ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rockman X {x} Zero no Tsukaima : เรปลิลอยด์ของยัย 0 สนิท

    ลำดับตอนที่ #11 : Chapter 10 : Teen Magicians! ออกปฏิบัติการ!

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 949
      37
      25 ก.ค. 59

    ที่สถานศึกษาเวทย์มนต์ทริสเทน วันเวลายังคงดำเนินต่อไปตามปกติ...ถึงจะเห็นชัดว่ายุ่งเรื่องของที่ถูกขโมยจนคุณครูไม่เป็นอันได้สอนก็เถอะ
     
    แต่ที่สนามหญ้าข้างอาคาร จุดรวมตัวของเหล่าอสูรรับใช้ที่เจ้านายไปเข้าเรียน ใครคนหนึ่งกำลังใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไม่สนใจความวุ่นวายของโลกภายนอก
     
    “เอ้า ซิลฟีด” เรปลิลอยด์หนุ่มยื่นเนื้อชิ้นใหญ่ให้มังกรสีน้ำเงินที่รับไปหม่ำอย่างกระตือรือร้น เขามองดูภาพอันแสนสุขด้วยรอยยิ้ม บางทีมังกรสีน้ำเงินก็จะบินมาที่โรงเรียน เป็นโอกาสหายากที่จะได้ทำความรู้จักกัน แต่เวลาผ่านมาหมู่นี้ทั้งคู่เริ่มจะสนิทกันบ้าง ผิดกับผู้เป็นนายของมังกรที่ยังคงขะมักเขม้นอ่านแต่หนังสือ
     
    หนึ่งในกิจวัตรประจำวันของเอ็กซ์คือการช่วยเซียสต้าให้อาหารกลางวันเหล่าอสูรรับใช้ในขณะที่ผู้เป็นนายกำลังเคร่งเครียดกับการเรียน การได้มองสิ่งมีชีวิตหลายเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงอยู่กันอย่างเป็นมิตรและสันตินั้นเป็นความสุขที่เขาดื่มด่ำได้ไม่รู้เบื่อ
     
    ส่วนเรื่องที่สมบัติถูกขโมย ดูเหมือนว่าทางราชสำนักจะหาทางโทษองค์หญิงอันเรียตต้าจนได้ อ้างว่าเพราะองค์หญิงดึงดันมาที่งานแสดงอสูรรับใช้ของโรงเรียนขัดกับคำค้านของขุนนางคนอื่นๆ ทำให้ต้องแบ่งทหารไปคุ้มกันองค์หญิง และทำให้มีกำลังคนไม่พอจะคุ้มกันห้องเก็บสมบัติ ตอนที่เอ็กซ์ได้ยินอย่างนึ้เขาถึงกับถอนใจด้วยความผิดหวังในการเมืองของที่นี่...ในตัวมนุษย์...
     
    “นี่ คู่หู คิดว่าโอกาสที่เรื่องคราวนี้นายจะโดนหางเลขไปด้วยมีซักเท่าไร?” เดลฟลิงเกอร์ถาม เพราะอยู่มานานจึงสามารถสันนิษฐานเรื่องพวกนี้จากประสบการณ์ได้ไม่ยาก เอ็กซ์ก็เช่นเดียวกัน
     
    “ดูจากที่ผมตรงเข้าไปหาหัวขโมยคนนั้นก่อนใคร คิดว่าคงจะเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ คุณทาบาสะที่ขี่มังกรตามมากับหลุยส์ที่ใช้เวทย์มนต์จู่โจมโกเลมก็ด้วย คิดว่าคงจะถูกเรียกไปที่ห้องผ.อ.ไม่ช้าก็เร็ว”
     
    “ฟังดูมีเหตุผล ท่าทางจะผ่านเรื่องพวกนี้มาไม่น้อยสินะ ดูหน้าอ่อนๆ แบบนี้นายอายุเท่าไรกันแน่?”
     
    “ในฐานะที่เราเป็น ‘คู่หู’ กัน(ถึงเดลฟลิงเกอร์จะเรียกอยู่ฝ่ายเดียวก็เถอะ) ผมจะบอกแค่เดลฟลิงเกอร์คนเดียวก็แล้วกันนะ...ผมเคยเป็นส่วนหนึ่งของการเมืองในอาณาจักรผมมาก่อน ราวหนึ่งร้อยปี” เอ็กซ์เปิดเผยแบบอ้อมๆ แต่ก็ไม่ได้โกหก
     
    “หนึ่งร้อยปี? มิน่าถึงได้มีประสบการณ์เยอะ เห็นว่านายไม่ใช่มนุษย์สินะ ถ้าเป็นมนุษย์ก็คงจะลงโลงไปแล้ว” เดลฟลิงเกอร์มีท่าทีประหลาดใจแต่ไม่มาก
     
    ‘แต่ว่า...อักขระนี่...’ เอ็กซ์ยกหลังมือซ้ายขึ้นดู ‘ตอนนั้นร่างกายเราขยับไปเอง ราวกับเป็นนักดาบที่ต่อสู้มาเป็นแรมปี จะเป็นเพราะอักขระนี่รึเปล่านะ...’
     
    เสียงหาวดังยาว มังกรสีน้ำเงินล้มตัวลงนอนกับพื้นสนามหญ้า เอ็กซ์มองดูภาพอันแสนสงบสุขด้วยรอยยิ้ม
     
    “ถึงจะตัวใหญ่ แต่พอมาเห็นแบบนี้แล้ว...เหมือนเด็กเลยเนอะ” เอ็กซ์ยิ้มบางๆ พึมพำกับตัวเอง เดลฟลิงเกอร์แค่หัวเราะเบาๆ ในลำคอ(ดาบมีลำคอด้วย?)
     
    หลายนาทีต่อมา
     
    “ให้ผมเดา ผู้อำนวยการเรียกพวกเราไปพบที่ห้องใช่รึเปล่าครับ?” เอ็กซ์เอ่ยขึ้นทันทีที่หลุยส์เดินเข้ามาหาเขา ยังไม่ทันได้อ้าปาก
     
    “นาย...รู้แล้วเหรอ?” เธอมีท่าทางประหลาดใจ
     
    “ประมาณนั้น ไปกันเถอะครับ”
     
    ทั้งคู่เดินทางไปที่ห้องของผู้อำนวยการ ที่นั่น ท่านผ.อ. เลขาฯ และอาจารย์อีกหกคนยืนรออยู่กับนักเรียนอีกสองคนที่ถูกเรียก...หรือถูกเรียกแค่คนเดียว ส่วนอีกคนติดสอยห้อยตามมาด้วย
     
    “แล้วทำไมเธอต้องมาด้วยล่ะยะ?” หลุยส์เขม่นหางตาไปที่คิลเก้ซึ่งยืนตัวตรงอยู่ข้างๆ
     
    “ก็ตามทาบาสะมาน่ะสิ ไม่เห็นเป็นไรเลย น่าสนุกดีออก” เด็กสาวผมแดงตอบด้วยท่าทีสบายๆ
     
    เลขาฯสาวเริ่มจากเอ่ยรายงานการสืบสวนของเธอที่ไปสอบถามบริเวณรอบข้างโรงเรียน
     
    “เราทราบมาว่ามีคนน่าสงสัยเข้าออกกระท่อมร้างกลางป่า จากปากคำของผู้ที่พบเห็นพอจะวาดภาพออกมาได้ดังนี้ค่ะ” เธอยื่นม้วนกระดาษให้ท่านผู้อำนวยการเปิดออก หันให้เด็กสาวทั้งสามคนดู ต่างคนต่างพยักหน้าหงึกหงัก
     
    ในขณะนั้นเอ็กซ์ไม่ได้สนใจฟังอะไรแม้แต่น้อย ระบบประมวลผลของเขากำลังทำงานอย่างหนักราวกับหลุดการควบคุม เพียงแค่รักษาท่าทางให้นิ่งอยู่ได้ก็เต็มกลืน
     
    ‘ตาพร่า...หู...ไม่ได้ยินอะไรเลย...’
     
    กำลังทำการประมวลผล... กำลังทำการประมวลผล...
     
    ทำการอัพเกรดระบบตรวจจับสสาร วิเคราะห์ระดับ พลังเวทย์ รอบข้าง ขั้นตอนการประยุกต์ถูกต้อง ดำเนินกระบวนการปรับปรุงต่อไป
     
    ถ้าจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ตอนนี้เอ็กซ์กำลังมีอาการ ‘ปวดหัว’ ถึงแม้เขาจะไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อนในชีวิต แต่ก็เคยเห็นเรปลิลอยด์อื่นหลายคนมีอาการคล้ายๆ กัน รวมถึงเพื่อนสีแดงของเขาด้วย เขาเบนสายตาอันพร่ามัวไปทางที่คิดว่าเป็นหลุยส์ แต่กลับได้การประเมินสถานะขึ้นมาแทน
     
    ระดับพลังเวทย์ : ไม่ทราบ ธาตุ : ไม่ทราบ
     
    ‘นี่มัน...อะไรกัน...?’ เอ็กซ์เปลี่ยนเป้าหมายไปที่คิลเก้ สายตาเริ่มชัดขึ้นมา
     
    ระดับพลังเวทย์ : ไทรแองเกิ้ล ธาตุ : ไฟ
     
    ‘หรือว่า...ระบบของเราเริ่มจะพัฒนาขึ้นตามกระแสที่เปลี่ยนไปเมื่อเรามาถึงโลกใบนี้...?’ เขามองทาบาสะเป็นรายต่อไป
     
    ระดับพลังเวทย์ : ไทรแองเกิ้ล ธาตุ : ลม-น้ำ
     
    เอ็กซ์ใช้ระบบใหม่ที่ได้มาตรวจดูจอมเวทย์ทุกคนที่อยู่ในห้อง แอบรู้สึกตื่นเต้นนิดๆ เหมือนกับเด็กได้ของเล่นใหม่(คนเรา—เรปลิลอยด์ก็เหมือนคน—มีความเป็นเด็กเสมอนั่นแหละ) มี [ศักยภาพไร้ขอบเขต] นี่เหมือนกับโกงเขาอย่างท่วมท้นเลยทีเดียว
     
    ‘มิสเตอร์โคลเบลท์ถ่อมตัวแต่ไม่ธรรมดา...สแควร์ไฟ...ผู้อำนวยการก็สแควร์ลม แต่...หลุยส์ไม่ทราบ...’
     
    “เพราะเหตุนี้ เราจะนำคทาแห่งการทำลายล้างและชื่อเสียงของโรงเรียนที่ถูกหัวขโมยนั่นช่วงชิงไปกลับมาด้วยมือของเราเอง ใครจะอาสาไปให้ชูคทาขึ้น” ประสาทรับภาพและเสียงเข้าที่ คำพูดของท่านผู้อำนวยการดังถึงหูเอ็กซ์อีกครั้ง
     
    อาจารย์แต่ละคนล้วนเป็นผู้มีภูมิความรู้และพลังเวทย์ไม่ใช่ย่อยๆ แน่นอนว่าย่อม...ซุบซิบกันไม่ยอมยกมือซักที...(เวลามีงานเสี่ยงๆ ล่ะเกี่ยงกันเหมือนนักการเมืองประเทศสารขัณฑ์เป๊ะ)
     
    “เป็นอะไรไป? ชนชั้นสูงผู้ทรงเกียรติที่จะกล้าหาญไปต่อสู้เพื่อกอบกู้เกียรติยศไม่มีเลยรึยังไง?” ผู้อำนวยการถามอีกครั้ง ถ้าไปเองได้เขาคงจะไปแล้ว แต่คนเป็นผ.อ.ย่อมทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้
     
    เมื่อไม่มีใครกล้ายก เสียงหวานของเด็กสาวจึงดังขึ้นท่ามกลางเสียงซุบซิบ
     
    “ฉันจะไปเองค่ะ” หลุยส์ชูคทาในมือขึ้นด้วยแววตามุ่งมั่น
     
    “มิสวาลิเอล?” อาจารย์โคลเบลท์ประหลาดใจ เช่นเดียวกับอาจารย์คนอื่นๆ
     
    “ฉันด้วยค่ะ” คิลเก้ชูคทาขึ้นก่อนจะหันมาทางหลุยส์ “ใครจะยอมแพ้วาลิเอลกัน” ทั้งคู่เขม่นกันอย่างเคย แต่สายตาคิลเก้สังเกตเห็นสิ่งที่ผิดคาดเกิดขึ้น

    “ทาบาสะ?”
     
    เด็กสาวเจ้าของคาแรคเตอร์เงียบ แม้แต่เวลาชูไม้เท้าขึ้นก็ยังเงียบ
     
    “...ฉันเป็นห่วงพวกเธอ...”
     
    “ทาบาสะ...” “ขอบใจนะ...”
     
    ผู้อำนวยการหัวเราะในลำคออย่างพึงพอใจ ไม่เป็นผู้ใหญ่อย่างเขาไม่รู้หรอกว่าการได้เห็นคนหนุ่มสาวที่เต็มไปด้วยความกล้าหาญนั้นเป็นความสุขเพียงใด
     
    “ถ้าอย่างนั้นฝากทั้งสามคนด้วยนะ สองคนก็เคยเห็นฟูเก้ต์มาแล้ว” ได้รับคำอนุญาต เด็กสาวทั้งสามดูสดใสขึ้นทันตา...หมายถึงสองคนที่ดูสดใสขึ้น ส่วนอีกคนยังเหมือนเดิม
     
    “และที่สำคัญ ด้วยอายุน้อยเพียงเท่านี้ มิสทาบาสะได้รับการแต่งตั้งเป็นเชวาลิเยร์(อัศวิน)แล้ว”
     
    หลุยส์กับคิลเกตะลึงอ้าปากค้าง ส่วนเอ็กซ์ไม่เข้าใจระบบมากนักจึงแค่เลิกคิ้วขึ้นที่ความหมายของชื่อตำแหน่ง

    “เชวาลิเยร์!?”
     
    “จริงเหรอทาบาสะ!?”
     
    แม้เพื่อนทั้งสองจะถามอย่างตื่นเต้น แต่เจ้าตัวก็แค่...พยักหน้าหนึ่งที
     
    “ส่วนมิสเซอร์บุสต์ก็เกิดในตระกูลทหารที่แกร่งกล้าของเยอร์มาเนีย และยังได้ยินมาว่ามีเวทย์มนต์ที่ทรงพลังไม่ใช่น้อย” คิลเก้ยืดอกด้วยความภาคภูมิใจ
     
    “แล้วก็...อะแฮ่ม...” ผู้อำนวยการมีสีหน้าลำบากใจเมื่อหันมามองหลุยส์ กระแอมไอหนึ่งทีแก้เก้อ หลุยส์เท้าเอวอย่างภูมิใจไม่ได้สังเกตผู้อำนวยการเหมือนกับที่อสูรรับใช้ของเธอทำ
     
    “มิสวาลิเอลก็...เป็นบุตรีของตระกูลวาลิเอลที่มีจอมเวทย์ชั้นสูงอยู่หลายคน...เธอก็...น่าจะมีอนาคตอยู่บ้างเหมือนกัน...ไม่มากก็น้อย...” หลุยส์เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติของเสียงที่แผ่วลง เธอแสดงความงุนงงออกทางสีหน้าขณะที่สายตาจ้องมองผู้อำนวยการใช้ผ้าเช็ดหน้าลายดอกไม้สีชมพูเช็ดเหงื่อที่ไหลโชกหน้า
     
    “อ้อ! จริงสิ แล้วอสูรรับใช้ของเธอ—“ ผู้อำนวยการมองผ่านหลุยส์ที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับอย่างสิ้นเชิงไปยังเด็กหนุ่มในชุดคลุมที่ยืนหลบอยู่ในเงาด้านหลัง “—ก็ยังเคยเอาชนะบุตรของนายพลกรามองต์ได้นี่นา” ด้วยคำเอ่ยนี้ มิสเตอร์โคลเบลท์ก็เอ่ยเสริมขึ้น
     
    “นั่นสินะครับ ก็เขาคืออสูรรับใช้ในตำนาน กันด—อะแฮ่ม!” คำที่ขาดไปเรียกความสนใจจากเลขาฯสาวกับเด็กหนุ่มในชุดคลุมได้
     
    “เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้น โรงเรียนเวทย์มนต์ของเราขอฝากความหวังไว้ที่พวกเธอทั้งสามคนด้วย”
     
    เด็กสาวทั้งสามชูคทา(และไม้เท้า)ขึ้นเหนือศีรษะตามธรรมเนียมปฏิบัติ ตอนนั้นเองที่ใครคนหนึ่งเอ่ยแทรกขึ้น
     
    “โอลด์ ออสมันด์ ได้โปรดอนุญาตให้ดิฉันติดตามพวกเขาไปในฐานะผู้ดูแลด้วยนะคะ”
     
    “ฝากด้วยนะ มิสลองก์วิล” ผู้อำนวยการเอ่ยกับหญิงสาวผมสีเขียวในแว่นตากรอบกลม
     
    “ตั้งใจแบบนั้นอยู่แล้วค่ะ” เลขาฯสาวยิ้มอย่างเป็นมิตรกับสามสาวในฐานะผู้ที่กำลังจะร่วมงานกัน
     
    ครู่ต่อมา ถนนกลางป่า
     
    รถเทียมม้าสองตัวขับโดยหญิงสาวผมสีเขียวเดินทางออกจากโรงเรียนได้ไม่นาน บรรทุกผู้โดยสารมาอีกสี่คนซึ่งกำลังสนทนากันในหัวข้อต่างๆ
     
    “ผมขอถามอะไรหน่อย หัวขโมยใช้เวทย์มนต์ได้หมายความว่าต้องเป็นชนชั้นสูง ไม่น่าจะจำเป็นต้องขโมยอะไรไม่ใช่เหรอครับ?” เอ็กซ์ถามข้อสงสัยกับเด็กสาวทั้งสาม แต่คนตอบคืออาจารย์หญิงที่ขับรถม้าอยู่
     
    “ผู้ใช้เวทย์มนต์ทุกคนเป็นชนชั้นสูงก็จริง แต่บางครั้งก็เสียความเป็นชนชั้นสูงไป กลายเป็นสามัญชนธรรมดาบ้าง ที่ไปทำงานเป็นทหารรับจ้างหรือเป็นอาชญากรก็มี ฉันเองก็...สูญเสียความเป็นชนชั้นสูงไปแล้วเหมือนกัน” เอ็กซ์ฟังจากน้ำเสียงก็บอกได้ว่าหญิงสาวปิดความโศกเศร้าเอาไว้อย่างมิดชิด
     
    “แต่มิสลองก์วิลก็เป็นเลขาของ [โอลด์ ออสมันด์] นี่คะ?” คิลเก้พูดถึงท่านผู้อำนวยการที่เพิ่งจะมีชื่อจริงก็ตอนนี้
     
    “ท่านออสมันด์เป็นคนที่ไม่ค่อยสนเรื่องชนชั้นน่ะจ้ะ” มิสลองก์วิลตอบตรงประเด็น
     
    คิลเก้พยายามจะถามละลาบละล้วงเรื่องสาเหตุของการสูญเสียความเป็นชนชั้นสูงต่อ หลุยส์ขัด หาว่าเสียมารยาท คิลเก้บ่นว่านั่งเฉยๆ น่าเบื่อ ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาตามจับโจรด้วย หลุยส์สวนกลับไปว่างั้นจะตามมาด้วยทำไม ก็แค่เถียงกันปกติของสองคน เอ็กซ์ยิ้มไม่รู้ร้อนรู้หนาว ส่วนทาบาสะก็อ่านหนังสือของตัวเองไป
     
    ครู่ต่อมา ทั้งหมดก็มาถึงกระท่อมร้างกลางป่า แต่ละคนหลังพุ่มไม้ใกล้ๆ กัน
     
    “จากข้อมูลที่ได้มาคือที่นี่ล่ะค่ะ”
     
    เอ็กซ์อาสาไปส่องดูที่หน้าต่าง
     
    ‘รกรุงรัง เหมือนไม่มีใครอยู่มาเป็นปี ไม่มีซอกมุมให้ซ่อน และไม่มีใครอยู่’
     
    สังเกตได้ดังนี้ก็หันไปเรียกสี่คนที่หลบอยู่ให้ออกมา ทาบาสะตรงไปที่หน้าประตู วาดไม้เท้าไปในอากาศหนึ่งที
     
    “...ไม่มีกับดัก...” แล้วก็เปิดประตูเข้าไปดื้อๆ คิลเก้ตกใจวิ่งตามเข้าไป ส่วนหลุยส์อาสาดูต้นทางด้านนอก มิสลองก์วิลออกไปสำรวจรอบๆ
     
    ‘คุณทาบาสะทั้งเก่งและรอบคอบ ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมถึงได้เป็นอัศวิน แต่...อายุเท่านี้?...ไม่คิดว่ามันน่าเศร้าไปหน่อยเหรอ...’ เอ็กซ์สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ก็ตัดสินใจไม่ละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวคนอื่น เขาตามเข้าไปด้านใน
     
    สามคนสำรวจกระท่อมทุกซอกทุกมุม ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยเบาะแส...ฝุ่นทั้งนั้น...เบาะแสบอกว่าที่นี่ไม่มีคนอยู่มาเป็นชาติแล้ว และจากการค้นหาอย่างเต็มสูบกินเวลาถึง...สิบวินาที...ก็พบกล่องสี่เหลี่ยมยาวหนึ่งเมตรวางอยู่ที่มุมห้องอย่างสงบเสงี่ยม...
     
    “...คทาแห่งการทำลายล้าง...” ทาบาสะยืนยัน
     
    “...ง่ายเกินไปมั้งผมว่า?” เอ็กซ์รู้ว่ามันต้องมีอะไรผิดปกติล้านเปอร์เซ็นต์ จากประสบการณ์ของเขา ง่ายแบบนี้ทีไรมักจะตามมาด้วย...
     
    “กรี๊ด~!!” เสียงกรีดร้องของหลุยส์ดังขึ้น จากนั้นไม่ถึงวินาทีหลังคากระท่อมก็โดนซัดกระจุย มองเห็นแขนใหญ่เทอะทะทำด้วยหินและดิน
     
    “โกเลม!” คิลเก้เรียกชื่อสิ่งที่เห็นๆ กันอยู่
     
    “...ง่ายแบบนี้ทีไรมักจะตามมาด้วยกับดักเสมอ...!” เอ็กซ์กำเดลฟลิงเกอร์ที่สะพายอยู่ที่เอวแน่นพร้อมกับวิ่งออกไปด้านนอก
     
    --
     
    R:”Finally! Some action!!”
     
    DX:”แกเลิกบ้าปะกิตได้ยังฟะ?”
     
    R:”อังกฤษวันละประโยคน่า~”
     
    S:”กำลังลุ้นเลย! ตอนต่อไปเร็วๆ เข้าสิ!”
     
    R:”...แต่นี่มันเรื่องที่นายเคยแสดงมาก่อนนะเฟ้ย จะมาตื่นเต้นอะไรนักหนา...”
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×