ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rockman X {x} Zero no Tsukaima : เรปลิลอยด์ของยัย 0 สนิท

    ลำดับตอนที่ #77 : Chapter 76 : ประชุมสภาเอลฟ์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 342
      5
      25 ก.ค. 59

    ทะเลทรายอันกว้างใหญ่ไพศาลทางใต้ของอาณาจักรโรมาเลีย ข้ามมาทางใต้สุดคือดินแดนแห่งเนฟเธส อาณาจักรของเหล่าเอลฟ์ ประกอบไปด้วยโอเอซิสหลายแห่งกระจายตัวกันอยู่ไม่ห่างนัก ที่ท่าน้ำกลางทะเลสาบหนึ่งในโอเอซิสทั้งหลาย ฮาล์ฟเอลฟ์สาวผมทองนั่งหย่อนขาอยู่เหนือผิวน้ำ

     

    ร่างหนึ่งเคลื่อนไหวอยู่กลางทะเลสาบท่ามกลางแสงแดด เด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินครามว่ายด้วยท่าครอล์สโตรก(ที่เรียกกันฟรีสไตล์นั่นแหละ)จากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง แล้ววนกลับมายังจุดเดิม ซ้ำไปซ้ำมาอย่างนี้มาชั่วโมงกว่าแล้ว เขาไม่มีชุดว่ายน้ำหรอก แต่ขอยืมกางเกงผ้าจากเจ้าของโอเอซิสแห่งนี้มาใช้แทน เป็นกางเกงของเจ้าของคนผู้ชายนะ อย่าเข้าใจอะไรผิดๆ

     

    อาจจะฟังดูเหลือเชื่อถ้าจะบอกว่า(อดีต)ร็อคแมนเอ็กซ์วีรบุรุษผู้กอบกู้โลกว่ายน้ำไม่แข็ง แต่จริงๆ ก็คือเขาไม่ต้องหายใจ อยู่ใต้น้ำได้โดยไม่ต้องพึ่งอากาศ ฉะนั้นการว่ายน้ำจึงไม่จำเป็น ด้วยแรงต้านในน้ำนั้นน้อยกว่าบนพื้นดินมาก บวกกับแรงที่เหนือมนุษย์ เขาสามารถกระโดดจากก้นทะเลขึ้นสูงยี่สิบเมตรได้อย่างสบายๆ แต่ถ้าลึกกว่านั้น ก็จะเป็นภารกิจที่ต้องลงไปใต้ทะเลลึกอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องขึ้นมาบนผิวน้ำ อย่าเข้าใจผิด เขาเคยว่ายน้ำอยู่บ้างครั้งหรือสองครั้ง เพียงทำในเวลาว่าง ไม่ได้จริงจังอะไร(และที่สำคัญที่สุด นั่นมันเรื่องเมื่อศตวรรษก่อน) แต่ตอนนี้เขา(ดูเหมือนว่า)จะกลายเป็นมนุษย์ธรรมดาสามัญไปซะแล้ว ดังนั้นจึงถึงเวลาที่จะต้องขัดเกลาวิชาเอาตัวรอดที่อาจจำเป็นในอนาคต

     

    ไม่เหนื่อยเท่าไหร่เลย ทั้งที่เราก็ไม่เคยออกกำลังกาย(ตั้งแต่กลายเป็นมนุษย์มา) หรือว่าร่างกายเราจะแข็งแรงกว่ามาตรฐานมนุษย์ทั่วๆ ไป? จะลงความเห็นไปเลยก็ไม่ได้ เพราะเขาเองยังไม่เข้าใจการกลายเป็นมนุษย์ครั้งนี้อย่างถี่ถ้วนสมบูรณ์ แต่ที่เขาดูไม่เดือดร้อนอะไรมากนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเขาคิดว่าการเป็นมนุษย์ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร(ออกจะดีด้วยซ้ำ) อีกส่วนหนึ่งก็เพราะการอยู่มานานทำให้เขา(เหมือนกับทุกๆ คนที่อยู่มานานเช่นเดียวกัน)ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้ค่อนข้างรวดเร็วและรู้จักใช้คำว่า ช่างมันเถอะ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาโลกแตก

     

    ระหว่างที่เด็กหนุ่มอดีตเรปลิลอยด์กำลังทำกิจกรรมส่วนตัว ฮาล์ฟเอลฟ์สาวบนท่าน้ำก็ครุ่นคิดถึงเรื่องต่างๆ จะให้เจาะจงก็คือเรื่อง พันธสัญญาอสูรรับใช้ เธอยังไม่ได้ตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะลองอัญเชิญอสูรรับใช้ครั้งที่สองหรือว่า...

     

    เด็กสาวชาวเอลฟ์ผู้เป็นเจ้าของโอเอซิสแห่งนี้ไม่พลาดที่จะมองเห็น แขก บนท่าน้ำของเธอทอดสายตาไปยัง แขก ในทะเลสาบ

     

    สนใจเขาเหรอ? ทิฟฟาเนียนั่งอยู่ที่ท่าน้ำหันหน้ากลับไป ลุคเชียน่ายืนยิ้มอยู่ข้างหลัง

     

    ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ ฉันแค่... เธอหันกลับไปมองเด้กหนุ่มผมสีน้ำเงินครามในทะเลสาบ คิดเรื่องอสูรรับใช้ของฉัน

     

    อสูรรับใช้? จริงสิ! ของเธอเป็นคนแบบไหนเหรอ? ลุคเชียน่าถามอย่างกระตือรือร้น

     

    ฉัน...ยังไม่มีหรอกค่ะ ทิฟฟาเนียก้มหน้ารู้สึกว่าตัวเองล้มเหลว ลุคเชียน่าเปลี่ยนคำถามใหม่

     

    งั้น...เจ้านายของเอ็กซ์ล่ะเป็นคนแบบไหน?

     

    คุณหลุยส์น่ะเหรอคะ ก็เป็นคนที่มีจิตใจดีงาม ถึงจะโมโหอยู่บ่อยๆ แต่ก็คอยช่วยเหลือฉันอยู่เสมอ และให้ความสำคัญกับคุณเอ็กซ์เหมือนเป็นเพื่อนคนนึงด้วยล่ะค่ะ ทิฟาเนียยิ้มน้อยๆ เธอมองหลุยส์เป็นเจ้านายที่ดีของเอ็กซ์ ถ้าหากเธอมีอสูรรับใช้บ้าง ก็อยากจะเป็นอย่างหลุยส์

     

    หืม...ฉันได้ยินมาว่าพวกมนุษย์แบ่งแยกชนชั้นกดขี่กันเองนี่นา?

     

    คนแบบนั้นก็มีอยู่ แต่คุณหลุยส์กับเพื่อนๆ ไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกค่ะ ทิฟฟาเนียตอบเสียงไม่ดังมาก แต่มั่นใจ

     

    เห งั้นเองเหรอ มนุษย์เองก็มีหลายประเภทเหมือนกันเหรอเนี่ย? ลุคเชียน่าเอ่ยอย่างประหลาดใจ แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร เพราะเธอก็พอจะเห็นแววตั้งแต่ที่ได้พบกับทั้งสองคนแล้ว

     

    มังกรสองตัวร่อนลงบนฝั่งข้างทะเลสาบ สองเอลฟ์สาวเดินเข้าไปหา

     

    อารี่ มาทาร์ฟด้วย มีเรื่องอะไรเหรอ?

     

    ขณะนั้นเด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินครามตัดสินใจว่าได้เวลาขึ้นจากน้ำสักทีแล้ว เมื่อเขาปีนขึ้นฝั่งก็ได้ยินบทสนทนาระหว่างเอลฟ์ทั้งสี่

     

    งั้นเหรอ ถึงเวลาแล้วสินะ... ลุคเชียน่าพูดเสียงเบา สีหน้าแสดงความกังวล เอ็กซ์ในชุดที่ยืมเขาใส่เดินตัวเปียกเข้าไปถาม

     

    มีอะไรเหรอครับ? คนที่ตอบเขากลับเป็นเอลฟ์แปลกหน้าที่มากับอารี่ ชื่อว่ามาทาร์ฟ

     

    ทางสภาเรียกตัวพวกแกเข้ารับการตัดสิน!”

     

    เอ็กซ์ขอตัวเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับเป็นชุดเดิมก่อนจะกลับออกมาและขึ้นหลังมังกรแต่โดยดี เขาชำเลืองมองทิฟฟาเนียที่มีสีหน้ากังวลและหวาดกลัวก็เตรียมรับมือกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น เดลฟลิงเกอร์ใหญ่เกินไป เขาแอบเอามาได้แค่โมเดลเอ็กซ์ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรกับสถานการณ์ข้างหน้าได้ คงต้องไปดูสถานที่ก่อนจะตัดสินใจอะไรลงไป

     

    ...

     

    มังกรสองตัวพามนุษย์หนึ่งฮาล์ฟเอลฟ์หนึ่งและเอลฟ์อีกสามบินอยู่บนน่านฟ้า เอ็กซ์มองลงไปเบื้องล่าง สิ่งแรกที่เขาเห็นเด่นเป็นสง่าก็คือหอคอยแหลมสูงอยู่ใจกลางเมืองที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ พื้นสร้างด้วยหินสีขาวซึ่งอาจจะลงมนตราไว้ทำให้ลอยน้ำได้ เมืองมีลักษณะเป็นวงกลมสามชั้น แต่ละชั้นมีน้ำทะเลคั่นระหว่างกลางและมีสะพานทำด้วยหินสีขาวเชื่อมกันเป็นจุดๆ สะพานแบบเดียวกันนี้ก็เชื่อมเมืองบนน้ำเข้ากับแผ่นดินใหญ่ที่เป็นทะเลทรายด้วยเช่นกัน โดยส่วนตัวแล้วเอ็กซ์คิดว่าเป็นสถานที่ที่น่าทึ่งทีเดียว

     

    มังกรทั้งสองร่อนลงบนฐานหน้าตัดทรงกลมที่ยื่นออกมาจากหอคอยกลางเมือง พื้นสีม่วงทำด้วยวัสดุที่เอ็กซ์ไม่รู้จักและมีตัวอักษรแปลกๆ วาดเอาไว้ด้วยเส้นขาว ถ้าหัวจินตนาการหน่อยอาจคิดเล่นๆ ว่านี่คล้ายกับสัญลักษณ์ ‘H’ บนลานจอดเฮลิคอปเตอร์

     

    ทั้งหมดลงจากหลังมังกร บิดาชาลที่ยืนรออยู่แล้วเดินเข้ามา

     

    พาตัวมาแล้วครับ เอลฟ์หนุ่มอารี่แจ้งว่าได้ทำตามคำสั่งของสภาแล้ว บิดาชาลพยักหน้าก่อนจะหันไปหาผู้ที่ข้อมือถูกพันธนาการด้วยเชือกทั้งสอง

     

    การตัดสินของสภากำลังจะเริ่มขึ้น ทำตัวว่าง่ายจะเป็นผลดีกับตัวเองมากกว่านะ

     

    ทิฟฟาเนียหลบหลังเอ็กซ์อย่างขวัญเสีย เด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินครามจ้องตอบเอลฟ์หนุ่มผมยาวด้วยใบหน้าเรียบเฉยราวกับไม่ได้เพิ่งจะคุยกันอย่างถูกคอเมื่อคืนนี้ จุดทีเหมือนกันของทั้งสองในฐานะผู้ที่สูงด้วยวัยวุฒิก็คือรู้จักเวลาและสถานที่

     

    ทั้งหมดผ่านเข้าประตูที่มียามเอลฟ์สองคนยืนคุมเข้าไป เอ็กซ์ลอบใช้สายตาสังเกตสภาพโดยรอบอย่างละเอียด แต่ประโยชน์ที่ได้น้อยนิด เพราะเขาเห็นชัดเลยว่าในสภาพปัจจุบันไม่มีทางหนีได้แน่นอน ทางเดียวที่จะออกไปจากหอคอยสูงกลางมหาสมุทรนี้ได้คือทางอากาศ เขาขี่มังกรไม่เป็น และก่อนหน้านั้นก็ยังต้องผ่านยามเอลฟ์ที่ลือกันทั่วทั้งฮาลเคกิเนียว่าล้วนแล้วแต่มีพลังเหนือผู้ใช้เวทมนตร์ระดับสแควร์ เขาในตอนนี้อย่างมากก็สูสีกับกีซ ผู้ใช้เวทมนตร์ระดับดอท

     

    ห้องประชุมอยู่ที่บนสุดหอคอย หลังคาเป็นกระจกใสมองเห็นท้องฟ้าที่ไร้เมฆ เป็นเพราะอาณาจักรแห่งนี้มีจำนวนประชากรที่ไม่มาก ผู้แทนในสภาเองจึงมีจำนวนน้อยตามไปด้วย ไม่เกินห้าสิบคน ขนาดห้องเหมาะสมกับจำนวนคน นั่นคือไม่ใหญ่เหมือนห้องประชุมของสภากลางตามที่เห็นกันทั่วไป แต่โครงสร้างก็เป็นแบบเดียวกัน คือเป็นแถวที่นั่งสูงขั้นไปเป็นขั้นบันไดสองฝั่งซ้ายขวา แท่นยืนของประธานสภาอยู่ตรงกลางซึ่งตอนนี้ก็มีเอลฟ์ผมสั้นสีทองคนหนึ่งยืนอยู่

     

    เอ็กซ์กับทิฟฟาเนียออกไปยืนที่กลางห้อง สายตาทุกคู่มองมาที่พวกเขา มีทั้งเกลียดชัง ขยะแขยง หวาดระแวง และความไม่แน่ใจ เอ็กซ์ไม่ต้องสำรวจรอบห้องก็รู้ว่าโอกาสจะหนีไปจากที่นี่ได้เป็นศูนย์

     

    ผู้ใช้พลังของปีศาจและอสูรรับใช้!” เสียงที่ไว้ซึ่งอำนาจกล่าวขึ้น ประธานสภามองทั้งสองจากแท่นยืนด้วยสายตารังเกียจ

     

    เมื่อใดที่พลังของปีศาจทั้งสี่มาอยู่รวมกัน เมื่อนั้นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็จะถึงคราวล่มสลาย คำทำนายที่มีมาหกพันปีทุกคนต่างก็รู้กันดี แต่พวกมนุษย์ก็ยังรวบรวมปีศาจทั้งสี่นั้น เป็นหลักฐานพวกมนุษย์ตั้งใจจะกำจัดพวกเราเผ่าพันธุ์เอลฟ์...

     

    เอ็กซ์ยืนนิ่งข้างๆ ทิฟฟาเนียที่มีสีหน้าหวาดกลัวขณะที่ประธานสภากล่าวคำของตัวเองไป ดูจากความพึงพอใจที่แอบแฝงอยู่ในดวงตาของอีกฝ่าย เขารู้ว่าคำตัดสินต่อไปไม่ใช่ความปราณีแน่

     

    ...เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้พลังแห่งปีศาจทั้งสี่มารวมกันได้ เราจะสังหารหนึ่งในพวกมันซะ!”

     

    เสียงเอะอะกระจายไปทั่วทั้งห้องประชุม เอลฟ์บางส่วนลุกขึ้นชี้มือชี้ไม้ใส่ ปีศาจ สองตนพร้อมทั้งตะโกนสนับสนุน ขณะที่บางส่วนลุกขึ้นยืนด้วยเหตุผลต่างกันแต่ความตั้งใจไม่แพ้กัน

     

    ฆ่ามัน! ฆ่ามัน!”

     

    แบบนั้นก็ไม่ต่างจากพวกมนุษย์น่ะสิ!”

     

    พวกมันเป็นปีศาจ! ปล่อยไว้ไม่ได้!”

     

    เราเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงนะ! จะทำเรื่องป่าเถื่อนแบบนั้นไม่ได้!”

     

    เจ้าพวกนี้มันจะมาทำลายพวกเรานะ!”

     

    ถ้าจะไม่ให้พวกมันรวมตัวกันได้ แค่ขังไว้ก็พอแล้ว!”

     

    ประธานสภายกมือขึ้น การตอบโต้อันดุเดือดก็สงบลง เอลฟ์ผู้ทรงเกียรติเดินลงจากแท่นไปยืนที่กลางห้อง สายตามองนักโทษสองคนตรงหน้าอย่างรังเกียจเดียดฉันท์ ก่อนจะหันไปพูดกับสมาชิกคนอื่นๆ

     

    ทุกท่านมองดูสิ! ปีศาจที่น่าชิงชัง ปีศาจที่ราวีบรรพบุรุษของพวกเรามานานนับสหัสวรรรษ! พวกท่านเห็นกันรึเปล่า ความชั่วร้ายของพวกมัน!” เอลฟ์ที่เกรี้ยวกราดก้าวเข้าไปหาฮาล์ฟเอลฟ์สาวที่ผงะถอยหลัง เด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินครามเข้ามาแทรก ขวางไม่ให้เอลฟ์หนุ่มเข้าถึงตัวเพื่อนของเขาได้

     

    นี่แก! กล้า—!?!” เสียงของเอลฟ์หนุ่มหายไปในลำคอ

     

    ถ้าคุณแตะต้องเพื่อนของผมล่ะก็... เด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินครามเผชิญหน้ากับประธานสภาของเอลฟ์อย่างเด็ดเดี่ยว คำเตือนที่เอ่ยราวกับไม่รับรู้ถึงพันธนาการที่ข้อมือไม่ได้กระแทกเสียงดังแต่อย่างใด ทว่าทรงอำนาจอย่างไม่น่าจะมาจากผู้ที่ไร้พลังอย่างเขา

     

    เอสไมล์ผงะ เขาเพิ่งจะรู้ตัวว่าได้ถอยหลังกลับมาหนึ่งก้าว...ด้วยความกลัว

     

    บ้าบอคอแตก! ข้าคนนี้ที่เป็นถึงประธานสภาเอลฟ์น่ะเหรอกลัวมนุษย์ชั้นต่ำ!’ แต่เขาก็ไม่อาจก้าวขาออกไปข้างหน้าได้แม้แต่ก้าวเดียว บรรยากาศที่มนุษย์เพศชายผู้นี้แผ่ออกมา...ราวกับว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับมังกรไม่สิ สิ่งที่ทรงพลังยิ่งกว่านั้นอย่างเหลือจะคณานับ ไม่มีจิตสังหาร แต่มีความรู้สึกที่บอกว่าถ้าหากล้ำเส้นไปจะต้องตกเป็นเหยื่อของความพิโรธของสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลัง...และไม่มีทางจะรอดกลับมา

     

    เอสไมล์กัดฟันกรอด เขาไม่ยอมรับสัญชาตญาณที่บอกว่าอย่าไปยุ่งกับ สิ่ง ที่อยู่ตรงหน้า

     

    สัญชาตญาณมันของพวกสัตว์ที่ไม่มีสมอง เจ้ามนุษย์นี่ไม่ว่าจะดูยังไงก็ไร้พิษสง ทำไมข้าจะต้องกลัวด้วย!’

     

    พอแล้ว! เอาตัวพวกมันไปขังไว้ สิ่งที่น่าขยะแขยงแบบนี้มองไปก็เสียสายตา!” เอสไมล์สั่งยามสองคนซึ่งก็ปฏิบัติตามแต่โดยดีและเข้ามานำตัวฮาล์ฟเอลฟ์สาวและเด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินครามไป

     

    การตัดสินพักเอาไว้ก่อน ขอให้พวกท่านทุกคนกลับไปคิดทบทวนดูดีๆ ว่าต้องการจะให้ทำอย่างไร้กับผู้ใช้พลังของปีศาจและข้ารับใช้ ในวันพรุ่งนี้เราจะทำการออกเสียงเพื่อตัดสินขั้นสุดท้าย เลิกประชุม!”

     

    ห้องขัง

     

    ทั้งสองถูกพามาที่ห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ล้อมรอบด้วยกำแพงหินทั้งหกด้านกับประตูเหล็กและช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ติดลูกกรงพอให้แสงผ่านเข้ามาได้ อย่างน้อยข้างในก็มีเตียงผ้าที่ไม่โทรมมากและบนโต๊ะไม้ก็มีเหยือกกับแก้วน้ำให้

     

    นักโทษสองคนนั่งลงที่ขอบเตียงข้างๆ กัน ข้อมือเป็นอิสระจากเชือกแต่ยังทิ้งรอยไว้ ประตูห้องขังปิดลง เสียงฝีเท้าเอลฟ์สองคนที่พาพวกเขามาที่นี่เดินจากไป ทิฟฟาเนียเอ่ยปากขึ้นโดยที่สายตายังมองพื้น

     

    คุณเอ็กซ์ เมื่อกี้นี้ขอบคุณนะคะ เด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินครามหันมามองเธอแล้วยิ้มตอบ

     

    เพื่อนของผม ผมต้องปกป้องอยู่แล้วครับ แต่แล้วเขาก็หุบยิ้มลง

     

    ผมอยากจะพูดแบบนั้น แต่ว่าตอนนี้ผมก็ทำอะไรไม่ได้ พวกเขายังไม่ได้ตัดสินว่าจะทำยังไงกับเรา ไม่ฆ่าเราก็อาจจะขังเอาไว้ที่ไหนซักแห่งไปตลอดชีวิต อย่างน้อยถ้าเป็นอย่างหลังเราก็อาจพอหาทางหนีได้ เด็กหนุ่มลุกขึ้นเดินไปที่ข้างช่องลูกกรงที่ผนัง

     

    โมเดลเอ็กซ์ ช่วยออกไปดูรอบๆ ให้ที เขาปลดกระดุมเสื้อสองเม็ดบนออก และล้วงมือเข้าไปหยิบเอาโลหะสีน้ำเงินออกมา โลหะนั้นลอยลอดลูกกรงออกไปได้พอดี

     

    โชคดีนะครับที่พวกเราไม่ถูกค้นตัว เขาเดินกลับมานั่งที่เก่า ส่งยิ้มให้กำลังใจฮาล์ฟเอลฟ์สาว

     

    คุณเอ็กซ์เนี่ยพึ่งพาได้จังเลยนะคะ ทั้งที่อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ก็ยังพยายามให้กำลังใจฉัน ฉันน่ะ...กลัวจะแย่อยู่แล้วล่ะค่ะ... มือที่กำแน่นของทิฟฟาเนียสั่นระริก เอ็กซ์เห็นก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองพื้นบ้าง

     

    การกลัวไม่ใช่เรื่องที่ผิดหรอกครับ ผมเองกว่าจะมา พึ่งพาได้ อย่างที่คุณทิฟฟาเนียบอกก็เคยกลัวจนตัวสั่นมาหลายต่อหลายครั้งแล้วเหมือนกัน กลัวที่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรู กลัวเพราะเพื่อนตกอยู่ในอันตราย กลัวเพราะตกอยู่ในสถานการณ์ที่หาทางออกไม่ได้ เด็กหนุ่มทิ้งช่วงให้ฮาล์ฟเอลฟ์สาวได้ซึมซับคำพูดเข้าไป เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยแววตาพิศวง

     

    แล้วคุณเอ็กซ์...ทำยังไงเหรอคะ? เด็กหนุ่มยิ้มและพูดต่อ

     

    บางครั้งผมก็ลองผิดลองถูก อาศัยโชคช่วยจนผ่านมาได้ และครั้งไหนที่ผมคนเดียวไม่สามารถทำอะไรได้ ผมก็มีเพื่อนให้พึ่งพิง ครั้งหน้าที่ผมเจอเข้ากับปัญหาอย่างเดียวกันอีกผมก็สามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเอง หรืออย่างน้อยก็รับมือได้ดีขึ้น บางครั้งที่เพื่อนของผมต้องตกอยู่ในสถานการณ์อย่างเดียวกัน ผมก็เป็นฝ่ายช่วยเหลือบ้าง และบางครั้งก็ได้ช่วยเหลือคนที่กลัวอย่างที่ผมเคยกลัว เหมือนอย่างคุณทิฟฟาเนียในตอนนี้

     

    ฮาล์ฟเอลฟ์สาวเบิกตากว้างเมื่อได้ยินผู้ที่เธอชื่นชมบอกว่าเธอเองก็กำลังดำเนินเส้นทางสายเดียวกับเขา

     

    คุณอาจจะกำลังคิดว่าตัวเองเป็นภาระ แต่ผมถามคุณว่าถ้าหากต่อไปคุณได้พบกับคนที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับคุณตอนนี้ คุณจะใช้ประสบการณ์ที่มีช่วยเขารึเปล่า?

     

    ช่วยค่ะ ฉันจะช่วยเขาแน่นอน เท่าที่ฉันจะทำได้ ทิฟฟาเนียพยักหน้าตอบ แม้เสียงจะเบาแต่เปี่ยมด้วยความมั่นใจ เอ็กซ์ยิ้มละไม

     

    เมื่อถึงเวลานั้นคุณจะรู้เองว่าคนที่คุณพยายามช่วยนั้นไม่ใช่ภาระอย่างแน่นอน ตอนนี้คุณอาจจะยังไม่เข้าใจ ผมคงห้ามไม่ให้คุณรู้สึกแบบนั้นไม่ได้ แต่ผมสัญญาได้อย่างนึง ว่าเราจะรอดออกไปจากที่นี่ได้อย่างแน่นอน และซักวันคุณก็อาจจะได้ช่วยใครซักคนในสถานการณ์คล้ายๆ กันนี้ ก่อนจะถึงตอนนั้นอย่าเพิ่งสิ้นหวังนะครับ เด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินครามยิ้มให้กับฮาล์ฟเอลฟ์สาว ให้กำลังใจเท่าที่เขาจะให้ได้

     

    ทิฟฟาเนียหลับตาสูดหายใจเข้าจนเต็มปอด แล้วปล่อยออกมา เธอลุกขึ้นยืน

     

    ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันก็จะช่วยด้วยค่ะ! เพื่อให้คุณเอ็กซ์หนีออกไปจากที่นี่ได้!”

     

    มีกำลังใจก็ดีแล้วล่ะครับ เอ็กซ์พูดกลั้วหัวเราะ แต่นั่งลงเถอะครับ เบาเสียงได้ด้วยก็จะดี เดี๋ยวใครได้ยินเข้า

     

    ทิฟฟาเนียอายม้วนนั่งขดเข้าไปข้างผนัง เอ็กซ์หัวเราะเบาๆ พอดีกับที่โมเดลเอ็กซ์ลอดซี่กรงกลับเข้ามา

     

    ยามมีอยู่ประมาณยี่สิบคน อาจจะพอหลบออกไปได้ แต่ถ้าให้สู้ซึ่งๆ หน้าคงไม่ไหว

     

    อีกฝ่ายเป็นเอลฟ์ ถ้าไม่ใช่พลังของเวทย์ว่างเปล่าคงทำอะไรไม่ได้ เอ็กซ์สรุปจากข้อมูลที่ผ่านมา ละเรื่องใช้พละกำลังฝ่าออกไปเพราะนั่นเป็นกรณียกเว้น ตอนนั้นเขายังเป็นเรปลิลอยด์อยู่ แต่ตอนนี้เขาเป็นมนุษย์

     

    พูดถึงเวทย์ว่างเปล่า อ้ะ โมเดลเอ็กซ์ของอย่างหนึ่งลงบนเตียง มันคือแท่งไม้สั้นๆ หนึ่งแท่ง แต่ไม่ใช่แท่งไม้ธรรมดา

     

    นี่มันคทาสำหรับร่ายเวทย์มนต์นี่? ไปเอามาจากไหน? เอ็กซ์ถามด้วยความทึ่ง

     

    ไปเจอเก็บอยู่กับของอย่างอื่นอีกเยอะแยะ คงจะเป็นของที่ยึดได้จากคนที่หลงเข้ามาในเขตน่ะ

     

    ทิฟฟาเนียหยิบมันขึ้นมา คิ้วเธอขมวดเข้าหากัน

     

    แต่เวทย์ที่ฉันใช้ได้ก็มีแต่เวทย์ลบความทรงจำ นอกจากนั้นก็มีแต่...!!” ฮาล์ฟเอลฟ์สาวมีสีหน้าเหมือนกับนึกอะไรบางอย่างออก

     

    คุณทิฟฟาเนีย?

     

    ฉันก็ไม่แน่ใจนะคะ แต่นี่อาจจะช่วยให้พวกเราหนีออกไปได้

     

    ใบหน้าของทิฟฟาเนียเปลี่ยนเป็นจริงจัง เธอเริ่มร่ายคาถาบทที่สองในชีวิตของเธอ

     

    นามของข้าคือ ทิฟฟาเนีย เวสท์วู้ด

     

    เอ็กซ์ตาโต ถ้าเขาเดาไม่ผิด คาถาที่เธอกำลังร่ายมันคือ...

     

    ในนามของเพนตากอนผู้ปกครองพลังทั้งห้า อสูรรับใช้ที่จะช่วยให้ฟันฝ่าไปได้ไม่ว่าอุปสรรคใดๆ จงตอบรับคำเรียกและปรากฏตัวต่อหน้าข้า!”

     

    สิ้นคำร่าย อากาศตรงหน้าทั้งสองก็บิดเบี้ยว อุโมงค์สีเขียวปรากฏขึ้น เป็นภาพที่คุ้นเคยกันดี ฮาล์ฟเอลฟ์สาวสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่

     

    สำเร็จ...!” แต่ว่า...อสูรรับใช้แบบไหนกันนะที่จะออกมา?

     

    ทั้งคู่รออย่างใจจดใจจ่อ ทว่าไม่มีแม้แต่แมลงซักตัวผ่านออกมา แต่อุโมงค์ก็ยังคงเปิดอยู่ ทิฟฟาเนียเริ่มใจเสีย ตอนนั้นเองที่อะไรบางอย่างถูกขว้างผ่านทะลุอุโมงค์ออกมาชนกับผนังห้อง จากนั้นอากาศก็กลับสู่ปกติ ไร้ร่องรอยของแสงสีเขียว

     

    ทิฟฟาเนียตรงเข้าไปหยิบ อสูรรับใช้ ของเธอขึ้นมาด้วยความฉงนสนเท่ห์ ทว่าเอ็กซ์ที่เห็นว่าสิ่งนั้นคืออะไรถึงกับหน้าถอดสี

     

    คุณทิฟฟาเนีย ผมขอ...จับดูได้รึเปล่าครับ ฮาล์ฟเอลฟ์สาวส่งให้ทั้งยังงงๆ ว่ามันคืออะไร

     

    เด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินครามรับวัตถุทรงกระบอกสีเหลืองที่รูปร่างเหมือนกับเป็นด้ามจับของอะไรบางอย่างมา มือทั้งสองลูบคลำอย่างแผ่วเบา ชั่วเวลานี้ที่เขารู้สึกว่าตัวเองกลับเป็นเรปลิลอยด์สีฟ้าอีกครั้ง

     

    คุณเอ็กซ์? ทิฟฟาเนียเอ่ยอย่างสับสนเมื่ออีกฝ่ายจ้องมองเธอด้วยแววตาที่บอกว่าได้ตัดสินใจอะไรบางอย่างลงไป

     

    คุณทิฟฟาเนีย ครั้งแรกสุดที่คุณอัญเชิญอสูรรับใช้ ผมเป็นคนที่ผ่านอุโมงค์ออกมาใช่รึเปล่าครับ

     

    ? ใช่ค่ะ? แต่ว่าคุณเอ็กซ์เป็นอสูรรับใช้ของคุณหลุยส์แล้ว เพราะฉะนั้นก็น่าจะมีอะไรผิดพลาด เขาเป็นคนพูดเองด้วย

     

    ก็อาจจะอย่างนั้น แต่ว่าสิ่งนี้...ไม่ผิดพลาดแน่นอน... เด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินครามก้มลงมองวัตถุที่ผ่านออกมจากอุโมงค์ของเธอด้วยสายตาที่เธอไม่รู้จักและไม่เข้าใจ

     

    ผมจะเป็นอสูรรับใช้ให้กับคุณทิฟฟาเนียเอง

     

    เอ๋?!” ฮาล์ฟเอลฟ์สาวตกใจ แต่อีกฝ่ายเข้ามาประชิดตัวและประคองใหล่เธอไว้เรียบร้อยแล้ว แก้มของเธอเริ่มถูกรุกล้ำด้วยสีแดงอ่อนๆ ใบหน้าของเด็กหนุ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ...

     

    นี่เป็นหน้าที่ของเรา ในฐานะเพื่อน... เป็นสิ่งที่เขาต้องทำ เพื่อตอบแทนเจ้าของสิ่งที่อยู่ในมือของเขาตอนนี้ เพื่อตอบแทนคนที่รับฝากโลกทั้งใบจากเขา เพื่อตอบแทนเจ้าของ [แซดเซเบอร์] ที่ส่งผ่านมาถึงเขาในขณะนี้...

     

    --

     

    R:”โอ...โอ...โอ!!!

     

    DX:”เป็นอะไรของแก?

     

    R:”ไม่ได้อัพมานาน อัพคราวนี้เลยรู้สึกว่าพลังมันพลุ่งพล่าน

     

    S:”หายไปไหนมาตั้งครึ่งเดือน?!”

     

    R:”ก็ฉันไม่ได้ถูกส่งไปโลกเวทมนตร์เหมือนนายนี่หว่า ก็มีงานต้องทำ มีมหาลัยให้ต้องเตรียมตัวเข้า ว่าไปแล้ววันนี้คนเขียนสอบสัมภาษณ์พอดี บอกตามตรง ห้าสิบห้าสิบ ดันตื่นเต้นมากเกินไป สมองเลยเกิดอาการตัน

     

    DX:”ยังงี้ล่ะเขาเรียกพวกไม่เตรียมตัว

     

    R:”เว็บมหาลัยเข้าไม่ได้ครับพี่น้อง กว่าจะเข้าได้ก็วันก่อนสัมภาษณ์หนึ่งวัน ต้องเตรียมเอกสารกันจ้าละหวั่น แต่ตอนนี้ทุกอย่างก็โอเคแล้ว คนเขียนเตรียมไปแอดมิชชั่นต่อ

     

    DX:”อ้าว? แล้วที่สัมภาษณ์ไปอ้อ เข้าใจล่ะ แต่มันคงไม่เลวร้ายยังงั้นหรอก...มั้ง?

     

    R:”คนเขียนจะไม่โผล่หน้ามาให้เห็นอีกอย่างน้อยจนกว่าจะเดือนกุมภาพันธ์ เหตุเพราะค่ายร.ด.ใกล้เข้ามาแล้ว...บ๊ะ ไม่อยากไปเลยให้ตาย(ไม่ใช่คนที่ทนทานต่อความลำบาก)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×