ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rockman X {x} Zero no Tsukaima : โลกใบใหม่

    ลำดับตอนที่ #46 : Chapter 37: ข่าวร้ายที่มาพร้อมกับจดหมาย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 236
      4
      24 ธ.ค. 60

    กลางดึกในห้องนอนของคฤหาสน์ฟงเทน หญิงสาวนั่งอยู่บนเตียงโดยมีดวงแสงสีชมพูลอยอยู่ข้างๆ  ตรงข้ามเธอเป็นเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทานั่งอยู่กับเก้าอี้และเด็กสาวผมสีฟ้าน้ำทะเลยืนอยู่ข้างหลัง

     

    เอ็กซ์หุบปากที่อ้าเพราะความตกใจแล้วกลืนน้ำลายทำใจให้สงบ

     

    ซินนามอน เรื่องเป็นยังไงมายังไง เขาพูดกับดวงแสงสีชมพูด้วยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแต่ปนความไม่พอใจอยู่นิดๆ

     

    (คือว่า เมื่อเก้าปีก่อน มีคนเอาลูกเสือเข้ามาในบ้านเก่าของคัทเลยา)

     

    ชื่อไม่คุ้นหู คงเป็นชื่อจริงของหญิงสาว คาริน คนนี้

     

    เสือ? เอ็กซ์มองตัวที่หมอบอยู่ปลายเตียง ตอนนี้มันก็ยังจ้องเขาไม่กะพริบตา

     

    ขุนนางระดับล่างนำมาเป็นของกำนัลให้ท่านพ่อของข้า หญิงสาวคัทเลยาเสริม

     

    (แล้วไม่รู้เกิดอะไรขึ้น มันหลุดออกมาได้)

     

    ตอนนั้นข้าเดินเล่นอยู่ที่ลานปราสาท

     

    เอ็กซ์หลับตาลง หายใจเข้าและออกหนึ่งครั้งอย่างหนักใจ เขาเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นต่อไป

     

    ซินนามอนปรากฏร่างเพื่อขู่เสือใช่มั้ย?

     

    คัทเลยาพยักหน้า ซินนามอนก็คงจะทำด้วยถ้าทำได้

     

    เอ็กซ์ถอนใจ เขาว่าอะไรไม่ได้ เพราะเขาในตอนนั้นเป็นคนสั่งไว้เอง ว่าให้ดูแลให้ดีที่สุด

     

    แล้ว...บอกอะไรไปบ้างล่ะ?

     

    (ก็...บอกไปว่าฉันชื่อซินนามอน เอ็กซ์ให้ฉันมาทำอะไร แล้วก็หน้าตาของเอ็กซ์เป็นยังไง)

     

    ...บอกไปแค่นั้นจริงๆ ใช่มั้ย?

     

    (สาบานเลย)

     

    ข้าเคยถามเรื่องอื่นหลายครั้ง อย่างเช่นเธอหรือว่าท่านมาจากที่ไหน แต่ซินนามอนบอกแต่ว่าเป็นความลับ คัทเลยาเอ่ยพลางชำเลืองมองดวงแสงข้างๆ

     

    เอ็กซ์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก อย่างน้อยก็ไม่มีเรื่องให้ต้องตกใจอีกเป็นครั้งที่สอง

     

    นี่ เลเวียธานเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบมานาน เมื่อได้ความสนใจจากทุกคนแล้วเธอก็ชี้ไปที่เสือปลายเตียง

     

    ฉันสงสัย ทำไมเสือนั่นยังมีชีวิตอยู่อีก?

     

    เสือที่ถูกชี้หันขวับไปมองเลเวียธานราวกับมันฟังรู้เรื่อง คัทเลยาหัวเราะเบาๆ

     

    ตอนนั้นท่านพ่อโกรธมาก จะประหารเจ้าตัวนี้กับคนที่นำมา แต่ข้าขอไว้ แล้วก็ขอเจ้าตัวนี้มาด้วย คัทเลยายิ้มพลางชำเลืองมองเสือที่เธอช่วยชีวิตไว้

     

    แล้ว...พวกที่อยู่รอบๆ นี่ล่ะ เลเวียธานถามรวมๆ ถึงสัตว์ตัวอื่นๆ

     

    ข้าผ่านไปเห็นบ้าง พลัดเข้ามาที่นี่บ้าง ข้าก็เก็บมา คัทเลยาตอบราวกับเป็นเรื่องปกติ สุนัขแมวและนกอาจใช่ แต่ตัวเบ้อเริ่มที่ข้างประตูกับที่บิดเป็นเกลียวอยู่บนเพดานนั่นไม่

     

    เอ็กซ์เงียบตลอดบทสนทนา เมื่อมันจบลงเขาจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง

     

    เธอ...ทำไมถึงรู้ว่าเป็นฉัน

     

    หญิงสาวบนเตียงเบิกตาขึ้นเล็กน้อย ตกใจที่เอ็กซ์เปลี่ยนน้ำเสียงและวิธีพูด...ตอนนี้มันคล้ายกับที่เธอจำได้รางๆ

     

    เธอนิ่งไปครู่หนึ่ง ครุ่นคิดว่าจะตอบอย่างไร จนในที่สุดเธอเงยหน้าขึ้นมองภาพที่แขวนอยู่บนผนังตรงข้ามกับเตียง เอ็กซ์กับเลเวียธานมองตาม ทั้งคู่แทบเก็บความตกใจไว้ไม่อยู่

     

    เป็นภาพวาดครึ่งตัวใส่กรอบไม้ และมีกระจกกั้น คนในภาพคือเอ็กซ์ และไม่ใช่เอ็กซ์ที่สวมผ้าคลุม แต่เป็นเอ็กซ์ อิเร็กกุล่าร์ฮันเตอร์ที่เข้าช่วยเหลือกิกันทิสจากรีเบลเลี่ยน ซ้ำยังวาดได้เหมือนเป๊ะอีกด้วย แม้กระทั่งสีหน้า

     

    ข้าวาดตามที่ซินนามอนบอก แต่ชุดที่ท่านสวมในภาพไม่เหมือนที่ใดที่ข้าเคยเห็น ข้าจึงไม่แน่ใจนัก ส่วนเดียวที่ข้าจำได้...

     

    คัทเลยาหันมามองเอ็กซ์ เขาเห็นดังนั้นก็มองตอบ

     

    ...คือดวงตาของท่าน สีเขียวมรกตงดงาม ดูเย็นชาแต่แฝงความอบอุ่นไว้ เพียงแค่หลับตาลงข้าก็มองเห็นได้อย่างชัดเจน คัทเลยาหลับตาลงตามคำพูด แต่ครู่เดียวก็ลืมตาขึ้นแล้วยิ้มหวานให้เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทา

     

    เพียงแค่เห็นครั้งเดียวข้าก็มั่นใจว่าเป็นท่าน แม้รูปร่างจะไม่เหมือนในภาพ

     

    เอ็กซ์เงียบ ไม่ตอบอะไร เขาพอเข้าใจได้ว่าในเมื่อเกือบจะตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน เขาปกปิดร่างกายทุกส่วนด้วยผ้าคลุม เว้นแต่เพียงใบหน้าและดวงตา ก็เป็นไปได้ที่หากจำเพียงแค่ส่วนเดียวก็จะจำได้อย่างแม่นยำกว่าจำทั้งหมด

     

    เขาถอนใจ ทั้งที่เขาเอาตัวรอดจากเด็กสาวสวมแว่นคนนั้นมาได้ กลับมาพลาดท่ากับหญิงสาวคนนี้ เอาเถอะ อย่างไรเสียถ้าซินนามอนถูกรู้ตัวเข้า ถึงจะปิดบังไปก็ไม่มีประโยชน์อยู่แล้ว

     

    เลเวียธานชำเลืองมองนายของเธอ เธอสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง สิ่งที่เธอไม่คิดว่าจะได้เห็นที่นี่

     

    ท่านเอ็กซ์...ลังเล ไม่มั่นใจ ร้อนรน สูญเสียความเยือกเย็น ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทรมาน และถอนใจหลายครั้งติดกัน ทั้งหมดอย่างละนิดละหน่อย แต่ก็กินความเยือกเย็นในยามปกติไปกว่าครึ่ง

     

    ทีแรกเธอคิดว่ามีแต่เด็กสาวผมสีน้ำตาลเกาลัดคนนั้นที่ทำให้เขาเป็นอย่างนี้ได้ แต่หญิงสาวคนนี้เองก็ส่งผลอย่างเดียวกัน

     

    เธอเปลี่ยนความคิด จากความไม่พอใจเหมือนครั้งก่อน เธอเริ่มสงสัย

     

    สงสัยว่าเก้าปีที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นบ้าง ระหว่างท่านเอ็กซ์กับโลกใบนี้มีอะไรที่ทำให้เขาแปลกไป

     

    เอ็กซ์ถอนใจอีกครั้ง ก่อนจะสบตากับหญิงสาวตรงๆ

     

    จะไม่อ้อมค้อมล่ะนะ ฉันมาที่นี่เพื่อรับซินนามอนกลับ

     

    คัทเลยาและซินนามอนตกใจอย่างเห็นได้ชัด ดวงแสงสีชมพูลอยออกมาข้างหน้า

     

    (เดี๋ยวก่อนสิเอ็กซ์! ร่างกายของคัทเลยายังไม่สมบูรณ์ ขอเวลาอีกหน่อย อีกแค่เดือนเดียว!)

     

    เอ็กซ์หลับตาลง ไม่พูดไม่ตอบอะไรอยู่นาน

     

    หลังชั่งใจอยู่ครู่ใหญ่ เขาก็ให้คำตอบ

     

    ไม่ได้ เวลาไม่มีแล้ว ฉันจำเป็นต้องใช้พลังของเธอ เขาเอ่ยเสียงแข็ง ไม่เหลือโอกาสให้คัดค้าน

     

    ดวงแสงถอยกลับ แสดงถึงอาการตกใจ

     

    (อะไรกัน...) ซินนามอนพูดเสียงอ่อย

     

    ท่าน...จะไปที่ไหนเหรอ? คัทเลยาถามอย่างลังเล

     

    อัลเบี้ยน

     

    ท่านก็เข้าร่วมกองทัพงั้นเหรอ?

     

    ก็ประมาณนั้น

     

    คัทเลยาสูดหายใจลึกๆ ก่อนจะพูดคำต่อไป

     

    ถ้าข้าไม่ให้ซินนามอนไปกับท่านล่ะ?

     

    เอ็กซ์ไม่เปลี่ยนสีหน้าแม้จะถูกอีกฝ่ายจ้องเขม็ง

     

    ฉันก็จะใช้กำลังพาไป

     

    หญิงสาวไม่ประหลาดใจ คนที่แสดงอาการกลัวออกมากลับเป็นซินนามอน

     

    (โกหกน่ะ...เรื่องในวันนั้นเป็นความจริงเหรอ...)

     

    วันนั้น? เอ็กซ์ไม่รู้ว่าซินนามอนพูดถึงอะไร

     

    เลเวียธานยืนนิ่งฟังเฉยๆ โดยไม่พูดอะไร แต่ในหัวจดจำทุกเสียง

     

    จริงอยู่ที่ผ่านมาท่านเอ็กซ์ก็ใช้กำลังชิงไซเบอร์เอลฟ์มาโดยตลอด ...แต่นี่เป็นครั้งแรกที่จะบังคับตัวไซเบอร์เอลฟ์เอง

     

    แล้วเธอเองก็ติดใจ เรื่องในวันนั้น เหมือนกัน ท่านเอ็กซ์แทบไม่เคยเล่าอะไรให้เธอฟังเลย

     

    คัทเลยามองต่ำลง ใบหน้าเศร้าสร้อย

     

    ถ้าเช่นนั้น ข้าก็คงห้ามท่านไม่ได้

     

    ซินนามอนแสดงอาการโล่งใจอย่างไม่ปิดบัง ดูเหมือนเธอจะกลัวมากว่าคัทเลยาจะต่อต้านต่อไป

     

    (เอ็กซ์ ฉันขออะไรอย่างหนึ่งได้มั้ย?)

     

    เอ็กซ์มองซินนามอน สัญญาณให้พูดต่อ

     

    (ถ้าเสร็จงานที่เธอจะไปทำแล้ว...ช่วยให้ฉันกลับมารักษาคัทเลยาต่อได้มั้ย แค่จนกว่าคัทเลยาจะหายดีก็ได้)

     

    เอ็กซ์คงสีหน้าเรียบเฉยไว้ แต่ได้ไม่นานก็หลับตาถอนใจ ก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ

     

    สัญญาไม่ได้ แต่จะทำเท่าที่ทำได้ก็แล้วกัน อย่างนั้นได้รึเปล่า?

     

    (ดได้ แค่นั้นก็พอแล้วล่ะ!)

     

    เลเวียธานรู้สึกว่าไซเบอร์เอลฟ์ดูร้อนรนเหลือเกิน ราวกับกลัวอะไรบางอย่าง

     

    ...พูดถึงกลัว ก็เพิ่งจะเป็นครั้งแรกที่เธอมองรอยยิ้มของท่านเอ็กซ์แล้วรู้สึกว่า กลัว อย่างไม่รู้สาเหตุ ทั้งที่ก็เป็นรอยยิ้มแบบเดิม และก็ไม่มีจุดประสงค์หรือความหมายใดๆ แอบแฝงหลังรอยยิ้มนั้น ทั้งที่ก็ไม่มีอะไรต่างจากปกติเลย

     

    ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่เปลี่ยนไป...คือตัวเธอเองงั้นหรือ?

     

    เมื่อตกลงกันได้ บรรยากาศตึงเครียดในห้องก็ผ่อนคลายลงระดับหนึ่ง คัทเลยาชวนให้ทั้งสองพักที่นี่ก่อนคืนหนึ่ง แล้วให้หญิงรับใช้ที่ยังไม่หลับจัดห้องพักแขกให้ ขาเดินออกจากห้องเลเวียธานไม่ลืมเขม่นหมีเป็นครั้งสุดท้าย มันมองตามเธอจนกระทั่งพรายสาวลับสายตา

     

    (...)

     

    รุ่งเช้า คัทเลยาส่งแขกทั้งสองและเพื่อนของเธอที่จะตามไปด้วย บริวารในคฤหาสน์ประหลาดใจว่าคนแปลกหน้าโผล่มาเพิ่มจากไหนสองคน แต่ก็ไม่ได้ปริปากเพราะเจ้านายไม่พูดอะไร

     

    แต่ว่า ข้าประหลาดใจจริงๆ ที่ท่านเป็นทหารของทริสเทนด้วย

     

    เปล่าหรอก ฉันมีจุดประสงค์ของฉัน เอ็กซ์ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งว่าจะบอกดีหรือไม่ ที่สุดก็คิดว่าคงไม่เป็นไร

     

    ที่นั่นมีคนที่จับเพื่อนของซินนามอนเอาไว้มาก ฉันต้องไปช่วยออกมา ประมาณนั้นล่ะ

     

    จากสีหน้าเห็นได้ชัดว่าคัทเลยาไม่ได้คาดคิดคำตอบแบบนี้ไว้ แต่ก็แสดงอาการดีใจที่รู้ว่าเพื่อนรักของเธอมีเพื่อนๆ อีกมากมาย

     

    (ที่พูด จริงเหรอเอ็กซ์?)

     

    อืม เดี๋ยวจะเล่ารายละเอียดให้ฟัง

     

    เขาหันไปบอกลาคัทเลยา หญิงสาวยิ้มส่งทั้งสาม

     

    ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะ

     

    เธอโบกมือให้ทั้งสามที่เดินห่างออกไป จนกระทั่งแยกใบหน้าไม่ออกเธอจึงลดมือลง

     

    คัทเลยามองร่างทั้งสามที่ค่อยๆ มองเห็นเล็กลงแล้วก็รำพึงอยู่ในใจ

     

    เด็กหนุ่มคนนั้น เธอไม่สงสัยว่าเป็นคนเดียวกับเมื่อเก้าปีก่อน แม้เขาจะดูอ่อนวัยกว่าที่ควรจะเป็น เขาอาจไม่ใช่มนุษย์และอาจไม่ได้อายุน้อยเท่าที่ตาเห็น ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่ติดใจเธอก็คือความทุกข์ทรมานที่เธอเห็นปรากฏบนใบหน้าที่ดูเหมือนเย็นชาหลายครั้งในระหว่างที่สนทนากันเมื่อคืน แม้แต่ละครั้งจะเพียงแค่เสี้ยววินาที เธอสงสัยว่าเขาเองยังจำคำที่เคยบอกเธอเอาไว้ได้หรือเปล่า

     

    ความหวังน่ะมันไม่สลายไปหรอก ตราบเท่าที่ยังมีชีวิตอยู่

     

    ตั้งแต่ที่ที่ห้องนอนเธอจนกระทั่งเช้าวันนี้  ความหวัง ที่เธอสัมผัสได้จากเขามันช่างริบหรี่เหลือเกิน

     

    (...)

     

    (.....)

     

    ในเวลาบ่ายของสามวันถัดมา เอ็กซ์และเลเวียธานก็มาถึงสถานศึกษาเวทมนตร์ทริสเทน

     

    เมื่อก้าวผ่านประตูโรงเรียน ม้าตัวหนึ่งก็สวนออกมา หญิงสาวผมบลอนด์บนหลังม้าเห็นพวกเขาก็ดึงม้าให้หยุด

     

    พวกนายมาทำอะไรที่นี่? อาเนียสถามพวกเขา น้ำเสียงแปลกใจเล็กน้อย

     

    ก็... เอ็กซ์ชั่งใจว่าจะบอกอย่างไร มีธุระกับมิสวาลลิแยร์นิดหน่อย

     

    เพื่อนสนิทขององค์ราชินีน่ะเหรอ? ยังอยู่ข้างในแน่ะ ดูเหมือนว่าจะยังเตรียม อาภรณ์ของมังกร อะไรซักอย่างอยู่

     

    เอ็กซ์นึกโชคดีอยู่ในใจที่ทั้งสองคนยังไม่ไปกับกองทัพ

     

    แล้วเธอล่ะมาทำอะไร? เลเวียธานถามบ้าง

     

    อาเนียสทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะกวักมือเรียกให้ทั้งสองตามมา พวกเอ็กซ์เข้าใจโดยอัตโนมัติว่าเป็นเรื่องที่พูดต่อหน้าคนไม่ได้

     

    ออกมาไกลจากโรงเรียนได้ราวสามร้อยเมตร อาเนียสก็ลงจากหลังม้า ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในร่องอก หยิบกระดาษที่พับไว้ออกมาแผ่นหนึ่งแล้วยื่นให้เอ็กซ์

     

    อ่านนี่สิ เป็นจดหมายที่คาร์ดินัลให้ฉันนำมาให้ผู้อำนวยการโรงเรียนดู

     

    เอ็กซ์ยื่นมือออกไปรับ แต่เลเวียธานหยิบมาได้ก่อน ครั้งนี้ไม่เสียเวลาเขม่นอีกฝ่าย เธอเปิดออกแล้วอ่านเอง

     

    ว่าแต่ ทำไมต้องเก็บไว้ในนั้นด้วย? เธอถามอาเนียสด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดนิดๆ

     

    คาร์ดินัลบอกว่าจะประทับใจผู้อำนวยการออสมันมากขึ้น

     

    ...

     

    แล้วเป็นยังไง?

     

    ก็ตามนั้นคิ้วอาเนียสกระตุก น้ำเสียงดูรังเกียจหน่อยๆ  สื่อว่าไม่อยากพูดถึง

     

    เลเวียธานคลี่จดหมายออกจนหมดในที่สุด(จะพับอะไรนักหนา) เอ็กซ์เข้ามายืนอ่านข้างหลังเธอ

     

       ~ รุ่งสางหนึ่งวันหลังจากทริสเทนเคลื่อนทัพ หน่วยพิเศษที่ 0(ชิโนบิ)จะเข้า

      ยึดสถานศึกษาเวทมนตร์ทริสเทนและจับนักเรียนชนชั้นสูงเป็นตัวประกัน

      เมื่อทราบข่าวแล้วให้ติดต่อทางราชสำนักทริสเทนต่อรองให้หยุดทัพ ~

     

    เลเวียธานอ่านแล้วก็เลิกคิ้ว ในความคิดของเธอเป็นแผนการที่ไม่เลวทีเดียว หากสำเร็จจะทำให้ได้เปรียบอย่างมาก

     

    เมื่อสัปดาห์ก่อน จดหมายนี่ถูกส่งมาที่สายจากอัลเบี้ยน คนที่พวกเธอจับได้นั่นล่ะ อาเนียสอธิบาย

     

    ฝั่งนั้นยังไม่รู้อีกเหรอว่าสายถูกจับได้แล้ว? เลเวียธานตาโต ตั้งเกือบสี่เดือนมาแล้ว เป็นเรื่องที่เชื่อยากทีเดียว

     

    เรา<โน้มน้าว>ให้สายลับทำงานให้เราได้สำเร็จ อาเนียสจงใจเน้นคำว่าโน้มน้าว เพื่อให้สื่อความหมายแฝงออกไปได้(ว่าอย่ารู้จะดีกว่า)

     

    เห... เลเวียธานไม่รู้ว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อดี เธอก้มลงอ่านทวนอีกรอบ

     

    แล้วหน่วยพิเศษที่ 0(ชิโนบิ)นี่มันคืออะไร?

     

    ไม่รู้เหมือนกัน แต่คาดไว้ว่าคงเป็นหน่วยลับระดับสูง

     

    แล้วรู้ทั้งอย่างนี้ก็ยังจะเคลื่อนทัพกันไปอีก? เลเวียธานถามเสียงสูง อาเนียสส่ายหน้า

     

    คนที่รู้มีแค่คาร์ดินัล องค์ราชินี แล้วก็หน่วยปืนคาบศิลา เพราะจดหมายนี่มีโอกาสจะเป็นแผนการถ่วงเวลาของฝ่ายข้าศึก องค์ราชินีจึงไม่ให้แพร่งพราย และสั่งให้หน่วยปืนมาคุ้มกันที่โรงเรียน รวมถึงให้ฝึกนักเรียนหญิงที่อยู่ในโรงเรียนเป็นกำลังพลสำรองสำหรับเตรียมไปสงครามในกรณีที่ทัพหน้าขาดเจ้าหน้าที่

     

    เลเวียธานเลิกคิ้ว ไม่รู้จะรู้สึกอย่างไรดี ถ้าว่ากันในด้านการสงครามเพียงอย่างเดียว ก็ถือเป็นการตัดสินใจที่สมเหตุสมผล แต่ถ้าว่ากันในด้านศีลธรรม ถือว่าน่าตั้งคำถามเป็นอย่างมาก

     

    อาเนียสขอจดหมายคืนจากเลเวียธาน

     

    ฉันนำคำสั่งขององค์ราชินีมาส่งให้กับผู้อำนวยการ ตามที่ฉันบอกไป อาเนียสพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

     

    ตาแก่นั่นต่อต้านการฝึกนักเรียนหญิงอย่างโจ่งแจ้ง แต่ยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีเพราะจดหมายนั่น

     

    ก็น่าอยู่หรอกที่จะต่อต้านน่ะ เลเวียธานถอนใจ เธอติดจากท่านเอ็กซ์มาแน่เลย

     

    พวกนายมาได้จังหวะพอดี ยังไงพวกนายก็ไม่ได้ไปอัลเบี้ยนแล้ว ถ้าจะมาช่วยพวกเราคุ้มกันที่โรงเรียนหน่อยจะว่ายังไง?

     

    เลเวียธานเลิกคิ้ว แปลกใจกับข้อเสนออย่างกะทันหัน เธอชำเลืองมองเจ้านายที่อยู่ข้างๆ  เขาหลับตาขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างหนัก

     

    ไม่ล่ะ ฉันมีธุระต้องทำ...สินะ เลเวียธานหลบสายตาไปด้านข้าง อดกลั้นไม่แสดงอาการสลดใจออกทางสีหน้า เธอค่อนข้างมั่นใจว่าท่านเอ็กซ์จะตอบว่าอย่างไร

     

    ตกลง

     

    ใช่ ตอบอย่างนั้น...หือ?

     

    งั้นก็ดีเลย วันเคลื่อนทัพคืออีกสองวัน ระหว่างนั้นจะไปอยู่ที่ไหนก็ได้ แต่ถึงวันนัดให้อยู่ที่นี่ เข้าใจตามนั้น?

     

    อา

     

    อาเนียสกลับขึ้นม้า แล้วก็วิ่งฝุ่นตลบจากไปอย่างกะทันหันไม่ต่างจากที่มา

     

    เอ็กซ์กับเลเวียธานเดินกลับไปที่โรงเรียน ตัดสินใจว่าระหว่างสองวันนั้นก็อาศัยอยู่ที่นี่ล่ะ

     

    แต่ไม่เชื่อเลยนะคะว่าท่านเอ็กซ์... เลเวียธานชั่งใจว่าจะพูดดีหรือไม่

     

    ว่าท่านเอ็กซ์จะ...ให้ความสำคัญกับการป้องกันที่นี่มากกว่าไปอัลเบี้ยน

     

    เลเวียธานรู้สึกว่าเป็นสัญญาณที่ดี เธออาจจะหวาดระแวงไปเอง

     

    ...

     

    ท่านเอ็กซ์คะ?

     

    ...ก็คงอย่างนั้นล่ะ

     

    อีกแล้ว ความกังวลของเธอกลับมาอีก ความลังเลนั่นมีความหมายอะไรกันแน่

     

    แล้วก็...ในจดหมายนั่นมีคำที่ติดตาฉัน

     

    ? อย่างนั้นเหรอคะ? เลเวียธานไม่รู้สึกว่ามีอะไรเป็นพิเศษ

     

    เธอไม่รู้ก็ไม่แปลก ฉันเองก็ยังไม่มั่นใจเท่าไหร่...

     

    และก็เป็นความลับจากเธอเช่นเคย เธอรู้สึกว่าท่านเอ็กซ์มีความลับกับเธอมากเหลือเกิน

     

    ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องที่ต้องเก็บเป็นความลับอะไร เอ็กซ์คิดว่าเขาควรบอกเลเวียธานเสียด้วยซ้ำ จะช่วยในการเตรียมตัวรับมือได้มากขึ้น ยิ่งถ้าหากข้อสงสัยของเขาเป็นจริงขึ้นมา การเตรียมตัวไม่ว่าเล็กน้อยแค่ไหนก็ไม่มีคำว่าเกินไป

     

    แต่มันก็เชื่อยากเหลือเกิน หรือที่ถูกคือเขาไม่อยากจะเชื่อ ไม่กล้าพูดออกไป กลัวว่ามันจะเป็นจริงขึ้นมา

     

    หน่วยพิเศษที่ 0(ชิโนบิ)... ขอให้เป็นแค่ความบังเอิญทีเถอะ...

     

    (...)

     

    (.....)

     

    โอ้ ไซโตะคุง จะไปแล้วสินะ

     

    โคลแบร์ยิ้มเมื่อเห็นไซโตะมาหาที่หน้าห้องทดลอง ที่คอของเด็กหนุ่มห้อยแว่นตากันลมที่เป็นของดูต่างหน้าปู่ของเซียสต้า เดอร์ฟลิงเกอร์สะพายหลัง ถุงทำจากหนังห้อยที่เอว ภายในมีสิ่งของหลากหลาย

     

    ครับ

     

    จะตามไปลงจอดบนเรือสินะ จะลงอย่างปลอดภัยได้มั้ยนะ?

     

    เมื่อเช้านี้ กองทัพทริสเทนเคลื่อนออกไปก่อนแล้ว รวมถึงเรือที่จะบรรทุกเครื่องซีโร่ด้วย เป็นเรือบรรทุกมังกรชื่อ [วูเซินเทอร์]  ไซโตะต้องนำเครื่องซีโร่ขับตามไป ในเครื่องมีเชื้อเพลิงที่โคลแบร์ใช้เวทมนตร์ดินผลิตพอสำหรับขึ้นบินได้ห้าครั้ง

     

    นอกจากนั้นยังใส่<อาวุธลับ>ไปให้ด้วย

     

    น่าเสียดายที่ไม่มีเวลาอธิบาย แต่ฉันเขียนไว้ในคู่มือแล้ว เอ้า

     

    (Credit: baka-tsuki.org)

     

    ไซโตะมองปราดเดียวก็รู้ว่า...เขาอ่านไม่ออก เดี๋ยวเขาจะให้หลุยส์อ่านทีหลัง

     

    ขอบคุณครับ

     

    จากนั้นโคลแบร์ก็เปิดปากด้วยท่าทางลังเล

     

    ถ้าให้พูดตามตรง...

     

    เอ๋?

     

    ถ้าให้พูดตามตรง ฉันไม่อยากให้นักเรียนของฉันขับพาหนะที่ใช้เพื่อสงครามเลย

     

    เขาพูดอย่างขมขื่น

     

    นักเรียน?

     

    อ่า จะว่ายังไงดีล่ะ ถึงเธอไม่ใช่ชนชั้นสูง ฉันก็ยังคิดกับเธอเหมือนเป็นนักเรียนของฉันคนหนึ่ง เธอคงไม่ว่าใช่มั้ย?

     

    ไม่ ไม่เลยครับ...

     

    ไซโตะรู้สึกเขิน

     

    ฉันไม่อยากใช้ไฟเพื่อสงคราม ถึงทุกคนจะบอกว่าไฟเป็นธาตุแห่งการทำลายล้าง ไฟเป็นธาตุที่มีค่ามากในการศึก...แต่ฉันคิดว่าแบบนั้นมันช่างน่าเปล่าเปลี่ยวเหลือเกิน

     

    ไซโตะก้มหน้า ไม่รู้จะพูดอะไร

     

    อ้อ จริงสิ เครื่องจักรบินได้นี่มีชื่อในทางกองทัพว่า [ฟีนิกซ์] สินะ?

     

    เอ่อ ครับ ตอนที่ผมบินที่ตาร์บ เหมือนจะมีคนตะโกนขึ้นมาว่า ดูสิ! วิหคในตำนาน ฟีนิกซ์!’ หรืออะไรทำนองนั้นล่ะครับ

     

    เข้าใจล่ะ! ฟีนิกซ์นี่เอง!”

     

    โคลแบร์ตะโกนด้วยความยินดี

     

    ฟีนิกซ์ เทพวิหคเพลิงในตำนาน สัญลักษณ์แห่งการทำลายล้าง...และการเกิดใหม่

     

    เกิดใหม่?

     

    ใช่ๆ  การเกิดใหม่  อืม เป็นสัญลักษณ์ของไฟ นะ หืม?

     

    โคลแบร์หลุดจากห้วงความตื่นเต้นเมื่อเห็นใบหน้าพิศวงของไซโตะ

     

    อ้าว ขอโทษทีนะ ฉันเผลอไป

     

    ไม่เป็นไรครับ ผมชินแล้วล่ะ

     

    ตอนนั้นเองที่หลุยส์เดินเข้ามา

     

    ทำอะไรของเธออยู่? ไซโตะแหวใส่เด็กสาวที่มาช้า

     

    ผู้หญิงมีเรื่องต้องเตรียมตัวเยอะแยะนะ

     

    จะไปรบ ยังจะ ผู้หญิงเตรียมตัวอะไรกันเล่า

     

    ฮึ หลุยส์หันหน้าหนี ไม่สนใจไซโตะ

     

    ทั้งคู่ขึ้นไปบนที่นั่งคนขับ หนึ่งเดือนแล้วตั้งแต่หลุยส์หนีออกจากบ้านมา และก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ตอนนั้น

     

    เวทมนตร์ของโคลแบร์หมุนใบพัด เครื่องยนต์ก็เริ่มทำงาน โคลแบร์ช่วยอีกครั้งด้วยการสร้างลมแรงหนุนจากด้านหลังเครื่อง

     

    ไซโตะสวมแว่นกันลม พันผ้าพันคอที่ได้จากเซียสต้า

     

    ไซโตะคุง! มิสวาลลิแยร์!”

     

    โคลแบร์ตะโกนผ่านเสียงหึ่งของเครื่องยนต์และใบพัด

     

    ห้ามตายเด็ดขาดนะ! ต่อให้สิ้นหวังแค่ไหนก็ตาม! ถึงต้องถูกเรียกว่าเป็นคนขี้ขลาดก็ต้องกลับมาอย่างปลอดภัยให้ได้นะ!”

     

    เสียงของโคลแบร์ถูกกลบโดยเสียงของเครื่องยนต์จนหมด แม้จะไม่ได้ยิน แต่คำพูดของโคลแบร์ก็สื่อสารไปถึงใจของทั้งคู่ได้

     

    ครับผม!”

     

    ไซโตะเดินเครื่องไปข้างหน้า เครื่องซีโร่ค่อยๆ เคลื่อนไป จนกระทั่งมันลอยขึ้น

     

    บนท้องฟ้ามันค่อยๆ เล็กลง จนกระทั่งหายไป

     

    แม้จะมองไม่เห็นแล้ว โคลแบร์ก็ยังยืนมองอย่างเงียบเชียบ

     

    (...)

     

    ไซโตะบังคับเครื่องซีโร่แหวกม่านเมฆไปในท้องฟ้า ด้วยความเร็วของเครื่องบินรบ ไม่นานก็จะตามทัพหลักทัน

     

    เขาหวนนึกถึงช่วงสองวันที่ผ่านมา เด็กหนุ่มที่มาจากต่างโลกเหมือนกับเขา  เอ็กซ์ เป็นชื่อจริงของเด็กหนุ่มคนนั้น ทั้งคู่เพิ่งจะมีโอกาสได้นั่งสนทนากันเป็นเวลานานๆ ครั้งแรก

     

    เป็นความรู้สึกที่อบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก เขาพูดอะไรไปเอ็กซ์ก็เข้าใจได้แทบจะทั้งหมด เว้นก็แต่เรื่องชีวิตความเป็นอยู่บางเรื่อง ตั้งแต่มาที่ต่างโลกนี้เขาเพิ่งจะมีเพื่อนที่สามารถคุยเรื่องที่โลกของเขาได้

     

    ที่น่าเจ็บใจก็คือเอ็กซ์เองไม่ยอมเล่าเรื่องโลกของตัวเองบ้าง บอกแต่ว่า วิทยาการล้ำหน้ากว่าโลกของเขามาก แค่นั้น พอเขาคะยั้นคะยอ(บอกว่า ไม่ยุติธรรม)ก็ตอบมาว่า งั้นกลับมาเมื่อไหร่จะเล่าให้ฟัง

     

    ไซโตะยิ้ม เขาไม่คิดจะตายอยู่แล้ว รู้อย่างนี้ก็ยิ่งมีเหตุผลให้ต้องกลับมามากขึ้นอีก

     

    ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรของนาย...อย่าบอกนะว่าคิดถึงผู้หญิงที่ไหนอีกแล้ว เสียงคนอารมณ์บูดดังมาจากในห้องคนขับ

     

    (...)

     

    ที่สถานศึกษาเวทมนตร์ทริสเทน กลุ่มคนบนหลังม้าปรากฏตัวขึ้นในวันเดียวกับที่หลุยส์และไซโตะออกเดินทาง

     

    หน่วยปืนคาบศิลานำโดยอาเนียสผ่านประตูเข้ามา

     

    นักเรียนหญิงที่อยู่รอบๆ ต่างตกใจที่ได้เห็นหน่วยราชองครักษ์ ในเวลาเดียวกันนั้นผู้อำนวยการ [โอลด์ ออสมัน] ก็ออกมาพบอาเนียส

     

    ยินดีต้อนรับหน่วยปืนคาบศิลา

     

    ไม่ต้องอ้อมค้อม เตรียมการไว้พร้อมแล้วใช่มั้ย?

     

    ออสมันพึมพำอะไรบางอย่าง ในใจเขานึกถึงคำสั่งจากองค์ราชินีที่อาเนียสเป็นคนนำมาส่งเมื่อสองวันก่อน

     

    ทั้งที่สงครามนี้มันไร้มนุษยธรรมน่ะเหรอ?

     

    รัฐบาลเรียกสงครามครั้งนี้ว่าเป็นสงครามเต็มรูป

     

    สงครามเต็มรูป ชื่อที่เหมาะสมของสงครามที่กลืนกินแม้แต่ผู้หญิงและเด็ก สงครามแบบนี้เป็นความถูกต้องแบบไหนกัน?

     

    อาเนียสมองออสมันด้วยแววตาเย็นชา

     

    ถ้าอย่างนั้นสงครามที่กลืนกินแต่ผู้ชายและทหารเป็นความถูกต้องแบบไหนกันล่ะ?

     

    ออสมันไม่เหลือคำจะตอบโต้

     

    ความตายเป็นสิ่งเท่าเทียม ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย เด็กหรือผู้ใหญ่ จำไว้ให้ดี

     

    จำบทสนทนาในวันนั้นได้ ทั้งคู่ไม่ตอบโต้อะไรมากกว่านั้น ออสมันนำทางอาเนียสและหน่วยปืนไปที่หอคอยตามที่เตรียมการไว้

     

    (...)

     

    ในเวลาเดียวกันนั้น ชั่วโมงเรียนของห้องคีร์เก้และมอนท์โมรันซี่ใกล้จะจบลง เพราะอาจารย์ผู้ชายไปสงครามกันหมด ชั่วโมงเรียนจึงลดลงมาก

     

    แต่ก็มีข้อยกเว้นอยู่คนนึงน่ะนะ คีร์เก้พึมพำ สายตามองอาจารย์ที่สอนอยู่หน้าชั้น

     

    โคลแบร์นั่นเอง

     

    สอนต่อไปอย่างกับไม่มีอะไร ใบหน้าของเด็กสาวผมแดงปราศจากซึ่งความสงบ

     

    อะแฮ่ม ดูสิ อุณหภูมิของเปลวไฟทำให้สีมันสว่างขึ้น

     

    โคลแบร์เผาปลายแท่งโลหะด้วยเปลวไฟ ระหว่างที่มันงอจากความร้อนเขาก็อธิบายไป

     

    มีโลหะหลายชนิดที่ควบคุมรูปร่างไม่ได้ถ้าเปลวไฟไม่ร้อนพอ ดังนั้นเวลาใช้ ไฟ  การควบคุมอุณหภูมิเป็นสิ่งสำคัญ

     

    มอนท์โมรันซี่ยกมือขึ้น

     

    มีคำถามเหรอ มิสมอนท์โมรันซี่?

     

    มอนท์โมรันซี่ยืนขึ้น

     

    ประเทศอยู่ในระหว่างสงคราม ทำไมอาจารย์ถึง...ยังสอนหนังสือต่อไปอย่างสบายใจอย่างนี้ได้อีกล่ะคะ?

     

    อยู่โรงเรียนทิ้งความกังวลพวกนั้นไปซะ ฉันเป็นอาจารย์ และพวกเธอก็เป็นนักเรียน

     

    โคลแบร์นั่งลง ตอบคำถามโดยไม่เปลี่ยนน้ำเสียง

     

    แต่เพื่อนในห้อง...รวมทั้งพวกอาจารย์ก็เผชิญหน้ากับสงครามกันหมดนะคะ

     

    แล้วยังไง? เพราะเป็นเวลาสงครามเราถึงยิ่งต้องเรียนหนังสือ จะนำไปใช้ในสงครามก็จำเป็นต้องเรียนรู้การใช้ ไฟ เพื่อการทำลาย ตอนนี้เรียนซะ พวกนักเรียนชายกลับมาจะได้มีอะไรไว้คุยกับพวกเขา

     

    โคลแบร์พูดไปก็มองไปรอบๆ ห้องเรียน

     

    ก็แค่กลัวสงครามเท่านั้นไม่ใช่เหรอคะ?

     

    คีร์เก้ประกาศด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์

     

    ถูกต้อง โคลแบร์พยักหน้า ฉันกลัวสงคราม ฉันเป็นคนขี้ขลาด

     

    เสียงหายใจเฮือกดังขึ้นในหมู่นักเรียนหญิงด้วยความตกตะลึง

     

    แต่ฉันไม่รู้สึกผิดแม้แต่นิด

     

    ในจังหวะเดียวกันนั้น อาเนียสและหน่วยปืนก็เปิดประตูเข้ามาในห้องเรียน

     

    ทุกคนสวมชุดป่านร้อยเรียงกันเหมือนห่วงโซ่ เอวสะพายดาบยาวและปืนสั้น นักเรียนหญิงเกิดเสียงจอแจขึ้นที่เห็นกลุ่มผู้หญิงที่แต่งตัวเด่นแบบนั้นโผล่พรวดเข้ามา

     

    พวกท่าน นี่มันอะไรกัน...

     

    อาเนียสไม่สนใจโคลแบร์ หันไปออกคำสั่งกับนักเรียน

     

    ข้าคือหัวหน้าหน่วยคาบศิลาขององค์ราชินี ในนามของฝ่าบาท ข้าขอออกคำสั่งให้งดชั่วโมงเรียนทั้งหมดนับแต่นี้เป็นต้นไป สวมเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อยแล้วออกไปรวมกันที่สนาม

     

    อะไรนะ? งดชั่วโมงเรียน? อย่าพูดเป็นเล่นสิ

     

    อาเนียสหันไปทางโคลแบร์ซึ่งเป็นผู้พูด แล้วกล่าวตอบอย่างไม่เก็บความไม่พอใจ

     

    ข้าไม่มีอารมณ์จะมาทำนิ่มนวลด้วยหรอกนะ นี่เป็นคำสั่งจากองค์ราชินี!”

     

    ชั่วโมงเรียนนี้ก็เป็นคำสั่งขององค์ราชินีเหมือนกัน ตามระเบียบใต้อำนาจขององค์ราชินี เวลาที่ข้าได้รับมอบหมายให้ความรู้แก่นักเรียนยังเหลืออีก 15 นาที ข้าจะสอนต่อไปอีก 15 นาที จะไปเล่นสงครามกันก็ไว้หลังจากนั้น! ทุกคนกลับไปนั่งที่!”

     

    อาเนียสชักดาบออกมาจ่อที่คอของโคลแบร์

     

    เล่นสงคราม? คิดจะขัดขวางการปฏิบัติงานของพวกเรางั้นเหรอ? เรื่องนี้ไม่ได้ให้ผู้ใช้เวทมนตร์ตัดสินใจ อย่าได้ใจเกินไปนัก

     

    ไม่ไม่ใช่อย่างนั้น...

     

    คมดาบอยู่ห่างจากคอไม่กี่นิ้ว หน้าผากโคลแบร์เริ่มมีเหงื่อซึม

     

    ผู้ใช้ไฟสินะเจ้าน่ะ? พวกมันมีกลิ่นเหม็นไหม้แบบเดียวกันลอดออกมาจากใต้เสื้อคลุม ฟังให้ดีนะอาจารย์ ข้าน่ะเกลียดพวกผู้ใช้ไฟที่สุด อย่าขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเรา

     

    โคลแบร์ขาสั่น ต้องใช้หลังพิงผนังไว้ อาเนียสมองโคลแบร์ที่ตัวสั่นเหมือนมองขยะ แล้วเก็บดาบก่อนจะเดินออกไป นักเรียนหญิงที่เดินผ่านโคลแบร์ส่งสายตาดูถูกแบบเดียวกันให้เขา

     

    ในที่สุดก็เหลือเขาคนเดียว โคลแบร์ยกสองมือปิดหน้า แล้วถอนใจยาว

     

    (...)

     

    โคลแบร์กลับมาที่ห้องทดลอง นักเรียนหญิงก็ไปที่สนามกันหมด เขาไม่คาดคิดว่าจะเห็นใครยืนอยู่หน้าห้องทดลองของเขา

     

    คนแปลกหน้าสังเกตเห็นเขาก็หันมาทักทาย

     

    สวัสดีครับ เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

     

    เธอ...เพื่อนของไซโตะคุงใช่มั้ย ฉันเห็นคุยกันที่สนามเมื่อวานนี้? แล้วเด็กผู้หญิงคนนี้...

     

    ชื่อเลเวีย ยินดีที่ได้รู้จัก เลเวียธานแนะนำตัวเสียงเรียบ ไม่แสดงความเคารพเป็นพิเศษ ถึงตอนนี้เธอทำจนชินแล้ว

     

    ฉันชื่อโคลแบร์ ยินดีเช่นกัน โคลแบร์ไม่คิดมากเรื่องชนชั้นสูง-สามัญชนก็แนะตัวตามปกติ

     

    เอ็กซ์สังเกตในใจว่าคำเรียกเขาเปลี่ยนไป ครั้งก่อนตอนเรื่องฟูเก้ต์ อาจารย์คนนี้เรียกตัวเองว่า ข้า และเรียกเขาว่า เจ้า เหมือนชนชั้นสูงทั่วไป การเปลี่ยนแปลงนี้คงเกี่ยวข้องกับการที่เขาเป็นเพื่อนไซโตะ

     

    พวกเธอมาทำอะไรที่โรงเรียนนี้ล่ะ?

     

    หน่วยปืนขอให้เรามาช่วยงานน่ะครับ

     

    ได้ยินชื่อนั้น โคลแบร์สะดุ้งหายใจเข้า แต่ไม่ถึงกับมีเสียง เฮือก

     

    ช่วย...ฝึกนักเรียนของฉันในการสงครามน่ะเหรอ? เสียงของโคลแบร์ปิดความเจ็บปวดไว้ไม่มิด

     

    เปล่าหรอกครับ ช่วยเรื่องอื่น

     

    เรื่องอื่น?

     

    ก็ต้องคอยดูไปน่ะครับ เอ็กซ์ตอบ ก่อนจะหันไปทางห้องทดลอง

     

    ของคุณเหรอครับ? ผมเห็นตั้งแต่ครั้งก่อน

     

    อืม คงจะคิดว่าโทรมล่ะสินะ...

     

    ก็ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ... เอ็กซ์ยิ้มแหยๆ  สื่อชัดว่าเขาคิด

     

    อยากจะเข้ามาดูข้างในมั้ยล่ะ? โคลแบร์ชวน เอ็กซ์คิดในใจว่าท่าทางภูมิใจนำเสนอนิดๆ

     

    ไว้วันหลังดีกว่าครับ วันนี้ผมมีเรื่องรบกวนใจเยอะ

     

    เอ็กซ์บอกลา แต่ก่อนไปโคลแบร์ก็เรียกเขาไว้

     

    เธอ...คิดยังไงกับสงครามครั้งนี้ ไม่สิ เธอคิดยังไงกับสงคราม

     

    เลเวียธานสนใจขึ้นมา ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงปล่อยผ่านหูไป หรือแม้แต่เข้าไปตอบแทนด้วยความมั่นใจว่าเธอและท่านเอ็กซ์จะคิดเหมือนกัน

     

    แต่เธอในตอนนี้ไม่คิดอย่างนั้นแล้ว เธออยากจะยืนยันคำถามนี้จากท่านเอ็กซ์ด้วยตัวเองเหมือนกัน

     

    เอ็กซ์พิจารณาสีหน้าแววตาของโคลแบร์ เขารู้ว่าอีกฝ่ายคาดหวังคำตอบใดคำตอบหนึ่งจากเขา แต่เขาไม่รู้สึกเป็นธุระต้องตอบเอาใจ

     

    สงครามเป็นเรื่องธรรมดา

     

    โคลแบร์ได้ฟังคำตอบก็มีสีหน้าเจ็บปวด

     

    เหตุผลไม่เกี่ยว สงครามก็คือการทะเลาะวิวาทที่มีคนเยอะหน่อย เนื้อแท้แล้วก็ไม่ต่างกันหรอกครับ

     

    โคลแบร์ตกใจ ไม่ใช่กับเหตุผล แต่กับน้ำเสียงพูดปกติที่ไม่เหมือนกับกำลังพูดถึงสิ่งที่คร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย

     

    เธอ...จะว่าอย่างนั้นก็จริง แต่ไปได้ความคิดแบบนั้นมาจากไหน?

     

    จากประสบการณ์ตัวเองครับ

     

    โคลแบร์ไม่คาดว่าจะได้คำตอบนั้นจากเด็กอายุเท่านี้ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าไซโตะเองก็อายุไม่ต่างจากเด็กหนุ่มคนนี้  สงครามนั้นไม่แบ่งแยกเป็นคำกล่าวที่จริงแท้

     

    แล้วเธอ...ไม่เคยเสียคนที่รักไปเพราะสงครามบ้างเหรอ? ความเจ็บปวดในตอนนั้นเธอเคยสัมผัสมาบ้างรึเปล่า?

     

    ชินแล้วครับ

     

    นี่...นี่ คำตอบนี้ต่างหากที่เขาไม่คาดคิดจริงๆ

     

    ชิน...!”

     

    การชินกับการสูญเสียคนที่รักไปกับสงครามเป็นหน้าที่ของทหารรับจ้างที่มีแผลเป็นเต็มตัวหรือนายพลที่รับใช้กองทัพมายี่สิบสามสิบปี ไม่ใช่เด็กหนุ่มที่หนวดยังไม่ขึ้น

     

    ดูจากปฏิกิริยาแล้ว คุณเองก็คงจะเคยคร่าชีวิตมามากเหมือนกันสินะครับ คนที่จะคิดอย่างนี้ได้มีแต่ต้องเคยผ่านมาได้ด้วยตัวเองเท่านั้น เด็กๆ ที่ไม่เคยเอาชีวิตใครจะให้เข้าใจที่คุณพูดเป็นไปไม่ได้หรอกครับ ถึงจะเคยแล้วก็ใช่ว่าต้องคิดเหมือนคุณ ถ้าสอนกันได้ทุกคน...สงครามก็คงหมดไปนานแล้วล่ะครับ

     

    โคลแบร์ไม่เหลือคำพูดจะตอบโต้ แม้ทั้งสองจะเดินจากไปแล้ว เขาก็ยังยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน

     

    เขาเข้าใจ...เข้าใจดีอยู่แล้ว เรื่องที่สอนไปก็ป่วยการ เรื่องที่ไม่มีใครจะมาเข้าใจได้เท่ากับเขาหากไม่ผ่านเรื่องแบบเดียวกันมา

     

    ใบหน้าที่เอ่ยก็แสดงความสงสาร ดูอย่างไรเด็กหนุ่มคนนั้นก็ต้องเข้าใจแน่ แต่ถ้าอย่างนั้นทำไม ทำไมตอนที่เอ่ย  สงครามก็คงหมดไปนานแล้ว นั่น ดวงตาสีเขียวมรกตที่ดูมีประกายจู่ๆ ก็...

     

    โคลแบร์ทรุดลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง รู้สึกหนาวจับขั้วหัวใจเมื่อนึกถึงแววตานั่น

     

    (...)

     

    เลเวียธานเดินตามหลังนายของเธอออกมาจากบ้านหลังโทรมๆ นั่นก็สงสัยไม่หาย

     

    ผู้ชายคนนั้นเห็นอะไร...?

     

    เธอยืนอยู่ด้านหลังจึงไม่ได้เห็นด้วย แต่ช่วงสุดท้ายก่อนท่านเอ็กซ์จะพูดจบ ชายคนนั้นมีสีหน้าหวาดกลัวราวกับเห็นสิ่งที่ผิดมนุษย์เป็นที่สุด

     

    เลเวียธานนึกย้อนไปตั้งแต่เธอติดตามท่านเอ็กซ์มาจากทะเลสาบแล็กโดเรี่ยน ทีแรกเธอก็คิดว่าท่านเอ็กซ์มีอะไรแปลกไปจากตอนที่พบกันที่ทะเลสาบครั้งแรกเมื่อสองปีก่อน แต่มันเล็กน้อยมากจนเธอไม่ได้ใส่ใจ

     

    อา เธอพอนึกได้รางๆ  ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นชัดเจนของท่านเอ็กซ์เริ่มต้นขึ้นหลังจากพิธีแต่งตั้งหน่วยปืนคาบศิลา เหตุการณ์ที่เรปลิลอยด์ที่ท่านเอ็กซ์เรียกว่า เคอร์เนล สังหารมนุษย์ไปหลายศพ ตอนนั้นเธอสนใจแต่เรื่องที่ไซเบอร์เอลฟ์ถูกใช้เป็นเครื่องมือสังหาร แต่เธอลืมสังเกตไปว่าตอนนั้น ท่านเอ็กซ์รู้สึกนึกคิดอย่างไร?

     

    ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าไม่มีทางที่ท่านเอ็กซ์จะไม่ได้คิดอะไร เพราะความเปลี่ยนแปลงมันเริ่มขึ้นนับจากตอนนั้น

     

    และเมื่อครู่นี้ เธออยากรู้ว่าสิ่งที่ชายคนนั้นเห็นคืออะไร

     

    บางทีมันอาจจะเป็นกุญแจที่จะไขปริศนาข้อนี้ได้

     

    เลเวีย!”

     

    เลเวียธานสะดุ้ง คนที่เรียกเธอด้วยชื่อนั้นมีไม่มาก

     

    เพื่อนๆ ของเธอที่หน่วยปืนคาบศิลานั่นเอง

     

    ว่าไง เธอทักด้วยรอยยิ้มสบายๆ

     

    สบายดี ท่าทางเธอเองก็เหมือนกันสินะ!” หญิงสาวร่างใหญ่แคลร์หัวเราะ

     

    ตกใจเลยนะตอนที่ได้ยินจากหัวหน้าว่าเธอเองก็จะร่วมภารกิจกับเราด้วย หญิงสาวผมสีดำยาวระต้นคอนิโคลยิ้มบางๆ

     

    แล้วเอมิลีล่ะ?

     

    ช่วยงานหัวหน้าอยู่ ก็เป็นรองหัวหน้านี่นะ นิโคลตอบยิ้มๆ  ท่าทางภูมิใจในน้องสาวตัวเอง

     

    โห ไม่เลว~”

     

    เลเวียธานหยุดคุยกับเพื่อนทั้งสอง เธอไม่เห็นนายของเธอเดินล่วงหน้าไปก่อน เธอไม่เห็นเขาหันกลับมายิ้มด้วยความยินดี เธอไม่เห็นความเศร้าสร้อยในแววตาของเขา

     

    (...)

     

    (.....)

     

    เวลาตีสี่ ตะวันยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้า สถานศึกษาเวทมนตร์ทริสเทนยังอยู่ในความมืด

     

    เรือรบลำเล็กลำหนึ่งปรากฏขึ้นเหนือหอคอยทั้งหก ดวงตาเปล่งแสงในความมืดจ้องมองลงมาจากด้านบน

     

    ถึงที่หมายแล้ว วาลด์เดินเข้ามาจากด้านหลัง

     

    ไม่ชอบพูดเหมือนเคยนะ วาลด์ยิ้มที่มุมปาก จงใจให้น้ำเสียงเหน็บแนม แต่เช่นเคย ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ

     

    ร่างในผ้าคลุมเหลือบมองข้างหลัง เห็นร่างในผ้าคลุมคล้ายๆ กันอีกราวสามสิบร่างยืนรวมกันพร้อมแล้วก็หันไปพูดกับวาลด์

     

    เริ่มภารกิจ

     

    อย่าสั่งข้า ข้ารู้แล้ว

     

    วาลด์ร่ายคาถา<ลอยตัว>ให้กับร่างในผ้าคลุมทั้งหมด ก่อนที่ทั้งสามสิบร่างจะกระโดดลงไป

     

    ไปแล้วสินะ ฟูเก้ต์เดินเข้ามาจากด้านหลัง วาลด์ส่งเสียง อืม ตอบโดยไม่หันกลับไป

     

    ใช้เวทมนตร์ก็ไม่ได้ ต้องพึ่งพาคาถา<ลอยตัว>ของข้า พวกนี้น่ะเหรอจะปฏิบัติภารกิจสาหัสแบบนี้ได้ วาลด์เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์

     

    ก็แอบทดสอบหลายครั้งแล้วไม่ใช่รึไง? ฟูเก้ต์เอ่ยเสียงแซว วาลด์ตอบแค่ อา

     

    ทำตัวเป็นเด็กๆ ไปได้ ทดสอบแล้วผลเป็นยังไง? พึ่งพาได้แค่ไหน?

     

    วาลด์ถอนใจ

     

    ไม่ใช่มนุษย์

     

    ฟูเก้ต์ท่าทางไม่พอใจในคำตอบ

     

    ถ้าแค่ ไม่ใช่มนุษย์ ล่ะก็ คนที่ไต่เต้าจนได้เป็นหัวหน้าหน่วยราชองครักษ์ตั้งแต่อายุยังไม่ทันเหยียบเลขสามอย่างเจ้าก็เข้าข่ายเหมือนกันนั่นล่ะ ฟูเก้ต์เอ่ยเสียงเยาะ

     

    เจ้าไม่เข้าใจ มนุษย์ ไม่ว่าจะกระทำเรื่องโหดร้ายป่าเถื่อนมากแค่ไหน ก็ยังเป็นมนุษย์

     

    อย่างเจ้าพูดอะไรแบบนี้ได้ด้วย ผิดคาดจริงๆ

     

    ข้าแค่พูดความจริง แต่ชายคนนั้น...ไม่เหมือนกับเจ้าหรือข้า เจ้านั่น...

     

    ฟูเก้ต์เริ่มเข้าใจก็เบิกตากว้าง

     

    ...ไม่ใช่มนุษย์

     

    ร่างในผ้าคลุมจำนวนมากลอยตัวกลางอากาศ มุ่งหน้าลงไปที่หอคอยทั้งหกเบื้องล่าง ใต้ฮู้ดของร่างที่อยู่หน้าสุด เส้นผมสีทองที่เล็ดลอดออกมาเล็กน้อยสะท้อนกับแสงจันทร์ที่ส่องลงมาสลัวๆ  ดวงตาสีน้ำเงินเปล่งแสงผิดวิสัยดวงตาที่เป็นเลือดเนื้อ

     

    (...)

     

    --

     

    แนะนำตัวละคร

     

    (Credit: Kadokawa Media Factory)

     

    คัทเลยา อิเว็ทท์ ลา โบม เลอ บลังค์ เดอ ลา ฟงเทน (ขวา)

    เผ่าพันธุ์ : มนุษย์

    เพศ : หญิง

    อายุ : 24 ปี

    ส่วนสูง : 171 เซนติเมตร

    น้ำหนัก : ไม่ทราบ

    ชอบ : สัตว์ทุกชนิด, หลุยส์

    เกลียด : ไม่ทราบ

     

    ข้อมูล : บุตรีคนที่สองของดยุคลา วาลลิแยร์ ร่างกายอ่อนแอแต่เกิด ปัจจุบันแข็งแรงขึ้นจนแทบจะเป็นปกติ ผู้ใช้เวทมนตร์ชำนาญธาตุดิน ระดับไทรแองเกิล ในจำนวนพี่น้องสามคน เป็นคนเดียวที่ไม่เหมือนกับแม่ ทั้งด้านบุคลิก และ...ความสมบูรณ์ของสัดส่วน

     

    ได้รับที่ดินและทรัพย์สมบัติจากบิดาผู้เป็นดยุค เป็นการปลอบขวัญเธอที่ได้แต่อยู่ในปราสาทวาลลิแยร์ แต่เมื่อร่างกายแข็งแรงดีก็ออกจากปราสาทมาประจำหน้าที่เคาน์เตสแห่งฟงเทน อาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังไม่ใหญ่มาก ใกล้กับเมืองหลักของที่ดินฟงเทน

     

    รักสัตว์และธรรมชาติ ห้องนอนของเธอมีสภาพไม่ต่างจากสวนจำลอง ทั้งพืชกระถางและสัตว์นานาชนิด แม้แต่ห้องอื่นๆ ในคฤหาสน์เองก็ยังมีพืชประดับประดา แต่เพื่อไม่เป็นการรบกวนบริวารในคฤหาสน์มากจนเกินไป จึงไม่รกเท่ากับห้องนอนของเธอ

     

    สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคัทเลยาคือครอบครัว โดยเฉพาะหลุยส์ซึ่งเป็นน้องสาวสุดที่รักที่เธอเอ็นดู

     

    นอกจากที่กล่าวมาแล้ว เธอยังมีเพื่อนอีกหนึ่ง เป็น<ดวงวิญญาณ>ที่สถิตอยู่ในริบบิ้นผูกผมสีชมพูของเธอ ซึ่งเธอเห็นเป็นทั้งเพื่อนรักและผู้มีพระคุณที่ช่วยรักษาโรคเรื้อรังของเธอ รวมถึงเป็น<ฐานสนับสนุน>สำหรับความทรงจำวัยละอ่อนของเธอ ที่เธอได้พบกับชายคนหนึ่ง

     

    (PBW:ขออภัยเรื่องรูป คนเขียนต้องการรูปที่มี Art แบบไลท์โนเวล แต่เจอแค่รูปนี้รูปเดียว หารูปเดี่ยวไม่ได้)

     

     

    (Credit:megaman.wikia.com)

     

    ซินนามอน

    เผ่าพันธุ์ : ไซเบอร์เอลฟ์ (อดีตเรปลิลอยด์)

    เพศ : หญิง(เทียบเท่า)

    อายุ : กว่า 100 ปี (นับรวมเวลาหลังจากเป็นไซเบอร์เอลฟ์)

    ส่วนสูง : ราว 140 - 150 เซนติเมตร

    น้ำหนัก : ไม่ทราบ

    ชอบ : มิตรภาพ, ความรัก

    เกลียด : การสูญเสีย

     

    ข้อมูล : เรปลิลอยด์ที่เข้าร่วมกองกำลังต่อต้านกับเอ็กซ์และคนอื่นๆ ที่กิกันทิส สร้างโดยด็อกเตอร์กอดีล อายุที่น้อยทำให้มีนิสัยสุภาพอ่อนโยน ขี้สงสัย และไร้เดียงสาในเรื่องเกี่ยวกับเล่ห์กล

     

    ในอกของเธอแท้ที่จริงคือเครื่องกำเนิดฟอร์ซเมทัล อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูงที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก ด้วยเหตุนี้ทำให้เธอเป็นที่ต้องการของรีเบลเลี่ยน และมาริโน่ที่ในตอนนั้นมาตามหา<สมบัติ>

     

    เธอและสมาชิกคนอื่นๆ ของกองกำลังต่อต้านมีชีวิตผ่านสงครามอิเร็กกุล่าร์และสงครามเอลฟ์จนถึงการก่อตั้งเนโออาร์คาเดีย แต่หลังจากนั้น...

     

    หลังจากกลายสภาพเป็นไซเบอร์เอลฟ์และสถิตอยู่ในไซเบอร์สเปซได้ระยะหนึ่ง เธอก็ถูกรอยแยกของมิติส่งมาที่ฮาลเคกิเนีย จนกระทั่งได้พบกับเอ็กซ์ และรับปาก<ภารกิจ>ในการรักษาโรคเรื้อรังของคัทเลยา บุตรีคนที่สองของดยุคลา วาลลิแยร์ จนกระทั่งทั้งคู่เป็นมิตรต่อกัน

     

    ปัจจุบันเธอถูกส่งกลับไปที่ไซเบอร์สเปซ ตามข้อตกลงกับเอ็กซ์ว่าหากงานเขาเสร็จและกลับจากอัลเบี้ยนแล้ว จะได้กลับไปรักษาคัทเลยาต่อให้เสร็จ

     

    --

     

    PBW:“ตอนนี้ก็จะหนักทาง<รูทเอ็กซ์>หน่อย หลังจากนี้ไปประมาณสามสี่ตอนก็คงจะหนักทางเอ็กซ์มากกว่าเนื้อเรื่องดั้งเดิม

     

    DX:“แกก็ลอกมานานมากแล้วล่ะนะ

     

    PBW:“ตอนหน้าก็คงจะเป็นตอนสุดท้ายของ Arc 6 แล้ว

     

    DX:“ทำไมมันสั้นจัง?

     

    PBW:“ก็เล่ม 6 ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของคู่พระ/นางตัวจริงนี่หว่า ซึ่งเราก็ข้ามไปเกือบหมดเลยด้วย

     

    S:“ฮ่าๆ! บอกแล้วถ้าไม่มีพวกฉันก็ไม่มีอะไรแล้ว!”

     

    PBW:“เฮอะ หุบปากไปเลย เดี๋ยวพอ Arc 7 ก็สั้นจุ๊ดอีกล่ะ เพราะทั้งเล่มเป็นเรื่องพวกนายที่อัลเบี้ยน เรื่องทางนี้ก็ต้องแต่งเองล้วน

     

    DX:“ทีแรกนึกว่าจะให้พวกเอ็กซ์ไปกับกองทัพด้วยซะอีก?

     

    PBW:“ก็ชั่งใจอยู่เหมือนกัน แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจตามนี้ และสำหรับโปรเจคที่กำลังดำเนินการ

     

    อัพเดทสถานะ: 45/63(65 หากนับรวมหน้าที่เป็นรูปภาพ)

    เริ่มชำนาญขึ้นมาบ้างแล้ว บางครั้งก็ทำได้วันละ 3 หน้าหากมีเวลาว่าง แต่บางวันก็ไม่ได้ทำเลย(นี่ถึงกับอู้การบ้านเพื่อโปรเจคนี้เลย)

    จากการอ่าน บอกได้อย่างหนึ่งว่า อาจารย์ยามางุจิแกเขียนได้สุดยอดจริงๆ  รู้ตัวเลยว่ายังมีอะไรที่ต้องพัฒนาอีกเยอะมาก

     

    PBW:“ด้วยความเร็วเท่านี้ หากไม่มีอะไรติดขัด คาดว่าจะเสร็จทันกำหนดการวันที่ 14 กุมภาพันธ์ และหากมีเวลาเหลือพอ อาจลงตอนต่อไปในวันนั้นเลย ไม่อย่างนั้นก็เป็นวันที่ 21 กุมภาพันธ์

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×