ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rockman X {x} Zero no Tsukaima : โลกใบใหม่

    ลำดับตอนที่ #37 : Chapter 30: พรายสาวแห่งหน่วยราชองครักษ์ (2)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 218
      10
      24 ธ.ค. 60

    ลำสุดท้ายแล้ว พยายามกันหน่อยทุกคน!”

     

    กลุ่มลูกจ้างเดินเรียงแถวกันแบกสินค้าจากแพไปที่คลังบนฝั่ง เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาเป็นหนึ่งในนั้น

     

    ฟู่~

     

    เอ็กซ์พ่นลมหลังจากวางกล่องไม้กล่องสุดท้ายลง แล้วเดินออกมาด้านนอกคลังสินค้า

     

    สองสัปดาห์ผ่านไปนับแต่เขาเริ่มทำงานที่นี่ ที่จริงแล้วจะนับเป็นเวลาแบบนั้นก็ไม่ถูก เพราะเขาไม่ใช่ลูกจ้างประจำ แต่ทำเป็นกรณีแล้วแต่ใครจะจ้าง โชคดีที่เมืองหลวงอย่างทริสทาเนียมีเรือสินค้าเข้ามาเทียบท่าเป็นประจำทุกวัน แม้จะไม่ใช่เรือทุกลำที่ต้องการคนงาน แต่เขาก็ได้งานทำทุกวัน บางวันได้หลายงาน

     

    แต่ว่าค่าแรงก็...นะ

     

    แตกต่างกันไปตามแต่นายจ้างและเนื้องาน มีตั้งแต่งานทั่วไป 25 ซุไปจนถึงงานหนัก 40 ซุ เขาได้เฉลี่ยวันหนึ่งประมาณ 70 ซุ แต่ต้องทำทุกงานตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงหัวค่ำ คนปกติมีสิทธิ์ไม่สบายหากทำงานหนักเท่านี้ติดต่อกันเกินสัปดาห์ แต่เอ็กซ์แทบไม่รู้สึกเหนื่อย

     

    เอ็กซ์นั่งหย่อนขาที่ริมน้ำ หยิบขนมปังเปล่าๆ สองก้อนออกมา

     

    ค่ากินอยู่ในวันหนึ่งของเขาตกอยู่ที่ประมาณ 30 ซุ บวกด้วย 10 ซุค่าห้องพัก(เขาโชคดีมากที่สคาร์รอนเป็นคนกันเอง) ทำให้ได้เงินเก็บวันละประมาณ 30 ซุ แต่แลกกับเขาต้องกัดก้อนขนมปังเปล่าๆ กิน

     

    เอ็กซ์มองดูเงินในถุงผ้า มีเงินอยู่ 4 เอคิวกับอีกนิดหน่อย เป็นเหรียญทอง 2 เอคิว ที่เหลือเป็นเหรียญเงิน เดี๋ยวเขาต้องเอาไปแลกเป็นเหรียญทอง จะได้ไม่หนักเปล่าๆ

     

    เขานึกถึงเลเวียธาน การฝึกผ่านไปสองสัปดาห์แล้ว หลังจากวันแรกเขาก็ไปหาอีกสองสามครั้ง แต่โดนไล่กลับมาทุกครั้ง บอกว่าไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง แต่ได้ยินแค่นั้นไม่ทำให้เขาหายเป็นห่วงได้ อย่างน้อยก็ยังไม่มีเรื่องฮือฮาอะไร แสดงว่าความลับยังไม่แตก

     

    สองสัปดาห์ที่ผ่านมานอกจากทำงานหาเงินแล้ว เขาก็คอยหาข้อมูลเท่าที่หาได้ เกี่ยวกับชายที่ชื่อ [ริชมงต์]

     

    ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะเป็นหัวหน้าตุลาการศาลสูงยุติธรรมจริงอย่างที่แอบฟังมา ซ้ำยังเป็นคนที่ใกล้ชิดกับราชวงศ์ทริสเทนด้วย

     

    ศาลสูงยุติธรรมคือศาลที่ตัดสินคดีความข้อขัดแย้งระหว่างชนชั้นสูง นอกจากนั้นก็ยังคอยควบคุมตลาดและโรงละครของสามัญชนไม่ให้มีสิ่งที่ผิดกฎหมาย

     

    ผู้นำขององค์กรที่มีอำนาจขนาดนั้นมีการติดต่อกับอัลเบี้ยน อนาคตของราชวงศ์ทริสเทนมืดมนจนน่าใจหาย

     

    ...แต่ก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของเขา ถ้าไม่มีไซเบอร์เอลฟ์เกี่ยวข้อง เขาก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องไปยุ่ง

     

    เรื่องสำคัญตอนนี้คือกำลังจะมีอะไรเกิดขึ้นในศูนย์ฝึกหน่วยราชองครักษ์ของราชินีอังริเอตต้า ถ้ามีไซเบอร์เอลฟ์เข้ามาเกี่ยวข้อง อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น แล้วคราวนี้เขาก็ไม่มีมาเธอร์เอลฟ์อยู่กับตัวด้วย ถ้าเกิดอะไรขึ้นคงต้องพึ่งเลเวียธานเท่านั้น

     

    เขาล่ะเป็นห่วงจริงๆ

     

    ...

     

    ที่ศูนย์ฝึกช็อม เดอ มาร์ส เหล่าว่าที่สมาชิกหน่วยราชองครักษ์กระจายกันไปทั่วสนาม ส่วนที่สองของการฝึกช่วงเช้าหลังจากการฝึกฝนร่างกายคือการจับคู่ซ้อม จุดประสงค์คือเพื่อให้คุ้นชินกับการต่อสู้

     

    เลเวียธานจับดาบสองมือในท่ามาตรฐานการฝึก ปัดป้องบ้าง จู่โจมบ้าง ทั้งหมดเป็นท่ามาตรฐานที่ศูนย์ฝึกสอนให้ เธอขยับแขนไปก็เหม่อไปด้วย แต่ภายนอกแสดงออกเหมือนตั้งใจเพราะไม่อยากมีปัญหา

     

    ให้ตายเถอะ ไม่มีหอกมีง้าวให้รึไงนะ เรื่องเป็นอัศวินอะไรนี่ ฮาร์เปียเหมาะกว่าเธอเยอะ ทั้งบุคลิกและเรื่องที่ถนัดดาบ

     

    ในสองสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เธอได้ปรับตัวอะไรหลายอย่าง ตารางของเธอในแต่ละวันก็คงที่แล้ว นอกจากทำการฝึกเหมือนคนอื่นๆ  เธอจะปลีกตัวทำทีไปเข้าห้องน้ำช่วงพักกลางวันครั้งหนึ่ง และก่อนนอนอีกครั้งหนึ่ง เพื่อหลบออกจากศูนย์ฝึกไปกำจัดอาหารทั้งสามมื้อและดูดซึมน้ำจากแม่น้ำมาทดแทนที่ระเหยไป(ฤดูร้อนทำให้สูญเสียน้ำมากกว่าปกติ)

     

    เสื้อผ้า ปกติแล้ว<เสื้อผ้า>ที่เธอสวมแท้ที่จริงคือร่างกายของเธอ แต่มาที่นี่เธอต้องสามารถ<ถอดเครื่องแต่งกาย>ก่อนนอนได้ ดังนั้นเธอจึงต้องสวมชุดที่ศูนย์ฝึกมีให้ทับบนชุดที่ร่างกายเธอจำลองขึ้นอีกทีหนึ่ง สวมแล้วก็ต้องมาทำตัวให้เคยชินกับผิวสัมผัสของผ้าอีก เพื่อไม่ให้ร่างกายเธอไปทำให้มันเปียก

     

    นอกจากนี้เธอก็ยังได้ทดลองใช้<สัมผัสวารี>(ความสามารถในการรับรู้สิ่งที่อยู่ใกล้น้ำ เธอตั้งชื่อเพื่อให้มันสั้นลง)กับถังน้ำภายในศูนย์ฝึก เผื่อว่าจะใช้จับตาดูทหารนายนั้น แต่ไม่ได้ผล ดูเหมือนว่าถ้าหากไม่เชื่อมต่อกับผืนดิน แบบแหล่งน้ำตามธรรมชาติ ก็จะไม่มีวิญญาณแห่งน้ำเป็นหูเป็นตาให้เธอ

     

    ทำไมมันยุ่งยากอย่างนี้นะ เลเวียธานนึกบ่น ความสามารถของเธอต้องมีข้อจำกัดทุกทีไป

     

    หยุดมือ!”

     

    เสียงปะทะของดาบไม้เงียบลง

     

    พักกลางวันได้

     

    เลเวียธานเอาดาบไม้ไปเก็บรวมกับคนอื่นๆ  ซึ่งจะผลัดเวรกันเอาไปเก็บวันละสองคน วันนี้ไม่ใช่เวรของเธอ เธอจึงตรงดิ่งไปที่ห้องครัวทันที

     

    อาหารที่มีให้เป็นอาหารแบบเดียวกับที่ทหารกิน ขนมปังบาร์เลย์หยาบๆ กับซุปจากผักที่หาได้ตามผืนป่า ไม่เป็นปัญหาอะไรสำหรับผู้ที่เป็นสามัญชนมาอยู่แล้ว อาจยกเว้นสามัญชนที่มีอันจะกิน แต่ก็ไม่มีใครอะไร ส่วนเลเวียธานก็อาจจะบ่นแค่ไม่อยากกินเท่านั้น

     

    คนที่ผ่านการคัดตัวเข้ามามีเพียงแค่ 60 กว่าคน ถ้าหากเธอไม่โผล่หน้าไปรับอาหารต้องถูกจับได้แน่นอน ดังนั้นเธอจึงจำเป็นต้องทำเหมือนคนอื่นๆ  อาหารที่กินก็เข้าไปลอยอยู่ในตัวเธอเฉยๆ ไม่มีประโยชน์อะไร อีกเดี๋ยวก็ต้องออกไปกำจัดทิ้งข้างนอก

     

    เธอเลือกนั่งลงใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งเพื่ออาศัยร่มเงาหลบแดด ไอน้ำที่ใบไม้คายออกมาก็ช่วยรักษาระดับความชื้นของร่างกายเธอได้ด้วย

     

    โย่

     

    เช่นเคย พวกของแคลร์มานั่งกับเลเวียธานเหมือนอย่างทุกวัน เธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไมหญิงสาวร่างใหญ่(เธอเลิกใช้คำว่า หมี เพื่อไม่เป็นการเสียมารยาท)ถึงได้ถูกอกถูกใจเธอนักหนา อาจจะเกี่ยวข้องกับวันที่ทั้งคู่ถูกจับคู่ให้ซ้อมกัน และกำลังของเธอสู้กับอีกฝ่ายได้อย่างสูสี(แน่นอนว่าเธอออมมือ แต่ก็รับรู้ถึงความสามารถของอีกฝ่าย)

     

    สบายๆ เหมือนเคยสิ

     

    เลเวียธานพยักหน้า เป็นที่รู้กันทั่วแล้วว่ามีอยู่ห้าคนที่ความสามารถโดดเด่นเหนือคนอื่นๆ  หากมีแค่เธออาจจะตกเป็นเป้าของความอิจฉาบ้าง แต่เพราะแคลร์เป็นคนที่ตีสนิทไปทั่ว ทำให้เรื่องแบบนั้นมีน้อยมาก

     

    ว่าแล้ว วันนี้นิโคลจับคู่กับแม่ผมบลอนด์คนนั้นนี่นา?

     

    อา ก็อย่างนั้นแหละ

     

    <แม่ผมบลอนด์>หมายถึงหญิงสาวผมสั้นสีบลอนด์ที่ทำหน้าจริงจังอยู่ตลอดเวลา ไม่สุงสิงกับใคร เป็นหนึ่งในห้า ดอกไม้เหล็ก ของศูนย์ฝึก(เลเวียธานอยากรู้ว่าใครเป็นคนเริ่มชื่อนี้)

     

    แคลร์มีนิสัยอย่างนั้นย่อมเคยเข้าไปคุยด้วยหลายครั้ง แต่ได้แค่คำตอบคำหรือสองคำ เอมิลีบอกว่าให้ปล่อยไป แต่เพื่อนร่างใหญ่ของเธอตั้งมั่นที่จะให้หญิงสาวผู้เงียบขรึมมาคบค้าสมาคมกับพวกเธอให้ได้

     

    แล้วเป็นยังไงบ้าง?

     

    ไม่ใช่ย่อยเลย ฉันเกือบพลาดท่าตั้งหลายครั้ง ที่จริงฉันว่ายัยนั่นออมมือไว้ซะด้วยซ้ำ

     

    ก็นะ ดูเหมือนจะเป็นทหารรับจ้างมาก่อน หายากนะผู้หญิงเป็นทหารรับจ้าง

     

    เลเวียธานฟังผ่านๆ  ปากกัดขนมปังที่ไม่รู้รสชาติไปพลาง ตาเหม่อมองไปพลาง

     

    สายตาเธอไปสะดุดหญิงสาวที่เป็นประเด็นสนทนานั่งอยู่คนเดียวใต้ต้นไม้ห่างออกไปประมาณสิบเมตร ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะมองเธออยู่ก่อนแล้ว พอเธอหันไปก็เบือนหน้าหนี

     

    ในระหว่างที่เลเวียธานชั่งใจว่าควรจะเข้าไปถามดีหรือไม่ แคลร์ก็ลุกขึ้น และเดินเข้าไปก่อนใคร

     

    โย่ หญิงสาวร่างใหญ่เอ่ยคำทักทายประจำตัว

     

    ผู้ถูกเรียกเงยหน้าขึ้นมองอย่างเฉยเมย แล้วหันกลับไปนั่งกัดขนมปังอย่างไม่ใส่ใจ

     

    ฮ่าๆๆ! ขี้อายเหรอเรา!”

     

    คราวนี้หญิงสาวผมบลอนด์หันขวับพร้อมทั้งทำหน้าเหวอนิดๆ  ขณะเดียวกันแคลร์ก็ฉีกยิ้มกว้างหัวเราะอย่างเป็นมิตร

     

    สามคนตามมาทีหลัง สองพี่น้องเท้าเอวอย่างระอา อีกคนยืนทำหน้าพิศวง

     

    แคลร์หยุดหัวเราะแต่ยังคงรอยยิ้มไว้ เธอพูดกับหญิงสาวที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้

     

    เห็นอยู่คนเดียวตลอดเลยนี่ แค่มาทักทายเฉยๆ

     

    สาวผมบลอนด์หรี่ตาลงราวกับจับพิรุธอีกฝ่าย แต่เมื่อไม่เจอก็ถอนหายใจ

     

    ไม่ต้องมายุ่งกับฉันหรอก

     

    หญิงสาวเอ่ยปากเป็นครั้งแรก น้ำเสียงเย็นชาพร้อมทั้งเบือนหน้าหนี

     

    ไม่เห็นต้องเขินเลย อย่างน้อยบอกชื่อกันหน่อยก็ยังดี

     

    หญิงสาวร่างใหญ่ลงไปนั่งข้างและเอามือพาดไหล่อีกฝ่ายพร้อมทั้งยิ้มกว้าง

     

    ฉันชื่อแคลร์ เธอล่ะชื่ออะไร?

     

    แต่อีกฝ่ายลุกพรวดขึ้น แล้วเดินออกไป

     

    ก่อนจะหยุดชะงัก

     

    ...อาเนียส

     

    แล้วเดินต่อไปโดยไม่หันกลับมามอง

     

    นิโคลกับเอมิลีนั่งยองลงตบไหล่เพื่อนร่างใหญ่

     

    ไม่เลว ทีนี้ก็ไม่ใช่ แม่ผมบลอนด์ แล้วนะ

     

    สามสาวตีอกชกไหล่กันตามประสาเพื่อน มีเพียงเลเวียธานที่ยังติดใจสายตาที่หญิงสาวใช้มองเธอ ราวกับซ่อนอะไรอยู่

     

    ...คิดมากไปเองมั้ง?

     

    หญิงสาวผมบลอนด์อาจจะแค่อยากมีเพื่อนแต่ขี้อายอย่างแคลร์ว่าก็ได้ เรื่องธรรมดา

     

    ...

     

    เลเวียธานออกมาในช่วงเวลาพักก่อนนอนเช่นเคย และก็พบเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทายืนรอเธออยู่ใต้สะพานข้ามแม่น้ำที่เธอใช้เป็นประจำ

     

    มีธุระอะไรอีกล่ะคะ?

     

    อีกฝ่ายเหงื่อตกกับน้ำเสียงไม่ต้อนรับของเธอ

     

    ครั้งนี้มีสาระแน่ สาบานเลย

     

    ก็ว่ามาสิคะ เธอนั่งยองลงที่ริมแม่น้ำแล้วจุ่มมือลงไปด้วยใบหน้าเฉยเมย

     

    เธอจำได้ใช่รึเปล่า ตอนที่เราแอบฟังสองคนบนเรือ

     

    ใช้คำว่าแอบฟังคงจะไม่ถูกนะคะ สองคนนั้นไปพูดกลางแม่น้ำให้ข้าได้ยินเอง

     

    อา นั่นล่ะ สองคนนั้นพูดชื่อชื่อหนึ่ง

     

    ...รู้สึกจะเป็น ริชมงต์ สินะคะ?

     

    อืม ฉันไปถามคนหลายๆ ที่มา พอได้ข้อมูลมาบ้าง

     

    เธอลุกขึ้นจากริมน้ำ แล้วเดินเข้าไปฟังใกล้ๆ

     

    ริชมงต์เป็นชื่อของหัวหน้าตุลาการศาลสูงยุติธรรม องค์กรที่มีอำนาจตัดสินถูกผิดในข้อขัดแย้งที่เกี่ยวกับแวดวงชนชั้นสูง รับใช้ราชวงศ์ทริสเทนมาตั้งแต่สองรัชสมัยก่อน

     

    เลเวียธานพยักหน้าบอกให้อีกฝ่ายพูดต่อไปได้

     

    เป็นที่รู้กันว่าริชมงต์เป็นคนที่เจ้ายศจนถึงแก่น มองว่าชนชั้นสูงกับสามัญชนเป็นสิ่งมีชีวิตคนละชนิดกันเลยก็ว่าได้ รู้สึกว่าจะเป็นหนึ่งในคนที่ต่อต้านการจัดตั้งหน่วยราชองครักษ์หน่วยใหม่อย่างดุเดือดด้วย

     

    ถ้าอย่างนั้น...ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าแผนการที่ว่าจะเป็นการสกัดการจัดตั้งหน่วยราชองครักษ์หน่วยใหม่ก็ได้สินะคะ เพื่อไม่ให้สามัญชนได้มีโอกาสลืมตาอ้าปาก

     

    กับได้ขัดขวางราชินีอังริเอตต้าไม่ให้ทำอะไรได้ตามต้องการอีกด้วย แต่ไม่รู้ว่าอย่างแรกหรืออย่างหลังเป็นจุดประสงค์หลักกันแน่

     

    แล้วคนที่จับตาไว้เป็นยังไงบ้าง?

     

    ตลอดสองสัปดาห์นี้ก็ไม่มีพิรุธอะไร สีหน้าก็ยังดูสงบดีอยู่ น่าจะยังไม่ได้ลงมือค่ะ

     

    ถ้าป่านนี้แล้วยังไม่ลงมือ ก็แสดงว่ารอเวลาอยู่...น่าจะเป็นวันทดสอบวันสุดท้าย มีแค่วันนี้ที่มีความสำคัญอะไร

     

    ถ้าคำนึงถึงความสำคัญก็น่าจะเป็นตามนั้นสินะคะ...

     

    เลเวียธานคำนึงถึงความเป็นไปได้

     

    เดี๋ยวก่อน

     

    ...เลเวียธาน?

    ...มีคนแอบฟังเราอยู่ค่ะ

     

    เอ็กซ์รักษาอาการไม่ให้ดูมีพิรุธ

     

    อยู่ทางไหน?

     

    บนสะพานค่ะ คนคนนั้นชะโงกหน้าทำให้เงาตกกระทบผิวน้ำ ข้าถึงได้รู้

     

    เธอส่งสัญญาณมือให้อ้อมไปด้านตรงข้าม เมื่อขึ้นมาที่สะพานได้ ทั้งคู่ก็เห็นร่างหนึ่งพิงขอบสะพานชะโงกหน้าออกไป

     

    แอบฟังคนอื่นมันไม่ดีนะ

     

    บุคคลปริศนาสะดุ้งหันมาเห็นเธอยืนดักที่ต้นสะพาน หันไปอีกด้านก็ถูกดักไว้เช่นกัน

     

    หืม? เลเวียธานเห็นอีกฝ่ายชัดๆ แล้วก็เลิกคิ้ว เธอคือ...อาเนียสไม่ใช่เหรอ?

     

    บุคคลปริศนาที่ถูกเผยชื่อว่าอาเนียสมีท่าทีลนลานอยู่ครู่หนึ่ง แต่สงบสติได้อย่างรวดเร็ว แล้วก็เดินเข้ามาหาเธอ

     

    เรื่องที่พูดกันน่ะ เล่ามาให้ละเอียดซิ

     

    เลเวียธานมองใบหน้าขู่เข็ญของอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ

     

    คนที่โดนจับได้ว่าแอบฟังคนอื่นเขาแสดงท่าทีอย่างนี้เหรอ?

     

    ฉันจับได้ว่าเธอแอบออกมาพบกับคนนอกตะหาก

     

    ระหว่างที่เธอกับหญิงสาวผมบลอนด์ยืนข่มกันอยู่ ท่านเอ็กซ์ก็เดินเข้ามา จำอาเนียสได้เช่นกัน

     

    เธอคือคนที่ฉันเจอวันรับสมัคร

     

    อาเนียสหันกลับไปตามเสียงพูด

     

    เรื่องที่พวกนายพูดกัน บอกฉันมาให้หมด

     

    ขอร้องคนอื่นเขาพูดกันแบบนั้นเหรอ เลเวียธานพูดดัก แต่อีกฝ่ายทำเป็นไม่ได้ยิน

     

    ให้ฉันคุยเอง ท่านเอ็กซ์พูดมาอย่างนั้น เธอก็พยักหน้าทำตาม

     

    เขาหันมาทางหญิงสาวผมบลอนด์ที่ยืนรออยู่

     

    เรื่องนี้เป็นความลับ จะให้บอกง่ายๆ ไม่ได้หรอก เธอเป็นใคร ทำไมถึงอยากรู้ ตอบสองข้อนี้มาตามความจริง แล้วฉันจะคิดดู

     

    ทำไมฉันต้องบอกคนน่าสงสัยอย่างพวกนายด้วย?

     

    ฉันไม่นิยมทำร้ายคนที่ไม่เกี่ยวข้อง แต่เธอรู้เรื่องแล้ว ถ้าไม่ร่วมมือ ฉันก็มีแต่ต้องพาเธอไปขังไว้ที่ไหนซักแห่งจนกว่าเรื่องจะจบ

     

    เลเวียธานมองใบหน้าของท่านเอ็กซ์ที่บอกว่า ไม่ล้อเล่น แล้วก็หัวเราะคิกในใจ ท่านเอ็กซ์ที่ทำหน้าขู่แต่กลับพูดชัดเจนว่าจะไม่ทำร้าย เธอรู้สึกว่ามัน...น่ารัก...อย่างบอกไม่ถูก

     

    หญิงสาวจิ๊ปากเมื่อเห็นว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ต่อรอง

     

    ฉันชื่ออาเนียส ฉันมีเหตุผลที่ต้องเป็นหน่วยราชองครักษ์ให้ได้ พวกนายพูดกันว่าหน่วยราชองครักษ์จะถูกสกัดการก่อตั้ง เรื่องนั้นฉันยอมไม่ได้เด็ดขาด

     

    แค่นั้นแน่ใจนะ?

     

    แค่นั้นก็เป็นเหตุผลพอแล้ว

     

    ...แล้วชื่อ ริชมงต์ ล่ะ?

     

    แม้เล็กน้อยเพียงแค่เปลือกตาขยับ ก็ไม่พ้นสายตาของพวกเธอสองคน

     

    คงมีเรื่องอะไรซักอย่างสินะ ข้อมูลเล็กน้อยแค่ไหนก็อาจจะมีประโยชน์ บอกได้ก็บอกเถอะ

     

    อาเนียสถลึงตามองคนสอบสวน แล้วเอ่ยเสียงเรียบ

     

    เจ้านั่นเคยรับสินบนจากนอกอาณาจักรแล้วฆ่าล้างหมู่บ้านแห่งหนึ่งโดยอ้างว่าปราบปรามกบฏ...

     

    โทสะที่หญิงสาวสะกดกลั้นไว้ไม่มิด เธอกับท่านเอ็กซ์สังเกตเห็นได้ไม่ยาก แต่ไม่มีใครแสดงท่าทีว่ารับรู้

     

    เข้าใจล่ะ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็แน่ใจได้แล้วว่าริชมงต์ คนนี้ไม่ใช่ขุนนางที่ซื่อสัตย์ต่ออาณาจักร งานนี้มีอัลเบี้ยนเกี่ยวด้วยแน่นอน

     

    อาเนียสเห็นเป็นเวลาทวงสัญญา

     

    ทีนี้ตาพวกนายบ้างแล้ว พวกนายเป็นใครเป็นตัวอะไรกันแน่ แล้ววางแผนอะไรอยู่?

     

    เลเวียธานสะดุ้ง ก่อนจะค่อยๆ หันไปมองท่านเอ็กซ์เหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าแอบเอาขนมมากินในห้องเรียน

     

    รักษาความลับได้ดีมากเลย...

     

    ...ขอโทษค่ะ

     

    เธอก้มหน้างุด ปล่อยให้ท่านเอ็กซ์เป็นคนอธิบายสรุปย่อ เหตุการณ์ที่นำมาสู่การสมัครเข้าหน่วยราชองครักษ์ของเธอ แน่นอนว่าเรื่องที่เป็นความลับก็ต้องละไว้

     

    ... มีเหตุผลที่ต้องหยุดแผนการครั้งนี้ให้ได้ แล้วไอ้เหตุผลที่ว่านี่มันคืออะไร?

     

    ก็เหมือนกับที่เธออยากเป็นหน่วยราชองครักษ์นั่นล่ะ

     

    แล้วที่ว่า ไม่ได้ตั้งใจจะเป็นหน่วยราชองครักษ์ นั่นน่ะไม่น่าสงสัยไปหน่อยรึไง

     

    เธอยังอยู่ในช่วงสำนึกผิดจึงไม่ปริปากอะไรในระหว่างที่ท่านเอ็กซ์กับอาเนียสปะทะสายตากัน

     

    ...ฮึ ก็ไม่ได้สนใจนักหรอก สรุปว่าให้คอยสอดส่องดูพิรุธของทหารคนที่ว่าก็พอสินะ

     

    โดยเฉพาะวันทดสอบวันสุดท้าย เธอรู้เรื่องแล้วก็มีแต่ต้องร่วมมือกับพวกเรา

     

    ถ้าทำให้ฉันเข้าหน่วยราชองครักษ์ไปได้ด้วยดีล่ะก็ ฉันทำอยู่แล้ว

     

    หลังจากผ่านมาได้สองสัปดาห์ อาเนียสก็ได้มาเป็นสมาชิกร่วมขบวนการ แต่เลเวียธานคิดว่าก็คงจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเท่าไร

     

    เธอกับอาเนียสกลับมาที่ข้างกำแพง ด้วยเหตุผลบางอย่าง การรักษาความปลอดภัยที่นี่ต่ำมาก ถึงขนาดที่คนทั้งคนปีนกำแพงออกมาได้ง่ายๆ

     

    ว่าแต่ว่า เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่ใช่มนุษย์?

     

    วันแรกของการฝึก ฉันตื่นขึ้นมากลางดึก เห็นของเหลวรวมตัวกันเป็นเธอบนที่นอน

     

    ...เลเวียธานอยากจะไปกระโดดตึกให้รู้แล้วรู้รอด ความเธอแตกตั้งแต่ไก่โห่

     

    แล้วทำไมถึงตามฉันออกมา?

     

    น่าสงสัยจะตายไป คนที่ไม่ใช่มนุษย์ไปเข้าห้องน้ำช่วงพักก่อนนอนทุกวัน ถ้าเกิดเธอวางแผนอะไรที่จะทำให้ฉันไม่ได้เป็นหน่วยราชองครักษ์ขึ้นมาจะทำยังไง

     

    เลเวียธานเหงื่อตก หญิงสาวคนนี้จะยึดติดกับการเป็นราชองครักษ์อะไรขนาดนั้น

     

    ว่าแต่ หมอนั่นก็ไม่ใช่มนุษย์เหมือนกันเหรอ?

     

    ...ก็ไม่เชิง คงจะเป็นมนุษย์นั่นล่ะ

     

    อีกฝ่ายคงจะประหลาดใจกับคำตอบของเธอ แต่เธอเองก็ประหลาดใจเหมือนกัน กับความรู้สึกแปลกๆ ตอนที่ถูกถามคำถามนั้น

     

    ทั้งสองกลับเข้าไปในค่ายฝึก อาเนียสทำท่าจะแยกตัวออกไปก็ถูกเลเวียธานล็อกตัวให้เข้าไปหาพวกแคลร์ด้วยกัน

     

    อะไรของเธอ!?”

     

    จะทำงานด้วยกันทั้งทีก็ทำความรู้จักกันหน่อยสิ~”

     

    แท้จริงเธอแค่อยากจะเอาคืนนิดหน่อยเรื่องที่มารู้ความลับเธอเข้าเท่านั้น

     

    อาเนียสต่อต้านการคบค้าสมาคมกับคนอื่นอย่างเด็ดขาด แต่น่าเสียดายที่การทำตัวต่อต้านสังคมของเธอไม่สามารถหยุดการตีซี้ของแคลร์ได้เมื่อเธอมาถึงที่แล้ว

     

    เลเวียธานมองแล้วก็ยิ้มอย่างอบอุ่น สติของเธอล่องลอยไปถึงเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ทั้งสามคน

     

    ...

     

    ยิง!”

     

    ปัง!

     

    เลเวียธานดึงปืนยาวเข้ามาชิดลำตัวพร้อมกับถอนหายใจ การฝึกแบบนี้มันไม่เหมาะกับเธอจริงๆ

     

    เธอได้ยินมาเหมือนกันว่าหน่วยราชองครักษ์ใหม่นี้จะเป็นหน่วยที่ใช้พลังของดาบและปืนทดแทนเวทมนตร์ที่ขาดแคลน แต่ได้ยินกับทำจริงมันคนละเรื่อง

     

    ตั้งปืนเตรียมบรรจุ!”

     

    ต้องมาย้ำขั้นตอนการบรรจุกระสุนจนถึงยิงซึ่งมีร่วมสิบขั้นตอนซ้ำไปซ้ำมาเป็นร้อยรอบอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องสนุกเลยสักนิด แถมกระดาษที่ห่อกระสุนกับดินปืนก็ยังออกแบบมาให้ใช้ปากกัดอีก ดินปืนหกเปื้อนตัวสกปรกหมด! เทดินปืนแล้วจะหยิบไม้กระทุ้งยังต้องสั่ง กว่าจะเสร็จขั้นตอนบรรจุ เธอแทบจะหาว

     

    เตรียมพร้อม!”

     

    เธอขยับปืนขึ้นตั้งฉากกับพื้น มือดึงนกจนสุด แล้วเลื่อนมาจับคอปืน ตามคำสั่งเล็ง!’ ก็พลิกปืนลงตั้งขนานกับพื้น พานท้ายแนบไหล่ขวา(เป็นครั้งที่ล้าน) พร้อมกันนั้นก็เล็งปืนไปที่โล่งข้างหน้า

     

    ยิง!”

     

    ลั่นไก ปัง! แล้วก็กลับมาที่เดิม...

     

    เบื่อจนจะเฉาตายอยู่แล้ว...

     

    ...

     

    เธอเพิ่งจะได้เข้ามาในคอกม้าของศูนย์ฝึกก็วันนี้เป็นวันแรก และการฝึกที่ต้องมาทำในนี้ก็คือการดูแลม้า ทำความคุ้นเคย การให้น้ำ การให้อาหาร การทำความสะอาด...ของมัน ถ้าไม่ทำให้ม้าชินกับตัวเองก็จะเริ่มฝึกการขี่ม้าในลำดับต่อไปไม่ได้ อย่างสุดท้ายจะว่าเป็นสิ่งที่เลเวียธานเกลียดเข้าไส้ก็ได้ เพราะเธอเกลียดสิ่งสกปรกบนพื้นดินเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

     

    เธอไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ที่เนโออาร์คาเดียไม่ใช้ม้ากันแล้ว

     

    ...

     

    เฮ้อ~ ไอ้ขี่ม้ายิงปืนอะไรนี่ไม่ถนัดเลย แคลร์ที่นั่งอยู่บนที่นอนของตัวเองถอนหายใจ

     

    แต่อ่านเขียนก็ดีขึ้นแล้วนี่ นิโคลตอบจากที่นอนที่อยู่ใกล้กัน

     

    พวกเธอสองคนนี่ดีจังน้า~ เป็นมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

     

    ก็ลูกพ่อค้านี่ ว่าแต่เลเวียกับอาเนียสแป๊บเดียวก็ยิงปืนคล่องแล้ว แถมบุคลิกการเดินการนั่งก็พัฒนาเร็วเหลือเชื่อ อย่างนี้จะเรียกว่ามีพรสวรรค์ก็ได้นะเนี่ยเอมิลีหันไปมองสองคนดังกล่าว

     

    เฮอะ ฉันว่าน่าเบื่อออกจะตาย โดยเฉพาะตอนบรรจุกระสุนนี่แทบขาดใจ เลเวียธานยิ้ม

     

    อาเนียสแม้จะมานั่งรวมกลุ่มด้วยกันแต่โดยดีแล้วก็ยังไม่ค่อยพูด ทว่าไม่เป็นอุปสรรคสำหรับแคลร์

     

    อาเนียส ฉันเห็นเธอแอบมองทหารนายนั้นอยู่บ่อยๆ นะ~”

     

    ผู้ถูกเรียกหันขวับ ยังไม่เข้าใจความหมายที่สื่อแต่เริ่มสังหรณ์ใจไม่ดี

     

    ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่าในกลุ่มพวกเราจะเป็นเธอคนแรกที่มีผู้ชายมาต้องตา

     

    อาเนียสทำหน้าเหมือนเห็นผี

     

    มอง—!? มันก็ใช่...! แต่ว่า—!“

     

    ใบหน้าของเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาลอยขึ้นมาพร้อมกับคำพูด ความลับ  หญิงสาวเม้มปากแน่น เป็นอาการที่ใกล้เคียงกับคนที่อายจนพูดไม่ออก

     

    ไม่ต้องเขิน ไม่ต้องเขิน~”

     

    ไม่ใช่!!”

     

    เลเวียธานหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง

     

    เธอยอมรับจากใจว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาหนึ่งที่เธอมีความสุขจนแทบจะลืมทุกสิ่งได้ แต่ก็เตือนตัวเองเสมอว่าเวลาเหมือนกับสายน้ำ มันไหลไปอย่างไม่หยุดนิ่ง

     

    วันตัดสินใกล้เข้ามาในอีกหนึ่งสัปดาห์

     

    --

     

    DX:”หายไปไหนมาตั้งนาน!?”

     

    PBW:”ช่วงที่คนเขียนหายไปนี้คือ คนเขียนเกิดแรงบันดาลใจไปแต่งฟิคอื่น แล้วพอดีช่วงนั้นไอเดียฟิคนี้ไม่แล่น ดังนั้นจึงเปลี่ยนบรรยากาศไปนั่งแต่งฟิคอื่นที่ว่านี้ต่อกันยาว แต่ไม่ได้เอาลงเว็บ แค่แต่งสนองความต้องการตัวเองเฉยๆ ไม่ได้คิดว่าจะแต่งจนจบ แล้วตอนนี้แรงบันดาลใจที่ว่าก็หมดแล้วด้วย จึงกลับมาแต่งฟิคเรื่องนี้ต่อ ด้วยประการฉะนี้

     

    DX:”กลับมาทีก็ลงสองตอนรวดเลย

     

    PBW:”จริงๆ แล้วเรื่องที่ศูนย์ฝึกนี้มีไว้แค่แนะนำอาเนียสกับเอ็กซ์เท่านั้น นอกจากนั้นก็มีตรงส่วนเทคนิคยุ่งยากอีกนิดหน่อย คนเขียนเลยลงสองตอนรวด ยาว แต่ไม่ใช่ตอนที่สนุกมากนักหรอก คนเขียนก็รู้ตัว แต่...จะเขียนใหม่ก็คิดไม่ออกแล้ว

     

    S:”นี่~ เมื่อไหร่ฉันจะได้ออก?~”

     

    PBW:”ฉันตัดสินใจเปลี่ยนเหตุการณ์ในช่วงนี้ไปเยอะ รับรองไม่ได้ว่าในอีกสี่ห้าตอนข้างหน้านี้นายจะได้มีบทจริงจังบ้างรึเปล่า

     

    S:”โอดโอย~ โอดโอย~

     

    PBW:”ช่วงตอบคำถามขอยกยอดไปตอบตอนหน้า เพราะลงสองตอนติดกัน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×