ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rockman X {x} Zero no Tsukaima : เรปลิลอยด์ของยัย 0 สนิท

    ลำดับตอนที่ #60 : Chapter 59 : "เรื่องสนุกๆ น่ะจากนี้ไปตะหาก"

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 467
      12
      25 ก.ค. 59

    ...

     

    เรือเหาะลำใหญ่จอดอยู่บนที่ว่างยอดหุบเขาที่ยาวเหยียด ใกล้กันนั้นเป็นรถม้าจอดอยู่ มังกรในร่างของเด็กสาวนอนหลับห่มผ้าผืนเก่าๆ อยู่ข้างในโดยมีฮาล์ฟเอลฟ์สาวนั่งอยู่ข้างๆ ใกล้กับรถม้าชายศีรษะล้านกำลังยืนสนทนากับอัศวินสาวและนักบวชหนุ่ม

     

    คทาแห่งศตวรรษ? อาเนียสถามถึงชื่อของสิ่งแปลกประหลาดที่ตั้งอยู่ปลายหน้าผา

     

    อาวุธที่ยอดนักปราชญ์ในโรมาเลียประดิษฐ์ขึ้น จูลิโอผู้ไม่มีบทมาหลายตอนอธิบาย

     

    ดูเหมือนว่าจะเป็นอาวุธที่ใช้งานด้วยเวทย์มนต์ ถึงกลไกจะค่อนข้างซับซ้อนหน่อยแต่ก็เป็นแบบใช้ยิงออกไปเลยคิดว่าเธออาจจะเข้าใจ โคลเบลท์ยื่นกระดาษหนึ่งแผ่นที่บันทึกคำแนะนำการใช้งานเอาไว้ให้อัศวินหญิง(ยังกับเครื่องใช้ไฟฟ้า)

     

    ถึงจะไม่เคยเห็นอะไรอย่างนี้มาก่อน แต่จะดูให้ก็แล้วกัน อาเนียสแยกตัวออกไปทางที่อาวุธประหลาดตั้งอยู่กับสมาชิกอัศวินอองดีนที่ตามมากับเรือเหาะอีกสองคน เห็นอย่างนี้เธอเชี่ยวชาญเรื่องกลไกไม่ใช่น้อย(โดยเฉพาะถ้าเกี่ยวกับอาวุธโปรเจคไทล์)

     

    เด็กสาวสี่คนในทีมปฏิบัติการข้ามชาติเดินลงจากเรือเหาะเข้ามาหาอาจารย์และนักบวช

     

    มอนท์โมรันซี่ร่ายเวทย์รักษาบาดแผลที่อาการสาหัสแล้วก็ให้เซียสต้าช่วยดูทาบาสะกับแม่ให้แล้ว แต่ก็ควรจะพาไปให้ถึงมือหมอไวๆ โดยเฉพาะอาการของแม่ทาบาสะน่าเป็นห่วงที่สุด คิลเก้อธิบายสภาพการณ์

     

    แต่ถ้าปล่อยให้เจ้าตัวอย่างนั้นข้ามชายแดนไปที่ฝั่งทริสเทนล่ะก็มีหวังบ้านเมืองพังพินาศ มอนท์โมรันซี่

     

    เรามี คทาแห่งศตวรรษ ไว้ก็เพื่อเวลาอย่างนี้ล่ะ จูลิโอเสนอทางแก้ ถึงจะไม่ได้คิดเอาไว้ว่าจะเป็นอสุรกายยักษ์แบบนี้ก็เถอะนะ

     

    คทาแห่งศตตวรรษ? มันคืออะไรล่ะนั่น? คิลเก้ไม่เคยได้ยินมาก่อน

     

    อาวุธที่ยอดนักปราชญ์ในโรมาเลียประดิษฐ์ขึ้น ที่จริงก็ตอบคำถามเดียวกันนี้ไปแล้วล่ะนะ(เมื่อ 13 บรรทัดก่อน)

     

    อาวุธ? ทำไมนักปราชญ์ถึงประดิษฐ์อาวุธได้ล่ะ? คราวนี้เป็นหลุยส์ถาม

     

    องค์สันตะปาปาเป็นคนยื่นคำขอเอง โดยให้สัญญาว่าจะไม่ใช้รุกรานอาณาจักรอื่น ฉันขออนุญาตยืมมาใช้โดยให้เหตุผลไปว่า ช่วยเหลือเพื่อน ท่านนักปราชญ์ก็อนุญาตทันทีเลย จูลิโออธิบาย ขณะเดียวกันองค์ราชาและองค์ราชินีก็เดินเข้ามา

     

    อา องค์ราชาเวลส์แห่งอัลเบี้ยน เป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้พบกับพระองค์ กระหม่อมมีนามว่าจูลิโอ เชซาเร่พะยะค่ะ นักบวชหนุ่มคุกเข่าลงแนะนำตัว

     

    ยินดีเช่นกัน ว่าแต่สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง? เวลส์ถามถึงแผนการที่วางเอาไว้ จูลิโอลุกขึ้นตอบ

     

    เพื่อหยุดยั้งอสุรกายตนนั้น เราตัดสินใจว่าจะใช้อาวุธที่กระหม่อมนำมาจากโรมาเลียพะยะค่ะ

     

    นักบวชหนุ่มตอบพอดีกับอัศวินหญิงเดินกลับมา

     

    พอเข้าใจกลไกแล้วค่ะ กรุณาตามดิฉันมา

     

    อาเนียสพาทั้งหมดไปที่ตัวอาวุธเจ้าปัญหา ขนาดพอๆ กับมังกรตัวหนึ่ง ทำด้วยโลหะ มีฐานมั่นคงและส่วนบนยื่นออกไปข้างหน้าเป็นทรงกระบอก คริสตัลใสทรงสี่เหลี่ยมรูปว่าวฝังอยู่ที่ปลาย

     

    อัศวินหญิงชี้ให้ดูคริสตัลทรงกลมสีขุ่นกว่าที่ฝังอยู่กลางตัวอาวุธในระดับสายตา

     

    ร่ายเวทย์มนต์ใส่ที่ตรงนี้ เจ้านี่จะเพิ่มกำลังขึ้นอีกหลายเท่าแล้วยิงออกไปอาเนียสชูกระดาษคำแนะนำวิธีการใช้ที่ในความเป็นจริงคือแปลนของตัวอาวุธ ไม่แปลกที่คนทั่วไปจะดูไม่ออก แม้แต่เธอก็ยังเข้าใจแค่คร่าวๆ

     

    ถึงจะไม่เข้าใจหลักการ แต่โดยคร่าวๆ แล้วก็ประมาณนี้ล่ะค่ะ อาเนียสสรุป

     

    เป็นเมจิคไอเทมเองเหรอ? หลุยส์ทำความเข้าใจ แต่อาเนียสส่ายหน้า

     

    ไม่ค่ะ ถึงวัสดุที่ทำจะมีการลงอาคมอย่างง่ายเอาไว้ให้มีคุณสมบัติทางเวทย์มนต์ แต่ดูเหมือนว่าการประกอบจะสร้างขึ้นด้วยวิธีการธรรมดา เป็นอาวุธที่ทำงานด้วยกลไกทางกายภาพค่ะ

     

    ใครกันนะที่สร้างของแบบนี้ขึ้นมา? คิลเก้นึกสงสัย แต่ถูกตัดบทโดยเสียงเรียกของเด็กหนุ่มผมทองที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ที่หน้าผา

     

    ศัตรูใกล้เข้ามาแล้ว! รีบเตรียมตัวเร็วเข้า!”

     

    ปฏิบัติการจึงเริ่มต้นขึ้นภายใต้คำสั่งของหัวหน้าหน่วยปืน

     

    จับคันตรงนั้นแล้วหมุนปรับองศาเงย! นาย ไปปรับทิศทางที่ตรงนั้น! เร่งมือเข้า เรามีเวลาไม่มาก!” อาเนียสยืนสั่งการพวกผู้ชายในงานใช้แรงกาย ขณะเกียวกันพวกผู้หญิงกับองค์ราชาและราชินีก็ยืนอยู่หน้าคริสตัล

     

    ให้ร่ายเวทย์มนต์ใส่ตรงนี้สินะ...? มอนท์โมรันซี่ทวนเพื่อความแน่ใจ


    ถ้าแค่ส่งพลังเวทย์ล่ะก็ ไม่แน่นะ แม้แต่ยัยศูนย์อย่างเธออาจจะสำเร็จซักครั้งนึงในชีวิตก็ได้~” คิลเก้พูดหยอกหลุยส์ ทำให้ได้เสียงคำรามในลำคอดังตอบมา อาเนียสหันมาเห็นผู้ใช้เวทย์สุมหัวกันอยู่ก็วิ่งเข้ามา

     

    อย่าร่ายสุ่มสี่สุ่มห้านะคะ เจ้านี่รับพลังเวทย์ได้แค่ทีละคน ถ้ามีพลังเวทย์จากหลายคนเข้าไปพร้อมกันก็ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง อัศวินหญิงเตือนไว้ก่อน

     

    ขณะเดียวกันห่างออกไปไม่มาก เท้ายักษ์ที่กำลังย่ำอยู่บนพื้นดินส่งแรงสั่นสะเทือนแต่ละครั้งที่ก้าวเดิน หุ่นเหล็กเดินไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้าแต่มั่นคงตามเส้นทางที่รถม้าหนีไป หญิงสาวบนไหล่ซ้ายสอดส่องสายตามองหาสิ่งที่เคลื่อนไหว

     

    หือ? เธอสังเกตเห็นกลุ่มคนบนยอดหน้าผาข้างหน้า

     

    ไอ้นั่นมัน...ที่ทำลายฝูงการ์กอลย์ของเรา เธอจำเรือเหาะรูปร่างประหลาดลำนั้นได้ เชฟฟิลด์แสยะยิ้ม ดี จะได้คิดบัญชีแค้นซะด้วยเลย

     

    หุ่นยักษ์เดินหน้าเต็มสูบเตรียมบดขยี้มดแมลงที่ยั้วเยี้ยอยู่บนหน้าผา ความมั่นใจในพลังอันน่าเกรงขามของจอร์มุนกันด์ทำให้เชฟฟิลด์ลดความระวังตัวและไม่ทันสังเกตการเคลื่อนไหวที่ปลายหน้าผา

     

    ทุกคนถอยออกมาห่างๆ!” อาเนียสเตือน ก่อนจะหันไปสั่งทางผู้ส่งกำลังเดินเครื่องที่ยืนอยู่ติดชิดกับหลังตัวเครื่อง ลงมือเลย!”

     

    ผู้เป็นอาจารย์ไม่รอช้า ชี้ปลายคทาไปที่คริสตัลขุ่นกลางตัวเครื่องและพึมพำร่ายคาถาระดับไลน์ตามที่ตกลงกันไว้ แม้จริงๆ เขาจะร่ายระดับไทรแองเกิลก็ได้ แต่ที่ออมแรงเอาไว้ก็เพื่อความไม่ประมาท(จะให้เชื่อสิ่งที่ไม่เคยแม้แต่ได้ยินชื่อเสียงมาก่อนง่ายๆ ได้ยังไง)

     

    เมื่อคำร่ายจบลง ที่ปลายคทาก็ส่องแสงสีแดงสว่างกำลังดี แต่แทนที่จะมีสายเพลิงพุ่งออกมา แสงนั้นกลับไหลเป็นสายเข้าไปสถิตอยู่ในคริสตัลขุ่นและทำให้มันส่องแสงสีแดง ลำแสงไหลผ่านต่อไปยังชิ้นส่วนหลายชิ้นพร้อมกับสว่างขึ้นเรื่อยๆ การเคลื่อนไหวนี้ตาเปล่าสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน และจุดหมายสุดท้ายก็คือ คริสตัลใสรูปว่าวที่ปลายสุด

     

    เชฟฟิลด์ที่ยังอยู่บนไหล่ของหุ่นเหล็กยักษ์สังเกตเห็นแสงสีแดงสว่างขึ้นที่ปลายหน้าผาไกลออกไปไม่กี่ร้อยเมตร

     

    หือ?

     

    ก่อนที่เธอจะได้เริ่มสงสัยว่ามันคืออะไร ลูกไฟขนาดใหญ่ก็พุ่งสวนมา เส้นผ่าศูนย์กลางร่วมสิบเมตร

     

    บ้าน่า—!?!”

     

    ตูม!!!

     

    เสียงระเบิดดังสนั่น ควันดำโขมงปกคลุมทั่วร่างของหุ่นยักษ์ เรียกเสียงเฮจากคนบนหน้าผา แต่ผู้ที่เป็นคนยิงลูกไฟเองกลับมีสีหน้าเคร่งเครียด เช่นเดียวกับดาบเหล็กที่เด็กสาวผมสีชมพูหนีบไว้(ถึงดาบจะไม่มีหน้าก็เถอะ)

     

    ยังหรอก!” โคลเบลท์จ้องเขม็งที่ไปกลุ่มควันตรงหน้าซึ่งค่อยๆ จางลง

     

    การโจมตีที่รุนแรงเหลือเชื่อถูกบาร์เรียร์สีฟ้าสลับชมพูยืนหยัดได้อย่างเหลือเชื่อพอๆ กัน

     

    ไม่ไหวแฮะ เดลฟลิงเกอร์ตัดสินใจพูดขึ้น ที่เกราะของเจ้านั่นมี เคาน์เตอร์ อยู่ จะเป็นการโจมตีที่รุนแรงขนาดไหนก็ผ่านไปไม่ได้หรอก เหมือนกับที่เอลฟ์ที่ปราสาทนั่นใช้ไงล่ะ

     

    ถ้างั้นต้องทำยังไงล่ะ?!” คิลเก้เริ่มรน

     

    เวทย์มนต์โบราณน่ะไม่ใช่จู่ๆ จะหาวิธีแก้ได้นะ ดาบเหล็กตอบแบบไม่ให้ความหวัง

     

    แล้วในเวลาอย่างนี้... มอนท์โมรันซี่ว่าพลางสอดส่องสายตามองหาใครบางคน สองคนนั่นหายไปอยู่ไหนกันเนี่ย!?”

     

    องค์ราชาและราชินีรู้ความหมาย พวกเขาเองก็สงสัยเรื่องนี้มาได้พักหนึ่งแล้ว ฮาลเปีย/แฟนธอมอยู่ไหน?’

     

    ฮาลเปียไม่เคยไปไหนโดยไม่บอกฉันก่อน คงต้องมีเหตุจำเป็น เวลส์ให้ความเห็น อันเรียตต้าก็พยักหน้าในเชิง แฟนธอมก็เช่นกัน

     

    หลุยส์เริ่มนึกถึงคนของตัวเองบ้าง ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไง แต่เธอก็รีบสะบัดความคิดนั้นทิ้งไป เอ็กซ์ต้องไม่เป็นไรแน่ ที่สำคัญกว่าตอนนี้คือเราจะรอดไปเจอกับเอ็กซ์มั้ยเท่านั้นล่ะ!?’

     

    ...นี่คุณหนู เดลฟลิงเกอร์พูดกับเด็กสาวที่ถือตัวเองอยู่ ซึ่งก็หันมามองเขาเป็นเชิงถาม

     

    เวทย์มนต์ที่ใช้ตอนหนีออกมาน่ะ ถ้าเป็นนั่นล่ะก็น่าจะทำลายเคาน์เตอร์ที่ป้องกันหุ่นยักษ์นั่นอยู่ได้ง่ายๆ เลยนะ

     

    ทีนี้ล่ะทุกสายตาหันมามองดาบเหล็กกันหมดจนอดเขินไม่ได้ต้องขอให้ลดความกดดันลงหน่อย

     

    นั่นน่ะถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็น ดิสเปล เวทย์มนต์ที่มีผลลบล้างเวทย์มนต์อื่นทุกชนิด โดยไม่เกี่ยงเรื่องพลัง เจ้านั่นก็ชอบคิดอะไรแปลกแหวกแนวยังงี้ล่ะนะ ดาบเหล็กอธิบายและบ่นตบท้ายเหมือนคนแก่อายุมาก

     

    เรื่องที่ เจ้านั่น หมายถึงใครนั้น ไม่มีใครสนใจเพราะทั้งหมดต่างหันไปมองหลุยส์เป็นตาเดียว เด็กสาวผมสีชมพูหยิบคัมภีร์เวทย์ออกมาแก้เก้อ

     

    คือว่ามมันเขียนไว้ในนี้น่ะ... เธอพลิกหน้าหนังสือ แต่กลับไม่พบอะไรนอกจากหน้ากระดาษขาวโพลน เอ๋? แปลกจัง...ตอนนั้นยังเห็นอยู่เลย...แต่ไม่เป็นไร ฉันจำได้

     

    โฮ่ คุณหนูนี่ก็ไม่ธรรมดานะที่จำคำร่ายที่ เจ้านั่นคิดขึ้นมาเรื่อยเปื่อยได้ เดลฟลิงเกอร์เอ่ยชม

     

    จะอะไรก็ช่างเถอะ! หลุยส์ รีบๆ ร่ายเร็วเข้า เจ้านั่นจะมาถึงแล้วนะ!” คิลเก้ชี้ให้ดูหุ่นยักษ์ที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึงสามร้อยเมตร

     

    หลุยส์ตรงดิ่งไปที่ คทาแห่งศตวรรษ และเริ่มพึมพำคำร่ายที่เธอจำได้ ซึ่ง...มีปัญหาอยู่อย่างเดียวเท่านั้นคือ...มันยาวมหายาว

     

    เจ้าพวกหนูทั้งหลายรีบต้านเอาไว้ก่อน!” เดลฟลิงเกอร์สั่ง ทำให้เหล่าจอมเวทย์เริ่มลงมือ

     

    คิลเก้-โคลเบลท์เป็นผู้ใช้ไฟก็ประสานเวทย์กันเพิ่มความแรงยิงเป็นสายออกไป มาลิคอร์น-เวลส์(ลม) มอนท์โมรันซี่-อันเรียตต้า และกีซใช้เวทย์เปลี่ยนดินที่อยู่ใต้เท้าของหุ่นยักษ์ให้เป็นทรายหยุดการเคลื่อนไหวเอาไว้

     

    แม้เวทย์โจมตีทั้งหมดจะถูกต้านไว้ด้วยบาร์เรียร์ แต่หุ่นยักษ์เองก็เคลื่อนไหวไม่ได้เช่นกัน สมดุลของพลังเป็นไปเช่นนี้อยู่ราวสิบวินาที ในที่สุดเวทย์มนต์ที่ทุกคนรอคอยก็เสร็จสิ้น

     

    ดิสเปล!!”

     

    คริสตัลขุ่นส่องแสงสีขาวสว่าง แสงสว่างไหลไปที่ปลายคริสตัลรูปว่าวที่ปลายสุด และยิงลำแสงสีขาวออกไป

     

    ทันทีที่บาร์เรียร์ถูกลำแสงสีขาวจู่โจม มันก็แตกสลาย ลำแสงยิงทะลุผ่านหุ่นยักษ์ไปแต่ไม่สร้างความเสียหายให้กับมัน ถึงอย่างนั้นทุกคนรวมทั้งหญิงสาวบนไหล่ของหุ่นยักษ์เองก็รู้ดี ว่าเกราะของจอร์มุนกันด์ไม่ไร้เทียมทานอีกต่อไป

     

    หลุยส์หมดเรี่ยวแรงล้มลงตรงที่เธอยืนอยู่ เพื่อนๆ ของเธอเดินเข้าไปหา ที่จริงก็อยากจะรีบวิ่งเข้าไปถ้าไม่ติดว่าใช้พลังไปเกือบเกลี้ยง

     

    เดี๋ยวสิ... เวลส์คิดขึ้นในหัวขณะที่ทั้งหมดล้อมรอบเด็กสาวที่เหนื่อยอ่อนกว่าใคร ถ้าพวกเราใช้พลังไปจนหมดแล้ว...ใครจะเป็นคนโจมตีล่ะ!’

     

    คนอื่นๆ เองก็รู้สึกตัวเช่นเดียวกัน โคลเบลท์ซึ่งมีสำนึกในฐานะอาจารย์ลุกขึ้นขันอาสา แต่ก็ทรุดลงไปไม่เป็นท่าเพราะถึงจะเป็นสแควร์แต่พลังก็เกลี้ยงเหมือนๆ กับคนอื่น

     

    อันเรียตต้ากระตุกแขนเสื้อเรียกเด็กหนุ่มผมทอง ท่านเวลส์คะ เธอชูมือที่มีแหวนเงินฝังอัญมณีสีฟ้าขึ้น

     

    ทับทิมวารี...อันเรียตต้า หรือว่าเธอ... เห็นใบหน้าที่เด็ดเดี่ยวของเด็กสาวผมสีม่วงแดง เขาเองก็พลอยรู้สึกมีพลังขึ้นมาด้วย

     

    สองผู้ปกครองยืนคู่กันที่หน้าสุดยอดอาวุธ สองมือกุมกันแน่นและสายตาแน่วแน่ คนอื่นๆ ถอยห่างออกไปขณะที่ทั้งคู่หยิบคทาขึ้นมาด้วยมือที่ว่างพลางพึมพำคาถา

     

    วิชาเวทย์ที่ตกทอดกันมาในราชวงศ์ สองเวทย์รวมเป็นหนึ่ง เวลส์นึกในใจ แหวนทับทิมวายุที่นิ้วส่องแสงสีม่วง

     

    เวทย์ที่ยิ่งใหญ่จะก่อกำเนิด สองไทรแองเกิ้ลรวมประสาน อันเรียตต้าท่องคำที่ได้เรียนมา แหวนทับทิมวารีส่องแสงสีฟ้า

     

    เวทย์ที่เหนือล้ำแม้แต่เพนตากอนที่ปกครองพลังทั้งห้า ทั้งสองชี้คทาคู่กัน

     

    พลังของเฮกซากอน!’

     

    ลำแสงจากสองคทาหลอมรวมกันพุ่งเข้าไปในคริสตัลสีขุ่น แสงสว่างส่องออกมาเป็นสีม่วงและสีฟ้าสลับกันขณะที่มันไหลไปยังคริสตัลใสที่ปลายสุด

     

    เอ...ท่านนักปราชญ์บอกว่าคทาแห่งศตวรรษรองรับพลังเวทย์ได้ถึงระดับสแควร์สินะ... ในเวลานั้นนักบวชหนุ่มจากโรมาเลียสังเกตการณ์อยู่ตลอดก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้น

     

    ...องค์สันตะปาปาเทศน์เราหูชาแน่...

     

    จากคริสตัลใสที่ปลาย คทาแห่งศตตวรรษ พายุหมุนลมน้ำพวยพุ่งออกมา ขนาดของมันใหญ่ยักษ์ถึงขั้นกลืนหุ่นเหล็กเข้าไปทั้งตัว

     

    เชฟฟิลด์ที่รู้สึกถึงอันตรายได้หลบออกจากระยะการโจมตีไปก่อนจะถูกป่นเป็นผง เหมือนกับหุ่นเหล็กที่บัดนี้เกราะเหล็กแยกเป็นชิ้นๆ อยู่บนพื้นเหมือนกับยังไม่ได้ประกอบ และหุบเขาที่อยู่ข้างๆ แหว่งเว้าเป็นวง

     

    กลุ่มที่อยู่บนหน้าผาตกตะลึงกับพลังทำลายที่เหนือล้ำจินตนาการไปมาก ต่างพากันฉลองชัยด้วยความยินดีกับวีรกรรมอันกล้าหาญของสองผู้นำอาณาจักร

     

    ตึง!!

     

    ...

     

    หมวกเหล็กขนาดยักษ์ตกลงมาห่างจากจุดที่ฉลองกันอยู่ไม่ถึงสิบเมตรและกลิ้งลงหน้าผาไป เสียงเฮฮาหยุด ทุกสายตามองหมวกเหล็กจนกระทั่งมันลงถึงพื้นข้างล่าง ...แล้วก็กลับมาโห่ฮิ้วกันใหม่

     

    มีเพียงนักบวชหนุ่มผมทองเท่านั้นที่สนใจซากอารยธรรมซึ่งเคยเป็นสุดยอดอาวุธ คทาแห่งศตวรรษ จนถึงไม่กี่วินาทีก่อน

     

    ...ใช่...องค์สันตะปาปาเทศน์เราหูชาแหงๆ...

     

    ขณะที่เหล่าเด็กๆ (และอาจารย์)พากันไชโยโห่ฮิ้ว ห่างออกไปราวสิบกิโลเมตร บนยอดเขาหินลูกหนึ่ง ราชาแห่งกาเลียซึ่งยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านทางกล้องส่องทางไกลแบบตาเดียวมาตั้งแต่ต้นฉีกยิ้มกว้างขึ้นกว่าครั้งที่แล้ว

     

    เมียวซ์ ดูสิ เขาเรียกชื่อหญิงสาวผมดำที่เพิ่งจะพาร่างที่เปื้อนฝุ่นดำควันระเบิดมาถึงเมื่อครู่ พลังนั่นที่ฉีกจอร์มุนกันด์ออกเป็นชิ้นๆ มันสุดยอดไปเลย เวทย์ว่างเปล่าที่สลายอาคมที่เกราะเองก็สมคำร่ำลือ ต้องแบบนี้สิมันถึงจะสนุก!” ราชาโจเซฟหัวเราะให้กับความบันเทิงที่เขาอุตส่าห์จัดฉากมาเป็นอย่างดี

     

    จะให้ทำยังไงต่อดีคะ? เชฟฟิลด์ถาม จะถอยหรือว่า...

     

    ถอยเหรอ? ไม่หรอก จะถอยได้ยังไง โชว์ที่สนุกกว่านี้เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นตะหาก!” โจเซฟยิ้มพลางหัวเราะในลำคอ

     

    เชฟฟิลด์นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบรับ ก็ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ล่วงหน้าซะหน่อยว่าถ้าจอร์มุนกันด์ถูกทำลายขึ้นมาจริงๆ จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

     

    กลับไปที่เสียงหัวเราะเฮฮา(กับเสียงน้ำตาของนักบวชบางคนที่ชะตาลิขิตให้กลับไปต้องโดนเฉ่ง)

     

    อา~วละ! ทีนี้ก็ได้เวลากลับกันซะที!” มาลิคอร์นชูสองมือขึ้นแสดงความดีใจ

     

    นั่นน่ะสิ~ เจอทั้งฝุ่นทั้งควันเนื้อตัวเปื้อนไปหมดแล้วเนี่ย~” คิลเก้บิดตัวไปมาพลางดึงชายเสื้อขอบกระโปรงเหมือนไร้เดียงสาต่อสายตาของนักเรียนชายสมาชิกอัศวินอองดีนที่อยู่ใกล้ๆ (แต่เราทุกคนรู้ดีกว่านั้น ใช่มั้ย?)

     

    วีรกรรมอันกล้าหาญของกลุ่มอัศวินอองดีนในครั้งนี้จะต้องเป็นที่โจษจัน...แล้วสาวๆ ก็จะ—!!” กีซพูดไม่ทันจบประโยคก็ถูกฝ่าเท้ายันลงไปฟุบหน้ากับพื้น

     

    อีตาบ้า! ขืนโจษจันกันสิมีหวังเกิดสงครามกันพอดี!” มอนท์โมรันซี่แหวลั่น แต่ความจริงเหตุผลมันอยู่ที่คำที่พูดไม่จบมากกว่าจะเป็นความสงบสุขของอาณาจักร

     

    ...คทาแห่งศตวรรษ...ทั้งท่านนักปราชญ์ทั้งองค์สันตะปาปาเล่นเราเละแน่... จูลิโอคุกเข่าก้มหัวคร่ำครวญอยู่ข้างเศษเหล็กอย่างผิดคาแร็คเตอร์

     

    กลุ่มเด็กหนุ่มสาวกับผู้ดูแลเตรียมจะขึ้นเรือเหาะบินกลับบ้านไปสัมผัสซุปร้อนๆ เตียงอุ่นๆ

     

    เอ้า เอ้า จะรีบไปไหนกันล่ะ?

     

    กีซเป็นคนแรกที่ได้ยินเสียงและหันกลับไปมอง จากนั้นใบหน้าที่หวาดกลัวกับเสียงร้องที่ไม่เป็นภาษาของเขาก็ดึงให้ทุกคนหันกลับมามองตาม แต่ละคนมีสีหน้าที่เป็นระดับต่างๆ กันของคำว่า หวาดกลัว

     

     

    ร่างสีดำในชุดสีน้ำเงินนั่งเท้าคางอยู่บนกองดินที่เกิดจากการตกของหมวกเหล็กเมื่อครู่ สีหน้าและสายตาดูหยิ่งยโสและเย็นชาอย่างที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เสียงและแรงกดดันที่แผ่ออกมาก็สมกับท่าทางวางอำนาจอย่างไร้ข้อกังขา

     

    หลุยส์ตัวสั่น แต่ด้วยเหตุผลที่ต่างกัน...สองเหตุผล

     

    เอ็กซ์...?” ไม่ว่าจะดูจากมุมไหนก็เป็นคนของเธอไม่ผิดแน่ แต่...เธอก็ยังรู้สึกว่าไม่ใช่

     

    ดวงตาสีแดงคู่นั้น...!?!’ เธอนึกถึงความฝัน ในนั้นที่เธอเห็นเรปลิลอยด์หนุ่มถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ต่อหน้าด้วยเพฌชฆาตที่มีดวงตาสีแดงก่ำ

     

    เรื่องสนุกๆ น่ะจากนี้ไปตะหาก

     

    ปราสาทอัลฮัมบรา ลานหน้าปราสาท

     

    ใบหน้าของนักรบสีฟ้าซีดเผือดทั้งที่เรปลิลอยด์ไม่ได้มีเส้นเลือดที่หน้า เสียงที่เขาใช้พูดหายเข้าไปในลำคอเมื่อได้ยินคำพูดของเรปลิลอยด์สาว

     

    อะไร? ทำหน้าเหมือนกับไม่เชื่อยังงั้นล่ะ จะพูดให้ฟังอีกกี่ครั้งก็ได้ ว่ามนุษย์น่าสมเพชพวกนั้นจะต้องตายด้วยมือของมาสเตอร์เอ็กซ์ เลเวียธานแสยะยิ้มเย้ยใบหน้าที่หวาดกลัวของอีกฝ่าย

     

    --

     

    DX:”เฮ้ยยยยยยย!!~”

     

    R:”ตกใจอะไรนักหนา?

     

    DX:”เจ้านั่น...ทำไมเจ้านั่นได้ออกแต่ฉันไม่ได้ออก!?!”

     

    R:”ก็แกเป็น OC อยู่ดีๆ จะเอาไปออกได้ไง ปล่อยให้เจ้านั่นไปเถอะ

     

    DX”...ค่าตัวเจ้านั่นไม่ต้องจ่ายสินะ...

     

    R:”...เออ(รู้อีก)...

     

    DX:”ว่าแต่ดอกทิวลิปแดงนั่นมาจากไหน?

     

    R:”ฉันเอาไปปักไว้เอง เพิ่มความอีปิค

     

    DX:”...มันอยู่ในรูปอยู่แล้วไม่ใช่เรอะ(ไม่ให้เครดิตเจ้าของอีก)...

     

    R:”...เออ(รู้อีก ก็จำไม่ได้นี่ว่าไปเอามาจากไหน)...

     

    S(ปักป้ายทิ้งไว้เขียนด้วยตัวหนังสือสีดำ): พักรับประทานอาหารกลางวัน

     

    R:”ว่าแต่ทุกคนรู้กันมั้ย วิธีใช้ไม้ยมก(ๆ)จริงๆ แล้วต้องใช้ยังไง ต้องเป็นฟอร์มนี้ถึงจะถูกตามหลักภาษาไทย [เด็กสาวกัดฟันเหนี่ยวไกยิงสุ่ม ๆ ออกไปในความมืด] ต้องเว้นช่องว่างข้างหน้าและข้างหลังของไม้ยมก...แต่น้อยคนที่จะใช้ถูก แม้แต่สื่อทั่วๆ ไปก็ยังใช้แบบที่พวกเราใช้กันทุกวันนี้เลย(คนเขียนก็ไม่คิดจะเปลี่ยนเหมือนกัน)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×