ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Reborn : Fierce Demon & Little Cute Pineapple [1896]

    ลำดับตอนที่ #32 : แค่ออกไปซื้อของก็เป็นเรื่องใหญ่โตถึงเลือดตกยางออก ไม่ใช่การ์ตูนทำไม่ได้นะเนี่ย!

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 386
      7
      22 ต.ค. 54

    Ch.29
     
    ภายในห้องมืดที่มีแสงสลัวเพียงมองเห็นเค้าของสิ่งรอบตัว แม้ในเวลากลางวันก็มีแสงเล็ดลอดเข้ามาตามรอยแตกของไม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
     
    ผู้อาศัยในที่แห่งนึ้ทั้งสามคนอยู่อย่างเงียบเชียบ ไม่พูดคุยหรือแม้แต่ส่งเสียง จนกระทั่งประตูห้องเปิดออกและแสงลอดเข้ามาจนสว่างพอจะมองเห็นเค้ารูปร่างของทั้งสามคนได้
     
    ร่างอ้วนตุ๊ต๊ะของหญิงสาวผมสั้นสีเขียวคนหนึ่งก้าวเข้ามาในห้องก่อนที่ประตูจะปิดลง
     
    “ว่าไง เจอเจ้าพวกวองโกเล่รึเปล่า?” เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้นจากความมืด เจ้าตัวดูจะหงุดหงิดนิดๆ ที่ต้องนั่งแกร่วรออยู่เฉยๆ เป็นเวลานาน
     
    “ไม่มีข้อมูลอะไรเลยนอกจากอยู่ในเมืองนี้ จะไปเจอได้ยังไง มีแต่ของอร่อยๆ ล่อตาล่อใจ—“
     
    “พอเลยเรื่องนั้น” เสียงชายหนุ่มตัดบทก่อนที่ประโยคมันจะยาวไปกว่านั้นมาก “อย่างนี้คงต้องพึ่งแผนของนายแล้วนะ”
     
    “หึ สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว ไม่ได้เรื่องซักคนแล้วดันทำตัวกร่าง” เสียงที่เต็มไปด้วยความแค้นของชายหนุ่มดังขึ้นจากเงามืด
     
    “เก็บคำบ่นไร้สาระนั่นไว้แล้วก็บอกมาซะทีเถอะน่า” ชายหนุ่มคนแรกเอ่ยอย่างหงุดหงิด
     
    “ก็พูดกันอยู่ว่าไม่มีข้อมูล แล้วจะวางแผนอะไรได้เล่า! แต่ละคนเก่งกันนักไม่ใช่เหรอ จัดการกันเองเลยสิ จะนอน!!” ว่าจบร่างในเงามืดก็พลิกตัวหาท่านอนเหมาะๆ
     
    ...
     
    “แล้วพวกเราจะได้แก้แค้นวองโกเล่มั้ยเนี่ย?”
     
    --
     
    “ว่าไงนะ? ฉันน่ะเหรอออกไปซื้อของ?” ทารกหญิงค้านหัวชนฝากับการแบ่งหน้าที่ของเด็กหนุ่มเจ้าของบ้าน
     
    “เพราะเจ้าหนูขอร้องฉันถึงยอมให้อยู่ แต่ถ้าไม่เชื่อฟังฉันก็ไม่มีสิทธิ์จะอยู่ที่นี่” ฮิบาริไม่รับคำค้านใดๆ ทั้งสิ้น
     
    “ให้ทำอย่างอื่นไม่ได้รึไง! ข้างนอกร้อนจะตายใครจะออกไป!” รัลยังคงพยายามต่อรอง
     
    เด็กสาวผมม่วงเห็นทั้งคู่โต้เถียงกันอยู่นานจึงเอ่ยขัดขึ้น
     
    “ท่านเคียวยะคะ ฉันจะไปเองค่ะ”
     
    “ไม่ได้ เธออยู่เฉยๆ ไปเลย”
     
    เธอได้คำตอบทื่อๆ สวนกลับไป แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้
     
    “ให้ฉันช่วยเถอะค่ะ งานวันนี้มีเยอะ ยิ่งคนทำมากก็ยิ่งดีไม่ใช่เหรอคะ?” โคลมพยายามคุยด้วยเหตุผล
     
    ฮิบารินิ่งไป ก็จริงที่ทั้งคู่ทำข้อตกลงกันแล้วว่าเขาจะยอมให้เธอทำงานที่ไม่หนักมากได้ ส่วนเธอก็จะไม่หาเรื่องใส่ตัว เพราะฉะนั้นเขาก็คงต้องยอมเธอในเรื่องนี้
     
    “...ก็ได้”
     
    “ขอบคุณค่ะ!” โคลมยิ้มด้วยความดีใจ ในที่สุดเธอก็จะได้แก้ไขความผิดพลาดในครั้งก่อนซะที (ทำรายการหาย, เจอะพวกอันธพาล ฯลฯ)
     
    “แต่ให้เจ้านี่ไปด้วย” ฮิบาริหันไปทางเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มที่นั่งขัดสมาธิอยู่ที่มุมห้องในชุดเสื้อคลุมสั้นสีขาวกางเกงขายาวสีน้ำตาลชุดเดิม
     
    “ฉันออกไปด้วยไม่ได้ จะปล่อยให้พวกสัตว์กินพืชร่อนไปร่อนมาในบ้านโดยไม่มีคนคุมไม่ได้ เพราะฉะนั้น...” ฮิบาริหันไปสบตากับอาร์เช่ตรงๆ
     
    “...ถ้านางิมีรอยข่วนซักรอยล่ะก็ ชีวิตที่น่าสมเพชของนายก็จะดับสิ้น” แววตาของเขาแฝงด้วยแรงสังหารอย่างชัดเจน
     
    อาร์เช่เพียงแค่ลุกขึ้นและเดินไปหาเด็กสาวผมม่วงอย่างไม่สะทกสะท้าน
     
    “...จะไปรึยัง?...”
     
    “ป—ไปค่ะ” โคลมตอบเสียงตะกุกตะกัก เด็กหนุ่มคนนี้ดูเย็นชาจนน่ากลัว เหมือนกับท่านเคียวยะตอนแรกๆ ที่เธอได้เจอ ...แถมคุยด้วยยากกว่าเยอะ
     
    ทั้งสองคนเดินออกประตูไป โดยมีนกขนปุยสีเหลืองบินตามหลังไปช้าๆ
     
    “ไม่ต้องไป ฮิเบิร์ด นายหนีหายไปนาน วันนี้ต้องถูกคุมความประพฤติซะบ้าง ไปเกาะท่อนไม้สำนึกผิดอยู่ตรงนั้นทั้งวัน”
     
    ฮิเบิร์ดคอตก(มีคอด้วย!?) ก่อนจะทำตามที่เจ้านายสั่งแต่โดยดี
     
    หลังจากนั้น เด็กหนุ่มเจ้าของบ้านก็หันมาพูดกับทารกผู้อาศัย
     
    “เหลือแค่เธอคนเดียว รับงานอื่นไปให้หมดก็แล้วกัน”
     
    “ฮะ?” รัลคิดว่าตัวเองหูฝาดไป
     
    “ซักผ้า ตากผ้า ล้างจาน ทำความสะอาดห้องครัว ห้องนอน กับห้องนี้ จัดการให้เรียบร้อย”
     
    “ว่าไงนะ!?!”
     
    --
     
    ภายในร้านสะดวกซื้อที่เป็นแหล่งเสบียงประจำผู้คนในเมืองนามิโมริ เด็กสาวผมม่วงกับเด็กหนุ่มจันทร์เสี้ยวกำลังหยิบของใส่ตะกร้าตามรายการที่ได้รับมา
     
    ‘เนื้อหมู’ เด็กสาวผมม่วงคิดในใจขณะเอื้อมมือไปหยิบสิ่งที่ต้องการ แต่กลับมีมือของใครอีกคนแตะที่ของสิ่งเดียวกัน
     
    “คุณโกคุเดระ?”
     
    “โคลม โดคุโร่ มาทำอะไรที่นี่?” เด็กหนุ่มผมเงินเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ
     
    “ฉันมาซื้อของให้คุณเมฆาค่ะ” เธอตอบตามความจริง
     
    ‘อึก! ที่ว่าสองคนนี่อยู่บ้านเดียวกันเป็นเรื่องจริงเหรอเนี่ย! ถึงคุณรีบอร์นจะบอกไปแล้วก็เถอะ แต่มันก็ยังเชื่อยาก...’
     
    สายตาเจ้ากรรมของเด็กหนุ่มผมเงินเหลือบไปเห็นเมซซาลูน่าหนุ่มที่กำลังหยิบหัวผักกาดใส่ตะกร้าเข้า งานก็เลยเข้า
     
    “นี่แกอีกแล้วเหรอ! แกคิดลอบสังหารรุ่นที่สิบจริงๆ ใช่มั้ย!?” เอาอีกแล้วกับความโอเวอร์ของผู้พิทักษ์แห่งวายุ เขาถึงกับดึงไดนาไมต์ขึ้นมาจุดเต็มมือ เดือนร้อนถึงเด็กสาวต้องเข้าไปห้าม
     
    “ไม่ใช่ค่ะ! เขาแค่มาแจ้งข่าวให้พวกเรา!”
     
    “ข่าวอะไร! พูดบ้าอะไรของเธอ!?” โกคุเดระยังไม่รู้เรื่องภารกิจลับของวองโกเล่
     
    ในขณะที่ทั้งสองกำลังยื้อกันไปยื้อกันมาอยู่ ชนวนระเบิดก็หดสั้นลงเรื่อยๆ จนกระทั่งเกือบจะหมดเส้น
     
    “เฮ้ย! จะระเบิดแล้ว!” โกคุเดระตกใจเสียสละนิ้วฝืนความร้อนดับชนวนทีละลูก แต่เหลือลูกสุดท้ายที่ชนวนหายเข้าไปด้านใน ดับไม่ทันแล้ว
     
    “เหวอ!” เขารีบโยนส่งๆ ขึ้นไปในอากาศ จากนั้นเพียงเสี้ยววินาทีก็เกิดระเบิดขนาดย่อมๆ ขึ้นจนชั้นวางของใกล้เคียงล้มระเนระนาด ทั่วทั้งร้านสะดวกซื้อสั่นไหวจากแรงระเบิด
     
    “อยู่ไม่ได้แล้ว แจวก่อนล่ะ!” เด็กหนุ่มผมเงินตั้งสติได้ก็เผ่นออกไปนอกร้านทันที
     
    เขารีบร้อนวิ่งออกจากร้านไปหลบที่หัวมุมถนนใกล้ๆ
     
    “แฮ่ก! แฮ่ก! เกือบซวยแล้วมั้ยล่ะ ในฐานะมือขวาของรุ่นที่สิบ จะปล่อยให้ตัวเองโดนจับไม่ได้!” เขาหอบหายใจด้วยความเหนื่อยจากการวิ่งกะทันหัน เขาไม่ทันรู้สึกตัวเลยว่าได้ลากเอาเด็กสาวผมม่วงมาด้วยกันจากมือที่พยายามยื้อแย่งระเบิด
     
    “คุณโกคุเดระเป็นอะไรรึเปล่าคะ?” โคลมถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ไม่ได้รู้ถึงสภาพของตัวเองเลย
     
    “ดูตัวเองซะก่อนเถอะ! เนื้อตัวดำปี๋ยังกะถ่านแล้ว!”
     
    ...เขาไม่ได้คิดเลยว่าที่เป็นแบบนี้ก็เพราะไดนาไมต์ของเขานั่นแหละ...
     
    ...
     
     
    “@นึกไม่ถึงเลยว่าจะเจอตัวง่ายขนาดนี้ แสดงตัวได้อึกทึกมากนะ@”
     
    ...
     
    ทั้งคู่หันไปมองทางต้นเสียงที่เป็นภาษาอิตาลี เด็กสาวร่างเล็กผมสีแดงอมส้มยาวถึงบั้นเอวสวมเชื้ตขาวแขนสั้นกระโปรงสั้นสีแดงสดยืนอยู่กลางถนน ดวงตาสีม่วงหม่นบนใบหน้าขาวมองทั้งสองคนด้วยแววตาอำมหิต
     
    “@ระเบิดเมื่อกี้ แกเองสินะคือเฮอริเคนบอมบ์ ใช้ไดนาไมต์เป็นอาวุธ แล้วก็...เป็นผู้พิทักษ์แห่งวายุของวองโกเล่เดซิโม่ เราไม่มีความแค้นเป็นส่วนตัว แต่คงต้องขอให้ตายอยู่ที่นี่ล่ะนะ!@”
     
    เด็กสาวปริศนาวิ่งเข้าใส่โกคุเดระด้วยความเร็วสูง แต่ก็ไม่เร็วจนเด็กสาวผมม่วงที่ยืนอยู่ตรงนั้นจะใช้สามง่ามเข้าขวางไว้ไม่ทัน
     
    “@ถอยไป ฉันจะฆ่าเจ้าสุนัขรับใช้วองโกเล่นั่น!@” เด็กสาวผมแดงพูดขณะที่มือทั้งสองดันสามง่ามแข่งกับผู้เป็นเจ้าของ
     
    “@ฉันเองก็เป็นผู้พิทักษ์แห่งหมอกของวองโกเล่ ฉันไม่ปล่อยให้คุณทำร้ายเพื่อนของฉันหรอก@” โคลมยืนกรานไม่ยอมถอย เธอเป็นเพียงหนึ่งในสองผู้พิทักษ์ที่ใช้ภาษาอิตาลีได้
     
    “@ผู้พิทักษ์อีกคนเหรอเนี่ย!? โชคดีจริงๆ เลยวันนี้ งั้นก็ตายไปซะทั้งคู่นั่นแหละ!@”
     
    เล็บสีเลือดของเธอยืดยาวออกมาเกือบยี่สิบเซนฯ มือทั้งสองข้างก็เกร็งจนเส้นประสาทขึ้นยุ่บยั่บพร้อมกับแรงที่มากขึ้นอย่างมหาศาลจนดันผ่านเด็กสาวผมม่วงไปถึงตัวเด็กหนุ่มผมเงินได้
     
    ฉัวะ!
     
    เล็บที่ยาวเฟื้อยข่วนเข้าที่ต้นแขนของสองผู้พิทักษ์ในคราวเดียวจนเกิดรอยแผลสามรอยเป็นทางยาว
     
    “หนอย! อย่ามาดูถูกวองโกเล่นะเฟ้ย!” โกคุเดระหยิบแหวนจากในกระเป๋าขึ้นมาสวมก่อนที่ไฟสีแดงจะลุกโชนขึ้นบนแหวน
     
    แหวนวองโกเล่ เป็นแหวนรุ่นแท้ที่จุดไฟธาตุดับเครื่องชนได้ เพราะต้องหลังจากนี้อีกหลายปี แหวนจึงจะได้ออกมามีบทบาทในวงการมาเฟียพร้อมกับ ‘อาวุธกล่อง’
     
    เด็กสาวปริศนาจ้องเปลวไฟแห่งวายุเหมือนเห็นผี
     
    “ป—เปลวไฟแห่งชีวิต! ทำไมพวกวองโกเล่ถึงใช้เปลวไฟแห่งชีวิตได้!?”
     
    เธอตกใจได้ไม่นานก็ต้องรีบหลบออกไปจากตรงนั้นเพราะเกิดลำแสงสีแดงพุ่งเข้าใส่เธอโดยตรง และเกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงตรงจุดที่ลำแสงตกกระทบ
     
    เด็กหนุ่มผมเงินยืนอยู่ในยกมือซ้ายเล็งไปด้านหน้า บนต้นแขนปรากฏปลอกแขนเหล็กรูปหัวกะโหลกที่มีเปลวไฟสีแดงลุกโชนอยู่
     
    มันก็คืออาวุธกล่องจากโลกอนาคต [เฟลมแอร์โรว์] ตามที่โกคุเดระ ฮายาโตะผู้เป็นเจ้าของตั้งชื่อให้ สามารถโจมตีได้ตามไฟธาตุที่ใช้และลูกกระสุนที่ใส่ ลูกกระสุนเมื่อครู่คือแบบเบสิคที่สุด ‘ไดนาไมต์’
     
    “แกเป็นใคร! ทำไมถึงหมายหัวพวกเรา!?” ผู้พิทักษ์แห่งวายุเอ่ยด้วยความเดือดดาล
     
    ‘อะไรกัน... เจ้านั่น... ทั้งที่กำลังโมโหอยู่แท้ๆ แต่กลับใช้ [เปลวไฟแห่งโทสะ] ได้?...’
     
    เด็กสาวปริศนาตั้งตัวขึ้นยืนตรงก่อนจะเอ่ยอย่างใจเย็น
     
    “...ดูเหมือนว่าสิบปีที่ผ่านมา โลกภายนอกจะเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ ถ้าอย่างนั้น... ฉันก็จะแสดงผลของสิบปีในคุกมืดให้ดูเหมือนกัน!” เด็กสาวพุ่งเข้าหาเป้าหมายอีกครั้ง
     
    กระสุนสีแดงถูกยิงออกมาอีกครั้ง แต่เธอเบี่ยงตัวหลบได้อย่างไม่ยากเย็นก่อนจะเข้าประชิดตัวอีกฝ่ายและใช้กรงเล็บขย้ำแขนซ้ายข้างที่ติดอาวุธของเด็กหนุ่มผมเงินจนเลือดอาบ
     
    “หนอย! ออกไปนะเฟ้ย!” โกคุเดระเหวี่ยงหมัดขวาที่ว่างเข้าที่ใบหน้าของอีกฝ่าย แต่ยังไม่ทันที่หมัดจะสัมผัสกับเป้าหมาย เรี่ยวแรงของเขาก็ลดฮวบลงจนแทบจะประคองตัวไม่อยู่
     
    “โฮ่~ พอดูใกล้ๆ แล้วก็หน้าตาไม่เลวเหมือนกันนะ~ แถมยังมีไฟชั้นเลิศซะด้วย~”
     
    กรงเล็บสีเลือดลูบผ่านใบหน้าของเด็กหนุ่มผมเงินจนเกิดรอยแผลเลือดไหลซิบๆ ยิ่งกว่านั้นเขายังรู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าพลังชีวิตของเขากำลังหดหายไปเหมือนถูกสูบ และไฟสีแดงที่แหวนของเขาก็ดับไปนานแล้ว
     
    ‘นี่มัน...ไฟของเรา...กำลังหายไป...’
     
    ในที่สุดวายุหนุ่มก็ล้มฟุบลงไปกับพื้น เด็กสาวผู้มีพลังดูดกลืนไฟธาตุหันไปทางผู้พิทักษ์แห่งหมอกวัยเดียวกันที่เพิ่งจะลุกขึ้นมาพร้อมกับสามง่ามในมือ
     
    เด็กสาวปริศนายกกรงเล็บสีเลือดของตัวเองขึ้นดูด้วยความสนใจ
     
    “ไฟนี่มันของดีเลยนะเนี่ย ขอลองใช้กับเธอเป็นคนแรกก็แล้วกัน”
     
    ไฟสีแดงแห่งวายุลุกโชนขึ้นตลอดกรงเล็บทั้งสิบนิ้ว สีและความบริสุทธิ์นั้นถ้าเป็นสหายที่ร่วมรบมาด้วยกันต้องรู้ในทันที
     
    ...มันเป็นไฟธาตุวายุความบริสุทธิ์สูง เจ้าของหนึ่งเดียวในยุคนี้คือเด็กหนุ่มผมเงินที่ล้มฟุบอยู่ตรงนั้นเอง...
     
    --
     
    R:”...รู้สึกมันแปลกๆ ยังไงไม่รู้แฮะ แต่ก็คิดไว้ประมาณนี้ล่ะ”
     
    DX:”ไหนล่ะคู่หลัก? เห็นสลับคู่กันเฉย”
     
    R:”เอาน่า ฉันต้องพาโคลมออกมาบาดเจ็บบ้างซักแผลสองแผลเป็นการปูพื้นสำหรับบทคู่หลักตอนหน้า”
     
    DX:”...ถ้าประธานฯนั่นรู้ว่าแกเป็นตัวการล่ะก็ เจ็บหนักแน่... ว่าแต่เจ้าหนูผมเงินนั่นโชคร้ายจริงๆ เลยนะ เรื่องนี้โดนขโมยไฟนั่นไปสองครั้งแล้ว”
     
    R:”ช่วยไม่ได้ ดันเข้ากับบทพอดี”
     
    M:”คุฟุฟุ~ ศัตรูที่ดูดกลืนไฟได้เหรอครับ น่ากลัวไม่เบา แต่ผมไม่เกี่ยว จะขอดูบนที่นั่งชั้นริงไซด์อย่างสบายใจเฉิบอยู่ตรงนี้ล่ะครับ~”
     
    R:”...แกลืมไปแล้วรึไงว่า ‘นางิที่น่ารักของฮิบาริ’ ก็อยู่ตรงนั้นด้วย”
     
    M:”อ๊ะ! จริงสิ นางิของ—เดี๋ยวก่อนนะครับ นางิของใครนะครับ? แล้วทำไมเล่นมุขซ้อนมุขอีกแล้ว ผมงงนะครับ?”
     
    --
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×