ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rockman X {x} Zero no Tsukaima : โลกใบใหม่

    ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 8: ราตรีก่อนศึกตัดสิน

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.พ. 61


    เรือรบ [อีเกิ้ล] พาคณะเดินทางมาถึงชายฝั่งขรุขระของเกาะลอยฟ้าอัลเบี้ยน การเดินทางผ่านมาได้สามชั่วโมงแล้ว เอ็กซ์เริ่มมองเห็นยอดแหลมของปราสาทตั้งอยู่ปลายเกาะ

     

    นักเดินทางหนุ่มและองค์ชายเวลส์ยืนอยู่ที่หัวเรือ มองดูป้อมปราการของนิวคาสเซิ่ล อีเกิ้ลจะไม่ตรงดิ่งไปยังเมืองที่หมาย แต่ล่องไปตามชายฝั่ง

     

    ทำไมเรือลำนึ้จึงลดระดับลงหรือพะยะค่ะ?

     

    เวลส์ชี้ให้ดูท้องฟ้าหลังปราสาท เรือลำใหญ่ลอยอยู่ แต่จากตรงนั้นมองไม่เห็นเรือลำนี้ที่ล่องหลบไปตามเมฆ

     

    นั่นเรือรบของกบฏ

     

    เป็นเรือรบลำใหญ่ ยาวเป็นสองเท่าของอีเกิ้ล มีใบเรือจำนวนมากจนแทบนับไม่ได้ เรือรบลำใหญ่เปิดฉากยิงแบบไม่มีคำเตือน กระสุนนัดแรกปะทะเข้ากับกำแพงปราสาท มองเห็นควันไฟลอยขึ้นมา แรงสั่นสะเทือนรู้สึกได้ถึงจุดที่เอ็กซ์ยืนอยู่

     

    เรือลำนั้นมีชื่อว่า [รอยัล โซเวอเรจ์น] ครั้งหนึ่งเคยเป็นของกองเรือรบเรา ทว่าพวกกบฏยึดมันไปและเปลี่ยนชื่อเป็น [เล็กซิงตัน] ตามชื่อสมรภูมิแรกที่พวกกบฏได้ชัยชนะจากเรา เวลส์เอ่ยยิ้มๆ

     

    เรือรบลำนั้นคุมเหนือน่านฟ้าของปราสาท ยิงปืนใหญ่ลงไปบ้างเป็นครั้งคราว แต่ก็เพื่อข่มขวัญเรามากกว่าจะสร้างความเสียหายจริงจัง

     

    เอ็กซ์มองขึ้นไปที่เรือรบเล็กซิงตัน ปืนใหญ่จำนวนมากเรียงรายกันอยู่ทั้งสองข้างลำเรือ ภาพของมังกรวาดอยู่บนพื้นผิวของตัวเรือ

     

    เรือลำนั้นมีปืนใหญ่ 108 กระบอก จนบางครั้งก็ดูเหมือนเป็นมังกรพ่นไฟ การกบฏเริ่มจากเรือลำนั้น เรือลำนี้ไม่มีทางต่อกรกับมันได้ วิธีที่ดีที่สุดก็คือล่องหลบไปตามเมฆจนถึงอีกด้านหนึ่ง มีท่าเรือลับที่มีแต่พวกเราที่รู้อยู่ เราสามารถไปที่นิวคาสเซิ่ลจากตรงนั้นได้

     

    จึงได้เลือกถอยมาตั้งหลักที่นิวคาสเซิ่ล เพราะมีทางออกแม้จะถูกล้อมสินะพะยะค่ะ เอ็กซ์ทำความเข้าใจ

     

    ขอโทษด้วยนะที่คราวก่อนไม่ได้บอกเจ้า

     

    มิได้พะยะค่ะ กระหม่อมเข้าใจว่าเป็นความลับที่สำคัญต่อความอยู่รอด จะบอกผู้ใดสุ่มสี่สุ่มห้ามิได้

     

    เพราะเจ้า ข้าจึงมาถึงนิวคาสเซิ่ลได้อย่างปลอดภัย แล้วครั้งนี้ยังมาส่งสาส์นให้กับอังริเอตต้าอีก ข้าเป็นหนี้บุญคุณเจ้าสองครั้งแล้ว ถ้าต้องการสิ่งตอบแทนอันใดก็บอกได้ทุกเมื่อ แต่ข้าก็มีสภาพเช่นนี้แล้ว อย่าหวังอะไรมากจะดีกว่านะ องค์ชายหัวเราะเบาๆ

     

    กระหม่อมจะจำไว้พะยะค่ะ นักเดินทางหนุ่มยิ้มบางๆ

     

    ...

     

    เรือหลบลงใต้เกาะ แสงอาทิตย์ถูกบังทำให้รอบข้างมืดลง ยิ่งกว่านั้นเมฆและหมอกที่ล้อมอยู่ก็ยังไม่หายไป จากตรงนี้มองออกไปข้างนอกไม่เห็นอะไรเลย

     

    ถ้าซ่อนอะไรเอาไว้ข้างใต้นี้ โอกาสถูกพบเข้าก็มีต่ำมากสินะพะยะค่ะ เอ็กซ์ทำความเข้าใจ นอกจากเมฆหมอกซึ่งเป็นที่มาของฉายา<ประเทศสีขาว>แล้ว มันก็ยังทั้งชื้นทั้งแฉะ อุณหภูมิขนาดนี้คนร่างกายไม่แข็งแรงอาจเป็นไข้ได้ และถึงจะแข็งแรงมันก็ไม่เป็นผลดีต่อร่างกาย ปกติแล้วไม่มีทางที่ใครจะล่องเรือลงมาด้านล่างนี้เด็ดขาด

     

    สำหรับต้นหนเรือของราชวงศ์แล้ว แค่ใช้แผนที่ภูมิประเทศ แสงจากเวทมนตร์ และการกะประมาณ ก็สามารถหาตำแหน่งพบได้อย่างง่ายดาย

     

    เวลส์หัวเราะ สำหรับที่อัลเบี้ยน ชนชั้นสูงที่ไม่มีความรู้เรื่องท้องฟ้าก็นับว่าไร้ความสามารถ

     

    เรือแล่นมาจนถึงส่วนที่เปิดเป็นโพรง เส้นผ่าศูนย์กลางสามร้อยเมล แสงจากเวทมนตร์ทำให้สามารถมองเห็นภายในได้

     

    อีเกิ้ลและมารี กาล็อนท์ที่ลูกเรืออีเกิ้ลยึดได้แล่นตามกันเข้าไปในโพรง และลดระดับเตรียมลงจอด

     

    ยังกับสลัดอากาศตัวจริงเลยนะพะยะค่ะ เอ็กซ์เอ่ยพร้อมกับยิ้มบางๆ เวลส์รับคำชมด้วยรอยยิ้ม

     

    ...

     

    ท่าเรือลับอยู่ในภายในถ้ำหินปูนที่มีตะไคร่เกาะตามผนัง  คนกลุ่มหนึ่งรออยู่บนท่า อีเกิ้ลเข้าเทียบ เชือกหลายเส้นโยนขึ้นมาเรือให้กะลาสีนำไปผูกกับตอบนดาดฟ้า สะพานไม้ทอดลงมาเพื่อรับคนจากบนเรือ

     

    เวลส์พาเอ็กซ์และคนอื่นๆ ลงมาที่ท่า ผู้ใช้เวทมนตร์สูงวัยคนหนึ่งเข้ามาต้อนรับ

     

    โฮ่ๆ เป็นผลงานที่เยี่ยมยอดไปเลยนะพะยะค่ะ องค์ชาย

     

    เยี่ยมไปเลยใช่มั้ยล่ะปาริส กำมะถัน กำมะถันทั้งนั้นเลย!” เวลส์ตะโกนให้คนอื่นๆ ได้ยิน ทหารหลายคนส่งเสียงโห่ร้องยินดี

     

    ในเวลาที่ต้องทำสงคราม กำมะถันมีค่ายิ่งกว่าทอง หากนำมาใช้ร่วมกับเวทมนตร์ไฟก็จะได้อาวุธที่มีพลังทำลายล้างสูง หรือจะนำไปเป็นวัตถุดิบให้กับดินระเบิดและปืนใหญ่ก็ได้เช่นกัน

     

    กระหม่อมรับใช้อาณาจักรนี้มาถึงหกสิบปี...วันแห่งความยินดีเช่นนั้นคงจะไม่มีอีกแล้ว แม้จะมีกำมะถัน แต่เราก็คงจะไม่รอด...

     

    เวลส์หัวเราะขัดกับอารมณ์ของประโยค

     

    หากเราจะพ่ายแพ้ ก็ต้องหลังจากที่เจ้าพวกกบฏได้รู้ซึ้งถึงเกียรติยศและความกล้าหาญของราชวงศ์อัลเบี้ยน

     

    สิ้นชีพอย่างสมเกียรติ กระหม่อมรู้สึกตื่นเต้นจนสั่นไปทั้งตัวแล้วพะยะค่ะ รายงานเข้ามาว่าพวกกบฏจะบุกโจมตีปราสาทเมื่อรุ่งสาง เวลาตัดสินมาถึงแล้วพะยะค่ะ

     

    ด้วยลมหายใจสุดท้าย เราจะทำให้ทหารของพวกมันได้อับอายกันล่ะ

     

    เวลส์และคนอื่นๆ หัวเราะกันอย่างสบายจิตสบายใจ หลุยส์รู้สึกกังวลขึ้นมาเมื่อได้ยินคำว่า พ่ายแพ้

     

    ก็คือจะต้องตาย คนพวกนี้ไม่กลัวตายกันหรือยังไง?

     

    แล้วคนเหล่านี้คือผู้ใดกันหรือพะยะค่ะ?

     

    สองกลุ่มแนะนำตัวแก่กัน เวลส์แนะนำหลุยส์กับวาลด์ว่าเป็นทูตจากทริสเทน ชายชราแนะนำตัวว่าเป็นมหาดเล็กชื่อปาริส และวันนี้จะมีงานเลี้ยงเล็กๆ ก่อนศึกใหญ่ในวันรุ่งขึ้น

     

    ...

     

    เวลส์นำหลุยส์และคนอื่นๆ ไปที่ห้องของเขา เลยจากห้องครัวไป และค่อนข้างธรรมดา เตียงไม้ โต๊ะไม้ เก้าอี้สองตัว และภาพวาดของสงครามแขวนอยู่ที่ผนัง

     

    เวลส์นั่งลงที่โต๊ะ ดึงลิ้นชักและหยิบกล่องเล็กๆ ออกมา องค์ชายถอดสร้อยคอออกมา และเสียบมันเข้าไปในรูที่กล่อง บิดหนึ่งครั้ง ฝากล่องดีดเปิดออก ข้างในเป็นภาพวาดเหมือนของอังริเอตต้า

     

    เวลส์รู้สึกว่าหลุยส์จ้องเหลือเกินจึงพูดแก้เก้อ

     

    กล่องนี่แข็งแรงมากเลยนะรู้รึเปล่า

     

    จดหมายหนึ่งฉบับอยู่ข้างใน จดหมายจากองค์หญิงในภารกิจนั่นเอง เวลส์หยิบมันขึ้นมาและเปิดอ่าน จดหมายดูเก่าเกินอายุจากการถูกเปิดอ่านหลายต่อหลายครั้ง

     

    หลังจากการอ่านครั้งสุดท้ายสิ้นสุดลง เวลส์ก็พับเป็นสามส่วนและเก็บใส่ซอง ยื่นให้หลุยส์ เด็กสาวรับมาและโค้งคำนับ

     

    อีเกิ้ลจะพาพวกท่านไปส่งในเช้าวันพรุ่งนี้ เพราะเราไม่คิดจะใช้มันทำการรบตั้งแต่แรกแล้ว

     

    หลุยส์มองดูจดหมายในมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพูดกับองค์ชาย

     

    องค์ชายเพคะ เมื่อพระองค์ตรัสถึงการปราชัยอย่างสมเกียรติ พระองค์ทรงหมายความเช่นไรหรือเพคะ?

     

    เธอถามด้วยความลังเล แต่เวลส์ตอบอย่างง่ายดาย

     

    กำลังของฝั่งเรามีสามร้อย กำลังของกบฏมีห้าหมื่น ชัยชนะของเราเป็นได้เพียงความฝัน อย่างน้อยก็ให้พวกเราได้ตายอย่างสมเกียรติ

     

    องค์ชาย...หมายถึงตัวพระองค์เองด้วยหรือเพคะ?

     

    แน่นอน ชีวิตของข้าเองก็จะจบลงที่นี่เช่นกัน

     

    ไซโตะถอนหายใจ องค์ชายที่ไม่เป็นห่วงความตายในวันที่จะถึงแม้แต่น้อย เหตุการณ์แบบนี้ยังกับหนังมากกว่าจะเป็นความจริง แต่เอ็กซ์คุ้นเคยกับโลกแห่งนี้มากกว่า แม้แต่โลกใบเดิมของเขาที่รุมเร้าด้วยสงคราม เขาเข้าใจความคิดแบบนี้ดี

     

    องค์ชายเพคะ หม่อมฉันขออภัยที่ละลาบละล้วง แต่หม่อมฉันอยากจะถาม...จดหมายฉบับนี้เป็นจดหมายรัก ใช่ไหมเพคะ?

     

    เอ็กซ์กลั้นหายใจ คำถามนี้เองเขาก็อยากจะถามเหมือนกัน แม้จะรู้คำตอบอยู่แล้วก็ตาม...

     

    มิสวาลลิแยร์ ท่านจะบอกว่าข้ากับอังริเอตต้ามีความสัมพันธ์มากกว่าลูกพี่ลูกน้องเช่นนั้นหรือ?

     

    หลุยส์พยักหน้า องค์ชายยิ้มออกมา แต่เป็นยิ้มที่เศร้าสร้อย

     

    ...ตามที่ท่านว่า นี่เป็นจดหมายรักที่อังริเอตต้าเขียนให้กับข้า สาบานรักชั่วนิรันดร์ในนามขององค์ศาสดาบริมิร์ หากจดหมายฉบับนี้ถูกตีแผ่แก่สาธารณชน อังริเอตต้าจะตกแก่ข้อกล่าวหาที่เสื่อมเสียร้ายแรง คือการปันใจให้กับชายที่มิได้หมั้นหมาย จักรพรรดิแห่งเยอร์มาเนียจะต้องถอนหมั้นอังริเอตต้า พร้อมกันนั้นการเชื่อมสัมพันธ์ของทริสเทนและเยอร์มาเนียก็จะล้มเหลว อาณาจักรอื่นๆ ก็จะละเว้นความช่วยเหลือแก่ทริสเทนไปพร้อมกัน

     

    องค์หญิงและองค์ชายมีความรักให้แก่กัน...

     

    เป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้วน่ะ... แต่สายตาของเวลส์ไม่ได้บอกเช่นนั้นเลย

     

    หลุยส์ตัดสินใจเด็ดขาด พูดกับองค์ชายด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน

     

    องค์ชายเพคะ! โปรดมากับพวกเราที่ทริสเทนด้วยเถอะเพคะ!”

     

    ข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไรกัน เวลส์หัวเราะเบาๆ

     

    หม่อมฉันรู้จักองค์หญิงมาตั้งแต่เด็ก ถ้าเป็นองค์หญิงล่ะก็จะต้องบอกให้ท่านหลบหนีแน่ ในจดหมายฉบับที่หม่อมฉันนำมามอบให้ท่าน!”

     

    ไม่มีคำพูดเช่นนั้นอยู่หรอก

     

    องค์ชายเพคะ!”

     

    ข้าเป็นเชื้อพระวงศ์ และเชื้อพระวงศ์ก็ไม่พูดปด ข้าขอสาบานด้วยเกียรติที่ยังหลงเหลืออยู่ว่าอังริเอตต้ามิได้บอกให้ข้าหลบหนีแต่อย่างใด องค์ชายเอ่ยด้วยใบหน้าจริงจังและเจ็บปวด

     

    อังริเอตต้าเป็นเจ้าหญิง ความอยู่รอดของอาณาจักรต้องมาก่อนข้า

     

    เอ็กซ์ที่ฟังอยู่ก็พยักหน้าอยู่ในใจ ทั้งคู่เป็นองค์หญิงและองค์ชาย สักวันหนึ่งจะต้องถูกหมั้นหมายกับคู่ครองที่ผู้อื่นเลือกสรรมาให้ด้วยเหตุผลทางการเมือง ความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบัน

     

    หลุยส์ต้องผิดหวังกลับมาเมื่อโน้มน้าวใจขององค์ชายไม่ได้ ไซโตะเดินตามเธอออกจากห้องไป เอ็กซ์ยังยืนรออยู่ข้างใน มีเรื่องจะพูดกับองค์ชาย เช่นเดียวกับวาลด์ เขาให้ขุนนางหนุ่มเป็นฝ่ายพูดก่อน

     

    หืม? เวลส์เลิกคิ้วขึ้นขณะที่วาลด์กระซิบที่ข้างหูของเขา แล้วองค์ชายก็ยิ้มออกมา

     

    แหม~ ช่างเป็นคำขอที่น่ายินดีจริงๆ ข้าตกลง

     

    วาลด์โค้งคำนับ จากนั้นจึงหันหลังเดินไปที่ประตู เหลือบมองมองเอ็กซ์ด้วยหางตาแวบหนึ่งก่อนจะออกจากห้องไป เวลส์หันมาทางเขา

     

    ข้าเข้าใจว่าเจ้าเองก็มีเรื่องที่จะพูดกับข้าเช่นกัน ใช่รึไม่?

     

    เอ็กซ์เดินเข้าไปหาองค์ชาย ดวงตาสีเขียวมรกตมองลึกเข้าไปในดวงตาสีฟ้าใส แม้ความตายจะอยู่แค่ข้ามคืน แต่ก็ยังมองเห็นประกายจางๆ อยู่ข้างใน

     

    ดวงตาของพระองค์ เหมือนจริงๆ...กับองค์หญิงอังริเอตต้า...

     

    แน่นอน เพราะพวกเราเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เวลส์ยิ้มบางๆ เขาแน่ใจว่าเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาคงไม่มีเรื่องพูดแค่นี้

     

    เจ้าคิดออกแล้วรึว่าจะขอสิ่งใดจากข้า?

     

    ไม่เชิงพะยะค่ะ องค์ชายทรงไม่จำเป็นต้องตอบตกลง เพียงแค่ตอบตามพระประสงค์ก็เพียงพอ...

     

    เวลส์เงียบ มองตาของอีกฝ่ายทำให้เขารู้ว่าเป็นเรื่องสำคัญ

     

    ...หากว่าชายที่ยืนอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของพระองค์ในเวลานี้สามารถนำชัยมาให้แก่พระองค์ในการต่อสู้ที่มองไม่เห็นทางชนะนี้ได้...พระองค์จะทรงจ่ายเขาด้วยชีวิตของพระองค์เองหรือไม่?

     

    เวลส์เบิกตากว้าง สิ่งที่เขาได้ฟังมันไม่ต่างกับการบอกว่านิทานที่เขาเคยฟังตอนเด็กๆ เป็นเรื่องจริง เพียงแต่ว่าในสถานการณ์ที่ร้ายแรงกว่า

     

    ฮะๆ นี่เจ้า—” เวลส์จะบอกว่าเขาล้อเล่นไม่ดูเวลาเลย ด้วยรอยยิ้ม ทว่าสายตาของเด็กหนุ่มผมสีบรอนซ์เทาปราศจากความลังเลและความไม่มั่นใจทั้งปวง

     

    เวลส์คิดคำถามนั้นอย่างจริงจัง ความเงียบดำเนินไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เสียงตอบจากองค์ชายจะดังขึ้น...

     

    ...

     

    งานเลี้ยงจัดขึ้นภายในกำแพงปราสาท ราชาองค์ปัจจุบัน [เจมส์ที่หนึ่ง] นั่งอยู่บนบัลลังก์ มองดูขุนนางและข้าราชบริพารที่มารวมตัวกันผ่านทางดวงตาที่สูงวัยและอ่อนแรง

     

    แม้วันพรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายของทุกคน งานเลี้ยงก็ยังคงเป็นไปด้วยบรรยากาศครึกครื้น

     

    หลุยส์ ไซโตะ และวาลด์ยืนดูจากมุมห้อง เอ็กซ์ยืนอยู่อีกมุมหนึ่ง ห่างจากทั้งสามคน

     

    องค์ชายเวลส์ปรากฏตัวขึ้น ผู้หญิงในห้องจ้องมองเขาตาเป็นมัน ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นที่นิยมไม่น้อย ทั้งในฐานะองค์ชายและฐานะผู้ชาย เวลส์เดินไปที่หน้าบัลลังก์ เจมส์ที่หนึ่งดันตัวลุกขึ้นเพื่อจะทักทายลูกชาย ทว่าสังขารที่ไม่เอื้อทำให้เขาสะดุดจนเวลส์ต้องประคอง

     

    เสียงหัวเราะดังขึ้นภายในห้อง


    ฝ่าบาท! อย่าเพิ่งล้มสิพะยะค่ะ!”

     

    เห็นด้วย! เก็บไว้ล้มพรุ่งนี้ดีกว่าพะยะค่ะ!”

     

    เจมส์ที่หนึ่งไม่รู้สึกว่าถูกฉีกหน้าแต่อย่างใด รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น

     

    ไม่ต้องเป็นห่วง ขาของข้าก็แค่ชานิดหน่อย สงสัยจะนั่งนานเกินไป

     

    ราชาแห่งอัลเบี้ยนยืนตัวตรง และกล่าวปราศรัยต่อหน้าคนที่มาร่วมงาน กองทัพกบฏ [เรกองกิสตา] จะนำกำลังทั้งหมดบุกโจมตีปราสาทแห่งนี้ แม้จะเป็นการสังหารเพียงข้างเดียว แต่การพ่ายแพ้ในครั้งนี้จะเป็นการพ่ายแพ้อย่างสมเกียรติ ส่วนผู้หญิง เด็ก และผู้ที่ต้องการจะมีชีวิตรอดจะเดินทางไปกับอีเกิ้ล หนีไปจากประเทศที่ถูกทอดทิ้งแห่งนี้

     

    คนแบบนั้นในหมู่พวกเราคงไม่มีหรอกพะยะค่ะ!” ขุนนางอายุมากผู้หนึ่งตะโกนขึ้น

     

    หูกระหม่อมไม่ค่อยดี ฝ่าบาทตรัสว่าอะไรกระหม่อมฟังไม่ถนัด แต่ถ้าเป็นคำสั่งให้บุกล่ะก็กระหม่อมได้ยินชัดแจ๋วเลยทีเดียวพะยะค่ะ~” ขุนนางอีกคนพูดกลั้วหัวเราะ

     

    คืนนี้เป็นคืนดีพะยะค่ะ! องค์ศาสดาทรงประทานค่ำคืนที่อบอุ่นและดวงจันทร์ที่งดงามให้แก่พวกเรา! ทุกคนเพลิดเพลินกับงานเลี้ยงให้เต็มที่กันเลย!”

     

    งานเลี้ยงเริ่มขึ้น แขกจากทริสเทนได้รับความสนใจและเอาใจใส่จากคนมากหน้าหลายตา ไม่มีใครแสดงสีหน้าเศร้าสร้อย ทุกคนยิ้มและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

     

    เอ็กซ์ซึ่งหลบออกมานอกห้องยืนพิงข้างประตู ฟังเสียงเฮฮาดังมาจากด้านใน เขาหลับตาลง นึกถึงบทสนทนาที่ห้องขององค์ชาย

     

    ข้าคงต้องปฏิเสธ

     

    เอ็กซ์ไม่เปลี่ยนสีหน้า ไม่ว่าคำตอบจะเป็นแบบไหนเขาก็ไม่ประหลาดใจ อีกฝ่ายดูเหมือนจะเข้าใจดีว่า<จ่ายด้วยชีวิต>หมายถึงถ้าเขาบอกให้หนีก็ต้องยอมหนี ไม่มีสิทธิ์เอาชีวิตไปทิ้งโดยเขาไม่อนุญาต แต่ก็ยังปฏิเสธ

     

    ในฐานะที่เขาเคยเป็นผู้นำมาก่อน เขาเข้าใจว่าสถานการณ์ในตอนนี้เป็นอย่างไร ราชวงศ์ของอัลเบี้ยนไม่เหลืออะไรอีกแล้ว อำนาจทางการทหาร ความเชื่อมั่นของประชาชน และที่สำคัญที่สุด ชนชั้นสูงที่เป็นกลไกหลักของอาณาจักร เกือบทั้งหมดอยู่ฝ่ายศัตรู

     

    ชนะแล้วจะทำอย่างไรต่อไป? จะทำลายกองทัพศัตรูจนหมดสิ้นไปก็ได้ แต่จิตใจของประชาชนทั้งอาณาจักรไม่ได้อยู่กับพวกเขา ราชวงศ์ที่ไม่มีประชาชนหรือชนชั้นสูงอยู่เคียงข้างจะทำอะไรได้ เมื่อถูกประชาชนทอดทิ้งเสียแล้ว ราชาก็ไม่มีที่อยู่ ทางที่พวกเขาจะรอดไม่ใช่ชัยชนะแต่เป็นการหนี จะไปตั้งหลักซ่องสุมกำลังพลเพื่อกลับมาทวงแผ่นดินคืนหรือไม่ก็ตาม แต่คำว่า หนี นั้นเป็นคำที่ไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของพวกเขา ดังนั้นจึงไม่ใช่ตัวเลือก

     

    ทุกคนที่นี่ต่างก็ทิ้งชีวิตไปแล้ว จึงสามารถยิ้มและหัวเราะได้อย่างเต็มที่ หรืออาจต้องบอกว่าแสร้งทำเป็นยิ้ม จึงจะถูกต้อง เพราะตัดใจที่จะเอาชีวิตรอด แม้จะกลัวแต่ก็ต้องสวมหน้ากากยิ้มแย้ม เป็นสิ่งที่ซับซ้อนยากจะอธิบายให้เข้าใจ แต่กับคนเช่นนี้ ถ้าหากบอกว่า ยังเหลือความหวัง จะทำร้ายจิตใจพวกเขาเพียงใด?

     

    เขาได้เห็นด้วยตาตัวเองมาแล้ว ความเกลียดชังที่ประชาชนและชนชั้นสูงมีต่อราชวงศ์นั้นมากมายล้นเหลือ ใครที่เป็นผู้นำย่อมรู้ดี เวลาใดประชาชนไม่ต้องการเขาแล้ว ทางเลือกก็มีเพียงแต่ต้องไป

     

    การต่อสู้ครั้งนี้ทุกคนหวังที่จะตาย แม้จะได้รับชัยเหนือศัตรูในครั้งนี้ ผู้ที่เหลือรอดก็มีแต่ต้องผจญศึกที่ไม่มีทางชนะต่อไป หรืออาจจะกระจัดกระจายกลืนหายไปในฝูงชนแห่งอัลเบี้ยนใหม่ ชัยชนะนั้นไม่มี มีแต่เพียงความพ่ายแพ้ในรูปแบบใดเท่านั้น

     

    ถ้าหากจะมีสิ่งที่ช่วยให้พวกเราเอาชนะการสู้รบในวันพรุ่งนี้และกอบกู้อัลเบี้ยนเดิมที่ปกครองโดยราชวงศ์เรากลับมาได้จริง สิ่งนั้นก็คงต้องเป็นเหมือนกับปาฏิหาริย์จากองค์ศาสดา ทว่าพวกเราเองคือลูกหลานขององค์ศาสดา ถ้าหากพลังของพวกเราไม่สามารถผ่านพ้นวิกฤติการณ์ครั้งนี้ไปได้ พวกเราก็ต้องทำใจยอมรับความสิ้นสูญจากความไร้พลังของตัวเอง จะให้รับความช่วยเหลือจากภายนอกนั้นไม่ได้หรอก

     

    เอ็กซ์รู้ว่าองค์ชายพูดแทนขุนนางที่พร้อมจะสู้ตายกับเขา ส่วนตัวองค์ชายเองนั้นมีเหตุผลที่ต่างออกไป

     

    แม้ในเวลานี้ องค์หญิงอังริเอตต้าก็ทรงรักองค์ชายเวลส์ พระองค์เข้าใจเรื่องนี้ดีใช่หรือไม่? เป็นโอกาสสุดท้ายที่เขาคิดได้ แม้เขาจะรู้ดีว่าผลที่ได้มันจะตรงกันข้ามก็ตาม

     

    เพราะความรัก บางครั้งก็จำเป็นจะต้องปล่อยมือ หมายถึงข้าเอง ไม่เช่นนั้น พวกกบฏจะใช้การหลบหนีของข้าเป็นข้ออ้างบุกทริสเทน อาณาจักรอื่นๆ รวมทั้งเยอร์มาเนียก็จะใช้เหตุผลเดียวกันเป็นข้ออ้างประณามทริสเทนที่แทรกแซงการเมืองของอัลเบี้ยน และลอยคออาณาจักรเล็กๆ ให้ต้องเผชิญกับกองทัพห้าหมื่นอันเกรียงไกรเพียงลำพัง

     

    ถูกต้อง เอ็กซ์เองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน มันไม่มีทางเลย...

     

    ...กระหม่อมเข้าใจ...องค์หญิงอังริเอตต้าจะต้องเสียพระทัยหากองค์ชายสิ้นพระชนม์...ทว่าพระองค์ก็จะทรงเข้าใจองค์ชาย...พะยะค่ะ

     

    เวลส์พยักหน้า เอ็กซ์มองเห็นในสีหน้าของเวลส์ว่ามีคำถามอยากจะถามเขา เกิดจากการที่เขายกองค์หญิงอังริเอตต้าขึ้นมาพูด แต่ก็เลือกที่จะไม่ถาม

     

    เอ็กซ์เดินออกจากห้องมาด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง

     

    เอ็กซ์ถอนหายใจ เขาไม่ใช่คนที่ถอนหายใจบ่อย แต่สถานการณ์ตอนนี้มันทำให้จิตใจของเขาอ่อนล้าเหลือเกิน ผู้หญิงที่เขาตกหลุมรักมีความรักให้กับผู้ชายอีกคนหนึ่ง ผู้ชายคนนั้นเป็นคนดีและก็รักเธอตอบ ทำให้เขาอยากจะปกป้องฝ่ายชายเช่นเดียวกับที่เขาอยากจะปกป้องฝ่ายหญิง ทว่าผู้ชายคนนั้นปฏิเสธทางรอด เลือกที่จะตายอย่างสมเกียรติ และเขาซึ่งเข้าใจความรู้สึกของฝ่ายชายดีก็ไม่สามารถจะยื่นมือเข้าไปแทรกได้

     

    ไม่มีเขาวงกตใดซับซ้อนไปกว่าเขาวงกตแห่งความรัก เป็นคำกล่าวที่เอ็กซ์เห็นจริงในวันนี้เอง

     

    เด็กสาวผมสีชมพูก็วิ่งออกจากประตูผ่านเขาไป สีหน้าของเธอบอกว่าทนบรรยากาศอึดอัดในงานแบบนั้นไม่ไหว เอ็กซ์คิดว่าเด็กหนุ่มผมดำจะวิ่งตามออกมา แต่กลับเป็นหัวหน้าหน่วยอัศวินกริฟฟิน

     

    ทางนี้เองก็...มีปัญหาเหมือนกัน...

     

    เหนื่อยหน่ายที่รอบตัวมีแต่ความขัดแย้ง เอ็กซ์ถอนหายใจ

     

    --

     

    PBW:”เริ่มข้ามส่วนที่เป็นนิยายละ คนเขียนคงต้องขอให้ไปหาอ่านกันเอง คนเขียนทนทำตัวเป็น<คนแปล>ไม่ไหวแล้วจริงๆ มันน่าเบื่อ

     

    (*หมายเหตุ: เรกองกิสตานั้นเป็นภาษาสเปน(ซึ่งดูจะไม่มีอาณาจักรไหนเทียบเป็นประเทศสเปนในซีรี่ส์นี้) มีฐานมาจาก ( เรกองกิสตา - วิกิพีเดีย ) )

    (Edit1:ญาติลำดับที่หนึ่ง(ลูกของพี่xลูกของน้อง)แต่งงานกันเป็นเรื่องที่สุดแสนจะปกติ ไม่มีปัญหาสำหรับอังริเอตต้ากับเวลส์)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×