ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rockman X {x} Zero no Tsukaima : โลกใบใหม่

    ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 5: เมืองท่าลา โรแชลล์

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.พ. 61


    ตะวันเพิ่งจะโผล่พ้นขอบฟ้า แต่ไซโตะ กีช และหลุยส์ก็เริ่มเตรียมอานบนหลังม้าแล้ว บนหลังของไซโตะคือ [เดอร์ฟลิงเกอร์] ดาบเหล็กที่มีจิตใจ เพราะความยาวของมัน ทำให้ไม่สามารถเหน็บเอวได้

     

    หลุยส์อยู่ในเครื่องแบบนักเรียน ที่ต่างออกไปก็คือบูทขี่ม้าที่มาแทนรองเท้านักเรียน ดูจากที่เธอเตรียมตัวถึงขั้นนี้แล้ว คงจะต้องนั่งบนหลังม้าเป็นระยะทางไม่ใช่น้อย

     

    เอ็กซ์ยืนพิงอยู่ข้างกำแพงโรงเรียน เขาไม่มีม้าอยู่กับตัว เพราะไซโตะขอร้องให้เขานั่งไปด้วยเพื่อสลับกันขี่ในระหว่างทาง บอกว่าตัวเองยังขี่ไม่แข็ง เขายืนห่างจากทั้งสามคนเพราะยังไม่มีอารมณ์จะสุงสิงกับใคร ดูเหมือนว่าการได้เห็นเด็กผู้หญิงเมื่อเก้าปีก่อนโตขึ้นและทำให้เขารู้สึกว่าเธออยู่ไกลออกไปจะมีผลกับเขามากกว่าที่คาด

     

    เขามองเห็นกีชตบเท้ากับพื้นหนึ่งครั้ง แล้วสิ่งมีชีวิตสีน้ำตาลตัวใหญ่ก็ผุดขึ้นมาจากใต้พื้น เอ็กซ์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

     

    ตุ่นยักษ์? เป็นอสูรรับใช้ที่แปลกดีนะ?

     

    เด็กหนุ่มผมทองดูจะรักอสูรรับใช้ของตัวเองมาก ทั้งสีหน้าและแววตา ถึงขนาดเข้าไปถูแก้มด้วย...สุดยอด...(ในหลายๆ ความหมาย)

     

    แต่เราจะไปอัลเบี้ยนกันนะ เจ้าตัวที่เคลื่อนไหวอยู่ใต้ดินยังงี้จะไปด้วยได้ยังไง? หลุยส์ถามได้ตรงประเด็นซะจนกีชทรุดลงมือค้ำพื้น เอ็กซ์เข้าใจความหมาย เพราะอัลเบี้ยนเป็นประเทศเกาะที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า ถึงจะฟังดูไม่น่าเชื่อแค่ไหน แต่เขาก็ได้ไปเห็นด้วยตาและไปอยู่ด้วยตัวเองมาแล้วครั้งหนึ่ง ช่วงครึ่งปีที่ผ่านมานี่เอง

     

    ตุ่นยักษ์ จู่ๆ ก็กระโจนเข้าใส่หลุยส์ และเอาจมูกทิ่มตามตัวของเธอ เหมือนพยายามจะแย่งอะไรบางอย่าง กีชนึกขึ้นได้ว่าอสูรรับใช้ของตัวเองชอบของมีประกาย ซึ่งก็คือแหวนที่นิ้วมือข้างขวาของหลุยส์นั่นเอง

     

    ยังงี้เองเหรอ...ถ้าสามารถขุดหาแร่ธาตุต่างๆ ได้ สำหรับผู้ใช้เวทธาตุดินแล้วก็ถือเป็นประโยชน์อย่างสูง เอ็กซ์รู้จากไซโตะว่ากีชมีชื่อที่สองว่า<โลหะสัมฤทธิ์>

     

    ในตอนนั้น เกิดสายลมแรงพัดเอาตุ่น—[เวร์ดันดี้] จนปลิวออกไปจากตัวหลุยส์ กีชแทบช็อค

     

    แกเป็นใคร?!” เขาหันไปทางผู้ที่เพิ่งจะปรากฏตัวขึ้นและตะคอกด้วยเสียงขุ่นเคือง

     

    ขุนนางหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งสวมหมวกปีกกว้างปักด้วยขนนกยืนอยู่ แสงจางๆ ของยามเช้าส่องผ่านหลังเขาทำให้ด้านหน้าดูมืดเล็กน้อย

     

    แกทำอะไรกับเวร์ดันดี้ของฉัน!”

     

    กีชหยิบคทาที่เป็นรูปกุหลาบออกมา แต่ขุนนางสวมหมวกขนนกเร็วกว่า ก่อนที่กีชจะทันได้ร่ายคาถาใดๆ สายลมก็พัดคทาหลุดไปจากมือเขาแล้ว

     

    ขุนนางสวมหมวกใช้โอกาสนี้แนะนำตัว

     

    ข้าไม่ใช่ศัตรูของพวกเจ้า องค์หญิงทรงไม่สบายพระทัยที่จะปล่อยให้พวกเจ้าไปอัลเบี้ยนโดยลำพัง แต่ถ้าจะส่งทหารไปทั้งกองก็จะเอิกเกริกจนเกินไป ฉะนั้น ข้าจึงได้รับมอบหมายให้ร่วมเดินทางไปกับพวกเจ้าทุกคน ขุนนางหนุ่มถอดหมวกและคำนับอย่างสุภาพ

     

    ข้าคือหัวหน้าหน่วยอัศวินกริฟฟิน ไวส์เคานต์วาลด์

     

    กีชที่บ่นอย่างขุ่นมัวหุบปากเงียบ สำหรับชนชั้นสูง การได้ร่วมเดินทางไปกับหัวหน้าหน่วยอัศวินกริฟฟินซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยราชองครักษ์ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง

     

    ข้าต้องขออภัยเรื่องอสูรรับใช้ของเจ้าด้วย แต่ข้าทนเห็นคู่หมั้นถูกรังแกไม่ได้

     

    อะไรนะ?!” ไซโตะช็อก

     

    ขุนนางที่ดูสูงสง่าแบบนี้น่ะเหรอเป็นคู่หมั้น...ของหลุยส์??? กีชงงเป็นไก่ตาแตก

     

    ท่านวาลด์...!” หลุยส์เอ่ยเสียงสั่น จากความตื่นเต้นและความชื่นชม

     

    ไม่ได้พบกันนานนะ หลุยส์ที่รักของฉัน วาลด์พูดเป็นกันเองเฉพาะกับหลุยส์

     

    เอ็กซ์ยืนมองเหตุการณ์จากด้านข้าง ขุนนางที่ชื่อวาลด์อุ้มหลุยส์ขึ้นแล้วพูดหยอกล้อกับเธอเหมือนกับสนิทกันมานาน หลุยส์ก็มีท่าทีเอียงอาย ดูแล้วท่าทางจะรู้จักกันมาก่อน กีชก็มองอย่างชื่นชมปนช็อกหน่อยๆ ส่วนไซโตะก็ทำหน้าเหมือนโดนโลกทั้งใบถล่มทับ

     

    ผู้ที่มาใหม่ให้ความรู้สึกว่า<เฉียบคม>กับเขา ท่าทางเขาจะต้องระวังตัวเองมากขึ้นในระหว่างการเดินทางนี้ ไม่อย่างนั้นอาจจะถูกอ่านอะไรหลายๆ อย่างก็ได้ เขาอยากอยู่เป็นนักเดินทางธรรมดาๆ อย่างสงบมากกว่า

     

    เขาหลับตาลงครู่หนึ่ง ก่อนจะลืมตาขึ้น แววตาของเขาเปลี่ยนไป เป็นเหมือนเด็กหนุ่มอายุสิบเก้าที่ยังอ่อนประสบการณ์ เขาเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับคนที่เหลือ

     

    ว้าว หัวหน้าหน่วยอัศวินกริฟฟินตัวจริงเหรอเนี่ย~” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นและชื่นชมที่แกล้งดัดขึ้นมา เขามั่นใจว่าในโลกใบนี้จะไม่มีมนุษย์คนใดจับได้

     

    หืม? และเจ้าคือ? ตามที่เขาคาด วาลด์มองเขาอย่างพิจารณา

     

    ผมชื่อซาวิเยร์ เป็นนักเดินทางครับ เขายิ้มหวานอย่างเป็นมิตร

     

    นักเดินทาง? เจ้าก็จะร่วมทางไปด้วยยังงั้นเหรอ? วาลด์มีสีหน้าประหลาดใจ

     

    ผมทูลขอองค์หญิงให้ทรงประทานพระอนุญาตให้ผมได้ไป เพราะผมก็ช่วยจับฟูเก้ต์ด้วย องค์หญิงจึงทรงอนุญาตน่ะครับ

     

    หืม...เจ้าน่ะเหรอจับฟูเก้ต์... วาลด์ยิ่งเพ่งเขาหนักขึ้นไปอีก แต่ไม่ว่าจะเพ่งสักเท่าไรก็ไม่มีทางมองทะลุหน้ากากที่เขาสวมได้หรอก เพราะหน้ากากนี้ไม่ได้สร้างขึ้นลอยๆ แต่เป็นตัวเขาเองสมัยที่ยังเป็นอิเร็กกุล่าร์ฮันเตอร์ฝึกหัด ในตอนนี้เขาคือ [ซาวิเยร์] นักเดินทางหนุ่มสามัญชนอายุน้อยที่ไม่มีอะไรพิเศษ

     

    แต่ก็ไม่ค่อยได้ช่วยอะไรหรอกครับ ^ ^;” เขาลูบท้ายทอยแก้เก้อ วาลด์พยักหน้าก่อนจะหันกลับไปทางอีกสามคนที่เหลือ เอ็กซ์ไม่ปลดการแสดงลง แต่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ในใจ ก็เขาจงใจทำให้เป็นแบบนั้นเอง

     

    ถ้าอย่างนั้นถึงตาเขาสังเกตหัวหน้าหน่วยอัศวินกริฟฟินคนนี้บ้าง ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ดวงตาคมกริบเหมือนอินทรี ร่างกายที่มีมัดกล้ามอย่างสมกับทหารที่หมั่นฝึกฝน และหนวดเคราที่รักษาอย่างดี ให้ความเข้มแข็งและอ่อนโยน...ถ้ามองแค่ผิวเผินน่ะนะ

     

    เอาเถอะ ชนชั้นสูงจะทะนงตนและมองคนที่อ่อนแอว่าด้อยค่าก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ดวงตาที่คมกริบเหมือนอินทรีนั่นไม่ได้ช่วยให้มองอะไรออกเลยหรืออย่างไร? เขาแค่แกล้งทำตัวอ่อนน้อมหน่อยก็ละสายตาจากเขาเสียแล้ว

     

    ทั้งห้าออกเดินทาง กีชขึ้นม้าของตัวเอง เอ็กซ์นั่งข้างหลังไซโตะ ส่วนม้าอีกตัวเอากลับไปเก็บ เพราะวาลด์ให้หลุยส์ขึ้นนั่งบนกริฟฟินของตัวเองที่นำมาด้วย

     

    ...

     

    จากหน้าต่างห้องทำงานของผู้อำนวยการที่ชั้นบนสุดของหอคอยกลาง อังริเอตต้ามองดูคณะของหลุยส์ออกเดินทาง เธอหลับตาลงและภาวนาขอให้พวกเธอปลอดภัย

     

    หลังจากภาวนาเสร็จเธอก็ลืมตาขึ้น และหันกลับไปทางชายชราผมและหนวดเคราสีขาว นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน...ตัดขนจมูก

     

    ผู้อำนวยการออสมัน ไม่ไปส่งพวกเขาหรือ?

     

    ไม่พะยะค่ะ กระหม่อมกำลังยุ่งอยู่อย่างที่เห็น ยุ่งกับการตัดขนจมูก

     

    อังริเอตต้าส่ายหน้าอย่างขุ่นใจ

     

    ตอนนั้นเอง เสียงเคาะประตูดังขึ้น ออสมันบอกให้เข้ามาได้ และผู้ที่อยู่หน้าประตูก็คือมิสเตอร์โคลแบร์ที่ดูท่าทางกังวลใจ

     

    ข่าวร้ายครับ! ท่านผู้อำนวยการ!”

     

    เธอพูดแบบนั้นบ่อยนะหมู่นี้ คราวนี้เรื่องอะไรอีกล่ะ?

     

    ผมได้รับแจ้งจากยามที่ปราสาทว่าฟูเก้ต์หลบหนีออกจากห้องขังไปแล้วครับ!”

     

    หืม... ออสมันลูบเคราพลางใช้ความคิด

     

    จากปากคำของยามที่เฝ้าอยู่ในเวลานั้น เขาถูกชนชั้นสูงใช้เวทมนตร์ลมทำร้ายจนหมดสติ คนร้ายใช้โอกาสที่กำลังคนส่วนใหญ่ถูกดึงมาอารักขาองค์หญิงในระหว่างการเดินทาง ลอบเข้าไปในห้องขังใต้ปราสาทแล้วปล่อยฟูเก้ต์ออกมา หมายความว่าต้องมีสายลับอยู่ภายในครับ!”

     

    อังริเอตต้าหน้าซีดเมื่อได้ฟังข่าว ผู้อำนวยการออสมันโบกมือให้มิสเตอร์โคลแบร์ออกไปได้

     

    เรามีหนอนบ่อนไส้ ต้องเป็นฝีมือของพวกชนชั้นสูงอัลเบี้ยนแน่!” อังริเอตต้าวางมือลงกับโต๊ะและถอนหายใจเฮือกใหญ่

     

    ก็คงจะเป็นเช่นนั้นล่ะพะยะค่ะ...โอ๊ย!” ออสมันตัดขนจมูกพลาด

     

    ท่านยังใจเย็นได้อีกรึ? ทั้งที่อนาคตของทริสเทนแขวนอยู่บนเส้นด้ายแล้ว!”

     

    ศัตรูเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ที่เราทำได้ก็มีแต่ต้องรอโอกาสมิใช่รึพะยะค่ะ?

     

    ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็เถอะ...

     

    อย่าได้เป็นห่วงไปพะยะค่ะ ถ้าหากเป็นเขาล่ะก็ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่ร้ายแรงเพียงใด เขาก็จะข้ามผ่านมันไปได้แน่

     

    ผู้ที่ท่านพูดถึง บุตรของนายพลกรามองต์ หรือว่าไวส์เคานต์วาลด์?

     

    ออสมันส่ายหน้า

     

    กระหม่อมหมายถึงเด็กหนุ่มที่ชื่อไซโตะคนนั้น

     

    อสูรรับใช้ของหลุยส์ ฟรังซัวส์? จะเป็นไปได้อย่างไร? เขาเป็นเพียงสามัญชนเท่านั้น!” อังริเอตต้าทำใจเชื่อไม่ลง

     

    องค์หญิงทรงเคยได้ยินเรื่องราวขององค์ศาสดาบริมิร์มาบ้างรึไม่? เรื่องของกันดาล์ฟร์?

     

    ข้าได้ศึกษามาบ้าง กันดาล์ฟร์เป็นชื่อของอสูรรับใช้ที่แข็งแกร่งที่สุด เป็นอสูรรับใช้ขององค์ศาสดาบริมิร์ ท่านคงมิได้กำลังบอกข้าว่า...!?”

     

    ถึงตรงนี้ออสมันรู้สึกว่าตัวเองเปิดเผยมากเกินไป ถึงอีกฝ่ายจะเป็นคนของราชวงศ์ แต่เรื่องของกันดาล์ฟร์ก็ไม่ควรจะเปิดเผยออกไปง่ายๆ แม้องค์หญิงจะเชื่อใจได้

     

    ถูกต้องแล้วพะยะค่ะ เขามิเพียงแต่เป็นอสูรรับใช้ในตำนานเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ที่มาจากอีกโลกหนึ่ง

     

    อีกโลกหนึ่ง?

     

    กระหม่อมคิดเสมอว่าเด็กหนุ่มจากต่างโลกผู้นี้จะทำได้สำเร็จ นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้กระหม่อมยังใจเย็นอยู่ได้แม้สถานการณ์จะคับขันก็ตาม

     

    อังริเอตต้ามองออกไปนอกหน้าต่าง คำว่ามาจากอีกโลกหนึ่งสะกิดใจเธออย่างประหลาด ราวกับว่าใครคนหนึ่งเคยพูดคำเดียวกันนี้กับเธอ เมื่อนานมาแล้ว...
     
    ออสมันไม่ได้พูดถึงชายอีกคน ชายคนนั้น คงมีแต่คนที่ผ่านผู้คนมากหน้าหลายตามาอย่างเขาจึงจะสัมผัสได้ ถึงความอัศจรรย์ที่อยู่ในตัวของเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทา ราวกับมีอะไรบางอย่างที่ยิ่งใหญ่สะท้อนอยู่ในดวงตาสีเขียวมรกตคู่นั้น
     

    เด็กหนุ่มคนนั้นเป็นใครเป็นอะไรกันแน่นะ... แม้แต่เขาเองก็สัมผัสได้เพียงผิวเผินเท่านั้น

     

    ...

     

    นับแต่ออกเดินทางมาจากโรงเรียนผ่านไปครึ่งวัน กริฟฟินของวาลด์มุ่งหน้าไปทางจุดหมายอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย ขณะที่ม้าของเพื่อนร่วมทางทั้งสองตัวเป็นตัวที่ผลัดเปลี่ยนระหว่างทางเป็นครั้งที่สองแล้ว

     

    เดี๋ยวก่อนสิคะ ไวส์เคานต์ เราไม่เดินทางกันเร็วเกินไปหน่อยเหรอคะ? หลุยส์พูดกับวาลด์ กีชใกล้จะฟุบเต็มทน ไซโตะสภาพดีหน่อยเพราะผลัดกันขี่กับเอ็กซ์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไปได้อีกไกล

     

    แต่ฉันตั้งใจจะเดินทางไปโดยไม่หยุดนะ

     

    ลา โรแชลล์ ถ้าจะไปด้วยม้าต้องใช้เวลาถึงสองวันเชียวนะคะ

     

    ถ้าอย่างนั้นทำไมเราไม่ล่วงหน้าไปก่อนล่ะ วาลด์เสนอเรื่องสุดโต่งได้หน้าตาเฉย แต่เอ็กซ์รู้ว่าในงานของทางทหาร การทำแบบนั้นไม่ถือว่าแปลก

     

    หลุยส์ปฏิเสธ บอกว่าเจ้านายไม่ควรทิ้งอสูรรับใช้ วาลด์หยอกกลับว่าคนไหนในสองคนเป็น<หวานใจ>ของเธอกัน ไม่นับนักเดินทางหนุ่มที่เป็นคนนอก แน่นอนว่าหลุยส์ปฏิเสธเป็นพัลวัน

     

    ฉันค่อยโล่งใจ ถ้าหากคู่หมั้นของฉันปันใจไปให้ชายอื่น ฉันคงเจ็บแทบขาดใจ วาลด์ตอบด้วยรอยยิ้ม

     

    แต่...แต่ก็แค่พ่อแม่ของพวกเราตกลงกันเองไม่ใช่เหรอคะ ท่านวาลด์ไม่เห็นต้อง...

     

    ถ้าอย่างนั้น หลุยส์ตัวน้อยเกลียดฉันรึเปล่า?

     

    หลุยส์ทำแก้มป่อง งอนที่ถูกทำเหมือนเป็นเด็ก วาลด์หัวเราะ บอกว่าหลุยส์จะเป็นหลุยส์ตัวน้อยในสายตาของเขาเสมอ ทำให้เอ็กซ์คิดเรื่องของตัวเองบ้าง สำหรับเขา อังริเอตต้าไม่ใช่เด็กผู้หญิงตัวน้อยอีกแล้ว เขาอิจฉาชายบนหลังกริฟฟินคนนั้นจริงๆ

     

    วาลด์เริ่มรำลึกถึงเรื่องในอดีต อย่างเรื่องที่เขามักจะไปหาหลุยส์ที่เรือลำเล็กกลางสระ เรื่องที่ทั้งคู่พบกันบ่อยๆ สมัยที่เธอยังเป็นเด็ก เลยไปถึงเรื่องส่วนตัวของเขา แม่ของเขาตายตั้งแต่เขายังเด็ก พ่อก็ตายในสงคราม เขารับสืบทอดมรดก และตัดสินใจออกไปแสวงหาเกียรติยศและชื่อเสียงที่เมืองหลวง ฝึกฝนเป็นอัศวินกริฟฟิน ตั้งแต่ตอนนั้นที่เขาไม่ได้กลับไปหาหลุยส์ที่คฤหาสน์อีกเลย จนกระทั่งเธอเข้าเรียนที่ทริสเทน

     

    ตอนนี้ฉันก็ได้สร้างชื่อให้กับตัวเองดังที่ฝันไว้แล้ว ฉันตัดสินใจว่าถึงเวลาที่ฉัน... วาลด์กุมมือหลุยส์ขึ้น


    จะได้ขอเธอแต่งงานซักที

     

    หลุยส์หน้าร้อนฉ่า พูดไม่เป็นภาษา เอ็กซ์มองทั้งสองคนแล้วก็สลับมามองเด็กหนุ่มผมดำที่ขี่ม้าให้เขาซ้อนท้าย สายตาของไซโตะตอนนี้สามารถฆ่าคนได้เลย เอ็กซ์ก็ได้แต่หวังว่าจะไม่เป็นอุปสรรคต่อภารกิจ

     

    เราเดินทางมาได้เกือบจะเต็มวันแล้ว เขายังไม่เหนื่อยอีกเหรอ หัวหน้าหน่วยราชองครักษ์นี่อยู่คนละโลกกับคนธรรมดาอย่างเราเลยสินะ... กีชเอ่ยอย่างอ่อนแรง เขาหันไปมองไซโตะซึ่งมีสีหน้าเซื่องซึม ทว่าไม่ใช่ด้วยความเหนื่อยเหมือนกับเขา แต่เป็นจากคู่หมั้นชายหญิงข้างหน้าที่เด็กหนุ่มผมดำจ้องจนลืมโลก

     

    หึ่งล่ะดิ้~”

     

    หึงบ้าหึงบออะไรของนาย?!” แต่ยังมีสติพอจะเถียงกลับไป

     

    ฮึฮึ ขอเตือนไว้ก่อนเลยนะว่าความรักระหว่างคนต่างชนชั้นน่ะไม่งอกงามหรอก กีชพูดเหมือนเยาะเย้ย แต่จริงๆ เขาเตือนด้วยความหวังดี

     

    เอ็กซ์มองคู่หมั้นที่อยู่ด้านหน้า ถึงทั้งคู่จะดูใกล้ชิด แต่ต่อให้เลือกได้ เขาก็ไม่อยากจะมีความสัมพันธ์กับอังริเอตต้าอย่างสองคนนั้นหรอก เพราะเห็นได้ชัดว่าฝ่ายหญิงที่มองกลับมาทางเด็กหนุ่มผมดำกำลังสับสนและลังเลใจ

     

    ไซโตะทำเสียงฮึ่มฮั่มใส่กีช วาลด์หันกลับมาส่งเสียงดุ บอกว่าถ้าเอาแต่ทะเลาะกัน เขาจะทิ้งเอาไว้

     

    ...

     

    ทั้งหมดเดินทางเต็มสปีด เปลี่ยนม้ากลางทางอีกหลายครั้ง ในที่สุดก็ถึงชานเมืองลา โรแชลล์พร้อมกับที่ตะวันตกดิน ไซโตะชะโงกหน้าจากหลังเอ็กซ์มองลงไปที่เมืองด้านล่าง ดูจะแปลกใจที่เมืองท่าอะไรจะมาตั้งอยู่ในหุบเขา

     

    เอ็กซ์เห็นความฉงนสนเท่ห์บนสีหน้าของไซโตะ

     

    อัลเบี้ยนเป็นอาณาจักรที่ลอยอยู่บนฟ้า การจะไปที่นั่นก็ต้องไปด้วยเรือเหาะ เมืองท่าลา โรแชลล์ก็คือเมืองที่มีท่าเรือเหาะอยู่บนเทือกเขาสูง นักเดินทางหนุ่มอธิบายด้วยรอยยิ้ม ไซโตะมัวแต่ตกตะลึงจึงไม่ทันสังเกตว่าเอ็กซ์ก็ยังมีแรงเหลือเฟือพอๆ กับหัวหน้าหน่วยอัศวินกริฟฟิน

     

    ตอนนั้นเอง คบเพลิงถูกขว้างลงมาจากหน้าผาเหนือศีรษะ เกิดแสงสว่างวาบขึ้นที่หุบเขาซึ่งทั้งหมดกำลังจะข้าม

     

    เกิดอะไรขึ้น?!” กีชทั้งตกใจทั้งสับสน

     

    ม้าทั้งสองตัวถูกเปลวไฟจากคบเพลิงก็ตกใจ สะบัดคนที่อยู่บนหลังลงกับพื้น พร้อมกันนั้นห่าฝนดอกธนูก็เทลงมา

     

    ลอบจู่โจม!” กีชร้องตะโกน

     

    แม้จะอยู่ในสถานการณ์คับขัน เอ็กซ์ก็ไม่คิดจะทำอะไรให้เป็นการเปิดโปงตัวเอง เขายืนนิ่ง รอให้หัวหน้าหน่วยอัศวินกริฟฟินเป็นคนจัดการ

     

    ดอกธนูที่หมายจะเอาชีวิตของทั้งห้าสาดเข้ามา ทว่าถูกสายลมพัดเฉออกจากเป้าหมายไปจนหมด

     

    ไซโตะกัดฟัน รู้สึกเจ็บใจที่ถูกคนที่เห็นเป็น<คู่แข่ง>ช่วยชีวิต เอ็กซ์อยากจะบอกว่ามันเป็นเรื่องสุดวิสัย แต่ก็ตัดสินใจเก็บคำเอาไว้ พูดกับเด็กหนุ่มที่ยึดมั่นในศักดิ์ศรีไปก็ไม่มีประโยชน์ โดยเฉพาะกับเรื่องความรัก

     

    หรือว่าพวกขุนนางอัลเบี้ยนพบเราเข้าแล้ว?!” กีชลนลาน

     

    ไม่หรอก คงจะเป็นกลุ่มโจรภูเขา วาลด์สันนิษฐาน ถ้าเป็นชนชั้นสูงต้องใช้เวทมนตร์โจมตี

     

    ตอนนั้นเองเสียงกระพือปีกดังขึ้นบนท้องฟ้าที่มืดมิด เสียงกรีดร้องดังมาจากบนหน้าผา สายลมแรงพัดพลธนูปลิวกระเด็นตกหน้าผาไปจนหมด

     

    นั่นมันเวทมนตร์ลม... วาลด์พึมพำ

     

    เงาดำบดบังดวงจันทร์ มังกรสีน้ำเงินร่อนลงตรงหน้าของคณะเดินทาง ซิลฟีด อสูรรับใช้ของเด็กสาวสวมแว่น

     

    ฉันก็มาด้วยนะจ๊ะ~” และคีร์เก้

     

    หลุยส์ทำหน้าบอกบุญไม่รับ คีร์เก้เล่าให้ฟังอย่างเริงร่าว่าปลุกทาบาสะให้พาตามทั้งห้ามาตั้งแต่เช้ามืด เพราะเห็นหลุยส์ออกมากับ<ขุนนางรูปหล่อ>

     

    นี่มันภารกิจลับ ไม่ใช่เรื่องของเธอเลยเซิร์บสต์!”

     

    ไม่บอกแล้วจะรู้ได้ไง? อีกอย่าง ฉันเพิ่งจัดการกับพวกที่ลอบทำร้ายพวกเธอนะ ไม่คิดจะขอบคุณกันบ้างเหรอ? คีร์เก้พยักเพยิดไปทางพลธนูที่นอนร้องครวญครางอยู่บนพื้น

     

    เห็นคนรูปร่างหน้าตาดีอย่างวาลด์ คีร์เก้เริ่มปฏิบัติการทันที เธอคาดไม่ถึงว่าจะถูกปฏิเสธอย่างสุภาพ บอกว่า ไม่อยากให้คู่หมั้นเข้าใจผิด คีร์เก้แทบจะบีบคอหลุยส์ด้วยความเจ็บใจ แต่เมื่อหันไปเห็นไซโตะที่ทำหน้าซังกะตาย ก็เข้าใจไปว่าเขาหึงที่เธอทำจ๊ะจ๋ากับคู่หมั้นของหลุยส์ ไม่ได้รู้เลยว่าเขาหึงจริง แต่ไม่ได้หึงเธอ

     

    ทั้งหมดเดินทางกันต่อ เพิ่มมาเป็นเจ็ดคน คีร์เก้นั่งหลังไซโตะแทนที่เอ็กซ์ซึ่งทาบาสะชวนให้ขึ้นไปนั่งบนหลังซิลฟีดด้วยกันโดยไม่บอกเหตุผล เอ็กซ์ตกลงทันที เพราะอย่างน้อยเขาจะได้อยู่ไกลตาหัวหน้าหน่วยอัศวินกริฟฟิน ชายคนนั้นเฉียบคมจนเอ็กซ์ต้องเสียแรงกับการเสแสร้งไปมาก อยากจะพักเหนื่อยบ้าง

     

    เด็กสาวสวมแว่นนั่งอยู่ที่คอมังกรเหลียวมองเขา เอ็กซ์เลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม แต่เธอหันกลับไปโดยไม่พูดอะไร

     

    เบื้องหน้าของคณะเดินทาง เมืองท่าลา โรแชลล์เปล่งปลั่งไปด้วยแสงไฟที่ส่องสว่าง

     

    --

     

    แนะนำตัวละคร

     

     

    (รูปในไลท์โนเวลหาไม่ได้ เอารูปในอนิเมะไปละกัน)

     

    ฌอง ฌาค ฟรังซิส เดอ วาลด์

    เผ่าพันธุ์ : มนุษย์

    เพศ : ชาย

    อายุ : 26 ปี

    ส่วนสูง : 184 เซนติเมตร

    น้ำหนัก : ไม่ทราบ

    ชอบ : ไม่ทราบ

    เกลียด : ไม่ทราบ

     

    ข้อมูล : หัวหน้าฝูงบินกริฟฟินแห่งกองราชองครักษ์ และเป็นคู่หมั้นของหลุยส์ รู้จักกันตั้งแต่หลุยส์ยังเป็นเด็ก สุภาพอ่อนโยน ใจดีแต่เข้มแข็ง จะเรียกว่าใกล้เคียงเพอร์เฟ็คก็ได้ เป็นทหารและผู้ใช้เวทที่เก่งกาจ

     

    *หมายเหตุ: ที่เปลี่ยนนามสกุลเป็น<วาลด์>ก็ด้วยเหตุผลเรื่องภาษาฝรั่งเศสเช่นกัน รวมทั้งการแปลชื่อจากคาตาคานะแปลได้สองแบบด้วย(แบบนี้กับแบบในอนิเมะพากย์ไทย) ที่จริงมังงะแปลไทยก็ใช้<วาลด์>นะ

     

    --

     

    PBW:”เฮ้อ~ ตามไลท์โนเวลซะเป็นส่วนใหญ่

     

    DX:”ยังหาจุดเปลี่ยนไม่ได้อีกเหรอ

     

    PBW:”คิดว่าคงต้องอีกซักพักน่ะ กำลังคิดอยู่ว่าให้บทคู่ดั้งเดิมมากเกินไปรึเปล่า...เพราะคนส่วนใหญ่เคยดูอนิเมะแต่ไม่เคยอ่านไลท์โนเวลก็เลยไม่กล้าข้าม...

     

    S:”ไม่เยอะไปหรอก! ไม่เยอะไปเลยซักนิด!”

     

    PBW:”อ้อ เดี๋ยวคนเขียนต้องไปเข้าค่ายรับนักศึกษาใหม่ของมหาลัย กว่าจะกลับก็วันที่ 29 โน่นแน่ะ คงไม่ได้อัพนะครับช่วงนี้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×