คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #35 : Chapter 34 : ขโมย(2)
หลังจากตัดสินใจเรื่องแบ่งหน้าที่กันเรียบร้อย ก็ได้เวลาทีมสืบสวนออกปฏิบัติการ
“เอาล่ะ แยกย้ายกันไปได้แล้ว” อาเนียสกับจูลิโอเดินออกไปจากห้อง ไม่มีใครสังเกตเห็นการกระทำของเขา(ถึงสังเกตเห็นก็คงไม่รู้หรอกว่าเขาเพิ่งจะละเมิดความเป็นส่วนตัวของทุกคน)
“เอ้า จะไปกันได้รึยัง?” อัศวินหญิงผมสั้นสีม่วงน้ำเงินที่เพิ่งถูกเปิดเผยว่าชื่อมิเชลเร่ง ดูไม่ค่อยพอใจที่เขาเอาแต่ยืนนิ่ง
“ไปครับ” เขาตามคู่หู(ชั่วคราว)ออกไป ตอนนี้เขาจะยังไม่บอกใครเรื่องคนร้าย จนกว่าจะเจอแหวนทับทิมวารีและวายุของจริงที่ถูกขโมยไป...แน่นอน ผ.อ.จะทำของเลียนแบบขึ้นมาเพื่ออะไรถ้าจะส่งของจริงไปที่อื่นอยู่แล้ว เห็นได้ชัดว่าเบาะแส ‘คนร้ายคือคนใน’ ทำให้ผ.อ.ใช้วิธี ‘จะหลอกศัตรูต้องหลอกมิตรซะก่อน’ ซึ่งก็เป็นการตัดสินใจที่ดีเพราะคนร้ายอยู่ในทีมสืบสวนจริงๆ
แต่เหนือสิ่งอื่นใด เขาเชื่อว่าหัวขโมยจะต้องมีเหตุผล คนที่เลวจนถึงแก่นจริงๆ ไม่มีหรอก หากรู้ต้นสายปลายเหตุอาจมีวิธีแก้ไขที่สันติกว่าการปราบปราม...ซึ่งเป็นวิธีที่เขาทำมาตลอด และไม่เคยชอบเลย ตอนนี้เขาจะสังเกตการณ์ไปก่อน
“นายไปค้นตัวพี่น้องวาลิเอล ฉันจะไปดูพวกอาจารย์” รองหัวหน้าหญิงตัดสินใจแยกกันค้น
“ครับผม ^ ^” เอ็กซ์ตอบรับอย่างว่าง่าย อีกฝ่ายทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอเพราะไม่ชอบหน้ายิ้มของเขาก่อนจะแยกตัวออกไป
‘เอาล่ะ ห้องของคุณเอเลโอนอล...’ ถึงจะค่อนข้างชัดเจนว่าคนร้ายเป็นใคร แต่ก็เพื่อความไม่ประมาท(อะไรก็อาจเป็นไปได้)
เรปลิลอยด์หนุ่มเปิดประตูห้องของพี่น้องวาลิเอลคนโตและแอบเข้าไปอย่างเงียบๆ เราจะรอเขาอยู่ที่หน้าห้อง
...
นั่น เขากลับออกมาแล้ว
‘ไม่มีรอยอะไร แหงอยู่แล้ว’ เขาใช้เลนส์รังสีแสกนเหมือนเดิม หญิงสาวผมทองไม่รู้แม้แต่นิดว่าตัวเองถูกรุกล้ำความเป็นส่วนตัว(เขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจแบบนั้นนี่ อย่างน้อยก็พยายามบีบวงการมองให้แคบที่สุด) เอาล่ะ ต่อไปก็ห้องของลูกสาวคนรอง
เขาเปิดประตูเข้าไป และเจอเข้ากับหมาสองแมวหนึ่งส่งเสียงร้องเมี้ยวม้าวอยู่ที่ขา แน่นอนว่าเจ้าของห้องต้องตื่น
“เอ๋? คุณคือ...?” ในความมืดคาเทอเลียยังมองเห็นไม่ชัด แต่เสียงต่อมาทำให้เธอรู้ตัวตนแขกยามวิกาล
“เอ็กซ์!” หลุยส์ยืนจังก้าอยู่หน้าประตูที่เปิดกว้าง “เห็นไม่กลับมาซะที ดันมาแอบย่องเข้าห้องท่านพี่ชีซะได้!”
เรปลิลอยด์หนุ่มรู้ในวินาทีนั้นว่าเรื่องนี้คงต้องอธิบายกันยาว
ห้องของหลุยส์
“คนร้ายที่บุกเข้าไปในห้องผ.อ.มีตราประทับที่หน้าอก ก็เลยเป็นเบาะแสให้ทุกคนออกไปตามหา?” เอ็กซ์พยักหน้า
“นายรู้แล้วว่าตราประทับอยู่ที่ใคร แต่รอจังหวะเลยเล่นตามน้ำไปก่อน?” พยักหน้าอีก
“...ดูเหมือนว่าแส้นี่จะไม่ต้องใช้แล้วสินะ...” หลุยส์เก็บแส้เส้นใหญ่ที่มีหนามนับสิบกระจายอยู่ตลอดตั้งแต่โคนจรดปลายเข้าลิ้นชักหลังจากเอาออกมาถือขู่ได้ราวห้านาที เอ็กซ์แอบคิดว่าบางทีนายหญิงของเขาก็น่ากลัวผิดมนุษย์เหมือนกัน
“แล้วจะเอายังไงต่อ? ‘จังหวะ’ ที่นายว่าน่ะมันเมื่อไหร่?”
“ก็ต้องคอยดูไปก่อน ถ้าจนจบการตรวจค้นแล้วยังไม่เกิดอะไรขึ้น—“
ตูม!!
เกิดแล้ว
ห้องของคาเทอเลีย
หญิงสาวผมสีชมพูนั่งบนขอบเตียงสำลักฝุ่นควันที่ฟุ้งกระจาย หลังคามุมหนึ่งเป็นรูใหญ่
“ท่านพี่ชี!” หลุยส์วิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าเป็นกังวล อสูรรับใช้ของเธอตามหลังมา จากนั้นก็ทีมสืบสวนคนอื่นๆ และพี่สาวคนโตที่เป็นห่วงน้อง
“ทุกคนกลับไปที่ห้อง!” รองหัวหน้าสลายวงนักเรียน ภายในห้องจึงเหลือเพียงเจ้าของห้องกับพี่สาวน้องสาวและทีมสืบสวน
อาเนียสสังเกตเห็นว่ามือของหญิงสาวเจ้าของห้องกุมบริเวณเหนือหน้าอกซ้ายอยู่จึงขออนุญาตเปิดดู
“นี่มัน...แค่แผลไหม้เล็กๆ ไม่ร้ายแรงอะไรแต่ว่า...ได้มาจากไหน?”
“ตอนที่คนร้ายบุกเข้ามา เชิงเทียนเงินถูกหลอมละลาย ส่วนหนึ่งกระเด็นมาโดนน่ะค่ะ” คาเทอเลียชี้ให้ดูเชิงเทียนสามช่อที่แขนหนึ่งละลายเป็นหยด
“เวทย์มนต์สายดิน คุณเองก็ใช้ได้สินะ” อาเนียสถาม คาเทอเลียตอบว่าใช่
“ยอมเจ็บตัวเพื่อลบข้อกล่าวหายังงั้นล่ะสินะ”
ทุกสายตาหันไปมองเด็กหนุ่มผมทองที่ยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่
“คนร้ายมีตราประทับที่หน้าอก เพราะรู้ล่วงหน้าว่าจะต้องถูกค้นตัวก็เลยจงใจสร้างบาดแผลเพื่อลบรอยนั่น และสร้างเรื่องว่าคนร้ายเป็นคนอื่น อย่างนั้นใช่รึเปล่า” คำกล่าวหานี้ทำให้หลุยส์ฉุนกึก
“นี่นายกล่าวหาท่านพี่ชีว่าเป็นคนร้ายงั้นเหรอ! ท่านพี่ชีจะทำแบบนั้นทำไม!” แต่จูลิโอไม่แสดงท่าทีสะทกสะท้านใดๆ แถมยังส่งต่อให้รองหัวหน้าอธิบายอีกต่างหาก
“เป็นที่รู้กันว่าดยุคลา วาลิเอลไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจขององค์ราชินีที่ไม่ยอมประกาศสงคราม อาจเป็นไปได้ว่าต้องการใช้แหวนสองวงนั้นสร้างเรื่องฉาวเพื่อเปิดทางสู่การโค่นล้มอำนาจราชวงศ์”
“นั่นมันพวกเธอคิดกันเอาเอง! แล้วผู้ใช้เวทย์มนต์คนอื่นๆ ล่ะ! นายดูมาหมดแล้วรึไง!?” หลุยส์หันไปโวยจูลิโอต่อ
“แน่นอน ทุกคนยินยอมพร้อมใจเปิดอกให้ฉันกับอาเนียสดู ถึงได้เสร็จเร็วยังไงล่ะ และก็ไม่มีใครมีตราประทับหรือว่าแผลอะไรที่จะปิดรอยประทับได้เลยด้วย” จูลิโอตอบอย่างไม่เกรงกลัว
“เอ~ หน้าตาดีก็มีประโยชน์นะครับเนี่ย” เอ็กซ์ยิ้มให้นักบวชหนุ่ม ซึ่งก็ยักไหล่และตอบเขากลับมานิ่มๆ
“นายเองก็เถอะ ปั้นหน้ายิ้มแบบนั้นแล้วหยอดคำหวานหน่อยก็ทำให้ผู้หญิงยอมถวายตัวได้แล้วไม่ใช่เหรอ”
“อย่าพูดแบบนั้นสิครับ ไม่อย่างนั้นเสร็จจากคดีนี้ผมอาจจะต้องโดนสอบปากคำนอกรอบก็ได้ ^ ^;” เอ็กซ์รู้สึกถึงรังสีอำมหิตจากด้านหลัง ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าเป็นใคร
“หัวหน้าคะ” รองหัวหน้ามิเชลเข้ามารายงานผลการตรวจค้นห้อง “พบสิ่งนี้ในกองฟางค่ะ”
สายตาทุกคู่จ้องมองแหวนสองวงในมือของรองหัวหน้าหน่วย สถานการณ์ของคาเทอเลียเลวร้ายจนถึงขีดสุด
“รูปการณ์ก็ได้ เหตุจูงใจก็มี หลักฐานก็พร้อม มิสคาเทอเลีย ยังมีอะไรจะแก้ตัวอีกมั้ย?” มิเชลถาม ซึ่งแน่นอนว่าต้องได้รับคำปฏิเสธกลับมา
‘ผู้บริสุทธิ์ถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้อง ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้’ เอ็กซ์ตัดสินใจว่าถึงเวลาที่ต้องเปิดเผยความจริง
“ท่านพี่ชีจะทำแบบนั้นได้ยังไง!” หลุยส์ยังพยายามแก้ต่างให้พี่สาวของตัวเอง
“หลุยส์ เธอน่ะหยุดพูดซะ” เอเลโอนอลที่อยู่เงียบๆ มาตั้งแต่เริ่มเดินเข้ามา ทำให้เรปลิลอยด์หนุ่มหยุดชะงักและรอดูสถานการณ์ต่อไป
ในมือของเอเลโอนอลคือก้อนเงินที่หลอมละลายและเย็นตัวลงจนแข็งดังเดิม และที่ติดอยู่กับก้อนเงินนั้นคือเส้นผมหนึ่งเส้น เธอหยิบยาขวดหนึ่งออกมา
“เส้นผมที่ติดอยู่นี้ถ้าไม่ใช่ของคาเทอเลียก็ต้องเป็นของคนร้าย ยาที่ได้มาจากเพื่อนของฉันนี้...” ของเหลวสีม่วงหยดลงบนเส้นผมในมือของเธอ มันส่องแสงและลอยขึ้น
“มันกำลังจะกลับไปหาเจ้าของของมัน และถ้าคนคนนั้นไม่ใช่คาเทอเลียก็มั่นใจได้เลยว่าจะต้องเป็น...” เส้นผมพุ่งเข้าไปในศีรษะของคนคนนั้น
ฟุ่บ
“...คนร้าย”
สายตาทุกคู่หันไปมองที่รองหัวหน้าหน่วยหญิง มิเชลผงะหน้าซีด
“น—หนอย!~ คิดจะใช้เวทย์มนต์หลอกป้ายความผิดให้ฉันยังงั้นเหรอ หัวหน้าคะ! ผู้หญิงคนนี้ก็สมรู้ร่วมคิด จับไปด้วยกันเลยเถอะค่ะ!”
อาเนียสเงียบ ก่อนจะเอ่ยโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
“เราจะกล่าวหาฝ่ายเดียวคงไม่ได้ รองหัวหน้า เพื่อเป็นการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้ทุกคนได้เห็น ช่วยเปิดเกราะให้เราดูหน่อยได้มั้ย?”
“ค—คำสั่งน่าอายแบบนั้นดิฉันปฏิบัติตามไม่ได้หรอกค่ะ!” รองฯสะบัดหน้าหนี
“มิเชล...จริงๆ แล้วผู้อำนวยการออสมันด์รู้ว่าคนร้ายคือหนึ่งในพวกเราจึงได้โกหกออกไป ที่จริงแล้วแหวนสองวงนี้...” ในมือของเธอ “...เป็นของจริง”
มิเชลหายใจเฮือก ใบหน้าซีดมากยิ่งกว่าเดิม
“ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วยล่ะ?” จูลิโอพูดสวนขึ้นมา
“อุตส่าห์ขโมยมาได้แล้วแต่กลับเป็นของเลียนแบบ ก็เลยคิดจะป้ายความผิดให้มิสคาเทอเลีย ทำเรื่องโง่ๆ จนได้นะ” อาเนียสปิดการสันนิษฐานลง
“ไม่ใช่นะคะหัวหน้า! ฉันจะแสดงหลักฐานให้ดูเอง!” เธอฉีกเสื้อส่วนเหนือหน้าอก ตราประทับรูปดาวห้าแฉกส่องแสง อาเนียสพอได้เห็นเข้ากับตาจริงๆ ก็ผงะด้วยความตกใจ มิเชลอาศัยจังหวะนี้ชักดาบยกขึ้นเหนือหัว อาเนียสหายตกใจก็รีบจับอาวุธของตัวเอง แต่ดาบของอีกฝ่ายฟันลงมาแล้ว
กิ๊ง!
แท่งโลหะสีเงินกระเด็นหมุนควงไปในอากาศ และปักลงที่กำแพง มิเชลมองดาบในมือตัวเองสลับกับแขนซ้ายที่ยกขึ้นของร่างในชุดคลุมที่เข้ามาขวางด้วยสีหน้าช็อก ไม่มีใครคาดคิดว่ามือเปล่าจะฟันดาบเหล็กขาดเป็นสองท่อน
“ชิ!”
บรึ้ม!
ผนังข้างตัวระเบิดเป็นรูกว้างทำเอาจูลิโอหลบแทบไม่ทัน มิเชลหนีออกไปทางรูที่เปิดกว้าง เอ็กซ์เตรียมจะตามออกไปแต่พอเห็นคนข้างตัวแกว่งคทาก็รู้ว่าไม่จำเป็น
โกเลมตัวใหญ่ขวางทาง คทาในมือของคาเทอเลียส่องแสงควบคุมจากในห้อง มิเชลชูคทาขึ้นเตรียมจะจัดการสลายตัวขัดขวางไปให้พ้นๆ แต่ถูกกระสุนปืนจนคทาหักเป็นสองท่อน ในที่สุดก็ถูกหัวหน้าหน่วยผู้ยิงปืนนัดตัดสินจับกุมเอาไว้ได้
“จบได้ซะทีนะ” เอเลโอนอลพูดเสียงรำคาญ “ห้องนี้ใช้ไม่ได้แล้ว คาเทอเลียมานอนห้องฉันก็แล้วกัน ส่วนหลุยส์ เด็กอย่างเธอควรจะเข้านอนได้แล้ว”
“เด็กเหรอ? โธ่เอ๊ย...” หลุยส์ทำหน้าไม่ชอบที่ถูกเรียกว่าเด็ก
เอ็กซ์มองดูแต่ละคนด้วยความรู้สึกปลื้มปิติ แม้เขาแทบไม่ต้องทำอะไร แต่ละคนก็ช่วยคนละไม้คนละมือจัดการแก้ปัญหาไปได้อย่างลุล่วง เขารู้สึกยินดียิ่งที่เห็นมนุษย์พยายามทำสิ่งที่ตัวเองทำได้
‘จะอยู่ที่ไหน มนุษย์ก็คือมนุษย์ ยังคงเป็นสิ่งที่ล้ำเลิศไม่เปลี่ยน’ เอ็กซ์ยิ้มละไม
หลังจากนั้น ห้องว่างที่กลายเป็นห้องสืบสวน(ชั่วคราว)
ปึง!
“คนที่ถูกทรยศคือฉันตะหาก!” เสียงที่เจ็บแค้นดังออกไปถึงหน้าห้อง ได้ยินถึงหูของเรปลิลอยด์หนุ่มที่ยืนฟังอยู่โดยไม่มีใครรู้
พ่อของสายลับสาวเคยเป็นเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม(พวกตุลาการทั้งหลาย)จนถึงสิบปีก่อนถูกป้ายสีว่าทุจริตจนถูกยึดตำแหน่ง สุดท้ายก็ฆ่าตัวตายหนีความอับอาย คนเป็นแม่ก็เสียชีวิตตามในเวลาต่อมา เหลือเธอตัวคนเดียวต้องเร่ร่อน ทำทุกอย่างเพื่อเอาชีวิตรอด
‘อดีตเคล้าน้ำตาแบบที่เห็นได้ทั่วไป’ เป็นความเห็นเดียวจากเรปลิลอยด์ผู้มีชีวิตมาอย่างยาวนาน นี่เองแรงจูงใจดั้งเดิมของหัวขโมยคนนี้
“ฉันเข้าใจ” เสียงของอัศวินหญิงผมทองตอบ “หมู่บ้านที่ฉันเกิดก็ถูกเผาจนวอดวาย และคนเดียวที่รอดตาย...คงจะรู้สินะ”
‘สองคนที่มีอดีตแบบเดียวกันแต่เลือกเดินคนละทาง...’ การที่แต่ละคนซึ่งแก่นของจิตใจล้วนแต่กำเนิดขึ้นมาเหมือนกัน จะกลายเป็นสิ่งที่คนส่วนมากเรียกว่า ‘คนดี’ หรือว่า ‘คนเลว’ ก็คือทางแยกแต่ละแยกแบบนี้นี่ล่ะ
“แต่เธอก็ไม่ควรจะเอาความเคียดแค้นมาลงที่องค์ราชินีแบบนี้”
“องค์ราชินีทำอะไรเพื่อคนอย่างฉันบ้าง! ตราบเท่าที่ไม่กำจัดพวกผู้ดีจอมปลอมออกไปประเทศนี้ก็มีแต่จะเน่าเฟะ!”
ปึง!!
เสียงตบโต๊ะ คราวนี้ดังกว่าครั้งแรก เอ็กซ์รู้จากน้ำหนักความมั่นใจว่าเป็นของใคร
“ผิดแล้ว!” อาเนียสพูดเสียงดัง “คนที่เธอควรจะเคียดแค้นคือพวกขุนนางละโมบที่คิดจะยึดอำนาจองค์ราชินีตะหาก! บอกมาซะ ใครส่งเธอมา!”
“...เพื่อนสนิทเก่าแก่ของพ่อ เป็นคนเดียวที่ยอมเชื่อว่าพ่อของฉันบริสุทธิ์ และให้ที่อยู่อาศัยกับคนเร่ร่อนอย่างฉัน ฉันจะไม่พูดมากไปกว่านี้แล้ว...” ฟังจากน้ำเสียงมิเชลดูจะยอมรับขึ้นมาบ้างแต่ยังไม่ทิ้งทิฐิ
“...ยอมเชื่อว่าพ่อของเธอบริสุทธิ์งั้นเหรอ ฉันว่าหมอนั่นรู้ดีกว่าใครซะมากกว่า เพราะตัวเองเป็นคนร้ายตัวจริงนี่” อาเนียสปะติดปะต่อข้อมูลทั้งหมดที่เธอมีอย่างใจเย็น
“ว่าไงนะ!?”
“ฉันรู้ว่าเธอพูดถึงเจ้ากระทรวงยุติธรรม [ลิชมอน] เพราะไม่มีหลักฐานถึงไม่มีการเปิดเผยเรื่องนี้ แต่ถ้าดูจากรูปการณ์ล่ะก็ เจ้านั่นล่ะตัวจริงที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง”
“อย่าพูดจาส่งเดชนะ!”
“ฉันพูดจริง เรื่องของเจ้านั่นน่ะฉันตรวจสอบอย่างละเอียดยิบ ไม่มีแม้แต่เศษเล็กน้อยเล็ดลอดสายตาฉันไป ทำไมน่ะเหรอ? ก็เพราะเจ้านั่นมันเป็นศัตรูที่สร้างความแค้นไว้กับฉันยังไงล่ะ!”
“อะไรนะ!?”
เอ็กซ์ยืนพิงกำแพงอยู่นอกประตู มีอยู่คำพูดหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกหดหู่ใจ
‘ความแค้น...’
--
R:”สองตอนนี้ค่อนข้างรวบรัด”
DX:”แต่ก็ยังอุตส่าห์ยาวได้อีก”
S:”สุดท้ายหมอนั่นก็ไม่ได้ทำอะไรเลยนี่นา”
DX:”หมอนั่นเป็นเรปลิลอยด์ ปกติไม่เข้ามายุ่งกับกิจการของมนุษย์ขนาดนี้หรอก”
R:”นั่นสินะ เป็นเรปลิลอยด์...”
(...ทำไมจู่ๆ ถึงดราม่าได้ฟะ?...)
ความคิดเห็น