คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #29 : Chapter 28 : ไล่ตาม
บนเครื่องบิน...ที่ควันโขมง
“สงสัยว่า...คงต้องสละเครื่องเร็วๆ นี้แล้วล่ะครับ” เอ็กซ์บอกตามความจริง
“สละเครื่องคือยังไง?” หลุยส์ไม่เข้าใจ
“ถ้าจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ...” ...ใบพัดหยุดหมุน... “เรากำลังจะร่วง”
เครื่องบินลำยักษ์ตกผ่านอากาศที่ความสูงนับร้อยเมตร ลำเครื่องหมุนไปมาเหมือนเครื่องบินโฟมที่สุดแรงขว้างกำลังร่วงสู่พื้น ต่างกันที่ความร้ายแรงคราวนี้มันสูงกว่าจม
“เจ้าบ้า! แล้วทีนี้จะทำยังไง เราต้องไปช่วยองค์หญิงนะ! ไม่ใช่ให้คนมาช่วยเรา!”
“นั่นสินะครับ แบบนี้คงต้องใช้วิธีนั้นอย่างเดียว” เอ็กซ์ถอนหายใจ เขาไม่อยากทำบ่อย เดี๋ยวจะติดนิสัยครั้งไหนๆ ก็จะทำ
“วิธีนั้น? อ๋อ ตอนที่พาล—ลูกชายของนายไปหาองค์ชายเวลส์สินะ!” หลุยส์จำได้ แต่กระดากปากที่จะพูดคำว่า ‘ลูกชาย’
เอ็กซ์ไม่พูดพล่ามทำเพลง อุ้มนายหญิงกระโดดออกจากตัวเครื่องบิน
ระบบชุดเกราะ : ค้นหารายชื่อ
เปิดใช้งาน : ฟอลคอนอาร์เมอร์
ร่างของเรปลิลอยด์หนุ่มส่องแสง ชุดคลุมสีน้ำเงินหายไป แทนที่ด้วยโลหะสีขาวปนกับสีแดงน้ำเงินเหลืองที่จัดเป็นสัดส่วน สองปีกตั้งขึ้นด้านหลังปล่อยไอพ่นสีฟ้า แรงต้านลมถูกกันออกไปจากพื้นที่แคบๆ รอบตัวของทั้งสองซึ่งบัดนี้ลอยอยู่ในอากาศ
“แต่เรื่องเครื่องบินอาจจะหมดหวังนะครับ” ถึงจะเป็นเขาก็แบกไม่ไหวหรอกนะ
สายลมแรงก่อตัวขึ้น เครื่องบินลำยักษ์ที่หมุนติ้วกลับทรงตัวได้ และค่อยๆ ร่อนลงอย่างอย่างมั่นคงแม้จะไม่มีคนขับ
บนหลังมังกรสีน้ำเงินคือสองสาวคู่หูดูโอ้คู่เดิม คิลเก้มองที่นั่งเครื่องบินที่ว่างเปล่าอย่างประหลาดใจ
“เอ๋? สองคนนั่นหายไปไหนแล้วล่ะ?”
“คุณคิลเก้ คุณทาบาสะ” เด็กสาวผมแดงสะดุ้งเกือบตก เธอหันกลับไปมองอีกด้านหนึ่ง
“เอ็กซ์กับหลุยส์ ท—ทำไมบินได้!?” เรปลิลอยด์หนุ่มไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่ทาบาสะสนใจอย่างอื่นมากกว่า
“...ข้างล่าง...”
บนถนนตัดป่าเบื้องล่าง ร่างสีเขียวบินเลียดพื้นด้วยความเร็วสูง และที่ถูกอุ้มอยู่ก็คือ...
”องค์ราชินีนี่นา!” คิลเก้ต๊กกะใจ พวกเธอตามมาด้วยโดยไม่รู้เรื่องลักพาตัวอะไรนี่อยู่แล้ว
“เอ็กซ์! นั่นมัน—!”
“ฮาลเปีย...” เขาไม่นึกเลยว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้
เครื่องบินที่ไร้คนขับร่อนลงบนผิวน้ำเหนือทะเลสาบที่อยู่ใกล้ๆ อย่างปลอดภัย
เรปลิลอยด์สีเขียวมองเห็นมังกรและเรปลิลอยด์ในชุดเกราะเวหาร่อนลงมา เขาหยุดกระทันหัน และวางเด็กสาวผมสีม่วงแดงลงยืนกับพื้นบอกให้เธอถอยไปห่างๆ จากนั้นจึงหันไปเผชิญหน้ากับผู้ที่ตามมา
“นี่นาย—!” หลุยส์ตั้งท่าจะโวยแต่ถูกอสูรรับใช้ดันกลับไปด้านหลัง
“ฮาลเปีย เจ้าคิดจะทำอะไร?” เอ็กซ์จ้องเขม็ง เขาไม่ยิ้ม และยังอยู่ในสภาพต่อสู้
“...ถึงเป็นมาสเตอร์เอ็กซ์ ข้าก็ไม่คิดจะถอย” เรปลิลอยด์สีเขียวจ้องกลับมา ทั้งคู่ไม่มีใครยอมถอนสายตา ดาบคลื่นเสียงสองเล่มถูกชักออกมา แต่เอ็กซ์ยังยืนนิ่ง เขาอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ถูกขัดซะก่อน ลิ่มน้ำแข็งนับสิบพุ่งผ่านจากด้านหลังตรงไปที่เรปลิลอยด์ฝั่งตรงข้าม
เงาสีชมพูที่ดาบคลื่นเสียงทิ้งเอาไว้ในแต่ละท่วงท่าดูราวกับร่ายรำ เศษน้ำแข็งแตกละเอียดอยู่ที่ปลายเท้า
“...ไม่ได้ผล...” ทาบาสะมองดูเวทย์ของตัวเองถูกทำลายโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยน
“งั้นถ้าแบบนี้ล่ะ!” คิลเก้สะบัดคทาไปด้านหน้า แต่ถูกมือของเอ็กซ์ห้ามเอาไว้ “ทำอะไรของ—“
เขายิ้ม... เรปลิลอยด์หนุ่มทำสิ่งที่ผิดธรรมชาติที่สุดในสถานการณ์นี้ คือการยิ้มให้ฝ่ายตรงข้าม เรปลิลอยด์สีเขียวมีสีหน้าประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันดีใจนะฮาลเปีย ที่ได้เห็นว่าเจ้ายังไม่ทิ้งความยึดมั่นในหน้าที่ของตัวเองไป...” ร่างของเอ็กซ์ส่องแสง กลับสู่ชุดคลุมสีน้ำเงินดังเดิม ไม่เหลือความตั้งใจที่จะต่อสู้
“ไม่ว่าเจ้ากำลังจะไปที่ใด ให้พวกเราไปด้วยได้รึเปล่า? ฉันให้สัญญาว่าจะไม่ขัดขวางถ้าไม่จำเป็น”
เรปลิลอยด์สีเขียวเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยเสียงอันเย็นชาแต่เปี่ยมด้วยความเคารพ
“หากมาสเตอร์เอ็กซ์ต้องการเช่นนั้น ข้าจะยอมทำตาม”
ทะเลสาบแล็กโดเรี่ยน
ริมทะเลสาบหมอกลงค่อนข้างจัด ทั้งหมดได้ฟังเรื่องราวจากคนต้นคิดเอง : องค์ชายเวลส์แห่งอัลเบี้ยน
“เราขออภัยที่ทำให้พวกท่านต้องแตกตื่น แต่เราไม่ได้ประสงค์ร้ายต่อองค์ราชินีอันเรียตต้า เพียงแต่มีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกับเธอ” เขานั่นเองที่ให้ทหารคนสนิทพาองค์หญิงมา ถึงจะขลุกขลักไปบ้างในตอนแรก แต่ระหว่างทางก็อธิบายให้เข้าใจได้โดยมีแหวนทับทิมวายุเป็นหลักประกัน
“ท่านเวลส์” องค์หญิงเข้าไปหาเด็กหนุ่มผมทอง “ต้องการจะคุยอะไรกับฉันเหรอคะ?”
“อันเรียตต้า เธอยังจำสัญญาในวันนั้นได้ใช่มั้ย ที่ทะเลสาบแล็กโดเรี่ยนแห่งนี้” องค์หญิงแปลกใจที่อีกฝ่ายพูดถึงเรื่องนั้นเอาตอนนี้
“ฉันต้องการจะบอกกับเธอ ในสถานที่แห่งเดียวกันนี้ ว่าฉันขอถอนคำสาบาน”
อันเรียตต้าตัวชา ลืมแม้กระทั่งหายใจ เวลส์จับไหล่ทั้งสองข้างประคองเธอเอาไว้
“อันเรียตต้า ครอมเวลถูกจับแล้ว กบฏในอัลเบี้ยนควรจะหมดอำนาจ แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น ฉัน...ต้องไป”
“แต่มันอันตรายมากนะเพคะ!” หลุยส์ท้วงแทนองค์หญิงที่ช็อกจนพูดไม่ออก
“เหล่าขุนนางของทริสเทนก็ตัดสินใจจะทำสงครามกับอัลเบี้ยน ถึงได้รีบให้อันเรียตต้าขึ้นเป็นราชินี ถูกต้องรึเปล่า?” หลายคนตกใจกับการผูกเรื่องราวขององค์ชาย บางคนยังไม่รู้ บางคนตั้งใจจะไม่บอกเขา
“ถ้าหากฉันสามารถคืนอำนาจให้กับราชวงศ์ได้ สงครามครั้งนี้ก็อาจจะไม่เกินขึ้น ...แต่ฉันไปคราวนี้อาจจะไม่รอด เพราะฉะนั้นฉันยากให้อันเรียตต้าปฏิญาณคำสาบานใหม่อีกครั้ง ต่อหน้าภูติวารีแห่งทะเลสาบแล็กโดเรี่ยน”
“คำสาบาน...คำสาบานอะไรคะ?” องค์หญิงสังหรณ์ใจว่าเธอไม่อยากจะฟังคำพูดต่อไป
“สาบาน...ว่าถ้าฉันเป็นอะไรไป เธอจะลืมฉัน...และรักผู้ชายคนอื่น” อันเรียตต้าอยากให้นี่เป็นเพียงการล้อเล่น แต่พอได้เห็นสีหน้าที่เด็ดเดี่ยวของอีกฝ่ายแล้วก็รู้ว่าไม่มีหวัง
“จะให้ฉันสาบานแบบนั้นได้ยังไงกันคะ! ท่านเวลส์...ท่านเวลส์ไม่รักฉันแล้วเหรอคะ!?” อันเรียตต้าเสียน้ำตาให้กับคำพูดที่เหมือนตัดเยื่อใยของอีกฝ่าย ขณะที่หลายคนรอบข้างตกใจกับความสัมพันธ์ลับระหว่างทั้งคู่
“ฉันเสียใจที่ต้องทำแบบนี้อันเรียตต้า แต่ฉันจะเสียใจยิ่งกว่าถ้าหากเธอต้องจมปลักอยู่กับคนที่ตายไป สาบานตามที่ฉันขอเถอะ เพื่อให้ฉันไปอัลเบี้ยนได้อย่างสบายใจ”
“ท—ท่านเวลส์...!” อันเรียตต้ากล้ำกลืนความเจ็บปวด เธอหันไปทางทะเลสาบด้วยใบหน้านองน้ำตา
“ฉ—ฉัน ราชินีแห่ง—“
“เดี๋ยวก่อนครับ” ใครบางคนพูดขัดขึ้น สายตาทุกคู่มองไปที่เจ้าของเสียง
“ผมคิดว่าคนที่ควรปฏิญาณคำสาบานไม่ใช่องค์หญิงอันเรียตต้า แต่เป็นองค์ชายเวลส์ ว่าจะผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน และเป็นสะพานเชื่อมสองอาณาจักรด้วยมิตรภาพและความรัก” เอ็กซ์เอ่ยด้วยรอยยิ้มท่ามกลางสีหน้าประหลาดใจของคนรอบข้าง
“...เอ็กซ์ เราได้ยินเรื่องของพวกท่านจากฮาลเปียแล้ว” เวลส์พูดด้วยสีหน้าที่หม่นหมอง “อายุขัยและความทนทานของพวกท่านเหนือกว่ามนุษย์หลายเท่า สำหรับพวกท่านอาจจะดูเป็นเรื่องง่าย แต่สำหรับมนุษย์อย่างพวกเรา—“
“—ทำได้สิครับ” เอ็กซ์ขัดก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบ “ไม่เหมือนกับพวกเราเรปลิลอยด์ มนุษย์มี ‘ความหวัง’ ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายเพียงใด ก็จะมีผู้ที่ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่ออนาคตที่สงบสุข เราเรปลิลอยด์ไม่สามารถสัมผัสและรู้สึกได้เท่าเทียมกับมนุษย์ ทำได้เพียงตามไปกับกระแสของโลก เมื่อโลกไร้ความหวัง เราก็เช่นเดียวกัน แต่มนุษย์มีแสงแห่งความหวังอยู่ในตัวเอง”
แต่ละคนต่างตะลึงงันกับคำพูดที่ออกมาจากปากร่างในชุดคลุมสีน้ำเงิน ในโลกของนามธรรม เขาอาจจะกำลังอาบด้วยแสงทองที่อบอุ่นและปีกสีขาวที่กลางหลังดั่งเทวทูตก็เป็นได้
แม้แต่เรปลิลอยด์สีเขียวเองยังรู้สึกทึ่ง เป็นครั้งแรกที่เขาได้ฟังคำกล่าวที่เต็มไปด้วยปัญญาจากอดีตนายเหนือหัวของเขา แม้ในอดีตเขาจะได้พบกับวีรบุรุษสีฟ้าผู้นี้เพียงช่วงสั้นๆ หลังจากที่อยู่ใต้คำสั่งของก็อปปี้มาช้านาน แต่ตอนนี้เขาได้ประสบเห็นกับตัวเองแล้วว่าทำไมนักรบสีแดงที่เขายอมรับจึงได้เชื่อมั่นในตัวของนักรบสีฟ้าผู้นี้นัก
“องค์ชายเวลส์ควรจะคิดถึงผู้ที่รออยู่ด้านหลังด้วยนะครับ ตราบเท่าที่ยังมีคนที่รักและห่วงใย การตายจะสร้างความโศกเศร้า ทั้งในกรณีของท่านยังทำให้ภารกิจล้มเหลว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ท่านต้องมีชีวิตรอดเพื่อที่จะได้เห็นอนาคตที่สุกสกาวด้วยตาของตัวเอง...เคียงข้างองค์หญิงอันเรียตต้า” เอ็กซ์ยิ้มรอยยิ้มที่สดใสเมื่อเห็นแววตาของเด็กหนุ่มผมทองเปลี่ยนไป เมื่อเห็นแสงแห่งความหวังในดวงตาคู่นั้น
“...เราเห็นแล้วว่าทำไมฮาลเปียถึงได้ศรัทธาในตัวท่านนัก” เวลส์หันหน้าไปทางทะเลสาบ
“เรา องค์ชายเวลส์แห่งอัลเบี้ยน ขอปฏิญาณคำสาบานต่อหน้าภูติวารี ร่วมกับองค์หญิงอันเรียตต้าแห่งทริสเทน เราทั้งคู่จะเป็นสะพานสายรุ้ง แห่งสายลมและสายน้ำ เชื่อมสัมพันธ์ระหว่างอัลเบี้ยนกับทริสเทน และจะยืนกุมมือกันต่อหน้าผู้คนโดยไม่ต้องอายสายตาคู่ใด”
องค์หญิงอันเรียตต้ายิ้มกว้าง ความปิติยินดีเอ่อล้นขึ้นในหัวใจของเธอ น้ำตาแห่งความเศร้าเปลี่ยนเป็นความซาบซึ้งใจ เช่นเดียวกันกับคนอื่นๆ ต่างก็มองภาพที่ทั้งสองคนโอบกอดกันด้วยความรู้สึกอบอุ่น ยินดีไปกับทั้งคู่
...
“เรืออยู่อีกด้านนึงของทะเลสาบ ฉันกับฮาลเปียจะใช้สิ่งนั้นไปที่อัลเบี้ยน”
ในที่สุดเวลาแห่งการลาจากก็มาถึง อันเรียตต้ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่เธออยากจะพูด แต่เธอตัดสินใจเก็บมันเอาไว้สำหรับการพบกันในครั้งหน้า
“ท่านเวลส์ ดูแลรักษาตัวด้วยนะคะ” แววตาของเธออาจจะดูกังวล แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้อีกฝ่ายวางใจ ว่าเธอจะเข้มแข็ง
“ฉันจะรักษาคำสาบานที่ให้ไว้แน่นอน” องค์ชายถอดแหวนที่นิ้วนางของตัวเองมอบให้กับอีกฝ่าย แหวนทับทิมวายุแห่งราชวงศ์อัลเบี้ยน
“ฉันอยากให้เธอรักษาสิ่งนี้เอาไว้ให้ดี ถ้าคิดถึงฉันก็ให้มองดูแหวนวงนี้ และคิดว่าซักวันนึงเธอจะได้มอบมันคืนให้ฉันกับมือ” อันเรียตต้ารับมากุมไว้กับอกขณะมองดูชายอันเป็นที่รักเตรียมจะจากเธอไป
“มาสเตอร์เอ็กซ์ ข้าขออภัยที่ไม่ได้อยู่รับใช้ท่าน” ฮาลเปียพูดกับผู้ที่เขาเคารพแม้จะไม่ได้เป็นนายเหนือหัวอีกแล้ว
“ไม่เป็นไรฮาลเปีย ทำหน้าที่ของเจ้าให้ดี ฉันขอร้องแทนองค์หญิงด้วยอีกคน ถ้าได้ข่าวคราวของเลเวียธานหรือแฟนธอมก็บอกกันบ้างนะ”
“ครับ ข้าต้องขอตัวก่อน...แล้วพบกันใหม่ครับ”
หลังจากที่หมอกจางไป แสงอาทิตย์ส่องลงมา และที่บนท้องฟ้าเหนือทะเลสาบ สายรุ้งสายเล็กๆ ก่อตัวขึ้น ราวกับจะเป็นสักขีพยานในคำมั่นสัญญาของสายลมและสายน้ำ
‘ท่านเวลส์...ฉันจะรอนะคะ วันที่คำสาบานนั้นเป็นจริง...’ เด็กสาวผมสีม่วงแดงตัดสินใจแล้ว เธอจะไม่เสียความหวังนี้ไป ไม่ว่าจะต้องเจอกับเรื่องอะไรก็ตาม
--
!Bonus! (หมายความว่า เขียนไปอย่างนั้นเอง)
“เอาล่ะ กลับกันเถอะ บินจากโรงเรียนมาที่นี่ตัวเปื้อนหมดแล้ว อยากจะอาบน้ำซะหน่อย~” คิลเก้กับทาบาสะเดินกลับไปที่มังกรก่อนคนอื่น
“เครื่องบินคงต้องให้อาจารย์โคลเบลช่วยเอากลับไปที่โรงเรียนอีกแล้วล่ะครับ” เอ็กซ์มองเครื่องบินที่ดับสนิทอยู่กลางทะเลสาบ
“คงต้องพึ่งซิลฟีดเท่านั้นล่ะครับ”
“ขอประทานอภัยด้วยนะเพคะ เป็นถึงราชินีแต่กลับต้องมาลำบากเดินทาง” หลุยส์รู้สึกว่าต้องขอโทษ
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะหลุยส์ นั่งหลังมังกรก็ได้” องค์หญิงยิ้ม ไม่เศร้ามากเท่ากับทีแรก
“ทุกอย่างจบลงด้วยดีก็ดีแล้วล่ะครับ แต่เราลืมใครไปรึเปล่า” ไม่มีใครเข้าใจสิ่งที่เขาพูด จนกระทั่งเรปลิลอยด์หนุ่มเดินเข้าไปในป่าใกล้ๆ และกลับออกมาพร้อมกับอัศวินหญิงผมสีบลอนด์ทอง ในท่าอุ้มเจ้าหญิง แน่นอนว่ามีอาการต่อต้านเล็กๆ น้อยๆ บวกกับคำทักท้วง ‘เจ้าบ้า! คิดจะให้ฉันเสียหน้าต่อหน้าองค์ราชินีเหรอ!’ แต่เขาก็มิได้นำพา
“อาเนียส!” องค์หญิงเรียกชื่อทหารของตัวเอง...ที่ลืมไปสนิท
“ฝ—ฝ่าบาท ขออภัยที่ไม่สามารถมาช่วยฝ่าบาทได้ แต่หม่อมฉันอยู่ตรงโน้นได้ยินเรื่องทั้งหมดแล้ว หม่อมฉันสาบานว่าจะไม่แพร่งพรายให้ใครรู้เด็ดขาดเพคะ” หัวหน้าหน่วยปืนเอ่ยอย่างหนักแน่น...แต่สภาพของเธอทำให้ดูน่าเชื่อถือน้อยกว่าที่ควร
“นี่! ปล่อยฉันลงซะทีสิ!” เอ็กซ์ยิ้มแต่ยังไม่ปล่อย
“แน่ใจเหรอครับ?”
“แหงสิ! ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเลยรึไง!”
“ถ้าอย่างนั้น...” เขาวางเธอลงยืน แต่พอเท้าแตะพื้นอัศวินหญิงก็เซไปซบเด็กสาวผมแดง เจอเข้ากับอวัยวะส่วนบนที่ใหญ่เวอร์แถมไม่ติดกระดุมเสื้อ เธอตกใจดันตัวเองเซถอยกลับมาเกาะไหล่คนเดิม
“คุณฟังอยู่ตลอดแต่กลับไม่ออกมา เป็นเพราะว่าจะยืนยังไม่ไหวต้องพิงต้นไม้ ถ้าคุณยังมีแรงผมคงลงไปกองกับพื้นแล้วล่ะครับ ถึงเป็นอัศวินก็ไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองขนาดนี้หรอกนะครับ ^ ^” เอ็กซ์ยิ้มอย่างบันเทิงใจกับใบหน้าแดงก่ำด้วยความอายล้วนๆ ของอัศวินสาว (ความสุขบนความทุกข์ แนวซาดิสม์อีกแล้ว)
“...เอ็~กซ์...” เสียงลากยาวดังมาจากเด็กสาวผมสีชมพูต่ำจนน่ากลัว
“หน้ายิ้มของนายมีไว้หม้อผู้หญิงไปทั่วยังงั้นล่ะสินะ~...”
“พวกทำตัวรู้มากแบบนายเป็นประเภทที่ฉันเกลียดที่สุดเลย!” อาเนียสทำเสียงยักษ์ ใบหน้าที่ยังแดงก่ำเป็นเพราะอายหรือโมโหกันแน่ก็ไม่อาจไม่รู้ได้ แต่ที่แน่ๆ คือเอ็กซ์ยังยิ้มแป้นเหมือนทั้งโลกเต็มไปด้วยสวนดอกไม้
--
แนะนำตัวละคร
ฟอลคอนอาร์เมอร์
ข้อมูล : ชุดเกราะที่ได้มาจากสงครามอิเร็กกุล่าร์ครั้งที่ 5 จุดเด่นคือการเคลือนไหวภาคพื้นอากาศ บินได้อย่างอิสระในความเร็วที่จำกัด(ยึดจากหลักเหตุผลตามความเป็นจริง; 50 - 120 กม./ชม.)
--
DX:”ตอนสุดท้ายในโบนัสนั่น เหมือนเจ้าเอ็กซ์เอ๋อขึ้นมายังไงยังงั้นล่ะ”
R:”พออายุมากประสบการณ์เยอะเข้าก็จะใจเย็นได้ยังงั้นล่ะ กรณีหมอนั่น สองร้อยปีเป็นอะไรที่มนุษย์ไม่เคยสัมผัสมาก่อน คนเขียนได้แต่จินตนาการเท่านั้นล่ะ ฉันเองก็เพิ่งจะสิบเจ็ดซะด้วย”
S:”ก็เท่าฉันน่ะสิ”
R:”นายมันสิบเจ็ดตลอดกาลไม่ใช่รึไง?”
ความคิดเห็น