ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rockman X {x} Zero no Tsukaima : เรปลิลอยด์ของยัย 0 สนิท

    ลำดับตอนที่ #17 : Chapter 16 : เตรียมตัวออกเดินทาง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 778
      26
      25 ก.ค. 59

    “เรามีเรื่องสำคัญจะขอให้พวกเธอช่วย” องค์หญิงบอกกับเพื่อนของเธอและอสูรรับใช้ที่คุกเข่าอยู่กับพื้น หลังจากที่เธอลอบเข้ามาในห้องยามวิกาล
     
    “เราจะต้องอภิเษกสมรสกับรัชทายาทของเยอร์มาเนีย เพื่อปกป้องทริสเทนที่เป็นเพียงอาณาจักรเล็กๆ การผูกมิตรกับอาณาจักรที่ใหญ่กว่าเป็นสิ่งจำเป็น” องค์หญิงซ่อนสีหน้าโศกสลดเอาไว้ไม่ให้ใครเห็นไว้ได้ แต่ซ่อนน้ำเสียงไม่มิด
     
    “แต่ขุนนางของอาณาจักรนั้นป่าเถื่อนมากนะเพคะ!” หลุยส์ทัดทานด้วยความตกใจ เอ็กซ์ขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย
     
    ‘สละความสุขที่ยิ่งใหญ่ของตัวเองเพื่อคนอื่น...’ การเมืองมักจะนำมาซึ่งความทุกข์ของใครบางคนเสมอ เขารู้ดีกว่าใครแต่ก็ไม่สิทธิ์จะเข้าไปยุ่ง
     
    “ทำไมองค์หญิงต้องทรงลำบากถึงเพียงนี้ด้วยล่ะเพคะ...” หลุยส์ก้มหน้า น้ำเสียงเจ็บปวด
     
    “ไม่เป็นไร เราคือราชินีแห่งทริสเทน ความสงบสุขของอาณาจักรย่อมสำคัญกว่าตัวเราเพียงคนเดียว” องค์หญิงยิ้ม แต่เป็นยิ้มที่เศร้าสร้อย หลุยส์ก้มหน้ากลั้นเอ่ยอย่างคับแค้นใจ
     
    “องค์หญิง...ทรงเสียสละเพื่อปวงชน หม่อมฉันเชื่อว่าทุกคนก็คงรู้สึกซาบซึ้งและศรัทธาในตัวพระองค์เหมือนกับหม่อมฉันเพคะ”
     
    “แต่ผมไม่คิดอย่างนั้นนะครับ” เอ็กซ์โพล่งออกมา  เด็กสาวทั้งสองมองเขาอย่างประหลาดใจ
     
    ‘แย่จริง เผลอโพล่งออกไปโดยไม่ทันคิด’ ดูเหมือนว่านิสัยเก่าของเขาจะยังอยู่ แต่พูดออกไปแล้วก็พูดให้จบซะดีกว่า
     
    “ความสุขที่ต้องแลกกับใครซักคนเป็นได้เพียงความสุขที่ไม่สมประกอบ หากเกิดข้อผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้พังทลายลงได้ราวกับความเสียสละนั้นไม่เคยเกิดขึ้นเลย”
     
    “นี่นาย! กล้าบอกว่าองค์หญิงตัดสินพระทัยผิดงั้นเหรอ!?” หลุยส์โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
     
    “ผมเพียงแต่พูดสิ่งที่คิดเท่านั้น เพราะผมยังไม่เคยเห็นการเสียสละของใครนำสันติสุขมาได้จริงเลยแม้แต่ครั้งเดียว” เพื่อนรักของเขาเคยสละชีวิตเพื่อเขาสองครั้งแล้ว แต่สันติสุขก็ยังอยู่อีกไกล
     
    “หรือหลุยส์จะบอกว่ามีความสุขที่อาณาจักรสงบสุขได้โดยแลกกับองค์หญิงต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักล่ะครับ?” เอ็กซ์จ้องหลุยส์ไม่วางตา สร้างแรงกดดันจนเด็กสาวพูดไม่ออก
     
    “...กระหม่อมพูดจบแล้ว องค์หญิงจะตัดสินพระทัยเช่นไรก็สุดแล้วแต่พระองค์เถอะพะยะค่ะ” เอ็กซ์ก้มหัวแทนการขอขมา
     
    “ขอบคุณพวกเธอทั้งสองคนที่เป็นห่วงเรา แต่เราตัดสินใจแล้ว” องค์หญิงยิ้มให้เด็กสาวและอสูรรับใช้ หลุยส์เจ็บใจที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้เลย ถ้าอย่างนั้น อย่างน้อยๆ...
     
    “หากองค์หญิงประสงค์จะให้หม่อมฉันทำสิ่งใดก็โปรดบอกหม่อมฉันเถอะเพคะ หม่อมฉันจะทุ่มเทกายและใจทำให้สำเร็จให้ได้เพคะ!” หลุยส์เอ่ยอย่างหนักแน่น
     
    “ขอบคุณมาก หลุยส์ ฟรังซัวร์ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของเรา—ไม่สิ ของฉัน...ไม่ใช่ในฐานะราชินี แต่ในฐานะของอันเรียตต้า” หลุยส์รอฟังอย่างตั้งใจ
     
    “ฉันได้ส่งจดหมายฉบับหนึ่งไปหาองค์ชายเวลส์แห่งอัลเบียน หากจดหมายฉบับนี้ถูกพบเข้า การหมั้นหมายของฉันก็คงต้องถูกยกเลิก ฉันอยากให้พวกเธอทั้งสองคนนำมันกลับมาก่อนที่เรื่องนั้นจะเกิดขึ้น”
     
    ‘จดหมายที่สามารถทำลายการหมั้นหมายของราชวงศ์ได้ ข้างในคืออะไรกันนะ...’ เอ็กซ์สงสัยแต่ก็ไม่อยากถามละลาบละล้วง เพราะองค์หญิงบอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัว
     
    “อัลเบียนในขณะนี้เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ขุนนางก่อกบฏ ราชวงศ์ใกล้จะล่มสลาย อยู่ในสภาพที่น่าเป็นห่วง” สีหน้าของอันเรียตต้าเต็มไปด้วยความกังวล หลุยส์รีบแสดงออกอย่างเข้มแข็ง
     
    “อย่ากังวลไปเลยเพคะ หม่อมฉันจะทำให้สำเร็จให้ได้ องค์หญิงโปรดวางใจเถอะเพคะ!”
     
    “ขอบคุณมาก หลุยส์ ฟรังซัวร์” อันเรียตต้ายิ้มน้อยๆ
     
    เอ็กซ์มองเด็กสาวทั้งสองด้วยความรู้สึกที่ปนเปกัน ตอนนั้นเองที่เขารู้สึกถึงจิตของใครบางคน ก่อนหน้านี้เขาไม่ทันรู้สึกตัวเพราะความสนใจอยู่องค์หญิง แต่ตอนนี้เขาจับสัมผัสได้ชัดเจน และยังรู้อีกด้วยว่าเป็นใคร
     
    “ขอโทษที่ขัดจังหวะนะครับ แต่ไหนๆ ก็เป็นภารกิจสำคัญ ทำไมเราไม่พาใครไปด้วยอีกคนล่ะครับ” เอ็กซ์ยิ้มพร้อมกับดึงประตูข้างตัวเปิดออก
     
    “อ๊ะ!” กีซร้องขึ้นเมื่อจู่ๆ ประตูที่เขาแนบหูอยู่ก็เปิดผลัวะออก ตอนนี้คนในห้องสามารถมองเห็นเขาได้อย่างชัดเจนเต็มตัว
     
    เช้าวันต่อมา
     
    เอ็กซ์ซักผ้าอยู่ที่สนามหญ้าเหมือนทุกวัน เหตุการณ์เมื่อคืนสรุปได้ว่ากีซซึ่งบังเอิญผ่านมาได้ยินเข้าเสนอตัวจะไปกับพวกเขาด้วย แม้ว่าหลุยส์จะจ้องอย่างกินเลือดกินเนื้อ แต่เมื่อองค์หญิงไว้ใจบุตรของพลเอกแห่งกองทัพราชอาณาจักรและให้คำอนุญาต เธอก็ไม่ขัด
     
    “เสร็จแล้ว ออกเดินทางพรุ่งนี้เช้า ถ้าอย่างนั้นวันนี้...” เขาติดใจเรื่อง ‘กันดาล์ฟ’ ภูติวารีก็เรียกเขาด้วยชื่อนั้น
     
    ‘ได้เวลาออกไปหาผู้รู้อย่างจริงๆ จังๆ ซะที’
     
    แล็บของอาจารย์โคลเบลท์
     
    ของเหลวจากหลอดทดลองไหลลงไปผสมกับของเหลวในโหลแก้ว ชายผมบางขยับโหลแก้วไปมาให้ของเหลวทั้งสองผสมเข้าด้วยกัน เด็กหนุ่มในชุดคลุมยาวยืนรอฟังคำตอบของคำถาม
     
    “แรกเริ่มเดิมทีเวทย์มนต์มีทั้งหมดห้าธาตุด้วยกัน นอกจาก ดิน น้ำ ลม ไฟ อีกมุมหนึ่งของเพนตากอนก็คือ [ธาตุแห่งความว่างเปล่า] และกันดาล์ฟก็คืออสูรรับใช้ของจอมเวทย์แห่งความว่างเปล่าในตำนาน [ท่านบริมีล] แต่ในปัจจุบันธาตุแห่งความว่างเปล่าไม่ได้รับการยืนยันว่ามีอยู่จริง”
     
    ‘ธาตุแห่งความว่างเปล่า...’ เอ็กซ์ครุ่นคิดถึงความหมายจากชื่อของธาตุ
     
    “อักษรรูนที่หลังมือซ้ายของเธอเหมือนกับที่บันทึกไว้ในหนังสือว่าเป็นของกันดาล์ฟ แต่ผู้ใช้เวทย์ความว่างเปล่ายังไม่ปรากฏตัวออกมาให้เห็น จึงยืนยันไม่ได้ว่าธาตุความว่างเปล่าและกันดาล์ฟมีอยู่จริง”
     
    ‘ภูติวารียืนยันไปแล้วว่าเราคือกันดาล์ฟ และหลุยส์ซึ่งเป็นนายของกันดาล์ฟก็คือ...’
     
    ไม่ผิดแน่ ข้อมูลขงกันดาล์ฟ รวมกับการใช้เวทย์สี่ธาตุของหลุยส์ไม่เคยประสบความสำเร็จ แถมยังระเบิดทำลายสิ่งรอบข้าง
     
    ‘แต่ถึงบอกไปก็คงไม่มีใครเชื่อ หลุยส์ที่หัวดื้อยิ่งไม่ต้องพูดถึง’ เอ็กซ์ตัดสินใจเก็บข้อสันนิษฐานไว้กับตัวไม่บอกใคร
     
    “เอ๊ะ? ในขวดนั้นคือ...” สายตาของเขาสะดุดเข้ากับขวดแก้วที่มของเหลวสีน้ำตาลขุ่นเหลืองอยู่
     
    “อ้อ นั่นคือ ‘เลือดมังกร’ น่ะ เล่ากันว่าครั้งนึงมังกรรูปร่างประหลาดสองตัวแบบที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้าพร้อมกับเสียงคำรามกึกก้อง ตัวนึงหายสาบสูญไป ส่วนอีกตัวนึงตกลงบนพื้นโลก ฉันเองก็ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เลือดจากในตอนนั้นมา ตอนนี้ก็กำลังทำการวิจัยอยู่” มิสเตอร์โคลเบลท์พยายามรักษาน้ำเสียงกับสีหน้าไว้ แต่เห็นได้ชัดว่าตื่นเต้น
     
    ‘...’เลือดมังกร’ งั้นเหรอ? พอจะเห็นว่าชื่อนี้ได้มายังไง’ เอ็กซ์มองปราดเดียวก็รู้ว่าของเหลวข้างในคืออะไร แต่ตัดสินใจไม่พูดมาก เดี๋ยวจะงงกันไปใหญ่
     
    ห้องของหลุยส์
     
    เอ็กซ์ดึงชุดนอนสวมให้กับหลุยส์จากด้านหลังขณะที่เด็กสาวเล่าเรื่องของผู้รับจดหมายให้ฟัง
     
    “องค์ชายเวลส์แห่งอัลเบียนเป็นลูกพี่ลูกน้องกับองค์หญิงน่ะ”
     
    “ดูจากที่ส่งจดหมายให้กัน คงต้องรู้จักกันมาก่อน ตั้งแต่เด็กเหมือนที่รู้จักกับหลุยส์สินะครับ” เอ็กซ์เดาตามเนื้อผ้า แต่ดูเหมือนหลุยส์จะไม่ได้ฟัง แถมยังถอนใจด้วยสีหน้ากังวล
     
    “อัตราความสำเร็จในการใช้เวทย์มนต์เป็นศูนย์ แต่ดันไปตกปากรับคำเป็นมั่นเหมาะว่าจะทำให้สำเร็จ เอาเข้าจริงๆ อย่างฉันจะทำได้เหรอ...”
     
    เอ็กซ์รู้ว่าหลุยส์แสดงออกเข้มแข็งเพื่อให้องค์หญิงสบายใจ ทั้งที่ความจริงแล้วตัวเธอเองก็กังวลไม่แพ้กัน เขาจับไหล่ของเด็กสาวและหมุนให้เธอหันมาสบตากับเขา
     
    “ทุกอย่างจะต้องเป็นไปด้วยดี ไม่เป็นไรแน่นอนครับ” เด็กหนุ่มในชุดคลุมส่งยิ้มหวานให้กำลังใจ แต่ความกังวลใจของเด็กสาวไม่หายไปง่ายๆ
     
    “นายมองโลกในแง่ดีเกินไปแล้ว” หลุยส์สะบัดหลุดจากสองมือของอสูรรับใช้และขึ้นเตียงห่มผ้า
     
    “หลุยส์คิดแต่เรื่องทำภารกิจให้ลุล่วงก็พอครับ ถ้าเกิดอะไรขึ้นผมจะปกป้องหลุยส์เอง” หลุยส์นอนนิ่งไม่ส่งเสียงตอบหรือแสดงปฏิกิริยาอะไร แต่เอ็กซ์ก็รู้ว่าอีกฝ่ายรับรู้แล้ว เขาดับไฟที่โคมและเข้านอน
     
    เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ที่หน้าโรงเรียน
     
    เช้าตรู่ หมอกค่อนข้างจัด ดวงอาทิตย์ก็ยังไม่ขึ้น ม้าสองตัวอยู่พร้อมด้วยอานและถุงสัมภาระยืนอยู่ที่ด้านนอกประตูโรงเรียน นักเรียนสองคนกับอสูรรับใช้อีกหนึ่งกำลังเตรียมตัวออกเดินทาง
     
    เอ็กซ์ตอนนี้อยู่ในโหมดพลเรือน กีซทีแรกก็ตกใจที่เห็นเอ็กซ์ในรูปร่างของมนุษย์ แต่ก็ไม่ติดใจอะไรมากเพราะเข้าใจว่าเขาเป็นมนุษย์แต่แรกแล้ว
     
    เด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินครามจัดสัมภาระไปก็มองดูแหวนที่นิ้วนางข้างขวาของผู้เป็นนายไป
     
    คืนวันรับคำสั่ง ห้องของหลุยส์
     
    องค์หญิงถอดแหวนจากนิ้วนางขวาออกส่งให้กับเด็กสาวผมสีชมพู
     
    “แหวนทับทิมวารีที่ท่านแม่มอบให้กับฉัน ฉันอยากให้เธอเก็บเอาไว้” อันเรียตต้าสวมแหวนที่ประดับด้วยอัญมณีสีน้ำเงินสดใสลงบนนิ้วนางขวาของหลุยส์
     
    “ฉันจะส่งผู้คุ้มกันไปด้วยอีกคน เขาจะเป็นผู้นำทางให้กับเธอ”
     
    กลับสู่ปัจจุบัน
     
    เอ็กซ์ยังติดใจแหวนวงนั้นอยู่ ไม่ใช่เพราะมันดูเป็นของล้ำค่า แต่เป็นเพราะชื่อของมัน...
     
    ‘ทับทิมวารี...เพราะเป็นวารีถึงได้เป็นสีน้ำเงิน แต่ว่า...ทำไมทับทิมถึงมีสีน้ำเงิน?’ ถ้าไม่เป็นเพราะคาแร็คเตอร์ประจำเรื่องนี้เขาต้องเยือกเย็นล่ะก็ ป่านนี้เขากุมหัวร้องตะโกนไปสามบ้านแปดบ้านแล้ว
     
    “แล้วคนนำทางเนี่ยเมื่อไหร่จะมา?” หลุยส์บ่นถึงสมาชิกคนสุดท้ายที่ยังไม่ปรากฏตัวออกมา ตอนนั้นเองที่จู่ๆ พื้นดินตรงหน้าเธอก็เกิดรอยแตกขึ้น ตุ่นตัวใหญ่โผล่หัวออกมา
     
    “เวอร์ดันดี้!” กีซกระโดดผลุงลงไปกอดอสูรรับใช้ของตัวเองอย่างแนบแน่น
     
    “ครั้งก่อนผมไปทะเลสาบโดยไม่บอกกล่าว ครั้งนี้เลยคิดว่าผมจะทิ้งเจ้าไปอีก ช่างน่าสงสารอะไรอย่างนี้~” ถูแก้ม...ถูแก้ม...
     
    “บอกไว้ก่อนเลยนะว่าตุ่นยักษ์นั่นห้ามเอาไปด้วย” หลุยส์ดักคอไว้ก่อน
     
    ตาใสแป๋วของเวอร์ดันดี้เลื่อนมาที่หลุยส์ ตุ่นยักษ์คลานขึ้นมาจากหลุม กระโจนเข้าใส่เด็กสาวจนเธอล้มหงายหลัง
     
    “ย—อย่านะ! เดี๋ยวเถอะ จับอะไรน่ะ!” เท้าคู่หน้าของตุ่นยักษ์พยายามยื้อยุดแหวนในนิ้วนางขวาของหลุยส์อย่างตั้งอกตั้งใจ “กีซ! มาเอาอสูรรับใช้นายออกไปเดี๋ยวนี้นะ!”
     
    “แหวนนั่น? อ๋อ เวอร์ดันดี้ชอบวัตถุที่เป็นประกายน่ะ ยิ่งงดงามหายากก็ยิ่งชอบ” เด็กหนุ่มผมทองอธิบายบุคลิกของอสูรรับใช้ตัวเอง ไม่คิดจะขยับตัวเข้าไปทำตามที่เด็กสาวบอกซักนิด
     
    ‘ประสาทไวขนาดนี้ถ้าให้ไปขุดสายแร่รัตนชาติคงไปได้สวย’ เอ็กซ์คิดช่องทางหากินให้กีซได้เรียบร้อย แต่ตระกูลเขามีอันจะกินอยู่แล้ว คงไม่ต้องบอก
     
    “ไม่มีทาง! แหวนวงสำคัญที่องค์หญิงอุตส่าห์มอบให้ จะยกให้ตุ่นยักษ์พรรค์นี้ได้ยังไง! เอ็กซ์ ทำหน้าที่หน่อยซี่!” หลุยส์พยายามต่อสู้กับน้ำหนักตัวของตุ่นยักษ์ ร่างกายที่เล็กแถมบอบบางของเธอไม่มีทางที่จะดันออกไปได้เลย
     
    “ครับผม” เอ็กซ์เดินเข้าไปจะแงะตุ่นยักษ์ออกจากนายหญิง แต่ก็ต้องรีบกระโดดถอยกลับเมื่อมีสายลมแรงพัดมา แรงขนาดพัดตุ่นตัวบิ๊กๆ ปลิวเหมือนนุ่นกลิ้งโค่โร่หัวหมุนติ้ว
     
    “เวอร์ดันดี้! ใครน่ะ!?” กีซหยิบกุหลาบแดงขึ้นมาพร้อมกับร้องหาผู้ทำร้ายอสูรรับใช้สุดเลิฟ
     
    เอ็กซ์ได้ยินเสียงร้องกับเสียงกระพือปีกจากบนฟ้า สิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายสิงโตผสมกับอินทรีร่อนผ่านม่านหมอกลงมาหาพวกเขา
     
    “กริฟฟินเหรอ?” กีซเอ่ยขึ้นเมื่อได้เห็นรูปร่างของสัตว์อสูรตรงหน้าชัดๆ และผู้ที่ขี่อยู่บนหลังคือชายหนุ่มผมยาวและหนวดเคราสั้นสีเงิน สวมชุดสะอาดสะอ้าน ผ้าคลุมและหมวกปีกกว้างสีน้ำเงินเสียบด้วยขนนกสีขาวหนึ่งเส้น
     
    “แกเป็นใครกัน!?” กีซชี้กุหลาบร้องถาม ชายปริศนากระโดดลงจากตัวกริฟฟิน เดินเข้าไปหาหลุยส์ ไม่สนใจคำพูดของเด็กหนุ่มผมทอง
     
    “หลุยส์” ชายหนุ่มเรียกชื่อของเด็กสาว
     
    “เอ๋? ท—ท่าน—ว้าย!” เธอร้องตกใจเมื่อถูกยกลอยขึ้นจากพื้น ชายหนุ่มอุ้มเธอในท่าอุ้มเจ้าหญิง
     
    เอ็กซ์ตื่นตัว เตรียมจะพุ่งเข้าไปช่วยหลุยส์ทันทีถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้น แต่ในที่สุดเขาก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเมื่อชายแปลกหน้าแนะนำตัว
     
    “ท่านอันเรียตต้าสั่งให้ข้าร่วมทางไปกับพวกเจ้า หัวหน้าฝูงบินกริฟฟิน [วาลโด]”
     
    เด็กหนุ่มทั้งสองคนผ่อนคลายลงเมื่อรู้ว่าชายแปลกหน้าคือสมาชิกคนสุดท้ายของการเดินทางครั้งนี้ แต่ที่ยังไม่เข้าใจก็คือทำไมเขาถึงได้ดูสนิทสนมกับเด็กสาวผมสีชมพูนัก
     
    “ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะหลุยส์” วาลโดพูดกับเด็กสาวในอ้อมแขน “แต่พอผมได้ยินว่าคู่หมั้นต้องออกไปทำภารกิจที่เสี่ยงอันตรายผมก็อยู่เฉยไม่ได้จริงๆ”
     
    “ค—คู่หมั้น!?!”
     
    --
     
    แนะนำตัวละคร
     
     
    ซอง ซาค ฟรานซิส เดอ วาลโด
    เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
    เพศ : ชาย
    อายุ : 26 ปี
    ส่วนสูง : ไม่ทราบ(อย่างน้อย 185 เซนติเมตร)
    น้ำหนัก : ไม่ทราบ
    ชอบ : ไม่ทราบ
    เกลียด : ไม่ทราบ
     
    ข้อมูล : หัวหน้าฝูงบินกริฟฟินแห่งกองทัพหลวงทริสเทน และเป็นคู่หมั้นของหลุยส์ รู้จักกันตั้งแต่หลุยส์ยังเป็นเด็ก สุภาพอ่อนโยน ใจดีแต่เข้มแข็ง จะเรียกว่าใกล้เคียงเพอร์เฟ็คก็ได้ เป็นทหารและผู้ใช้เวทย์ที่เก่งกาจ
     
    --
     
    S:”! เจ้านั่น—!”
     
    R:”เย็นไว้ อย่าเอ็ดไปเดี๋ยวจะเป็นการสปอยล์”
     
    DX:”คนที่เขามาอ่านก็ต้องรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วล่ะน่าว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
     
    R:”แต่ในเรื่องนี้ยังไม่มีใครรู้ เพราะฉะนั้นฉันขอออกกฎห้ามสปอยล์! หมอนั่นจะทำตัวน่าหมั่นไส้ขนาดไหนก็ห้ามบ่น!”
     
    DX:”...แกพูดเองเลยนะน่ะ”
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×