คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 4: คำขอของเพื่อนสมัยเด็ก
โรงเรียนเวทมนตร์ทริสเทน หอพักนักเรียนเงียบสงัด เนื่องจากขณะนี้ดึกแล้ว นักเรียนส่วนใหญ่ต่างก็หลับหรือไม่ก็อ่านหนังสืออยู่ในห้องตัวเองเงียบๆ บนทางเดินที่มีเพียงแสงสลัวจากโคมไฟ เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทายืนพิงกำแพงอยู่ใกล้กับประตูบานหนึ่ง ฟังเสียงที่อยู่ด้านใน
“หยุดเถอะหลุยส์...!” เสียงของอังริเอตต้าดังออกมาถึงข้างนอกโดยที่เขาไม่ต้องเงี่ยหูฟัง
“ตอนนี้ไม่มีทั้งคาร์ดินัล ท่านแม่ และพวกขุนนางละโมบในราชสำนักที่สวมหน้ากากเป็นมิตรอยู่ที่นี่ ถ้าแม้แต่หลุยส์ ฟรังซัวส์ เพื่อนรักที่ฉันคิดถึงยังทำตัวเหินห่าง ฉันจะพึ่งใครได้...!”
สีหน้าของเอ็กซ์ดำมืดลง ถึงจะพอเดาได้ก่อน แต่พอมาได้ยินจริงๆ ว่าเด็กผู้หญิงเมื่อตอนนั้นต้องเจอกับปัญหาสำคัญของผู้นำประเทศ—ปัญหาเดียวกับที่เขาเคยเจอแล้วก็อดสลดใจไม่ได้
เพื่อนเก่าสองคนคุยเรื่องสมัยเด็ก คนหนึ่งอย่างปลื้มใจ อีกคนหนึ่งอย่างเอียงอายและซาบซึ้ง เช่นว่าเรื่องที่ทั้งสองเคยวิ่งเล่นไล่จับผีเสื้อกันที่สวนในวัง แล้วตัวเปื้อนดินกลับไป ทำให้ถูกมหาดเล็กดุ แล้วก็ยังเคยแย่งเค้กครีมจนบานปลายเป็นทะเลาะกันจริงๆ คนที่ชนะมักจะเป็นเด็กหญิงผมสีชมพูที่ดึงผมของคู่ทะเลาะจนร้องไห้
‘ว้าว...เรื่องของเด็กๆ แฮะ’ เขาอดจะคอมเมนต์ในใจไม่ได้
“แล้วก็ยังตอนที่เราแย่งเสื้อผ้ากันในห้องนอน เพราะตกลงกันไม่ได้ว่าใครจะเล่นบท<เจ้าหญิง>ใน<ราชสำนักสมมุติ> แล้วก็เป็นหมัดของฉันเข้าที่ท้องของหลุยส์ ฟรังซัวส์ที่ตัดสินผล” อังริเอตต้าพูดด้วยน้ำเสียงสดชื่น
หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะ หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวแล้ว เด็กหนุ่มผมดำซึ่งนั่งเป็นหมาอยู่ก็ต้องตาโตเมื่อถึงบางอ้อ ว่าองค์หญิงที่ดูสูงสง่านั้น ที่จริงแล้ว...เป็นหญิงห้าว...
‘อืม...เด็กจริงๆ...’ ด้านนอก เอ็กซ์ยังไม่เลิกคอมเมนต์ในใจ
“แต่ว่าหม่อมฉันรู้สึกซาบซึ้งยิ่งนักที่องค์หญิงยังทรงจำหม่อมฉันได้...หม่อมฉันนึกว่าพระองค์จะทรงลืมไปแล้วเสียอีก”
คำพูดของเด็กสาวผมสีชมพูทำให้สีหน้าของเอ็กซ์มืดมนลง
‘...ลืมเหรอ...’
องค์หญิงถอนหายใจและนั่งลงที่ขอบเตียง
“ฉันจะลืมได้ยังไง? ช่วงเวลานั้นมีแต่ความสุข ไม่มีเรื่องให้ต้องกลุ้มใจ” ความเศร้าฝังแน่นในน้ำเสียงของเธอ
“ฉันอิจฉาเธอจริงๆ นะ หลุยส์ ฟรังซัวส์ อิสระเสรีช่างเป็นสิ่งที่ล้ำค่าจริงๆ...”
“แต่ว่าพระองค์ทรงเป็นองค์หญิงมิใช่หรือเพคะ?”
“องค์หญิงก็เหมือนนกที่ถูกเลี้ยงไว้ในกรง ต้องทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายโดยไม่มีสิทธิ์ค้าน...”
อังริเอตต้ามองออกไปที่ดวงจันทร์นอกหน้าต่างอย่างเหงาหงอย องค์หญิงหันกลับมากุมมือของหลุยส์และยิ้มหวาน
“ฉัน...ฉันกำลังจะแต่งงานแล้วนะ”
“...หม่อมฉันขอแสดงความยินดีด้วยนะเพคะ”
‘ยินดีกับผีน่ะสิ’ เอ็กซ์เกือบจะเผลอพูดออกมาเสียงดัง ไม่ต้องเป็นคนเฉียบคมก็ฟังออกว่าน้ำเสียงนั้นมีความเศร้าแฝงอยู่ เด็กสาวผมสีชมพูเองก็คงรู้ ถึงได้ตอบเสียงเบาแบบนั้น
ในตอนนั้นเองที่อังริเอตต้าสังเกตเห็นเด็กหนุ่มผมดำอยู่บนที่นอนฟาง(ก็คือเอาฟางมากองรวมกัน เหมือนที่นอนม้า)
“อ้าว? นี่ฉันมารบกวนรึเปล่า?”
“รบกวนอะไรหรือเพคะ?”
“เขาไม่ใช่คนรักของเธอหรอกเหรอ? ฉันมัวแต่รำลึกอดีตซะจนไม่ได้สนใจคุณเลย ขอโทษด้วยนะคะ” อังริเอตต้ากล่าวขอโทษไซโตะ
เสียงของหลุยส์ดังออกมาจากด้านใน เธอปฏิเสธอย่างหนักแน่น บอกว่านี่คืออสูรรับใช้ของเธอ อังริเอตต้าประหลาดใจที่อสูรรับใช้เป็นมนุษย์ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เธอเพียงแต่ถอนหายใจเมื่อนึกถึงเรื่องกลุ้มใจที่กำลังเผชิญ
“องค์หญิงทรงถอนหายใจทำไมหรือเพคะ?”
“เปล่าหรอก ไม่จำเป็นที่เธอจะต้องมาทุกข์ร้อนกับปัญหาของฉันด้วยหรอก”
“ได้โปรดบอกแก่หม่อมฉันเถิดเพคะ ปัญหาใดที่ทำให้องค์หญิงที่ร่าเริงเช่นพระองค์ต้องถอนหายใจ”
“...ไม่ ฉันบอกเธอไม่ได้หรอก ลืมซะว่าฉันเคยพูดก็แล้วกันนะ หลุยส์”
“หม่อมฉันไม่ลืมหรอกเพคะ! องค์หญิงทรงเรียกหม่อมฉันว่า<เพื่อน>เอง แล้ว<เพื่อน>ก็ควรจะเล่าความทุกข์ให้กันและกันฟังมิใช่หรือเพคะ?”
ได้ฟังคำพูดของหลุยส์ อังริเอตต้ายิ้มอย่างชื่นบาน
“เธอเรียกฉันว่าเพื่อน ฉันดีใจจริงๆ”
อังริเอตต้าพยักหน้าอย่างแน่วแน่ ก่อนจะเปิดปากเล่าเรื่องกลุ้มใจให้ฟัง ไม่ลืมกำชับว่าอย่าบอกใคร
‘ท่าทางจะเป็นเรื่องสำคัญ...’
“เฮ้ย!” เสียงร้องดังขึ้น เอ็กซ์หันขวับไปตามเสียง พบว่าเป็นนักเรียนชายผมสีทองคนหนึ่ง เขาถูกเห็นเข้าซะแล้ว
“นี่แก—อุ๊บ!” ปากของนักเรียนชายคนนั้นถูกปิดอย่างรวดเร็ว เอ็กซ์ล็อกคอเอาไว้จากด้านหลังไม่ให้ส่งเสียงได้
“ขอโทษด้วยนะ แต่ฉันกำลังอยู่ระหว่างธุระสำคัญ” ‘ต้องแอบฟัง’ อาจเป็นการรุกล้ำความเป็นส่วนตัวที่มากเกินไป แต่เขาก็อยากจะรู้ว่าเด็กหญิงที่เขาเคยรู้จักเมื่อตอนนั้นมีเรื่องกลุ้มใจอะไร
เอ็กซ์ลากนักเรียนชายคนนั้นมาที่หน้าประตูด้วย มือยังปิดปากเอาไว้อย่างแน่นหนาด้วยแรงที่เด็กหนุ่มที่ไม่เคยจับอาวุธไม่มีทางแกะออกได้
“ฉันจะต้องแต่งงานกับจักรพรรดิของเยอร์มาเนีย”
“เยอร์มาเนีย?! ประเทศของพวกคนเถื่อนนั่นน่ะหรือเพคะ?!” หลุยส์โพล่งออกมาตามวิสัยของคนที่เกลียดเยอร์มาเนียโดยกำเนิด
“เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี เป็นสิ่งที่ต้องทำ”
อังริเอตต้าอธิบายสถานการณ์ทางการเมืองของฮาลเคกิเนียให้ฟัง
ในอัลเบี้ยน ราชวงศ์ใกล้จะสูญสิ้นอำนาจ หากคณะปฏิวัติได้ชัย เป้าหมายต่อไปจะต้องเป็นทริสเทน เพื่อความอยู่รอด ทริสเทนจำเป็นต้องได้ความช่วยเหลือจากเยอร์มาเนียซึ่งเป็นประเทศที่ใหญ่และมีกำลังทางทหารมากกว่า และเพื่อการเชื่อมสัมพันธ์ องค์หญิงอังริเอตต้าจะต้องอภิเษกกับจักรพรรดิของเยอร์มาเนีย
“เป็นเช่นนี้เองหรือเพคะ...” หลุยส์เอ่ยเสียงสลด เห็นได้ชัดว่าอังริเอตต้าไม่เต็มใจเลยแม้แต่น้อย
“ไม่เป็นไรหรอก หลุยส์ ฉันทิ้งความหวังที่จะได้แต่งงานกับคนที่รักไปนานแล้ว” อังริเอตต้าเอ่ยเสียงเศร้า ราวกับรำลึกถึงเรื่องในอดีต
‘คนที่รักเหรอ?’ เอ็กซ์สะกิดใจกับคำคำนี้
“ขุนนางอัลเบี้ยนสองหน้าพวกนั้นไม่ต้องการจะให้ทริสเทนมีไมตรีกับเยอร์มาเนีย ศรสองดอกจะทำลายได้ง่ายกว่าเมื่อไม่ได้ผูกติดด้วยกัน” อังริเอตต้าพูดเป็นเชิงเปรียบเทียบ เป็นวิสัยของชนชั้นสูงชอบพูดกัน หลักฐานแสดงถึงความมีการศึกษา
“พวกนั้นพยายามค้นหาทางที่จะขัดขวางการอภิเษก...และในที่สุดก็พบเข้า” อังริเอตต้ามีสีหน้ากังวล หลุยส์หายใจเฮือก
อังริเอตต้ายกสองมือขึ้นปิดหน้า และทรุดลงกับพื้น หลุยส์รีบตรงเข้าไปประคอง
“ทรงบอกหม่อมฉันเถิดเพคะ! สิ่งใดกันที่สามารถทำลายการอภิเษกขององค์หญิงได้!”
‘ทำลายไปซะก็ดี’ เอ็กซ์อยากจะพูดออกมา แต่คนอย่างเขารู้ดีเกินกว่าจะพูดอะไรไร้ความรับผิดชอบแบบนั้น
“...เป็นจดหมายที่ฉันเขียนขึ้นเมื่อนานมาแล้ว ฉันบอกไม่ได้ว่าเป็นจดหมายอะไร แต่ถ้าหากถูกส่งไปให้ทางเยอร์มาเนีย องค์จักรพรรดิจะไม่มีทางอภัยให้ฉันแน่” อังริเอตต้าเอ่ยเสียงสั่นเครือ แต่เธอไม่ยอมปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา
“จดหมายที่จะทำลายการเชื่อมสัมพันธไมตรีของทริสเทนกับเยอร์มาเนีย ตอนนี้มันอยู่ที่ไหนหรือเพคะ?”
“...ที่อัลเบี้ยน”
“ถ—ถ้าอย่างนั้น—!”
“ไม่หรอก...ผู้ที่ครอบครองจดหมายนั้นคือองค์ชายเวลส์แห่งราชวงศ์อัลเบี้ยน...”
“องค์ชายผู้กล้าหาญพระองค์นั้นน่ะหรือเพคะ?”
ชื่อนี้สะกิดใจผู้ที่ยืนพิงประตูอยู่ด้านนอกด้วยเช่นกัน
‘องค์ชายเวลส์...’ เขานึกไว้อยู่แล้วว่าต้องได้ยินชื่อนี้ไม่ช้าก็เร็ว แต่ไม่คาดคิดว่าจะเป็นในสถานการณ์แบบนี้
“ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป องค์ชายเวลส์จะต้องตกอยู่ใต้เงื้อมมือของกบฏ แล้วจดหมายนั่นก็จะถูกส่งไปที่เยอร์มาเนีย ทุกอย่างจะพังพินาศ! ทริสเทนจะต้องเผชิญหน้ากับกองทัพของอัลเบี้ยนเพียงลำพัง!”
หลุยส์กลั้นหายใจ
“ถ้าเช่นนั้น องค์หญิง เรื่องทุกข์ร้อนที่พระองค์บอกก็คือ...”
ดูเหมือนว่าอังริเอตต้าจะเข้าใจความคิดของเพื่อน จึงออกปากขัดทันที
“ไม่ได้หรอก! ไม่ได้เด็ดขาด! ฉันจะขอให้เพื่อนรักของฉันไปเสี่ยงอันตรายถึงสนามรบในอัลเบี้ยนแบบนั้นได้ยังไง!”
“ไม่ว่าจะเป็นก้นบึ้งของนรก หรือในปากของมังกรร้าย หากเพื่อองค์หญิงแล้ว หม่อมฉันพร้อมที่จะสละชีวิตเพคะ! บุตรีของระกูลวาลลิแยร์ หลุยส์ ฟรังซัวส์ผู้นี้จะไม่แกล้งหลับตาเมื่อเห็นองค์หญิงเดือดร้อนเป็นอันขาดเพคะ!”
หลุยส์คุกเข่าและก้มหัวลง
“ให้เป็นหน้าที่ของหม่อมฉัน ผู้ที่จับฟูเก้ต์แห่งดินสลายเถิดเพคะ”
“เธอ...จะช่วยฉันจริงๆ น่ะเหรอ? หลุยส์ ฟรังซัวส์ เพื่อนรักของฉัน!”
“แน่นอนเพคะ องค์หญิง!”
อังริเอตต้ายิ้มอย่างโล่งอก แต่ว่ายังเหลือความลังเลที่จะส่งเพื่อนรักออกไปเสี่ยงอันตรายอยู่ ‘ไม่เป็นไร แค่ไปเอาจดหมายแล้วก็กลับ คงไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอก’ เธอพยายามบอกตัวเอง
“ฉันมั่นใจว่าผู้ที่สามารถจับตัวฟูเก้ต์แห่งดินสลายได้จะต้องทำภารกิจที่แสนลำบากนี้ได้สำเร็จ” อังริเอตต้ายิ้ม เธอจำเป็นต้องมั่นใจ
“ภารกิจนี้เร่งด่วนแค่ไหนหรือเพคะ?” หลุยส์ถามเข้าประเด็น
“ข่าวล่าสุดบอกว่าพวกกบฏขับไล่ราชวงศ์อัลเบี้ยนไปจนมุมที่ปลายสุดของอาณาจักร ไม่นานราชวงศ์ก็คงจะล่มสลาย...”
“ถ้าเช่นนั้นเราจะไปกันพรุ่งนี้เลยเพคะ!” หลุยส์ตอบอย่างหนักแน่น เล่นเอาอสูรรับใช้มองเธอตาโต
เอ็กซ์ฟังบทสนทนาอยู่ข้างนอก ความกังวลใจเพิ่มมากขึ้นทุกขณะ
‘เป็นภารกิจที่อันตรายมาก ทั้งต่อคนที่ไปทำ และคนที่รออยู่...’ ถ้าเป็นยามปกติ เขาจะไม่เข้าไปยุ่งกิจการภายในของอาณาจักร เพราะเขาเข้าใจว่ามันเป็นกลไกของโลก แต่ว่าครั้งนี้...มีเด็กผู้หญิงที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่เมื่อเก้าปีก่อนอยู่ด้วย ถ้าอย่างนั้นเขา...
ประตูเปิดออก สามคนในห้องหันไปมองด้วยความตกใจ
เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาในเสื้อคลุมฮู้ดสีขาวและผ้าสีแดงพันที่เอวยืนอยู่ ใบหน้าของเขาเรียบเฉย ปราศจากซึ่งอารมณ์ใดๆ หนีบอยู่ใต้แขนขวาของเขาคือศีรษะที่มีเส้นผมสีทอง
“นาย!”
“แล้วก็กีช!”
หลุยส์กับไซโตะตกใจที่เห็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาโผล่เข้ามา เอ็กซ์ปล่อยเด็กหนุ่มที่ชื่อกีชลงกับพื้น และเผชิญหน้ากับองค์หญิงอังริเอตต้า
เส้นผมสีน้ำตาลเกาลัดตัดสั้นเหนือคิ้ว ด้านข้างยาวสลวยลงเคล้าที่ระดับอก ดวงตาสีฟ้าเปล่งปลั่งดั่งน้ำทะเลฉายแววตระหนกและกังวลใจ เอ็กซ์รู้สึกเหมือนตกหลุมรักเด็กสาวคนนี้อีกครั้ง แต่เขาไม่แสดงอาการใดๆ ออกทางสีหน้าแม้แต่จะขยับคิ้ว เขาสามารถทำได้ขนาดนี้เมื่อเขาตั้งใจจริง
“นี่พวกนายแอบฟังเรางั้นเหรอ?!” ไซโตะถามเสียงดัง เขาทั้งตกใจทั้งโมโห
“ฉันเปล่านะ! เจ้าคนชั้นต่ำนี่ลากฉันมาเองตะหาก!” เด็กหนุ่มผมทองที่อยู่บนพื้นปฏิเสธเสียงดัง ทว่าผู้ที่ถูกกล่าวหาอีกหนึ่งเพียงแต่ยืนนิ่ง ราวกับกำลังพิจารณาคำพูดที่จะใช้ ในที่สุดเขาก็คุกเข่าลง
“องค์หญิงอังริเอตต้า โปรดให้กระหม่อมได้ร่วมเดินทางในภารกิจนี้ด้วยเถิดพะยะค่ะ” เอ็กซ์กล่าวอย่างนอบน้อมขณะที่ก้มหัวลงต่ำซะจนคนที่ยืนอยู่มองไม่เห็นหน้าของเขา
“เจ้าคนสามหาว! องค์หญิงจะทรงไว้ใจให้สามัญชนอย่างเจ้าทำงานสำคัญนี้ได้อย่างไร!” หลุยส์เอ่ยอย่างหัวเสีย
“แต่เมื่อครู่นี้องค์หญิงตรัสว่าภารกิจอันแสนลำบากนี้หากให้ผู้ที่จับฟูเก้ต์แห่งดินสลายได้เป็นคนทำจะต้องสำเร็จแน่ มิสวาลลิแยร์ลืมไปแล้วหรือ ว่าผู้ที่จับฟูเก้ต์นั้นไม่ได้มีเพียงคุณ” คำพูดของเอ็กซ์ทำเอาหลุยส์ผงะ
“ก็จริงแฮะ มีหลุยส์ ฉัน นาย แล้วก็คีร์เก้กับทาบาสะ” ไซโตะยอมรับว่ามันจริง และคลายความตึงเครียดลง
อังริเอตต้าเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะหันไปถามเด็กสาวผมสีชมพู
“ชายผู้นี้เองก็ช่วยจับฟูเก้ต์ด้วยงั้นรึ?”
“...เป็นเช่นนั้นเพคะ” หลุยส์ตอบอย่างไม่เต็มใจ
อังริเอตต้าหันกลับไปมองเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทา การสบตากับเขาทำให้เธอเกิดความรู้สึกประหลาดขึ้น แต่มันก็เล็กน้อยเสียจนเธอไม่ได้ใส่ใจอะไร
“ท่านมีนามว่ากระไรรึ?”
ความรู้สึกประหลาดรบกวนจิตใจของเธอขณะรอคำตอบ ราวกับเธอคาดว่าจะได้ยินชื่อบางชื่อที่เธอรู้จัก แม้จะจำไม่ได้ว่าชื่อนั้นคืออะไร
“...นามของกระหม่อมคือ [ซาวิเยร์] พะยะค่ะ” เอ็กซ์ตอบชื่อที่เขาตั้งให้ตัวเอง และอดกลั้นแรงกระตุ้นที่บอกให้ตอบชื่อจริงออกไป
เมื่อได้ยินชื่อที่ไม่คุ้นหู ความรู้สึกที่รบกวนใจของอังริเอตต้าก็หายไป
“ซาวิเยร์ ท่านปรารถนาที่จะร่วมเดินทางไปกับหลุยส์ ฟรังซัวส์เพื่อปฏิบัติภารกิจอันสำคัญนี้หรือ?”
“พะยะค่ะ” ซาวิเยร์ตอบรับสั้นๆ
อังริเอตต้าหันไปทางเพื่อนรักเป็นเชิงถาม หลุยส์ถอนหายใจ
“ทรงแล้วแต่องค์หญิงเถิดเพคะ ถ้าทรงเห็นว่าสามัญชนผู้นี้ไม่คู่ควร หม่อมฉันพร้อมจะปิดปากเจ้าคนถ่อยนี้ในทันที”
อังริเอตต้าได้ยินข้อเสนอของเพื่อนรักก็เหงื่อตก ก่อนจะหันกลับไปที่ซาวิเยร์
“ถ้าเช่นนั้น ข้าอนุญาต”
“ขอบพระทัยพะยะค่ะ”
“ค—คอยก่อนพะยะค่ะ!”
เสียงนั้นเป็นของเด็กหนุ่มผมทองที่ถูกลากมาแต่แรก เขารีบลุกขึ้นคุกเข่า
“องค์หญิง โปรดให้กระหม่อมไปด้วยเถิดพะยะค่ะ!”
“และท่านคือ?” อังริเอตต้ารู้แค่เพียงว่าเขาเป็นชนชั้นสูงคนหนึ่ง
“โปรดกรุณาให้กระหม่อม [กีช เดอ กรามองต์] ได้ช่วยเหลือพระองค์ในภารกิจที่แสนอันตรายนี้ด้วยพะยะค่ะ!”
“กรามองต์? นายพลกรามองต์น่ะหรือ?”
“กระหม่อมเป็นบุตรของนายพลกรามองต์แห่งกองทัพทริสเทนพะยะค่ะ!” กีชลุกขึ้นยืนและค้อมตัวอย่างเคารพนบนอบหนึ่งครั้ง
“ท่านเองก็ปรารถนาที่จะร่วมเดินทางกับหลุยส์ ฟรังซัวส์ด้วยเช่นนั้นหรือ?”
“หากได้เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจอันแสนสำคัญนี้ จะเป็นเกียรติอย่างสูงแก่กระหม่อมพะยะค่ะ!” กีชตอบอย่างกระตือรือร้น
“ขอบใจท่านมาก บิดาของท่านเป็นขุนนางที่กล้าหาญ ท่านเองก็ได้รับสายเลือดที่ยิ่งใหญ่นี้มา เช่นนั้น ข้าขอร้องให้ท่านได้โปรดช่วยเหลือองค์หญิงผู้โชคร้ายผู้นี้ด้วย ลอร์ดกีช” อังริเอตต้ายิ้มให้เด็กหนุ่มผมทอง
กีชถูกทั้งเรียกชื่อและยิ้มให้ ตื่นเต้นซะจนเป็นลมสลบไป ไซโตะเข้าไปเอาดาบเขี่ยดูว่าตายรึยัง หลุยส์ไม่สนใจการรบกวนและหันไปพูดกับองค์หญิงอย่างเป็นการเป็นงาน
“ถ้าเช่นนั้น เช้าวันพรุ่งนี้ พวกเราจะออกเดินทางไปอัลเบี้ยนเพคะ”
“ทางเราได้ข่าวมาว่าองค์ชายเวลส์ตั้งค่ายอยู่ที่นิวคาสเซิ่ลในอัลเบี้ยน”
“รับทราบเพคะ หม่อมฉันเคยเดินทางไปที่อัลเบี้ยนกับพี่สาวมาก่อน พอจะรู้จักพื้นที่แถบนั้นเพคะ”
“ภารกิจนี้เต็มไปด้วยอันตราย หากทางขุนนางอัลเบี้ยนพบพวกเธอเข้า พวกนั้นจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางพวกเธอไม่ให้ทำสำเร็จ”
อังริเอตต้านั่งลงที่โต๊ะ และเริ่มเขียนจดหมาย เธอมองมือตัวเองที่ขยับไปตามกระดาษ ตัวอักษรต่อตัวอักษร ระหว่างนั้นแก้มเธอก็เปลี่ยนเป็นสีชมพู
“มีอะไรรึเพคะ?” หลุยส์ถามด้วยความเป็นห่วง อังริเอตต้าสะดุ้ง
“ม—ไม่มีอะไรหรอก” เธอยิ้มกลบเกลื่อน แต่สีที่แก้มยังไม่จางลง เหตุการณ์นี้ไม่พลาดสายตาของเด็กหนุ่มผ้าพันเอวแดงที่ยืนพิงข้างประตู ไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นกับเด็กสาวผมสีน้ำตาลเกาลัดคนนี้แล้วจะรอดสายตาเขาไปได้
‘อืม...เป็นอย่างนี้เองเหรอ... มิน่าในตอนนั้นองค์ชายเวลส์ถึงได้...
“องค์ศาสดาบริมิร์...โปรดยกโทษองค์หญิงที่เห็นแก่ตัวผู้นี้ด้วย ในขณะที่อาณาจักรของข้าพระองค์กำลังตกอยู่ในอันตราย ตัวข้าพระองค์กลับห้ามใจมิให้เขียนประโยคนี้ลงไปมิได้...ข้าพระองค์มิอาจโกหกความรู้สึกของตัวเองได้...”
สีหน้าของอังริเอตต้าดูราวกับเขียนจดหมายรักมากกว่าจะเป็นสารลับ ทั้งหลุยส์และเอ็กซ์ต่างนิ่งเงียบ ใจของเอ็กซ์เกิดช่องว่างขึ้น แต่เขาทำเป็นไม่รับรู้
อังริเอตต้าม้วนจดหมายที่เธอเขียน จากนั้นก็สะบัดไม้เท้า ตราประทับขี้ผึ้งปรากฏขึ้นและกดลงบนกระดาษนั้น เธอยื่นม้วนจดหมายให้กับหลุยส์
“เมื่อได้พบองค์ชายเวลส์แล้ว ขอให้มอบจดหมายนี้ให้กับเขา องค์ชายจะมอบจดหมายในภารกิจให้กับเธอกลับมา”
หลุยส์รับจดหมายไปและค้อมตัวหนึ่งที อังริเอตต้าหันไปทางไซโตะ
“คุณอสูรร้บใช้ที่พึ่งพาได้”
ไซโตะชี้ตัวเองอย่างงงๆ ก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่ล่ะครับ คิดซะว่าผมเป็นหมาเถอะครับ”
เอ็กซ์มองไซโตะแล้วก็นึกในใจ ‘สงสัยที่โดนล่ามโซ่ลงแส้ตอนเช้าความมั่นใจจะยังไม่กลับมา’
“คุณอสูรรับใช้ จากนี้ไปก็ช่วยปกป้องเพื่อนที่ฉันรักที่สุดต่อไปด้วยนะคะ”
อังริเอตต้ายื่นมือออกไปข้างหน้า แต่ไม่ใช่ในท่าจับมือ เป็นการหันหลังมือให้ ไซโตะที่ไม่คุ้นเคยกับมารยาทในราชสำนักดูจะไม่เข้าใจ
“ไม่ได้นะเพคะ! ทรงยื่นพระหัตถ์ให้อสูรรับใช้ได้อย่างไร!” หลุยส์ท้วงเสียงดัง
“ไม่เป็นไร หากไม่แสดงความจริงใจแล้ว ฉันจะหวังความจริงใจจากเขาได้อย่างไร”
“อึก...”
“ส่งมือ? ขอมือแบบทำกับหมาเหรอ...” ไซโตะคอตก ยังไม่เลิกยึดติดกับคำว่า ‘หมา’
“ไม่ใช่ย่ะ ยังงี้ล่ะนายถึงได้เป็นได้แค่ ‘หมา’ ...หมาไพร่ด้วย ไม่ได้รู้อะไรเลย เมื่อองค์หญิงทรงยื่นพระหัตถ์ให้ พูดแบบง่ายๆ ให้หมาอย่างนายเข้าใจก็คือให้<จูบได้>ย่ะ”
ไซโตะตาโต
“หา...อะไรจะใจถึงปานนั้น...”
ประโยคนั้นทำให้สัญญาณเตือนในหัวเอ็กซ์ดัง
อังริเอตต้ายิ้มหวานให้ไซโตะ แม้ว่าคนอื่นจะเห็นชัดว่าเป็นยิ้มแบบที่ใครๆ สวมกันเวลาเจรจาธุรกิจ แต่สำหรับไซโตะ มันคือคำอนุญาต
เขาจับมือที่องค์หญิงส่งให้
“เดี๋ยวก่อน”
เอ็กซ์ร้องห้าม เสียงไม่ดัง แต่แฝงความเฉียบขาด
“...ที่มือนะ”
“เอ๋?”
“จูบที่มือ”
“...อ้าว? ยังงั้นหรอกเหรอ?” ไซโตะถึงบางอ้อ
คราวนี้เป็นสัญญาณในหัวหลุยส์ที่ดัง แต่ไม่ใช่สัญญาณเตือน...เป็นสัญญาณประหาร
“ว—ว—ว่าไงนะ อ—อ—ไอ้หมา—!!!”
“เฮ้ย! อย่า!!”
ตึง! โครม!
...
ไซโตะจับมือขององค์หญิงแล้วจุมพิตด้วยริมฝีปาก...ที่บวมเป่ง...เช่นเดียวกับส่วนอื่นบนใบหน้า
หลุยส์จ้องอสูรรับใช้ตัวเองอย่างกินเลือดกินเนื้อ ถ้าองค์หญิงไม่ห้ามไว้ ที่เธอรัดคอเมื่อกี้อาจไม่ปล่อยก็ได้
“ขอประทานอภัยด้วยเพคะ! ถึงจะฆ่าไม่ได้ แต่หม่อมฉันจะลงโทษเจ้าหมาสัปดนนี่ไปอีกร้อยวัน!”
“(อู้อี้)ร้อยวัน!?!(อู้อี้)” ไซโตะตอบเสียงอู้อี้เพราะปากและลิ้นไม่อยู่ในสภาพที่ใช้การได้
อังริเอตต้ายิ้มเจื่อนๆ
“คุณอสูรรับใช้คะ?”
“(อู้อี้)ผมไม่เป็นไรครับ...(อู้อี้)”
เอ็กซ์รู้สึกสงสารไซโตะที่ต้องเจอทารุณกรรมแบบนี้...แต่แค่นิดหน่อย
อังริเอตต้าถอดแหวนที่นิ้วนางข้างขวาออกมาและยื่นให้หลุยส์
(Credit: baka-tsuki.org)
“นี่คือ<ทับทิมวารี>ที่ฉันได้รับมาจากท่านแม่ ฉันมอบให้เธอเป็นเครื่องราง หรือถ้าหากมีปัญหาด้านการเงินในระหว่างการเดินทาง ให้ขายมันกับพ่อค้าเพื่อเป็นทุนต่อไป”
หลุยส์รับแหวนและก้มหัวโดยไม่พูดอะไร
“ภารกิจนี้เป็นอนาคตของทริสเทน ขอให้แหวนของท่านแม่ปกป้องพวกเธอจากสายลมที่รุนแรงของอัลเบี้ยนด้วยเถิด”
...
จากข้างเสาค้ำสะพานในสนามหญ้าของโรงเรียน เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทามองร่างในผ้าคลุมที่รีบร้อนกลับไปยังที่พัก
“อังริเอตต้า ฉันมีความสุขมากที่ได้พบกับเธออีกครั้ง ได้คุยกับเธออีกครั้ง แม้ว่าเธออาจจะลืมเทพธิดาปลอมๆ องค์นี้ไปแล้วก็ตาม บุญคุณของเธอชั่วชีวิตนี้ฉันจะไม่มีวันลืมเลย”
เขานึกไปถึงจดหมายที่อังริเอตต้าฝากไปกับเด็กสาวผมสีชมพู แล้วก็ถอนหายใจ
“ไม่สิ...พระองค์ไม่ใช่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนั้นอีกแล้ว พระองค์ทรงเติบใหญ่เป็นองค์หญิงเต็มตัว กระหม่อมไม่มีสิทธิ์จะเรียกพระองค์ว่าเป็น<อังริเอตต้าของฉัน>อีกแล้ว...แต่ความรู้สึกนี้ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง องค์หญิงอังริเอตต้า...’
เขาล้วงเข้าไปในกระเป๋าด้านในเสื้อคลุมสีขาวและหยิบเอาผลึกสีม่วงอ่อนขนาดเท่ามือกำออกมา ข้างในเป็นดอกไม้กระดาษสีน้ำเงินที่เด็กหญิงคนหนึ่งพับให้เขาเมื่อนานมาแล้ว เด็กหญิงคนนั้นไม่มีอยู่อีกต่อไป
ภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงสุกสกาวของดวงดาวนับล้าน เรปลิลอยด์หนุ่มหลับไปด้วยใบหน้าที่เก็บความเหงาหงอยเอาไว้
--
แนะนำตัวละคร
กีช เดอ กรามองต์
เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
เพศ : ชาย
อายุ : 17 ปี
ส่วนสูง : 175 เซนติเมตร
น้ำหนัก : ไม่ทราบ
ชอบ : ซูเฟล(เป็นเค้กชนิดหนึ่ง), แฟชั่นที่สง่างาม(ในสายตาตัวเองคนเดียว), “หญิงสาวผู้เลอโฉม”
เกลียด : เมื่อโดนจับได้ว่าจับปลาหลายมือ
ข้อมูล : ลูกชายคนที่lujของนายพลกรามองต์ และหวังจะตามรอยเท้าพ่อ แม้ว่าความที่ขาดประสบการณ์ในการรบจริงจะทำให้ดูเหมือนขี้ขลาดก็ตามแต่ความจริงเขาก็มีความกล้าหาญที่น่าชื่นชมอยู่(มั้ง?) ชอบสาวๆ น่ารัก
ชื่อที่สอง [โลหะสัมฤทธิ์] วิชาหลักๆ คือสร้างโกเลมโลหะสัมฤทธิ์ ตามชื่อที่สอง และโกเลมมักจะมีรูปร่างแบบที่เรียกว่า<วิจิตรงดงาม>อะไรประมาณนั้น
อสูรรับใช้คือตุ่นยักษ์ [เวร์ดันดี้]
--
PBW:”ฮึ่ม~ เป็นตอนที่แต่งยากมากกกกกกก~ มีปัญหาแต่กับคำราชาศัพท์”
DX:”มีแต่เนื้อหาในไลท์โนเวล ออริจินัลกว่านี้หน่อยเซ่!”
S:”อ้าว~ ฉันไม่ได้จูบอังริเอตต้าเหรอเนี่ย~”
PBW:”พูดอย่างนั้นจะดีเหรอ...”
S:”ทำไมล่ะ? ก็ครั้งที่แล้วยังได้จูบเลย”
PBW:”ก็...นั่นน่ะ...”
Louise:”ไอ้-หมา~!!!”
DX:”ขอให้ไปสู่สุคติละกันนะ”
*หมายเหตุ: ซาวิเยร์(Xavier) เป็นชื่อภาษาฝรั่งเศส มีความหมายว่า<บ้านหลังใหม่> ไปค้นจากเว็บตั้งชื่อลูกมาเลยนะเนี่ย(คิดว่าชาตินี้คงไม่มีวันได้ใช้นอกจากตั้งชื่อให้ลูกๆ(ตัวละคร)ของตัวเอง)
ความคิดเห็น