ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rockman X {x} Zero no Tsukaima : โลกใบใหม่

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 0: สู่โลกใบใหม่

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.ย. 61


    เคร้ง!

    เสียงปิดประตูลูกกรงเหล็กดังลั่น ร่างสีดำในชุดเกราะสีน้ำเงินเพิ่งจะถูกโยนเข้ามาในห้องขังที่ทั้งมืดทั้งสกปรก

    เห็นเพียงแวบเดียวก็จำได้ในทันที เขาคนนี้คือ [ร็อคแมน เอ็กซ์] วีรบุรุษผู้กอบกู้โลกจากวิกฤติการณ์ครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกคนบนโลกต่างรู้จักเขา...แต่ไม่ใช่ในโลกแห่งนี้

    เอ็กซ์พยายามนึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเมื่อไม่กี่นาทีมานี้ใหม่อีกครั้ง

    เรปลิลอยด์หนุ่มลุกขึ้นยืน สายตามองดูรอบตัว เขาอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมสีขาวปูด้วยพรมแดงประดับตกแต่งในธีมปราสาทตะวันตกยุคกลาง...หรือบางทีอาจไม่ได้เป็นแค่ธีม

    ‘นี่มันอะไรกัน? เรามีร่างกาย? แล้วยังสถานที่ที่...มีแต่ข้อขัดแย้งเต็มไปหมด?’ นี่มันน่าจะศตวรรษที่ยี่สิบสามเป็นอย่างน้อยแล้วแท้ๆ?

    ประตูห้องเปิดผางออกและกลุ่มชายฉกรรจ์ในชุดเกราะทหารแบบเดียวกับที่เห็นยืนป้องกันปราสาทในภาพวาดสมัยโบราณก็กรูกันเข้ามาล้อมกรอบเขาเอาไว้กับกำแพง หอกนับสิบเล่มชี้ไม่ให้ขยับ

    “จับไปขังคุกไว้ก่อน เดี๋ยวข้าจะไต่สวนทีหลัง” ชายที่สวมชุดเกราะดูยศสูงกว่าทหารนายอื่นๆ สั่งเป็นภาษาฝรั่งเศส แต่สำเนียงเก่ามาก อาจต้องย้อนไปถึงช่วงศตวรรษที่สิบสี่สิบห้า จากนั้นเขาก็ถูกพาไปที่คุกใต้ดิน

    ซึ่งก็คือที่ที่เขาอยู่ในปัจจุบัน แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ตอนนี้สิ่งที่ควรใส่ใจมากกว่าก็คือ

    ‘อุโมงค์มิตินั่นพาเรามาที่นี่ ดูจากสภาพแวดล้อมและสำเนียงภาษาแล้ว คิดว่าไม่ใช่ยุคเดียวกับที่เราอยู่ หรืออาจจะไม่ใช่โลกใบเดียวกัน’

    ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ชายผู้เป็นหัวหน้าทหารเมื่อครู่ก็มาเรียกเขาที่หน้าห้องขัง

    “เจ้าหนู กล้ามากที่บุกเข้าไปในห้องบรรทมขององค์ราชา แต่เจ้าดันมาในเวลาที่เลวร้ายที่สุด องค์ราชาเพิ่งจะเสด็จสวรรคต คงไม่มีใครเอาเวลามาสนใจเจ้า ต้องโดนขังลืมอยู่ในนี้ ไม่ก็โทษอุกฉกรรจ์แบบนี้อาจโดนประหารข้อหาโผล่หน้ามาไม่ดูบรรยากาศ” หัวหน้าทหารยามพูดเสียงเยาะใส่เด็กหนุ่มที่อยู่ในห้องขัง

    “เอาล่ะ พูดไร้สาระกันพอแล้ว เจ้าเป็นใคร เข้าไปในห้องที่คุ้มกันแน่นหนาขนาดนั้นได้ยังไง และมีจุดประสงค์อะไร? ขึ้นอยู่กับคำตอบของคำถามสามข้อนี้ โทษของเจ้าอาจจะหนักหรือเบาก็ได้ทั้งนั้น”

    เอ็กซ์นั่งนิ่ง ไม่ใช่กำลังคิดคำตอบ เป็นเพราะเขาไม่มีคำตอบให้ แต่ดูจากสถานการณ์แล้ว เขาควรจะตอบอะไรออกไปบ้าง

    “...ไม่ได้ตั้งใจจะมาหรอก ไม่รู้เหมือนกัน...” เอ็กซ์ตอบตามความจริง แม้ว่าเขาจะรู้อยู่แล้วว่าความน่าเชื่อนั้นต่ำเตี้ยเรี่ยดิน แต่เขาก็คิดคำตอบอื่นไม่ออก และไม่อยากจะคิดด้วย

    “...ไอ้หนู นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะ คำโกหกแบบนี้เด็กหกขวบยังไม่เชื่อเลย” หัวหน้าทหารทำเสียงต่ำอย่างหงุดหงิด แต่เอ็กซ์ก็เงียบไม่พูดอะไร

    “ตอบง่ายๆ ก็เตรียมตัวโดนตัดสินโทษแบบง่ายๆ ไปละกัน” ว่าจบหัวหน้าทหารก็เดินจากไป

    เอ็กซ์นั่งพิงกำแพงห้องขังสำรวจดูรอบตัวอย่างลวกๆ...ก็ไม่ใช่ว่ามีอะไรให้สำรวจนักหรอก แค่ห้องหลังลูกกรงเหล็กว่างๆ ฝุ่นหนาเตอะ ไม่มีหน้าต่างเพราะอยู่ใต้ดิน แสงสลัวจากคบไฟด้านนอกก็แค่พอให้เห็นยามสองสามคนเฝ้าอยู่ และด้านในห้องก็มีกองฟางสำหรับใช้เป็นที่หลับนอนอยู่ข้างกำแพง

    เอ็กซ์นั่งมองพื้นด้วยแววตาเลื่อนลอย ชีวิตสองร้อยปีที่ดิ้นรนต่อสู้เพื่อค้นหาสันติสุขจะต้องมาจบอยู่ที่คุกมืดในสถานที่ที่ทุกคนเห็นเขาเป็นเพียงนักโทษนิรนามคนหนึ่ง เรื่องที่น่าเศร้าที่สุดก็คือ...เขาไม่รู้สึกเศร้าใจแม้แต่น้อย ไม่รู้สึกยินดี ไม่รู้สึกห่วงหาอาวรณ์โลกที่เขารู้จัก คนที่เขารู้จัก ไม่มีความรู้สึกใดๆ นอกจาก...ความรู้สึกเหนื่อย...เหนื่อยที่จะมอง เหนื่อยที่จะฟัง เหนื่อยที่จะรับรู้สิ่งใดๆ เหนื่อยที่จะ...มีตัวตนอยู่เต็มที...

    เขาเพียงแต่นั่ง...รอเวลาที่ชีวิตอันว่างเปล่านี้จะได้จบลง...

    ...

    .....

    ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไรแล้ว ชั่วโมง วัน เดือน ปี แม้แต่ศตวรรษ หรือบางที...อาจจะเพียงไม่กี่วินาที ถ้าพิจารณาแล้วก็น่าจะยังไม่เกินหนึ่งวัน เพราะไม่มีการไต่สวนเพิ่มเติมหรือการให้อาหารประทังชีวิตใดๆ แต่ช่างเถอะ ห่วงเดียวของเขาคือโลกที่เขาอยู่ได้หายไปในวินาทีที่เขาส่งมอบมันต่อให้กับเพื่อนของเขา เขาสามารถหลับได้อย่างสบายใจ...

    ...ไม่หรอก เขาโกหก...ความจริงเขาก็แค่คนที่ตายแล้ว ไม่ใช่ทั้งเรปลิลอยด์และมนุษย์ เป็นเพียงซากของสสาร ไม่มีความรู้สึกสบายใจใดๆ ความรู้สึกเป็นห่วงโลกใบที่เขาอยู่นั้นจางหายไปนานแล้ว ที่เขาทำทุกอย่างเป็นเพียงเพราะความผูกพันในหน้าที่ที่เหลืออยู่น้อยนิด เขาทำเพียงเพื่อรอเวลาดับสูญของตัวเองเท่านั้น

    ส่งต่อโลกให้เพื่อนของเขาดูแลเป็นเพียงข้ออ้างเพื่อที่เขาจะได้ตัดขาดจากทุกสิ่ง หลักฐานก็คือเขาพุ่งเข้าชนช่องว่างของมิติในไซเบอร์สเปซอย่างไม่ลังเล และไม่ใช่เพื่อช่วยเหลือใครหรืออะไร ตอนนั้นเขา...ไม่ได้คิดถึงอะไรเลย นอกจากความรู้สึกที่อยากจะพักเต็มทน

    เขาเป็นเพียงแค่คนที่ทิ้งทุกอย่างเอาไว้เบื้องหลัง และตอนนี้ ณ สถานที่แห่งนี้ที่เขาไม่รู้สึกถึงแม้แต่เศษเสี้ยวของไซเบอร์สเปซ ไม่มีที่ที่เขาจะคงรูปร่างหลังจากกลายเป็นดวงวิญญาณ ดังนั้นสิ่งเดียวที่เขายังเหลืออยู่ ความมีตัวตน เขารอเวลาที่จะทิ้งสิ่งสุดท้ายนี้ไป...ตลอดกาล...

    ...

    เสียงฝีเท้า เบาและสั้น เด็ก... หยุดหน้ากรงที่เขาอยู่ เอ็กซ์เงยหน้าขึ้น ไม่ใช่ด้วยความสนใจ แต่แค่มองไปอย่างนั้นเอง

    เด็กผู้หญิง ผมสีน้ำตาลเกาลัดยาวเลยหัวไหล่ ตาสีฟ้าใสบวมช้ำและเปียกชื้นนั่น ที่เขาเห็นตอนมาถึง...ถ้าคนที่นอนอยู่บนเตียงเป็นพระราชา เด็กคนนี้ก็คงเป็นเจ้าหญิง

    มองมาที่เขาด้วยความสนใจแบบเด็กๆ แล้วยังมีความคาดหวังอยู่หน่อยๆ...ยามทำอะไรอยู่?...ช่างเถอะ เขาจะลองถามดูก็แล้วกันว่าเธอต้องการอะไร...

    “...มีธุระอะไร?...” เสียงที่ไร้ชีวิตทำให้เด็กหญิงสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ

    “ท่าน...เป็นเทพธิดาเหรอคะ?”

    เอ็กซ์แสยะยิ้มที่มุมปากโดยไม่รู้สึกตัว เขาที่อยู่ในคุกน่ะหรือจะมาจากสวรรค์? แถมยังเป็นเทพธิดา เทพธิดาเป็นเพศหญิงไม่ใช่หรือไง?

    “...ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ?...” เขาตัดสินใจคุยเล่นกับเด็กน้อยแปลกหน้าคนนี้สักหน่อย

    “ท่านพ่อบอกว่าเทพธิดาบนสวรรรค์คอยปกป้องข้าเสมอ ถึงท่านพ่อจะตายไปข้าก็ไม่ต้องกลัว” และเขาก็โผล่เข้ามาในเวลาที่พ่อของเธอตายอย่างพอดิบพอดีเลยสินะ 

    คำตอบที่ไร้เดียงสาของเด็กหญิงทำให้หัวใจที่แปดเปื้อนของเขาเต้นระริกด้วยความบันเทิง มันต่างกับสิ่งที่เขาเจอมาทั้งชีวิตแบบคนละขั้ว

    “...ที่พ่อของเธอพูดถึงไม่ใช่ฉันหรอก นับแสนชีวิตต้องจบลงด้วยมือนี้ ฉันมีแต่จะถูกสวรรค์ลงทัณฑ์...” เอ็กซ์คิดว่าจะได้เห็นเด็กน้อยตกใจกลัวและถอยหนีไป ...แต่เธอกลับมองเขาด้วยแววตาที่งุนงงและยิ่ง...สนใจมากขึ้น

    “ชนะศัตรูแสนคนได้จริงเหรอคะ?”

    “...เธอจะรู้ไปทำไม?...” เขาไม่รู้ว่าบทสนทนานี้จะไปในทางไหน ทำให้เขารู้สึกสนใจไม่น้อย

    “ท่านพ่อบอกว่าข้างนอกมีศัตรูนับแสนจ้องจะยึดบ้านของข้า ถ้าท่านชนะศัตรูแสนคนได้ก็ต้องเป็นเทพธิดาที่จะมาปกป้องข้าแน่ๆ เลย!”

    เอ็กซ์เบิกตาที่ใกล้ปิดขึ้น แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่ก็ด้วยความประหลาดใจกับสิ่งที่ออกมาจากปากของเด็กหญิงตัวน้อย ไม่ใช่กับเรื่องที่พ่อของเธอสอนเรื่องปัญหาของประเทศให้กับเด็กตัวแค่นี้ แต่กับความคิดของเธอ มันช่างใสซื่อบริสุทธิ์...ต่างกับเขาที่มีชีวิตท่ามกลางสนามรบที่มีแต่ศพเรียงรายอย่างเทียบกันไม่ได้ ความคิดที่เรียบง่าย เขาอิจฉาเหลือเกิน...

    “...เธอไม่นอนรึไง?...” เขาดูจากที่นักโทษห้องฝั่งตรงข้ามนอนหลับอุตุ และการที่เด็กหญิงตัวเท่านี้มาอยู่ที่นี่ได้ก็หมายความว่ายามต้องไม่ได้ตื่นอยู่ เด็กหญิงส่ายหัว

    “แต่ฉันง่วง...” เขาบอกเป็นนัยว่าให้เลิกรบกวนเขาได้แล้ว

    เธอมองดูเขาต่ออีกครู่หนึ่งด้วยสายตาลังเล ในที่สุดก็เดินกลับไปทางที่มา เสียงฝีเท้าน้อยๆ ค่อยๆ เบาลง จนกระทั่งหายไป ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง

    เอ็กซ์ไม่ได้ง่วงนอน เขายังมีพลังงานจากร่างที่ได้คืนมาใหม่นี้อีกเหลือเฟือ และระบบพักผ่อนของเขาก็ดูจะใช้การไม่ได้ด้วย ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ตื่นอยู่หรอก ที่เขาพูดแบบนั้นก็เพื่อไล่ให้เด็กหญิงไปจากเขา...คุยกับคนอย่างเขาต่อไปก็มีแต่จะทำให้จิตใจที่บริสุทธิ์ต้องแปดเปื้อน

    ถ้าสวรรค์มีจริงเขาก็อยากจะถาม ให้เขาได้เห็นความบริสุทธิ์ดั่งแสงสว่างนี้ตอนที่ใกล้จะดับสูญ มีจุดประสงค์อะไร แต่เขาก็ไม่ได้อยากรู้นักหรอก เด็กน่ะลืมง่ายจะตายไป พรุ่งนี้ก็คงจะหันไปสนใจอย่างอื่น ไม่ต้องมาเปลืองพื้นที่สมองอันมีค่ากับบทสนทนาที่ไม่ประเทืองปัญญาพรรค์นี้ สำหรับเขามันก็แค่ความบันเทิงเล็กๆ ก่อนเวลาสิ้นสุดของชีวิต

    ...

    .....

    ...แต่มันไม่เป็นอย่างที่เขาคิด เด็กหญิงคนนั้นยังคงมาที่หน้าห้องขังทุกคืน แม้เขาจะแกล้งหลับครั้งสองครั้งแรก แม้เจ้าหน้าที่สอบสวนจะยอมแพ้ความเงียบและความไม่รู้สึกรู้สาต่อการสอบสวนทรมานของเขาไปนานแล้ว แต่เด็กหญิงก็ยังคงดำเนินกิจวัตรประจำของเธอ นาน...เท่าไรนะ? หนึ่งอาทิตย์? จนในที่สุดเขายอมเปิดปากคุยด้วย ใบหน้ายิ้มแย้มของเด็กหญิงตอนที่เขาเอ่ยทักทายเธอเป็นครั้งแรกนั้นสะกดสายตาของเขาอย่างประหลาด เขาเกือบจะรู้สึกว่าหัวใจที่นิ่งชาเต้นขึ้นมาอีกครั้งเสียด้วยซ้ำ เสียแต่ว่ามันเป็นไปไม่ได้

    จากนั้นเขาก็กลายเป็นเพื่อนคุยของเด็กหญิง และเด็กหญิง—ของเขา บ้างก็คุยเรื่องของตัวเด็กหญิงที่เธอจะเล่าอย่างร่าเริงด้วยน้ำเสียงใส บ้างก็เรื่องของตัวเขาซึ่งเขาพยายามเล่าโดยระวังไม่ให้มีผลกระทบไม่ดีต่อเด็กที่กำลังโต(เขาพบว่าตัวเองรู้จักใช้คำและบิดเบือนเรื่องได้เก่งอย่างเหลือเชื่อ) บางครั้งเธอร้องไห้มา เขาก็พยายามปลอบเธอเท่าที่ทำได้ ถึงจะลำบากในบางครั้ง แต่เขาก็ไม่เคยรู้สึกว่าฝืนตัวเองแต่อย่างใด

    เด็กหญิงตัวน้อยกลายเป็นสิ่งเดียวที่เขาเฝ้ารอในแต่ละวัน เดิมทีเขาคิดว่าหมดพลังงานไปทั้งอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร แต่หลังจากนั้นเขาก็เริ่มใช้โหมดนอนหลับเพื่อรักษาพลังงานไว้ให้อยู่ได้นานที่สุด เพื่อจะได้เห็นหน้าเด็กหญิงในวันต่อไป

    เธอแนะนำตัวว่าชื่อ [อังริเอตต้า] และเขาก็บอกชื่อของตัวเองไปว่า [เอ็กซ์] ในแต่ละคืนหลังจากที่ผู้คุมหลับไป เธอก็จะปรากฏตัวขึ้นที่ฝั่งตรงข้ามของลูกกรงด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม พร้อมที่จะเล่าเรื่องของเธอในวันนั้นหรือถามข้อสงสัยที่คิดได้ในระหว่างวัน

    โดยไม่รู้ตัว ความคิดที่อยากจะดับสูญไปให้พ้นๆ ของเรปลิลอยด์ผู้เหนื่อยหน่ายค่อยๆ จางหายไปจากหน่วยประมวลผลที่เหมือนกับเป็นสมองของเขา หลายครั้งที่เขายิ้มบางๆ กับคำพูดและท่าทางที่ไร้เดียงสาของเด็กหญิง การปรากฏตัวของเธอในแต่ละค่ำคืนกลายเป็นสิ่งที่เขาใช้นับวันและเวลา เชื่อถือยิ่งกว่านาฬิกาที่ไม่มีวันคลาดเคลื่อนในร่างของเขาเอง

    หนึ่งเดือน...แทบไม่น่าเชื่อว่าการพบกันอย่างลับๆ นี้จะดำเนินมาได้นานขนาดนี้โดยไม่มีใครจับได้ ยามเฝ้าห้องขังแห่งนี้ต้องขี้เซา เซนส์ทื่อ หรือตาถั่วแน่ๆ (ไม่ก็ทุกอย่างรวมกัน) แต่ก็ดีแล้วที่ทั้งคู่ได้พบกัน เด็กหญิงเป็นพันธนาการเพียงหนึ่งเดียวที่ยังผูกติดเขาไว้กับโลกใบนี้ เขารู้ว่าสักวันมันต้องจบลง รู้ว่าเมื่อถึงเวลานั้นเขาคงจะกลับไปเป็นตัวตนที่ว่างเปล่าอีกครั้ง แต่นั่นเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของเขา เขาเลือกที่จะสัมผัสความรู้สึกอบอุ่นและอ่อนละมุนนี้ให้มากที่สุด

    และในคืนนี้ อย่างเคย เด็กหญิงมาตรงตามเวลา

    “อรุณสวัสดิ์ อังริเอตต้า” เขาเอ่ยทักก่อนด้วยรอยยิ้มบางๆ

    “อรุณสวัสดิ์ เอ็กซ์! ^ ^” เธอยิ้มตอบอย่างสดใส

    ด้วยเหตุผลบางประการ เอ็กซ์ตัดสินใจเลือกคำนี้เป็นคำทักทาย อาจจะเพราะเวลาเดียวที่เขารู้สึกว่าตัวเองตื่นอยู่คือเมื่อเด็กหญิงอยู่ต่อหน้าเขา หรือเพราะเธอเปรียบเสมือนดวงอาทิตย์สำหรับเขาในที่ที่แสงส่องไม่ถึงแห่งนี้ เด็กหญิงที่ถามด้วยความสงสัยก็ได้สองคำตอบนี้ไป จากนั้นเธอก็เริ่มทักทายเขาด้วยคำเดียวกันนี้

    “วันนี้ท่าทางอารมณ์ดีนะ” เขาสังเกตเด็กหญิงได้อย่างง่ายดาย ความสามารถที่ระบบเขาพัฒนาขึ้นมาใหม่ช่วงนี้ล้วนเกี่ยวของกับเธอทั้งสิ้น

    “อืม วันนี้เป็นวันส่งท่านพ่อขึ้นสวรรค์น่ะ มีคนมาเต็มไปหมด นอกจากข้ากับท่านแม่แล้วก็ยังมีคนที่รักท่านพ่อเยอะแยะเลย” อังริเอตต้าเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ เธอไม่ร่าเริงอย่างทุกที ไม่แปลก ตอนนี้เธอกำลังเอ่ยถึงงานศพของพ่อตัวเองอยู่

    ในช่วงแรกๆ ที่เธอมา ขอบตาของเธอบวมแดงจากการร้องไห้ แต่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เธอมีสีหน้าดีขึ้น การฟื้นฟูจิตใจได้เร็วของเด็กเป็นสิ่งหนึ่งที่เขารู้สึกอิจฉา แต่เอ็กซ์รู้ว่าไม่ใช่แค่นั้น อังริเอตต้าเคยบอกกับเขาว่าเธอจะเข้มแข็งตามที่พ่อของเธอบอกเอาไว้ก่อนตาย และเพื่อแม่ของเธอที่ยังจมอยู่ในความโศกเศร้า ในสายตาเขาแล้ว เธอช่างเป็นคนที่เข้มแข็ง...

    “ดีแล้วล่ะที่พ่อของเธอเป็นที่รักของประชาชน ในอนาคตเธอเองก็ต้องเป็นให้ได้อย่างพ่อของเธอนะ” เขายิ้มบางๆ อย่างอ่อนโยน

    “ถ้าข้าทำได้แล้วท่านเทพธิดาก็ต้องออกมาหาข้าข้างนอกนะ!” เด็กหญิงยิ้มกว้างให้เขา และเขาก็ยิ้มตอบกลับ

    “อ๊ะ” เด็กหญิงทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ เธอยื่นแขนซ้ายลอดซี่กรงเข้าไป มือน้อยที่กำอยู่แบออกมา ให้อีกฝ่ายมองเห็นกระดาษพับสีน้ำเงิน แม้จะดูบิดเบี้ยวไปบ้าง แต่ก็พอจะมองออกว่าเป็นดอกไม้กระดาษ รอยพับมีอยู่หลายรอยแสดงถึงว่าคนทำพับใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความตั้งใจ

    “วันนี้พี่สาวในวังสอนข้าพับดอกไม้ แต่ว่าข้าพับไม่ค่อยเก่ง...” อังริเอตต้าก้มหน้างุด เสียงพูดขาดความมั่นใจ

    มือสีขาวประคองมือน้อยๆ ของเด็กหญิงเอาไว้ เขาหยิบดอกไม้กระดาษไปอย่างนุ่มนวล ราวกับประคองดวงใจน้อยๆ ของเด็กหญิงเองเอาไว้ในมือ

    เอ็กซ์ยิ้มอย่างอ่อนโยน กระดาษพับแผ่นเล็กๆ นี้สวยงามยิ่งกว่ามงกุฎที่ประดับประดาด้วยเพชรพลอยแวววาว เขามองเห็นดวงใจที่บริสุทธิ์เปล่งประกายยิ่งกว่าอัญมณีใดๆ

    “สวยมากเลย อังริเอตต้า ขอบใจนะ”

    “จริงเหรอ!” เด็กหญิงยิ้มกว้าง ได้เห็นเธอสดใสและร่าเริงทำให้เขารู้สึกว่าโลกนี้สว่างไสว 

    ไม่แน่ว่าบางที สักวันเขาอาจจะมีกำลังใจออกไปจากที่นี่ได้จริงๆ และถ้าเป็นอย่างนั้น เขาก็อยากจะอยู่ข้างๆ เด็กหญิงคนนี้ เป็น<เทพธิดา>ให้กับเด็กหญิงคนนี้ตลอดไป

    ‘ใช่...เวลานั้นต้องมาถึงแน่ ซักวันหนึ่ง เราจะ—‘

    ตอนนั้นเองที่เสียงประหลาดดังขึ้น เป็นเสียงกระแทกอย่างรุนแรงและเสียงแท่งเหล็กหลายแท่งกระทบพื้น อังริเอตต้าหันไปมอง เธอเห็นชายศีรษะโล้นร่างสูงใหญ่บีบคอยามที่หลับอยู่ตอนเธอเข้ามาจนแน่นิ่งไป กุญแจถูกคว้าไปจากเอวของยามและไขกรงทีละกรง เสียงแห่งความยินดีดังขึ้นปนกับเสียงโห่ร้องจากรอบข้าง ตัวเธอถูกคว้าลอยสูงจากพื้นและจับเอาไว้โดยแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม

    “เราทุกคนจะจดจำวันนี้เอาไว้ เป็นวันแห่งอิสรภาพ!!” ชายศีรษะโล้นที่จับตัวอังริเอตต้าร้องปลุกใจ

    “เฮ~!!” นักโทษคนอื่นๆ ต่างโห่ร้องด้วยความยินดี

    ถึงยามจะไม่รู้เรื่องการพบกันอย่างลับๆ ของทั้งคู่ แต่มีนักโทษจำนวนไม่น้อยที่รู้เห็นมาตลอด และมีอยู่คนหนึ่งที่คิดจะใช้สิ่งนี้ให้เป็นประโยชน์ ด้วยตะไบที่นักโทษคนก่อนทิ้งเอาไว้ เขาแอบเลื่อยกรงให้แหว่งทีละซี่ รอเวลาที่จะใช้แรงช้างสารพังออกมาและจับองค์หญิงไว้เป็นตัวประกัน พาเพื่อนนักโทษทั้งหมดหนีไปด้วยกัน...ทั้งหมดยกเว้นผู้ที่องค์หญิงน้อยลอบมาคุยด้วยทุกคืน

    “ต้องขอบคุณแกที่ช่วยให้ความบันเทิงองค์หญิงน้อยมาตลอด ไม่อย่างนั้นแผนการของฉันคงจะไม่สำเร็จ เพื่อเป็นการตอบแทน ทุกห้องที่นี่ฉันยกให้แกคนเดียวเลยก็แล้วกัน ฮ่าๆๆๆ!!” นักโทษร่างใหญ่หัวเราะก่อนจะวิ่งนำขบวนนักโทษไปที่ทางขึ้น

    “เอ็กซ์!!~” อังริเอตต้าร้องเรียกเขาด้วยเสียงที่ตื่นตระหนก แววตาที่เธอใช้มองเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

    ...เขาเพียงแค่นั่งอยู่เฉยๆ ขณะที่เด็กหญิงถูกพาตัวไป เสียงเอะอะโวยวายของคนในวังเล็ดลอดมาเข้าหูเขา ฟังจากน้ำเสียงแล้วคงตื่นตกใจกันมาก แต่ลึกลงมาใต้ดินในห้องที่เขาอยู่ มันช่างฟังดูห่างไกล

    ‘ซักวันหนึ่ง...ไม่มาถึงหรอก...’ เขาได้รู้ถึงความจริงที่โหดร้าย ว่าภาพอันสวยงามนั้นเป็นเพียงความฝันลมๆ แล้งๆ คนอย่างเขาทำได้เพียงนั่งคิดแต่ว่า ‘ซักวัน’ เท่านั้น...ไม่มีความกล้าที่จะเอื้อมมือไปหาแสงสว่างตรงหน้าได้หรอก

    เด็กหญิงถูกจับตัวไปท่ามกลางฝูงนักโทษเจ็ดสิบคน ถ้าเขาต้องการย่อมสามารถช่วยเธอออกมาได้อย่างง่ายดาย... แต่นั่นหมายถึงเขาต้องเผชิญหน้ากับคนเหล่านั้น ...และเขาไม่เหลือแรงกายแรงใจอีกแล้ว...

    ความยุติธรรมที่อยู่ในใจของเขาแม้จะผ่านมานานกว่าศตวรรษก็ยังคงหลงเหลืออยู่ ความคิดที่จะออกไปต่อสู้เพื่อช่วยเหลือชีวิตน้อยๆ ผ่านเข้ามาในหัวของเอ็กซ์ เสียงนั้นดังก้องอยู่ในใจผิดกับเสียงอันแผ่วเบาก่อนหน้า ไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง แต่ทุกครั้งที่เขาไล่มันออกไปด้วยคำว่า ‘เหนื่อยเต็มทีแล้ว’ มันก็แล่นกลับมาแทบจะในทันที ทำให้เขาสับสนจนแทบจะเป็นบ้า

    ‘ไม่ ฉันเหนื่อยเต็มทีแล้ว...’

    ‘เด็กคนหนึ่งถูกบังคับพาตัวไปต่อหน้าต่อตา จะอยู่เฉยได้เหรอ?’

    ‘ไปช่วยแล้วยังไง...สุดท้ายเหตุการณ์แบบเดียวกันก็ต้องเกิดขึ้นอีก ครั้งแล้วครั้งเล่า จะช่วยซักเท่าไหร่ก็ไม่มีวันจบสิ้น...’

    ‘เด็กคนนั้นคือแสงสว่างของฉันไม่ใช่รึยังไง?’

    ‘ฉันทิ้งโลกและผู้คนไปแล้วครั้งหนึ่ง...ฉันไม่ใช่วีรบุรษ ไม่เคยเป็นและไม่มีทางได้เป็น...’

    ‘ภาพในอนาคตที่ฉันมองเห็นล่ะ? ฉันจะทำให้ภาพนั้นเป็นจริงไม่ใช่รึไง?’

    ‘ฉันไม่มีทางทำได้หรอก ความฝันของคนตายเป็นได้เพียงภาพลวงตาเท่านั้น...’

    ‘ฉันอยากจะช่วยเด็กคนนั้น...’

    ‘ไม่มีประโยชน์หรอก...คนที่ตายแล้วช่วยใครไม่ได้...’

    ...

    “ท่าน...เป็นเทพธิดาเหรอคะ?” 

    ใบหน้าของเด็กหญิงผ่านเข้ามาในสมองที่กำลังปั่นป่วนของเอ็กซ์ คำพูดแรกที่เธอพูดกับเขา และเป็นคำพูดที่ทำให้เขาเริ่มสนใจเธอ

    “ท่านต้องเป็นเทพธิดาที่จะมาปกป้องข้าแน่ๆ เลย!”

    ...

    .....

    เอ็กซ์ก้มลงมองดอกไม้กระดาษในมือขวา ด้วยดวงตาที่สั่นไหว

    ‘ฉันอยากจะช่วยเด็กคนนั้น...’

    ‘ฉันอยากจะช่วยอังริเอตต้า...แม้ว่าท้ายที่สุดอาจจะไม่มีประโยชน์ก็ตาม...’

    เขายกตัวขึ้น เข่าสองข้างยังอยู่กับพื้น แต่สองมือเอื้อมไปจับซี่กรงเหล็กที่อยู่ตรงหน้าด้วยกำลังอันน้อยนิดที่เค้นออกมา

    ‘เมื่อก่อนฉันต่อสู้ปกป้องสิ่งที่ฉันรัก’

    ‘เพื่อปกป้องอนาคต...แม้เส้นทางข้างหน้าจะเต็มไปด้วยขวากหนาม...’

    แรงบีบจากมือที่ไม่ใช่ของมนุษย์ทำให้ซี่กรงส่งเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าด

    ‘ฉันต่อสู้เพื่อความสงบสุขงั้นเหรอ? เพื่อความยุติธรรม?’

    ‘เพราะเป็นวีรบุรุษ? เพื่อความถูกต้อง? ไม่ใช่หรอก...ฉัน...’

    ‘ต่อสู้เพื่อสิ่งที่เชื่อมั่น!’

    ‘ต่อสู้เพื่อสิ่งที่เชื่อมั่น!’

    เคร้ง!!

    ลานหน้าปราสาท

    “ถอยไป! องค์หญิงอยู่กับข้าเห็นรึเปล่า!!” ชายร่างใหญ่ศีรษะโล้นหอบเด็กหญิงผมสีน้ำตาลเกาลัดวิ่งนำขบวนนักโทษฝ่าแนวทหารที่แหวกออกเมื่อเห็นตัวประกัน

    เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหันเกินกว่าที่ใครจะเตรียมตัวทัน แม้แต่นายทหารระดับสูงก็ไม่กล้าออกคำสั่งอะไรเมื่อตัวประกันเป็นองค์หญิงรัชทายาท หากราชินีไม่สั่งการด้วยตัวเอง ทหารก็ได้แต่เปิดทางให้กลุ่มนักโทษ

    “อีกนิดเดียวจะถึงทางออกแล้ว! อิสรภาพอยู่แค่เอื้อม!!”

    “โอ้!!~”

    ประตูหน้าของพระราชวังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทหารที่ป้องกันประตูอยู่ต่างไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรนอกจากเปิดประตูให้ตามคำสั่ง

    “อิสรภาพอันหอมหวาน—!”

    “—ไม่มาหาคนอย่างพวกแกหรอก”

    ร่างหนึ่งยืนขวางระหว่างกลุ่มนักโทษกับทางออก เด็กหนุ่มอายุราวสิบสี่ปีในบอดี้สูทเต็มตัวสีดำปิดตั้งแต่คอลงไป เกราะสีน้ำเงินที่อกและแขนขา ผ้าพันคอสีแดงปลิวไสว สองเท้าเหยียบพื้นอย่างมั่นคง ดวงตาสีเขียวเป็นประกายสดใส หมวกกลมสีน้ำเงินที่ผลึกสีแดงกลางหน้าผากเปล่งแสงแรงกล้าในความมืด แสงแห่งชีวิตที่กลับคืนมาหลังจากช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวังส่องสว่าง

     
    (Credit: acoolmegamanblock.tumblr.com)

    “แก...! จะออกมาด้วยวิธีไหนก็ช่างเถอะ ถ้าคิดจะขวางฉันล่ะก็—!”

    ผัวะ!!

    เข้าประชิดในพริบตา หมัดขวากระแทกเข้าที่ท้องอันเต็มไปด้วยมัดกล้าม ร่างในชุดเกราะสีน้ำเงินซัดคนที่ตัวใหญ่กว่าถึงสองเท่ากระเด็นไปด้วยหมัดเดียว แขนที่ล็อกตัวประกันอยู่คลายออก เด็กหญิงตกลงสู่อ้อมกอดของเด็กหนุ่ม เขาพาเธอถอยออกมาอย่างรวดเร็ว

    เมื่อปราศจากตัวประกัน ทหารก็เข้าล้อมกรอบนักโทษในทันที หอกนับสิบเล่มทั้งสามร้อยหกสิบองศา นอกจากจะบินได้ความหวังจะหนีก็คงไม่มี

    ทหารสี่นายชี้ปลายหอกมาที่เอ็กซ์ซึ่งอุ้มองค์หญิงเอาไว้ เขาวางเธอลงกับพื้น แต่เด็กหญิงก็ไม่ยอมไปไหน กางสองแขนออกราวกับจะปกป้องเด็กหนุ่มด้านหลัง

    “อังริเอตต้า!” หญิงสาวที่เขาเห็นในวันที่มาถึง—คงจะเป็นราชินี—วิ่งเข้ามา หยุดอยู่แค่ด้านนอกวงล้อมทหาร ส่งเสียงเรียกผู้เป็นลูก

    “ท่านแม่คะ!” เด็กหญิงเรียกแม่ของตัวเอง เอ็กซ์คิดว่าเธอจะวิ่งเข้าไปหา แต่อังริเอตต้ากลับยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าเขาไม่ขยับไปไหน

    “มาทางนี้เร็วเข้า!” ราชินีเรียกลูกสาวด้วยกลัวว่าชายที่ยืนอยู่ด้านหลังอาจจะจับเธอเป็นตัวประกันอีก

    “ไม่! ข้าไม่ให้ใครทำอะไรเอ็กซ์เด็ดขาด!” เด็กหญิงเอ่ยเสียงแข็ง

    “อังริเอตต้า...!” ทุกคนล้วนตกใจ โดยเฉพาะราชินี แต่เธอรู้ว่าลูกสาวตัวเองย่อมมีเหตุผล

    “อย่าทำให้คุณแม่ลำบากใจสิ อังริเอตต้า” เอ็กซ์ยิ้มบางๆ อุ้มเธอขึ้นจากพื้นและพาเธอเข้าไปหาผู้เป็นแม่

    ทหารเข้าขวางทางไม่ให้เข้าถึงตัวราชินี แต่เธอบอกให้พวกเขาถอยไป และเข้ามารับลูกของตัวเองกลับไปในอ้อมอก

    “อังริเอตต้า เธอเป็นคนที่ช่วยให้ฉันหลุดพ้นจากความว่างเปล่าได้” เอ็กซ์ยิ้มให้กับเด็กหญิงอย่างอ่อนโยน

    เป็นเพราะเธอ...ตอนนี้เขาออกมายืนอยู่ที่ตรงนี้ ผิวกายสัมผัสสายลม ทำให้เขารู้สึกสดชื่นแม้จะเป็นกลางคืน เขาอยากจะทำสัญญานั้นให้เป็นจริง อยู่ข้างๆ เด็กหญิงตลอดไป

    ...แต่ว่าเขาทำแบบนั้นไม่ได้ ถ้าหากเขาเพียงทิ้งทุกอย่างและอยู่กับเด็กหญิง เขาก็ไม่ต่างจากที่ผ่านมา เขาจะเป็นได้เพียงคนที่ไม่คู่ควร

    “ขอโทษนะอังริเอตต้า แต่ฉันจะไปแล้ว ขอบคุณมากสำหรับที่ผ่านมา” เขาหันหลังเดินไปทางประตู

    “หยุดนะ! เจ้าคิดจะไปไหน!”

    หอกเล่มหนึ่งทิ่มที่ต้นขาของเอ็กซ์หวังจะหยุดการเคลื่อนไหวของเขา แต่ผิวภายนอกยุบลงไปเพียงเล็กน้อยราวกับเป็นหนังที่ทนทานของมังกร

    “อะไรกัน!?”

    “เอ็กซ์!” อังริเอตต้าร้องเรียกเด็กหนุ่มที่กำลังจะจากไป ใบหน้าเธอไม่โกหก เธอไม่อยากให้เขาไป

    “ฉันไม่คิดจะลืมบุญคุณของอังริเอตต้าหรอก ซักวันเราต้องได้พบกันอีกแน่” เขาหันกลับมายิ้มให้เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่สายลมจะพัดพาเขาให้หายไปราวกับเป็นเพียงอากาศธาตุ

    เสียงทหารออกคำสั่งกระจายกำลังออกตามหาเด็กหนุ่มให้วุ่น จากอ้อมแขนของผู้เป็นแม่เด็กหญิงมองจุดที่เด็กหนุ่มเคยยืนอยู่

    ‘เทพธิดาที่คอยปกป้องข้า เอ็กซ์...’

    ท่ามกลางความมืดมิดบนยอดอาคารหลังหนึ่งในเขตเมืองนอกปราสาท ถนนด้านล่างเต็มไปด้วยทหารวิ่งพล่าน ร่างในชุดเกราะสีน้ำเงินยืนมองปราสาทที่เขาเพิ่งจะหลบหนีออกมาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก ผ้าพันคอปลิวไสวตามแรงลม ภาพของปราสาทในยามที่ดาวเต็มฟ้ามองจากระยะไกลดูน่าทึ่งราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยายที่เขาเคยอ่านในหนังสือ

    ‘แต่นี่เป็นของจริง...แล้วในโลกที่เราไม่รู้จักนี้ก็ยังมีอะไรให้เราเห็นอีกมาก...ชักตื่นเต้นแล้วสิ~’ เอ็กซ์ยิ้มตื่นเต้นเป็นเด็กๆ ตอนนี้เขามีร่างกาย และยังเป็นร่างกายที่ไม่ถูกผูกมัดด้วยหน้าที่ใดๆ อีกด้วย อิสรภาพนี้...เขารู้สึกอยากจะออกไปกระโดดโลดเต้นมากกว่านั่งเฉาตายเหมือนก่อนหน้านี้เยอะ

    (...เอ็กซ์...) เสียงอันแผ่วเบาเรียกเขาจากด้านหลัง

     

    (Credit: silversteeldragunn แห่ง deviantart)

    “มาเธอร์เอลฟ์...” เขามองสิ่งมีชีวิตโปรแกรมที่อยู่ตรงหน้า 

    (...เผ่าพันธุ์ของฉัน...กระจัดกระจาย...) ไซเบอร์เอลฟ์สีฟ้าที่แกนกลางเป็นแสงสว่างสื่อสารกับเขาทางจิตใจ

    “ไซเบอร์เอลฟ์กระจัดกระจายกันไปเหรอ...” ในโลกแห่งนี้ที่เขาไม่รู้สึกถึงแม้แต่เศษเสี้ยวของไซเบอร์สเปซ หากไซเบอร์เอลฟ์สูญเสียพลังงานจนหมดล่ะก็จะหายไปเลย เป็นสถานการณ์ที่ร้ายแรง และจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็ว ...แล้วจะมีใครที่รู้เรื่องนี้อีก...

    ...นอกจากเขา

    (...ไปกันเถอะ...)
     
    “...อืม ไปกันเถอะ” เขาพยักหน้า ตอนนี้มีโลกกว้างให้ต้องไปสำรวจ มีที่ต้องให้ไปเที่ยว มีของแปลกตาให้ไปดู มีไซเบอร์เอลฟ์เยอะแยะให้ไปตามหา

    ‘ถ้าการได้ออกเดินทางไปในโลกที่สวยงามอย่างอิสระนี้เป็นรางวัลที่สวรรค์มอบให้กับฉันที่ต่อสู้มาแสนนานล่ะก็ ความลำบากและความทุกข์ทรมานที่ผ่านมาก็นับว่าคุ้มค่า...’

    ใต้แสงจันทร์และแสงดาวยามเที่ยงคืน อีกหนึ่งวันแสนธรรมดากำลังจะผ่านพ้นไป แต่ชีวิตใหม่ของหุ่นยนต์ตัวหนึ่งกำลังจะเริ่มต้นขึ้น

    ...

    .....

    เก้าปีต่อมา ณ ชานเมืองหลวงทริสทาเนียของราชอาณาจักรทริสเทน

    ใต้แสงอาทิตย์ยามเที่ยง เด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินอยู่ท่ามกลางฝูงชนที่ขวักไขว่ เส้นผมสีบรอนซ์เทาของเขายาวเคลียขากรไกร เสื้อผ้าของเขาดูเป็นของนักเดินทางจึงไม่เด่นสะดุดตา เขากวาดตาดูเมืองรอบตัว

    ‘ไม่ได้กลับมานานเลยนะเนี่ย...แต่เราก็ไม่ได้มาเที่ยวซะด้วย’

    เขาแกะปลอกดาบสั้นที่เหน็บอยู่เอวซ้ายขึ้นมาและชักออกเล็กน้อยพอมองเห็นใบดาบที่เต็มไปด้วยรอยบิ่น

    ‘เจ้านี่คงใช้ได้อีกไม่นาน ต้องหาเล่มใหม่แล้ว เฮ้อ~ ยิ่งเงินน้อยๆ อยู่~’

    เข้าไปในตรอก เขากวาดตามองทั้งสองฝั่งจนกระทั่งไปสะดุดเข้ากับป้ายรูปดาบแขวนอยู่เหนือประตู

    ‘นี่เอง หวังว่าคงไม่เจอคนขายหน้าเลือดอีกนะ’

    เขาเปิดประตูเข้าไปด้านใน พบกับลูกค้าสองคนอยู่ก่อนแล้ว เด็กสาวผมสีชมพูยาวถึงสะโพกกับเด็กหนุ่มผมดำในชุดที่ไม่เหมือนชาวบ้านยืนเลือกดาบอยู่ที่เคาน์เตอร์

    เด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาก้าวฉับๆ ตรงไปที่เจ้าของร้าน ใต้เสื้อคลุมผ้าแขนกุดสีขาวมีฮู้ดเป็นเสื้อแขนสั้นสีน้ำตาล ในกระเป๋าด้านในเสื้อคลุมสีขาวมีผลึกแก้วสีม่วงอ่อนชิ้นเท่ามือกำรอบ ภายในของมันเป็นดอกไม้กระดาษสีน้ำเงินที่รูปทรงบิดเบี้ยวเหมือนกับเด็กตัวเล็กๆ เป็นคนพับ

    --

    PBW:”นี่เองคือรอยต่อระหว่างปฐมบทกับตอนที่ 1 แค่เก้าปีเอ๊ง~”

    DX:”คราวนี้มีจุดประสงค์ในการเดินทางด้วยแฮะ ออกไปตามหาไซเบอร์เอลฟ์ ยังก๊ะการ์ตูนเด็ก”

    PBW:”หนวกหู”

    DX:”แล้วแกไปรู้มาจากไหนว่าราชาของทริสเทนตายตอนอังริเอตต้าอายุแปดขวบ”

    PBW:”มั่วเอาน่ะสิ ไม่น่าถาม จนกว่าจะมีข้อมูลจากไลท์โนเวลก็เอายังงี้ไปก่อนละกัน แล้วก็คนเขียนมีเรื่องสำคัญต้องบอก นั่นก็คือ ‘ถึงอังริเอตต้าจะมีอดีตร่วมกับเอ็กซ์ ก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นคู่กันหรอกนะ’ ครับ” 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×