ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Reborn : Fierce Demon & Little Cute Pineapple [1896]

    ลำดับตอนที่ #7 : ไลฟ์คอนเสิร์ตครั้งแรกของโคลม โดคุโร่!!

    • อัปเดตล่าสุด 24 มิ.ย. 54


    และแล้วเช้าวันพุธก็มาถึง(ข้ามทีหลายวัน)
     
    เด็กสาวผมม่วงบัดนี้มีดวงตาสีม่วงสดใสบนใบหน้าอันขาวนวลครบทั้งสองข้าง เธอยังคงไปได้สวยเรื่องการเรียน เช่นเดียวกับเพื่อนในชั้นเรียนทั้งสองคนที่เธอพอจะคุยได้ชินปากขึ้น และข้าวกล่องจากรุ่นพี่ที่เธอยังคงกินอย่างเอร็ดอร่อยทุกพักกลางวัน ทุกอย่างเหมือนจะไปได้สวย ถ้าเพียงแต่วันนี้ไม่ใช่วันแห่งโชคชะตาที่จะตัดสินความเป็นความตายของโคลม โดคุโร่คนนี้
     
    ก็แค่ทดสอบร้องเพลง...
     
    ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่การทดสอบ มันอยู่คนคุมสอบ ใครอยากได้คนคุมเป็นสัตว์กินเนื้อหัวรุนแรงที่เดาใจไม่เคยออกบ้าง? (R:ขอร้อง หน้าตาไม่เกี่ยว -_-;)
     
    ‘พักกลางวันให้มาหาฉันที่ห้องกรรมการรักษาระเบียบ’
     
    ประธานฯหนุ่มบอกเธอเอาไว้ที่หน้าประตูโรงเรียน และคำพูดนี้ก็ทำให้ใจเธอแป้วมาจนถึงตอนนี้ ในห้องเรียน
     
    โคลมจัง’ เสียงกระซิบเรียกเด็กสาวผมม่วงที่อยู่ในห้วงความคิดและความกังวล ไม่รับรู้โลกภายนอก
     
    โคลมจัง!’ เสียงเรียกดังขึ้นอีกเล็กน้อย...
     
    เธออุตส่าห์ได้มาใช้ชีวิตในโรงเรียน มีเพื่อนฝูงอย่างที่ใฝ่ฝันมานาน
     
    อาจารย์เดินมาทางนี้แล้วนะ!
     
    เมฆาหนุ่มช่างกลั่นแกล้งเธอได้ มิน่าทุกคนถึงได้กลัวเขากัน...
     
    “คุณโดคุโร่ สนใจบทเรียนหน่อย” ครูสาววัยสี่สิบ(?)เอ่ยเสียงเข้มพร้อมทั้งเอาหนังสือสะกิดศีรษะของเด็กสาวเบาๆ ทำให้เธอได้สติคืน
     
    “ข—ขอโทษค่ะ”
     
    และการสอนก็ดำเนินไปเป็นปกติ
     
    กิ๊ง ก่อง กาง ก่อง (DX:นี่แกคิดจะใช้ไอ้เสียงงี่เง่านี่ไปตลอดเลยใช่มั้ย? =_=;]R:เอ่อ... แหะๆ! ^-^;(ใช่))
     
    “โคลมจัง วันนี้เป็นอะไรน่ะ เหม่อแบบนี้ตั้งแต่เช้าแล้ว” เด็กสาวผมส้มเอ่ยถามเด็กสาวผมม่วงที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยความสงสัย
     
    แต่โคลมก็หาได้ตอบไม่... เหม่อจริงๆ...
     
    “โคลมจัง!”
     
    “เฮือก!” ผู้ถูกเรียกสะดุ้ง
     
    “เป็นอะไรน่ะ เหม่ออยู่ได้?” เด็กสาวผมส้มยิ่งสงสัยหนักเข้าไปอีก
     
    “ริสะ... เรื่องทดสอบร้องเพลงโรงเรียนน่ะ...” โคลมตอบอ้อมแอ้ม
     
    “เธอก็ร้องได้แล้วไม่ใช่รึไง? ถึงคุณฮิบาริจะน่ากลัว แต่ถ้าเธอร้องได้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร?” เด็กสาวผู้มีชื่อว่า [ริสะ] เอ่ยตามความจริง
     
    “เธอกลัวรุ่นพี่ฮิบาริเป็นพิเศษสินะ”
     
    ทั้งสองหันขวับไปทางต้นเสียง เด็กสาวผมสีเขียวเข้มยาวถึงปลายคางนั่งอยู่ที่โต๊ะข้างเด็กสาวผมม่วงอีกฝั่ง
     
    “จิโยะ หมายความว่าไงน่ะ?” เด็กสาวผมส้มถามขึ้นก่อน
     
    เด็กสาวผู้ซึ่งมีนามเต็มๆ ว่า [จิโยริ] เอ่ยอย่างใจเย็น
     
    “โคลม เธอมีเหตุผลที่กลัวรุ่นพี่ฮิบาริมากกว่าปกติสินะ”
     
    เด็กสาวผมม่วงมีท่าทีลังเลใจก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
     
    “ทำไมล่ะ มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?” เด็กสาวผมส้มถามซอกแซก
     
    ‘เพราะคุณเมฆาเกลียดผู้ใช้มายา โดยเฉพาะท่านมุคุโร่ และฉันก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขานึกถึง’ แต่จะให้เธอบอกออกไปงั้นเหรอ? เครื่องหมายปรัศนี(?)ได้บินว่อนทั่วห้องกันพอดี
     
    ครืด!
     
    “วะฮ่าๆๆ! คุณแรมโบ้มาแล้ว! เจ้าห่วยสึนะ มาเล่นกับคุณแรมโบ้ซะดีๆ!!”
     
    ชิ้ง~
     
    สามสาวซึ่งเป็นเพียงกลุ่มเดียวที่เหลืออยู่ในห้องจ้องมองเด็กผมสีดำทรงแอฟโฟรในชุดลายวัวซึ่งปรากฏตัวขึ้นที่ขอบหน้าต่างแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
     
    “อ้าว? สึนะไม่อยู่นี่หรอกเหรอ?” เด็กชุดวัวหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาผู้ที่ไม่ได้อยู่ในที่นั้นด้วย และเมื่อหาไม่พบเจ้าตัวก็กระโดดแผล็วมาต่อหน้าเด็กสาวผมม่วง
     
    “ยัยตาเดียว? มีสองตาแล้วนี่นา ยัยตาเดียวที่ตอนนี้มีสองตา สึนะอยู่ไหน?”
     
    เด็กห้าขวบหัวฟูในชุดลายวัวคนนื้คือ [แรมโบ้] ผู้ที่รั้งตำแหน่ง [มาเฟียตัวน่ารำคาญอันดับหนึ่งจาก 86,202 คน] และ [อันดับหนึ่งคนที่อยากฆ่าเอาไปยัดไส้ฟูกนอนที่สุด] แต่ที่ไม่น่าเชื่อก็คือตำแหน่ง [ผู้พิทักษ์แห่งอัสนีของวองโกเล่แฟมิลี่]
     
    “บอสเหรอ? คงอยู่บนดาดฟ้าน่ะ” โคลมตอบตามความจริง
     
    “ขอบใจมาก วันหลังคุณแรมโบ้จะเลี้ยงขนม ไปล่ะน้า~!” แล้วเด็กวัวก็วิ่งออกไป
     
    เด็กสาวธรรมดาสองคนยังคงตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และที่สำคัญที่สุด ความสัมพันธ์ระหว่างเด็กสาวผมม่วงกับเด็กคนเมื่อกี้
     
    “โคลมจัง รู้จักเด็กคนเมื่อกี้ด้วยเหรอ?”
     
    “อืม เขาเป็น—“
     
    “แรมโบ้!!” เสียงแหลมดังขึ้นจากจุดเดียวกับที่เด็กชุดวัวปรากฏตัวขึ้นเมื่อครู่
     
    เด็กตัวเล็กหัวโตผมจุกยาวในชุดแบบจีนยืนอยู่ที่ขอบหน้าต่าง สายตาสอดส่องหาแรมโบ้ที่หายตัวไปเมื่อกี้ จนกระทั่งรู้สึกตัวว่าถูกเด็กสาวทั้งสามมองอยู่
     
    “หนีฮ่าว!” เด็กจีนประสานมือก้มหัวทักทายตามมารยาท แต่มีเพียงเด็กสาวผมม่วงที่ก้มหัวตอบ ส่วนสองคนข้างๆ เอ๋อกินไปเรียบร้อย
     
    เด็กจีนหัวโตจุกคนนี้คือ [อี้ผิง] ถึงจะดูไม่ออก แต่เป็นเด็กผู้หญิง [นักฆ่าที่มีอนาคตสดใสเป็นอันดับสามจาก 86,202 คน] ยังเป็นเด็กอยู่แต่มีมารยาท ไม่เหมือนเด็กวัวเมื่อกี้ พูดญี่ปุ่นไม่ค่อยได้
     
    “แรมโบ้!...เห็นมั้ย!...” เด็กสาวชาวจีนพยายามใบ้คำสุดฤทธิ์
     
    “ขึ้นไปหาบอสที่ดาดฟ้า” เด็กสาวผมม่วงยังคงทำหน้าที่เป็นคนบอกทาง จนกระทั่งเพื่อนสาวสะกิด
     
    “โคลม เธอต้องไปสอบร้องเพลงกับคุณฮิบาริไม่ใช่เหรอ? ไม่รีบไปเดี๋ยวก็โดนลงโทษหรอก!”
     
    “! จริงด้วย” เด็กสาวนึกขึ้นได้ และเรื่องราวทั้งหมดก็ไม่พ้นหูของเด็กหัวจุกไปได้
     
    “ทดสอบอะไร?”
     
    “โคลมต้องร้องเพลงโรงเรียนให้ประธานกรรมการรักษาระเบียบฟังน่ะ ถ้าร้องไม่จบจะถูกลงโทษ แต่ถ้าไปสายก็อาจจะโดนเหมือนกัน” เด็กสาวผมส้มอธิบายให้เด็กน้อยฟัง ทำให้คิ้วที่ไม่ค่อยจะมีอยู่แล้วของเด็กจีนขมวดเข้าด้วยกันด้วยความเป็นห่วง
     
    “ป...ไปด้วย!...” อี้ผิงดึงชายกระโปรงของโคลมเป็นสัญญาณประกอบคำพูด
     
    --
     
    บนดาดฟ้าของตึกหลังเดิมกับตอนก่อนๆ นักเรียนกลุ่มหนึ่งกำลังล้อมวงมื้อกลางวันกันอย่างเคย
     
    “แฮ่!”
     
    “ว้าก!!”
     
    เด็กหนุ่มหัวฟูตกใจกับการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเด็กชุดวัวจนล้มหงายหลัง ข้าวกล่องที่ยังเหลือเกินครึ่งในมือหกกระจาย
     
    “แรมโบ้! มาอยู่ที่นี่ได้ไงเนี่ย!?” สึนะโพล่งออกมาด้วยความหน่ายใจ ในขณะที่คนอื่นๆ ก็มีปฏิกิริยาต่างกันไป
     
    “คุณแรมโบ้จะเล่นกับเจ้าห่วยสึนะ! ยัยเด็กหัวจุกจับคุณแรมโบ้ไม่ได้หรอก! วะฮ่าๆๆ!!” เด็กชุดวัวพล่ามไร้สาระในขณะเดียวกันก็อธิบายสถานการณ์ไปในตัว
     
    “อี้ผิงก็มาด้วยเหรอ! ด—เดี๋ยวก่อนสิ ถ้าอี้ผิงไปเห็นคุณฮิบาริเข้า—!!” เด็กหนุ่มไม่กล้าพูดออกมา แต่วิ่งลงประตูดาดฟ้าไปด้วยความรวดเร็ว
     
    “ทุกคนรออยู่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวฉันมา!!”
     
    --
     
    เด็กสาวผมม่วงและเด็กจีนหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องรับรองซึ่ง -ไม่รู้ว่าเด็กสาวเห็นภาพหลอนรึเปล่า- เหมือนจะมีออร่าทะมึนเล็ดออกมาตามซอกประตู
     
    อี้ผิงไม่รอช้า อาสาเปิดประตูให้เพื่อเป็นการปกป้องอันตรายที่อาจจะเกิดกับโคลมไปในตัว(DX:คิดว่ากำลังลุยฐานทัพศัตรูอยู่รึไง?)
     
    เมื่อประตูแห่งขุมนรก(?)เปิดออก ร่างของเด็กหนุ่มผมดำที่นั่ง... เอ่อ นอนหลับอุตุอยู่บนโซฟาก็ปรากฏแก่สายตาของทั้งสอง และในตอนนั้นเองที่ปฏิกิริยาสุดอันตรายก็เกิดขึ้น
     
    เราต้องย้อนไปว่าอี้ผิงมีอาจารย์ซึ่งเคารพรักมาก และประธานฯหนุ่มคนนี้ก็มีใบหน้าที่เหมือนกับอาจารย์ของเธออย่างกับแกะ จึงทำให้เธอ(R:เอื๊อก!)ตกหลุมรักเด็กหนุ่มผมดำในแรกพบ และอาการเช่นนี้ย่อมตามมาด้วยอาการหน้าแดงด้วยความเขินอาย
     
    แต่มันไม่ใช่รอยแดงที่ขึ้นบนใบหน้าของเด็กจีน กลับเป็นวงกลมขนาดเล็กขึ้นบนหน้าผากเธอเก้า...เอ่อ แปด... เจ็ด...
     
    เอ่อ... เรื่องก็คือว่า เมื่ออี้ผิงอายแบบสุดๆ (อ๊ะ! หก) ก็จะมีสัญลักษณ์เช่นนี้ขึ้นบนหน้าผากของเธอ (อ๊ะ! ห้า) นับถอยหลังไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงศูนย์ (อ๊ะ! สี่แล้ว) เมื่อถึงตอนนั้น—
     
    เด็กหนุ่มผมฟูปรากฏตัวขึ้นที่หัวมุมในสภาพเร่งรีบ ลางสังหรณ์ของเขาบอกว่าจุดอันตรายมันอยู่ที่นี่ และเมื่อมาถึง สายตาเขาก็จับจ้องอยู่ที่เด็กทั้งสองในฉับพลัน

    ”โคลม! อย่าให้อี้ผิงเห็นคุณฮิบา—“
     
    ...ว้าว! สามแล้วล่ะทุกคน ฮะๆๆ!! (DX:ใช่เรื่องน่าดีใจมั้ยเนี่ย =_=;)
     
    เด็กสาวผมม่วงซึ่งยังไม่รู้ถึงความลับอันน่าสะพรึงกลัวของเด็กจีนได้แต่ส่งแววตาสับสนให้กับบอสของเธอซึ่งกำลังวิ่งสุดฝีเท้าเข้ามาหา
     
    ...นับพร้อมกัน ทุกคน เอ้า! สอง!!~
     
    มือของวองโกเล่หนุ่มคว้าหมับเข้าที่ลำตัวของเด็กจีน เขาเงื้อแขนไปด้านหลังจนสุด หันหน้าขึ้นไปบนฟ้า
     
    ...หนึ่งงงงงงงง~
     
    ปัง!
     
    กระสุนปริศนาเจาะเข้าที่หัวไหล่ของสึนะพอดีกับที่เขาออกแรงโยนวัตถุอันตรายขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงลิ่ว
     
    ...ศูนย์ง่ะ...
     
    ระเบิดแต้มดอก!!
     
    บรึ้ม!!!!!~
     
    ร่างของเด็กจีนส่องแสงสว่างจ้าขึ้นพร้อมกับเสียงและแรงระเบิดสุดจะอลังการ สมกับที่เสียเวลารอคอยถึงสิบวินาที(ใครรอ?)
     
    ผลกระทบนั้นมีมากมาย แต่เราสนใจกันแค่อย่างเดียว นั่นก็คือ ...เมฆาหนุ่มลืมตาตื่น... และหันมามองเด็กสาวที่ยืนหน้าตาตื่นอยู่ที่ประตู ก่อนจะสลับไปมองนาฬิกา
     
    “โคลม โดคุโร่ ยืนรออะไรอยู่?”
     
    เด็กสาวผมม่วงได้สติคืนมาจึงเดินเข้าไปในห้องด้วยท่าทางหวาดผวาก่อนจะปิดประตูด้านหลังลงเบาๆ
     
    “เธอมาสายไปห้านาที ถ้าร้องไม่ได้เรื่องล่ะก็โทษหนักแน่” ประธานฯหนุ่มเอ่ยเสียงเย็น
     
    “ค—ค่ะ” โคลมตอบรับเสียงสั่น แค่เจอกันก็ทำให้เขาไม่พอใจซะแล้ว อะไรจะโชคร้ายได้ขนาดนี้
     
    ทุกอย่างจะตัดสินกันในเวลานี้ สามวันกับการฝึกร้องเพลง ท่องจำทำนอง ฝึกอ่านเนื้อเพลง ซ้อมร้องจริง รักษากระดาษเนื้อเพลงจากเงื้อมมือของสัตว์ป่าขี้รำคาญ(?)
     
    เอ่อ... จะอะไรก็แล้วแต่ เอาเป็นว่าสามวันมันคงต้องร้องได้แล้วแหละ
     
    โคลมหายใจเข้าลึกๆ ตั้งสมาธิ ต่อสู้กับความน่ากลัวของเมฆาหนุ่มซึ่งจ้องเธอไม่วางตา ก่อนจะเปิดริมฝีปากและปล่อยให้เสียงใสลอดผ่านออกมา
     
    เขียวขจี นามิโมริ~                                          midori tanabiku namimori no~
    ไม่ใหญ่ ไม่เล็ก กลางๆ แหละดี~                  dainaku shounaku namiga ii~
    โรงเรียนเราไม่เคยเปลี่ยนแปลง~                 itsumo kawaranu~
    เหล่าเด็กๆ ขยันขันแข็ง                                  tsukoyaka kenage
    อ๊า อา~                                                            aah~
    มาร้องเพลงด้วยกัน~                                      tomoni u taou~
    โรงเรียนนามิโมริ~                                          namimorichuu~
     
    ก้อนขนสีเหลืองที่ความจริงเป็นนกได้ยินเสียงเพลงโปรด(เพลงเดียว)ของตัวเองจึงบินเข้ามาจากหน้าต่างเพื่อมาร่วมแจม
     
    ยามเช้าสดใสของนามิโมริ~                          asa tsuyu kagayaku namimori no~
    ธรรมดาเรียบง่ายแหละดีแล้ว~                      heihei bonbon nami de ii~
    ไม่ต้องหนักใจ                                                 itsumo kiowanu
    เหล่าเด็กๆ ขยันขันแข็ง                                  tsukoyaka kenage
    ฮ้าฮา~                                                              Haha~
    มาหัวเราะด้วยกัน~                                          tomoni waraou~
    โรงเรียนนามิโมริ~                                           namimorichuu~
     
    ฮิบาริแปลกใจในทีแรกกับปฏิกิริยาของนกเพื่อนเกลอของเขา แต่เมื่อเสียงอันไพเราะทั้งสองประสานกัน ประสาทเขาก็รู้สึกผ่อนคลาย
     
    เธอกับฉันเจอกันในนามิโมริ~                       kimi to bokutou de namimori no~
    เรื่องธรรมดา ดาษๆ นี่แหละ~                       atari mae taru nami de ii~
    เราอยู่ด้วยกันเสมอ                                        itsumo issho ni
    เหล่าเด็กๆ ขยันขันแข็ง                                 tsukoyaka kenage
    อ๊า อา~                                                           aah~
    เราก้าวเดินไปด้วยกัน~                                  tomoni ayumou~
    โรงเรียนนามิโมริ~                                         namimorichuu~
     
    [เครดิต ภาษาไทย : Last overtime (ใน Dek-D นี่แล) ภาษาญี่ปุ่น : ดูยูทูบมาพิมพ์]
     
    เสียงเพลงจบลง เด็กสาวเงียบ นกเงียบ เด็กหนุ่มก็เงียบ มันช่างเป็นบรรยากาศที่แสนอึดอัดอะไรอย่างนี้ ถึงขนาดเด็กสาวทนไม่ไหวต้องเอ่ยปากทำลายความเงียบ
     
    “คุณเมฆา ฉัน...ผ่านมั้ยคะ?”
     
    ประธานฯหนุ่มไม่ตอบ เหมือนกับจงใจทรมานเด็กสาว เขาหันไปมองนกขุนปุยสีเหลืองซึ่งบินมาเกาะที่ไหล่เขาก่อนจะส่งเสียงเรียก “ฮิบาริ! ฮิบาริ!”
     
    “เจ้านี่ชอบเสียงของเธอ” เขาสัมผัสหัวนกน้อยเบาๆ
     
    “เธอผ่านการทดสอบ”
     
    เด็กสาวยิ้มกว้างด้วยความปลื้มปิติ ทั้งความสุขใจและความโล่งใจถาโถมเข้ามาพร้อมกับภูเขาที่ออกจากอกไป เธอก้าวเข้าไปใกล้เด็กหนุ่มที่ไม่ทันระวังตัว ก่อนจะเขย่งเท้าขึ้นและโน้มหน้าเข้าไปใกล้...
     
    จุ๊บ!
     
    ริมฝีปากนุ่มที่สัมผัสแก้มขวาของตัวเองทำให้ฮิบาริสะดุ้งถอยกลับสองก้าวพร้อมกับงัดทอนฟาตั้งท่าต่อสู้ด้วยความระแวง(?)
     
    โคลมเพียงแค่คำนับสี่สิบห้าองศาและวิ่งออกไปจากห้อง
     
    หลายวินาทีผ่านไป ฮิบาริกลับคืนสู่สภาพเดิมพร้อมกับนกตัวเหลืองที่บินไปรอบๆ ห้อง
     
    ‘ทำไมฉันถึงปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นแตะตัว?...’
     
    เขารู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา แต่เหมือนกับร่างกายไม่ตอบสนอง คงไม่ใช่ว่าในเสียงร้องเพลงนั่นแฝงมายาอะไรไว้หรอกนะ?
     
    ปีศาจแห่งนามิโมริไม่รู้สึกตัวเลย ว่าเสียงเพลงจากสัปปะรดน้อยได้กล่อมจิตใจของเขาให้สงบได้อย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน
     
    --

    R:"อย่างที่หลายๆ คนบอก เหมือนไม่ใช่ 1896 เเน่น้อน! คนเเต่งเคยเเต่งฟิครีบอร์นซะที่ไหน! เเล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฮิบาริมีคาเเร็คเตอร์ที่เขียนบทหวานยากโคตรๆ (อันนี้เป็นคาเเร็คเตอร์ของโลกสิบปีข้างหน้า ก็ฮิบาริเปลี่ยนไปช่วงนี้เเหละ ดูที่ 'บทชิมอน')

    DX:"พอๆ ไม่ต้องหาข้ออ้าง ห่วยเเนวหวานมดขึ้นเเล้วยังไม่มีปัญญาดึงคาเเร็คเตอร์เขามาเขียนอีกตะหาก"

    R:"เออ จริง จริงอย่างไม่ต้องสงสัย เเต่ฉันก็เป็นประเภทดำเนินเรื่องเเบบช้าๆ ซะด้วย ก็มันมีประโยคนึงค้ำคออยู่"

    [ฮิบาริเกลียดมุคุโร่ชนิดพยาธิตัวตืดในลำไส้ยังน่ารักกว่าเป็นกอง]

    R:"ประเด็นก็คือ ถ้าฮิบาริรู้ว่าโคลมเป็นร่างทรงของมุคุโร่ น่าจะเดือดกว่านี้ด้วยซ้ำ (เเต่เราต้องการให้พี่เเกใจเย็น จริงมะ? ไม่งั้นชาติหน้าคงไม่ได้คู่กัน) เเล้วก็จู่ๆ ฮิบาริจะไปสบตาโคลมปิ๊งๆ เเล้วคิดขึ้นมาว่า 'น่ารักดีเเฮะ' ก็กลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับเท่าไรก็ไม่รู้(เพราะคนเล่นมุขนี้บ่อย)ของโลกสิ"

    DX:"...แถเข้าไป..."

    R:"ส่วนเรื่องฮิบาริโหดนี่ คือ...ไม่ใช่เขาโหดอยู่เเล้วเรอะ? ไม่ใช่ไงหรอก อันนี้เป็นฮิบาริในสายตาคนเขียน(ซึ่งนอกคอกจากคนอื่น) ฮิบาริตอนเเรกที่เเทบไม่เคยได้คุยกับโคลม (เอ๊ะ? หรือไม่เคยคุยกันเลย?) มันก็ต้องห่างเหินกันยังงี้เเหละ เเละยังจำเป็นต้องมีมาดหัวหน้าเเก๊งค์อันธพาล เอ๊ย! กรรมการรักษาระเบียบด้วย รอไปก่อน เดี๋ยวก็สนิทกันไปเอง คนเขียนเตรียมเเผนมัดตัวติดกันเอาไว้เเล้ว อย่าห่วงมากนักเลย (ห่วงได้นิดหน่อย คนเขียนเองยังห่วงเลย)"

    DX:"ส่วนสุดท้ายนั่น ไอ้เจ้านี่มันพิมพ์ไม่ลื่นเหมือนส่วนอื่นด้วยนะ จะบอกให้"

    R:"ขอโทษทุกคนด้วยที่ทำให้ผิดหวัง เเต่คนเขียนกำลังพยายามสุดความสามารถเพื่อที่จะลากเอาเมฆาที่อยู่สูงลิบลิ่วเป็นกิโลฯจากพื้นกับหมอกที่ลอยต่ำขนาดเด็กเดินเตาะแตะข้างบ้านยังโดนบังหัวให้เข้ามาใกล้ๆ กันให้ได้ พอดีคนเขียนอ่านงานเขียนเเบบที่บทบรรยายเยอะๆ มากไปหน่อยเลยติดมา ทำให้บทหวานไม่ถนัดไปด้วย เเต่เดี๋ยวไปหาคัมภีร์ฝึกปรือที่เขาคุนลุ้น(?)ก็น่าจะพิมพ์คล่องปรื๋อเเล้ว(ถ้ามันง่ายยังงั้นคงไม่กระอักเลือดเเบบตอนนี้หรอกเนาะ?)"

    [สำหรับตัวละครที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในเรื่อง ไม่ต้องเป็นห่วง คนเขียนไม่มีเเผนจะจับคู่ใครเป็นพิเศษอีกเเล้วนอกจาก 1896 (อย่างน้อยก็ตอนนี้) เป็นตัวประกอบที่สร้างขึ้นมาเป็นครั้งคราวเท่านั้นเอง(คล้ายๆ ฮานะในตอนแรกๆ ของการ์ตูน)]
     
    --
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×