ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Reborn : Fierce Demon & Little Cute Pineapple [1896]

    ลำดับตอนที่ #2 : จุดเริ่มต้นของคนเราคือ "ทารก" (ในหลายๆ ความหมาย)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 852
      11
      8 มิ.ย. 54

    หมายเหตุ* คนเขียนกำลังจะสติแตก ใกล้รักษาฟอร์มจริงจังของเรื่องเอาไว้ไม่ได้แล้ว โปรดระวัง อย่าเข้าใกล้ในรัศมีหนึ่งร้อยเมตร มิฉะนั้นอาจติดเชื้อบั่นทอนไอคิวได้ ประกาศเตือนจากระทรวงศึกษาธิการ พัฒนาเยาวชนไทย ไชโย ไชโย!(DX:รู้สึกไอ้คนประกาศจะติดไปแล้วนะ?)
     
    --
     
    เช้าวันจันทร์อันสดใสที่เหล่าเด็กนักเรียนต่างพากันเดินไปโรงเรียนอย่างสดชื่นแจ่มใส ต่างกับไทยบ้านเราโดยสิ้นเชิง
     
    ที่หน้าประตูโรงเรียนม.ต้นนามิโมริ ฮิบาริ เคียวยะยังคงยืนเฝ้าตรวจตราความเป็นระเบียบสมกับอีกฉายา [เซอร์เบรัส(เคลเบรอส)แห่งนามิโมริ] (DX:ฉายาเยอะจังวุ้ย) อย่างทุกที และวันนี้ก็ยังคงความสงบสุขเอาไว้ ไม่พบผู้ผิดกฎแต่อย่างใด
     
    เด็กหนุ่มกลุ่มสามคนเดินมาด้วยกัน เพิ่งจะอยู่ไกลจากประตูโรงเรียนออกไปประมาณหนึ่งร้อยเมตร
     
    คนแรกเป็นเด็กหนุ่มรูปร่างเล็ก ความสูงน้อยที่สุดในกลุ่ม แต่มีผมสีน้ำตาลอ่อนที่ฟูขึ้นทำให้ดูมีความสูงมากขึ้น ใบหน้าอ่อนวัย ดวงตาโตเป็นประกาย ให้ความรู้สึกอบอุ่นเมื่อได้อยู่ใกล้ สมกับตำแหน่งอย่างลับๆ [บอสรุ่นที่ 10 แห่งแก๊งมาเฟียวองโกเล่แฟมิลี่] เจ้าของ [แหวนวองโกเล่แห่งนภา] [ซาวาดะ สึนะโยชิ]
     
    ที่อยู่ทางด้านขวาก็คือเด็กหนุ่มผมสีเงินยาวระต้นคอ ผู้ที่มักจะเห็นทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ตลอดเวลาที่มีใครมา ‘ล่วงเกินรุ่นที่สิบ’ ซึ่งเขาถือเป็นหน้าที่ของ [ผู้พิทักษ์แห่งวายุ] และ ‘มือขวา’ อย่างเขาต้องจัดการ (R:จึงได้เดินอยู่ด้านขวามือ... เกี่ยวมั้ย?) [โกคุเดระ ฮายาโตะ]
     
    และอีกหนึ่งหนุ่มที่อยู่ด้านซ้าย เด็กหนุ่มร่างสูงผมสั้นสีดำ เป็นสปอร์ตแมนที่ชื่นชอบและมีพรสวรรค์ในกีฬาเบสบอล (และอย่างลับๆ เพลงดาบสังหาร) ผู้มักจะมีสีหน้ายิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้จะดูเหมือนเป็นคนเฉื่อยชา ไม่จริงจัง แต่เมื่อถึงเวลาสำคัญ เขาก็สามารถทำหน้าตาและหน้าที่ได้สมกับเป็น [ผู้พิทักษ์แห่งพิรุณ] ของวองโกเล่ได้อย่างไร้ข้อกังขา [ยามาโมโตะ ทาเคชิ]
     
    เมื่อสามหนุ่มเดินมาถึงประตูโรงเรียน ที่ซึ่งประธานกรรมการคุมกฏยืนนิ่งคอยสอดส่องหาผู้กระทำผิดอยู่นั้น ต่างคนต่างก็มีปฏิกิริยาแตกต่างกันไป
     
    “โย่! ฮิบาริ ดูสบายดีเหมือนเดิมเลยนะ!” เสียงทักทายอย่างสดใสนี้ไม่ต้องคิดก็รู้ว่ามาจากสปอร์ตแมนผู้ถูกเรียกว่า [ไอ้บ้าเบสบอล] และ [ไอ้ปลายิ้ม] ของเรานั่นเอง
     
    “ชิ!” เสียงสบถและคิ้วที่ขมวดเข้าหากันย่อมเป็นของมือขวาผู้อารมณ์ร้อนของเราเช่นกัน
     
    ส่วนบอสมาเฟียจำเป็นได้แต่จ้องเด็กหนุ่มผมดำผู้เป็น [ผู้พิทักษ์แห่งเมฆา] ของตัวเองอย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่แล้วความเป็นห่วงอันเป็นธรรมชาติของวองโกเล่หนุ่มก็ผลิตคำพูดออกมาเอง
     
    “คุณฮิบาริ อาการบาดเจ็บ?...” สึนะถามด้วยแววตาเป็นห่วงอย่างแท้จริง แววตาแบบที่คนปกติที่ไหนเห็นก็ต้องใจอ่อน ...เสียแต่ว่าประธานกรรมการรักษาระเบียบคนนี้ห่างไกลจากคำว่าปกตินัก
     
    “แผลจิ๊บจ๊อยพวกนั้นไม่ทำให้ฉันรู้สึกอะไรหรอก เพราะฉันต่างจากพวกนาย” โดยแผลจิ๊บจ๊อย เด็กหนุ่มผมดำพูดถึงแผลตกค้างที่ได้จากศึกกับมิลฟีโอเล่ในโลกอนาคตสิบปีข้างหน้า
     
    “ถ้ายังสุมหัวกันต่อหน้าฉันอยู่อีกก็เตรียมตัวถูกลงโทษได้เลย” ฮิบาริหรี่ตาลงเป็นเชิงขู่พร้อมกับปล่อยรังสีอำมหิตจนคนรอบข้างเริ่มถอยห่างออกไปไกลยิ่งขึ้น
     
    ส่วนสามหนุ่มซึ่งเป็นเป้าสายตาโดยตรงนั้น สึนะผงะถอยไปก้าวหนึ่งด้วยความหวาดผวา โกคุเดระหงุดหงิดยิ่งขึ้น และทำท่าว่าจะก่อศึกภายใน(แฟมิลี่)อยู่ทุกวินาที ถ้าไม่ได้ยามาโมโตะที่หัวเราะร่าเข้ามาห้าม และดึงให้เพื่อนทั้งสองตามเข้าไปด้านในโรงเรียนเพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บที่ไม่จำเป็น
     
    ฮิบาริเหลือบมองตามหลังคนทั้งสามที่เรียกได้ว่าใกล้เคียงคำว่าเพื่อนมากที่สุดของเขา แต่คนเรียกไม่ใช่เขาหรอก คนเขียนนี่แหละ
     
    ‘สัตว์กินพืชก็ยังเป็นสัตว์กินพืชอยู่วันยังค่ำ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง’
     
    ความเห็นที่เปลี่ยนไปซึ่งเขามีต่อทั้งสามคนในเวลาที่สู้ร่วมกันในโลกอนาคต -โดยเฉพาะยามาโมโตะ ทาเคชิ- แทบจะกลับคืนสภาพเดิม เว้นแต่ว่าเขาเริ่มจะยอมรับสิ่งที่เรียกว่า ‘แฟมิลี่’ นี้ขึ้นมาทีละน้อย โดยที่เขาไม่รู้ตัว
     
    --
     
    พักกลางวัน เวลาทีเปรียบเสมือนวันหยุดสุดสัปดาห์ของขุมนรกสำหรับเหล่านักเรียนไทย ก็ไม่ต่างกันเท่าไรสำหรับสามหนุ่มวองโกเล่ และสถานที่เดิมที่พวกเขาใช้ชุมนุมอาหารกลางวันกันก็คือที่เดิมบนดาดฟ้า พ่วงด้วยเด็กสาวผู้เจิดจ้าอย่าง [ซาซางาวะ เคียวโกะ] ผู้ที่วองโกเล่เดซิโมเเอบ(?)ชอบ และเพื่อนสาวผมยาวสีดำของเธอ [คุโรคาว่า ฮานะ] 
     
    และคนสุดท้ายที่จะขาดไม่ได้ ผู้ที่มักจะปรากฏตัวในช่วงเวลาอย่างนี้ ผู้ที่คอยติดตามบอสวองโกเล่หนุ่มเพื่อจะได้โผล่ในสถานการณ์ที่เข้าท้าเข้าท่าที่สุด นักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งโลกมาเฟีย หนึ่งในเจ็ดทารกสุดแกร่ง [อัลโกบาเลโน่แห่งอรุณ] และครูสอนพิเศษวิชามาเฟียศาสตร์(?)ให้กับบอสวองโกเล่ผู้ทรงเกียรติก็คือ [รีบอร์น]
     
    “เฮ้ย! นายมาที่โรงเรียนทำไมเนี่ย!” สีนะทำท่าตกใจอย่างที่เห็นกันเป็นปกติในการ์ตูน ถึงแม้ว่าหมู่นี้จะเริ่มน้อยลงแล้ว เนื่องด้วยการเติบโต แต่ก็จำเป็นจะต้องมี เพราะมันเป็นเอกลักษณ์ที่เขามีร่วมกับ ‘รุ่นพี่’ ผมทองที่อิตาลี ในฐานะ ‘ศิษย์ร่วมอาจารย์’
     
    “หวัดดีเจ้าหนู!” “สวัสดีครับคุณรีบอร์น!” “สวัสดีจ้ะ รีบอร์นคุง” “เด็กบ้านซาวาดะมาทำอะไรที่นี่น่ะ?” ดูจากลักษณะคำโต้ตอบก็รู้ได้ว่าของใครเป็นของใคร
     
    “ดีจ้า!” คำทักทายอันโด่งดังของอัลโกบาเลโน่แห่งอรุณซึ่งทุกคนจำกันติดหู
     
    “มาดีจงดีจ้าอะไรของนายหา! ที่มาเนี่ยมีธุระอะไร =[ ]=!?”
     
    “เจ้าห่วยสึนะ เดี๋ยวนี้รู้จักถามเข้าประเด็น นับว่าพัฒนาขึ้น แต่—“
     
    กริ๊ก!
     
    ทารกชุดดำยกปืนสีเขียวที่เปลี่ยนมาจากกิ้งก่า [เลออน] บนปีกหมวกตัวเองขึ้นจ่อลูกศิษย์ตัวเองอย่างที่ทำบ่อยๆ
     
    “—ถามฉันด้วยน้ำเสียงแบบนี้กล้าไม่เบานี่ น่าเป่าขมองเอาไปสตัฟฟ์ดูเป็นระลึก” ทารกชุดดำเอ่ยโดยสีหน้าไม่เปลี่ยน
     
    “เหวอ!!~” คราวนี้วองโกเล่หนุ่มถอยกรูดไปไกลท่ามกลางเสียงหัวเราะของนักดาบหนุ่มแห่งวองโกเล่และเด็กสาวผู้ซึ่งหนุ่มน้อยแอบชอบ(แอบ?)
     
    รีบอร์นลดปืนลงก่อนจะเริ่มเอ่ยเข้าประเด็น
     
    “ไม่ใช่เรื่องสำคัญขนาดต้องประชุมคนทั้งแฟมิลี่ แต่ก็ต้องให้บอสอย่างนายรู้เอาไว้ ในฐานะที่จะต้องขึ้นปกครองวองโกเล่ในอีกไม่กี่เดือน”
     
    “เอ๋!?~ อีกไม่กี่เดือน ม—ม—หมายความว่ายังไง!?!” สึนะตกใจจนพูดติดขัด และก็ได้ฝ่าเท้าที่หน้าผากตอบกลับจนล้มหงายหลังลงไปกับพื้น
     
    “อย่าสอดปากในขณะที่ฉันกำลังพูด และอย่าเบี่ยงประเด็น” ทารกชุดดำเอ่ยเสียงเหี้ยมผิดกับรูปลักษณ์ภายนอกโดยสิ้นเชิง
     
    “เพราะในอนาคต ยังไงนายและผู้พิทักษ์ทั้งหกก็ต้องขึ้นปกครองแฟมิลี่(มัดมือชกเลย ห้ามปฏิเสธ) เพื่อไม่ให้ตกเป็นขี้ปากของคนในวงการเค้า อย่างน้อยๆ พวกนายทุกคนควรจะจบการศึกษาขั้นต้นได้อย่างที่คนธรรมดาเขาทำกัน” รีบอร์นเอ่ยอย่างเป็นการเป็นงาน ทำเอาทุกคนสงสัยกันทั่วหน้า โดยเฉพาะเด็กสาวผมดำที่ไม่ได้รู้อะไรกับเขาแต่แรกอยู่แล้ว
     
    “ถ้าเป็นเรื่องเคี่ยวคะแนนฉันล่ะก็ไม่เอานะ! ยังไงฉันก็เอาตัวรอดขึ้นมาจนถึงม.2ได้!” สึนะเอ่ยดักไว้ก่อน
     
    “ไอ้เรื่องนั้นก็จำเป็น...” รีบอร์นจ้องลูกศิษย์จอมห่วยเขม็ง “แต่ฉันหมายถึงคนอื่นตะหาก”
     
    “คนอื่น?” วองโกเล่หนุ่มเริ่มทำการประมวลผลในสมอง -สิ่งที่เขาไม่ค่อยถนัดเท่าไร-
     
    ‘คงไม่ใช่โกคุเดระคุงแน่ เพราะโกคุเดระคุงเรียนเก่ง’ ตัดออกไปได้หนึ่งคน
     
    ‘ยามาโมโตะก็... ไม่ได้แย่ไปกว่าเราหรอก แถมยังมีดีกรีนักกีฬา(และนักดาบ)พ่วงอยู่แล้วด้วย’
     
    ‘แรมโบ้... ไม่ล่ะ ไม่น่าจะเกี่ยว อย่างรีบอร์นไม่มีทางให้ความสนใจแรมโบ้ขนาดนั้นแน่ แถมแรมโบ้ก็เพิ่งห้าขวบ โรงเรียนประถมยังไม่ทันเข้าเลย’ สึนะตัดความคิดนี้ออกไปแทบจะในทันที
     
    ‘คุณพี่ก็อยู่ปีสามแล้ว คงไม่...หรอกมั้ง? ถ้าใช่รีบอร์นก็คงไปพูดด้วยตัวเองอยู่แล้ว’ ความคิดนี้แสดงให้เห็นถึงมันสมองที่พัฒนาขึ้นมาบ้างแล้วของอดีตจอมห่วยสึนะ
     
    ‘คุณฮิบาริ... รายนั้นไม่มีทางไม่จบ จนป่านนี้ยังไม่รู้เลยว่าเขาเส้นใหญ่มาจากไหน =_=;’
     
    “งั้นก็เหลือแต่...มุคุโร่?” สึนะเอ่ยความคิดตัวเองออกมาอย่างชัดเจน และก็ได้รางวัลเป็นฝ่าเท้าจากอาจารย์ผู้เคารพรักเข้าไปเต็มดอกที่สอง
     
    “เจ้านั่นเป็นอาชญากรในหมู่มาเฟียนะเฟ้ย แบบนั้นไม่ว่าจะเรียนจบไม่จบก็ต้องโดนโห่อยู่แล้ว”
     
    “จ—จริงสินะ โคลม!” สึนะนึกถึงชื่อที่ควรจะนึกถึงตั้งแต่แรก แต่ล่าช้าเพราะคนเขียนป่วน
     
    “ถูกต้อง นายคิดว่าคนจะว่ากันยังไงถ้าหากผู้พิทักษ์ของวองโกเล่รุ่นที่สิบผู้เกรียงไกรเป็นแค่เด็กผู้หญิงยังไม่ทันพ้นวัยรุ่นที่ไม่มีแม้แต่อวัยวะภายในจะเอาตัวรอด ท่าทางบอบบางแบบสุดๆ แถมยังไม่ได้รับแม้กระทั่งการศึกษาขั้นพื้นฐาน ”
     
    “สองอย่างแรกเนี่ยมันแก้กันได้ด้วยเหรอ =_=;”
     
    ผลัก! (เข้าที่หน้าอีกครั้ง)
     
    “ห้ามเถียง บอกให้ทำอะไรก็ทำไปเถอะน่า!” ทารกชุดดำออกคำสั่งเด็ดขาด
     
    “จะให้ทำยังไงเล่า!?” สึนะยังไม่วายเถียงกลับ
     
    “ก็ทำแบบที่ฟิคอื่นหลายๆ เรื่องทำกันไง ให้โคลมเข้าเรียนที่นามิโมริ” ทารกชุดดำพูดเหมือนกับมันเป็นเรื่องธรรมดาอย่าง ‘ไปเตะบอลกันมั้ย?’ ...ไม่ล่ะ คิดอีกที ทารกชวนไปเตะบอลคงไม่ปกติเท่าไร
     
    “หา!? นายจะ— เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนซิ โคลมเรียนที่โกคุโยอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ!?” วองโกเล่หนุ่มนึกขึ้นได้
     
    “ใครจะส่งเสียโคลมเรียนกันฟะ แค่ใส่ชุดนักเรียนตามที่มุคุโร่สั่งเท่านั้นหรอกเฟ้ย” ทารกชุดดำตอบไม่ใส่ใจคำบ่นของสึนะ ทั้งยังหันไปทางกลุ่มเพื่อนที่นั่งอยู่ใกล้เป็นเชิงขอความเห็น
     
    “มีเพื่อนเพิ่มก็ดีน่ะสิ ฮะๆๆ!” ยามาโมโตะหัวเราะร่าเหมือนอย่างทุกที
     
    “ก็ดีนะจ๊ะ โคลมจังจะได้สนิทกับพวกเรามากขึ้นด้วย” เคียวโกะเอ่ยด้วยรอยยิ้มตามแบบฉบับของเธอ
     
    “ฟังดูแล้วเหมือนจะเป็นเด็กผู้หญิงสินะ ถ้าอย่างนั้นก็ควรจะมาเข้าสังคมที่โรงเรียน จะได้ทำอะไรๆ กับผู้หญิงด้วยกัน” คุโรคาว่า ฮานะเอ่ยสนับสนุนหลังจากสามารถทำความเข้าใจได้รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
     
    ผมขอค้านครับ!!!
     
    โกคุเดระตะโกนเสียงดังลั่น
     
    “ยัยนั่นเป็นร่างทรงของเจ้ามุคุโร่! ให้มาอยู่ใกล้รุ่นที่สิบมันเสี่ยงมากนะครับ—แอ๊ก!”
     
    “โกคุเดระคุง!” เด็กหนุ่มผมเงินพูดไม่ทันจบประโยคก็โดนไดนาไมต์จิ๋วเลออนระเบิดเข้าที่หน้าจนสลบเหมือดคาที่
     
    “หนวกหูเฟ้ย ก็บอกว่าห้ามเถียง”(R:แล้วจะถามความเห็นหาอะไร?) ทารกชุดดำเอ่ยเสียงเฉียบก่อนที่จะหันมาพูดกับวองโกเล่หนุ่มต่อ
     
    “ยังไงการดูแลความเป็นอยู่ของคนในแฟมิลี่ก็ถือเป็นหน้าที่สำคัญในฐานะบอส”
     
    “ล—แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ! ถึงจะหักเงินค่าขนมฉันไปก็ไม่พอจ่ายค่าเรียนให้โคลมหรอกนะ!” สึนะเถียง ถึงแม้จะถลำตัวเข้าไปกว่าครึ่งด้วยความเป็นห่วงในตัวเด็กสาวแล้วก็ตาม
     
    “นายลืมไปแล้วรึไงว่าเรามีคนที่คุมโรงเรียนนี้เป็นพวก” รีบอร์นแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์
     
    “นี่นาย...อย่าบอกนะว่า...!” วองโกเล่หนุ่มภาวนาขอให้ความคิดของเขาผิด
     
    “ฉลาดเหมือนกันนี่ เรื่องแบบนี้ต้องให้ฮิบาริจัดการ และนายก็ต้องเป็นคนไปพูดด้วย” รีบอร์นจัดแจงโยนภาระให้เสร็จสรรพ
     
    “อี๋!!~ พูดเป็นเล่นไป! โคลมเกี่ยวข้องกับมุคุโร่ กับคุณฮิบาริน่ะมีหวังถูกขย้ำตายก่อนแหงเลย!!” วิญญาณป๊อดเข้าสิงวองโกเล่หนุ่มอีกครั้ง
     
    “อย่าโอดครวญ ทำตัวให้สมกับเป็นบอสแล้วก็รีบไปซะ ฮิบาริอยู่ตรงประตูนั่นแล้ว”
     
    สึนะมองตามทิศที่นิ้วเล็กกระจิ๊ดชี้ก็พบว่าเด็กหนุ่มผมสีดำชูทอนฟาเงาวับ ดวงตาฉายแววหงุดหงิดบ่งว่าจะเข้าไปลุยเดี๋ยวนี้แล้ว
     
    “ไม่จริงน่า =[ ]=!!” วองโกเล่หนุ่มร้องด้วยความหวาดกลัว
     
    “กล้าสุมหัวในที่ของฉัน พวกนายทั้งหมดจะต้องกลายเป็นศพอยู่ที่นี่”
     
    เมฆาหนุ่มไม่รอท่า พุ่งเข้ามากวัดแกว่งทอนฟาอย่างบ้าคลั่ง ทำเอาแตกฮือกันไปคนละทิศคนละทาง สึนะที่ตกเป็นเป้าแรกถูกฟาดไปก็มองหาทารกชุดดำ ซึ่งเขาก็พบว่าหายจ้อยไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
     
    ‘เจ้ารีบอร์นนนนนน~!!!’
     
    --
     
    R:”โฮ่ๆ... เสียวแต่ต้องหัวเราะไว้ก่อน เผื่อจะได้คะแนนจากผู้อ่านเพิ่ม(?)”
     
    DX:”ห่วยจริงๆ ฉายา [จอมห่วย] คงต้องยกให้แกซะล่ะมั้ง”
     
    R:”มันไม่ขนาดนั้นหรอกเฟ้ย(มั้ง?)”
     
    K.Hibari:”สุมหัวกันอีกกลุ่มแล้ว...”
     
    R:” Teleport!! เทเลพอร์ต!! หนีลูกเดียว!!!”
     
    DX:’ยังงี้จะไม่เรียกจอมห่วยได้ยังไง้?’
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×