ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    KHR : Tale of Love – Reminiscence of the Olden Times [1896]

    ลำดับตอนที่ #11 : Chapter 8 : เปิดเผยโฉมหน้าของคู่ดูตัวปริศนา ความหวังของนางิพังทลาย!?

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 392
      4
      20 เม.ย. 55

    คฤหาสน์ฮิบาริยังคงเงียบแม้ในวันแห่งชะตากรรม วันที่ลูกชายคนเล็กของตระกูลเข้าพิธีดูตัว ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ แต่สำหรับเด็กสาวผมม่วง มันเป็นความเงียบที่ทั้งอึดอัดและว้าวุ่น
     
    เกือบครึ่งชั่วโมงแล้วตั้งแต่ฮิบาริเข้าไปในห้องที่คู่ดูตัวของเขารออยู่ ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าไปนอกจากชายหญิงสองคน และการที่เธอต้องมานั่งจับเจ่าอยู่ในห้องของผู้เป็นนายกับเพื่อนร่วมงานผมรีเจ้นท์แค่สองคน...กับนกขมิ้นอีกหนึ่งตัวโดยปราศจากการรับรู้ใดๆ ในห้องแห่งชะตากรรมนั้นช่างเป็นความทรมานที่เกินจะทานทน
     
    คุซาคาเบะสังเกตเห็นท่าทางกลุ้มใจของเด็กสาว(ซึ่งชัดมากจนไม่จำเป็นต้องสายตาดีก็มองออก) จึงพยายามเอ่ยปลอยให้สบายใจ
     
    “อย่าห่วงไปเลยครับคุณนางิ ประธานไม่ใช่คนที่จะตัดสินใจอะไรโดยไม่ไตร่ตรองให้ดีซะก่อน ผมคิดว่าอีกเดี๋ยวก็คงจะกลับมา”
     
    นางิพยักหน้าตอบรับเบาๆ แต่ท่าทางไม่ได้ดีขึ้นแม้แต่น้อย ทำให้เพื่อนร่วมงานหนุ่มพลอยหนักใจไปด้วย
     
    ‘ประธานก็ดูเหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าคุณนางิจะต้องเป็นห่วง ถึงได้พูดเอาไว้แบบนั้น’
     
    -แฟลชแบ็ค-
     
    “ท่านเคียวยะเจ้าคะ!...” เด็กสาวผมม่วงเอ่ยเรียกผู้เป็นนายที่กำลังจะไปเข้าพิธีดูตัวตามคำสั่งของผู้เป็นพี่ชาย
     
    ฮิบาริหันกลับมามองเด็กสาวที่ท่าทางเหมือนอยากจะพูดอะไร
     
    “ค—คือว่า...ท่านเคียวยะ...เอ่อ...” นางิพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะพูด ‘ประโยคนั้น’ ออกมา แต่มีปัญหาเล็กน้อย ก็คือ...เธอเองยังไม่รู้ว่า ‘ประโยคนั้น’ ต้องพูดว่ายังไงบ้าง ทุกอย่างเหมือนจะจุกอยู่แค่ที่ลำคอ แต่ไม่สามารถเปล่งออกมาได้
     
    ฮิบาริเห็นกริยากระสับกระส่ายของเด็กสาวก็พอเข้าใจสถานการณ์จึงได้เอ่ยขึ้น
     
    “ฉันไม่ได้อยากร่วมไอ้พิธีจับคู่สัตว์กินพืชนี่นักหรอก ไม่ว่าจะหน้าไหนๆ มันก็เหมือนกัน ครั้งที่แล้ว หรือครั้งก่อนโน้น” เขาใบ้ให้รู้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเข้า ‘พิธีจับคู่สัตว์กินพืช’ ตามที่เขาเรียกนี้
     
    “ถ้าครั้งก่อนๆ มันรำคาญสายตาของฉัน แล้วครั้งนี้จะไปต่างอะไร” ว่าจบเขาก็หันหลังเดินจากไปราวกับคำพูดเมื่อครู่เป็นเพียงการพล่ามส่งๆ
     
    แต่นางิรู้ดีว่าคนอย่างเขาไม่มีทางพูดลอยๆ ไม่มีสาระ ดูเหมือนว่าจะเป็นอีกครั้งแล้วที่เขาแสดงความอ่อนโยนกับเธอในคราบของท่าทางอันเย็นชา
     
    -กลับสู่ปัจจุบัน
     
    ใจของเธอสงบลงบ้างนับแต่ตอนนั้น แต่ครึ่งชั่วโมงมันก็เป็นภาระกับประสาทอันบอบบางของเธอเกินไป หลังจากที่ต้องอดทนนั่งเฉยๆ ทั้งที่ใจลอยไปถึงไหนต่อไหนอยู่นาน เธอก็ทนไม่ไหวลุกออกไปจากห้อง แม้ว่าจะเป็นห่วงแต่คุซาคาเบะก็ไม่ได้ห้ามหรือตามไป
     
    --
     
    “...เจ้าแน่ใจเหรอว่าจะได้ผล?” ชายสูงวัยหัวหน้าตระกูลฮิบาริเอ่ยกับลูกชายคนโต ทั้งคู่อยู่ในห้องส่วนตัวของคนแรกกับองครักษ์หนุ่ม
     
    “เพราะมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น การปรากฏตัวของบอสแห่งคาวัลโลเน่ทำให้เกิดความเสี่ยงขึ้นในแผนการของเรา แผนสำรองถือเป็นสิ่งจำเป็นครับ” นาโอกิตอบโดยคงรอยยิ้มบางๆ ที่แสดงถึงความมั่นใจเอาไว้
     
    “แล้วเจ้าคิดว่าเคียวยะจะยอมหมั้นยังงั้นเหรอ? กี่ครั้งแล้วที่เจ้านั่นปฏิเสธคู่ดูตัว ครั้งหลังๆ เจ้านั่นไม่ยอมแม้แต่จะไปดูหน้าฝ่ายหญิงซะด้วยซ้ำ” โกซาบุโร่เอ่ยอย่างไม่เชื่อและไม่มั่นใจ
     
    “ดูจากท่าทางของเคียวยะแล้ว ถ้าเป็นคู่ดูตัวคราวนี้ผมคิดว่าคงรีบตอบรับแทบไม่ทัน เพราะเธอคนนี้เป็นกรณีพิเศษ”
     
    “...เข้าใจล่ะ ถ้าอย่างนั้นก็ดำเนินการตามแผน ตอนนี้รอบตัวของเคียวยะมีแต่ช่องโหว่ หญิงรับใช้ก็อ่อนโลก องครักษ์ก็ไม่ได้เศษเสี้ยวอาเคซากะ เสี้ยนหนามเพียงหนึ่งเดียวคือชายหนุ่มที่ชื่อดีโน่ ถ้าหากพิธีดูตัวครั้งนี้เคียวยะเอ่ยปากตกลง ตำแหน่งหัวหน้าตระกูลฮิบาริก็จะไม่หนีไปจากข้า” โกซาบุโร่แสยะยิ้ม เป็นยิ้มที่ชั่วร้ายต่างกับที่ใครๆ เคยได้เห็นมาก
     
    --
     
    นางิเดินไปตามทางเดินซึ่งจะพาเธอไปยังห้องที่นายของเธออยู่
     
    เธอเองก็ไม่เข้าใจ แต่ความคิดที่นายของเธอจะมีคู่ครอง จะมีคนที่เป็นเจ้าของและเป็นเจ้าของใครบางคนนอกจากเธอ... มันช่างเป็นความรู้สึกที่เปล่าเปลี่ยว
     
    แต่เธอก็ยังมีความหวังลึกๆ อยู่ในใจ ว่าคำพูดที่เขาบอกกับเธอจะเป็นจริง เธอจึงจะไปรับรู้ด้วยตัวเอง
     
    ห้องที่เป็นจุดหมายของเธออยู่ตรงหน้า เวลานี้ฮิบาริกับคู่ดูตัวที่เธอไม่รู้จักอยู่ข้างในนั้นเพียงสองคน เธอทำได้เพียงยืนอยู่ด้านนอกรอชายหนุ่มเปิดประตูออกมาบอกกับเธอว่า ‘ฉันไม่รับสัตว์กินพืชมาเป็นคู่หรอก’
     
    แล้วประตูก็เปิดออก ฮิบาริก้าวออกมาด้านนอกและสังเกตเห็นเด็กสาว
     
    นางิอยากถามคำถามที่อัดอั้นมานานเหลือเกินแต่เธอก็ไม่กล้าพูดออกไป ด้วยเหตุนี้เอง ก่อนที่จะมีคำพูดใดๆ ระหว่างทั้งสอง ใครอีกคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นข้างๆ ชายหนุ่ม
     
    ผู้ที่เดินออกมาจากห้องเป็นเด็กสาววัยใกล้เคียงกับเธอ และผู้หญิงที่งดงามที่สุดเท่าที่นางิเคยเห็นมาในชีวิต มวยผมสีน้ำตาลอ่อนปักด้วยปิ่นขาว กิโมโนสีแดงชมพูลายดอกซากุระ รูปทรงองค์เอวที่บอบบางแต่ดูสง่า ผิวขาวผ่อง ใบหน้าสวยได้รูปที่ดวงตาสีเหลืองส่องประกายดั่งพลอยน้ำงาม และแม้จะงดงามตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าก็ยังให้ความรู้สึกอบอุ่นแก่คนรอบข้าง
     
    เด็กสาวที่นางิรู้สึกคุ้นหน้า
     
    “คุณคือ...” นางิคงจะเรียกชื่ออีกฝ่ายออกไปแล้ว ถ้าเพียงแต่เธอรู้ว่าชื่อนั้นคืออะไร
     
    “ฉันคิดว่าเราคงได้พบกันมาก่อนแล้วในวันปีใหม่ ยินดีที่ได้พบอีกครั้งค่ะ” เด็กสาวผมสีน้ำตาลอ่อนเอ่ยทักทายอย่างสุภาพ
     
    แม้จะด้วยเหตุผลที่ต่างกัน ฮิบาริก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยกับความบังเอิญในครั้งนี้...หรืออาจจะเป็นโชคชะตา...
     
    “นางิ ผู้หญิงคนนี้คือ [ซาซางาวะ เคียวโกะ] นับแต่วันนี้ไปเธอจะเป็น ‘คู่หมั้น’ ของฉัน” เขาเอ่ยเสียงเรียบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น...ในฉากหน้าน่ะใช่ แต่ฉากหลังนั้นทั้งสองผูกพันกันด้วยอะไรบางอย่างที่เข้าใจกันเพียงแค่มองตา
     
    ในเวลานี้นางิอึ้งเกินกว่าจะสนใจ ‘สัญญาณ’ ที่ฮิบาริส่งออกมาทางสายตาแม้จะโดยที่เขาไม่รู้สึกตัว เพราะในวินาทีที่เธอรู้ว่าคู่ดูตัวของชายหนุ่มคือเด็กสาวใจดีที่เคยช่วยเหลือเธอเอาไว้ ความหวังของเธอก็แทบจะหมดสิ้น ประโยคเมื่อครู่ของชายหนุ่มเพียงตอกหมุดให้ลงแน่นในหัวใจของเธอยิ่งขึ้นเท่านั้น
     
    ฮิบาริหันไปทาง ‘คู่หมั้น’ เพื่อที่จะแนะนำเด็กสาวผมม่วงให้เธอได้รู้จัก
     
    “ผู้หญิงคนนี้คือ—“
     
    “ฟูจิยูกิ นางิเจ้าค่ะ” แทบไม่น่าเชื่อว่าในเวลานั้น เด็กสาวกลายเป็นคนที่ทำอะไรได้ฉับไวและเด็ดขาดเกินปกติ
     
    “ข้าน้อยเป็นหญิงรับใช้ของท่านเคียวยะเจ้าค่ะ” เธอจงใจเน้นในส่วนสำคัญ และไม่ใช่ในทางประชดหรือตัดพ้อใคร...เป็นเพียงการ ‘เตือน’ ใครหลายๆ คนรวมไปถึงตัวเธอเอง
     
    ฮิบาริเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเด็กสาว
     
    “ข้าน้อยไม่รบกวนเวลาของพวกท่านทั้งสองแล้ว ท่านเคียวยะคงอยากจะใช้เวลาอยู่กับคู่หมั้นเป็นการส่วนตัว ข้าน้อยขอตัวเจ้าค่ะ”
     
    เด็กสาวหันหลังเดินจากไป เคียวโกะสังเกตเห็นความเจ็บปวดในดวงตาของเด็กสาวผมม่วงและเข้าใจสาเหตุเป็นอย่างดี เธอก้าวตามไปพร้อมทั้งเรียกให้เธอหยุดก่อน
     
    “คุณนา—“
     
    ฮิบาริยกมือขึ้นห้ามเอาไว้ แม้ว่าเขาเองอยากอธิบายใจแทบขาด
     
    “เคียวคุง...”
     
    “ฉันมีหลายเรื่องที่ต้องบอกเธอและพี่ชายของเธอ ตามฉันมา”
     
    เคียวโกะเดินตาม ‘คู่หมั้น’ ของเธอไปโดยไม่พูดอะไร แต่ในใจยังคงรู้สึกเป็นห่วงเด็กสาวผมม่วง
     
    ‘ขอโทษนะคะ คุณนางิ...’
     
    --
     
    R:”ไม่มีแนะนำตัวละครใดๆ เนื่องจากตัวละครมากันพร้อมหน้าแล้ว และเนื้อเรื่องก็กำลังเข้าสู่ช่วงสำคัญ”
     
    DX:”ท่าทางจะสำคัญมาก สำคัญขนาดผู้อ่านหลายคนซื้ออาวุธมาตุนกันยกใหญ่ เหมือนจะทำสงครามกับใครแถวนี้”
     
    R:”ฉันวาร์ปได้ ไม่กลัวหรอก”
     
    DX:”แสดงว่ารู้ตัว งั้นฉันก็ไม่ยุ่งล่ะ”
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×