได้สักที)
     
    แล้ว เธอคิดชื่อลูกไว้รึยัง?
     
    คิดไว้แล้วล่ะ เพราะความจำเป็นลูกที่เกิดมาจะเป็นได้แค่ผู้หญิงฉันก็เลยเริ่มคิดมาตั้งแต่แรกๆ  แต่เพิ่งจะตัดสินใจได้ ฉันจะตั้งชื่อเด็กคนนี้ว่า [โซเลย์]”
     
    Soleil  ดวงอาทิตย์
     
    เป็นชื่อที่เหมาะดีนะ
     
    ชื่อนั้นแสดงถึงความคิดของเชลต่อลูกที่จะเกิดมา แม้วิธีการจะเป็นที่น่าตำหนิติเตียนบนบรรทัดฐานของมนุษยธรรม แต่สำหรับเชล ลูกที่จะเกิดมาคือความหวัง
     
    แต่บางครั้งฉันก็กลัว ถ้าเด็กคนนี้ไม่ได้อยากเป็นนักวิจัยเหมือนกับฉัน แต่ต้องถูกบังคับ ก็เท่ากับฉันทำร้ายเขา...
     
    เขาเปลี่ยนเก้าอี้ไปนั่งข้างๆ แล้วยกมือขึ้นลูบศีรษะของเชลเบาๆ  เป็นสิ่งที่เขาทำมานับครั้งไม่ถ้วน เชลท่าทางจะชอบเขาจึงทำต่อมาเรื่อยๆ
     
    ถึงเวลานั้นฉันรู้ว่าเธอจะเลือกทางที่ถูกต้อง มีฉันอยู่ทั้งคนไม่มีใครบังคับเธอกับลูกของเธอได้ทั้งนั้น ไม่ต้องห่วง
     
    ...อืม ขอบคุณนะ
     
    เขากับเชลเหลือบไปเห็นพยาบาลสองคนเดินเข้ามา
     
    ใกล้จะหมดเวลาเยี่ยมอีกแล้ว ตะวันยังไม่ทันจะตกดินเลยแท้ๆ นะ...
     
    เดี๋ยวฉันจะมาเยี่ยมใหม่ เขาช่วยประคองเชลลุกขึ้น
     
    มาเยี่ยมแต่ฉัน เดี๋ยวนานะก็น้อยใจหรอก เชลยิ้มหยอก
     
    ฉันก็อยากจะไป ติดแต่ว่าไม่ใกล้พอ
     
    เมื่อไม่ใกล้พอ เขาก็จะถูกคะยั้นคะยอให้พาคนคุ้มกันไปด้วย ต้องไปด้วยพาหนะส่วนตัว ซึ่งก็จะตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนที่เขาผ่าน กลายเป็นเรื่องใหญ่โต หรือถ้าเขาแอบไปเองแล้วถูกพบเห็นก็ยิ่งจะบานปลาย
     
    ฉันนึกว่าเป็นผู้นำของอาณาจักรจะงานยุ่งกว่านี้ซะอีก นี่เธอมาเยี่ยมบ่อยซะจน—
     
    เชลยิ้มเหมือนจะแซวเขา แต่จู่ๆ ปิดปากเงียบไปกลางคัน
     
    เชล มีอะไรรึเปล่า?
     
    ...เปล่า ไม่มีอะไรหรอก แล้วเจอกันนะ เอ็กซ์
     
    คำบอกลาของเชลแฝงความกลุ้มใจเอาไว้ คงจะเกี่ยวกับประโยคเมื่อครู่
     
    แต่เชลกลับเข้าศูนย์วิจัยไปแล้ว หากจะถามคงต้องเป็นโอกาสหน้า
     
    [...]
     
    [.....]
     
    เป็นอีกหนึ่งวันธรรมดาของผู้นำเนโออาร์คาเดีย ซึ่งหมายถึงงานที่กองท่วมหัว เขาตั้งใจจะสะสางให้เสร็จภายในวันนี้เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันครบกำหนดคลอดของเชล
     
    ปรากฏว่าเขาได้รับแจ้งจากทางศูนย์วิจัยว่าคลอดเร็วขึ้นหนึ่งวัน ตามเอกสารโครงการที่อ้างไว้เสียดิบดีว่าเมื่อทำได้ตรงสมบูรณ์ ทุกอย่างแม้กระทั่งวันคลอดก็จะสามารถคำนวณได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ สำหรับคนทั่วไปการคลาดเคลื่อนถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่ในกรณีของเชลทำให้เขาอดเป็นห่วงไม่ได้
     
    แล้วงานก็ต้องมาเยอะเอาวันนี้ และเขาโทษใครไม่ได้เพราะเป็นคนสั่งเอง
     
    จะเสร็จแล้ว...อีกนิด... เขาพึมพำออกเสียง
     
    เชลคงคลอดไปแล้ว แต่อย่างน้อยก็อยากไปเยี่ยมให้ทันในวันนี้
     
    เสร็จ!”
     
    เขาปิดภาพโฮโลแกรมและแทบจะพุ่งออกจากห้องทำงาน เกือบชนเลขาฯของเขาที่ยืนอยู่ด้านนอก
     
    คุณเอ็กซ์...กำลังจะไปเยี่ยมด็อกเตอร์เชลใช่ไหมคะ...
     
    ...มีอะไรรึเปล่า เขารู้สึกไม่ไว้ใจน้ำเสียงกับสีหน้าแบบนี้
     
    เมื่อสักครู่ทางศูนย์วิจัยแจ้งมา...
     
    [...]
     
    [.....]
     
    การปรับปรุงของทีมวิจัยมีจุดประสงค์เพื่อให้ร่างกายของเชลถ่ายทอดข้อมูลทางพันธุกรรมที่จำเป็นสำหรับการส่งต่อ อัจฉริยภาพ ให้กับทารกได้อย่างครบถ้วน แต่มีผลข้างเคียงที่ไม่คาดฝัน ทำให้เซลล์ในอวัยวะสำคัญหลายแห่งตายอย่างรวดเร็วหลังการคลอดบุตร
     
    เชลเสียชีวิตจากอาการหัวใจล้มเหลวเพียงสิบนาทีหลังการคลอด ทารกที่คลอดออกมามีลักษณะสมบูรณ์ตามที่คาดไว้ทุกประการ ในเชิงผลลัพธ์ถือว่าโครงการประสบความสำเร็จโดยมีผลข้างเคียงที่ไม่คาดฝัน
     
    คงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกคุณ
     
    เขาพูดกับชายสามคนผู้เสนอโครงการและทีมผู้ทำการวิจัยในห้องประชุม สมาชิกอีกเจ็ดคนที่เหลือปิดปากเงียบ
     
    การประชุมเหล่านี้มีสิ่งที่เขาไม่พอใจอยู่บ่อยๆ เป็นเรื่องปกติ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขามองผู้เข้าร่วมเป็นศัตรูจากใจจริง
     
    พวกเรายอมรับว่าเกิดข้อผิดพลาดขึ้น แต่เป้าหมายหลักของโครงการก็ลุล่วงไปด้วยดี ในเชิงปฏิบัติสามารถใช้ได้จริง—
     
    คุณคงไม่ได้จะเสนอให้ใช้โครงการนี้เปลี่ยนตัวไปเรื่อยๆ เหมือนเปลี่ยนรุ่นใช่ไหม? เพราะถ้าใช่พวกคุณจะไม่ได้มาเหยียบที่นี่อีกตลอดชีวิต ...ที่จริงตอนนี้ผมก็คิดจะทำให้เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว
     
    นี่ไม่เหมือนกับการผนึกซีโร่ ครั้งนั้นมีเหตุจำเป็นอย่างแท้จริง และซีโร่ก็รู้ว่าตัวเองจะเป็นอย่างไร แต่นี่...เป็นโครงการบ้าๆ ไม่พอยังปล่อยให้เกิดความผิดพลาดขึ้น
     
    เขาเองก็บ้าที่ปล่อยให้ทำได้
     
    ...ตกลง เราจะรับผิดชอบตามที่ได้ตกลงกันไว้
     
    หนึ่งในผู้เสนอโครงการยอมรับอย่างไร้การโต้เถียง แต่เขาไม่รู้สึกเห็นใจใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแค่รอฟัง
     
    ตามข้อตกลงเมื่อเริ่มโครงการ หากเกิดเหตุที่นอกเหนือจากการคาดการณ์ ให้อำนาจผู้รับการทดลองเป็นผู้ตัดสินใจการเปลี่ยนแปลงหรือล้มเลิกโครงการ
     
    ผู้รับการทดลองเสียชีวิตแล้ว ดังนั้นอำนาจจึงตกมาอยู่ที่สภา เขาแย้งโดยไม่กะพริบตา
     
    แต่ผู้รับการทดลองยังเหลืออยู่อีกคนหนึ่ง บุตรของด็อกเตอร์เชลก็คือผู้ร่วมโครงการเท่าๆ กับด็อกเตอร์เชล ดังนั้นอำนาจการตัดสินใจจึงตกไปที่บุตรคนนั้น
     
    เขาต้องพยายามอย่างมากไม่ให้ตัวเองลงมือกับผู้พูด และท่าทางอีกฝ่ายก็สังเกตเห็น จึงยิ่งได้ใจเข้าไปใหญ่
     
    ทางที่ถูกต้องคือต้องรอจนกว่าบุตรของด็อกเตอร์เชลจะเติบโตขึ้นและสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง ตัวเด็กมีลักษณะตรงตามเป้าหมายของโครงการอย่างสมบูรณ์ ถ้าเช่นนั้นเมื่ออายุเก้าปีก็จะสามารถตัดสินใจได้ ระหว่างนั้นโครงการควรดำเนินต่อไปตามปกติ
     
    ใครจะไปยอม! ผมคนนึงล่ะที่ไม่ยอมให้ลูกต้องอยู่ในมือสกปรกของพวกคุณ!” สมาชิกสภาคนหนึ่งทนไม่ไหวตะโกนขึ้น
     
    ลืมไปแล้วรึว่าในข้อตกลงระบุไว้ว่าให้อำนาจการตัดสินใจของผู้รับการทดลองมีผลเหนือการตัดสินใจของสภาในทุกกรณี ข้อนี้คุณเอ็กซ์เป็นผู้รับรองด้วยตัวเอง
     
    จริง มีหลายข้อที่เขารับรองโดยที่คิดว่าจะช่วยให้อิสระกับเชลมากที่สุด แต่มันกลับมามัดมือเขาแทน
     
    ...นี่เขาหลงกลสามคนข้างหน้านี้เข้าแล้วใช่ไหม
     
    ไม่ถึงสี่ปีหลังก่อตั้งอาณาจักรเนโออาร์คาเดียอย่างเป็นทางการ เขาก็ต้องเผชิญกับศัตรูภายในเสียแล้ว
     
    ...เช่นเดียวกับครั้งที่แล้ว เขารู้ว่ามันไม่ถูกต้อง เขารู้ว่าควรห้าม และเขาเกือบจะพูดออกไปแล้ว
     
    แต่แล้วเขาก็นึกถึงชื่อของเด็กคนนั้น และความนึกคิดของเชลตอนที่เลือกชื่อนั้น
     
    โครงการของเราจากนี้จะเป็นการบ่มเพาะบุตรของด็อกเตอร์เชลให้เติบโตขึ้นเป็นอัจฉริยะเช่นเดียวกับแม่ พวกคุณเองก็ไม่อยากให้การเสียสละของด็อกเตอร์เชลเสียเปล่าใช่ไหม?
     
    ไอ้#%$*&!!”
     
    เขายกมือห้าม
     
    ก็ได้
     
    คุณเอ็กซ์?!”
     
    ผมเป็นคนรับรองข้อตกลงพวกนั้น เราจะทำตามตราบเท่าที่พวกคุณไม่ทำอะไรนอกเหนือไปจากนั้นอีก เขาหรี่ตาเพื่อสื่อคำเตือนกับสามคนข้างหน้า
     
    ขอบคุณท่านผู้นำที่ให้ความยุติธรรม พวกเราจะไม่ทำให้ผิดหวัง แต่ไม่ปรากฏว่าได้ผลแต่อย่างใด
     
    ไม่เกี่ยวกับการทำตามข้อตกลงหรือการรักษาคำพูดอะไรพรรค์นั้น แต่เพื่อเชล ถึงแม้เขาจะรู้สึกสะอิดสะเอียนเพียงใดก็ตาม แต่โครงการนี้ ไม่สิ  [โซเลย์] คือความหวังของเชล ดังนั้นเขาจะกลืนความโกรธและความเจ็บปวด เพื่อเฝ้าดูความหวังนั้นเติบโตขึ้น และเป็นดังที่เชลหวังไว้
     
    [...]
     
    [.....]
     
    โครงการนิรนามที่มีจุดประสงค์เพื่อสร้างนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะ หรือที่ได้รับชื่อภายหลังว่าโปรเจค PAUPE(Paradigm of Faith Unity and Hope) จุดเริ่มต้นของความมืดที่ซ่อนอยู่ใต้บัลลังก์เนโออาร์คาเดีย แม้จะเปลี่ยนสภาที่ปรึกษาเมื่อครบเจ็ดปี ความลับนั้นก็ยังคงถูกเก็บงำไว้จากหูตาภายนอก
     
    วันนี้โซเลย์อายุครบเก้าขวบ วันที่จะตัดสินชะตาของโครงการที่ให้กำเนิดตัวเองขึ้นมา
     
    เอ็กซ์ถูกห้ามไม่ให้พบโซเลย์ตัวต่อตัวตลอดเก้าปีของเด็กหญิงด้วยข้อตกลงที่ว่าไม่ให้เขาก้าวก่ายกระบวนการ ซึ่งทางทีมวิจัยก็อ้างว่ากระบวนการกินเวลาตลอดทั้งวันทุกวันเพื่อให้ได้ผลสมบูรณ์ที่สุด เขามีโอกาสเพียงมองดูเด็กหญิงจากห่างๆ  ผ่านกระจกบ้าง ส่งของขวัญไปให้บ้าง(ต้องผ่านการพิจารณาของทีมวิจัย ซึ่งยากตรงที่เขาไม่รู้เลยว่าใช้เกณฑ์อะไรกันแน่)
     
    ประจวบเหมาะกับการพัฒนาเนโออาร์คาเดียเริ่มเร่งความเร็วขึ้นในเวลาเดียวกัน ทั้งการขยายเขตที่อยู่อาศัย ปรับปรุงระบบประปา เริ่มการขุดหาผลึกเอเนอร์เจน พัฒนาเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าและวางผังการจ่ายพลังงาน สารพัดงานใหญ่ที่เขาต้องดูแล ทำให้ต้องออกจากสภาเป็นเวลาหลายเดือนต่อครั้ง ยิ่งลดโอกาสจะได้ทำความรู้จักกับโซเลย์ยิ่งขึ้นไปอีก
     
    ที่ได้รับทราบจากเอกสารและสอบถามจากทีมวิจัยดูไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่เขารู้ว่าอะไรก็ตามที่มีคำว่า เป็นทางการ เชื่อถือได้ไม่เกิน 70 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นวันนี้เขาจะได้ดูด้วยตัวเอง และไม่มีใครหาข้ออ้างมาห้ามได้ โชคดีที่อย่างน้อยข้อตกลงหนึ่งเขาเลือกทำไว้ได้ถูกต้อง
     
    ข้อตกลงดังกล่าวใส่เพิ่มเข้าไปหลังจากเชลเสียชีวิต ยูนิตเก็บข้อมูลส่วนตัวที่เชลบันทึกเอาไว้ อาจจะแบบร่างงานวิจัยที่ยังไม่ได้ทำ หรือเรื่องส่วนตัวเล็กๆ น้อยๆ อื่นๆ จะถูกส่งต่อให้ทายาทซึ่งก็คือโซเลย์ รหัสเปิดล็อกนั้นเชลเคยบอกเขา แต่เขาเองไม่เคยเปิดเข้าไปดู ข้อตกลงนั้นก็คือยูนิตดังกล่าวจะเก็บไว้กับทีมวิจัย ส่วนรหัสอยู่กับเขา ทั้งนี้เพื่อป้องกันการดัดแปลงข้อมูลที่อยู่ข้างในจากทั้งสองฝ่าย
     
    ระบบที่ใช้ล็อกฐานข้อมูลเป็นระบบพิเศษที่มีหนึ่งเดียวในโลกซึ่งเชลเป็นผู้ทำเอง ใครก็แกะไม่ได้(อาจจะยกเว้นนานะ) และหากคิดสุ่มรหัสก็ต้องรอ 3 วันทุกๆ 5 ครั้งที่ใส่รหัสผิด ทางที่จะเปิดยูนิตนั้นได้มีทางเดียวคือรหัสจากเขา ในวันที่โซเลย์สำเร็จการศึกษาหลักสูตรพิเศษและพร้อมจะสานต่องานวิจัยของเชล ทีมวิจัยจะส่งยูนิตเก็บข้อมูลให้โซเลย์ ส่วนเขาก็จะบอกรหัสให้กับโซเลย์เพียงคนเดียว หลังจากนั้นยูนิตเก็บข้อมูลจะอยู่ในความดูแลของโซเลย์ คนอื่นไม่มีสิทธิ์แตะต้อง ด้วยวิธีนี้จะมีเพียงทายาทของเชลเท่านั้นที่รู้ว่าข้างในมีอะไร
     
    วันที่โซเลย์อายุครบเก้าปีคือวันนั้น เขามาถึงศูนย์วิจัยเฉพาะกิจผ่านประตูแล้วประตูเล่าจนกระทั่งมาถึงห้องสีขาวที่มีคนเจ็ดคนอยู่ข้างใน สองคนในนั้นคืออดีตสมาชิกสภาที่ปรึกษา แม้จะหมดวาระไปแล้วแต่ก็ยังเป็นผู้สนับสนุนโครงการนี้ต่อและให้ทายาทตัวเองเลือกตั้งรับตำแหน่งแทน เอ็กซ์รู้สึกทึ่งปนเหลือเชื่อนิดๆ ตอนที่รู้ว่ามีคนวางแผนสืบสายอำนาจตั้งแต่เนโออาร์คาเดียยังเป็นแค่อาณาจักรกำมะลอ
     
    ข้างๆ นักวิจัยมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ สวมชุดนักวิจัยไซส์พอดีตัว เส้นผมสีทองยาวถึงกลางหลัง ดวงตาสีน้ำเงินมองมาทางเขาที่เพิ่งมาถึง
     
    เด็กคนนี้...เป็นลูกของเชลไม่ผิดแน่ หรือหากไม่ใช่เพราะโครงการนี้ ถ้าจะบอกว่าเป็นเชลที่ถูกย้อนอายุกลับเป็นเด็กเขาก็จะเชื่ออย่างสนิทใจ
     
    แต่แววตาที่มองมาที่เขา...เขารู้สึกไม่สบายใจ
     
    โซเลย์ ฉันชื่อเอ็กซ์ ดีใจจริงๆ  ในที่สุดก็ได้พบกันต่อหน้าซะที เขายิ้มและส่งมือให้เด็กหญิง
     
    เด็กหญิงมองมือของเขา และเอื้อมมือตัวเองมาสัมผัสราวกับไม่เต็มใจ มือของเขาใหญ่กว่ามนุษย์ผู้ใหญ่ มือของเด็กผู้หญิงตัวแค่นี้กำนิ้วหัวแม่มือเขายังได้ไม่ครบรอบ
     
    สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อโซเลย์ ยินดีที่ได้พบท่านผู้นำค่ะ โซเลย์ปล่อยมือและก้มศีรษะ
     
    เป็นเด็กที่มารยาทจัดมาก เขาอยากจะคิดว่าอย่างนั้น แต่รู้สึกว่ามีสิ่งผิดปกติ ความกังวลที่เขาเก็บไว้ตลอดเก้าปีเริ่มแย้มตัวตนออกมา
     
    โซเลย์ บอกคุณเอ็กซ์ไปสิ ชายผู้เสนอโครงการลูบศีรษะเด็กหญิงและกล่าวด้วยเสียงที่ฟังดูอ่อนโยน
     
    เขาเกือบคิดว่าหูฝาดไป พฤติกรรมของชายคนนี้ต่างจากยามปกติราวหน้ามือกับหลังมือ หรือว่าเวลาอยู่กับเด็กหญิงจะปฏิบัติตัวเช่นนี้ แท้ที่จริงชายคนนี้มีความอ่อนโยนต่อเด็กหรือ ...เขาไม่รู้สึกว่าเป็นอย่างนั้นเลย
     
    บอก เรื่องนั้นเหรอคะ?
     
    ใช่ เรื่องนั้นล่ะ คุณเอ็กซ์อุตส่าห์ให้โอกาสแล้ว โซเลย์ก็ควรจะให้คำตอบชัดๆ  นะ
     
    เด็กหญิงหันมาทางเขาอีกครั้ง คราวนี้เขามองไม่ผิดแน่ แววตานั้น
     
    มันคือความเกลียดชัง
     
    โครงการที่ให้กำเนิดดิฉัน ดิฉันเลือกจะสานต่อค่ะ ไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งนั้น
     
    เสียงเล็กๆ ของเด็กหญิงสื่อความพยาบาทที่เก็บไว้ไม่มิด สำหรับเด็กอายุเท่านี้ หากน้ำเสียงและภาษากายสื่อสิ่งใดออกมาก็มีแต่ต้องเป็นความรู้สึกจากใจจริงเท่านั้น
     
    เขารู้สึกประสาทชาไปชั่วขณะ เมื่อมานึกทีหลังเขาก็ไม่ประหลาดใจ เขาถูกลูกสาวของเชลที่มีใบหน้าของแม่แสดงความรังเกียจ
     
    เมื่อได้สติสมองเขาก็คิดหาสาเหตุโดยอัตโนมัติ เขาไม่เคยพูดกับเด็กหญิงแม้แต่คำเดียว ไม่มีทางทำสิ่งใดให้เด็กหญิงไม่พอใจได้ ดังนั้นก็มีแต่...
     
    ...คุณทำอะไรกับโซเลย์ เขาหันไปทางชายผู้ดูแลโครงการ ส่งสายตาที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่จะทำได้ ชั่วพริบตานั้นเองที่เขาได้เห็นธาตุแท้ของชายคนนี้จากรอยยิ้มเยาะที่ส่งกลับมา
     
    ท่านผู้นำ จะขู่คุณอาอีกแล้วหรือคะ?
     
    และเสียงที่ข่มความโกรธของเด็กหญิงก็ยืนยันข้อสงสัยของเขา
     
    คุณอา?
     
    คุณอาดูแลดิฉันหลังจากที่คุณแม่เสียไป ต้องลำบากเพราะถูกท่านผู้นำขู่จะทำลายโครงการที่คุณอากับคุณแม่ตั้งใจสร้าง แต่โชคดีที่ข้อตกลงกำหนดให้ดิฉันเป็นผู้ตัดสินใจ ซึ่งดิฉันก็ได้ให้คำตอบไปแล้ว ท่านผู้นำกรุณารักษาคำพูดด้วยนะคะ
     
    ไม่เอาน่ะโซเลย์ อย่าพูดกับท่านผู้นำอย่างนั้นสิ
     
    เขาเบิกตากว้าง ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกตะลึงกับเรื่องใดก่อน เรื่องที่เด็กอายุเท่านี้แสดงกิริยาและการควบคุมตัวเองเท่ากับคนที่อายุมากกว่าเจ็ดแปดปี เรื่องเล่าที่ถูกบิดเบือนจนขาวเป็นดำดำเป็นขาว หรือเรื่องที่ชายคนนี้แสดงละครเป็น คุณอาแสนดี เข้ามาห้ามหลานสาว แต่ปล่อยให้พูดจนจบก่อน
     
    เก้าปีที่ผ่านมาเขาปล่อยให้ชายคนนี้และโครงการที่บ้าคลั่งทำกับลูกของเชลตามใจชอบ เขาประมาทไปที่คิดว่าคนเหล่านี้จะเล่นในกฎ ตอนนี้เขาต้องเผชิญหน้ากับความผิดพลาดนั้นแล้ว
     
    ถ้าเป็นความต้องการของเธอจริงๆ ฉันก็ไม่ขัดหรอก
     
    เขายิ้มและไม่พยายามขัดขืน เขาต้องรักษาจุดยืนอันน้อยนิดที่อาจจะหลงเหลืออยู่ในสายตาของโซเลย์
     
    เป็นความต้องการของดิฉันจริงๆ สิคะ คุณอาไม่ได้ล้างสมองดิฉันเหมือนที่ท่านผู้นำกล่าวหาหรอกค่ะ
     
    เขาเผลอปล่อยให้ความคิดหลุดเข้าไปในคำพูดได้เพียงแค่นิดเดียวเท่านั้นเอง ชายคนนี้เตรียมการเอาไว้มากเพียงใดกัน
     
    ตามสัญญาค่ะท่านผู้นำ ขอรหัสเปิดไดอารี่ของคุณแม่ด้วย
     
    ยูนิตเก็บข้อมูลขนาดเท่าฝ่ามือประกบกันที่เด็กหญิงถืออยู่ ไดอารี่ จะเรียกว่าอย่างนั้นก็ไม่ผิด ชายคนนี้เลือกคำได้ถูกจริงๆ  ประโยคที่โซเลย์พูดตีความใหม่ได้ว่า คืนความทรงจำของคุณแม่ที่คุณแย่งไปมาเสียที
     
    เขาไม่มีทางเลือก ถึงจะเป็นการทำตามความต้องการของชายคนนี้(เขาจำชายคนนี้เป็นความน่ารำคาญไปแล้ว ทำให้จำชื่อไม่ได้เสียที)
     
    ฉันบอกไปแล้วเธออย่าเอาไปบอกใครนะ
     
    เขาก้มลงไปกระซิบข้างหู โซเลย์แสดงสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย
     
    รหัสนั้นอาจเรียกได้ว่าเป็นอาวุธลับเพียงหนึ่งเดียวที่อาจช่วยให้สถานการณ์ฝ่ายเขาดีขึ้นบ้าง(ใช่ นี่คือสงคราม ระหว่างเขากับทีมวิจัยโปรเจค PAUPE โดยมีโซเลย์เป็นเดิมพัน)
     
    ใครที่เป็นคนตั้งรหัสคะ? โซเลย์ถามสิ่งที่เขาคาด ด้วยความโกรธนิดๆ จากความสับสนตามที่เขาคาด
     
    ลองถามคุณอาดูสิ
     
    โซเลย์หันไปหา คุณอา ที่แสดงอาการตระหนกเป็นครั้งแรก
     
    เชลเป็นคนตั้งคนแรก เรื่องนี้คนที่เกี่ยวข้องกับโครงการล้วนทราบดี และเขาไม่มีโอกาสจะเปลี่ยนรหัส ดังนั้นรหัสปัจจุบันจึงยังเป็นรหัสที่เชลตั้งอยู่ คำถามคือ รหัสนั้นคืออะไรที่ทำให้โซเลย์ถึงกับต้องถามว่าใครเป็นคนตั้ง
     
    ชายผู้ดูแลโครงการรู้ว่าหากตอบไม่ดีอาจเกิดความเสียหายบางอย่างที่ตัวเองก็ไม่รู้
     
    เอ...อาก็ไม่รู้เหมือนกันนะ...
     
    เลี่ยงความเสี่ยงเลือกทางเสียน้อยหรือ สำหรับเขาแค่นี้ก็พอใจแล้ว
     
    สีหน้าที่แสดงความคลางแคลงใจของโซเลย์บอกว่าสงครามครั้งนี้ยังอีกยาวไกล
     
    ท่านผู้นำคะ คุณอาไม่รู้
     
    ฉันรู้ เขายิ้ม แต่ฉันตอบไม่ได้ เธอต้องไปคิดเองแล้วล่ะ แต่อย่าลืมล่ะ ห้ามบอกรหัสให้ใครรู้
     
    สีหน้าของโซเลย์แสดงความไม่พอใจ แต่ขณะเดียวกันก็มีความสงสัย ในตัวคำตอบและในตัวเขา สำหรับตอนนี้เท่านี้ก็พอแล้ว
     
    เขาบอกขอตัวและออกจากศูนย์วิจัยมา การทำสงครามต้องรู้จักเวลาใดควรรุกเวลาใดควรรับ และต้องรู้จักถอยระหว่างที่ยังได้เปรียบ
     
    แต่โดยภาพรวมฝ่ายนั้นยังเป็นฝ่ายชนะอยู่ และต้องพยายามเสริมความมั่นคงของจุดยืนตัวเองในสายตาของโซเลย์แน่นอน
     
    เขาต้องทำอะไรสักอย่าง ยิ่งโซเลย์อยู่ในมือคนพวกนั้นนานเท่าไรก็ยิ่งไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
     
    [...]
     
    [.....]
     
    เขาให้เรปลิลอยด์ที่เป็นสมาชิกสภาที่ปรึกษาที่เขาไว้ใจแฮ็กข้อมูลโปรเจค PAUPE ที่ซ่อนไว้มาให้ ใช้เวลาสามเดือนที่ปรึกษาคนนั้นนำไฟล์มาให้เขาได้
     
    มีปัญหาเพียงอย่างเดียว คือไฟล์นี้ต้องการรหัสในการเปิด และที่สำคัญคือมันล็อกด้วยระบบมาตรฐานที่แน่นหนาที่สุด แม้ไม่เท่าระบบล็อกของเชล แต่ก็เกินความสามารถของคนส่วนใหญ่ หากให้หลายคนช่วยกันก็คงจะทำได้แม้จะต้องใช้เวลา แต่ความเสี่ยงที่เรื่องจะแดงออกมาทำให้วิธีนั้นตกไป เขาคิดถึงนานะอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ตัดความคิดนั้นไปเช่นกัน เขาไม่อยากให้คนภายนอกรู้เรื่องตราบาปในรัฐบาล แม้คนคนนั้นจะเป็นเพื่อนเก่าของเขาก็ตาม
     
    มีทางเดียว คือต้องไขรหัสนี้ให้ได้ โดยไม่มีคำใบ้
     
    เขานั่งจ้องภาพโฮโลแกรมในห้องทำงานตัวเองกับเรื่องนี้มาสี่วันแล้วแต่ก็ยังคิดไม่ออก ที่จริงคิดออกวิธีหนึ่งคือลอบไปค้นบ้านและห้องทำงานของคนที่เกี่ยวข้องกับโครงการ แต่เขาไม่อยากใช้วิธีที่เสี่ยงแบบนั้นจนกว่าจะไม่มีทางเลือกจริงๆ
     
    สมองของเขารวนไปหมดแล้ว แบบนี้ถึงคิดต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ งานวันนี้ค่อนข้างเบา เขาออกไปผ่อนคลายสักหน่อยคงจะดี
     
    วิธีผ่อนคลายของเขามีอยู่สามสี่วิธี แต่มีอยู่วิธีหนึ่งที่ใช้ได้ในโอกาสแบบนี้เท่านั้น
     
    เขาถอดเสื้อคลุมประจำตำแหน่งเก็บไว้ในห้องทำงาน ระหว่างที่ลงบันไดก่อนจะถึงชั้นแรก เมื่อไม่มีใครเห็นเขาก็ยกแขนซ้ายขึ้น นิ้วมือขวากดปุ่มของอุปกรณ์ที่ติดอยู่กับเกราะสีน้ำเงินส่วนท่อนแขน พลันรูปลักษณ์ของเขาก็เปลี่ยนเป็นเรปลิลอยด์โมเดลพลเรือนสีฟ้าอ่อนธรรมดาๆ ที่มีเป็นพนักงานระดับล่างในหน่วยงานรัฐอยู่เกลื่อน
     
    อุปกรณ์เปลี่ยนรูปลักษณ์ที่เขาเคยใช้สมัยอยู่อิเร็กกุล่าร์ฮันเตอร์นั่นเอง เขาใช้ตำแหน่งผู้นำ(แอบ)หามาสักเครื่องหนึ่งได้ไม่ยาก จุดประสงค์การใช้ยังคงเหมือนเดิมในกรณีพิเศษอย่างเขา นั่นคือไม่ให้คนทั่วไปจำได้ เป็นวิธีเดียวที่เขาจะเข้าไปในเมืองโดยไม่มีใครรบกวนได้
     
    เขาออกมาจากสภาก็ตกกลางคืนแล้ว มีสถานที่ให้ไปได้ไม่มาก แต่ก็ไม่เป็นไร เขาแค่ต้องการอยู่ท่ามกลางมนุษย์และเรปลิลอยด์เท่านั้น
     
    สิบนาที เขามัวแต่ชมทางจนไม่ทันสังเกตคนที่เดินสวนมา และชนไหล่อีกฝ่ายเบาๆ
     
    ระวังหน่อย!”
     
    ชายผู้ดูแลโครงการ กับเพื่อนที่ร่วมเสนอเมื่อสิบปีก่อน
     
    เขากล่าวขอโทษเป็นพิธี แล้วมองชายทั้งสองเดินผ่านไป ท่าทางจะกำลังคุยอะไรกันอยู่
     
    โอกาสที่มาด้วยความบังเอิญอย่างนี้ไม่ควรปล่อยให้หลุดลอยไป เขาแอบตามทั้งสองไปในระยะที่พอได้ยินบทสนทนา โชคดีที่รูปร่างปัจจุบันของเขาเป็นโมเดลที่มีอยู่เกลื่อน แม้จะมีความแตกต่างเล็กน้อยแต่ก็คงไม่ถูกสังเกตเห็น
     
    ...ถึงไหนแล้วล่ะ?
     
    หลังแรก...มาแล้ว เป็น...ตามที่คิดไว้
     
    อย่างนี้อีก...นานก็จะได้เริ่มซื้อที่ต่อ...แล้วสิ
     
    ยังหรอก เจ้านั่นยัง... ...รีบไม่ได้ รุ่นนี้คงได้แค่เสนอ ไว้...หน้าค่อยซื้อที่ต่อ
     
    โอ้โห มี...เป็นรุ่นๆ เลยนะ เพิ่งรู้...คุณนี่ชอบเล่นตุ๊กตา...นี้
     
    เป็นตุ๊กตาที่...แพงที่สุด ไม่มีที่ไหนอีกแล้ว! ถ้าใครรู้ว่าเรามีของไฮคลาสอย่างนี้...คงอิจฉา แต่ถ้าทำให้เราครองตลาดได้...ถือว่าคุ้มค่าใช่มั้ยล่ะ?
     
    ชายทั้งสองเดินเข้าไปในลานจอดรถที่ไม่มีใคร การสะกดรอยตามของเขาจบลงเท่านี้
     
    บทสนทนาของสองคนนั้นดู...ประหลาด เขาไม่แน่ใจว่าเนื้อหาของมันคืออะไรกันแน่ มี ซื้อที่ มี ตุ๊กตา  สองคนนั้นกำลังทำการค้าอะไรอยู่หรือ ทำไมเขาไม่รู้เรื่องเลย ในเวลานี้การมีที่ดินเป็นการส่วนตัวไม่น่าจะทำได้ การแลกเปลี่ยนค้าขายเพิ่งจะเริ่มขึ้นเมื่อสามปีก่อน สกุลเงินก็เพิ่งจะนำออกมาใช้ ระบบการค้าโดยรวมยังไม่แข็งแรงพอ
     
    หรือบทสนทนาเหล่านั้นจะมีความหมายแฝง
     
    [...]
     
    [.....]
     
    หนึ่งสัปดาห์หลังจากการสะกดรอยตาม เขายังนั่งอยู่หน้าภาพโฮโลแกรม จ้องกล่องใส่รหัสผ่านที่ว่างเปล่า
     
    เขาลองใส่ PAUPE กับวันเดือนปีที่เริ่มโครงการอย่างเป็นทางการซึ่งเป็นเหมือนรหัสสิ้นคิดลงไปแล้ว แน่นอนว่าไม่ผ่าน
     
    เขาทวนบทสนทนาไม่กี่ประโยควันนั้นในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า พยายามหารหัสลับจากในนั้น แต่ไม่มีประโยชน์ เขาพอทำความเข้าใจความหมายที่แท้จริงของบทสนทนานั้นได้ อย่างเช่น ซื้อที่ น่าจะหมายถึงกุมอำนาจหนึ่งขั้น ซึ่ง ครองตลาด ก็น่าจะหมายถึงกุมอำนาจเกือบจะเบ็ดเสร็จ(จากเขา แน่นอน) ซึ่งวิธีการหนึ่งดูจะเป็นการใช้ ตุ๊กตา
     
    ...เขาพอสันนิษฐานได้ว่า ตุ๊กตานั้นหมายถึงอะไร ซึ่งก็ยิ่งทำให้เขาร้อนรนกับกล่องใส่รหัสผ่านข้างหน้านี้ เหมือนมีคำตอบของทุกสิ่งอยู่ในกล่องแล้วแต่เปิดไม่ได้
     
    ลองใส่อีกคำดู fantoche หุ่นเชิด
     
    ...ไม่ผ่าน แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะผ่านอยู่แล้ว
     
    เหลือโควตาแค่ครั้งเดียวก่อนจะต้องรออีกสามวัน
     
    รหัสผ่านอาจจะไม่ได้อยู่ในบทสนทนานั้นเลยก็ได้ ซึ่งที่จริงก็น่าจะเป็นไปได้มากกว่า แต่เขาไม่มีเบาะแสอื่นแล้ว
     
    เขาลองเขียนบทสนทนาที่จำได้ลงบนกระดาษดู(ทุกวันนี้เป็นวิธีที่ปลอดภัยจากการถูกขโมยอ่านที่สุด ไม่ทิ้งร่องรอยไว้ในเซิฟเวอร์ให้คนมาแกะรหัสอ่านทีหลัง)
     
    มาคิดดูแล้วมันก็แปลกเหมือนกัน ชื่อโครงการ PAUPE เป็นนามธรรมกว่าโครงการทั่วๆ ไปซึ่งจะใช้ชื่อที่ตรงตัวเข้าใจง่าย อีกอย่างหนึ่งก็คือเป็นโครงการเดียวที่ชื่อเต็มใช้ภาษาอังกฤษ ทั้งที่ปัจจุบันภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาทางการและภาษาสื่อสารหลัก
     
    ...บางที
     
    ชื่อโครงการใช้ตัวย่อจากแต่ละคำ เขาน่าจะลองแปลงคำเหล่านั้นเป็นภาษาฝรั่งเศสดู
     
    Paradigm - fAith - Unity - hoPE
     
    Paradigme - fOi - Unité - espéranCE
     
    POUCE? ...นิ้ว? เขาคงมาผิดทางแล้ว วิธีสิ้นคิดแบบนี้...
     
    ...หรืออาจต้องพลิกแพลงเล็กน้อย ถ้ายึดตำแหน่งของตัวอักษร คำสุดท้ายต้องเป็นตัวที่สามและสี่
     
    esPÉrance
     
    POUPÉ
     
    ...บางที
     
    esPÉrancE
     
    POUPÉE - ตุ๊กตา
     
    ...
     
    .....
     
    เขาลองใส่ดู
     
    ผ่าน
     
    ...หา? เขายังมึนงงจนต้องส่งเสียงออกมาเพื่อเตือนตัวเองว่าไม่ได้ฝันไป
     
    เป็นรหัสผ่านที่...สิ้นคิดรองลงมา ทิ้งคำใบ้ไว้หราอีกด้วย ไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัยเลยแม้แต่น้อย
     
    บางทีอาจไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อความปลอดภัยเพียงอย่างเดียว เขานึกภาพชายสองคนนั้นใส่รหัสไปพลางยิ้มเยาะไปพลาง
     
    อย่างไรก็ตาม นิสัยเสียของสองคนนั้นเป็นความได้เปรียบของเขาในคราวนี้ เขาคลิกเข้าไปดูข้างใน
     
    เป็นไปตามที่คาด ทุกอย่างอยู่ในนี้ สิ่งที่ไม่ได้อยู่ในเอกสารทางการ ทั้งเรื่องผลข้างเคียงต่อร่างกายของผู้รับการปรับปรุงที่ทำให้เสียชีวิตหลังคลอดบุตร หลักสูตรการศึกษาที่แฝงแนวคิดแบ่งชนชั้นมนุษย์กับเรปลิลอยด์(ตัวเขาเองไม่เชียวชาญด้านจิตวิทยาการศึกษา แต่มีบรรยายขยายความเอาไว้) เรื่องที่เด็กที่เกิดด้วยวิธีนี้มีพัฒนาการที่เร็วเหนือมนุษย์ เทียบเท่าเรปลิลอยด์ประสิทธิภาพสูง แลกกับการที่ร่างกายจะเริ่มเสื่อมสภาพหลังอายุ 20 ปี และมีอายุขัยไม่เกิน 25 ปี
     
    นี่คือคัมภีร์ของปีศาจ
     
    ความยินดีเมื่อไขรหัสได้หายไปจนหมดสิ้น แทนที่ด้วยความโกรธและความเศร้าที่ปั่นป่วนอยู่ในอก
     
    เขาใช้สิ่งนี้แก้ไขปัญหาทันทีไม่ได้ ถึงจะอยากนำไปตีแสกหน้าผู้ดูแลกับทีมวิจัยและสั่งลงโทษเสียตอนนี้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่รั้งเขาไว้
     
    โซเลย์ ตอนนี้จิตใจของโซเลย์ยังอยู่ข้างนั้น เขาไม่รู้ว่าโซเลย์มีความเป็นเด็กและความเป็นผู้ใหญ่เพียงใด ถ้าเขาลงโทษ คุณอาที่แสนดี  โซเลย์อาจปิดกั้นตัวเองและไม่รับฟังเหตุผลของเขา หรือที่เลวร้ายกว่านั้น ยอมรับเรื่องที่ตัวเองถูกใช้ แต่ไม่เปิดใจให้คนอื่น ทำลายตัวเองอย่างช้าๆ
     
    เขาต้องวางแผนให้ดีก่อนจะทำอะไรลงไป มีอาวุธอยู่ในมือแล้วต้องใช้ให้ถูกทาง
     
    [...]
     
    [.....]
     
    มีอะไรจะแก้ตัวมั้ย?
     
    เขาโยนกระดาษลงบนโต๊ะแทนการตีแสกหน้าให้ชายผู้ดูแลโครงการสองคนและสมาชิกสภาที่ปรึกษารุ่นปัจจุบันผู้สนับสนุนอีกสามคนดู
     
    ได้เห็นใบหน้าซีดเผือดของสี่จากห้าคนนับว่าเป็นของแถม
     
    หมายความว่าแกะรหัสได้สินะ ก็คิดอยู่แล้วว่าคงจะเร็วๆ นี้ ...แต่แล้วยังไง? ข้อตกลงเดิมยังอยู่ หากมีสิ่งที่นอกเหนือจากที่คาดการณ์ไว้ในเอกสารทางการ การตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับผู้รับการทดลอง คุณจะทำยังไงล่ะ? ลองเอาเอกสารพวกนี้ให้เด็กนั่นดูมั้ยล่ะ?
     
    ชายคนนี้ก็รู้เช่นกันว่าเขาทำไม่ได้ หรือถ้าเขาทำก็ยิ่งจะถูกใจ
     
    ผมไม่ทำอย่างนั้นหรอก แต่ขอให้คุณรู้ไว้ว่าเอกสารนี้สามารถออกสู่สายตาสาธารณะได้ทุกเมื่อ หลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกคุณบ้างผมไม่รับรู้ และอย่าคิดท้าผม ถ้าไม่เหลือทางเลือกอื่นผมทำแน่ ถึงอาจจะเป็นอันตรายต่อโซเลย์ แต่ผมไม่ปล่อยให้คนอย่างพวกคุณลอยนวลต่อไปเด็ดขาด
     
    ที่จริงแล้วเขาไม่แน่ใจว่าตัวเองจะทำได้หรือเปล่า แต่อีกฝ่ายดูไม่พร้อมจะเสี่ยงเช่นกัน
     
    ...แล้วคุณต้องการอะไร
     
    ผมต้องการให้พวกคุณปรับเปลี่ยนตารางกิจกรรมของโซเลย์ ตามที่อยู่ในกระดาษแผ่นนี้ ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่ซับซ้อนอะไร
     
    [...]
     
    [.....]
     
    โซเลย์กำลังจ้องภาพโฮโลแกรมและกดแป้นอะไรบางอย่างอยู่เมื่อเขาเข้าไปในห้อง โซเลย์หันมาเห็นเขา และความไม่ชอบใจก็แสดงบนใบหน้าทันที
     
    เขายิ้มอย่างเป็นมิตร ตอนนี้กำลังใจเขาสูงลิ่วจากการเป็นฝ่ายบุกบ้าง
     
    สวัสดีโซเลย์ ไม่ได้พบกันนานเลยนะ
     
    ...สวัสดีค่ะ ท่านผู้นำมีธุระอะไรกับดิฉันหรือคะ?
     
    กำลังใจเขาหล่นลงมาวูบหนึ่ง เขาไม่แน่ใจ แต่โซเลย์ดูเย็นชากับเขายิ่งกว่าเมื่อสี่เดือนก่อน
     
    ก็นิดหน่อย คุณอาของโซเลย์บอกว่ากำลังเริ่มโครงการแรกแล้ว ขอดูหน่อยได้มั้ยว่าถึงไหนแล้ว?
     
    ...ขออภัยด้วยค่ะ แต่โครงการยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ดิฉันไม่คิดว่าควรให้ใครดูก่อนจะมีความชัดเจนกว่านี้
     
    ถ้างั้น อย่างน้อยก็ช่วยบอกหน่อยได้มั้ยว่าเกี่ยวกับอะไร เขารู้ว่ายิ่งคะยั้นคะยอก็ยิ่งเฉียดเข้าเขตอันตรายมาก เขาไปได้อีกไม่กี่ก้าวก่อนจะต้องหยุด
     
    ...ระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับป้องกันและปราบปรามผู้บุกรกที่เป็นเครื่องจักร เน้นที่การใช้พลังงานต่ำโดยมีประสิทธิภาพสูงสุด
     
    เขาคาดไว้อยู่แล้วว่าต้องเป็นทำนองนี้จึงไม่แสดงความประหลาดใจและเพียงแค่พยักหน้า
     
    ดีแล้ว โซเลย์เก่งเหมือนกับแม่ ต้องเป็นกำลังสำคัญให้กับเนโออาร์คาเดียได้ไม่น้อยหน้ากันแน่ๆ เลย
     
    โซเลย์แสดงความโกรธมากขึ้นอย่างกะทันหันโดยที่เขาเองก็ไม่รู้สาเหตุ
     
    ธุระล่ะคะ ถ้าไม่มีก็กรุณาออกไปด้วยค่ะ ดิฉันยุ่งอยู่ ตามข้อตกลงคุณไม่สามารถก้าวก่ายกิจกรรมของดิฉันได้ตราบเท่าที่ดิฉันอยู่ใต้โครงการนี้ไม่ใช่หรือคะ?
     
    ก็อย่างนั้นล่ะ แต่มีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย ดูตารางเวลาสิ
     
    โซเลย์นิ่วหน้า หันกลับไปเปิดตารางเวลาดูตามที่เขาบอก ก่อนที่ใบหน้าจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นบึ้งตึง
     
    ...นี่มันหมายความว่าอย่างไรกันคะ?
     
    หมายความตามนั้นล่ะ จากนี้ไปทุกวันอังคาร พฤหัสบดี เสาร์ และอาทิตย์เธอต้องไปทัศนศึกษากับฉันวันละสามชั่วโมง อุดอู้อยู่แต่ในศูนย์วิจัยมันไม่ดีต่อความคิดสร้างสรรค์ใช่มั้ยล่ะ?
     
    ...คุณใช้อำนาจข่มขู่คุณอาอีกแล้วใช่ไหม...
     
    แววตาของโซเลย์ตอนนี้ฆ่าเขาได้เลย แต่เขาฝืนยิ้มเล่นละครต่อไป
     
    เปล่าเลย ฉันเสนอและคุณอาของเธอก็เห็นด้วย ไม่เชื่อก็ลองไปถามดูสิ ฉันไม่ได้ใช้อำนาจนอกข้อตกลงเลย
     
    ถ้าอย่างนั้นดิฉันจะไปถามเดี๋ยวนี้ โซเลย์กล่าวเสียงแข็งพร้อมกับปิดเครื่องคอมพิวเตอร์
     
    คุณอากับเพื่อนออกไปข้างนอก ถามนักวิจัยคนอื่นที่นี่ก็รู้กันทั้งนั้น เอ้า ไปกันเถอะ เขายื่นมือให้
     
    ไม่ค่ะ คนอื่นอาจจะถูกคุณบังคับให้ตอบตามที่ต้องการ ฉันเชื่อคำพูดของคุณอาเท่านั้น
     
    งั้นเธอก็ไม่เชื่อคำพูดของฉันเหรอ? เขาแกล้งเบิกตาขึ้นเล็กน้อยให้เหมือนประหลาดใจ
     
    ไม่เชื่อค่ะ
     
    ทำไมล่ะ?
     
    ...
     
    เพราะฉันเป็นเรปลิลอยด์ใช่มั้ย?
     
    โซเลย์ยังไม่ยอมตอบ แต่จากการขยับของใบหน้าเขาก็รู้ว่าจริง
     
    เธอไม่สงสัยบ้างเหรอว่าสิ่งที่รู้เกี่ยวกับเรปลิลอยด์เป็นความจริงทั้งหมดรึเปล่า?
     
    คุณอาไม่โกหก กรุณาอย่าใส่ร้ายคนอื่นลับหลังค่ะ
     
    ไม่ได้จะว่าโกหก แต่เรปลิลอยด์ก็คงไม่เหมือนกันทั้งหมดใช่มั้ยล่ะ?
     
    เหมือนสิคะ แม้จะมีความแปรปรวนก็เล็กน้อยมาก โมเดลเดียวกันก็ประกอบด้วยชิ้นส่วนที่ผลิตออกมาในพิมพ์เดียวกัน รวมถึงส่วนประมวลผล ความรู้สึกนึกคิดที่จำลองขึ้นจากกลไกที่เหมือนกันทุกระเบียดนิ้วก็ย่อมเหมือนกัน หากสามารถควบคุมปัจจัยแวดล้อมได้ก็สามารถให้ผลเหมือนๆ กันได้
     
    เขาจะถามว่า แล้วมนุษย์ไม่เหมือนกันหรือ  แต่เปลี่ยนใจได้ทัน คำถามนั้นล้ำเส้นเกินไป
     
    แล้วฉันล่ะ ในทางเทคนิคฉันไม่ใช่เรปลิลอยด์นะ
     
    ...หมายความว่าอย่างไรคะ?
     
    โซเลย์แสดงความสงสัยมากกว่าความไม่เชื่อ สำเร็จ
     
    เขาก้มลงไปกระซิบใกล้ๆ โซเลย์ แต่ไม่ใกล้จนเกินไป
     
    เรื่องนี้อย่าไปบอกใครนะ ที่จริงแล้วเรปลิลอยด์ตัวแรกสร้างขึ้นโดยเลียนแบบฉัน
     
    โซเลย์ทำหน้าเหลือเชื่อ เขาตอบด้วยรอยยิ้มที่จริงใจ
     
    โกหกค่ะ หากเป็นเช่นนั้นก็หมายความว่าวิทยาการเรปลิลอยด์ไม่มีการพัฒนาเลย ไม่อย่างนั้นคุณต้องตกรุ่นไปนานแล้ว
     
    ไม่ได้โกหก เอาอย่างนี้ ถ้าเธอไปกับฉันตามที่ฉันกับคุณอาของเธอตกลงกันได้ครบหนึ่งปี ฉันจะเอาแปลนร่างกายของฉันให้ดู เวอร์ชั่นปัจจุบัน แต่ถ้าพูดออกไปอาจจะทำให้เข้าใจผิดว่าเขาเปลี่ยนร่างกาย
     
    แบบนี้จะเรียกว่าเขาเอาของมาล่อลวงเด็กก็ได้(ฟังดูผิดศีลธรรม) แต่เขาไม่มีแผนสำรอง ดังนั้นเขาจะใช้ทุกอย่างที่ใช้ได้
     
    ...เริ่มจากวันหลังได้ไหมคะ?
     
    ข้อเสนอพิเศษแค่วันนี้เท่านั้น ถ้าข้ามวันนี้ไปเพิ่มเป็นสองปี
     
    ...จะให้ไปที่ไหนคะ?
     
    สำเร็จ
     
    [...]
     
    [.....]
     
    นับแต่นั้นมาเอ็กซ์ก็เริ่มพาโซเลย์ไปทัศนศึกษาสัปดาห์ละสี่ครั้ง แต่ละครั้งไปสถานที่ต่างกัน แต่เน้นไปทางเดียวกัน คือให้เห็นกิจกรรมแต่ละมุมของเนโออาร์คาเดีย การทำงานของหน่วยงานรัฐและเอกชนต่างๆ  คั่นด้วยชีวิตประจำวันของพลเรือน ชีวิตของมนุษย์และเรปลิลอยด์
     
    วันนี้เป็นโซเลย์อายุครบสิบสองปี เขากับโซเลย์นั่งหย่อนขาอยู่บนยอดอาคารหลังหนึ่ง ดวงอาทิตย์เริ่มจะลับขอบฟ้าทอดแสงสีแดงลงบนผืนน้ำ พาดผ่านเรือบรรทุกเครื่องบำบัดน้ำที่ยังทำงานอยู่นอกชายฝั่ง
     
    พระอาทิตย์ตกน้ำสวยเนอะ
     
    ธรรมดาค่ะ
     
    แม้ตัวคำตอบอาจจะไม่ต่างจากเมื่อก่อน แต่เขามั่นใจในสิ่งที่เห็นมา โซเลย์ได้เห็นเรปลิลอยด์จริงๆ  ไม่ใช่แค่ที่เป็นหุ่นยนต์ แต่ที่เป็นเพื่อนของมนุษย์
     
    เธอยังเกลียดเรปลิลอยด์อยู่รึเปล่า
     
    เกลียดค่ะ
     
    แม้จะยังตอบเช่นนี้อยู่ก็ตาม แต่ความรู้สึกที่อยู่เบื้องหลังคำพูดนั้นหายไปแทบจะหมดสิ้นแล้ว ช่วงหลังเขาถามถี่ขึ้น(สองเดือนครั้ง)จึงรู้ว่าเป็นจริง ไม่อย่างนั้นจะโดนถลึงตามองเหมือนครั้งแรกๆ
     
    เหมือนเดิมเลยนะ ไม่เป็นไร วันนี้วันเกิดของเธอ ฉันก็เลยมีของขวัญจะให้
     
    โซเลย์มองตามเขาอย่างสนอกสนใจโดยพยายามไม่ให้ดูเหมือนสนใจ เขาหยิบวัตถุชิ้นหนึ่งออกมา
     
    ...นี่คือ?
     
    บีมเซเบอร์ รุ่นถือด้วยมือ สมัยนี้ไม่มีแล้วใช่มั้ยล่ะ อะไรๆ ก็ผนวกเข้าในโมเดลหมด เธอเชี่ยวชาญด้านพลังงานนี่ คงจะเข้าใจความแตกต่าง
     
    ...ของขวัญปีนี้สิ้นคิดกว่าทุกปีนะคะ
     
    รู้สึกเจ็บนิดหน่อย แต่เขาก็คาดไว้แล้ว
     
    อะไรกัน อุตส่าห์ให้ของหายาก ก่อนจะตัดสินลองเอาไปดูก่อน ...แค่ ขอร้องอย่าทำพังหรือทำหาย มีอยู่แค่เล่มเดียวในโลก
     
    โซเลย์ทำท่าเหมือนถอนใจก่อนจะรับไปถือดู
     
    ...ไม่ทำงานค่ะ
     
    แน่ล่ะสิ ฉันจะให้เธอถือของอันตรายแบบนั้นได้ยังไง ถ้าจะให้ทำงานก็ต้องชาร์จพลังงานก่อน
     
    ไม่สะดวกเลยค่ะ

    โซเลย์เก็บเข้ากระเป๋าเสื้อ แต่เขารู้ว่าพออยู่คนเดียวเดี๋ยวก็เอาออกมาแงะดู (...เขาภาวนาจากใจจริง ขออย่าให้พัง)
     
    ...สามปีแล้วนับแต่เขาเริ่มพาโซเลย์ออกมาดูเนโออาร์คาเดีย พาไปแทบจะทุกที่แล้ว เขาคิดว่าน่าจะถึงเวลาเสียที
     
    โซเลย์ คิดว่าทำไมคุณแม่ของเธอถึงตั้งชื่อนี้?
     
    เพื่อช่วยในการสร้างอนาคตของมนุษย์ค่ะ ตอบได้ไหลลื่น ราวกับท่องมา
     
    ...ราวกับท่องจากความจำมากกว่าความคิด
     
    ทำไมถึงแค่มนุษย์ล่ะ?
     
    มนุษย์อย่างดิฉันต้องการแสงอาทิตย์เพื่อให้ร่างกายและจิตใจทำงานต่อไปได้ เรปลิลอยด์เพียงแค่รับพลังงานจากทางอื่นก็สามารถอาศัยอยู่ต่อไปได้โดยไร้ปัญหา
     
    หืม...คนอื่นฉันก็ไม่รู้ แต่ฉันชอบแสงอาทิตย์นะ ที่ฉันฝ่าฟันมาจนถึงทุกวันนี้ได้ก็เพราะมีดวงอาทิตย์อยู่ หมายความว่าฉันก็ต้องพึ่งอนาคตที่เธอจะสร้างเหมือนกันสินะ
     
    เขาไม่ได้มีเจตนาไม่ดี เขาตั้งใจแค่เป็นคำหยอกธรรมดา อาจจะแอบแฝงความหมายลงไปเล็กน้อยว่าอยากให้ช่วยเหลือเรปลิลอยด์ด้วย
     
    พอเสียทีเถอะค่ะ... โซเลย์ลุกขึ้นยืนและกำหมัดแน่น
     
    โซเลย์?
     
    คิดว่าจะหลอกฉันได้เหมือนที่หลอกคุณแม่เหรอคะ?! ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน จะใช้เวลาซักเท่าไหร่ฉันก็ไม่หลงเชื่อหรอกค่ะ! ยอมแพ้ได้แล้วค่ะ!”
     
    โซเลย์? ฉันไปหลอกเธอกับเชลเมื่อไหร่?
     
    ปฏิกิริยาแบบนี้เขาไม่ได้คาดคิดไว้เลย เขานึกว่าที่ผ่านมาโซเลย์ค่อยๆ ยอมรับความคิดของเขาได้บ้างแล้ว
     
    ตลอดเวลานั่นล่ะค่ะ! ตอนนี้ก็เหมือนกัน! ตอนที่หลอกคุณแม่ก็ใช้วิธีนี้สินะคะ!? ฉันไม่หลงกลหรอกค่ะ ยังไงฉันก็เกลียดเรปลิลอยด์! ฉันไม่หลงกลเหมือนมนุษย์คนอื่น!”
     
    เขาเข้าใจแล้ว โซเลย์กำลังค่อยๆ ยอมรับการอยู่ร่วมกับเรปลิลอยด์ บางทีอาจจะเริ่มตั้งแต่เห็นอะไรบางอย่างในยูนิตเก็บข้อมูลของเชลแล้วก็ได้ ดังนั้นจึงยอมรับไม่ได้ที่ตัวเองกำลังเปลี่ยนไปจากความเชื่อเดิม
     
    โซเลย์ เธอไม่ได้เกลียดเรปลิลอยด์จริงๆ หรอก
     
    สิ่งที่เขาทำได้คือให้ปลดปล่อยความอึดอัดนั้นออกมา
     
    เกลียดสิคะ! โดยเฉพาะคุณ!”
     
    เมื่อเห็นน้ำตาของเด็กหญิงเขาก็รู้ว่าใกล้เต็มทีแล้ว จึงลุกขึ้นและเดินเข้าไปหา
     
    ฉันไม่เคยหลอกเชลกับเธอเลย เชื่อฉันเถอะ ครั้งนี้เขาพูดโดยไม่เสแสร้งรอยยิ้ม ให้เพียงแค่ความจริงใจเท่านั้น
     
    ดวงตาของโซเลย์ฉายความลังเลขึ้น แม้เพียงแค่ชั่วขณะ เขาคว้าตัวเด็กหญิงเข้ามากอด โซเลย์ยกแขนขึ้นราวกับจะดันเขาออกไป แต่แขนนั้นแทบจะไม่ได้ใส่แรง
     
    ฉันไม่ทำแบบนั้นกับคนสำคัญของฉันหรอก
     
    หลังจากนั้นก็มีเพียงเสียงสะอื้น เขาลูบศีรษะของเด็กหญิงจนกระทั่งมันหยุดลง
     
    วันนั้นกว่าเขาจะพาโซเลย์กลับไปก็เลยโควตาสามชั่วโมงไปมาก เมื่อไปถึงเขาก็ส่งโซเลย์ที่กำลังหลับคืนศูนย์วิจัย แล้วตัวเขาเองก็กลับไปที่ห้องทำงาน
     
    [...]
     
    [.....]
     
    อีกแค่เดือนเดียวสินะ
     
    อืม ผลการตรวจบอกว่าเด็กคนนี้จะออกมาเหมือนกับฉัน
     
    งั้นเหรอ...แล้วคิดชื่อไว้รึยัง?
     
    ...ลียา
     
    มีเหตุผลอะไรรึเปล่า?
     
    ...รู้อยู่แล้วจะถามทำไม?
     
    เขาหัวเราะเบาๆ
     
    ภาพตอนนี้ เขานั่งอยู่กับเก้าอี้ในสวน พูดกับโซเลย์ที่สัมผัสท้องที่กลมโต ราวกับถอดออกมาจากเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน เว้นแต่โซเลย์ดูอ่อนวัยกว่าเชลตอนนั้น
     
    เขากับโซเลย์เริ่มโครงการวิจัยหาทางแก้ไขข้อบกพร่องในร่างกายของโซเลย์เมื่อสามปีก่อน แต่ความเชี่ยวชาญของเขากับโซเลย์ในด้านนี้มีไม่มากพอ ในที่สุดแล้วก็เริ่มไปได้เพียงแค่เล็กน้อยก่อนจะหมดเวลา
     
    โซเลย์ตัดสินใจจะสานต่อโครงการที่ให้กำเนิดตัวเองขึ้นมา และเช่นเดียวกับครั้งก่อน เขาไม่สามารถทำให้โซเลย์เปลี่ยนใจได้ ดังนั้นขณะนี้ เมื่อมีอายุสิบเก้าปีหกเดือน โซเลย์จึงกำลังตั้งครรภ์ลูกที่จะสานต่อความหวังและคำสาปของรุ่นก่อน
     
    ...เธอรู้สึกเสียใจรึเปล่า? ที่ต้องเกิดมาเป็นแบบนี้
     
    เขาถามคำถามที่เก็บไว้ไม่กล้าถาม ตอนนี้เขาก็ยังไม่กล้าเต็มร้อย แต่อาจไม่มีโอกาสอีกแล้ว
     
    โซเลย์สบตากับเขา ดวงตาสีน้ำเงินนั้นทำให้เขานึกถึงเชล เขาไม่เคยพูดออกมา แต่โซเลย์คงจะรู้อยู่แล้วว่าตัวเองเหมือนแม่เพียงใด
     
    ...ชีวิตของฉันมีหลายสิ่งที่ไม่มีโอกาสได้ทำ เวลาที่ฉันมีช่างสั้นเหลือเกิน อยากจะสัมผัสความรู้สึกในตอนนี้ให้นานกว่านี้... ฉันเสียใจที่เวลากำลังจะหมดลง แต่ไม่เสียใจกับชีวิตที่ผ่านมา
     
    เหรอ ก็ดีแล้วล่ะ เขายิ้ม ยิ้มเล็กๆ เท่าที่เขาสามารถให้ได้
     
    ความเสียดายอย่างเดียวของฉันก็คือเด็กคนนี้ต้องเป็นเหมือนกับฉัน...
     
    โซเลย์ก้มลงมองทารกที่อยู่ในครรภ์
     
    ฉันไม่ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปหรอก ในรุ่นของเธออาจจะทำไม่สำเร็จ แต่รุ่นของลียาต้องได้สำเร็จแน่
     
    เขาสบตากับโซเลย์ และได้รอยยิ้มอันอบอุ่นกลับมา
     
    ฉันฝากลียาด้วยนะ เอ็กซ์
     
    [...]
     
    [.....]
     
    เช่นเดียวกับมารดา ด็อกเตอร์โซเลย์เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจล้มเหลว
    สิบนาทีหลังคลอดบุตร เอ็กซ์กุมมือของนักวิจัยสาวไว้จนกระทั่งชีพจรหยุดลง
     
    ในช่วงชีวิตโซเลย์ได้ใช้สิทธิของผู้รับการทดลองเปลี่ยนรายละเอียดโครงการหลายข้อร่วมกับเอ็กซ์ แต่มีข้อใหญ่ๆ อยู่สองข้อ ข้อหนึ่งคือลดความเข้มงวดของการควบคุมกิจวัตรลง ปล่อยเวลาว่างให้ผ่อนคลายบ้าง อีกข้อหนึ่งคือยกเลิกการห้ามเอ็กซ์เข้าแทรกแซงกิจกรรมของศูนย์วิจัย ข้อหลังนี้เอ็กซ์เคารพความตั้งใจของโซเลย์และใช้อย่างพอดีพอเหมาะ
     
    เมื่อลียาอายุครบห้าขวบเอ็กซ์ก็ตัดสินใจว่าควรจะให้ยูนิตเก็บข้อมูลและรหัส โซเลย์บอกว่าภายในนั้นไม่ได้บันทึกเพียงแค่ไอเดียในการวิจัย แต่รวมถึงชีวิต ความนึกคิดของตัวเองและมารดา ดังนั้นนี่จึงเป็นวิธีที่ลียาจะได้รู้จักกับผู้เป็นแม่
     
    เขาก้าวเข้ามาในศูนย์วิจัยเฉพาะกิจ ประตูข้างหน้าเปิดออกมาโดยนักวิจัย แต่ร่างเล็กๆ วิ่งปรี่ออกมาก่อน เขาอ้าแขนรอรับอย่างที่ทำเป็นประจำ
     
    ปะป๊าคะ!”
     
    เขาชะงักตัวแข็งจนลืมรับลียาที่กระโดดเข้ามา เด็กหญิงเกาะตัวเขาไม่อยู่หล่นลงไปนั่งกับพื้นที่ปลายเท้าของเขา
     
    โอ๊ย...ทำไมปะป๊าไม่รับลียา?
     
    ขอโทษ แต่...ทำไมเรียกฉันอย่างนั้นล่ะ?
     
    เขาก้มลงดึงลียาให้ยืนขึ้น แต่สมองยังทำงานด้วยความเร็วสูงเพื่อทำความเข้าใจ เมื่อวานนี้ยังเรียกเขาว่า เอ็กซ์ อยู่เลย
     
    ก็มะม้ารักปะป๊า ก็เลยต้องเป็นปะป๊า!”
     
    ...อย่างนี้นี่เอง ยูนิตเก็บข้อมูลนั่น...
     
    ...ปะป๊าไม่ชอบเหรอ?
     
    ...ฉันก็รักมะม้าของลียาเหมือนกัน
     
    [...]
     
    [.....]
     
    การพัฒนาของเนโออาร์คาเดียกำลังไปได้สวย วิกฤตพลังงานผ่านพ้นไปแล้ว ที่อยู่อาศัยก็ครบครัน วิทยาการการผลิตพลังงานที่โซเลย์คิดค้นขึ้นถูกใช้ใต้ดินในอันเดอร์อาร์คาเดียอย่างไม่มีที่ติ การบำบัดพื้นดินภายนอกและน้ำในมหาสมุทรก็เริ่มเห็นผล อีกไม่นานคงจะนำเซลล์พันธุกรรมปลาที่เก็บรักษาไว้ออกมาขยายพันธุ์ได้ ความเป็นอยู่ของเนโออาร์คาเดียมีแต่จะดีขึ้น
     
    ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และเรปลิลอยด์เองก็ไปในทางบวก เขาเริ่มจะมองเห็นเค้าลางของช่วงเวลาก่อนซิกม่าจะก่อกบฏ
     
    ในขณะนั้นเขาคิดจริงๆ ว่าโลกในฝันของเขากับซีโร่จะเป็นจริง
     
    [...]
     
    [.....]
     
    ขอโทษนะ ในที่สุดก็ไม่ทันจนได้
     
    ไม่เป็นไรค่ะปะป๊า ลียาเข้าใจ
     
    อีกหนึ่งเดือนลียาจะเข้ารับการผสมเทียมเช่นเดียวกับมารดา และรุ่นก่อนนั้น
     
    การวิจัยเพื่อรักษาอาการของลียาดำเนินไปได้ราว 50%  ในที่สุดก็สามารถระบุสาเหตุที่ชัดเจน ทว่ายังอีกไกลกว่าจะคิดค้นวิธีรักษาได้
     
    เขาแทบไม่อยากเชื่อว่าเวลาผ่านไปเร็วขนาดนี้ เด็กสาวผมสีทองนั่งเก้าอี้ในสวนตรงข้ามกับเขา รูปลักษณ์และความอัจฉริยะเหมือนกับแม่และยายราวกับแกะ นักวิจัยบางคนที่ได้พบกับทั้งสามรุ่นปฏิบัติราวกับเป็นคนคนเดียวกัน
     
    สำหรับคนอื่นอาจเห็นเป็นอย่างนั้น แต่สำหรับเขาทั้งสามเชื่อมด้วยสายสัมพันธ์แม่ลูก แต่ก็เพียงเท่านั้น เชลเป็นคนเยือกเย็น คิดด้วยเหตุและผลเป็นหลัก โซเลย์บางครั้งก็มีความใจร้อน น้อยใจง่าย ทะเยอทะยานในงานวิจัยมากกว่าแม่ ลียาเป็นคนร่าเริง เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ชอบอยู่ข้างนอกมากกว่าสองคนแรก
     
    ไม่ใช่แค่บุคลิกนิสัย รูปลักษณ์ของทั้งสามก็มีส่วนที่ต่างกัน เชลรูปร่างสูงที่สุดในแต่ละช่วงอายุ โซเลย์มีจมูกที่เล็กกว่าเชลเล็กน้อยแต่ดวงตาคมกว่า ลียาตัวเล็กที่สุดและมีใบหน้ากว้างกว่าอีกสองคนเล็กน้อย ทั้งเป็นคนเดียวที่สีผิวเข้มขึ้นจากการโดนแดดบ่อยๆ
     
    เสียงก็ต่างกันเล็กน้อยเช่นกัน เสียงของเชลค่อนไปทางเยือกเย็นทำให้ใจสงบ เสียงของโซเลย์แหลมและดังกว่าเล็กน้อย แฝงความกระด้างเล็กๆ ที่ทำให้คนฟังกลัวจะโดนดุ ลียาเป็นคนเสียงใส ซึ่งเข้ากับนิสัยร่าเริงและชอบร้องเพลง
     
    แต่เขายอมรับว่าทั้งสามคนมีสิ่งที่เหมือนกัน ก็คือความอ่อนโยนต่อผู้อื่น
     
    ทุกๆ ครั้งเขารู้สึกว่าไม่ถูกต้องที่คนเหล่านั้นค่อยๆ ถูกพรากไปจากโลกนี้ ภายในไม่ถึงหนึ่งปีเขาก็จะไม่ได้ยินเสียงหัวเราะของลียาอีกแล้ว
     
    เขาเก็บทุกอย่างไว้ข้างใน(สิบกว่าปีมานี้เขาชำนาญขึ้น ฝึกต่อไปอีกยี่สิบสามสิบปีคงไม่มีใครอ่านเขาได้หากเขาตั้งใจจริง) เพราะรู้ว่าลียาไม่ต้องการเห็นเขามีความทุกข์
     
    ว่าแต่ อย่างนี้ฉันก็จะเป็นคุณตาแล้วน่ะสิ รู้สึกแก่ยังไงก็ไม่รู้ เขาหัวเราะ และประหลาดใจเมื่อลียาเพียงแค่ยิ้ม
     
    วีย์จะไม่เรียกปะป๊าว่าคุณตาหรอกค่ะ และจะไม่รู้ด้วยว่าลียาเรียกเอ็กซ์ว่าปะป๊า
     
    เขาประหลาดใจ ทั้งเรื่องแรกและที่ลียาเรียกเขาด้วยชื่อ ครั้งสุดท้ายก็คือก่อนที่เขาจะส่งยูนิตเก็บข้อมูลให้
     
    วีย์คือ—ตั้งชื่อแล้วเหรอ แล้ว ทำไมล่ะ? ฉันแค่พูดเล่น ไม่ได้ไม่ชอบอะไรขนาดนั้น
     
    ลียาส่ายหน้า
     
    ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ ลียาแค่อยากให้เด็กคนนี้เลือกด้วยตัวเองว่าอยากให้ปะป๊าเป็นอะไร
     
    เขานิ่งงันขณะที่ความหมายที่แท้จริงของประโยคนั้นค่อยๆ กระจ่าง
     
    ลียาไม่รู้สึกโกรธมะม้า แล้วก็รู้สึกผิดด้วยที่ต้องลบความทรงจำของคุณยายกับมะม้า แต่ลียาไม่อยากให้วีย์ต้องสับสน ...ในที่สุดแล้วลียาก็เลือกความรู้สึกของมะม้า ถึงจะทรมานนิดหน่อยแต่ลียาก็ไม่เสียใจ เพราะยังไงปะป๊าก็รักลียา
     
    ...อา แน่นอนอยู่แล้ว แล้วฉันก็จะรักวีย์ด้วยเหมือนกัน
     
    ขอบคุณค่ะปะป๊า
     
    [...]
     
    [.....]
     
    เขากลับมาถึงห้องทำงานและตรงเข้าไปนั่งที่เก้าอี้
     
    วันนี้เป็นวันที่สามของวันหยุดครบรอบก่อตั้งเนโออาร์คาเดียปีที่ 55  เขาเพิ่งกลับจากไปพบกับมาริโน่ มาสซิโม่ ซินนามอน และนานะ เขายินดีที่ได้พบกับเพื่อนเก่า แม้จะมีหลายอย่างที่เขาไม่สามารถพูดด้วยได้
     
    เรื่องหนึ่งก็คือความกลุ้มใจที่มาริโน่ทำให้เขานึกถึง
     
    เมื่อคุณภาพชีวิตเริ่มมั่นคงและคนรุ่นใหม่กำเนิดขึ้นมาโดยไม่รู้จักโลกภายนอกก่อนสงครามเอลฟ์ กลุ่มที่มีความคิดเห็นแตกต่างก็เริ่มปรากฏตัวขึ้น กลุ่มผู้ที่ศึกษาประวัติศาสตร์และตัดสินว่าเรปลิลอยด์เป็นต้นเหตุและภัยต่อมนุษย์ จำนวนแรกเริ่มมีน้อย แต่เพราะมีอยู่ในทุกสายอาชีพ รวมทั้งอาชีพสื่อ ความคิดเช่นนี้ก็ขยายตัวอย่างช้าๆ แต่แน่นอน ขณะเดียวกันก็เป็นธรรมดาที่จะมีกลุ่มที่เกิดขึ้นเพื่อตอบโต้กลุ่มแรก
     
    เนโออาร์คาเดียเริ่มเผยรอยร้าวให้เห็นแก่สาธารณะเป็นครั้งแรกหลังจากตั้งมาได้สี่สิบปี แต่สำหรับเขา รอยร้าวนั้นมีอยู่ตั้งแต่วินาทีแรกที่อาณาจักรก่อตั้งขึ้นแล้ว
     
    บันทึกภาพที่มาริโน่ให้ทุกคนดูทำให้เขานึกถึงความผิดพลาดครั้งหนึ่งในหลายๆ ครั้งของเขาที่เก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่ สิ่งที่เขาแสดงออกสื่อทำให้รอยร้าวลึกขึ้น
     
    และการที่เพื่อนของเขาบอกว่าเขาทำถูกแล้วนั้นก็ยิ่งเป็นหลักฐานของรอยร้าวระหว่างมนุษย์กับเรปลิลอยด์
     
    บางครั้งเขารู้สึกว่ามีเขาเพียงคนเดียวที่ต้องการโลกของมนุษย์และเรปลิลอยด์
     
    ...แต่เขายอมแพ้ไม่ได้ เขามีสัญญากับซีโร่และเพื่อนคนอื่นๆ
     
    ...เขายอมแพ้ไม่ได้
     
    [...]
     
    [.....]
     
    ฟื้นแล้วเหรอ
     
    วีย์ลืมตาขึ้นบนเตียงสีขาว แต่ยังสะลึมสะลือ ดวงตากึ่งปิดกึ่งเปิดเลื่อนมามองเขา
     
    เป็นยังไงบ้าง?
     
    การปลูกถ่ายสำเร็จด้วยดี เขาทวนคำของแพทย์ที่บอกเขาก่อนเข้ามาในห้อง
     
    งั้นเหรอ...
     
    วีย์กลับไปมองเพดาน
     
    ดูไม่ค่อยดีใจเลย โครงการที่คุณยายของเธอเป็นคนเริ่มสำเร็จในรุ่นของเธอ เท่านี้ คำสาปก็ใกล้จะจบลงแล้ว
     
    ฉันดีใจ แต่ว่า...ลูกของฉันยังต้องรับคำสาปต่อเป็นคนสุดท้าย...
     
    ...พวกเราทำดีที่สุดแล้ว
     
    โครงการที่เริ่มจากโซเลย์ สานต่อด้วยลียา และมาสำเร็จด้วยความสามารถวีย์นี้ก็คือโครงการแก้ไขข้อบกพร่องในสายเลือดของเชลอันเป็นผลจากโปรเจค PAUPE  ในที่สุดวีย์ก็คิดค้นสเต็มเซลล์ที่สามารถซ่อมแซมความบกพร่องในระบบสืบพันธุ์ได้ เด็กที่เกิดจากระบบสืบพันธุ์หลังจากได้รับการซ่อมแซมจะไม่มีอายุขัยที่สั้นลง จะไม่เสียชีวิตจากการคลอดบุตร สามารถใช้ชีวิตเป็นปกติได้โดยที่ไม่เสียสติปัญญาที่เป็นเลิศไป
     
    เพียงแต่ว่าผู้ที่จะได้รับผลนี้ไม่ใช่ผู้ที่รับการปลูกถ่าย แต่เป็นบุตร หมายความว่าบุตรที่เกิดจากวีย์จะยังคงมีร่างกายที่มีอายุขัย 25 ปีและเสียชีวิตเมื่อให้กำเนิดบุตร แต่บุตรที่เกิดหลังจากนั้นจะเป็นปกติ
     
    ฉันตั้งใจจะทำให้มันจบในรุ่นของฉัน...แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้
     
    แต่เธอก็ทำให้จบลงได้ อย่างน้อยก็มีจุดสิ้นสุดแล้ว
     
    เธอไม่เข้าใจหรอกเอ็กซ์...ความรู้สึกของคนที่รู้ว่าลูกจะเกิดมามีเวลาอันแสนสั้น หลายสิ่งที่เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนอื่นแต่ลูกของฉันทำไม่ได้ ทั้งที่รู้อย่างนั้นแต่ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องให้กำเนิดลูกคนนั้น
     
    วีย์ก็เหมือนกับรุ่นก่อนหน้า มีความรู้สึกว่าความหวังของมารดาถ่ายทอดมาที่ตัวเอง และอยากที่จะถ่ายทอดต่อไป
     
    หญิงสาวเหล่านี้คือผู้ช่วยเหลือเนโออาร์คาเดียที่แท้จริง  [อีเดนโดม] ที่ครอบเนโออาร์คาเดียอยู่ในขณะนี้ ป้องกันภัยจากภายนอกและบำรุงความเป็นอยู่ของผู้ที่อยู่ภายในก็เป็นผลรวมของผลงานแต่ละรุ่น แม้จะมีหลายคนที่ไม่รู้จัก แม้จะถูกลืมไป แต่เขารู้และจำได้เสมอ
     
    ฉันขอโทษ...แต่ฉันอยากให้เธอคิดว่าอย่างน้อยเมื่อลูกของเธอมีลูกก็จะไม่ต้องรู้สึกเป็นทุกข์เหมือนกับเธอ ฉันรู้ว่าลูกของเธอเองก็จะเป็นคนอ่อนโยนที่มีความสุขเพียงแค่รู้ว่าลูกของตัวเองจะเกิดมาแข็งแรง
     
    วีย์ยังคงจ้องมองเพดาน ก่อนจะพึมพำโดยไม่ละสายตา
     
    จริงสินะ...
     
    [...]
     
    [.....]
     
    ไง! มาเยี่ยมจ้า! ท่านผู้นำของเราสบายดิ—หะ หา?
     
    เขาเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงทักทาย ดวงตาของเขาเบิกกว้างมองมาริโน่ ซึ่งก็มองมาที่เขาตาโตเช่นเดียวกัน
     
    มาริโน่!? เธอเข้ามาได้ยังไง ที่นี่เขตหวงห้ามนะ!”
     
    อะไรกัน บ้านของนายแท้ๆ จะหวงห้ามเพื่อนอย่างฉันด้วยเหรอ
     
    คนที่ตัดสินใจว่าห้ามใครไม่ห้ามใครไม่ใช่ฉันน่ะสิ...
     
    ขณะนี้เขานั่งอยู่กับโซฟาในบ้านส่วนตัวของผู้นำ สร้างขึ้นหลังครบรอบห้าสิบปีเนโออาร์คาเดีย เป็นอาคารสองชั้นหลังเล็กๆ ในเขตราชการใกล้กับใจกลางเนโออาร์คาเดีย ตามที่เขาขอ จุดประสงค์เพื่อให้ใครที่ต้องการมาพบกับเขานอกเหนือจากเรื่องงานจะได้มีสถานที่ที่เป็นส่วนตัว
     
    เว้นแต่ว่าฝ่ายความมั่นคงไม่เห็นด้วยกับเขา และประกาศว่าเมื่ออยู่ในเขตราชการก็เป็นเขตหวงห้าม เท่ากับว่าเป็นการปิดกั้นการมาเยี่ยมด้วยอัธยาศัยไปโดยปริยาย เขาต้องเชิญเป็นการเจาะจงหากใครจะเข้ามาได้ ซึ่งเขาก็ไม่สามารถทำได้บ่อยๆ
     
    นี่ถ้าใครเห็นเธอเข้าล่ะก็เรื่องใหญ่นะ
     
    โธ่เอ๊ย การรักษาความปลอดภัยที่นี่กระจอกจะตายไป นายน่ะก็หัดกวดขันพวกเหลาะแหละนี่บ้างนะ
     
    นอกจากเธอจะมีซักกี่คนที่ทำได้และกล้าเข้ามาถึงบ้านฉัน...
     
    นั่นสินะ ฮะๆ! ...ว่าแต่ฉันสงสัยจริงๆ  ยัยแก้มยุ้ยนั่นคือ?
     
    เขามองตามนิ้วของมาริโน่ลงมาที่แทร์ซึ่งหลับหนุนตักเขาอยู่
     
    เขาจะอธิบายว่าอย่างไรดี
     
    เอ่อ...ลูกสาวของคนรู้จักน่ะ...เป็นเจ้าหน้าที่ในเขตราชการนี่ล่ะ เขาพูดความจริง
     
    หา? เจ้าหน้าที่ที่ไหนกล้าฝากลูกให้ท่านผู้นำเลี้ยงเนี่ย?
     
    เพื่อนกันน่ะ เธอคงไม่คิดว่าฉันอยู่ที่นี่มาตั้งเจ็ดสิบปีโดยไม่มีเพื่อนเลยหรอกนะ
     
    ก็เปล่า ...แต่ไม่คิดว่านายจะมีเพื่อนเป็นมนุษย์ด้วย
     
    มาริโน่ทำให้เขานึกถึงปัญหาที่กำลังก่อตัวอีกจนได้ ...ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เข้าใจมุมมอง แต่ว่า...
     
    เอาเหอะ ฉันไม่ได้ว่าอะไร วันนี้ฉันแค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศมาแจ้งสถานที่นัดพบปีนี้ด้วยตัวเอง เอ้าเอาไป
     
    ให้เป็นกระดาษเลยเหรอ
     
    บอกแล้วว่าเปลี่ยนบรรยากาศ ก็อยากจะอยู่คุยด้วยอยู่ แต่ถ้ายัยแก้มยุ้ยตื่นมาเห็นฉันจะแย่ งั้นฉันไปล่ะนะ
     
    อา ...ขาออกไปอย่าให้ใครเห็นล่ะ
     
    ไม่ต้องห่วง คิดว่าฉันเป็นใคร?
     
    มาริโน่มุดกลับเข้าช่องปรับอากาศที่มาทีแรก แล้วเสียงก็เงียบไป
     
    เขาก้มลงมองกระดาษซึ่งเขียนที่นัดพบเอาไว้...ด้วยลายมือที่แย่จนเกือบอ่านไม่ออก
     
    ...เขาไม่รู้ว่าควรจะไปดีหรือเปล่า ครั้งก่อนก็คิดแบบนี้แต่สุดท้ายแล้วก็ไปอยู่ดี
     
    เขามีความสุขที่ได้พบกับเพื่อนเก่าจากยุคก่อน คนที่ยังจำโลกก่อนสงครามเอลฟ์ได้ แต่ทุกครั้งที่ได้พบก็ทำให้เขานึกถึงสิ่งที่ทำให้อึดอัด
     
    ทุกวันนี้เขาเริ่มสงสัยว่าเขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่ ในทีแรกเขาคิดจริงๆ ว่าเนโออาร์คาเดียอาจเป็นโลกที่เขากับซีโร่ฝันไว้ แต่ช่วงยี่สิบปีมานี้เขาเริ่มรู้สึกว่ามีอะไรขาดหายไป เขารู้สึกว่าสิ่งที่เขากำลังพยายามอยู่มันไม่มีประโยชน์ ไม่มีผลใดๆ
     
    เขาไม่แน่ใจว่าเขายังจำสัญญาที่ให้ไว้กับซีโร่ได้อยู่จริงหรือเปล่าด้วยซ้ำ หรือจำได้เพียงคำพูด ส่วนความรู้สึกลืมเลือนไปแล้ว
     
    ร่างที่อยู่บนตักเขาพลิกตัวขึ้นนอนหงาย ก่อนจะยกมือขึ้นขยี้ตา
     
    ตื่นแล้วเหรอแทร์
     
    ศีรษะเล็กๆ พยายามขยับบอก แต่เพราะอยู่ในท่านอนจึงออกมาไม่เหมือนพยักหน้า
     
    เขาจับมือเล็กๆ ที่ชูขึ้นและช่วยดึงให้ลุกขึ้นนั่งบนตัก
     
    นี่ก็เย็นแล้ว เดี๋ยวฉันไปส่งที่บ้าน
     
    ...วันนี้ขอนอนกับเอ็กซ์ไม่ได้เหรอ?
     
    เมื่อวานก็นอนด้วยกันไปแล้ว เดี๋ยวคุณน้าที่บ้านจะโมโหฉันเอา เอาไว้ครั้งหน้าก็แล้วกัน นะ
     
    ทุกวันนี้เขาสับสนว่าเป้าหมายของเขาคงเดิมตลอดเจ็ดสิบปีที่ผ่านมาหรือไม่ คำสัญญาที่ให้ไว้กับเพื่อนรักและคนสำคัญมีพลังแรงกล้า แต่เขารู้สึกลำบากเหลือเกินที่จะจดจำไว้หลังจากเวลาผ่านไปนานเพียงนี้
     
    แต่อย่างน้อยก็ยังมีร่างเล็กๆ บนตักของเขาที่เป็นเหตุผลให้เขาพยายามต่อไปได้ ทุกวันนี้เขารู้สึกว่าตัวเองพยายามเพื่อแทร์มากกว่าเพื่อความฝันเดิมเสียอีก
     
    เขารู้สึกว่าแบบนั้นก็ไม่เห็นเป็นไร
     
    [...]
     
    [.....]
     
    การผนึกดาร์คเอลฟ์ครั้งที่ 18...ล้มเหลวครับ...
     
    ...กักตัวไว้ตามเดิม รอจนกว่าจะมีคำสั่งครั้งต่อไป
     
    ครับ
     
    เขาเดินออกมาจากห้องควบคุม หันหลังให้ภาพของต้นไม้จำลองต้นใหญ่
     
    ในปีที่ 81 ของอาณาจักรเนโออาร์คาเดีย กรงหลังที่หกที่ใช้ขังดาร์คเอลฟ์ส่งสัญญาณว่าใกล้จะถึงขีดจำกัด พลังของดาร์คเอลฟ์ยิ่งใหญ่นัก ไม่มีสิ่งใดที่สามารถสะกดไว้ได้ตลอดไป ทั้งพลังก็เติบโตขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป ราวกับเพื่อตอบโต้สิ่งที่กักขังตัวเองเอาไว้ กรงหลังแรกสะกดดาร์คเอลฟ์ไว้ได้ถึง 25 ปี หลังที่ห้าได้ 8 ปี หลังทีหกได้เพียง 3 ปีก็ใกล้จะถึงขีดจำกัด รัฐบาลจำเป็นต้องหาวิธีที่ถาวรกว่านี้ กำจัด หรือผนึกที่ไม่สามารถทำลายจากข้างในได้
     
    แทร์เริ่มโปรเจคยุกดราซิล กรงทรงต้นไม้ที่จะผนึกดาร์คเอลฟ์ไว้ด้วยระบบอันซับซ้อนที่จะสามารถผนึกกิจกรรมของดาร์คเอลฟ์ไว้ได้โดยสิ้นเชิง ไม่เติบโตเข้มแข็งขึ้นอีก โดยทฤษฎีแล้วสามารถทำได้ ทว่าเมื่อเริ่มการปฏิบัติก็พบปัญหาหนึ่งข้อ
     
    การจะบังคับดาร์คเอลฟ์ให้อยู่กับที่จนกว่าผนึกจะเสร็จสิ้นนั้นต้องใช้พลังงานมหาศาล มิฉะนั้นแล้วการผนึกก็จะล้มเหลวก่อนที่ระบบจะทันได้สะกดดาร์คเอลฟ์ แม้แต่เครื่องผลิตพลังงานที่พัฒนาโดยด็อกเตอร์โซเลย์ที่กล่าวกันว่าสมบูรณ์แบบเนื่องจากยังไม่มีผู้ใดสร้างสิ่งที่เหนือกว่าออกมาได้ก็ยังด้อยอยู่ก้าวหนึ่ง
     
    การผนึกดาร์คเอลฟ์ล้มเหลวทั้งหมด 18 ครั้ง เสียพลังงานไปมากมาย ในที่สุดสภาที่ปรึกษาก็เสนอวิธีการที่จะได้พลังงานนั้นมา...
     
    เอ็กซ์ก้าวออกจากห้องประชุมเป็นคนสุดท้าย ไม่มีใครอยู่ในรัศมีที่เขามองเห็น
     
    การจะผนึกดาร์คเอลฟ์ เครื่องกำเนิดพลังงานนั้นต้องสามารถเพิ่มอัตราการปล่อยพลังงานได้อย่างฉับพลันแต่ละครั้งที่ดาร์คเอลฟ์พยายามหลบหนี และต้องเป็นปริมาณมหาศาลพอจะสะกดดาร์คเอลฟ์ไว้ได้ชั่วขณะหนึ่ง จากการวิเคราะห์ของเรา หากสามารถทำได้ติดต่อกันสิบห้าครั้งจะยื้อเวลาพอให้ผนึกทำงานได้อย่างสมบูรณ์
     
    คำอธิบายของชายหนุ่มผู้เสนอวิธีการ ผู้ซึ่ง เชื่อหรือไม่ เป็นทายาทของคนเดียวกับที่เสนอโปรเจค PAUPE เมื่อแปดสิบห้าปีก่อน เขายังไม่อยากเชื่อว่าจะสืบสายอำนาจมาได้ถึงขนาดนี้ จริงอยู่ที่ไม่ได้ต่อเนื่อง มีบางรุ่นที่หลุดโผบ้าง แต่ก็น่าทึ่ง
     
    เป็นที่น่าเสียดายที่สิ่งที่ให้กำเนิดพลังงานได้ถึงขนาดนั้นไม่มีอยู่ในโลกของเรา...เว้นแต่เพียงสิ่งเดียว เรปลิลอยด์ที่ระบบออกแบบมาให้มีศักยภาพไร้ขอบเขต ที่สามารถพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดเพื่อต่อกรกับคู่ต่อสู้ที่เหนือกว่าได้
     
    และ เชื่อหรือไม่ สิ่งที่ทายาทเสนอมาก็ทำให้เขาต้องกลุ้มใจกับการต้องเสียสิ่งที่สำคัญกับตัวเองไปเช่นเดียวกับบรรพบุรุษไม่มีผิด ในกรณีนี้คือตัวของเขาเอง
     
    สรุปก็คือ สิ่งที่จะผนึกดาร์คเอลฟ์...ก็คือฉัน อย่างนั้นล่ะสินะ
     
    จากสีหน้าของผู้ที่ร่วมประชุม มีแค่ห้าคนฝั่งเรปลิลอยด์เท่านั้นที่ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน
     
    พวกเราเสียใจ แต่หากไม่พบทางใหม่มีทางนั้นเพียงทางเดียว
     
    เขาไม่รู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังทำอะไร จนกระทั่งก้าวผ่านประตูเข้ามาพบกับต้นไม้ที่สูงจรดเพดานกว่าสิบเมตร ผนังสีน้ำเงินเทาที่ล้อมรอบมีแสงสีเขียววิ่งตามเส้นวงจรในความมืด
     
    เขาแหงนหน้ามอง ใบ ของยุกดราซิลที่ราวกับแผ่ชีวิตออกมาทางแสงจางๆ
     
    เขาครุ่นคิด เรื่องเนโออาร์คาเดีย เรื่องเชลและทายาท เรื่องมนุษย์และเรปลิลอยด์ เรื่องโลกภายนอก อดีต ปัจจุบัน และอนาคต
     
    เขาคิดถึงแปดสิบกว่าปีที่ผ่านมาของการเป็นผู้นำโลกใหม่ ถึงเส้นทางที่เขานำโลกมา
     
    หลังจากแหล่งขุดผลึกเอเนอร์เจนสามแหล่งหมดลงพร้อมกันและไม่สามารถหาแหล่งใหม่ได้ ทำให้เนโออาร์คาเดียเผชิญกับวิกฤตพลังงานครั้งแรกในรอบหกสิบห้าปี ทางการต้องออกนโยบายประหยัดพลังงาน
     
    ตั้งแต่นั้นกลุ่มต่อต้านเรปลิลอยด์ก็มีผู้สนับสนุนเพิ่มขึ้นทุกวัน เรียกร้องขอให้เห็นแก่ความจำเป็นของมนุษย์ก่อนจนกว่าวิกฤตจะผ่านพ้นไป ด้วยเหตุผลว่ามนุษย์ไม่สามารถปิดการทำงานไปแล้วเปิดใหม่ทีหลังได้ เป็นธรรมดาที่จะมีกลุ่มเรปลิลอยด์ที่ออกมาคัดค้านความคิดเช่นนั้น
     
    วิกฤตพลังงานดังกล่าวยังเป็นเหตุผลที่จำเป็นต้องผนึกดาร์คเอลฟ์ให้ได้ตอนนี้ ก่อนจะไม่เหลือพลังงานให้สามารถทำได้อีก
     
    ว่าตามหลักเหตุและผล ข้อเรียกร้องของฝ่ายมนุษย์ไม่ถือว่าผิด เป็นทางที่ดีที่สุดในด้านของประสิทธิภาพก็ว่าได้ แต่ทางที่ดีกับทางที่ถูกต้องไม่ได้ไปพร้อมกันเสมอ ทางที่ถูกต้องสำหรับเนโออาร์คาเดียที่เขาวาดภาพไว้ในวันแรกไม่ใช่การสละฝ่ายหนึ่งเพื่ออีกฝ่ายหนึ่ง
     
    เขารู้ว่าสาเหตุที่แท้จริงคืออะไร มนุษย์และเรปลิลอยด์ต้องการโลกภายนอก แม้พวกเขาเองจะไม่รู้ตัว โลกภายนอกที่สูญเสียไปในรุ่นของบรรพบุรุษ โลกที่พวกเขาไม่มีโอกาสได้เห็น
     
    เนโออาร์คาเดียเปรียบเสมือนสวรรค์เล็กๆ ที่ความฝันของพวกเขาเป็นจริง ทว่าเมื่อซากปรักหักพังยังแผ่กว้างอยู่ภายนอก สวรรค์แห่งนี้ก็เป็นไม่ได้มากกว่าความฝัน แค่ภาพลวงตาที่ช่วยปลอบประโลมความเจ็บปวด แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงที่อยู่ภายนอกได้ และขณะนี้ผู้ที่อยู่ในภวังค์ความฝันก็เริ่มที่จะตื่นขึ้นแล้ว
     
    ความพยายามฟื้นฟูเป็นไปอย่างเต็มที่ ทว่าด้วยอัตราการก้าวหน้าเท่านี้แม้ผ่านไปอีกหนึ่งพันปีก็อาจทำได้เพียงสร้างเนโออาร์คาเดียแห่งที่สองเท่านั้น ตราบเท่าที่ธรรมชาติที่แท้จริงยังสูญหายจากโลกก็มีน้อยนักที่พวกเขาสามารถทำได้
     
    เนโออาร์คาเดียดำเนินมาได้ 85 ปี และพบกับทางตันในที่สุด อุปสรรคที่ไม่อาจข้ามได้
     
    เขา...เขาเป็นคนนำมาซึ่งผลลัพธ์นี้ ทุกๆ คนที่อยู่ข้างนอกนั้นตามการนำของเขา
     
    ซีโร่ เอเลีย พาเล็ท แอ็กเซล เลเยอร์ ซิกนัส ทุกคนเสียสละตัวเอง ฝากความหวังและความเชื่อไว้กับเขา
     
    เขาไม่สามารถตอบสนองความเชื่อนั้นได้ ใช้เวลา 85 ปี ในที่สุดเขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงได้ เพียงแต่มอบภาพลวงตาให้กับผู้คนเท่านั้น
     
    พลังมหาศาลที่มีอยู่ในตัว ไม่ว่าต่อสู้กับใครก็ไม่มีทางแพ้ แต่มันช่วยอะไรโลกใบนี้ไม่ได้เลย
     
    เขามองยุกดราซิลที่เปล่งแสงจางๆ  และพึมพำเบาๆ
     
    ใครซักคน...บอกฉันที...
     
    เสียงของเขากังวานในห้องที่ว่างเปล่า
     
    ถ้าร่างกายนี้กลายเป็นผนึกให้กับดาร์คเอลฟ์ ถ้าตัวฉันหายไปแล้ว ทุกสิ่งที่ผิดพลาดไปจะกลับมาถูกต้องอีกครั้งรึเปล่า...
     
    ถ้าสามารถแลกชีวิตของเขากับทุกคนที่เสียสละเพราะเชื่อในความฝันของเขาได้ เขายินดีจะแลก เพื่อที่จะไม่ต้องทนกับความทรมาน เมื่อรู้ว่าเขากำลังจะทำให้การเสียสละของคนเหล่านั้นสูญเปล่า
     
    ...เขาไม่รู้ว่าเขาหวังอะไรอยู่ แต่แน่นอนว่าต้นไม้เปล่าๆ ไม่สามารถบอกสิ่งที่เขาต้องการได้
     
    เขาไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูด้านหลัง จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียกชื่อ
     
    เอ็กซ์...
     
    แทร์...เขาหันกลับไปหาเด็กสาวผมสีทอง
     
    หอคอยที่มียุกดราซิลอยู่เป็นเขตหวงห้ามแม้แต่กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุด แทร์อาจจะเข้ามาได้ด้วยอภิสิทธิ์ที่เป็นผู้คิดค้น
     
    เธอมาคนเดียวเหรอ อันตรายนะ
     
    เขาสื่อโดยการมองท้องที่กลมโตของแทร์ อีกเพียงแค่สองสัปดาห์ก็จะถึงกำหนดคลอดแล้ว ที่สำคัญแพทย์บอกว่าเด็กที่เกิดมาคราวนี้อาจไม่สามารถคาดเดาเวลาได้อย่างแม่นยำเหมือนที่ผ่านมา เนื่องจากการปรับปรุงของสเต็มเซลล์เมื่อสองรุ่นก่อน
     
    แทร์บอกว่าจะตั้งชื่อเด็กที่เกิดมาตามชื่อบรรพบุรุษรุ่นแรกที่นำสายเลือดนี้เข้าสู่คำสาปโดยไม่รู้ตัว เพื่อให้สายเลือดได้เริ่มต้นใหม่โดยไร้คำสาปนั้น
     
    แทร์เดินเข้ามาใกล้เขา ตอนนั้นเองเขาจึงสังเกตเห็นสิ่งที่แทร์ถืออยู่
     
    เป็นช่อดอกกุหลาบที่มีกลีบสีเหลืองและสีชมพูอ่อน
     
    เป็นอีกหนึ่งโครงการของวีย์ที่เชี่ยวชาญด้านชีววิทยา การปลูกพืชขนาดเล็กจากเซลล์ที่เก็บรักษาไว้ เป็นที่คาดว่าจะสามารถพัฒนาไปยังพืชขนาดใหญ่ได้ ทว่าในวิกฤตพลังงานเช่นนี้โครงการย่อมหยุดชะงัก
     
    นี่คือ... เขารับช่อดอกไม้มา ในใจก็คิดว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับแทร์ผู้มีลักษณะความเป็นแม่แจ่มชัดที่สุดในห้ารุ่นที่เขารู้จัก
     
    โรซ่า มาดาม อองตวน เมยอง(Rosa Madame Antoine Meilland) เป็นกุหลาบพันธุ์ผสม ...อีกชื่อคือ สันติสุข (Peace)
     
    สันติสุข... เขาพึมพำพลางจ้องมองช่อดอกไม้ที่ถืออยู่
     
    สันติสุข...นานเพียงใดแล้วที่เขาไม่ได้ยินคำนั้น ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงผู้ประกาศข่าว ทุกครั้งที่ได้ยินคำปราศรัยสุนทรพจน์ ทุกครั้งที่เขาเป็นคนกล่าวออกมา มันเป็นเพียงคำที่มีเสียงคล้ายกัน แต่ไร้ซึ่งความหมาย
     
    คำคำนั้นสูญหายไปโดยที่เขาไม่รู้ตัว
     
    เขาหันกลับไปมองยุกดราซิล และครุ่นคิดถึงคำคำเดียวนี้
     
    สิ่งที่เขากำลังทำอยู่นี้เป็นเพื่อคำคำนั้นหรือเปล่า สิ่งที่เขาทำมาจนถึงทุกวันนี้ สิ่งที่เขาจะทำต่อไปจากนี้
     
    มันมีคำว่า สันติสุข ที่เขา ซีโร่ และแอ็กเซลเคยพูดไว้ในวันที่จับมือกันเมื่อร้อยปีก่อนอยู่ด้วยหรือเปล่า
     
    เอ็กซ์...เธอจะทำยังไง?
     
    ...ฉันก็ยังไม่รู้ ฉันรู้ว่าจำเป็นต้องผนึกดาร์คเอลฟ์ แต่ว่า...ฉันก็อยากจะเห็นวันที่สันติสุขที่แท้จริงมาถึง แทนเพื่อนของฉันที่ไม่มีโอกาส
     
    งั้นเหรอ...
     
    เสียงของแทร์เต็มไปด้วยความขัดแย้งและความสับสน แทร์อาจจะมาเพื่อขอคำปรึกษาจากเขาในเรื่องสักเรื่อง แต่เขาดันเป็นฝ่ายปรับทุกข์ด้วยเสียเอง
     
    แทร์ เธอมี—
     
    เขาก้มลง มองปลายดาบพลังงานสีเขียวที่โผล่ออกมาจากท้อง และมองมันค่อยๆ ถอยกลับไป
     
    เขารู้สึกว่าพลังงานถูกสูบออกไปอย่างช้าๆ  การเคลื่อนไหวของเขาช้ากว่าที่ตั้งใจ เขาพยายามหันตัวกลับไปเพื่อหาคำตอบ
     
    สิ่งที่อยู่ในมือของแทร์คือดาบพลังงานสีเขียว เล่มเดียวกับที่ซีโร่มอบให้เขา เล่มเดียวกับที่เขามอบให้โซเลย์เป็นของขวัญวันเกิดครบสิบสองปี เล่มเดียวกับที่โซเลย์มักจะนำมาอวดเขาทุกๆ ครั้งที่ปรับปรุงใหม่
     
    เขาทำไม่ได้แม้แต่พูด มองภาพอันแปลกประหลาดที่เขาไม่เข้าใจ ราวกับอยู่ในความฝัน
     
    ประตูห้องเปิดขึ้น กลุ่มคนในชุดรบกว่ายี่สิบคนกรูกันเข้ามาในห้องและตั้งเป็นสองแถว แถวหน้าถือโล่ป้องกันอาวุธพลังงาน แถวหลังยกปืนไรเฟิลพลังงานขึ้นเล็ง
     
    ชายหนุ่มอีกคนเดินเข้ามาในห้อง ชายผู้เสนอทางเลือกพลังงานในการผนึกดาร์คเอลฟ์ ชายผู้นั้นส่งรอยยิ้มมาที่เขา
     
    ด็อกเตอร์แทร์ ขอบคุณคุณมาก กรุณาถอยไปด้วย ผมไม่อยากให้คุณกับลูกในท้องถูกลูกหลง เห็นอย่างนี้ผมก็เป็นคนรักษาคำพูด
     
    แทร์ปิดดาบพลังงานและวิ่งออกไปโดยไม่หันมามองเขา
     
    ...คุณคิดจะทำอะไร ใจหนึ่งเขารู้สึกดีใจที่ชายคนนี้เข้ามา เขาพูดกับชายคนนี้ได้ง่ายกว่าแทร์
     
    ...ดีใจทั้งที่ตัวเองอยู่ในสภาพนี้ เขาไม่เข้าใจความคิดของตัวเองเลย ความเสียหายจะส่งถึงสมองของเขาเร็วเกินไปหน่อยแล้ว
     
    ไม่มีอะไร นอกจากยึดหลักความถูกต้องของตระกูลผม นั่นคือปกป้องโลก เพื่อการนั้น แม้จะน่าเศร้า แต่พวกเราคงต้องขอให้ท่านเอ็กซ์เสียสละร่างกายอันสูงส่งของท่าน เพื่อชาวเนโออาร์คาเดียที่ท่านรัก ชายหนุ่มยกมือขึ้น
     
    อย่าลืมล่ะ เล็งที่แขนกับขาเท่านั้น ถ้าถูกยูนิตกำเนิดพลังงานไปก็ไม่มีประโยชน์ เอ้า ยิง
     
    กระสุนนัดแรกมาถึงตัวเขาก่อนที่เขาจะเข้าใจคำพูดของชายหนุ่ม ช่อดอกไม่ที่เขาถือลอยขึ้นไปในอากาศ สลัดกลีบกระจายจากแรงของกระสุนปืน
     
    นัดที่สองและสามตามมา ในที่สุดเขาก็ไม่อาจนับได้
     
    แรงปะทะทำให้เท้าของเขาลอยขึ้นจากพื้น ขณะที่หลังและศีรษะของเขาหล่นลงในทิศตรงข้าม
     
    ในวินาทีนั้นสิ่งที่อยู่ในความคิดของเขาไม่ใช่ความเจ็บปวด แต่เป็นภาพในอดีต
     
    ภาพของการต่อสู้
     
    ภาพของการทำลายล้าง
     
    ภาพของเพื่อนที่สูญเสียไป
     
    ภาพของสัญญาที่ทำไว้
     
    ภาพแล้วภาพเล่าผ่านไป จนกระทั่งมาถึงปัจจุบัน ภาพที่เห็นอยู่ในขณะนี้ ภาพของมนุษย์
     
    เมื่อหลังเขาถึงพื้น กลีบของดอกไม้ที่ชื่อ สันติสุข ร่วงหล่นลงบนร่างของเขา เขาก็เข้าใจ
     
    ความฝันของเขาไม่มีวันเป็นจริง ความฝันที่ซีโร่สละชีวิตเพื่อให้เขาสานต่อไม่มีวันมาถึง
     
    สองร้อยปีที่เขาต่อสู้มา โลกที่มนุษย์กับเรปลิลอยด์อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข
     
    มันก็เป็นได้แค่ความฝัน
     
    ...
     
    พาไปเข้าเครื่อง
     
    [...]
     
    [.....]
     
    ประตูห้องที่ต้นไม้ต้นใหญ่สถิตอยู่เปิดขึ้น ชายในชุดทหารคนหนึ่งเดินเข้ามา สายตากวาดไปมาบนพื้น
     
    ไปอยู่ไหนนะ ไม่เห็นมีเลย...
     
    หลังจากมองหาอยู่ครู่หนึ่ง ชายในชุดทหารก็ถอดใจและเดินกลับออกไป
     
    ทำหล่นอยู่ในนี้จริงๆ รึเปล่าเถอะ ไม่ใช่ถือไปด้วยแล้วลืมเหรอ...ว่าแต่จะสนใจอะไรกับดาบเก่าคร่ำครึเล่มเดียว วู้~...รีบไปดีกว่า อยู่ในนี้แล้วขนลุก อย่ามาหลอกหลอนผมนะคร้าบ ท่านเอ็กซ์ ผมแค่ทำตามคำสั่ง
     
    ประตูปิดตามหลังชายในชุดทหาร จากนั้นภายในห้องก็ตกสู่ความเงียบ
     
    ชายในชุดทหารไม่รู้ ผู้ที่เขารับคำสั่งมาก็ไม่รู้ สิ่งที่เขามองหานั้นวางอยู่บนยอดของกรงรูปต้นไม้ ใต้ดวงแสงสีรุ้งที่มองเห็นเขาตลอดเวลา
     
    [...]
     
    [.....]
     
    เขาหลับอยู่ แต่เขาก็ตื่นอยู่
     
    เขาไม่ได้มอง แต่เห็นทุกสิ่ง ไม่ได้ยิน แต่รู้ทุกอย่าง
     
    บนหอคอยที่อยู่ใจกลางที่ลึกที่สุดของเนโออาร์คาเดียแห่งนี้ ข้อมูลทั้งหมดอยู่เพียงแค่เอื้อมของเขา
     
    เขารู้ว่ารัฐบาลมนุษย์ปกปิดเรื่องที่เขากลายเป็นผนึกให้กับดาร์คเอลฟ์ เขารู้เรื่องที่รัฐบาลมนุษย์ถูกก่อตั้งขึ้นหลังจากใช้อำนาจกดดันขับไล่สมาชิกเรปลิลอยด์ออกไปจากสภาที่ปรึกษา เขารู้เรื่องที่มนุษย์ในสภาแต่ละคนค่อยๆ เข้ายึดครองอำนาจภายในหน่วยงานรัฐบาล ปลดเรปลิลอยด์ที่ไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจ ใส่หุ่นเชิดและผู้สนับสนุนตัวเองเข้าไปแทน เขารู้เรื่องที่รัฐบาลนำข้อมูลของเหตุการณ์ในอดีตทั้งหมดไปทิ้งไว้ในห้องสมุดที่กำลังจะจม เรื่องของสงครามเอลฟ์ เรื่องของโปรเจคเอลปิส เรื่องของด็อกเตอร์ไวล์ เรื่องของโอเมก้า หายไปกับหน้าประวัติศาสตร์
     
    เขารู้เรื่องที่แทร์ให้กำเนิดลูกสาวที่สุขภาพแข็งแรง เขารู้ว่าแทร์ตั้งชื่อลูกสาวตามที่พูดกับเขาไว้ เขารู้เรื่องที่รัฐบาลทำลายยูนิตเก็บข้อมูลของแทร์ทิ้งเพื่อไม่ให้ลูกสาวมีโอกาสได้รับรู้เรื่องในอดีต เขารู้เรื่องที่รัฐบาลบังคับให้เด็กผู้หญิงคนนั้นสร้างร่างก็อปปี้ของเขาขึ้นตั้งแต่อายุเพียงแค่หกขวบ เขารู้เรื่องที่เมื่อร่างก็อปปี้ของเขาเสร็จสมบูรณ์ในสามปีถัดมา วิทยาการเดียวกันนั้นก็ถูกนำไปสร้างเรปลิลอยด์สีตัว ใช้ชิ้นส่วนทั้งสี่ที่แยกจากดวงวิญญาณของเขาเป็นแก่น
     
    เขารู้เรื่องที่ร่างก็อปปี้ของเขาถูกเสี้ยมสอนโดยรัฐบาลให้วางมนุษย์ไว้เหนือเรปลิลอยด์ ตัดโควตาพลังงานของเรปลิลอยด์ เริ่มการตั้งข้อหาอิเร็กกุล่าร์อย่างไม่เป็นธรรม เพื่อเหลือพลังงานให้กับมนุษย์ เขารู้เรื่องที่ลูกสาวของแทร์รวบรวมเรปลิลอยด์ที่ต่อต้านการกดขี่ของรัฐบาลใต้ร่างก็อปปี้ของเขาออกไปตั้งกองกำลังต่อต้านรีซิสแทนซ์นอกอีเดนโดม เขารู้ว่าสิ่งที่เขาและชีวิตของใครหลายคนสร้างมากำลังบิดเบือนไปจนไม่เหลือเค้าเดิม
     
    แต่เขาไม่สนใจ
     
    เขาได้ตัดสินใจแล้ว ว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นความจริงของโลก ว่าความพยายามที่ผ่านมาทั้งหมดของเขาเป็นเพียงภาพลวงตา
     
    เขาจะอยู่ที่นี่ เฝ้าดูโลกดำเนินไปตามทางที่แท้จริงของมัน
     
    ...
     
    .....
     
    ซีโร่
     
    ใครกัน ใครกันที่เอ่ยชื่อที่ไม่เคยออกจากปากของใครมานานนับศตวรรษ
     
    รีซิสแทนซ์ พยายามค้นหาข้อมูลของ เรปลิลอยด์ในตำนาน ที่กล่าวกันว่ามีพลังเทียบเท่ากับ วีรบุรุษเอ็กซ์
     
    ไร้ประโยชน์ ในโลกของคนเป็นไม่มีผู้ที่รู้ตำแหน่งของสถานที่หลับไหลของซีโร่เหลืออยู่แล้ว
     
    ...เชล ลูกสาวของแทร์ หลานสาวของวีย์ ทายาทของ ลียา โซเลย์ และ...เชล
     
    ...
     
    [...]
     
    [.....]
     
    เขาไม่รู้ว่าตัวเองทำไปเพื่ออะไร ทั้งที่ตัดสินใจว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกอีกแล้ว แต่เขาก็ใส่ตำแหน่งของห้องทดลองลับลงในฐานข้อมูลของรัฐบาล
     
    ขณะนี้ลูกสาวของแทร์ก็กำลังนำรีซิสแทนซ์ตรงไปที่ทางเข้าของห้องทดลองใต้ดินในป่านอกเมือง เช่นเดียวกับกองทัพของรัฐบาลที่ไล่ตามไป สังหารเรปลิลอยด์โมเดลพลเรือนของรีซิสแทนซ์ที่ไร้ทางสู้
     
    เขามองดูจากบนฟ้า เชลและรีซิสแทนซ์อีกหยิบมือผ่านประตูที่เขากระตุ้นให้ทำงานและเปิดล็อกไว้
     
    เขาตามเข้าไปข้างใน และได้พบใบหน้าของเรปลิลอยด์สีแดงเป็นครั้งแรกในรอบร้อยปี เขาไม่เคยคิดจะมาที่นี่ เพราะไม่อยากเสี่ยงให้ใครรู้ตำแหน่ง
     
    เมื่อเขาได้เห็นร่างที่สะบักสะบอม ความเสียหายจากการต่อสู้กับฝูงโกเลมและโอเมก้ายังคงปรากฏอยู่บนร่างกาย ทรุดโทรมเพราะขาดการดูแล แคปซูลที่เก็บซีโร่ไว้เสื่อมสลายไป ร่างที่อยู่ข้างในหล่นลงกับพื้นในท่าคุกเข่า สายไฟห้อยระโยงระยาง
     
    ตอนนั้นเองที่เขานึกถึงสัญญาอีกสัญญาหนึ่งที่ให้ไว้
     
    ครั้งหน้านายจะได้ตื่นขึ้นมาเห็นโลกในความฝันของพวกเรา ฉันสัญญา
     
    สัญญาอีกแล้ว
     
    สัญญาที่เขารักษาไม่ได้
     
    ...
     
    ไซเบอร์เอลฟ์ที่มากับลูกของแทร์รวมเป็นหนึ่งกับซีโร่ ใช้พลังเพื่อรักษาความเสียหายและเติมพลังงาน เป็นไซเบอร์เอลฟ์โตเต็มวัยที่ทรงพลังทีเดียว
     
    เขาปล่อยให้รีซิสแทนซ์เป็นคนทำ เป็นคนปลุกซีโร่ เขาไม่มีสิทธิ์จะทำ เขาที่รักษาสัญญาไว้ไม่ได้
     
    ...ความรู้สึกนี้มันอะไรกัน
     
    ความรู้สึกที่ชั่วร้าย...
     
    ...ซิกม่า
     
    ไม่สิ...ไวรัสอิเร็กกุล่าร์
     
    เขาเข้าใจแล้ว เมื่อเขากลายมาเป็นไซเบอร์เอลฟ์ ตัวตนแบบเดียวกับไวรัสเขาจึงสามารถสัมผัสมันได้ในฐานะผู้อาศัยอยู่ในมิติเดียวกัน
     
    เขาค่อยๆ ลอยขึ้นไปเหนือเหตุการณ์ที่กำลังดำเนิน เหนือจุดที่ซีโร่อยู่ เขารู้ว่าลูกสาวของแทร์ซึ่งมีสายเลือดเดียวกับโซเลย์สามารถมองเห็นไซเบอร์เอลฟ์ได้แม้มนุษย์คนอื่นจะทำไม่ได้
     
    ในจังหวะเดียวกับที่ไซเบอร์เอลฟ์ตัวนั้นสำแดงพลังและเปล่งแสงสว่าง เขาก็พุ่งตามเข้าไป
     
    ...
     
    นี่คือ ภายในซีโร่
     
    แม้จะเป็นประสบการณ์ครั้งแรกในฐานะไซเบอร์เอลฟ์ แต่เขาก็รู้ ทั้งหมดนี้คือ ซีโร่
     
    ข้อมูลที่มหาศาล ทรงพลัง แต่แสนเศร้า
     
    ...แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรจะอยู่ที่นี่
     
    สิ่งที่เป็นเป้าหมายของเขา
     
    (ฮ่าๆๆ! ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ซีโร่จะตื่นขึ้นอีกครั้ง! เอาเลย เจ้ามนุษย์น่าโง่ จงปลุกผู้ที่จะทำลายพวกเจ้าขึ้นมา! ไปซะซีโร่! ไปฆ่าหุ่นยนต์ของไรท์!)
     
    เขาลอยเข้าไปหาสิ่งที่กำลังตะโกนอยู่ในหัวของซีโร่
     
    (หืม? ไวรัส? ไม่ใช่สิ รูปแบบชีวิตข้อมูลเหมือนกับข้ารึ? วิทยาการของมนุษย์ก็ก้าวไกลไปไม่น้อยเหมือนกัน...แล้วเจ้าเป็นใคร? ต้องการอะไรถึงเข้ามาในผลงานชิ้นโบว์แดงของข้า?)
     
    (...ฉันตะหากที่ต้องถาม นายเป็นใคร ทำไมถึงมาอยู่ในหัวของซีโร่)
     
    (ข้าเป็นใคร? ข้าคือนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะผู้สร้างสุดยอดหุ่นยนต์ตัวนี้ขึ้นมายังไงล่ะ!)
     
    (ผู้สร้างซีโร่...ถ้าอย่างนั้นไวรัสที่ติดมากับซีโร่ด้วย...ก็เป็นฝีมือของนายงั้นเหรอ?)
     
    (ถูกต้อง! แต่มันเป็นแค่ผลงานชิ้นรอง สิ่งที่ช่วยซ่อมแซมปัญหาเล็กน้อย และเพิ่มพลังอันยิ่งใหญ่ เตรียมซีโร่ให้พร้อมจะเป็นเทพแห่งการทำลายล้าง)
     
    (เข้าใจล่ะ...แต่ซีโร่ไม่ได้อยู่ในร่างกายเดิมแล้ว ยังมีไวรัสอยู่อีกงั้นเหรอ?)
     
    (ร่างกาย? บ๊ะ! ของพรรค์นั้นเป็นแค่เครื่องประดับ จะซ่อมแซมเปลี่ยนใหม่ซักเท่าไหร่ก็ได้! โปรแกรมต่างหาก! โปรแกรมคือซีโร่! ไม่ว่าจะอยู่ในร่างกายไหน ความเยี่ยมยอดของซีโร่ก็ไม่ถูกขัดขวาง ต่อให้ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ  ระเบิดเป็นจุล ข้าก็ยังอยู่ที่นี่ จะสร้างขึ้นมาใหม่กี่ครั้งก็ได้ จนกว่าโลกใบนี้จะหมอบแทบเท้าหุ่นยนต์ของข้า! ซีโร่เป็นอมตะ ซีโร่ไม่มีวันตาย! หุ่นยนต์ที่แข็งแกร่งที่สุด ไวรัสที่น่ากลัวที่สุด ส่วนหนึ่งของข้าจะอยู่ในโลกใบนี้ตลอดไป!)
     
    เขาฟังเสียงหัวเราะที่เหมือนชายแก่ผู้บ้าคลั่ง
     
    (...อย่างนี้นี่เอง นายคือต้นตอของทุกสิ่งทุกอย่าง...)
     
    ไม่น่าเชื่อว่าหลังจากสุดท้ายของสุดท้ายผ่านไปแล้ว เขาจึงจะมีโอกาสได้พบ
     
    (หือ...เดี๋ยว เจ้าคือหุ่นของไรท์ตัวที่ล้างสมองซีโร่ให้เชื่อเรื่องบ้าๆ อย่างสันติสุขนี่เอง!)
     
    (ไม่รู้ว่าพูดถึงใคร แต่ฉันไม่ได้ล้างสมองใครทั้งนั้น)
     
    (แล้วนั่น... เจ้า เจ้าจะทำอะไร?!)
     
    (ลบนายทิ้ง)
     
    (อย่านะ! ข้าคือแบ็คอัพของซีโร่ ไม่รู้รึไง?! โปรแกรมทั้งหมดที่เป็นแก่นของซีโร่ ความทรงจำ ความสามารถในการต่อสู้ ทั้งหมดอยู่กับข้า ถ้าลบข้าไปทั้งหมดจะกลับเป็นศูนย์ เป็นหุ่นยนต์ที่มีพลังแต่ใช้อะไรไม่เป็นเลยแม้แต่ดาบซักเล่ม! ซีโร่จะคืนชีพอีกไม่ได้แล้ว! เจ้าจะปล่อยให้เพื่อนของเจ้าเผชิญโลกในสภาพนั้นเหรอ?!)
     
    (ถ้าเป็นซีโร่ แค่นั้นไม่มีปัญหาอยู่แล้ว...)
     
    (เดี๋ยวก่อน...เจ้า เจ้าคือร็อค!? เจ้าจะทำอะไร ข้าเป็นมนุษย์นะ!)
     
    (มนุษย์? ...แล้วยังไง)
     
    (เจ้าจะผิดกฎหุ่นยนต์ข้อแรกงั้นเหรอ?! ...หรือว่า เจ้าไม่ใช่ร็อค!? อย่านะ! เจ้าเป็นหุ่นของไรท์ไม่ใช่เหรอ?! หุ่นของไรท์จะฆ่ามนุษย์งั้นเหรอ!?)
     
    เขาไม่รู้สึกว่าจำเป็นต้องตอบ
     
    (อ๊ากกกกก!! ไม่จริงน่ะ...ข้าคนนี้...เป็น...อมตะ...อัล...ไว...)
     
    ...
     
    สิ้นซากไปเสียที
     
    ...
     
    ซีโร่กำลังจะตื่น เขาควรจะไปเสียตอนนี้
     
    ส่วนเซเบอร์ที่เขานำมาด้วยนี้...
     
    [...]
     
    [.....]
     
    เขาลอยอยู่กับที่ หากมีร่างกาย มันก็คงแข็งเป็นหิน
     
    ชั่วเสี้ยววินาทีนั้น ซีโร่กระโดดขึ้นไปหาร่างที่มีปีกคู่ใหญ่
     
    ชั่วเสี้ยววินาทีนั้น ดาบสีเขียวทะลวงอกของร่างที่มีใบหน้าเหมือนกับเขา
     
    นั่นเอง...นั่นคือสิ่งที่เขาต้องการ
     
    เขารู้...แต่สายเกินไปแล้ว
     
    เขาไม่มีวันจะได้สิ่งนั้น
     
    [...]
     
    [.....]
     
    (ซีโร่...นายทำได้...นาย...ทำ...)
     
    แล้วเขาก็หายไปจากโลกเบื้องบนตลอดกาล
     
    ชีวิตที่เต็มไปด้วยการต่อสู้ การหักหลัง การทำลาย เขาสามารถทิ้งมันไว้เบื้องหลังได้เสียที
     
    จากนี้ไปจะไม่มีอะไรที่รบกวนการพักผ่อนของเขาได้อีกต่อไป...
     
    ไม่มี...
     
    [...]
     
    [.....]
     
    -After-
     
    เขาถอนใจ
     
    (อย่าทำอะไรบ้าๆ นะเอ็กซ์!)
     
    (ขอโทษนะแอ็กเซล แต่ฉัน...ไม่รู้สึกอยากจะคิดคำล่ำลายาวๆ มาพูดกับนายเลย...ไม่รู้สึกอาวรณ์นายหรือว่าทุกๆ คนด้วย...บางทีฉันอาจจะตายไปตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ได้อยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกแล้วก็ได้...)
     
    (พูดอะไรของนาย? อย่าทำบ้าๆ นะเอ็กซ์!)
     
    (ถ้าซีโร่มาถึง...ช่วยบอกว่าฉันขอโทษที่ไม่ได้อยู่รับ...ไปก่อนนะ)
     
    เขาพุ่งเข้าสู่ช่างว่างของมิติในไซเบอร์สเปซ ใช้ตัวตนของตัวเองเพื่อปิดมัน ไม่คิดไม่สนใจว่าชะตากรรมหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร
     
    บางทีเขาอาจจะแค่กำลังหาทางชดใช้ บางทีเขาอาจจะแค่กำลังหาที่ตาย
     
    เขาไม่รู้เลย
     
    ...
     
    .....
     
    เสียงพูดคุยแล้วก็เสียงร้อง เพดานห้องสีขาว พื้นปูด้วยพรมสีแดง
     
    ใครน่ะ!?” ผู้บุกรุกเหรอ!?” ทหาร! เรียกทหารมาเร็ว!”
     
    เขาลุกขึ้นนั่ง มองดูห้องสี่เหลี่ยมค่อนข้างกว้างประดับประดาอย่างหรูหรา มนุษย์ผู้หญิงหลายคนที่กำลังแตกตื่น เตียงใหญ่ ชายที่นอนอยู่ หญิงสาวที่กำลังกอดเด็กผู้หญิงผมสีน้ำตาลเกาลัดอายุราวแปดขวบ
     
    ดวงตาสีฟ้าใสนั้นทำให้เขานึกถึง...
     
    ...จะสำคัญอะไร
     
    --
     
    PBW:“คราวนี้เอาลิงค์รูปไปเลย ไม่ต้องเอามาติดของตัวเอง ไม่ต้องสปอยล์ล่วงหน้าสองพารากราฟ ขอบคุณ michikixthien ที่ได้สร้างสรรค์รูปดีๆ อย่างนี้ออกมา เป็นรูปที่ทรงพลังมากสำหรับคนที่ติดตามชีวิตของเอ็กซ์เท่ากับคนเขียน
     
    PBW:“เท่านี้ก็ได้ปล่อยของออกไปซะที ถึงจะขาดๆ เกินๆ ไปหน่อยเพราะไม่ได้คิดรอบคอบ แต่ก็พอใจแล้ว ข้อมูลหลายอย่างในตอนพยายามให้ตรงกับที่กล่าวไว้ตามแหล่งต่างๆ  แต่ที่คิดเอาเองก็มีอยู่มาก
     
    (*อนึ่ง ชื่อสายเลือดเชลแต่ละรุ่นมีดังนี้ Ciel - Soleil - Lien - Vie - Terre - Ciel)
    (**ส่วน PAUPE นั้นสิ้นคิดและไร้สาระ ถ้าใครคิดอย่างนี้ก็ขออภัยด้วย แต่ไหนๆ คิดมาแล้วก็อยากจะใส่)
     
    --
     
    ฉันนี่ล่ะจะโค่นนายเอง!”
     

    Next Chapter - End Tale Pt. F: Finale ~ In the Name of Peace

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×