ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Reborn : Fierce Demon & Little Cute Pineapple [1896]

    ลำดับตอนที่ #34 : เพราะการประชุมมันยืดยาวยังงี้ไง คนเราถึงได้เกลียดกันนัก ทั้งที่รู้ว่ามันสำคัญ!!

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 325
      3
      28 ต.ค. 54

    Ch.31
     
    ที่โรงเรียนม.ต้นนามิโมริอันสงบสุข เสียงกระดิ่งดังบอกเวลาพักกลางวันเพิ่งจะเงียบไป
     
    “โคลมจัง! ไปกินข้าวกลางวันด้วยกันมั้ย?” เด็กสาวผมส้มเดินไปถามเพื่อนผมม่วงของเธอถึงโต๊ะ
     
    “ขอโทษนะริสะ วันนี้ฉันมีนัดน่ะ” เด็กสาวผมม่วงปฏิเสธ
     
    “อ้าวเหรอ? งั้นก็ไม่เป็นไร แต่...นัดของเธอคงไม่ใช่...คุณฮิบาริหรอกนะ?..” เด็กสาวผมส้มผู้มีชื่อว่าริสะถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ
     
    คำถามนี้ทำให้แก้มของเด็กสาวผมม่วงขึ้นสีแดงเรื่อๆ ด้วยความเขินอาย
     
    “ม—ไม่ใช่หรอก ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ?”
     
    “ก็ตั้งแต่ช่วงที่โรงเรียนปิดแข่งเบสบอลจนมาถึงตอนนี้ คนเค้าลือกันไปทั่วว่าเห็นเธอกับคุณฮิบาริเดินอยู่ด้วยกันนอกโรงเรียนบ่อยๆ น่ะ” เด็กสาวผมส้มชี้แจง
     
    “เอ่อ ร—เรื่องนั้น...” โคลมชะงักไป ในหัวพยายามคิดหาคำพูดเหมาะๆ มาใช้ แต่ก็มีเสียงสวรรค์มาช่วยเอาไว้ซะก่อน
     
    “เข้าไปสอดเรื่องของคนอื่นมากเกินความจำเป็นน่ะเขาเรียกว่าเสียมารยาทนะ”
     
    เด็กสาวผมส้มหันไปมองเพื่อนของเธอตาขวาง
     
    “ช่างฉันเถอะน่าจิโยะ นี่มันเรื่องร้ายแรงนะ ใครจะไปรู้ว่าโคลมจังโดนคุณฮิบาริทำอะไรบ้าง!?”
     
    ...หลายอย่างเลยล่ะ แต่เราจะไม่พูดถึงกัน...
     
    อาการหน้าแดงของเด็กสาวผมม่วงหนักขึ้นไปอีกเพราะประโยคล่าสุดที่ออกมาจากปากของเด็กสาวผมส้ม เธอจึงตัดสินใจปลีกตัวออกไปก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปมากกว่านี้
     
    “ง—งั้นฉันขอตัวนะ”
     
    ปึง
     
    ประตูหน้าห้องปิดลงแทบจะในทันทีหลังจากสิ้นเสียงของเด็กสาวผมม่วง
     
    “เดี๋ยวก่อนสิโคลมจัง! ให้ฉันมีบทมากกว่านี้หน่อยซี่~!”
     
    --
     
    บนดาดฟ้าของอาคารเรียนหลังเดิม ที่ซึ่งกลุ่มซาวาดะใช้ชุมนุมกันเป็นประจำ วันนี้ปรากฏหน้าใหม่ขึ้นไม่น้อย
     
    สมาชิกประจำในกลุ่มประกอบด้วย : ซาวาดะ สึนะโยชิ, โกคุเดระ ฮายาโตะ, ยามาโมโตะ ทาเคชิ, ซาซางาวะ เคียวโกะ และสุดท้ายที่ไม่ค่อยมีใครสังเกต คุโรคาวะ ฮานะซึ่งวันนี้ติดธุระทางบ้านไม่ได้มาโรงเรียน
     
    แล้วหน้าใหม่ล่ะ? ก็คือผู้เกี่ยวข้องกับวองโกเล่แทบทั้งหมดในเมืองนี้ :
    ซาซางาว่า เรียวเฮที่มาแบบสุดขั้ว
    โคลม โดคุโร่ หรือนางิที่เพิ่งจะเข้าร่วมกลุ่มได้ไม่นาน
    อัลโกบาเลโน่รีบอร์นที่แว้บมาบ้างเป็นครั้งคราว
    ฮิบาริ เคียวยะ แม้จะไม่น่าเชื่อแค่ไหน ก็มากับเขาด้วย
    ฟูตะ เดอ ลา สเตลลา หรือแร็งกิ้งฟูตะที่เคยมาที่โรงเรียนแล้วครั้งหนึ่งก็กลับมาอีกครั้ง
    อัลโกบาเลโน่รัล มิลจิที่เพิ่งมาถึงเมืองนี้
    พ่วงท้ายด้วยอาเชียเร่ หรืออาร์เช่ที่เป็นองค์ประชุมสำคัญในครั้งนี้ เพราะจะเป็นผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับความสามารถของศัตรูทั้งหมด อีกนัยหนึ่งก็คือ พลังของสายเลือดเมซซาลูน่าแฟมิลี่
     
    ...ไม่มีใครสังเกตหรือสนใจเลยซักนิดที่ขาดเด็กชุดวัวไป แต่ก็นะ...
     
    “มากันครบแล้วสินะ จะได้เริ่มประชุมกันซะที มีเวลาจำกัดแค่หมดพักเที่ยง ตามที่ฮิบาริกำหนด คงไม่มีใครมารบกวนใช่มั้ย?” ทารกชุดดำเอ่ยพร้อมทั้งหันไปทางเด็กหนุ่มผมดำที่นอนแหงนหน้าหลับตาอยู่ห่างจากวงประชุมประมาณสองเมตร
     
    “ฉันให้คุซาคาเบะเฝ้าทางขึ้นดาดฟ้าเอาไว้แล้ว” ฮิบาริตอบสั้นๆ โดยไม่ลืมตาขึ้นมองโลกภายนอก
     
    “ดี เอาล่ะ ถ้างั้นจะเริ่มประชุมกันล่ะนะ”
     
    เด็กหนุ่มผมฟูเหลือบมองเด็กสาวผมสีน้ำตาลอ่อนข้างๆ ก่อนจะกระซิบกับเธอเบาๆ
     
    เคียวโกะจัง เธอจะไปรอที่ห้องก่อนก็ได้นะ” สึนะเสนอ แน่นอนว่าเรื่องที่พวกเขากำลังจะคุยกันนี้ไม่ใช่เรื่องที่ฟังแล้วจะบันเทิงใจเด็กสาวเลยซักนิด
     
    พวกสึนะคุงกับโคลมจังกำลังจะเจอกับเรื่องอันตรายอีกใช่มั้ยจ๊ะ ถ้างั้นอย่างน้อยฉันก็อยากจะอยู่ฟังด้วย ถึงฉันอาจจะไม่รู้เรื่อง หรือช่วยอะไรไม่ได้มากก็เถอะ” เป็นคำตอบที่กล้าหาญผิดกับความเรียบร้อยของเธอ หรือต้องบอกว่าสมกับที่เป็นน้องสาวของผู้พิทักษ์แห่งอรุณ
     
    รีบอร์นเริ่มกล่าวถึงเหตุผลที่มาประชุมกันในครั้งนี้
     
    “จากข้อมูลแล้วศัตรูของเราเป็นอดีตสมาชิกของเมซซาลูน่าแฟมิลี่ เป็นแก๊งมาเฟียที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก และยังล่มสลายไปเมื่อสิบปีก่อน เราจึงต้องได้ข้อมูลมาให้มากที่สุด โดยอาร์เช่ที่เป็นคนของเมซซาลูน่าจะเป็นผู้ให้ข้อมูลกับเรา”
     
    ขั้นตอนแรกของการประชุมคือการอธิบายข้อมูลสำคัญของศัตรูที่กำลังจะเผชิญหน้า ผู้บรรยายคือเด็กหนุ่มผู้มีอักขระจันทร์เสี้ยวที่แก้มซ้าย
     
    ~เมซซาลูน่าแฟมิลี่คือแก๊งมาเฟียที่มีประวัติไม่ยาวนานนัก เล่ากันว่าเป็นลูกหลานของชนพื้นเมืองที่เคยอาศัยอยู่บริเวณที่ตั้งของเมืองแห่งหนึ่งของอิตาลีในปัจจุบัน ชนเผ่านั้นมีพลังพิเศษในการแย่งพลังชีวิตของศัตรูได้โดยใช้เลือดของศัตรูเองเป็นสื่อกลาง~
     
    เด็กชายผมสั้นสีน้ำตาลอ่อนจดบันทึกลงในสมุดเล่มเล็ก จากนั้นก็หันมาเปิดสมุดบันทึกอันดับประจำตัวเพื่อค้นหาข้อมูลเก่าๆ
     
    “อ๊ะ เจอแล้วครับ ในแร็งกิ้งบุ๊คของผมจัดอันดับเมซซาลูน่าแฟมิลี่เอาไว้ว่าเป็นแก๊งมาเฟียที่มีประวัติความเป็นมาแปลกและลึกลับเป็นอันดับสี่จากหลายพันแก๊งที่มีอาณาเขตส่วนตัว”
     
    ทารกชุดดำพยักหน้ารับจากนั้นก็หันไปเปิดประเด็นใหม่อีกประเด็น
     
    หัวข้อต่อไปคือการอธิบายถึงสายเลือดของเมซซาลูน่า ผู้บรรยายยังคงเป็นคนเดิม
     
    ~เมซซาลูน่าแฟมิลี่ประกอบด้วยสมาชิกสามกลุ่มคือกลุ่มสมาชิกระดับล่างที่ไม่มีสายเลือดของเมซซาลูน่าแม้แต่น้อย กลุ่มสมาชิกระดับกลางที่มีสายเลือดเมซซาลูน่าปนกับสายเลือดอื่นๆ และกลุ่มสมาชิกระดับสูงที่มีสายเลือดเมซซาลูน่าร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยผู้เป็นบอสจะต้องเป็นคนในกลุ่มสุดท้ายเท่านั้น และยังแบ่งแยกความสำคัญตามระดับของสมาชิกเหมือนการแบ่งชนชั้น~
     
    ฟูตะจดบันทึกลงในสมุดเล่มเล็กก่อนจะหันมาดูเล่มใหญ่อีกครั้ง
     
    “เมซซาลูน่าแฟมิลี่ติดท็อปเท็นมาเฟียที่แบ่งแยกชนชั้นภายในแก๊งของตัวเองอย่างชัดเจนที่สุดครับ”
     
    หัวข้อต่อไปเป็นเรื่องของความสามารถพิเศษของสายเลือดเมซซาลูน่าซึ่งเป็นหัวข้อที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในการประชุมครั้งนี้
     
    ~ความสามารถของเมซซาลูน่าคือความสามารถในการดูดกลืน [ไฟแก่นชีวิต] ของสิ่งมีชีวิตที่มีความรู้สึกนึกคิดเข้ามาเก็บไว้ในร่างกายของตัวเองได้ผ่านทางบาดแผลของอีกฝ่าย ผู้ที่ถูกดูดกลืนไฟแก่นชีวิตไปจะรู้สึกอ่อนเพลียอย่างมากจนบางครั้งถึงขั้นหัวใจล้มเหลวและเสียชีวิต
     
    การจะทำเช่นนี้ได้ผู้มีสายเลือดเมซซาลูน่าจะต้องกำจัดอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดออกไปซะก่อน ขึ้นกับว่ากำจัดอารมณ์ส่วนไหนออกไปได้ก็จะมีความสามารถในการดูดกลืนไฟชนิดต่างกันไป
     
    [ไฟแห่งความโลภ] (ไฟธาตุนภา) จะต้องปราศจากความโลภและความกระหายอยากได้ และความรู้สึกที่ตรงกันข้าม นั่นก็คือความโอบอ้อมอารี
     
    [ไฟแห่งโทสะ] (ไฟธาตุวายุ) จะต้องปราศจากความรู้สึกโกรธหรือโมโห และความรู้สึกที่ตรงกันข้าม นั่นก็คือความเมตตา
     
    [ไฟแห่งความเกียจคร้าน] (ไฟธาตุพิรุณ) จะต้องปราศจากความรู้สึกเกียจคร้านเฉื่อยชา และความรู้สึกที่ตรงกันข้าม นั่นก็คือความมุ่งมั่น
     
    [ไฟแห่งความริษยา] (ไฟธาตุอรุณ) จะต้องปราศจากความอิจฉาริษยา และความรู้สึกที่ตรงกันข้าม นั่นก็คือความสงสาร
     
    [ไฟแห่งความตะกละ] (ไฟธาตุอัสนี) จะต้องปราศจากความอยากอาหารที่เกินความจำเป็น และความรู้สึกที่ตรงกันข้าม นั่นก็คือความอดกลั้น
     
    [ไฟแห่งราคะ] (ไฟธาตุหมอก) จะต้องปราศจากความต้องการความสุขทางกาย และความรู้สึกที่ตรงกันข้าม นั่นก็คือความทรหดทนทุกข์
     
    [ไฟแห่งความหยิ่งทะนง] (ไฟธาตุเมฆา) จะต้องปราศจากความหยิ่งยโส และความรู้สึกตรงกันข้าม นั่นก็คือการมองตัวเองต้อยต่ำ
     
    หลังจากดูดกลืนไฟชนิดใดเข้าไปแล้ว ถ้าหากเกิดอารมณ์ความรู้สึกนั้นขึ้นมาจะทำให้ไฟชนิดเดียวกันนั้นรั่วไหลออกมาจนหมด~
     
    “ฟังดูยุ่งยากจัง ฉับฉนไปโม้ด~!” สึนะโอดครวญ
     
    “แต่ก็เป็นความสามารถที่น่ากลัวทีเดียว” รีบอร์นชี้แจง
     
    ฟูตะที่เริ่มใช้การติดต่อกับดวงดาวแห่งอันดับตั้งแต่เริ่มอธิบายหัวข้อล่าสุดพูดขึ้นในขณะที่ลอยอยู่เหนือพื้น
     
    “ถูกอย่างที่ทั้งสองคนพูดครับ ถ้าพลังของเมซซาลูน่าเป็นอย่างที่เล่ามาแล้วล่ะก็ จะได้อันดับสามพลังพิเศษที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก และอันดับหกเงื่อนไขที่ยากที่สุดในโลก”
     
    หลังจากการจัดอันดับเสร็จสิ้นสิ่งรอบตัวก็กลับลงสู่พื้นอย่างเดิมและเด็กชายจดบันทึกลงในแร็งกิ้งบุ๊คของตัวเองเพิ่มลงไป
     
    หลังจากการอธิบายจบลงทารกชุดดำก็เปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นหรือซักถามได้ตามต้องการ
     
    คนแรกที่ยกมือขึ้นคือสปอร์ตแมนหน้าแป้นของเรานั่นเอง
     
    “อยากถามว่า นายเป็นใครเหรอ ^ ^?”
     
     
    ติ๊ก...ต่อก...ติ๊ก...ต่อก...
     
    “ยามาโมโตะยังไม่เคยเจอหมอนี่โดยตรงสินะ” ทารกชุดดำจำได้ว่าเขาสลบไปก่อนจึงไม่ทันได้เห็นหน้าเด็กหนุ่มคนนี้
     
    “ฉันเองก็อยากรู้แบบสุดขั้ว!!” ใช่แล้ว และนักมวยคนนี้ก็หลงทางก่อนจะไปถึง ร้อนถึงผู้เป็นบอสต้องอธิบาย
     
    “คือว่า...เขาก็คือคนที่ลักพาตัวโคลมไปเมื่อเดือนก่อน ต—แต่ว่าตอนนี้ก็ไม่มีอะไรกันแล้วนะ!” สึนะอธิบายพร้อมทั้งแก้ต่างดักไว้ก่อนที่จะเกิดเรื่องไม่เข้าท่าขึ้น
     
    ยามาโมโตะชะงักไปตรงส่วน ‘ลักพาตัวเพื่อนของเขา’ ยิ้มหน้าบานนั่นเหมือนจะกระตุกไปวูบหนึ่งแต่ก็ยังคงสภาพเดิมอยู่ได้
     
    “นายนี่เอง!~ แหม เก่งน่าดูเลยนะ ทำเอาพวกเราลำบากแทบแย่ ^ ^!~”
     
    “ไม่ใช่เรื่องตลกนะเฟ้ยเจ้าบ้านี่!” โกคุเดระยังคงความเห็นไม่ลงรอยกับสปอร์ตแมนหนุ่มเช่นเคย
     
    ทันทีทันใด เรียวเฮชูมือขึ้นสูงอย่างกระตือรือร้น
     
    “มีสมองจะถามด้วยเหรอเจ้าหัวสนามหญ้า” โกคุเดระที่อารมณ์ยังค้างกัดคนไปทั่ว
     
    “มี! ฉันขอ...ให้นายมาเข้าชมรมมวยซะ!!”
     
    ติ๊ก...ต่อก....ติ๊ก...ต่อก...
     
    “เจ้าสมองกล้ามเนื้อนี่! คิดถึงแต่เรื่องมวย เดี๋ยวปั๊ด!!” โกคุเดระที่เดือดได้ที่ทำท่าจะลุกขึ้นไปวางมวยแต่ได้ยามาโมโตะช่วยรั้งเอาไว้
     
    แขนเรียวบางชูขึ้นสูง เป็นคำถามจากผู้ที่ไม่มีใครคาดคิด
     
    “ฉันเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องที่พูดกันหรอกนะจ๊ะ” ซาซางาว่า เคียวโกะเอ่ยด้วยท่าทีลังเล แต่ก็ตัดสินใจพูดมันออกมา
     
    “เท่าที่ฉันฟัง รู้สึกว่าเธอ...” เด็กสาวหันไปทางเด็กหนุ่มหน้านิ่ง “...ต้องต่อสู้กับเพื่อน ไม่เป็นไรแน่เหรอจ๊ะ?”
     
    สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่เด็กสาว ก่อนจะหันไปทางเด็กหนุ่มอย่างคาดคั้น
     
    “...ไม่...” เป็นคำตอบที่สั้น ง่าย และได้ใจความ
     
    การประชุมจึงจบลงแค่นั้น ส่วนมากจะไม่ติดใจกับตำตอบสุดท้ายยกเว้นคนขี้ห่วงโดยธรรมชาติเช่นบอสหนุ่มและ(ว่าที่)แฟนสาว
     
    แต่ที่ไม่น่าเชื่อคือทารกหญิงก็ติดใจกับเขาด้วย
     
    กระดิ่งบอกหมดเวลาพักดังขึ้น ทุกคนกลับลงไปเข้าชั้นเรียนกันหมด แม้แต่ประธานคณะกรรมการรักษาระเบียบก็ลงไปทำงานของตัวเอง เหลือเพียงคนนอกสี่คนคือสองทารก เด็กชายนักจัดอันดับและเด็กหนุ่มเมซซาลูน่า
     
    “นี่” ทารกหญิงเอ่ยทำลายความเงียบขึ้น สายตาจับจ้องไปที่เด็กหนุ่ม
     
    “ที่ว่าแกไม่รู้สึกอะไรน่ะ ไม่รู้สึกจริงๆ หรือว่าแค่เก็บซ่อนเอาไว้กันแน่?”
     
    ผู้ถูกถามเพียงแต่มองหน้าคนถามไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบสนอง
     
    “ถามแบบนั้นเหมือนเป็นห่วงเค้าเลยนะรัล” รีบอร์นเอ่ยด้วยรอย(แสยะ)ยิ้ม
     
    “จะบ้าเหรอ! ก็แค่สงสัยเอง!” รัลสวนกลับทันควัน บนใบหน้าไม่มีสีแดงเจือปนอย่างที่ใครหลายคนคิดไว้
     
    “เรื่องนั้นน่ะไม่มีทางรู้ได้หรอก เพราะเจ้าเครื่องนั่นเวลเด้เป็นคนประดิษฐ์ มันอาจจะทำให้ความรู้สึกถูกลบออกไปอย่างสมบูรณ์เลยก็ได้ ยังไงก็เถอะ ฉันกลับก่อนนะ เลออนอาการไม่ค่อยดี ไม่อยากปล่อยไว้นาน” พูดจบทารกชุดดำก็หายไป ก่อนที่ใครจะได้ทันสังเกตว่ากิ้งก่าตัวน้อยไม่ได้อยู่บนหมวกเขาจริงรึเปล่า
     
    “แล้วนายล่ะไม่กลับไปด้วยเหรอ?” ทารกหญิงหันไปถามเด็กชายนักจัดอันดับ ซึ่งก็ตอบกลับอย่างสุภาพ
     
    “ผมอยากจะลองจัดอันดับพี่ชายคนนี้ดูก่อนน่ะครับ” ฟูตะชี้ไปทางเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มที่มองเขาเป็นการตอบสนองกับเสียงที่เรียกตัวเอง
     
    ทุกสิ่งในบริเวณดาดฟ้าเริ่มลอยขึ้นอีกครั้ง นอกจากเด็กชายที่ลอยอยู่ในท่ายืนแล้ว สองคนที่เหลือก็เพียงแค่ลอยในท่านั่งขัดสมาธิอย่างไม่เกรงกลัวต่อการที่ต้องลอยอยู่กลางอากาศ
     
    “อาเชียเร่ นามสกุลไม่ทราบ ไม่เคยมีบันทึกลงในแร็งกิ้งบุ๊คมาก่อน เป็นคนที่ 86,203 ที่ได้มีรายชื่อลงในสมุดเล่มนี้” ฟูตะเริ่มพล่ามตามขั้นตอนปฏิบัติระหว่างติดต่อกับดวงดาวแห่งอันดับ
     
    “พลังกายเป็นอันดับที่ 10,543 ที่แข็งแกร่งเหนือคนทั่วไปได้เป็นเพราะอัลโกบาเลโน่โคโรเนโร่ช่วยฝึกให้ แต่ก็ยังไม่ถือว่าสูงมาก”
     
    “มีระดับสติปัญญาสูงเป็นอันดับที่ 1,896 ถือว่าค่อนข้างมีความรู้มากทีเดียว”
     
    “มีไหวพริบสูงเป็นอันดับที่ 18 เรียกได้ว่าเกิดเรื่องอะไรก็จะสืบต้นสายปลายเหตุได้เกือบหมด”
     
    ทารกหญิงได้ฟังแล้วก็รู้สึกทึ่งอยู่ไม่น้อย
     
    ‘นี่มันคุณสมบัติของทหารฝึกชั้นเยี่ยมเลยนะเนี่ย ไม่แปลกเลยถ้าโคโรเนโร่จะสอนจนพอใจได้’
     
    เธอชักมันมืออยากลองฝึกเด็กหนุ่มตรงหน้าขึ้นมาบ้างแล้ว
     
    “มีความสามารถในการควบคุมอารมณ์เป็นอันดับ 7 สุดยอดจริงๆ ครับ!” ฟูตะเอ่ยด้วยความทึ่ง
     
    ‘ก็แหงล่ะ มีเจ้าเครี่องนั้นนี่นา...แต่มันน่าจะได้อันดับหนึ่งไม่ใช่รึไง รึว่ามีใครไร้อารมณ์ได้มากกว่านี้อีก?’ รัลรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย
     
    “เป็นคนที่มีจิตใจดีและอ่อนโยนที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา”
     
    ‘เอ๋?’
     
    เด็กหนุ่มเองได้ฟังยังมีท่าทีชะงักอย่างช่วยไม่ได้
     
    “แล้วก็ยังมีนกเพนกวินเป็นสัตว์เลี้ยงสุดรักอันดับหนึ่งด้วย”
     
    ...ชักยังไงๆ แล้ว...
     
    ทั้งสามคนไม่ได้รู้สึกเลยว่าเมฆดำก่อตัวเข้าด้วยกันตั้งแต่ช่วงก่อนการประชุม แดดถึงได้ไม่แรงจนร้อน และตอนนี้ฝนก็กำลังตกพรำๆ
     
    เด็กชายทรุดฮวบลงกับพื้น ทุกอย่างกลับลงสู่พื้นเช่นเดียวกัน
     
    “โอย~ พอฝนตกแล้วการจัดอันดับก็มั่วไปหมดเลย~” ฟูตะมีท่าทีหมดแรงอย่างเห็นได้ชัดขณะที่กอดหนังสืออันดับเอาไว้แน่น
     
    ‘ยังงี้นี่เอง ถึงว่า... [ใจดีและอ่อนโยนที่สุด] ยังงั้นเหรอ? บอกว่าผ่าศพปลาทองแล้วเจอจระเข้อยู่ข้างในยังจะเชื่อง่ายซะกว่า’
     
    --
     
    ไกลออกไปในอิตาลี ที่ห้องทดลองลับของอัลโกบาเลโน่เวลเด้ ทารกในแล็บโค้ตสีขาวเพิ่งจะสังเกตเห็นความผิดปกติจากจอควบคุมขนาดเล็กที่พกพาติดตัวเอาไว้
     
    “เมื่อกี้นี้มันอะไรกัน?”
     
    ทารกนักวิทยาศาสตร์จ้องมองจอของเครื่องวัดสัญญาณบางอย่างที่เป็นเส้นตรงสีขาวตลอดแนว
     
    “เมื่อกี้นี้สัญญาณจากเครื่องควบคุมสมองที่ติดอยู่กับอาร์เช่กระตุกอย่างรุนแรงวูบนึง หมายความว่าอาร์เช่เกิดความหวั่นไหว มีอะไรเกิดขึ้นกันแน่นะ?”
     
    เวลเด้พยายามคิดหาสาเหตุแต่คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก
     
    “ถ้าสมองของอาร์เช่เกิดอารมณ์ที่รุนแรงเหมือนเมื่อกี้ขึ้นมาอีกล่ะก็ เครื่องเราคงเอาไม่อยู่ อาจจะมีใครพูดไปถึงอดีตหรือว่าตัวตนที่แท้จริงของอาร์เช่เข้า ได้แต่หวังว่าจะไม่มีอย่างนี้อีก...” ทารกผมเขียวเอ่ยเสียงเครียด
     
    ...
    “เครื่องเล็กๆ แบบนี้ ความสามารถในการสะกดอารมณ์ความรู้สึกมันจำกัดซะด้วย”
     
    --
     
    ในคืนนั้นเอง ที่เมืองนามิโมริ เด็กหนุ่มผมสั้นสีขาวคนหนึ่งกำลังวิ่งชกลมระหว่างทางกลับบ้านด้วยความเร็วสูง
     
    เมื่อเขาวิ่งมาถึงสี่แยกก็พบกับคนประหลาดในชุดคลุมยาวสีดำปิดตลอดทั้งตัวยืนขวางทางอยู่
     
    “โอ๊ส! มาเจอฉันดึกดื่นขนาดนี้นายจะมาขอเข้าชมรมมวยใช่รึเปล่า!?” ซาซางาว่า เรียวเฮยังคงพูดถึงแต่เรื่องมวย
     
    “ผู้พิทักษ์แห่งอรุณของวองโกเล่ใช่รึเปล่า?” เสียงแหลมสูงของเด็กสาวดังมาจากใต้ผ้าคลุม
     
    “พูดถึงอะไรรุนๆ เป็นเพื่อนของเจ้าหนูรึเปล่า!?” นักมวยหนุ่มยังรักษาระดับเสียงเอาไว้ได้ที่สุดหูรูด
     
    “ทำไมถึงได้เสียงดังหนวกหูจัง กระตือรือร้นมากเกินไป คนประเภทนี้ไม่เข้าท่าเล้ย”
     
    เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายบ่นถึงเรื่องความกระตือรือร้น เรียวเฮผู้มีไอคิวไม่ถึงระดับมาตรฐานก็ตะโกนออกไปด้วยเสียงอันดัง
     
    “ถ้าอย่างนั้นก็มาสุดขั้วด้วยกันเถอะ!!”
     
    “ไม่เอาด้วยล่ะ...”
     
    เล็บยาวเฟื้อยสีเลือดปรากฏขึ้นจากใต้ผ้าคลุมและเข้าจู่โจมนักมวยหนุ่มท่ามกลางความมืด
     
    --
     
    R:”...เห็นตอนจบปุ๊บก็รู้ปั๊บเลยว่าตอนหน้าบู๊ล้างผลาญอีกแล้ว แต่ขอสัญญาว่าจะไม่ยาวมาก เพราะบทบู๊ในนิยายควรจะสั้นกระชับเป็นเหตุเป็นผล”
     
    DX:”แสดงว่าก่อนหน้านี้ไม่สั้นกระชับแล้วก็ไร้เหตุผลด้วยใช่ปะ?”
     
    R:”ไม่ต้องพูดได้มั้ยเนี่ย!?”
     
    --
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×