คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #58 : Chapter 57 : จอร์มุนกันด์
ท่ามกลางความมืดมิดที่เหยียดยาวออกไปจนสุดสายตา ไม่อาจมองเห็นแม้แต่พื้นใต้ตัว หลุยส์ลืมตาขึ้นและสงสัยว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
“อะไรกัน ทำไมมืดอย่างนี้ล่ะ?” ที่แปลกกว่าคือเธอสามารถมองเห็นมือและส่วนต่างๆ ของร่างกายตัวเองได้อย่างชัดเจน ขณะที่อย่างอื่นล้วนเป็นสีดำสนิท
แสงอ่อนๆ สว่างขึ้นทที่ด้านหลัง เธอหันกลับไปพบว่าแสงนั้นเปล่งออกมาจากร่างในชุดคลุมสีน้ำเงินที่ยืนส่งยิ้มมาให้เธอ ขาก้าวออกไปก่อนสมองจะทันได้คิด เธอวิ่งเข้าไปหาเขา มือเอื้อมเข้าไปคว้าสัมผัสที่คุ้นเคยยังชายผ้าอันเป็นที่ยึดเหนี่ยวของเธอมาหลายต่อหลายครั้ง
แต่แทนที่เธอจะได้เข้าหาอ้อมกอดไออุ่นที่โหยหาย เลือดสีแดงกระเซ็นเปรอะใบหน้าของเธอที่ขาวซีดและดวงตาที่เบิกโพลง กรงเล็บสีขาวขนาดใหญ่ฉีกผ่านลำตัวของร่างตรงหน้าเธอจนขาดกลางลำตัว ของเหลวสีสดเจิ่งนองพื้น เศษผ้าสีน้ำเงินถูกย้อมจนเป็นสีแดง
ดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองเธอจากในความมืด ส่องแสงสีแดงสดและแฝงด้วยความตื่นเต้นราวกับนักล่ามองเหยื่อ เด็กสาวกรีดร้องออกมาสุดเสียง
“กรี๊ด!!~”
ร่างของเธอถูกเขย่าอย่างแรง
“หลุยส์! หลุยส์!”
เด็กสาวรู้สึกตัวพบว่าตัวเองอยู่บนรถม้ากระบะมุงหลังคาผ้าใบโค้ง เพื่อนร่วมโรงเรียนของเธอกับราชาแห่งอัลเบี้ยนและราชินีแห่งทริสเทนมองมาที่เธอด้วยแววตาสงสัยและเป็นห่วง แม้แต่อัศวินหญิงที่กุมบังเหียนอยู่ที่ด้านหน้ากระบะก็ยังเหลียวหลังกลับมา
รอบตัวเธอปราศจากความมืด อันที่จริงตะวันขึ้นฟ้าสายโด่งแล้ว
‘แค่ฝันหรอกเหรอ?...’ เป็นฝันที่ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับความจริงมากซะจนเธอสับสน ...แต่พอมานึกดูดีๆ แล้ว ที่ๆ มืดสนิทแต่มองเห็นเฉพาะบางอย่างชัดแจ๋วแบบนั้นจะไปมีอยู่ในโลกได้ยังไง
“เมื่อกี้เธอเป็นอะไร ร้องซะเสียงดังเชียว ฝันร้ายเหรอ?” เด็กสาวผมแดงซึ่งเป็นผู้เขย่าปลุกเธอเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเธอสงบลงแล้ว
“ก็...ประมาณนั้น” เธอนึกถึงเนื้อหาของฝันแล้วก็นึกขึ้นมาได้รีบถามหาใครคนหนึ่งทันที “แล้วเอ็กซ์ล่ะ?!”
“...ยังไม่มา...” เด็กสาวผมฟ้าสวมแว่นนั่งชันเข่าพิงผนังไม้ตอบโดยไม่ละสายตาจากหนังสือในมือ เธอกำลังพยายามทำความเข้าใจการออกเสียงและความหมายของคำบางคำอยู่ และท่าทางไม่แยแสของเธอก็ทำให้เด็กสาวผมสีชมพูเกิดอารมณ์พลุ่งพล่าน
“เธอเป็นคนจับเอ็กซ์ไปที่นั่นไม่ใช่รึไง! ทำไมถึงได้ทำสบายใจเฉิบแบบนี้!?”
“ใจเย็นๆ ก่อนสิ!” คิลเก้พยายามห้าม ทาบาสะจ้องหนังสือไม่เปลี่ยนสีหน้า แต่ในใจร้อนเป็นไฟ เธออยากจะกระโจนขึ้นหลังซิลฟีดแล้วทะยานกลับไปที่ปราสาทเดี๋ยวนี้เลย แต่ไม้เท้าก็ยังอยู่กับเอลฟ์นั่น แล้วยังแม่ของเธอ...นอนขดตัวใต้ผ้าห่มผืนเดียวหลับตาพริ้มอยู่ตรงหน้าเธอแบบนี้แล้ว...เธอจะกล้าละสายตาไปได้ยังไง
...แล้วป่านนี้ทางด้านโน้นเป็นไงบ้างนะ...
ลานหน้าปราสาทอัลฮัมบรา
ตูม!
แรงระเบิดทำให้พื้นเป็นหลุม เหมือนกับจุดอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง หรือแม้แต่บางส่วนของตัววังที่ผนังพังลงมา
ร่างสามร่างเคลื่อนไหวไปตามจุดต่างๆ อย่างว่องไวด้วยความเร็วที่เหนือมนุษย์ เข้าปะทะกันเป็นครั้งคราว เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่ยังไม่เที่ยงคืนจนบัดนี้ตะวันโด่งก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลง
“ฮึ่ย!” ร่างในชุดเกราะสีแดงชมพูชี้ปืนใหญ่แขนซ้ายไปข้างหน้าแล้วยิงกระสุนไฟลูกใหญ่ออกไปนัดหนึ่ง ซึ่งถูกร่างในชุดเกราะสีน้ำเงินหลบได้อย่างง่ายดาย ตามด้วยกระสุนพลังงานสวนกลับมาหนึ่งชุดสามนัด
แต่ก่อนที่กระสุนพลังแสงอาทิตย์จะถึงตัวอดีตผู้บัญชาการเพลิง มันก็ชนเข้ากับกำแพงล่องหนที่กั้นอยู่จนสลายไป โดยไม่ใช่ฝีมือใครอื่นนอกจากเอลฟ์ผู้ชำนาญเวทย์มนต์โบราณที่ยืนสนับสนุนอยู่ด้านหลังห่างออกไปราวยี่สิบเมตร
‘บาร์เรียร์นั่นอีกแล้ว... สามารถรบกวนกระแสการไหลเวียนของอิเล็กตรอนในกระสุนของเราทำให้เกิดความไม่เสถียรและสลายไปได้ กับอาวุธอื่นๆ ไม่ว่าของเหลวหรือของแข็งก็จะถูกแยกโครงสร้างของกลุ่มอะตอมโดยตรง’ เอ็กซ์สรุปตามที่สังเกตมาตลอด
‘บาร์เรียร์ที่สามารถสลายสสารได้โดยไม่เกี่ยวกับปริมาณพลังงานสถิต เทียบกับเวทย์มนต์ที่เคยเห็นมาแล้วนับว่าทรงพลังมาก แต่ว่า...’ เมื่อมองใบหน้าของเอลฟ์หนุ่มชัดๆ แล้ว จะพบอาการเหนื่อยล้าปรากฏอยู่อย่างชัดเจน ต้องคอยสนับสนุนเรปลิลอยด์ประสิทธิภาพสูงสองตัวในการต่อสู้ติดต่อกันเป็นเวลาหลายชั่วโมงโดยไม่มีโอกาสได้พัก ต่อให้เป็นนักรบเจนสมรภูมิก็ต้องหมดเรี่ยวแรงอย่างไม่ต้องสงสัย
เรปลิลอยด์หนุ่มยืนนิ่งทำให้กระแสของการต่อสู้หยุดชะงัก เขามองไปทางคู่ต่อสู้ทั้งสามและพูดกับทั้งหมดโดยภาพรวม
“จนถึงตอนนี่ยังไม่มีใครเพลี่ยงพล้ำ แต่มันไม่เป็นแบบนี้ตลอดไปหรอกนะ แฟ็บนีล เลเวียธาน” ประโยคนี้ทางการสื่อสารแล้วอาจไม่มีประโยชน์ แต่ถ้าไปได้สวยการต่อสู้อาจจะหยุดลงและทั้งสองฝ่ายก็ต่างรามือกันไปเพียงเท่านี้ แต่มันไม่เป็นไปอย่างที่เขาคิด
“เป็นห่วงมนุษย์พวกนั้นสิท่า คุณฮีโร่กำมะลอ~” เรปลิลอยด์สาวแสยะยิ้ม ดวงตาสีฟ้าหรี่ลงมองมาที่เขาอย่างบอกว่า ‘รู้นะว่าคิดอะไร’
ถึงจะถูกรู้เข้าแต่เรปลิลอยด์หนุ่มก็ไม่แสดงอาการตกใจ เพราะอย่างไรก็ตามที่เขาพูดก็เป็นความจริง ถ้าหากบิดาชาลหมดแรงเมื่อไรสมดุลของการต่อสู้ครั้งนี้ก็จะทลายลง
“คงคิดว่าถ้าเจ้าหูยาวนั่นหมดสภาพเมื่อไหร่ก็จะใช้วิธีไหนซักวิธีทำให้พวกข้าไปไหนไม่ได้แล้วตามไปสมทบกับพวกที่หนีไปแล้วล่ะสิท่า แผนตื้นๆ นึกว่าจะฉลาดกว่านี้ซะอีก” เรปลิลอยด์สาวสีฟ้ายิ้มเย้ย
“แต่ถึงรู้ก็ทำอะไรไม่ได้” เอ็กซ์ตอบหน้าตรง แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีทีท่าว่าท้อถอยแม้แต่น้อย
“จริงว่าแค่พวกข้าสองคนหยุดเจ้าไม่ได้แน่ แต่ว่า...จะมีเวลาขนาดนั้นแน่เร้อ~?”
เอ็กซ์หรี่ตาลง “หมายความว่ายังไง”
เลเวียธานแสยะยิ้มอย่างมีเลศนัย “ป่านนี้คงจะไปถึงแล้วล่ะ ‘เพชฌฆาต’ น่ะ”
เรปลิลอยด์หนุ่มเกร็งตัวขึ้นมาเมื่อได้ยินคำว่าเพชฌฆาต ความกลัวว่าจะมีเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นเป็นจริงซะแล้ว
“แล้วยังเป็นเพชฌฆาตที่แข็งแกร่งและไร้ความปราณีมากซะด้วยนะ...” เลเวียธานฉีกรอยยิ้มขี้เล่น เหมือนคนมีความสุขที่เห็นความทุกข์ของผู้อื่น
...
เกวียนเทียมม้าเคลื่อนอย่างไม่ช้าไม่เร็วไปบนทุ่งรกร้างที่มีเขาหินสูงชันรายรอบ บรรยากาศระหว่างเหล่าผู้โดยสารและคนขับเงียบอึมครึม ต่างรู้ว่าไม่ใช่เวลาจะมาฉลองชัยที่หนีมาจากปราสาทได้สำเร็จ เมื่อต้องทิ้งคนหนึ่งเอาไว้
เด็กสาวผมสีชมพูนั่งอยู่ที่ท้ายเกวียนแหงนหน้ามองฟ้า เงาของหลังคาผ้าโค้งที่ทอดลงบนใบหน้าแทนใจที่เป็นกังวลของเธอได้เป็นอย่างดี
ดวงตาที่เหม่อลอยของเธอ จู่ๆ ก็เบิกกว้างขึ้น ก่อนจะกระพริบสองสามทีเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ตาฝาดไป สายตาของเธอจดจ้องที่วัตถุบนฟ้าที่ลอยสูงเทียมเมฆเคลื่อนตามหลังเกวียนของพวกเธอมา มันอยู่สูงมากจนมองแทบไม่ออก แต่หลังจากคิดคำนวณในหัวอยู่ครู่หนึ่งเธอก็ได้ขนาดของมัน
เธอตะลีตะลานตะโกนบอกอัศวินหญิงผู้กุมบังเหียนให้หยุดรถในทันที อาเนียสชะลอลงเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมามองอย่างงงๆ
“เอาเถอะน่า!! รีบหยุด—!!”
ตูม!!
เสียงดังสนั่น พื้นดินสะเทือน ฝุ่นดินคลุ้งตลบ ราวกับอุกกาบาตตกลงมา
แม้สารถีไม่สั่งแต่ม้าลากรถก็ตกใจจนหยุดชะงักยกขาหน้าขึ้น คนในรถเทกระจาดกันไปข้างหน้าจนเกือบตกเพราะเสียงดังและแรงเบรค
“เมื่อกี้มันอะไรน่ะ!?” กีซชะโกงหน้าออกไปดูม่านฝุนข้างหน้ารถม้า การฟุ้งกระจายกว้างขนาดนี้ อะไรกันแน่ที่อยู่ใจกลาง? เงาดำทะมึนนั่นคิดอะไร? คำตอบปรากฏเมื่อฝุ่นที่คละคลุ้งค่อยๆ จางลง
นอกจากหญิงสาวผมยาวสีฟ้าที่นอนหลับอยู่ ทุกคนบนเกวียนต่างจ้องมองไปข้างหน้าด้วยใบหน้าซีดเผือด ดวงตาเบิกกว้างราวกับเห็นสิ่งที่เหลือเชื่อที่สุดในโลกอยู่ตรงหน้า และยังเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวอีกด้วย
“จ—เจ้านั่นมันตัวอะไรน่ะ?!” สหายอ้วนมาลิคอร์นร้องออกมาก่อนใคร
สูงยี่สิบห้าเมตร ชุดเกราะสีดำทะมึนยืนตระหง่านราวกับยักษาอสุรกาย
สายตาของหลุยส์สังเกตเห็นร่างหนึ่งบนไหล่ซ้ายของหุ่นเหล็กยักษ์ ทาบาสะเองก็ไม่พลาด
“นั่นมัน...”
“...เชฟฟิลด์...”
หญิงสาวผมดำแสยะยิ้มมองลงมาที่รถม้า ทาบาสะเปลี่ยนร่างอิริคุคุกลับเป็นมังกรแล้วบินขึ้นฟ้าไป เพื่อเผชิญหน้ากับหนึ่งในศัตรูคู่แค้น ทั้งที่ไม่มีไม้เท้า
“ทาบาสะ เชวาลิเยร์ เดอ นอร์ปาลเทล ไม่สิ [ชาร์ล็อต เฮเลน ออร์เลียนส์ เดอ กาเลีย] ฉันไม่มีธุระกับเธอหรอกนะ~” เชฟฟิลด์เอ่ยทั้งแสยะยิ้ม
คิลเก้ที่อยู่ด้านล่างชิงจังหวะร่ายเวทย์โจมตี ลูกไฟพุ่งตรงไปที่หญิงสาวบนไหล่ซ้ายของหุ่นเหล็กอย่างแม่นยำแม้จะอยู่ไกลมาก แต่ลูกไฟกลับแตกสลายไปต่อหน้าหุ่นเหล็ก บาร์เรียร์ที่ล่องหนอยู่ปรากฏขึ้นให้เห็นในพริบตาของการปะทะ
“ไม่มีประโยชน์หรอก ชุดเกราะของจอร์มุนกันด์น่ะลงอาคมที่ทรงพลังเอาไว้ ไม่ว่าจะดาบหรือเวทย์มนต์ก็ไม่มีทางได้สะกิด” เชฟฟิลด์ยิ้มอย่างได้ใจ
“ทีนี้จะถอยไปได้รึยังล่ะ ธุระของฉันมีกับผู้ใช้เวทย์แห่งความว่างเปล่าเท่านั้น”
หลุยส์ที่ฟังอยู่ด้านล่างผงะตกใจ “ฉ—ฉันเหรอ!?”
“ใช่แล้ว ถ้าไม่ยอมมากับเราแต่โดยดีล่ะก็...” อักขระที่หน้าผากของเชฟฟิลด์เปล่งแสง และหุ่นเหล็กก็ขยับตัว ยกดาบเล่มมหึมาที่ใหญ่พอๆ กับเขาหินลูกใกล้ๆ ขึ้นเหนือหัว
“...คงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น~” เชฟฟิลด์แสยะยิ้ม เธอกุมชะตากรรมของคนทุกคนที่นี่ไว้ในกำมือ
หลุยส์เม้มปากแน่น ก้าวขาลงจากทางหน้ารถม้า อาเนียสมองเธออย่างตื่นตระหนกเช่นเดียวกับคนอื่นๆ
เธอลงไปยืนที่พื้นด้วยสีหน้าแน่วแน่ เท้าขวาก้าวออกไปอย่างมั่นคง—
ผลัก!
เธอล้มหน้าฟาดพื้น เด็กสาวอีกคนในกระโปรงสีขาวยาวรุ่มร่ามเกาะขาเธอล้มอยู่ในท่าเดียวกัน
“...ทำอะไรเพคะองค์หญิง =.,=?” หลุยส์เงยหน้าขึ้นกุมจมูกที่แดงแจ๋แต่ยังลุกไม่ได้เพราะขาไม่ว่าง
“เธอจะทำอย่างนั้นไม่ได้นะหลุยส์! ฉันไม่ยอมให้เธอที่มาช่วยฉันถูกจับไปซะเองเด็ดขาด!” อันเรียตต้าประกาศอย่างเด็ดขาด ก่อนจะลุกขึ้นยืน หลุยส์ลุกขึ้นได้ก็ค้านทันที
“ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปองค์หญิงกับทุกคนก็จะตกอยู่ในอันตราย—“
“แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะเอาชีวิตตัวเองไปทิ้งง่ายๆ แบบนี้! ถ้าคุณเอ็กซ์อยู่ที่นี่จะพูดว่ายังไง!”
หลุยส์ชะงัก ‘เอ็กซ์เหรอ?’ เด็กหนุ่มในชุดคลุมที่ชอบทำหน้าลำบากใจเวลาที่เธออาสาภารกิจเสี่ยงๆ ครั้งเหล่านั้นเธอคิดเพียงแค่ว่าเขาเป็นพวกใจเสาะที่ไม่รู้จักเกียรติและหน้าที่ แต่เมื่อไม่นานมานี้เธอเพิ่งจะได้สัมผัสด้วยตัวเอง ถึงความรู้สึกของคนที่เห็นคนสำคัญออกไปเสี่ยงชีวิต ถึงกระทั่งความรู้สึกตอนที่ในหัวคิดว่าคนสำคัญคนนั้นไม่อยู่แล้ว
‘...มันก็แหงอยู่แล้ว ทั้งที่บอกไปแล้วว่า ‘จะไม่ยอมให้เป็นอะไรแม้ร่างกายนี้จะต้องแตกสลาย’ แต่คนที่บอกไว้ก็ยังเอาชีวิตไปทิ้งง่ายๆ ถ้าเราเป็นหมอนั่นก็คงจะทำหน้าแบบนั้นเหมือนกัน...’
“แต่หน้าที่ในฐานะชนชั้นสูง หน้าที่ในการปกป้องราชินีก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงเพคะ”
“หลุยส์...”
เด็กสาวชักคทาออกมาโดยไม่พูดพล่ามทำเพลง
ตูม!
เชฟฟิลด์ยกแขนขึ้นบังแรงระเบิด แม้ไม่ถึงตัวเธอแต่ก็เห็นได้ชัดว่าเวทย์มนต์เคาน์เตอร์ที่อวดสรรพคุณไปซะดิบดีป้องกันเวทย์ที่หลายคนเรียกว่าศูนย์สนิทบทนี้ไม่ได้เลย
‘นี่มัน...พลังของเวทย์ว่างเปล่า...!’
เด็กสาวผมสีชมพูยืนอยู่ที่ข้างล่าง ชี้คทาขึ้นมาที่เธอบนไหล่ของหุ่นเหล็ก ใบหน้าปราศจากความลังเล
“ชื่อเชฟฟิลด์สินะ! ถ้าอยากได้ตัวฉันก็ใช้กำลังพาไปเองสิ!”
เชฟฟิลด์ยิ้มเย้ยหยัน “อย่ามาเสียใจทีหลังล่ะ!”
อักษรรูนที่หน้าผากของหญิงสาวส่องแสง ดาบยักษ์ที่เงื้อค้างเอาไว้เริ่มขยับ หลุยส์ไม่รอดูว่าจะเกิดอะไรต่อไป
“อาเนียส! เกียร์ถอยหลัง!”
“รถม้านะคะไม่ใช่รถยนต์!”
ตูม!!
ฝุ่นดินฟุ้งตลบจากแรงกระแทกมหาศาล รถม้าแล่นฝ่าม่านควันออกมา หญิงสาวบนไหล่หุ่นเหล็กสะบัดหน้ามองตาม คาดไม่ถึงว่าจะเห็นเด็กสาวผมสีชมพูกำลังสะบัดคทาอยู่ในรถม้า
ตูม!
ถูกระเบิดโจมตีเข้าอีกครั้ง คราวนี้เป็นที่หุ่นเหล็กบริเวณไหล่ซ้ายใต้จุดที่เธอยืนลงไปไม่กี่เมตร เชฟฟิลด์ตกใจแต่ยังรักษาสมดุลไว้ได้
‘เคาน์เตอร์ป้องกันไม่ได้เลย สมแล้วที่เป็นเวทย์แห่งความว่างเปล่า...!’
หลุยส์นิ่วหน้าที่เวทย์ของเธอพลาดเป้า ระยะไกลขนาดนี้จะให้แม่นคงยาก ถ้าอย่างนั้น...
“ทาบาสะ!!”
เด็กสาวสวมแว่นบนฟ้าพยักหน้า ร่อนมังกรลงมารับเด็กสาวผมสีชมพูที่หลังรถม้าซึ่งกำลังวิ่ง
“หลุยส์!” อันเรียตต้าเรียกเพื่อนของเธอที่กำลังจะก้าวขึ้นหลังมังกร เด็กสาวผมสีชมพูหันกลับมายิ้มให้ แต่ไม่ใช่รอยยิ้มขมขื่นเหมือนอย่างทุกครั้งที่บอกว่า ‘แม้ชีวิตนี้ก็ยอมถวาย’ แต่เป็นรอยยิ้มที่บอกว่า
“ไม่ต้องห่วงหรอกเพคะ พวกเราจะต้องกลับไปด้วยกันทุกคน”
“...สู้เค้านะ!” อันเรียตต้าสลัดความเป็นห่วงและส่งเพื่อนของเธอด้วยท่าทางเข้มแข็งที่สุดเท่าที่ทำได้
มังกรสีน้ำเงินกระพือปีกทะยานขึ้นฟ้าไป
“เข้าไปใกล้ๆ เจ้านั่นเลย” หลุยส์บอก ทาบาสะพยักหน้าและทำตามโดยไม่ขัด
เชฟฟิลด์มองมังกรที่บินวนไปมารอบๆ หุ่นเหล็กของเธออย่างไม่เข้าใจ
“คิดจะทำอะไร?”
“ก็จัดการเธอไงล่ะ!” หลุยส์ตอบอย่างมั่นใจ
เชฟฟิลด์แสยะยิ้ม ”งั้นก็มาลองดูกันซักตั้งเป็นยังไง!”
ห่างออกไปราวสิบกิโลเมตร บนยอดเขาหินลูกหนึ่ง ราชาแห่งกาเลียยืนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านทางกล้องส่องทางไกลแบบตาเดียวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ขอดูพลังของเวทย์ว่างเปล่าให้เห็นกับตาหน่อยเถอะ”
ปราสาทอัลฮัมบรา ลานหน้าปราสาท
“เป็นอะไรไป พูดไม่ออกเลยรึไง~” เรปลิลอยด์สาวเย้ยอีกฝ่ายที่ยืนนิ่งมาเกือบนาทีตั้งแต่รู้ว่ากลุ่มที่หนีไปก่อนถูกไล่ตาม
เรปลิลอยด์สีแดงชมพูรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในบรรยากาศสะกิดไหล่เพื่อน
“เฮ้ เลเวียธาน—“
“ข้ารู้แล้วล่ะน่า...” เลเวียธานแทรกเสียงดุ รอยยิ้มดูมั่นใจแต่แท้ที่จริงแฝงความตื่นตระหนกเอาไว้
‘จะว่าสมเป็นคู่หูกันก็คงไม่ผิด...แต่แทนที่เลือดจะพลุ่งพล่าน กลับรู้สึกหนาวจนเลือดจะเป็นน้ำแข็ง...’ ถึงในตัวเธอจะเป็นของเหลวอย่างอื่นแทนเลือดก็เถอะ
เรปลิลอยด์หนุ่มสีฟ้าที่ยืนนิ่งอยู่เริ่มขยับตัวก้าวขาขวาออกมาข้างหน้า สลับเป็นขาซ้าย และเดินตรงเข้ามาหาสองอดีตผู้บัญชาการ
“เวลาไม่มีแล้ว เตรียมตัวให้ดี แฟ็บนีล เลเวียธาน...” ร่างสีฟ้าส่องแสง เลเวียธานจ้องอีกฝ่ายไม่วางตา สีหน้าแสดงออกถึงความร้อนรนที่เก็บเอาไว้ไม่อยู่
‘...ถึงจะไม่อยากยอมรับก็เถอะ แต่ว่า...ถ้า ‘เจ้า’ ที่อยู่โลกนั้นได้ยินล่ะก็นะ...’
แสงดับลง และร่างของนักรบสีฟ้าก็อยู่ในชุดเกราะที่เปลี่ยนไปพร้อมทั้งดวงตาที่ร้อนดั่งไฟและเยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง
‘...เจ้าน่ากลัวไม่เท่าที่อยู่ต่อหน้าข้าตอนนี้เลย...!’
--
แนะนำตัวละคร
จอร์มุนกันด์
ข้อมูล : ชุดเกราะโลหะไซส์บิ๊กเบิ้มที่ขยับได้ด้วยพลังเวทย์ ควบคุมโดยเชฟฟิลด์ที่ใช้พลังของอักขระเมียวซ์นิทนีลที่หน้าผาก มีพลังมหาศาลโดยไม่ต้องฝึกลมปราณหรือเดินกำลังภายใน(ใช้กำลังภายนอกล้วนๆ)
อิรุคุคุ
ข้อมูล : ซิลฟีดในร่างจำแลง ทำให้ได้รู้ว่าซิลฟีดยังเป็นแค่ลูกมังกร(นิสัยดูยังไงก็เด็กเต็มๆ)และมังกรแห่งบทกวี(มีคุณสมบัติทางเวทย์มนต์และสติปัญญามากกว่าสัตว์ธรรมดา) เรียกตัวเองว่าเป็นน้องสาวของทาบาสะ แต่ร่างกายเจริญเติบโตกว่าจมหู(โดยเฉพาะ ‘ส่วนนั้น’)
โฟร์ธอาร์เมอร์
ข้อมูล : มีอีกชื่อเรียกว่า [ฟอร์ซอาร์เมอร์] โดยแฟนๆ (ชุดเกราะตั้งแต่ชุดที่หนึ่งถึงชุดที่สี่ไม่มีชุดเป็นทางการ ชื่อ ‘โฟร์ธอาร์เมอร์’ นี้อยู่ในคำอธิบายของตัวละคร [เอเลีย] ในออฟฟิเชียลไกด์บุ๊คของ Rockman X5)
ชุดเกราะที่ได้มาจากสงครามอิเร็กกุล่าร์ครั้งที่ 4 เสริมพลังในทุกๆ ด้าน ทั้งการจู่โจม การป้องกัน คลังกระสุน และการเคลื่อนที่กลางอากาศ(ลอยตัวได้ชั่วขณะ) มี [โนว่า สไตรค์] เป็นท่าไม้ตายอำนาจทำลายล้างมหาศาลที่ใช้ปริมาณพลังงานมหาศาลพอๆ กัน
--
R:”หุ่นใหญ่บิ๊กเบิ้มอีกละ เหมือนโกเลมอัพเกรด จากรุ่นโคตรซูเปอร์เฮฟวี่เวท เป็นรุ่นอภิอัครมหาซูเปอร์เฮฟวี่เวท”
S:”นอกจากจะตัวเบิ้มกว่าแถมเหล็กยังหนักกว่าหินแล้ว มันยังอึดถึกกว่ากันจมหูเลย”
DX:”ว่าแต่มีใครสังเกตบ้างมั้ยว่าทำไมผู้หญิงฝ่ายร้ายมักจะคุมหุ่นเชิดตัวใหญ่ๆ เรื่องนี้ก็สองคนละ ยังไม่นับเรื่องอื่น”
S:”นั่นน่ะดิ สงสัยเหมือนกัน”
R:”ท่าจะเป็น GPAS (Giant Puppet Addict Syndrome)”
*Edit1(หลังจากแต่งจบแล้ว): ตัวหนังสือเอียงทั้งตอน > ปรับให้ถูกต้อง
ความคิดเห็น