คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 7: เจ้าชายแห่งประเทศสีขาว
ในเมืองท่าลา โรแชลล์ยามค่ำคืน คนสี่คนกำลังวิ่งขึ้นบันไดที่ทอดสูงขึ้นไปสู่ท่าเรือเหาะ
เมื่อมาถึงยอดเนินเขา ทั้งสี่ก็มองเห็นซากต้นไม้ยักษ์ขนาดเท่ากับภูเขาลูกเล็กๆ ลูกหนึ่ง กิ่งก้านสาขาแผ่ออกไปทุกทิศทาง และที่ระหว่างสองกิ่งที่ใหญ่เทอะทะของมันคือเรือเหาะลำใหญ่
“นั่นน่ะเหรอ เรือเหาะ?...” ไซโตะเอ่ยด้วยความทึ่ง อีกสามคนเคยเห็นมาแล้วจึงไม่แสดงอาการอะไร
ทั้งสี่วิ่งตรงไปที่รากของต้นไม้ซึ่งถูกเจาะเอาไว้เป็นโพรงใช้เป็นล็อบบี้ ข้างๆ เป็นบันไดไม้กว้างประมาณคนสิบคนทอดสูงขึ้นไปสลับกับลานกว้างเป็นชั้นๆ แต่ละชั้นเจาะต้นไม้เป็นห้องและมีป้ายเหล็กที่สลักตัวหนังสือเอาไว้บอกว่าเป็น<ห้องเก็บอะไหล่> <ห้องเก็บเชื้อเพลิง> อะไรทำนองนั้น ทั้งบันไดและลานกว้างรองรับด้วยนั่งร้านทำจากเหล็ก แข็งแรง แต่ก็น่าหวาดเสียวอยู่ดี
ทั้งสี่วิ่งขึ้นมาถึงชั้นลานกว้างก่อนจะถึงยอด เงาหนึ่งร่อนลงข้างหลังหลุยส์ เป็นชายสวมหน้ากากสีขาว
“หลุยส์!” ไซโตะดึงดาบออกมา แต่หลุยส์ถูกล็อกคอไว้ ถ้าเขาฟันไปตอนนี้อาจจะโดนหลุยส์ด้วย
วาลด์ขยับคทา แรงอัดอากาศซัดชายปริศนากระเด็นไปเหมือนกับที่ไซโตะเคยโดน หลุยส์หลุดจากการเกาะกุม และหล่นลงด้านนอกแท่นยืน วาลด์กระโดดออกไปอย่างไม่ลังเล รับตัวหลุยส์เอาไว้และลอยค้างอยู่ในอากาศ
ชายสวมหน้ากากพลิกตัวร่อนลงยืนได้ และหันมาเผชิญหน้ากับไซโตะและเอ็กซ์ ชายคนนี้ขนาดรูปร่างใกล้เคียงกับวาลด์ หมายความว่าค่อนข้างแข็งแรง และมีคทาสีดำ
ไซโตะตั้งการ์ด ประสบการณ์จากการประลองกับวาลด์ทำให้เขารู้ว่าการแกว่งดาบเข้าไปเฉยๆ เป็นการกระทำที่อันตราย
ชายปริศนาแกว่งคทา อากาศรอบตัวของเอ็กซ์และไซโตะเย็นลง เอ็กซ์รู้สึกตัวในวินาทีสุดท้าย เขาพาตัวเองและไซโตะหนีออกมา พอดีกับที่สายฟ้าจากชายสวมหน้ากากก็พุ่งผ่านอากาศไปยังจุดที่ทั้งสองเคยยืนอยู่
“นั่นมัน<ไลท์นิ่งคลาวด์>นี่นา!” เดอร์ฟลิงเกอร์รู้จักชื่อคาถาจากประสบการณ์ที่ยาวนาน
เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาตัดสินใจลงมือ วิ่งตรงเข้าไปหาชายสวมหน้ากาก โดยปกติแล้วการเข้าปะทะตรงๆ กับผู้ใช้เวทมนตร์จากระยะห่างเป็นการกระทำอันไม่สมควร แต่ตอนนี้ความเร็วเป็นสิ่งจำเป็น ตัวเองเขาปกป้องได้ แต่ไซโตะอาจไม่ปลอดภัย
สายฟ้ายิงสวนมาด้วยความเร็วของแสงอีกหลายสาย ทว่ามันกลับกระจายออกก่อนจะได้แตะตัวของเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทา ราวกับปะทะเข้ากับกำแพงที่มองไม่เห็น ชายสวมหน้ากากตกใจ เอ็กซ์เห็นเป็นจังหวะก็ตวัดขาเตะกลางลำตัวของชายสวมหน้ากากจนกระเด็นตกแท่นยืนไป
วาลด์แล่นลงบนแท่นยืนและวางหลุยส์ลง เธอวิ่งเข้ามาหาเด็กหนุ่มทั้งสองคน
“ไซโตะ เป็นอะไรรึเปล่า?”
“ช่างฉันเถอะ” ไซโตะหันหน้าหนี เมื่อกี้นี้มีเขาคนเดียวที่ไร้ประโยชน์ เขาทนให้หลุยส์มองไม่ได้
...
ที่ปลายสุดบันได ชั้นสูงสุดของท่าเรือบนต้นไม้ เรือลำใหญ่จอดอยู่ มีทั้งเชือกและผ้าใบระโยงระยาง ปีกคู่ใหญ่หนึ่งคู่ทำด้วยไม้และผ้าใบหุบเก็บอยู่ที่ข้างตัวเรือ อาจจะเรียกว่า<สำเภาเวหา>ให้ความหมายตรงตามรูปร่างและการแล่น ผูกติดอยู่กับกิ่งไม้ยักษ์ด้วยเชือกเส้นใหญ่จำนวนหลายสิบเส้น ไม่ให้ร่วงหล่นลงไปขณะที่ไม่ได้เดินเครื่อง
วาลด์บอกให้ทั้งสามคนยืนรอขณะที่ตัวเองออกไปจัดการเรื่องเรือ
“ไซโตะ อย่าทำงอนไปหน่อยเลยน่า!” หลุยส์พูดเสียงดุ แต่เด็กหนุ่มเงียบไม่ตอบ
เอ็กซ์ถอนหายใจ เขารู้สึกกลุ้มใจแทนไซโตะ แต่ปัญหานี้มันเกิดจากหลายสาเหตุ จะแก้ต้องใช้ความร่วมมือจากหลายฝ่าย แล้วในขณะนี้ก็กำลังอยู่ระหว่างภารกิจสำคัญเสียด้วย
“ว่าไปแล้ว เรือน่าจะยังออกไม่ได้จนกว่าดวงจันทร์จะซ้อนทับกันสนิทนะ เพราะศิลาลมมันจะไม่พอ” เอ็กซ์ฉุกคิดขึ้นมาได้
“ศิลาลม?” ไซโตะหันมามองเขาด้วยใบหน้าฉงน
“เรือมันคงไม่ได้เหาะได้เองใช่มั้ย? ที่มันเหาะได้ก็เพราะพลังเวทมนตร์ธาตุลมที่อยู่ในศิลาลม หลักการเดียวกันนี้ก็ใช้กับเกาะของอัลเบี้ยน ใต้พื้นดินเป็นศิลาลมจำนวนมหาศาลมันถึงได้ลอยอยู่ได้ แต่พลังของมันก็มีวันหมด โดยปกติแล้วเรือจะใช้ศิลาลมแค่เพียงพอจะบินไปที่อัลเบี้ยนเมื่อมันเข้ามาใกล้ลา โรแชลล์ที่สุดเท่านั้นน่ะ”
ไซโตะ ‘อ๋อ~’ รู้สึกทึ่งกับความรู้ของนักเดินทางหนุ่ม การเดินทางทำให้คนเรามีความรู้รอบโลกมากจริงๆ
วาลด์กลับมา แจ้งข่าวเรื่องการออกเดินทาง
“ศิลาลมที่ขาดไปนิดหน่อย ฉันจะใช้พลังของฉันทดแทนเอง ขึ้นเรือได้เลย”
ทั้งสามพยักหน้า และตามขึ้นเรือไป
เชือกที่พันธนาการเรือกับกิ่งไม้ถูกแก้ออกจนหมด เรือเคลื่อนออกจากท่า ปีกที่หุบอยู่กางออก บินขึ้นไปบนท้องฟ้า
ทั้งสี่ยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ วาลด์เล่าสถานการณ์เท่าที่ได้ฟังจากกัปตัน
“ฝ่ายราชวงศ์ของอัลเบี้ยนตอนนี้ถูกล้อมไว้ที่ปราสาทนิวคาสเซิ่ลบนเขาและกำลังต้านการโจมตีจากกบฏอย่างยากลำบาก”
“แล้วองค์ชายเวลส์ล่ะคะ?” หลุยส์มีสีหน้ากังวล
“น่าจะยังมีชีวิตอยู่”
“เดี๋ยวก่อนสิครับ ไม่ใช่ว่าท่าเรือถูกคณะปฏิวัติยึดไปแล้วเหรอครับ?” เอ็กซ์นึกขึ้นได้ ชนชั้นสูงจากต่างชาติต้องถูกตรวจหนักแน่
“เราก็ต้องฝ่าไป จากสคาเบอโรว์ไปที่นิวคาสเซิ่ลใช้เวลาหนึ่งวันด้วยม้า ถ้าไปตอนกลางคืนคงจะพอหลบไปได้” วาลด์บอกแผนการ ก่อนจะยกมือขึ้นเป่าเสียงเหมือนนกหวีด กริฟฟินบินตามขึ้นมาบนเรือ ทำให้กะลาสีบางคนตกใจ
“ให้กริฟฟินของฉันไปด้วยมันอุ่นใจกว่าน่ะ” วาลด์พูดยิ้มๆ
...
เอ็กซ์ตื่นขึ้นจากเสียงเอะอะของกะลาสี เช้าแล้ว เขาลุกขึ้นจากเสากระโดงเรือที่ใช้พิงนอน มองดูไซโตะและหลุยส์นอนหลับอยู่ข้างกัน วาลด์ไม่อยู่ คงจะกำลังส่งพลังงานให้เรือทดแทนศิลาลม เขาเดินไปที่กราบเรือ มองลงไปด้านล่างเห็นเมฆขาวเหมือนเกลียวคลื่นในมหาสมุทร
“เห็นอัลเบี้ยนแล้ว!”
เขามองตามเสียงของกะลาสี เรือกำลังมุ่งหน้าไปที่เกาะลอยฟ้า ภูเขาและแม่น้ำบนแผ่นดินผืนใหญ่ท่ามกลางเมฆหมอกและฟ้าคราม
(Credit: baka-tsuki.org)
เขามาถึงแล้ว <ประเทศสีขาว>อัลเบี้ยน ที่มาของฉายาก็คือแม่น้ำที่ไหลลงจากปลายเกาะกลายเป็นหมอกสีขาวปกคลุมด้านล่าง
‘ได้กลับมาอีกจนได้ อัลเบี้ยน’ เขาเพิ่งจะเดินทางจากอัลเบี้ยนไปที่ทริสเทนเมื่อสองอาทิตย์ก่อนนี่เอง
“มีเรือเข้ามาจากทางกราบขวา!” เสียงกะลาสีตะโกน เอ็กซ์หันไปมอง พบกับเรือลำใหญ่ ใหญ่กว่าเรือลำที่เขาอยู่
“มีปืนใหญ่ด้วย...ท่าทางจะไม่ใช่เรือธรรมดา” เอ็กซ์พึมพำ
ตูม!
เสียงปืนใหญ่ดังสนั่น แต่ไม่ได้เล็งมาที่เรือ เป็นเพียงแค่การยิงขู่ คนบนเรือลำใหญ่สีดำส่งสัญญาณไฟสี่สี
“พวกนั้นบอกให้เราหยุด?” กะลาสีคนหนึ่งเอ่ยพึมพำ
ไซโตะและหลุยส์ตื่นขึ้นจากเสียงปืนใหญ่ ทั้งสองไม่คาดคิดว่าจะลืมตาขึ้นมาพบกับธนูและปืนยาวนับสิบเล็งมายังเรือที่ตัวเองอยู่ วาลด์วิ่งออกมากับกัปตันเรือ แต่เขาเสียพลังเวทไปกับการทดแทนศิลาลมจนเกือบเกลี้ยงแล้ว
“พวกเราคือโจรสลัด! อย่าขัดขืน!” ชายบนเรือสีดำตะโกนผ่านเขาสัตว์
‘โจรสลัด...’ เอ็กซ์หรี่ตาลง
...
กัปตันโจรสลัดก้าวขึ้นมาบนเรือ การแต่งตัวดูหรูหรากว่าโจรสลัดคนอื่นๆ สวมเสื้อที่ดูเหมือนว่าจะเคยเป็นสีขาว แต่ดำลงจากคราบเหงื่อไคลสะสม ร่องเสื้อที่หน้าอกเผยแผงกล้ามเนื้อแสดงถึงความแข็งแรง สวมผ้าปิดตาข้างซ้าย ถามหากัปตันเรือ
“เรือลำนี้ชื่ออะไร?”
“[มารี แกล็อง] ของทริสเทน บรรทุกกำมะถัน”
“กำมะถัน...งั้นเราจะซื้อเอง แลกกับชีวิตของพวกเจ้าทุกคน!” กัปตันโจรสลัดหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะหันมาทางหลุยส์และวาลด์ที่เพิ่งจะมาถึง
“โฮ่ มีแขกเป็นชนชั้นสูงด้วยแฮะ ยัยหนูสนใจจะเป็นคนล้างจานของเรามั้ย?” กัปตันโจรสลัดหัวเราะเย้ยหยัน
เห็นหลุยส์โดนดูถูก มือของไซโตะเลื่อนไปที่ด้ามดาบ แต่ถูกวาลด์หยุดไว้
“ศัตรูมีทั้งธนูทั้งปืนใหญ่ ถ้าก่อเรื่องพวกเราทุกคนได้เป็นรูพรุนกันหมด”
ไซโตะชะงัก
“ความปลอดภัยของหลุยส์ต้องมาก่อนอารมณ์ส่วนตัว เข้าใจรึเปล่า อสูรรับใช้?”
ไซโตะกัดฟันกรอด เจ็บใจที่ทำอะไรไม่ได้ เจ็บใจที่ต้องให้คู่หมั้นของคนที่ชอบมาสอน
‘ฉันมันไร้ค่า สู้เจ้าหมอนี่ไม่ได้เลย หลุยส์...แต่งงานกับหมอนี่ไปก็สมควรแล้ว...’
...
ค่าไถ่ตัวชนชั้นสูงนั้นราคาดีเสมอ ทั้งสี่ถูกจับขังในห้องแคบบนเรือโจรสลัด เพราะทั้งสี่ถูกปลดดาบและคทาไปแล้ว มือและเท้าจึงไม่ต้องมัด ซึ่งก็เป็นความจริงที่จอมเวททำอะไรไม่ได้เมื่อปราศจากคทา นักดาบก็ทำอะไรไม่ได้เมื่อปราศจากดาบ ส่วนนักเดินทาง...เขาก็คงไร้พิษสงล่ะมั้ง?
ด้านหลังห้องเป็นถังไวน์ กระสอบอาหารแห้งกองทับกันอยู่ ถังดินปืนวางกระจัดกระจาย ลูกปืนใหญ่สีดำเมี่ยมสุมกันอยู่ที่มุมห้อง
ทั้งสี่นั่งรวมกันเหมือนคนไร้สมรรถภาพ...อาจจะเปรียบเทียบผิดไปหน่อย แต่เอาเป็นว่าไม่มีใครทำอะไรได้ในสถานการณ์นี้ก็แล้วกัน
ประตูเปิดออก ชายร่วงอ้วนเข้ามาในห้องพร้อมกับซุปหนึ่งชาม
“ให้กินได้ แต่ต้องตอบคำถามซักสองสามข้อก่อน”
เริ่มการสอบสวน...เนื้อหาไม่มีอะไรน่าสนใจ แค่ถามว่ามาทำอะไร แล้วหลุยส์ก็ไม่ยอมตอบ(แหงล่ะ) ชายร่างอ้วนกลับออกไป ทิ้งชามซุปจืดชืดไว้ หลุยส์ปฏิเสธไม่กินเด็ดขาด แต่วาลด์บอกว่าจำเป็นต้องเอาแรงก่อน คนสามคนจึงดื่มซุปจากถ้วยเดียวกัน ปกติแล้วไม่มีทางมีเรื่องแบบนี้เด็ดขาด ตอนนี้เป็นเหตุจำเป็น
ตลอดเวลาเอ็กซ์เอาแต่นั่งนิ่ง เขาไม่ขยับตัว ปฏิเสธซุปด้วยการบอกว่า ‘ผมกินน้อย จำเป็นกับพวกคุณมากกว่า’ เขากำลังคิดถึงเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดนี้
‘โจรสลัดมาทำอะไรแถวนี้? ทั้งที่อัลเบี้ยนกำลังเกิดสงครามภายใน ทำไมโจรสลัดถึงจะมาดักรอเรือจากทริสเทนไปอัลเบี้ยน ตามปกติแล้วต้องคิดว่าเรือที่จะมาอาณาจักรที่กำลังเกิดสงครามต้องมีคนน้อยไม่คุ้มปล้นไม่ใช่รึไง?’
เขาแน่ใจว่าโจรสลัดนี้ต้องมีความลับซ่อนอยู่
ประตูเปิดออกอีกครั้ง คราวนี้เป็นโจรสลัดรูปร่างผอม
บทสนทนาเป็นไปในแบบเดิม แต่คราวนี้ได้เรื่องเพิ่ม โจรสลัดกลุ่มนี้มีความสัมพันธ์กับ<คณะชนชั้นสูงอัลเบี้ยน>
หลุยส์ถึงกับเดือดที่ได้รู้ว่าโจรสลัดมีเอี่ยวกับคณะปฏิวัติ
‘ถ้าเป็นอย่างนั้นก็อาจจะสมเหตุสมผล แต่ว่า...จะใช่จริงๆ น่ะเหรอ?’ เอ็กซ์ยังไม่ปักใจเชื่อ
จุดยืนของทั้งสี่คนเป็นที่ชัดแจ้งจากการระเบิดอารมณ์ของหลุยส์ โจรสลัดร่างผอมหันไปทางนักเดินทางหนุ่มผมสีบรอนซ์เทา และบอกให้เขาตามไปพบกัปตัน แค่คนเดียว
เอ็กซ์มีอาการสับสนเล็กน้อย แต่ก็ลุกขึ้นแต่โดยดี เหลียวหลังมองอีกสามคนที่มีสีหน้ากังวล ก่อนจะออกจากห้องไป
เวลาผ่านไปนานพอสมควร หลุยส์เริ่มกระสับกระส่าย ลุกขึ้นไปส่องหน้าต่างกลมที่ประตูเป็นระยะ
“ทำไมต้องเรียกหมอนั่นไปด้วยนะ?” ไซโตะพึมพำกับตัวเอง วาลด์ได้ยินจึงออกความเห็น
“ไม่แน่ว่า...ชายที่เรียกตัวเองว่าเป็น<นักเดินทาง>นั้นที่จริงอาจเป็นสายของคณะปฏิวัติก็เป็นได้”
หลุยส์หันขวับมา เช่นเดียวกับไซโตะที่มองวาลด์ตาโต
“ไม่ใช่มั้ง? ที่ได้พบกับหมอนั่นก็เป็นเรื่องบังเอิญนี่” ไซโตะไม่อยากเชื่อ เขาเป็นคนเดียวที่รู้เบื้องหลังของนักเดินทางหนุ่ม คนที่มาจากอีกโลกคงไม่ไปเกี่ยวข้องกับการเมืองของโลกนี้หรอก
“แต่ไม่คิดว่ามันพอดีเกินไปหน่อยเหรอ? ชายคนนั้นอาสาเดินทางมากับพวกเรา เหตุผลก็ไม่บอก ที่เราถูกกลุ่มทหารรับจ้างโจมตีก็เหมือนกัน เหมือนจงใจให้ต้องรีบขึ้นเรือก่อนกำหนด รู้ว่าข้าต้องใช้พลังของตัวเองทดแทนศิลาลม อย่าลืมว่าช่วงสองวันที่ลา โรแชลล์นั้นเราต่างคนต่างไปไหนมาไหนอย่างอิสระ ใครไปทำอะไรเราก็ไม่มีทางรู้ แม้แต่จะไปติดต่อกับใครอย่างลับๆ”
หลุยส์และไซโตะสะดุ้งเฮือก ไซโตะยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่หลุยส์ดูจะโอนเอียงไปทางนั้นมากแล้ว
บรรยากาศเงียบกริบอยู่ได้ไม่นาน ประตูก็เปิดออก หลุยส์ตกใจถอยห่างออกมา โจรสลัดร่างผอมคนเดิมเรียกให้ทั้งสามออกมา
“กัปตันเรียก”
...
ห้องอันโอ่อ่าไม่สมกับเป็นของโจรสลัด โต๊ะรับประทานอาหารที่ดูหรูหรา โจรสลัดคนหนึ่งนั่งอยู่ เล่นกับไม้เท้าที่มีคริสตัลสีม่วงฝังที่หัว ดูเหมือนว่ากัปตันของโจรสลัดจะเป็นผู้ใช้เวทมนตร์
ไซโตะส่งสายตาคำถามให้กับนักเดินทางหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาที่ยืนอยู่ข้างๆ กัปตันโจรสลัดโดยไร้เครื่องพันธนาการหรือคนคุม แต่อีกฝ่ายไม่สบตาตอบ
“ทักทายกัปตันหน่อยสิ” โจรสลัดที่พาทั้งสามคนมาสั่ง แต่หลุยส์ไม่ทำตาม กัปตันลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินเข้ามาหาเด็กสาว
“เป็นคุณหนูที่ห้าวดีจริงๆ ข้าชอบคนแบบนี้ล่ะ” กัปตันหัวเราะในลำคอ
“ได้ยินว่ามาส่งสาส์นให้กับราชวงศ์งั้นสิ” กัปตันต่อแทนเด็กสาว ทั้งที่เธอยังไม่ได้บอกอะไร เหลือบตามองนักเดินทางหนุ่มที่ยืนตีหน้าเรียบเฉยอยู่ด้านหลัง เลือดในตัวเด็กสาวเดือดปุดๆ ขึ้นมา
‘เจ้านั่น...หักหลังงั้นเหรอ!?’
“แล้วสาส์นอะไรล่ะ?” กัปตันถามต่อ
“ไม่จำเป็นต้องบอก” หลุยส์ตอบ ความหงุดหงิดที่พยายามเก็บไว้เล็ดลอดออกมาทางน้ำเสียง
“จะไปที่นิวคาสเซิ่ลเหรอ? พรุ่งนี้ก็คงไม่เหลือแล้วมั้ง?”
“ยังไงพวกเราก็จะไป”
“ไม่เอาน่า เลิกเป็นห่วงราชวงศ์ที่กำลังจะล่มสลายแล้วหันมาสนใจชีวิตตัวเองดีกว่ามั้ง? ไม่งั้นล่ะก็ ถึงเงินค่าไถ่จะล่อตาล่อใจ แต่ข้าอาจไม่ให้พวกเจ้าได้ขึ้นฝั่งอย่างปลอดภัยก็ได้นะ?”
“ข้ายอมตาย” หลุยส์ทำท่าเข้มแข็ง แต่แววตาของเธอสั่นไหว
“ใจเย็นๆ แล้วทำตามที่กัปตันพูดเถอะครับ” นักเดินทางหนุ่มเข้าร่วมวงสนทนา เขาพูดกับเด็กสาวอย่างจริงจัง
“เอาจดหมายให้กัปตันไป รักษาชีวิตของพวกเราไว้ก่อน องค์หญิงอังริเอตต้าก็คงไม่อยากให้เพื่อนรักอย่างคุณต้องได้รับอันตรายเพราะภารกิจที่ตัวเองมอบให้”
หลุยส์กำหมัดแน่น ดวงตาสีชมพูจ้องมองนักเดินทางหนุ่มอย่างเกรี้ยวกราด
“ข้าไม่ได้ตาขาวเหมือนเจ้า! องค์หญิงทรงเสียสละตัวพระองค์เองเพื่ออาณาจักร จดหมายฉบับนี้ถ้าตกไปอยู่ในมือของคณะปฏิวัติ สิ่งที่องค์หญิงทรงทำมาทั้งหมดก็สูญเปล่า! ข้าจะตัดช่องน้อยแต่พอตัวได้ยังไง!” หลุยส์โต้อย่างเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว
“ถ้าคิดจะเอาจดหมายนี้ไปล่ะก็ ข้าจะทำลายมันซะเดี๋ยวนี้! พวกเจ้าอย่าหวังจะได้อะไรจากศพของข้าเลย!”
กัปตันโจรสลัดคำรามเสียงต่ำในลำคอ ก่อนจะถามย้ำด้วยใบหน้าเหี้ยมเกรียม
“ข้าจะถามอีกครั้ง เจ้าพร้อมจะหักหลังราชวงศ์อัลเบี้ยนรึเปล่า?”
“ยัยนี่ตอบไปแล้วไง” ไซโตะโพล่งออกมา หลุยส์มองเขาตาโต ความจริงก็คือเด็กหนุ่มรู้สึกชื่นชมความกล้าหาญของเด็กสาว ทั้งที่ขาของเธอสั่น แต่เธอกลับเผชิญหน้ากับกัปตันโจรสลัดอย่างเข้มแข็ง แววตาของเธอเหมือนกับเขาเองตอนที่เกือบจะพ่ายแพ้ให้กับกีช เขาอยากจะตอบรับความกล้าหาญนั้น
“แล้วเจ้าเป็นใคร?”
“อสูรรับใช้” ไซโตะยืดอกตอบ เป็นครั้งแรกที่เขาเอ่ยตำแหน่งนี้อย่างภาคภูมิใจ
กัปตันได้ยินเข้าก็อึ้งไป ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาท้องคัดท้องแข็ง แม้แต่นักเดินทางหนุ่มก็กำมือบังริมฝีปากกลั้นหัวเราะ
ทั้งสามงงเป็นไก่ตาแตก จับต้นชนปลายไม่ถูก จนกระทั่งกัปตันคุมสติได้และเอ่ยกับทั้งสามด้วยท่าทีที่ต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
“ขอโทษๆ แค่เห็นว่ามันประหลาดจนทนไม่ไหวน่ะ” เสียงของกัปตันฟังเป็นมิตรมากขึ้น...และฟังดูหนุ่มขึ้น กัปตันเอื้อมมือไปที่ศีรษะ ดึงวิกผมหยิกสีดำออก ต่อด้วยผ้าปิดตา และหนวดเคราปลอม กลายเป็นชายหนุ่มผมสั้นสีทอง
“ข้าคือนายพลของกองทัพอากาศอัลเบี้ยนและผู้บัญชาการกองเรือเหาะของอาณาจักรเรา แต่ความจริงแล้วทั้งกองทัพก็มี [อีเกิ้ล] ลำนี้ลำเดียวเท่านั้นล่ะ”
ชายหนุ่มผมทองโค้งคำนับ
“องค์ชายแห่งอาณาจักรอัลเบี้ยน [เวลส์ ทิวดอร์] ยินดีรับใช้ ท่านราชทูต”
หลุยส์อ้าปากค้าง และไม่มีทีท่าว่าจะหุบลงง่ายๆ
...
แหวนสองวงหันอัญมณีเข้าหากัน ทับทิมวารีสีฟ้ากับทับทิมวายุโปร่งใส ส่องแสงสีรุ้ง
“นี่เป็นหลักฐานว่าข้าคือองค์ชายตัวจริง”
วาลด์แนะนำตัวเองและหลุยส์ในฐานะที่เหมาะสม ไซโตะเป็นอสูรรับใช้ก็ถูกแล้ว ส่วนเอ็กซ์ก็...
“นาย...ดันมาหลอกกันได้นะ” ไซโตะมองอย่างกล่าวโทษ ขณะที่เอ็กซ์ยิ้มเป็นเชิงขอโทษ
“ขอโทษด้วยนะ องค์ชายเวลส์อยากทดสอบให้แน่ใจว่าพวกนายไม่ใช่คนของคณะปฏิวัติน่ะ”
“แล้วนายเล่า...” ไซโตะทำหน้าบอกบุญไม่รับ แต่เอ็กซ์ไม่สนใจ
“นี่เป็นจดหมายจากองค์หญิงเพคะ” หลุยส์ยื่นกล่องจดหมายจากอังริเอตต้าให้เวลส์
เวลส์จุมพิตที่ลายประทับ ผนึกคลายและกล่องเปิดออก จดหมายปลิวขึ้นและร่อนลงในมือขององค์ชาย เขาเริ่มอ่านมันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“องค์หญิงกำลังจะอภิเษกงั้นหรือ? อังริเอตต้า...ลูกพี่ลูกน้องที่รักของข้า...”
เอ็กซ์สังเกตเห็นสายตาขององค์ชายเวลส์อ่อนลงขณะที่อ่านจดหมาย จนเกือบจะเรียกว่าเศร้าสร้อยเสียด้วยซ้ำ เขาได้เห็นแล้ว สาเหตุที่ทำให้เขารู้สึกว่าองค์หญิงแห่งทริสเทนไม่ใช่<อังริเอตต้าของเขา>อีกต่อไป องค์ชายแห่งอัลเบี้ยนองค์นี้ไม่ผิดแน่
องค์ชายอ่านจนถึงบรรทัดสุดท้าย แล้วม้วนเก็บดังเดิม จากนั้นก็หันไปทางหลุยส์
“ข้าเข้าใจแล้ว จดหมายที่อังเรียตต้าต้องการไม่ได้อยู่กับข้าในตอนนี้ แต่อยู่ที่นิวคาสเซิ่ล ข้าจะฝากจดหมายฉบับนั้นและจดหมายตอบจากข้ากลับไปตามคำขอของอังริเอตต้า”
หลุยส์ยิ้มกว้าง ภารกิจของเธอสำเร็จด้วยดี ทั้งหมดเดินทางไปสู่นิวคาสเซิ่ล
--
แนะนำตัวละคร
(รูปในไลท์โนเวลไม่หล่อเหมือนในอนิเมะ เอาอนิเมะไปดีกว่า)
เวลส์ ทิวดอร์
เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
เพศ : ชาย
อายุ : ไม่ทราบ(คาดว่าราว 18 - 20 ปี)
ส่วนสูง : ไม่ทราบ (คาดว่าประมาณ 180 เซนติเมตร)
น้ำหนัก : ไม่ทราบ
ชอบ : ???
เกลียด : ศัตรูของอาณาจักร
ข้อมูล : องค์ชายรัชทาบาทแห่งอาณาจักรลอยฟ้าอัลเบี้ยน กล้าหาญ รักความยุติธรรม ยึดมั่นในเกียรติและหน้าที่ในฐานะราชวงศ์ ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์บางอย่างกับองค์หญิงอังริเอตต้าแห่งทริสเทน
--
DX:”คราวนี้เป็นโซลบอดี้*เรอะ ที่ป้องกันเวทไลท์นิ่งคลาวด์จากชายใส่หน้ากากนั่น”
PBW:”ถูกต้อง ตอนนั้นมันมืดเลยมองลำบาก ไฟฟ้ากระทบกับโซลบอดี้ที่มีพลังงานสูงกว่าก็สลายไป”
(*หมายเหตุ: เมื่อก่อนใช้เป็น Bubble Wrap หรือที่จริงคือชาร์จ Bubble Splash(Rockman X2) คนเขียนตั้งชื่อเอง ทำให้เกิดฟองอากาศคลุมรอบตัวเหมือนอยู่ในลูกแก้ว แต่เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงในเนื้อเรื่องภายหน้า จึงต้องทำการเปลี่ยนเป็น Soul Body แทนด้วยประการฉะนี้)
DX:”ว่าแต่เจ้าเอ็กซ์ใช้พลังโดยไม่กลับเป็นสภาพเรปลิลอยด์ได้ยังไง ตั้งแต่ตอนฟูเก้ต์แล้ว?”
PBW:”เป็นเรื่องที่ต้องรอดูต่อไป”
*Edit1:ชื่อเมือง Scaborough
ความคิดเห็น