คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : Chapter 18 : ศัตรูเก่า ศัตรูใหม่
ฟุ่บ!
อีกหนึ่งดาบที่พลาด ชายหนุ่มผมเงินหลบหลีกแต่ละวงดาบจากเด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินอย่างคล่องแคล่ว
เอ็กซ์เหวี่ยงดาบในสองมือเข้าใส่คู่ต่อสู้ด้วยพลังและความเร็วทั้งหมดที่มี แม้จะได้รับการเสริมพลังจากรูนของกันดาล์ฟแต่นั่นก็ยังไม่พอที่ปลายดาบจะสะกิดอีกฝ่ายได้
กำลังทำการประมวลผล... กำลังทำการประมวลผล...
ทำการอัพเกรดฐานข้อมูล ‘การต่อสู้ด้วยดาบ’ ขั้นตอนการประยุกต์ถูกต้อง ดำเนินกระบวนการปรับปรุงต่อไป
รายชื่อกระบวนท่าที่พร้อมใช้งาน :
ริวเอ็นจิน (ดาบมังกรเพลิง - X4)
ชิพพูกะ (คมเขี้ยววายุ - X4)
ดันฉิเอ็น (เพลิงผลาญปฐพีแยก - X5)
เอ็นซุยซัน (กงล้อพิรุณ - X6)
‘จะกระบวนท่าไหนก็ใช้งานในสภาพที่ตั้งลิมิตเตอร์เอาไว้ไม่ได้ทั้งนั้นล่ะ’ เอ็กซ์นึกในใจขณะใช้เรี่ยวแรงมนุษย์ทั้งหมดที่เขามีจู่โจมผู้เป็นถึงอัศวินชั้นสูง
“เลิกเล่นกันแค่นี้ล่ะนะ เดล วิล โซล ลา วินเด้” วาลโดท่องมนต์
“แย่แล้วคู่หู!” เดลฟลิงเกอร์ร้องเตือน แต่ไม่ทัน สายลมแรงหมุนรอบปลายดาบเรียวผอมที่วาลโดแทงสวนเข้ามาใส่ แรงลมพัดเอ็กซ์ปลิวกระแทกกับกองถังไม้จนล้มระเนระนาด
“ฝีมือมีเท่านี้เองเหรอ น่าผิดหวังจริงๆ อย่างนายน่ะปกป้องหลุยส์ไม่ได้หรอก!”
ตกเย็น เชิงผาหน้าโรงแรม
เด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินยืนพิงราวระเบียงจ้องมองสิ่งปลูกสร้างในเมืองเบื้องล่างที่ถูกย้อมด้วยสีทองจากตะวันที่กำลังจมดิ่งลงสู่ขอบฟ้า
“คู่หู คิดอะไรของนายน่ะ” ดาบบรอนซ์ที่วางพิงราวระเบียงถามเด็กหนุ่มคำถามที่สงสัยมาตั้งแต่เช้า
“ผมนึกถึงอาณาจักรของผมน่ะ เมืองที่มีผู้คนพลุกพล่านเป็นภาพที่คล้ายกับอาณาจักรของผมมาก” เอ็กซ์ตอบด้วยรอยยิ้มบางๆ เหมือนเคย
“ไม่ใช่เรื่องนั้น แต่ฉันถามว่าทำไมนายถึงจงใจปล่อยให้เจ้าวาลโดนั่นชนะซะล่ะ แถมยังทำเนียนเหมือนตัวเองแพ้จริงๆ ด้วย” เอ็กซ์ยิ้มกับคำถามที่ได้รับ คงไม่ใช่เดลฟลิงเกอร์คนเดียวที่สงสัย(ผู้อ่านก็อาจจะสงสัย)
“เดลฟลิงเกอร์ ถ้าผมชนะล่ะก็อะไรๆ มันจะยุ่งยากกว่านี้มากเลย ทั้งคุณวาลโดอาจจะช็อก หลุยส์ก็ต้องรู้สึกอึดอัดจนทำอะไรไม่ถูก และทั้งสองคนก็อาจจะมองหน้ากันไม่ติด ขณะเดียวกับผมก็จะถูกสนใจมากจนเกินความจำเป็น แต่ถ้าผมแพ้การดวล ก็จะเป็นเรื่องธรรมดาๆ ที่เกิดขึ้นดาษเดื่อนในโลกของชนชั้นสูงและสามัญชน” เอ็กซ์อธิบาย ในโลกนี้คนเดียวที่เขาสามารถเปิดเผยความคิดส่วนใหญ่ของตัวเองได้ก็มีแต่คู่หูของเขาคนนี้(หรือเล่มนี้?)เท่านั้น
“คิดไกลขนาดนั้นเชียวเรอะ บางทีนายก็น่ากลัวอย่างบอกไม่ถูกนะคู่หู” เดลฟลิงเกอร์คอมเม้นท์ความคิดของเด็กหนุ่ม
“เอ็กซ์” เสียงเด็กผู้หญิงเรียกเขาจากด้านหลัง เขาหันกลับไปมอง เป็นใครไปไม่ได้นอกจากนายหญิงของเขา
“เรื่องเมื่อตอนเช้าน่ะ...” หลุยส์มีสีหน้ากังวล มีเรื่องจะพูดเยอะแยะจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรก่อน
“คุณวาลโดเก่งมากเลยล่ะครับ เป็นถึงผู้ใช้เวทย์ลมระดับสแควร์” เอ็กซ์เป็นฝ่ายเริ่มพูดเอง “ถ้าเป็นคุณวาลโดล่ะก็ต้องปกป้องหลุยส์ได้แน่ครับ”
“ถ้านายกลุ้มใจเรื่องที่แพ้ล่ะก็ ท่านวาลโดเป็นถึงหัวหน้ากองอัศวินเวทย์ การแพ้คนระดับนั้นไม่ใช่เรื่องน่าอายหรอกนะ!” หลุยส์พูดสิ่งที่เธอคิด และเป็นสิ่งที่เอ็กซ์คาดเอาไว้
“นั่นสินะครับ ถึงผมจะแข็งแรงกว่ามนุษย์ธรรมดา แต่คุณวาลโดก็แข็งแกร่งถึงขนาดนั้น ^ ^” นายหญิงไม่รู้ถึงขีดความสามารถของเขา เธอเคยเห็นเขาสู้แค่ไม่กี่ครั้ง เขาตัดสินใจว่าเป็นแบบนี้ ให้เธอเข้าใจว่าความสามารถเขามีเท่าที่แพ้วาลโดเมื่อเช้า แบบนี้ดีแล้ว
“แล้วก็ ถึงคุณวาลโดจะพูดแบบนั้น แต่ในฐานะอสูรรับใช้ผมก็จะปกป้องหลุยส์ต่อไป อย่างน้อยก็จนกว่าหลุยส์จะแต่งงานกับคนที่ปกป้องหลุยส์ได้” เอ็กซ์จงใจไม่ใช้ชื่อวาลโด เพื่อไม่ให้ตัวเองเป็นอีกคนที่กดดันหลุยส์ให้แต่งงาน
หลุยส์ชะงักไป ก่อนจะหันหลังราวกับไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นสีหน้าของตัวเองตอนนี้
“เรื่องนั้นน่ะฉัน...จะแต่งงานกับท่านวาลโดนะ” เธอยืนนิ่ง รอดูท่าทีของอีกฝ่าย แต่เอ็กซ์ไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ เพียงแต่ตอบเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าอย่างนั้นผมอาจจะไม่จำเป็นแล้วก็ได้สินะครับ”
หลุยส์หายใจเฮือก เกือบจะหันกลับไปท้วงแต่ประโยคต่อมาทำให้เธอหยุดชะงัก
“เป็นการตัดสินใจของหลุยส์ ผมไม่มีสิทธิ์บังคับ ผมขออวยพรให้หลุยส์มีความสุขล่วงหน้าเลยนะครับ”
หลุยส์เดินกลับเข้าไปในโรงแรม ไม่ส่งเสียงหรือเหลียวหลังกลับมามองแม้แต่ครั้งเดียว
เขารู้ ว่าหลุยส์บอกเขาทำไม... เพราะอยากให้เขารั้งเธอเอาไว้ แต่เขาไม่ทำหรอก... สายสัมพันธ์ ความรู้สึกใดๆ ก็ตามที่หลุยส์มีต่อเขา เขาจะทำให้มันเลือนหายไป... เพื่อตัวของหลุยส์เอง...
ทีนี้ก็เหลือแต่เอ็กซ์กับดาบสีบรอนซ์ เดลฟลิงเกอร์ยังเหลืออยู่อีกคำถาม
“ไหนๆ ก็ไหนๆ ถามจริงๆ เถอะ ทำไมนายถึงใส่ใจเรื่องการเก็บฝีมือไว้เป็นความลับนักล่ะ?” เอ็กซ์รู้ว่าซักวันต้องมีคนถาม และเขาก็เตรียมคำตอบเอาไว้แล้ว
“คนเก่งมักจะดึงดูดการต่อสู้เข้าหาตัว ผมไม่อยากต่อสู้ เพราะฉะนั้นอย่างน้อยคนรอบข้างต้องไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของผม”
“แล้วทำไมนายถึงไม่อยากต่อสู้ขนาดนั้น?”
“ก็เพราะว่า...” รอยยิ้มที่ดูสดใสแต่ซ่อนเร้นความรู้สึกบางอย่างที่ยากจะหยั่งถึงเอาไว้ “ผมไม่รู้สึกสงสารผู้ที่ผมฆ่าแม้แต่นิดเดียว”
“...มิน่าล่ะ ฉันเข้าใจแล้ว ความรู้สึกแปลกๆ ที่ฉันได้จากตัวนาย” เดลฟลิงเกอร์เข้าใจความรู้สึกประหลาดที่มีมานาน
“คู่หู ดูเหมือนว่าถ้าเป็นนาย จะไม่มีวันใช้พลังที่แท้จริงของฉันได้”
...
ดวงจันทร์สีแดงเริ่มซ้อนเข้ากับดวงจันทร์สีฟ้าที่โตกว่า สีแดงของท้องฟ้าเริ่มมืดลง อีกเพียงนิดเดียวดวงอาทิตย์ก็จะลับขอบฟ้าไปโดยสิ้นเชิง
“เอ็กซ์! เรือจะออกแล้วนะ!” กีซวิ่งมาตามเขา เอ็กซ์หันกลับไปจะร้องตอบแต่ต้องเปลี่ยนเป็นตะโกนแทน
“มาทางนี้เร็วเข้า!!”
กีซงงได้ไม่นานก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น โกเลมตัวเป้งปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของเขาพร้อมกับเสียงครืนและแรงสั่นสะเทือน
“ฮะๆๆๆๆ!” เสียงหัวเราะแหลมสูงดังมาจากเหนือส่วนหัวของโกเลม หญิงสาวสวมแว่นผมสีเขียวเข้มยาวถึงกลางหลังยืนอยู่
เอ็กซ์รู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล
อีกฝั่งของโรงแรม
“เอ๋? กลับแล้ว? ทำไมล่ะคะ?” หลุยส์ตกใจกับคำที่อัศวินหนุ่มบอกเธอ
“ผมก็ไม่รู้ ทั้งสองคนไม่ได้บอกเหตุผลเอาไว้” วาลโดอุ้มเด็กสาวผมสีชมพูขึ้นนั่งบนหลังกริฟฟินก่อนจะปีนตามขึ้นไป
หลุยส์นึกถึงบทสนทนากับอสูรรับใช้เมื่อครู่
“คุณวาลโดเก่งมากเลยล่ะครับ เป็นถึงผู้ใช้เวทย์ลมระดับสแควร์”
...ทำไมเขาถึงยังยิ้มอยู่ได้...
“ถ้าเป็นคุณวาลโดล่ะก็ต้องปกป้องหลุยส์ได้แน่ครับ”
‘เอ็กซ์...’
“ไม่เป็นไร” วาลโดเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นท่าทางสลดของหลุยส์ “แค่เราสองคนก็ทำภารกิจนี้ได้”
หลุยส์ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ แต่ก็ไม่รู้จะพูดว่าอะไร กริฟฟินก็พาพวกเธอเดินขึ้นบันไดไปยังท่าเรือบนยอดเขา
“จะถึงแล้วล่ะ!”
หลุยส์มองตรงไปเห็นต้นไม้ไร้ใบต้นมโหฬารมีแท่นยืนและบันไดขนาดใหญ่สร้างด้วยไม้โดยรอบ ขุดโพรงหลายโพรงที่ลำต้นเป็นห้องผู้โดยสาร เรือลำใหญ่เทียบท่าที่สร้างไว้กับต้นไม้ ผู้โดยสารพากันเดินขึ้นเรือ ใกล้จะได้เวลาออกแล้ว
เจอกับฟูเก้ต์
“มีธุระอะไรกับผมเหรอครับ คุณฟูเก้ต์” เอ็กซ์ชักเดลฟลิงเกอร์จากเอวซ้ายขึ้นมาถือไว้ สายตาจับจ้องที่นักเวทย์ไทรแองเกิ้ลดินบนหัวโกเลม
“ก็มาขอบคุณที่จับฉันยัดตะรางนะซี่!” หญิงสาวสะบัดคทาไปด้านหน้า โกเลมเอื้อมมือเข้ามาที่เด็กหนุ่มทั้งสอง
รูนของกันดาล์ฟส่องแสง ฉับเดียวมือขวาที่ทำด้วยดินก็ขาดสะบั้นตกลงกับพื้นแตกเป็นเสี่ยงๆ
“ฝีมือไม่เลวเหมือนเดิมเลยนะ แต่ลืมอะไรไปรึเปล่า” ฟูเก้ต์ยิ้มอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่า ดินและหินจากหน้าผาสูงข้างๆ ถูกใช้เป็นวัตถุดิบซ่อมแซมมือที่เสียหายจนกลับสู่สภาพเดิม
“ฉันก็เป็นสายดินเหมือนกันนะ!” กีซสะบัดกุหลาบไปด้านหน้า บรอนซ์วัลคีรีหลายตัวถูกอัญเชิญและลอยขึ้นไปล้อมกรอบโกเลมเอาไว้
“พลังของกีซ เดอ กรามองต์คนนี้ เบิกตาดูให้ดี!”
บนเรือ
“สถานการณ์เลวร้ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ?” หลุยส์รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาหลังจากได้ฟังเรื่องของอาณาจักรที่เธอกำลังจะไปทำภารกิจ
“อืม การต่อต้านราชวงศ์แผ่ขยายเป็นวงกว้าง อัลเบียนตอนนี้เต็มไปด้วยสงครามกลางเมืองโดยเหล่าขุนนางฝ่ายกบฏ และอีกนิดเดียวก็จะยึดครองอาณาจักรเอาไว้ได้แล้ว รัชทายาทเพียงองค์เดียวที่หลบหนีออกมาได้ก่อนที่ราชวังจะถูกยึดคือองค์ชายเวลส์”
“ไม่จริง...” หลุยส์เอ่ยเสียงเบา แบกความกังวลเอาไว้เต็มอก อัศวินหนุ่มจับไหล่ทั้งสองข้างของเธอจากด้านหลัง
“ไม่เป็นไรหรอกหลุยส์” เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ ”ผมจะปกป้องคุณเอง...”
“—ในฐานะอสูรรับใช้ผมก็จะปกป้องหลุยส์ต่อไป อย่างน้อยก็จนกว่าหลุยส์จะแต่งงานกับคนที่ปกป้องหลุยส์ได้”
‘คนโกหก...’
การต่อสู้กับฟูเก้ต์ยังคงดำเนินต่อไป
เปรี้ยง!
บรอนซ์วัลคีรี่ตัวสุดท้ายถูกหมัดระดับอุลตร้าเฮฟวี่เวทของโกเลมยักษ์บดขยี้จนแหลก กีซช็อกยืนตัวแข็ง
‘จำได้ว่าคราวที่แล้วจุดอ่อนของโกเลมก็คือ...’ เอ็กซ์เดินความจำ ‘บริเวณแกนกลางลำตัว’
อักขระที่หลังมือส่องแสง เอ็กซ์จับดาบสองมือเงื้อแขนไปด้านข้างลำตัว ปลายดาบชี้อ้อมไปด้านหลัง และกระโดดขึ้นสูงระดับเดียวกับส่วนที่เป็นตาของโกเลม แดชกลางอากาศพร้อมทั้งสะบัดลำตัว ตวัดดาบด้วยมือทั้งสองข้างสุดแรง
[เซ็นซุยซัน]! (ดาบล่าสังหาร) (X6 - Zero)
ส่วนบนของโกเลมถูกฟันแนวนอนขาดเป็นสองส่วน ร่างกายแตกหักกลับเป็นหินหล่นลงสู่พื้นตามเดิม
“หนอย! อย่าคิดว่าจะจบแค่นี้นะ!” ฟูเก้ต์ชี้คทาไปที่เรปลิลอยด์หนุ่ม แต่ถูกขัดจังหวะด้วยลูกไฟที่ลอยเข้ามา ทำให้ต้องถอยหลบ มังกรสีน้ำเงินร่อนลงที่พื้นใกล้ๆ
“คุณคิลเก้ คุณทาบาสะ” เอ็กซ์เรียกชื่อเด็กสาวสองคนที่ก้าวลงจากหลังมังกร
“อุ๊ยตาย นึกว่าใคร ที่แท้ก็จอมโจรวัยดึกนี่เอง” เด็กสาวผมแดงยิ้มเย้ย
“ว—วัยดึก!? ฉันเพิ่งยี่สิบสามเองนะยะ” ฟูเก้ต์ฉุนกึก พร้อมจะดวลเวทย์ให้ตายไปข้าง
เสียงร้องตะโกนกับเสียงฝีเท้าจำนวนมาก ชาวเมืองกลุ่มใหญ่ถือคบเพลิงพากันขึ้นมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“ชิ เอาเถอะ ถ่วงเวลาสำเร็จแล้วนี่” หญิงสาวบินขึ้นไปบนท้องฟ้าและค่อยๆ เลือนหายไปพร้อมกับเสียงหัวเราะราวกับแม่มด
คิลเก้เข้าไปถามหา ‘พ่อหนวดงามรูปหล่อ’ กับกีซซึ่งได้แต่ทำหน้างง
เอ็กซ์สงสัยกับคำว่า ‘ถ่วงเวลา’ ของอีกฝ่าย แต่วินาทีต่อมาคำตอบทั้งหมดก็กระจ่างเมื่อเกิดเสียงฆ้องดังสนั่นจากไม่ใกล้ไม่ไกล กีซจำได้ว่ามันคืออะไร
“นั่นมัน สัญญาณออกเรือ”
พริบตานั้นที่ทุกอย่างลงล็อก เหลือแค่ต้องยืนยันความจริงเท่านั้น ปล่อยให้นักเรียนสามคนคุยกันเรื่อง ‘สองวันแห่งการเดินทางหารักของคิลเก้ ฟอน เซอร์บุสต์’ ไป เขารีบวิ่งเข้าไปในโรงแรม
‘เช็คเอาท์ไปสองคน...พูดทำนองว่าแขกอีกสองคนกลับไปแล้ว...’ เอ็กซ์พรวดพราดออกมาทำให้นักเรียนอีกสามคนตกใจ ตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว เหลือแต่แสงจันทร์และแสงดาวทั่วทั้งท้องฟ้า
“เราต้องขึ้นเรือเดี๋ยวนี้!” เอ็กซ์ไม่สนใจจะพูดสุภาพแล้วในตอนนี้
“ไม่ทันแล้วล่ะ” กีซยักไหล่อย่างหมดหวัง “ไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะว่า...”
เอ็กซ์มองขึ้นไปด้านบนตามที่กีซชี้ เรือลำใหญ่ลอยผ่านไปด้วยความเร็วผิดกับเรือแล่นในน้ำ
“เรือเหาะได้...” ไม่ใช่ว่าเอ็กซ์ไม่เคยเห็นเรือเหาะมาก่อน แต่เป็นครั้งแรกที่เห็นเรือทำด้วยไม้ลอยฟิ้วผ่านอากาศเหมือนไร้น้ำหนัก
“อัลเบียนเป็นเกาะที่ลอยอยู่บนฟ้านะ ไม่รู้เหรอ” คิลเก้อธิบาย “พระจันทร์สองดวงซ้อนกันคือช่วงเวลาที่อัลเบียนลอยต่ำที่สุดไงล่ะ”
เอ็กซ์กำหมัดแน่น ความประมาทของเขาทำให้เรื่องเป็นแบบนี้ เมื่อตอนทำภารกิจในเมืองก็ครั้งนึงแล้วที่เขาปล่อยหลุยส์ไปตัวคนเดียวโดยไม่ตาม ครั้งนี้ก็...
“หลุยส์...!”
บนเรือ
“เอ็กซ์?” เด็กสาวมองออกไปนอกหน้าต่างบานกลมจากภายในเรือ เธอรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเรียกชื่อของเธอ
“ดูเหมือนคุณจะชอบอสูรรับใช้มากเลยนะ” เสียงของอัศวินหนุ่มด้านหลังทำให้เธอรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน
“ล้อเล่นน่ะ ผมบอกแล้วไงว่าผมจะปกป้องคุณเอง” วาลโดจ้องลึกลงมาในดวงตาของเธอ
“ถ้าอย่างนั้นผมอาจจะไม่จำเป็นแล้วก็ได้สินะครับ” ทำไม...ถึงพูดด้วยน้ำเสียงสดใสแบบนั้น...
“ท่านวาลโดคะ...ฉัน...ตกลงจะแต่งงานกับท่านวาลโดค่ะ”
--
R:”Very Dramaaaaaaatic!!~”
DX:”อังกฤษวันละคำ?”
R:”Yes”
DX:”สองคำแล้ว”
R:”Noooooo~!!”
DX:”ฉันชนะ” (ชูสองแขน)
S:”...ตลกคาเฟ่รึไงพวกนาย”
ความคิดเห็น