ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Reborn : Fierce Demon & Little Cute Pineapple [1896]

    ลำดับตอนที่ #9 : อัพสามวันติด? จะรีบไปไหน!? อาทิตย์เดียวก็ย้ายบ้าน? ตกลงจะรีบไปไหน!?

    • อัปเดตล่าสุด 25 มิ.ย. 54


    Ch.9
     
    วันนี้เป็นวันศุกร์ วันแห่งความหวังของนักเรียนทั้งหลาย เพราะเป็นวันสุดท้ายก่อนที่วันพรุ่งนี้จะมาถึง -วันหยุดอันแสนจะปรารถนา- (R:คนเขียนก็เช่นกัน วะฮ่าๆๆ!)
     
    เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน(DX:ข้ามไกลวุ้ย) นักเรียนต่างพากันกลับบ้าน โคลมก็เช่นเดียวกัน เพราะเธอ(และทุกๆ คน)จำเป็นต้องทำตามกฎข้อสี่ที่ประธานกรรมการรักษาระเบียบบัญญัติเอาไว้
     
    การกลับบ้านของเธอคงจะสงบ ไร้สีสันและความตื่นเต้น ถ้าเธอไม่บังเอิญเหลือบไปเห็นนักเรียนในชุดเบสบอลคนหนึ่งถูกกลุ่มนักเรียนชายลากเข้าไปหลังตึกข้างสนามเบสบอล
     
    ด้วยความหัวอ่อนของเธอ เมื่อได้รับการปลูกฝังเรื่องมิตรภาพและความเมตตาจากเพื่อนสาว ก็เป็นธรรมดาที่เธอจะแบ่งมันให้เพื่อนร่วมโลก และด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลที่อุตส่าห์ยกขึ้นมาอ้างนี้ สรุปว่าเด็กสาวตามไปดูด้วยความเป็นห่วง
     
    “ไอ้น้อง จำได้ว่าแข่งใหญ่ครั้งที่แล้วชนะเลิศไม่ใช่เหรอ พอจะแบ่งเงินรางวัลมาเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวให้รุ่นพี่อย่างเราหน่อยได้มั้ย?” นักเรียนชายร่างสูงคนหนึ่งในกลุ่มอันธพาลร่ายซะยืดยาว แต่มันก็คือการไถเงินนั่นเอง
     
    “ง—เงินชนะเลิศพวกเราเอาไปซื้ออุปกรณ์ใหม่มาแทนอันเก่าหมดแล้ว ไม่มีเหลือหรอก” นักกีฬาเบสบอลพยายามปฏิเสธทางอ้อม
     
    “เหลือไม่เหลือก็ช่าง แต่ก็ได้มาแล้ว หักมาให้พวกเราซักหน่อยไม่ได้รึไง~” น้ำเสียงดูเหมือนจะถามดีๆ แต่ท่าทางยืดตัวเข้าข่มมันอันธพาลชัดๆ
     
    “ผม—ผมให้ไม่ได้หรอกครับ! ผมต้องเอาไปรักษาน้องที่ป่วย จำเป็นต้องใช้จริงๆ ครับ!!” นักเบสบอลโอดครวญ
     
    “มุขรุ่นไหนกันเจ้าบ้า! งัดเอามาใช้ไม่ดูสถานการณ์เลย ใครเขาจะไปเชื่อ!!” หนึ่งในกลุ่มอันธพาลตะคอกใส่
     
    “ไม่ให้กันดีๆ งั้นก็ต้องลงไม้ลงมือกันหน่อยแล้ว!”
     
    กลุ่มอันธพาลกระชับวงล้อม ทำให้นักเบสบอลผู้โชคร้ายเป็นเหมือนแกะที่ถูกฝูงหมาไนล้อม
     
    โคลมซึ่งมองดูเหตุการณ์อยู่ตลอดเห็นท่าไม่ดีจึงตัดสินใจล้วงมือเข้าไปในกระเป๋านักเรียน ก่อนจะหยิบเอาสามง่ามสุดที่รักของนายเหนือหัวออกมาและยืดมันออกจากสภาพพับเก็บ
     
    เธอตั้งด้ามมันลงกับพื้น ก่อนที่ภาพมายาจะเข้าครอบงำประสาทของกลุ่มอันธพาล
     
    “เฮ้ย! อะไรกันฟะ!?” หนึ่งในกลุ่มอันธพาลร้องด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆ รุ่นน้องนักเบสบอลที่ตัวหดอยู่กลางวงก็ขยายใหญ่ขึ้นจนท่อนขาพ้นหัวของตัวเอง
     
    กลุ่มอันธพาลถอยกลับไปหลายก้าว ยังงงและสับสนกับเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นจนไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
     
    นักเบสบอลผู้โชคร้ายก็สับสนเช่นเดียวกันเมื่อรุ่นพี่จู่ๆ ก็ถอยห่างออกไป แต่เมื่อเป็นโอกาสเหมาะ เขาจึงใช้มันอย่างคุ้มค่าด้วยการเผ่นออกจากที่นั่นโดยเร็ว
     
    เมื่อร่างจริงของนักเบสบอลเคลื่อนไหว ภาพลวงตาชนิดอ่อนก็หายไป ทำให้เหล่ารุ่นพี่อันธพาลได้สติ
     
    “มันหนีไปแล้ว! ตามไปเร็ว!!”
     
    เด็กสาวเก็บสามง่ามและทำตัวลีบเข้ากับกำแพงเพื่อหลบนักเบสบอลผู้ซึ่งเธอช่วยเหลือเอาไว้วิ่งผ่านหน้าไป ก่อนจะกลุ่มอันธพาลจะวิ่งตามออกมาจากมุมตึก
     
    เทพดวงตกซึ่งเกาะอยู่กับนักเบสบอลหนุ่มเมื่อกี้กระโดดแผล็วมายังเป้าหมายใหม่ในขณะที่เขาเฉียดเข้าไปใกล้เด็กสาวผมม่วง และผลที่ได้ก็คือเป้าหมายการไถเงินเปลี่ยนมาเป็นเด็กสาวแทน และเพื่อความสบายใจ(?)ของทุกคน ด้านหลังของเด็กสาวคือกำแพงปูนแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์
     
    “เด็กนี่มาจากไหนหว่า? ไม่เคยเห็นหน้า?”
     
    “จะมาจากไหนก็ช่างเถอะ ทำเป็นแฟชั่นถือกระบองกิ๊กก๊อก คงจะมีตังค์ให้พวกเราใช้บ้างใช่มั้ย น้องสาวคนสวย~” อันธพาลโนเนมเอ่ยประโยคที่เกือบทำให้ตัวเองต้องสิ้นชื่อ(ที่ไม่มีอยู่แล้ว)อยู่แทบเท้าเหล่า 96FC (R:และถึงจะแค่เล็กน้อย 69FC ด้วยเช่นกัน]M:คุฟุฟุ เรียกอาวุธของผมว่าอะไรนะครับ?(กระบองกิ๊กก๊อก))
     
    โคลมรู้ได้ในทันทีว่าตัวเองทำพลาดอย่างใหญ่หลวง ที่ยืนทื่ออยู่เฉยๆ แทนที่จะซ่อนตัวให้มันมิดชิด แต่เรื่องมันแล้วก็ให้มันแล้วกันไป ตอนนี้ต้องคิดว่าจะทำยังไงถึงจะรอดพ้นจากสถานการณ์อันตรายนี่ไปได้
     
    และไม่ทันที่สมองของเด็กสาวจะได้กายบริหาร เสียงอันเย็นเยียบก็ดังขึ้น
     
    “สุมหัวกันโจ่งแจ้งเชียวนะ”
     
    อันธพาลทั้งหมดหันขวับไปในทันที และสีหน้าก็ซีดลงเมื่อเห็นว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร ถึงแม้พวกเขาจะไม่เข็ด แต่เข็ดกับกลัวมันคนละความหมายกัน
     
    “เวรแล้วไง! ฮิบาริมา!!”
     
    “ท่าทางจะไม่ได้สุมหัวกันทำเรื่องที่พออภัยได้ เพิ่มข้อหาทำลายความสงบสุขของนามิโมริเข้าไปอีกกระทง” เด็กหนุ่มผมดำชักทอนฟาอันเป็นเครื่องหมายการค้าออกมาถือเอาไว้
     
    “ป—เปล่า! เรายังไม่ได้ทำอะไร(สำเร็จ)ทั้งนั้น! จ—จะแยกกันเดี๋ยวนี้แหละ!!” เหล่าอันธพาลพยายามเอาตัวรอด
     
    “เหรอ? แล้วที่อยู่ตรงนั้นมันใครกัน ไม่ใช่เด็กนามิฯผู้โชคร้ายรึยังไง?” ประธานฯหนุ่มแสยะยิ้มพลางปรายตามองเด็กสาวที่ดูตัวเล็กลงไปถนัดตาเมื่อยืนอยู่ท่ามกลางนักเรียนชายชั้นปีสูงกว่า
     
    “คือว่า...นี่มัน...”
     
    ฮิบาริไม่รอฟังคำแก้ตัว พุ่งเข้าจู่โจมผู้กระทำผิดในทันที
     
    เสียงท่อนเหล็กกระทบเนื้อดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภาพการทารุณกรรมมนุษย์เป็นสิ่งที่ไม่น่าพิสมัยเลยแม้แต่น้อย แม้แต่เด็กสาวผมม่วงที่เคยชินกับเรื่องหนักกว่านี้ก็ยังอดตื่นกลัวไม่ได้ แต่เธอก็ยืนดูจนกระทั่งมันจบลง เหลือเพียงเด็กหนุ่มผมดำที่เสื้อขาวเปื้อนเลือด
     
    “ลงโทษเจ้าพวกแหกกฎเสร็จแล้ว ต่อไปก็เธอ” ประธานฯหนุ่มละสายตาจากร่างอันธพาลที่กองอยู่มาทางเด็กสาว
     
    “กฎข้อสุดท้ายบอกว่าห้ามกวนใจฉัน ฉันเกลียดภาพมายา และเธอก็ใช้มันในบริเวณโรงเรียน” เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยแววตาน่ากลัว
     
    ฮิบาริ เคียวยะ ด้วยความรังเกียจเป็นส่วนตัว มีสัมผัสพิเศษกับภาพมายา เขาไม่ได้ผ่านมาโดยบังเอิญ แต่เพราะจับคลื่นภาพมายาที่เด็กสาวใช้ได้จึงได้รีบตรงมาที่นี่
     
    “เตรียมตัวถูกลงโทษ อย่างสาสม” ฮิบาริตั้งท่าเดียวกับก่อนที่จะเข้าขย้ำเหยื่อ
     
    โคลมหลับตาปี๋รอรับชะตากรรมอย่างไม่มีคัดค้าน และสิ่งนี้ก็จุดประกายความคิดสร้างสรรค์ของประธานฯหนุ่มขึ้น
     
    เขาลดแขนลงข้างตัวก่อนจะพูดขึ้น
     
    “โทษของเธอเป็นกรณีพิเศษ โทษที่บังอาจใช้ภาพมายาในโรงเรียนของฉัน แค่โดนขย้ำยังไม่พอ”
     
    โคลมค่อยๆ ลืมตาขึ้นเมื่อเห็นว่าไม่มีการจู่โจมมาถึงตัวเธอแต่อย่างใด
     
    “ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันจบการศึกษา เธอต้องถูกกักบริเวณเป็นกรณีพิเศษ”
     
    เด็กสาวทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก กักบริเวณกรณีปกติเธอยังไม่รู้เลย นับประสาอะไรกับกรณีพิเศษ
     
    “นอกจากเวลาเรียนแล้ว เธอต้องอยู่ในความดูแลของฉันและคณะกรรมการรักษาระเบียบ”
     
    “คุณ...หมายความว่ายังไงคะ?...” เด็กสาวยังคงไม่เข้าใจ
     
    “เริ่มจากวันนี้ กิจวัตรภายนอกโรงเรียนของเธอจะต้องอยู่ในสายตาของฉัน ไม่ว่าจะกิน นอน หรือแม้แต่เข้าห้องน้ำ(DX:เฮ่ย = =;)” เด็กหนุ่มพูดคำที่เสี่ยงต่อการถูกตำรวจจับเป็นอย่างยิ่ง
     
    เด็กสาวหวาดผวา หรือว่าเขาจะให้นกขนปุยตัวนั้นแบกกล้องถ่ายชีวิตประจำวันของเธอ?
     
    “ยังไม่เข้าใจสินะ นอกจากที่โรงเรียนแล้ว เธอไม่ได้รับอนุญาตให้ห่างจากสายตาของฉัน เพราะฉะนั้น เธอก็ต้องกินนอนที่บ้านของฉัน ไปจนกว่าจะจบการศึกษาหรือโทษถูกยกเลิก”
     
    โคลมเบิกตากว้างด้วยความตกใจอย่างยิ่งยวด
     
    ทุกคนอาจจะคิดว่าเด็กหนุ่มบ้าไปแล้ว แต่เขายังปกติดีอยู่ และเขาก็ไม่ได้ชอบความคิดนี้นักหรอก อันที่จริงไม่ชอบเลย แต่คำๆ เดียวที่ทำให้เขาตัดสินใจพูดมันออกมาก็คือ ‘มุคุโร่’ นี่คือมาตรการจับตาดูร่างทรงของมุคุโร่ เพื่อที่เขาจะได้ไม่พลาดโอกาสสะสางหนี้แค้นที่เขามีกับเจ้านายของเด็กสาวผมม่วง ยังมีคำกล่าวที่ว่า [ศัตรูตัวฉกาจต้องเอาไว้ใกล้ตัว]

    ...แต่ยังมีอีกอย่างเราต้องกระซิบอย่าให้ฮิบาริได้ยิน เพราะเขาไม่อยากให้เรารู้ว่าเหตุผลหนึ่งก็คือเขาสนใจสัปปะรดน้อยเข้าให้แล้ว...

    และจากการสังเกตของเขา(ที่ไม่ค่อยจะใส่ใจคนอื่นซักเท่าไร) เด็กสาวเป็นพวกอยู่เงียบๆ ไม่ส่งเสียงดัง ไม่สร้างปัญหา ไม่เซ้าซี้กวนใจ จึงทำให้เขาพอจะทนเธอได้บ้าง เมื่อรวบปัจจัยทั้งหมดก็ได้ออกมาเป็นแผนการสมบูรณ์แบบ
     
    “คำสั่งของฉัน เธอขัดไม่ได้ ตามมา”
     
    เด็กหนุ่มเดินนำไปทางประตูหน้าของโรงเรียน ซึ่งเด็กสาวก็เดินตามไปแต่โดยดี
     
    “คุซาคาเบะ วันนี้ฉันจะกลับก่อนนะ” ฮิบาริบอกกับรองประธานคณะกรรมการรักษาระเบียบผมทรงรีเจ้นท์
     
    “ครับคุณเคียว—“ รองฯเหลือบไปเห็นเด็กสาวผมม่วงเข้าก็เกิดสงสัย
     
    “เธอ นักเรียนย้ายมาใหม่นี่นา โคลม โดคุโร่สินะ”
     
    เด็กสาวพยักหน้ารับ
     
    “ฉัน [คุซาคาเบะ เท็ตสึยะ] รองประธานกรรมการรักษาระเบียบ ยินดีที่ได้รู้จัก” รองฯเอ่ยทักทายตามประสาคนมีความเป็นมิตรมากกว่าเด็กหนุ่มผมดำที่ยืนตีหน้าเฉยอยู่ข้างๆ
     
    “รองประธาน ฉันอนุญาตให้ทำตัวสนิทสนมกับคนอื่นตั้งแต่เมื่อไรกัน?”
     
    “ขอโทษครับคุณเคียว! ...ว่าแต่ คุณเคียวจะพาเธอไปไหนเหรอครับ?” ถึงแม้จะรู้ดีว่าการถามคำถามประธานคณะกรรมการรักษาระเบียบหมายถึงการเอาชีวิตไปแขวนอยู่บนเส้นด้าย แต่ความสงสัยของเขาก็มีมากจนอดไม่ได้
     
    “จากนี้ไป เธอจะอยู่ในความดูแลของคณะกรรมการรักษาระเบียบไปจนจบการศึกษา” ฮิบาริตอบเสียงเรียบ
     
    “จนจบ— หมายความว่ายังไงกันครับ?” รองฯแทบไม่เชื่อหูตัวเอง
     
    “อย่าถามเซ้าซี้ คุซาคาเบะ เท็ตสึยะ ฉันยังต้องพานักเรียนคนนี้ไปเก็บข้าวของ เวลามีไม่มาก”
     
    “เก็บข้าวของ? เรื่องอะไรกัน—“ รองฯถามไม่จบประโยคก็ถูกสายตาอำมหิตห้ามเอาไว้ แต่ก็จะโทษเขาก็ไม่ได้ ในเมื่อประธานฯเอาแต่พูดให้สงสัยอยู่ได้
     
    เด็กสาวผมม่วงตอนนี้อยู่ในสภาพที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลยโดยสิ้นเชิง
     
    ทั้งคู่มาถึงจุดหมายแรก สถานที่หลับนอนของเด็กสาวที่เอ่อ... เด็กหนุ่มเห็นแล้วอนาถใจเป็นที่สุด(ถ้าตามความหมายของพวกเรานะ)
     
    “ฮึ เป็นที่อยู่ที่เหมาะกับพวกของโรคุโด มุคุโร่ซะจริงนะ” ฮิบารินิ่วหน้าเมื่อความทรงจำอันน่าอัปยศกลับคืนสู่เขาอีกครั้ง... วันที่เข้าได้ลิ้มรสกับ ‘ความพ่ายแพ้’ (ถึงเขาจะไม่ยอมรับก็เถอะ)
     
    ถึงคำพูดดูแคลนจากเมฆาหนุ่มจะชัดเจนแค่ไหน แต่โคลมก็ทำเป็นไม่ได้ยินและเอ่ยตัดบท
     
    “ฉันจะเข้าไปเก็บของ คุณจะเข้ามาด้วยมั้ยคะ?”
     
    “ฉันเข้าไปเหยียบที่ของโรคุโด มุคุโร่หรอก” ฮิบาริปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย คำว่า ‘รักษาน้ำใจ’ เหมือนเป็นภาษาต่างดาวสำหรับเขา
     
    “ค่ะ” โคลมไม่พูดมากไปกว่านั้น เธอเปิดประตูเหล็กสนิมเขรอะเข้าไปด้านใน
     
    ถ้าเป็นปกติ เธอคงไม่กล้าแม้แต่จะคิดเรื่องไปอาศัยที่บ้านของคนอื่น เพราะมันก็คือ ‘ที่สุดของภาระ’ ตามที่เธอเรียก เป็นสิ่งที่เธอไม่อยากจะเป็นมากที่สุด แต่ในเมื่อประธานคณะกรรมการรักษาระเบียบออกปากเองว่าเป็นการลงโทษ เธอก็ควรจะทำตาม ยังไงซะเขาก็เป็นคนจัดการเรื่องให้เธอได้เข้าเรียน เธอควรจะเคารพเขาให้มาก
     
    ...เช่นเดียวกับที่นายของเธอให้ชีวิตใหม่กับเธอในนามโคลม โดคุโร่ ผู้พิทักษ์แห่งเมฆาก็ให้ชีวิตในโรงเรียนอันแสนสุขกับเธอเช่นกัน
     
    (M(รู้ว่าคนเขียนจงใจกัด):คุฟุฟุ ผมมีผู้ขึ้นมาเทียบเคียงแล้วเหรอครับเนี่ย?] R:ช่าย~ โคลมสร้างอวัยวะตัวเองได้เมื่อไรนายตกกระป๋องเมื่อนั้น~] M: -*-)
     
    เด็กหนุ่มยืนรออยู่ที่ด้านนอกอย่างใจเย็น ต่อให้ผู้หญิงคนนั้นหนีไป เขาก็จะตามล่าจนกว่าจะเจอ ไม่ใช่งานยากสำหรับเขา
     
    และแล้วห้วงความคิดเขาก็มีอันต้องถูกขัดเมื่อเสียงตะโกนดังมาจากด้านใน 
    “ว่าไงนะยัยขี้เหร่!? เธอกล้าทรยศท่านมุคุโร่ ไปกับเจ้าพวกวองโกเล่เรอะ!?!”
     
    เสียงเงียบหายไปพักหนึ่งก่อนจะดึงขึ้นอีก
     
    “เธอโง่จริงหรือแกล้งโง่กันฟะ!? ไอ้เจ้านั่นมันต้องมีจุดประสงค์แอบแฝงอยู่แล้ว!!”
     
    ฮิบาริแสยะยิ้มที่มุมปาก เขาพอจะจับประเด็นการสนทนาได้ จึงรู้ว่าประโยคเมื่อกี้มันจริงแค่ไหน
     
    “ใครเป็นห่วงเธอกันหา!? อยากไปไหนก็ไปเลย ชิ้ว!!!”
     
    และจากนั้นไม่นาน เด็กสาวผมม่วงก็กลับออกมาพร้อมกับผ้าขาดๆ ผืนหนึ่งซึ่งห่อเสื้อผ้าทั้งหมดของเธอเอาไว้
     
    “ฉันพร้อมแล้วค่ะ” (R:พร้อมจะก้าวขึ้นแท่นประหาร)
     
    ฮิบาริไม่ตอบแต่ส่งสัญญาณให้ตามมาก่อนหันหลังและเดินนำออกไป
     
    โคลมทั้งตื่นเต้นทั้งสงสัย เธอไม่เคยลุ้นอะไรแบบนี้มาก่อน(อันที่จริงเธอไม่เคยลุ้นอะไรเลย)
     
    ‘บ้านคุณเมฆาจะเป็นแบบไหนกันนะ?’
     
    แต่ที่เธอเป็นกังวลกว่าก็คือครอบครัวของเมฆาหนุ่มว่าจะมีปฏิกิริยายังไง ยิ่งกว่านั้นเธอยังรู้สึกผิดต่อเพื่อนของเธอทั้งสองที่ต้องอยู่ในที่สกปรกใกล้พังนั่นต่อไป แต่ในเมื่อเมฆาหนุ่มแสดงออกซะชัดแล้วว่าเธอไม่มีสิทธิ์ออกความเห็นใดๆ ทั้งสิ้น เธอจึงได้แต่เดินตามเขาต้อยๆ
     
    และในที่สุดเธอก็ได้มาถึง... ค่ายกักกันที่อันตรายที่สุดในโลก...(เพราะคนคุม)
     
    --
     
    R:”ย้ายเร็วไปไหม? หมดอาทิตย์แรกก็เจอเรื่องยุ่งซะแล้ว โคลมของพวกเรา”
     
    DX:”แกเป็นคนเขียนให้เป็นงี้เองไม่ใช่เหรอฟะ -_-^”
     
    R:”โฮ่ๆ! เขียนแล้วไง ฉันก็ยังมีสิทธิ์วิจารณ์ไม่ใช่เรอะ”
     
    Tsuna:”คุณทำอะไรของคุณเนี่ยยยยย~!! ให้โคลมไปอยู่กับคุณฮิบาริ! โคลมตายแหง!!”

    R:”เออน่ะ ฮิบาริฉีดยาแล้ว(!?) ฉันจะพยายามคุมสุดความสามารถเพื่อไม่ให้เรื่องที่นายกลัวเกิดขึ้น”
     
    T:”ฟังดูแล้วไม่ช่วยให้สบายใจขึ้นเล้ย!!~ =[ ]=”
     
    R:”เรื่องของนาย ฟิคนี้นายเป็นตัวละครรองฯ หุบปากแล้วไปนั่งรอรับค่าตัวอันแสนจะกระจ้อยร่อยสมกับฉายาจอมห่วยสึนะซะไป”
     
    Gokudera:”แกกล้าว่ารุ่นที่สิบงั้นเหรอ!?” (ชักระเบิดออกมา)
     
    DX:”เรื่องมันชักจะไปกันใหญ่ เอาเป็นว่าเรื่องหลังจอจะเป็นไงก็ช่างมัน รอตอนต่อไปเถอะครับทุกคน”
     
    R:”เฮ้ย! แย่งประโยคปิดคนเขียนได้ไง!!”
     
    --
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×