คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : Chapter 22 : สมบัติล้ำค่าจากอดีตกาล
บนเนินถนนดินที่รอบข้างเป็นทุ่งหญ้าสั้นเขียวขจี ด้านหน้าของเด็กหนุ่มและเด็กสาวกับม้าอีกหนึ่งตัวห่างออกไปไม่ไกลเป็นเมืองเล็กๆ ที่อาคารหลังคาสามเหลี่ยมสีส้มอ่อนเหมือนกันทั้งเมือง แม้กระทั่งหอคอยสูงที่ตั้งอยู่ใจกลาง รั้วสีขาวทำด้วยไม้ล้อมกรอบทั้งเมือง
“ผมจะรออยู่แถวนี้ คุณเซียสต้าเข้าเมืองไปก่อนเถอะครับ” เอ็กซ์ไม่อยากอยู่ท่ามกลางสายตาคนมากนัก
“เข้ามาที่บ้านของฉันด้วยกันไม่ดีกว่าเหรอคะ ฉันอยากจะแนะนำให้ที่บ้านรู้จักด้วยน่ะค่ะ” เซียสต้ากลับอยากให้เพื่อนกับครอบครัวของเธอได้รู้จักกันเอาไว้
“ไม่ดีมั้งครับ อาจจะทำให้เข้าใจผิดกันได้ ^ ^” ถ้าเอ็กซ์จำไม่ผิด ธรรมเนียมที่ผู้หญิงแนะนำผู้ชายให้ทางบ้านรู้จักเขาใช้กับคนที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือกำลังจะมี เขาไม่รู้ว่าที่นี่จะเหมือนกันรึเปล่าแต่ก็ไม่ขอเสี่ยง
“เอ๋? อย่างนั้นเหรอคะ ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปถามเรื่องที่คุณเอ็กซ์ขอแล้วจะกลับมาบอกนะคะ ไปก่อนนะคะ” เด็กสาวผมดำโค้งคำนับก่อนจะออกเดินตรงไปที่เมืองซึ่งเป็นบ้านเกิดของเธอ
‘บ้านเกิด...อย่างนั้นเหรอ...’
...
เอ็กซ์เปิดม้วนแผนที่เก่าๆ ออกดูที่ป่าข้างทางกับเด็กสาวผู้นำมันมาให้ จุดหนึ่งในแผนที่มีเครื่องหมายกากบาทสีแดงกำกับไว้
“ฉันเจออยู่ในห้องเก็บของแล้วก็แอบเอาออกมาน่ะค่ะ” เอ็กซ์เพิ่งจะรู้ว่าสาวใช้คนนี้ไม่ได้เรียบร้อยมากเท่าที่เขาคิด แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก
“มังกรอยู่ที่จุดนี้ในแผนที่เหรอครับ?”
“ถ้าจะพูดให้ถูก ต้องบอกว่าเป็น [อาภรณ์ของมังกร] มากกว่านะคะ ได้ยินว่าคุณปู่ทวดใช้สิ่งนี้บินมาจากอีกโลกน่ะค่ะ” เซียสต้าอธิบายเท่าที่เธอได้ฟังมา
เอ็กซ์กำลังจะนำข้อมูลมาประมวลผลดู แต่ยังไม่ทันเริ่มก็ได้ยินเสียงขยับของพุ่มไม้จากด้านหลัง เมื่อเขาหันกลับไปก็เจอกับ...
“หวัดดีจ้า!”
“คุณคิลเก้?” ไม่ใช่แค่นั้น ที่กระพือปีกโผบินจนเกิดลมพัดมาถึงข้างล่างคือมังกรสีน้ำเงินและผู้เป็นนายขี่อยู่บนคอ มองลงมาที่เขาด้วยสีหน้าไม่สนใจโลกเหมือนเคย
เสียงกุกกักที่ใต้เท้า ตัวตุ่นขุดดินโผล่หน้าออกมา หันไปอีกด้านหนึ่งก็เห็นเด็กหนุ่มผมทองยืนเชิดหน้ายืดอกอย่างสง่าผ่าเผย
“ทำไมพวกคุณ...?” เอ็กซ์ไม่นึกว่าจะถูกตามมาง่ายๆ แบบนี้
“ก็มาหาสมบัติในตำนานไงล่ะจ๊ะ!” คิลเก้ประกาศอย่างภูมิใจ
บนหน้าผา ตามเครื่องหมายในแผนที่
ทั้งหมดพร้อมด้วยมังกรและตัวตุ่นอยู่ที่หน้าถ้ำแห่งหนึ่งที่เชิงผา ขนาดไม่เล็กแต่ก็ไม่ใหญ่พอที่มังกรจะเข้าไปได้
“ในถ้ำนี้สินะครับ” เอ็กซ์ทำการเดินนำเข้าไปก่อนเผื่อว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น
คนอื่นๆ ที่เดินตามหลังก็พูดสิ่งที่สมกับแต่ละคน เซียสต้าเดินตามติดหลังเขาอย่างเรียบร้อย คิลเก้บิดตัวไปมาอย่างตื่นเต้น ทาบาสะก็...เหมือนเดิม... ส่วนกีซก็พูดประมาณว่าจะหาสมบัติให้เจอเพื่อให้มอนท์โมรันซี่ประทับใจ
“ก็ที่อัลเบี้ยนผมแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลยนี่นะ” ประโยคนี้ทำให้เอ็กซ์นึกไปถึงที่ที่เขาเพิ่งกลับมา
‘อัลเบี้ยนเหรอ...ตอนนี้จะเป็นยังไงนะ...’
อัลเบี้ยน
“ท่านครอมเวล! ท่านครอมเวล!” เสียงประชาชนเบื้องล่างโห่ร้องให้กับชายผมม้วนที่ยืนอยู่บนระเบียงปราสาท คนเดียวกับที่ใช้แหวนสะกดหลุยส์ในตอนนั้น ยืนพิงผนังอยู่ใกล้ๆ คืออัศวินหนุ่มสวมหมวกขนนก วาลโดผู้ทรยศ ผู้ถูกเปิดเผยชื่อว่า [ครอมเวล] ชูมือขึ้นพร้อมกับประกาศก้อง
“ราชวงศ์ทิวดอร์ที่ปกครองอาณาจักรนี้ด้วยความละโมบถึงคราวพินาศ และบัดนี้ขอแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์แห่งอัลเบี้ยนจงเจริญ!”
“อัลเบี้ยนจงเจริญ!!”
ภายในถ้ำ
พรึ่บ!
เปลวไฟลุกพรี่บขึ้นที่ปากของซาลามันเดอร์บวกกับที่มีอยู่แล้วที่หางทำให้คณะสำรวจมองเห็นทาง
“ลึกขนาดไหนเนี่ย~” คิลเก้เริ่มบ่นหลังจากที่เดินเข้ามาได้ราวสิบนาที
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ” เซียสต้าผู้คุ้นเคยแถบนี้ตอบ “ปกติไม่มีใครเข้ามาใกล้เพราะว่าไม่ไกลจากที่นี่เป็นรังของออร์คน่ะค่ะ”
“อ—ออร์ค!? ทำไมไม่บอกกันก่อนล่ะ!” คิลเก้ตอนนี้ทำหน้าเหมือนอยากจะเทเลพอร์ตกลับไปห้องที่โรงเรียนให้ได้เดี๋ยวนั้นเลย
“...มีใครกำลังมา...” ทาบาสะโพล่งออกมา เอ็กซ์เองก็ได้ยินเช่นเดียวกัน เสียงฝีเท้าที่ไม่ใช่ของพวกเขาห่างออกไปด้านหลัง
ทั้งหมดหันหลังเตรียมเผชิญหน้ากับอะไรก็ตามที่จะจู่โจมพวกเขา และที่ปรากฏตัวออกมาก็เป็นที่น่าตกใจ...!!
“อาจารย์โคลเบลท์?”
“หา? พวกเธอ?”
และไม่ใช่แค่อาจารย์ผมบางเท่านั้น เดินออกมาจากด้านหลังของโคลเบลท์คือคนที่เอ็กซ์ไม่อยากเจอที่สุดในเวลานี้
“หลุยส์?”
...
หลังจากเล่าเรื่องราวฝั่งของตัวเองให้อีกฝ่ายฟังก็เป็นอันเข้าใจ โคลเบลท์ตกใจที่เซียสต้าเป็นทายาทของผู้ที่ว่ากันว่ามาจากโลกอื่นขณะที่เจ้าตัวบอกว่าอาจจะเป็นแค่เรื่องเล่าก็ได้ และสำหรับนายหญิงกับอสูรรับใช้...
“ขอโทษนะครับที่ทำให้ต้องลำบากออกมาตาม ^ ^;” เอ็กซ์ทำหน้าเจื่อน ไม่คิดว่าเวลาที่ต้องฟังคำเทศน์จะมาถึงเร็วขนาดนี้
“ฉันแค่...มาช่วยงานของอาจารย์เท่านั้น ไม่ได้มาตามนายหรอกย่ะ!” หลุยส์ทำดุกลบเกลื่อนความอาย เธอให้จะอสูรรับใช้รู้ไม่ได้ว่าตัวเองถ่อไปหาอาจารย์เพราะจำได้ว่าหมู่บ้านที่เขาจะไปเป็นที่เดียวกับที่เด็กหนุ่มไป
“ครับผม เข้าใจแจ่มแจ้งแล้วล่ะครับ ^ ^” เอ็กซ์ตอบพร้อมกับยิ้ม แต่ไม่รู้ทำไมหลุยส์รู้สึกว่าประโยคนั้นจะพูดว่า ‘ช่วยงานอาจารย์ซะไม่มีเลยนะครับ’ มากกว่า
เดินต่อไปได้ซักพัก ทั้งหมดมองเห็นแสงสว่างที่ส่องเข้ามา ทางออก
“ที่นี่มัน...” โคลเบลท์รำพึงพร้อมกับมองไปรอบๆ
สถานที่แห่งนี้เป็นป่ากลางหุบเขา นอกจากทางถ้ำเมื่อกี้และถ้ำอื่นที่อาจจะมีอยู่อีกก็มีแต่ต้องเข้ามาทางบนฟ้าเท่านั้น และถ้าหากซ่อนอะไรไว้ท่ามกลางต้นไม้ที่หนาทึบ มองลงมาจากบนฟ้าไม่มีทางเห็น ฉะนั้น : สถานที่อุดมคติในการซ่อนของสำคัญ
“ตามแผนที่แล้ว...” โคลเบลท์เงยหน้าขึ้นจากแผนที่ชี้ตรงไปข้างหน้า “อ๊ะ นั่นมัน...”
ผ่านพรรณไม้พงหญ้าที่อยู่ต่อหน้าทั้งหมดคือสิ่งปลูกสร้างทำด้วยไม้ที่เก่าจนไม้เถาเลื้อยเกาะไปครึ่งหนึ่ง แต่จากขนาดของมัน ถ้าเป็นบ้าน ประตูก็มีไว้ให้คนสูงสิบเมตรเข้าออก
ขณะที่โคลเบลท์หยิบคทาออกมาจะสะเดาะกลอนที่แขวนไว้ที่ประตู เอ็กซ์ก็สังเกตเห็นว่าเด็กสาวสวมแว่นไปอยู่อีกด้านหนึ่ง เขาเดินตามไปดู
“คุณทาบาสะ เจออะไรเข้าเหรอครับ?”
แท่นหิน...ที่มีตัวอักษรแกะสลักอยู่...
“...หือ!?” เอ็กซ์ไม่ทันรู้ตัวจนถึงเมื่อกี้...ว่าเขาอ่านมันได้...
“เอ๋?” หลุยส์ที่ตามมาเอ่ยขึ้น “ไม่เคยเห็นอักษรแบบนี้เลยแฮะ”
กริ๊ก
เสียงล็อกถูกเปิดด้วยเวทย์สะเดาะกลอน
“เอาล่ะ จะเปิดล่ะนะ!” โคลเบลท์หายใจเข้าลึกๆ เตรียมใจกับภาพที่กำลังจะเห็น กีซและคิลเก้ก็ทำอย่างเดียวกัน
เอ็กซ์ลูบตัวหนังสือที่อยู่บนแท่นศิลาจารึก มันเป็นชื่อ...
“ร้อยตรีซาซากิ ทาเคโอะ ผู้ล่วงลับ ณ ต่างโลก...”
หลุยส์กับทาบาสะมองเอ็กซ์ด้วยสายตาสับสน
“อ่านออกด้วยเหรอ?”
“ต้องออกสิครับ ก็มันเป็นตัวอักษรของภาษาหนึ่งจากประเทศในโลกของผม”
“ว่าไงนะ!” หลุยส์ไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง เอ็กซ์ก็ไม่อยากจะเชื่อเซนเซอร์จับภาพของเขาเหมือนกัน
‘ยศของทหาร แล้วก็ชื่อบุคคลที่ยังเป็นภาษาประจำประเทศ...นี่มันตั้งกี่ศตวรรษมาแล้ว...’
ความคิดของเขาถูกรบกวนด้วยเสียงเรียกของโคลเบลท์ให้ทั้งสามคนเข้าไปข้างใน
“นี่มันอะไรกันหว่า?” กีซจับคางเอียงคอด้วยความงง “ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย” คิลเก้ก็ไม่ต่างกัน
“นี่น่ะเหรอคืออาภรณ์ของมังกร...!” โคลเบลท์เอ่ยด้วยความตื่นเต้น แต่คนที่ตื่นเต้นที่สุดไม่ใช่เขาหรอก เอ็กซ์นั้นทั้งตื่นเต้นทั้งช็อกเลย หลุยส์ไม่เคยเห็นอสูรรับใช้ของเธอเบิกตากว้างขนาดนี้มาก่อน
“สิ่งนี้...มันคือ...” เขาเดินเข้าไปใกล้ สายตาทุกคู่มองเขาเป็นตาเดียว
รูปทรงนี้...ปีกสองข้าง...ล้อค้ำส่วนลำตัวเอาไว้กับพื้น...เครื่องหมายวงกลมสีแดงกับขีดงอสองขีดสีเหลืองซ้อนกัน...และ...ใบพัดเหล็กสามใบที่ส่วนหัว
“แม้ผมจะเคยเห็นแค่ในรูปแต่ผมก็มั่นใจ...นี่มันคือเครื่องบินรบของกองทัพญี่ปุ่นที่ใช้ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง...มิทซูบิชิ เอซิกส์เอ็ม ซีโร่...” เอ็กซ์ไม่แน่ใจว่าตัวเองฟังเหมือนโอตาคุยานรบรึเปล่า แต่สิ่งนี้ก็มีอยู่ในฐานข้อมูลของเขาจริง
“คุณเซียสต้า ปู่ทวดของคุณมาจากโลกของผมไม่ผิดแน่ ถึงจะห่างจากยุคของผมหลายร้อยปีก็เถอะ เส้นผมกับตาสีดำที่ไม่เหมือนใครอื่นในโลกนี้ก็คงเป็นเพราะสายเลือดชาวเอเชีย” เอ็กซ์หันไปพูดกับเด็กหญิงผมดำที่นิ่งฟังด้วยความทึ่ง
“เอ็กซ์ เธออาจจะกลับไปโลกของเธอได้ด้วยสิ่งนี้ก็ได้นะ” โคลเบลท์โพล่งขึ้นมา ทุกคนหันไปมองเขาเป็นตาเดียว แต่คนที่รู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุนไปในขณะนั้นคือหลุยส์
‘กลับไปเหรอ?...’
“มังกรสองตัวปรากฏขึ้นพร้อมกับสุริยคราส ตัวหนึ่งก็หายไปเพราะสุริยคราส เพราะฉะนั้นอาจเป็นไปได้ว่าอาภรณ์ของมังกรตัวนี้ตัวนี้จะพลาดช่วงเวลานั้นไปถึงต้องบินลงมาที่นี่ ถ้าใช้เจ้านี่บินเข้าไปที่สุริยคราสก็อาจจะทำให้ผ่านไปยังอีกโลกนึงได้”
“กลับไปได้เหรอ...” เอ็กซ์แทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่ตัวเองได้ยิน ไม่รู้ทำไมภาพของอาณาจักรเนโออาร์คาเดีย ภาพของผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่น และ...นักรบสีแดง...ภาพเหล่านี้ผุดขึ้นมาในสมองของเขาอย่างหยุดไม่อยู่
‘นี่เรา...อยากกลับไปงั้นเหรอ...’ เขาไม่เคยรู้สึกตัวเลยจนกระทั่งตอนนี้ เขาคิดว่าจะตัดขาดจากที่นั่นได้ง่ายๆ...อะไรคือสิ่งที่ทำให้เขานึกถึงอีกครั้งกันนะ...
ตกอยู่ในภวังค์ความคิด เอ็กซ์ไม่ได้สังเกตเห็นเด็กสาวผมสีชมพูมองเขาอยู่ห่างๆ ด้วยสีหน้าที่ไม่ต่างจากเขา
‘เอ็กซ์...จะกลับไป...จะไม่อยู่ที่นี่อีกแล้ว...ความรู้สึกนี้มันอะไรกัน...’
ปราสาททริสเทน
“จดหมายที่เจ้าส่งไปให้เวลส์ป่านนี้ก็คง...” หญิงสาวร่างสูงผมสีน้ำตาลแดงเกล้าเป็นมวยไว้ด้านหลังสวมชุดยาวลากพื้น ผู้ที่เธอพูดด้วยอยู่ด้านหลัง องค์หญิงอันเรียตต้ายืนก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด
“เป็นเช่นนั้นเพคะ องค์ราชินีมาเรีย...”
“...เมื่อครู่นี้ก็ได้รับจดหมายยกเลิกการหมั้นจากเยอร์มาเนีย ก็คิดเอาไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้”
“เป็นเพราะการกระทำอันโง่เขลาของหม่อมฉันเอง ได้โปรดลงโทษหม่อมฉันเถอะเพคะ” องค์หญิงคุกเข่าลงข้างหนึ่งพร้อมกับขอรับการลงโทษ แต่หญิงสาวประคองให้เธอลุกขึ้น ใบหน้าของเธอปราศจากความโกรธ
“แต่ก็เพราะจดหมายฉบับนั้นที่ทำให้หลานของข้าปลอดภัยอยู่ในอาณาจักรของเรา ไม่มีอะไรที่เลวร้ายไปทั้งหมดหรอกนะ เรื่องผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะ”
“เสด็จแม่เพคะ...!”
ทั้งสองกอดกันแน่น คนหนึ่งรู้สึกผิดที่ตัวเองทำให้ความหวังของประเทศต้องมลายหายไป แถมลึกๆ ยังกลับรู้สึกโล่งใจที่การหมั้นถูกยกเลิก เธอมันใช้ไม่ได้จริงๆ...
ผู้เป็นแม่ย่อมรู้ว่าลูกสาวคิดอะไร เธอไม่โกรธเด็กสาวคนนี้เลยแม้แต่น้อย เรื่องเลวร้ายไม่ได้เป็นเพราะคนเพียงคนเดียว ในฐานะที่เคยเป็นราชินีเธอเข้าใจข้อนี้ดี
“ขอประทานอภัยพะยะค่ะ!” ทหารคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาคุกเข่ารายงาน สองแม่ลูกหันไปรอฟังรายงาน
“เกิดเรื่องใหญ่แล้วพะยะค่ะ!”
โรงเรียนทริสเทน
นักเรียนและอาจารย์ล้อมรอบวัตถุประหลาดที่ไม่เคยเห็นมาก่อนกลางสนามหญ้า ต่างเข้าใจว่ามันคือ ‘อาภรณ์ของมังกร’ มีเพียงคนเดียวที่เรียกมันว่า ‘เครื่องบินรบ’
‘ถึงจะเก่าแต่สภาพค่อนข้างสมบูรณ์ เครื่องยนต์และส่วนประกอบอื่นๆ ไม่มีปัญหา แต่จำเป็นต้องมีเชื้อเพลิง ซึ่งก็คือ ‘เลือดมังกร’ ที่คุณโคลเบลท์มี’
แล็บโคลเบลท์
“ถ้ามีสิ่งนี้ในปริมาณที่เพียงพอ อาภรณ์ของมังกรจะบินขึ้นสู่ท้องฟ้าได้อีกครั้งนึงครับ” เอ็กซ์เอ่ยพลางมองโหลแก้วในมือ
“ถ้าอย่างนั้นเจ้านี่ก็คือ ‘เลือดมังกร’ จริงๆ ด้วยสินะ!” โคเบลท์พูดอย่างตื่นเต้น
“ประมาณนั้นครับ ^ ^;” เอ็กซ์ไม่ชอบการเข้าใจผิดเท่าไร แต่ก็ไม่คิดจะเสียเวลาอธิบายว่า ‘น้ำมันเบนซิน’ ที่ไม่ใช่น้ำมันจุดตะเกียงคืออะไร
บน ‘อาภรณ์ของมังกร’
“ตรงนี้คันบังคับ...ส่วนตรงนี้ก็...” เอ็กซ์ไม่ประหลาดใจเลยที่เมื่อมานั่งแล้ววิธีบังคับผุดขึ้นมาในสมอง(ฐานข้อมูล)เอง เพราะรูนของกันดาล์ฟส่องแสงตอนที่เขาสัมผัสเครื่องบินนี้ครั้งแรก ต้องไม่ลืมว่า ‘เครื่องบินรบ’ ก็คือสิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อต่อสู้เหมือนกัน
“โห ใหญ่ขนาดนี้ใช้ต่อสู้เหรอเนี่ย?” เดลฟลิงเกอร์ดูสนใจไม่น้อย “จะมีพลังขนาดไหนกันนะ”
“ค่อนข้างมากทีเดียวล่ะครับ ถ้าเทียบกับที่โลกนี้ล่ะก็” เอ็กซ์นึกอยู่ในใจว่าโชคดีที่สิ่งนี้โผล่มาที่โลกฝั่งนี้แทนที่จะเป็นยานรบจากยุคของเขา
หลุยส์มองดูอสูรรับใช้เธอบนสิ่งที่เธอไม่เคยเห็นด้วยความรู้สึกที่แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่เข้าใจ
“หืม?” เอ็กซ์สังเกตเห็นสายตาของเด็กสาวจึงเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม แต่อีกฝ่ายกลับสะบัดหน้าเดินหนีไปทั้งอย่างนั้น เอ็กซ์พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
‘...ดูเหมือนว่าเราควรจะกลับไปจริงๆ ด้วยสินะ...’
หลุยส์เดินหนีออกมาด้วยสาเหตุที่ตัวเธอเองก็อธิบายไม่ถูก เธอรู้แค่เพียงว่าคำคำหนึ่งเล่นซ้ำไปซ้ำมาในหัวของเธอ
‘เอ็กซ์จะไม่อยู่แล้ว...’
ม้าตัวหนึ่งตรงเข้ามาหาเด็กสาว เด็กหนุ่มผมทองเรียกเธอด้วยสีหน้าไม่สู้จะดี
“หลุยส์! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”
“อะไรของนาย! ถ้าเป็นเรื่องสาวๆ ล่ะก็ไปพูดให้มอนท์โมรันซี่ฟังโน่น!” หลุยส์ไม่อยู่ในอารมณ์จะฟังใครพล่าม
“ซะที่ไหนกันเล่า! อัลเบี้ยนตะหากล่ะ! อัลเบี้ยนเปลี่ยนชื่อเป็นเรคอนควิสต้าและประกาศสงครามกับทริสเทนเต็มรูปแบบแล้วนะ!”
“ว่าไงนะ!?!”
ณ ชนบทที่ห่างไกล
ปึง!
เสียงทุบโต๊ะดังลั่นบ้านหลังเล็กๆ ที่มีเพียงเครื่องใช้ทั่วไป เด็กหนุ่มผมสีทองกัดฟันกรอดหลังจากได้ฟังข่าวที่คนส่งสารจากปราสาททริสเทนนำมาบอก
“เรคอนควิสต้าเหรอ...บ้านของฉันและทุกๆ คนคืออัลเบี้ยนตะหาก! ครอมเวล กล้าดียังไง!!” แม้จะเจ็บใจซักแค่ไหน แต่ในสภาพของเขาตอนนี้เวลส์ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
พ่อแม่ญาติพี่น้องเขาไม่เหลือใคร แม้แต่อันเรียตต้าตอนนี้ก็ยังตกอยู่ในอันตรายไปด้วย อัศวินคนสนิทของเขาที่ไม่ได้หนีออกมาจากปราสาทด้วยกันก็ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไง จะสวามิภักดิ์ต่อครอมเวลเหมือนทหารนายอื่นๆ หรือว่าขัดขืนจนถูกสังหารก็ไม่อาจรู้ได้
‘ทำไม...เราถึงได้นึกถึงชายคนนั้นขึ้นมา...’ ผู้ที่สวมหมวกกลมกับชุดคลุมประหลาด เขารู้สึกว่าอนาคตของอัลเบี้ยนขึ้นอยู่กับชายคนนั้น
‘จะลางสังหรณ์หรือว่าแค่ฟุ้งซ่านก็ตามทีเถอะ...แค่อัลเบี้ยนก็เกินพอแล้ว...อย่าให้ที่นี่ บ้านของอันเรียตต้าต้องเจอกับเรื่องเลวร้ายแบบนั้นเลย...!’ องค์ชายผู้หลบหนีหวังจากก้นบึ้งของหัวใจ
ปราสาทเรคอนควิสต้า
“ไม่ว่าชนชั้นสูงหรือสามัญชนต่างสวามิภักดิ์ต่อท่านครอมเวลแล้วครับ” อัศวินหนุ่มสวมหมวกขนนกรายงานกับชายผมทองม้วนบนบัลลังก์
“ที่เป็นยังงี้ได้เพราะพลังเวทย์มนต์จากแหวนวงนี้ยังไงล่ะ” ครอมเวลยกแหวนอัญมณีสี่เหลี่ยมสีม่วงขึ้นมามอง
“ก็คุ้มค่ากับที่เสี่ยงชีวิตไปชิงมาจากภูติวารีนะคะ” ฟูเก้ต์เสริม
“แต่นี่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น เป้าหมายต่อไปคืออาณาจักรที่อยู่ใจกลางทวีป ทริสเทน การยึดครองที่นี่จะเป็นก้าวแรกสู่การขยายอาณาเขตไปทั่วฮาลเคกิเนีย”
“เราเตรียมการไว้พร้อมแล้วครับ การเชื่อมสัมพันธ์กับเยอร์มาเนียก็ถูกยกเลิก ทริสเทนไม่มีทางหนีอีกแล้ว” วาลโดแสยะยิ้มทางตา
“เพียงแค่ส่งกองอัศวินมังกรที่ทรงพลังของอัลเบี้ยนออกไปก็เป็นอันจบสิ้นทริสเทน” ฟูเก้ต์เอ่ยเสียงเยาะ
“แล้วอัลเบี้ยนจะลอยไปใกล้ทริสเทนที่สุดเมื่อไหร่?”
“อีกสามวันค่ะ...วันสุริยคราส...”
--
แนะนำตัวละคร
โอลิเวอร์ ครอมเวล
เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
เพศ : ชาย
อายุ : ราว 30-50 ปี
ส่วนสูง : ไม่ทราบ
น้ำหนัก : ไม่ทราบ
ชอบ : อำนาจ
เกลียด : ตัวขัดขวาง
ข้อมูล : หัวหน้ากลุ่มเรคอนควิสต้าผู้ละโมบในอำนาจ ทะเยอะทะยานที่จะเป็นผู้ปกครองทั่วทั้งทวีปฮาลเคกิเนีย ด้วยพลังของแหวนอันดวาริที่ขโมยมาจากภูติวารีทำให้สามารถควบคุมจิตใจคนได้ในหลายระดับ ตัวเองไม่มีพลังอะไรเป็นพิเศษ แค่ลุงหัวทองม้วนคนนึง
--
ความคิดเห็น