ตึก...ตึก...
เสียงฝีเท้าดังก้องท่ามกลางความเงียบบนทางเดินในคฤหาสน์ที่ร้างผู้คน แต่ไม่ใช่ผีสางที่ไหน เป็นเพียงเด็กสาวผมม่วงคนหนึ่งที่กำลังระเห็จแบบไร้จุดหมายไปยังทั่วคฤหาสน์
...ถึงสภาพเธอตอนนี้ถ้าบวกกับบรรยากาศวังเวงแล้วจะทำให้คนที่เห็นขนหัวตั้งชันได้ไม่น้อยก็ตาม...
เพราะภาพที่เห็นและเรื่องราวที่ได้รับรู้มันเกินกว่าเธอจะรับไหว เธอจึงได้หนีมา...
...เธอหนีมา แถมพูดเหมือนกับประชดผู้มีพระคุณกับเธอทั้งสองคนทิ้งเอาไว้ ไม่มีอะไรจะเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว
สติเธอล่องลอย แต่ความคิดยังวนเวียนอยู่กับนายของเธอ ตอนนี้ท่านเคียวยะมีคู่หมั้นแล้ว เธอยังเหลือค่าอะไรอีก? ไม่แน่ว่าเหตุการณ์นั้นกำลังจะเกิดขึ้นซ้ำสอง...เธอกำลังจะถูกทิ้งอีกครั้ง...
ไม่! ทั้งท่านเคียวยะและท่านโกซาบุโร่เป็นคนใจดี พวกเขาไม่มีทางทิ้งเราเด็ดขาด! ...แต่เราจะอยู่อย่างไร้ประโยชน์แบบนี้เหรอ...
ด้วยเหตุการณ์นี้ทำให้นางิได้รู้สึกตัว สายสัมพันธ์อันล้ำค่าสำหรับเธอ สิ่งที่ผูกมัดเธอกับฮิบาริ...มันบอบบางยิ่งกว่าเส้นด้าย ช่างขาดสะบั้นได้ง่ายเหลือเกิน...
นางิเดินไปอย่างไร้จุดหมาย ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองได้ล้ำเข้ามาในเขตต้องห้ามของคฤหาสน์ ส่วนลึกที่ไร้ผู้ย่างกราย
นี่มันคือ...?
ตรงหน้าของเด็กสาวผมม่วงคือประตูรูปร่างประหลาดบานหนึ่งซึ่งอยู่สุดทางเดิน สาเหตุที่มันประหลาดก็คือมันถูกทาด้วยสีเดียวกับกำแพงและยังวาดลายเอาไว้จนกลมกลืน ถ้าหากเธอไม่เดินเหม่อเข้ามาเห็นใกล้ๆ คงจะคิดว่าเป็นทางตัน
ประตูเป็นแบบบานพับ และที่ส่วนล่างสุดมีแม่กุญแจล็อกเอาไว้ พิจารณาจากลักษณะของกรอบวิธีเปิดคือการดันจึงไม่จำเป็นต้องมีที่จับให้น่าสงสัย
...แต่นางิไม่ได้เห็นแม่กุญแจด้านล่างจนกระทั่งเธอเดินเข้าไปลูบประตูดูใกล้ๆ และเพราะการเข้าใกล้จนเกินไปทำให้เท้าของเธอ...
กร๊อบ!
นางิรีบถอยกลับมาและก้มลงดูเศษเหล็กที่ดูเหมือนว่าจะเคยเป็นแม่กุญแจสนิมเขรอะมาก่อน
ประตูบานนี้ทั้งพรางตาทั้งลงกลอนจนน่าสงสัย นางิจึงตัดสินใจผลักประตูเข้าไปด้านใน
--
ในห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง ชายหนุ่มผมดำกับเด็กสาวผมสีน้ำตาลอ่อนนั่งอยู่บนพื้นห้องที่ปูด้วยเสื่อทาทามิ องครักษ์หนุ่มผมรีเจ้นท์ยกชามาให้ทั้งสองก่อนจะถอยไปนั่งอยู่ที่มุมห้อง
ฮิบาริยกชาขึ้นจิบและวางลงอย่างช้าๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น
ครั้งสุดท้ายที่เจอกันคือเดือนพฤษภาคม ปีที่แล้วสินะ ยังเหมือนเดิมเลย
ตั้งแต่วันเกิดของเคียวคุง นี่ก็ใกล้จะถึงอีกแล้ว ฉันคิดว่าคงจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ครั้งนี้มีเด็กผู้หญิงคนนั้น คุณนางิชอบเคียวคุงนะ ไม่ใช่น้อยๆ เลยด้วย เคียวโกะเอ่ยอย่างจริงจัง และเธอก็หวังว่าอีกฝ่ายจะจริงจังกับเธอด้วย
ตรงนี้ของเธอก็ยังเหมือนเดิม สนใจเรื่องของคนอื่นเป็นจริงเป็นจัง ฮิบาริเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับไม่ทุกข์ร้อนอะไร
เพราะเคียวคุงชอบทำเป็นไม่สนใจเรื่องของคนอื่นเลยไงล่ะ
หลังจากประโยคที่เคียวโกะพูดแล้วทุกอย่างก็เงียบลง ฮิบาริจิบชาอย่างสงบก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
การที่โกซาบุโร่เลือกเธอมาเป็นคู่ดูตัวของฉันก็ถือว่าเป็นโชคดี แค่เราสองคนคงจัดการอะไรไม่ได้ รอจนถึงเดือนเมษา ไว้คุยกันพร้อมหน้าที่บ้านของเธอก็แล้วกัน
...เข้าใจแล้ว เคียวคุง... เด็กสาวก้มหน้ามองพื้นตอบตกลงเสียงอ่อย
ฮิบารินั่งนิ่งอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเอนตัวยื่นมือขวาออกไปและลูบหัวของเคียวโกะอย่างแผ่วเบา
ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก
เด็กสาวผมสีน้ำตาลได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก
--
ทางด้านเด็กสาวผมม่วงที่กำลังตะลุยแดนมหัศจรรย์(?)
ตุบ! ตุบ! โครม!
กองหนังสือเก่าๆ หล่นทับนางิเพียงเพราะเธอสะกิดแรงไปนิด ทำให้เกิดฝุ่นตลบอบอวลอยู่ในห้องเล็กๆ ที่แทบจะอับแสงโดยสมบูรณ์
แค่ก! แค่ก!
ท่ามกลางฝุ่นควันและแสงสลัว สายตาของเธอเหลือบไปเห็นหนังสือเล่มหนึ่งที่ปกทำด้วยวัสดุแข็งต่างจากหนังสือทั่วไป เธอเปิดมันออกดู
อัลบั้มรูป?
เป็นรูปถ่ายจำนวนไม่มาก ดูจากความเก่าคาดว่าประมาณสิบกว่าปี การถ่ายรูปนั้นทำได้ยากและราคาแพงแต่ถ้าเป็นตระกูลใหญ่อย่างฮิบาริก็ไม่น่าแปลกใจถ้าจะมีบ้างสี่ห้ารูป
แต่ทำไมถึงมาอยู่ในที่แบบนี้?
รูปแรกสุดเป็นรูปของคนสี่คน ชายหนุ่มผมสั้นกับหญิงสาวผมยาวและเด็กชายอีกสองคนในรูป คนหนึ่งยืนจับมือกับชายหนุ่มส่วนอีกคนอยู่ในอ้อมอกของหญิงสาว แม้จะเป็นรูปขาวดำแต่ก็ดูเหมือนว่าทั้งสี่จะมีผมสีดำเช่นเดียวกัน ผู้ที่น่าจะเป็นพ่อมีใบหน้าที่คล้ายคลึงกับนายของเธอในขณะนี้มาก จึงสันนิษฐานได้ว่านี่เป็นรูปถ่ายครอบครัวฮิบาริ และเด็กตัวเล็กๆ ในอ้อมอกของหญิงสาวก็คงจะเป็นท่านเคียวยะผู้เป็นนายของเธอ
ท่านเคียวยะตอนยังเป็นทารก...น่ารักจัง... เธอยิ้มน้อยๆ ก่อนจะดูรูปต่อๆ มา
รูปถัดๆ มาสามารถเห็นการเจริญเติบโตของเด็กน้อยเป็นลำดับขั้น เพราะมีเขาอยู่ในรูปทุกรูป บางรูปก็จะมีโกซาบุโร่และเด็กชายผมสีเงินอยู่ด้วย
นี่เป็นอัลบั้มรูปของครอบครัวท่านเคียวยะสินะ...
สายตาเธอสะดุดเข้ากับรูปใบหนึ่ง เป็นรูปที่มีเพียงเด็กสามคน คนหนึ่งเป็นเด็กชายผมสั้นสีขาวกับใบหน้าที่ส่องประกายสปิริตเต็มเปี่ยม คนต่อมาเป็นเด็กสาวผมสีน้ำตาลอ่อนยาวถึงกลางหลังกับใบหน้ายิ้มแย้มสดใส คนสุดท้ายเป็นเด็กชายผมสั้นสีดำที่นิ่วหน้าขมวดคิ้วเหมือนเพิ่งถูกโลกถล่มทับมา
รูปถ่ายใบนี้...ท่านเคียวยะถ่ายกับคุณเคียวโกะและพี่ชาย...
อย่างที่เธอคิด ไม่ใช่ว่าใครๆ จะได้สิทธิ์เรียกนายของเธอว่า เคียวคุง โดยไม่โดนรังสีอำมหิตกดดัน ทั้งสองคนรู้จักกันตั้งแต่เด็ก
เราเพิ่งจะพบกับท่านเคียวยะได้ไม่ถึงครึ่งปี กลับคิดไปว่ารู้จักท่านเคียวยะดีแล้ว...โง่จริงๆ...
การที่ได้เห็นผู้หญิงคนอื่นรู้จักผู้ชายที่เราชอบดีกว่าเรานั้นเป็นความทุกข์ทรมานที่ถ้าไม่ประสบด้วยตัวเองแล้วจะไม่มีทางเข้าใจ
นางิรู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตา ในที่สุดขีดจำกัดของเธอก็มาถึง น้ำใสๆ ไหลจากขอบตาผ่านแก้มที่เริ่มเจือสีแดงของเด็กสาว ไม่มีเสียงสะอึกสะอื้นใดๆ มีแต่น้ำตาแห่งความโศกเศร้าเท่านั้น
แต่ปีศาจไม่เคยละความพยายามที่จะเล่นงานมนุษย์เดินดินผู้น่าสงสารเพียงเพราะเธอกำลังโศกเศร้า ประตูด้านหลังเธอเปิดออกอย่างช้าๆ ร่างสูงของชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวเข้ามาหาเธออย่างเงียบเชียบ
นางิสะดุ้งเฮือกเมื่อมีมือเอื้อมมาปิดปากเธอจากด้านหลัง เธอไม่มีเวลาแม้แต่จะส่งเสียง ในความมืดสิ่งที่เธอเห็นมีเพียงแววตาอันน่ากลัวคู่หนึ่ง
--
R:เอาโค้ดโปร่งใสออกเพราะรู้สึกว่ามันเป็นภาระกับสายตา
DX:ฟาดไปหลายตอนกว่าจะรู้นะแก
R:บอกเอาไว้ก่อนเลยนะว่าผมไม่ได้ไม่ชอบเคียวโกะนะ ความคิดเรื่อง 1895 ยังล่อตาล่อใจหลายต่อหลายครั้ง(ผมว่า 18 ก็เข้ากับ 95 ได้ด้วยเหตุผลเดียวกับ 96 เรื่องความตรงกันข้ามของบุคลิก)
M:นี่ แล้วเมื่อไรจะมีบทล่ะครับ
R:!?!
DX:เฮ้ย! โผล่มาได้ไงฟะ!
--
ใครว้าาา = =
แล้วฮิจะทิ้งโคลมงี้อ่ออ TT
ท่านฮิเอ๊ยยย ไม่ใส่ใจน้องโคลมหน่อยเหร้อ เศร้าาา
รอค่ะ
(ชักน่าลุ้นนะว่าใครเป็นเงามืดนั่น น่าติดตามค่ะ)