ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Reborn : Fierce Demon & Little Cute Pineapple [1896]

    ลำดับตอนที่ #6 : สคูลไลฟ์ของสายหมอก เธอไม่ถูกลืมเลือนอีกแล้ว...

    • อัปเดตล่าสุด 19 มิ.ย. 54


    กิ๊ง ก่อง กาง ก่อง (DX:ยังไม่เลิกใช้เสียงนี้อีก)
     
    เสียงออดบอกเวลาพักกลางวัน เวลาสวรรค์ของนักเรียนทุกคน แต่เราจะไม่ขยายความมากไปกว่านี้ เพราะนางเอกของเรารออยู่
     
    โคลม โดคุโร่ นักเรียนม.หนึ่งห้องเอเก็บกระเป๋าลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะขึ้นไปบนดาดฟ้าตามที่นัดกับ ‘เพื่อนๆ’ เอาไว้
     
    “สวัสดี คุณโดคุโร่” นักเรียนหญิงสองคนเข้ามาทักทาย คนที่พูดขึ้นก่อนเป็นเด็กสาวยาวสีส้มหยิกเป็นลอน ส่วนอีกคนที่สวมแว่นไว้ผมตรงสีเขียวเข้มยาวถึงปลายคางยืนเงียบอยู่ข้างๆ
     
    “สวัสดีค่ะ” โคลมทักทายตามมารยาท ถึงแม้จะยังไม่รู้ชื่อของทั้งสองคนก็ตาม
     
    “เธอเพิ่งย้ายมาใหม่คงยังไม่คุ้นกับโรงเรียน ไปกินข้าวกับพวกเรามั้ย? เดี๋ยวฉันพาทัวร์โรงเรียนด้วย” เด็กสาวผมส้มเอ่ยปากชวนอย่างมีอัธยาศัย
     
    “ฉัน...มีนัดแล้วค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ...” โคลมก้มหัวขอโทษตามนิสัยที่สุภาพ(จนเกินไป)ของเธอ
     
    “ไม่เป็นไร ไม่ต้องสุภาพนักก็ได้ งั้นคราวหลังได้มั้ย?” เด็กสาวผมส้มถามด้วยรอยยิ้มสดใสตามแบบฉบับของเด็กสาววัยรุ่น
     
    “ด—ได้ค่ะ” โคลมตอบอย่างเขินอาย อาการที่เธอแสดงเวลาที่มีใครทำดีด้วยยังคงแก้ไม่หาย
     
    “งั้นก็ แล้วเจอกันนะ ^ ^!” เด็กสาวผมส้มโบกมือลาก่อนจะเดินออกไปทางประตูหลังของห้อง เด็กสาวสวมแว่นหันกลับมามองเธอและโบกมือลาให้แว้บหนึ่งก่อนจะเดินตามเพื่อนออกไป
     
    เด็กสาวผมม่วงใจชื้นขึ้นมาทันที ถ้าเป็นที่นี่ล่ะก็ บางที...บางทีเธออาจจะมีเพื่อนกับเขาบ้างก็ได้ อาจจะได้ใช้ชีวิตอย่างเด็กสาวธรรมดากับบอสและเพื่อนร่วมแฟมิลี่ของเธอ ในตอนนั้นความคิดที่ว่าเธออาศัยอยู่ได้ด้วยพลังของใครบางคนไม่ได้แว้บเข้าสู่สมองของเธอเลย แต่เราก็ไม่ต้องบอกเธอหรอก เพราะคงจะมีวันหนึ่งที่เธอสามารถยืนหยัดอยู่ได้ด้วยตัวเอง...
     
    ...
     
    เด็กสาวผมม่วงเปิดประตูดาดฟ้าพร้อมกับมองหากลุ่มของเด็กหนุ่มผมฟู หลังจากพบแล้วเธอก็เดินตรงเข้าไปหาพวกเขาและนั่งลงข้างๆ เด็กสาวผมสีน้ำตาล
     
    “เนี่ยเหรอ เด็กผู้หญิงที่เธอว่าย้ายมาอยู่ที่โรงเรียนเราน่ะ เคียวโกะ” เด็กสาวผมยาวสีดำถามเพื่อนของเธอพร้อมกับสำรวจรูปลักษณ์ของเด็กสาวผมม่วงไปด้วย
     
    “ใช่แล้วล่ะจ้ะ โคลมจัง นี่ คุโรคาวะ ฮานะ” เคียวโกะแนะนำเพื่อนรักของตัวเองให้เด็กสาวรู้จัก
     
    “โคลม โดคุโร่ค่ะ” เด็กสาวผมม่วงก้มหัว ดูเหมือนมันจะเป็นวิธีทักทายคนแปลกหน้าของเธอไปซะแล้ว
     
    “ยินดีที่ได้รู้จัก เธอเพิ่งจะอยู่ปีหนึ่งสินะ ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกกันได้” ฮานะทักทายด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้เธอจะเกลียดความน่ารำคาญของเด็ก แต่โคลมก็อายุน้อยกว่าเธอเพียงหนึ่งปี และก็ไม่ได้น่ารำคาญด้วย
     
    “โคลมจัง ฉันทำข้าวกล่องมาเผื่อเธอด้วย นี่จ้ะ” เคียวโกะยื่นกล่องข้าวจากกระเป๋าของตัวเองให้เด็กสาวผมม่วง
     
    “เอ๋? แต่ว่า...” ความขี้เกรงใจของเด็กสาวทำให้เธอลังเล
     
    “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะจ๊ะ โคลมจังอยู่ลำบากจะแย่ แต่ฉันไม่ลำบากอะไรเลย” แต่เด็กสาวผมสั้นรู้อยู่แล้วจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
     
    “แค่คำขอบคุณคำเดียวก็ทำให้ฉันดีใจแล้วล่ะจ้ะ”
     
    “...ขอบคุณค่ะ...” โคลมรับมันมาแต่โดยดี ก่อนจะลงมือแกะกล่องเพื่อรับประทานอาหารมื้อที่อาจจะอร่อยที่สุดในชีวิตของเธอ
     
    --
     
    คาบเรียนที่เป็นไปอย่างน่าเบื่อสำหรับนักเรียนส่วนใหญ่กลับเป็นที่สนใจของโคลม โดคุโร่
     
    คงไม่มีใครเข้าใจความสุขของเธอที่ได้ใช้ชีวิตอย่างเด็กสาวธรรมดาตามที่หวังได้เท่ากับตัวของเธอเอง
     
    และในแต่ละชั่วโมงเรียนที่ผ่านไปก็เป็นอันสรุปได้ว่า...
     
    โคลมหัวดีมาก
     
    ถึงแม้ว่าเธอจะเข้ามากลางเทอม แต่เธอก็สามารถเรียนรู้ได้เร็ว(มาก) ซึ่งก็ทำให้ข้อสงสัยเรื่องภาษาอิตาลีที่เธอใช้ตอนเปิดตัวครั้งแรกในศึกชิงแหวนหายไป เพราะคงไม่พ้นเด็กหนุ่มผู้ถูกขับไล่จากมาเฟียเป็นคนสอนให้ และเธอก็สามารถเรียนรู้มันจนเข้าที่เข้าทาง 
    ชีวิตในโรงเรียนของเธอประสบความสำเร็จไปครึ่งหนึ่งตั้งแต่วันแรกที่เธอเข้ามา ถือเป็นกำลังใจอันดีให้กับเธอ
     
    “ข้อนี้ใครตอบได้บ้าง?” ครูสาววัย 40(?) ขยับแว่นก่อนจะถามถึงโจทย์ในกระดาน
     
    มือขาวจากร่างเล็กชูขึ้นก่อนใคร เด็กสาวผมม่วงผู้ได้รับความกล้าจากสหายมานานจนสุกงอมลุกขึ้นก่อนจะตอบ
     
    “ศูนย์ค่ะ” นี่คือคำตอบ
     
    “ถูกต้อง” และนี่คือผล
     
    เรื่องคำสบประมาท ‘ยัยผู้หญิงโง่’ ของผู้ที่เรียกตัวเองว่ามือขวาของวองโกเล่ก็คงไม่ต้องสงสัยกันอีกแล้ว...
     
    --
     
    กิ๊ง ก่อง กาง ก่อง
     
    เสียงกระดิ่งบอกหมดเวลาเรียนสำหรับวันนี้ และหมายถึงสัญญาณปล่อยผี(?)ด้วยเช่นกัน
     
    “คุณโดคุโร่ บ้านอยู่ที่ไหนเหรอ?” นักเรียนหญิงผมสีส้มคนเดียวกับเมื่อกลางวันเข้ามาถามเด็กสาวผมม่วง
     
    “อยู่...ทางโกคุโยค่ะ...” โคลมไม่กล้าเปิดเผยให้คนอื่นรู้ว่าเธออาศัยอยู่ในที่เช่นไร
     
    “ว้า~ น่าเสียดายจัง คนละทางกับบ้านฉัน ก็เลยไม่ได้กลับด้วยกัน” เด็กสาวผมส้มร้องออกมาด้วยความผิดหวัง
     
    “งั้นวันพรุ่งนี้เจอกันนะ!” เด็กสาวผมส้มโบกมือลาแบบเดียวกับเมื่อกลางวันเป๊ะจนโคลมเกือบรู้สึกถึงเดจาวูในระยะกระชั้นชิด
     
    โคลมเดินออกจากอาคารเรียน ตรงไปที่ประตูหน้าเพื่อที่จะกลับไปยังที่พักอาศัยของเธอ วันนี้เธอมีการบ้านไม่มาก แต่เธอก็อยากจะทำ เพราะเธอรู้สึกสนุกกับการเรียน ชีวิตที่นี่ไม่ทำให้เธอผิดหวัง (เหมือนพวกเราสมัยเข้าโรงเรียนใหม่ และตรงข้ามกับเราในตอนนี้...)
     
    ประธานกรรมการรักษาระเบียบเหล่มองเด็กสาวผมม่วงเมื่อเธอเดินผ่าน และเอ่ยปากย้ำเรื่องที่บอกไปแล้วเมื่อตอนเช้า
     
    “อย่าลืมล่ะ เพลงนามิโมริ แล้วก็นักเรียนที่นี่ไม่อนุญาตให้สวมเครื่องประดับ รวมทั้งผ้าปิดตาด้วย ถึงตาเธอจะกลวงโบ๋ก็หาทางจัดการเอง”
     
    เมื่อพูดธุระจบ เมฆาหนุ่มก็หันกลับไปทำหน้าที่ต่อ ทิ้งให้เด็กสาวผมม่วงต้องกังวลอยู่คนเดียว
     
    //ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกครับ โคลมที่น่ารักของผม//
     
    เสียงของบุคคลที่เธอคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินดังขึ้น
     
    ‘ท่านมุคุโร่!’
     
    //แค่ตาข้างเดียว ผมใช้พลังเพิ่มอีกหน่อยได้//
     
    ‘แต่ท่านมุคุโร่ก็ลำบากอยู่แล้ว...’
     
    //ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นหรอกครับ ตามใจฮิบาริ เคียวยะเขาหน่อย ^ ^//
     
    น้ำเสียงหยอกเย้าของผู้ที่อยู่อีกฟากทำให้เธอใจชื้นขึ้นมาบ้าง แสดงว่าเขายังสบายดี
     
    ‘ขอบคุณมากค่ะ ท่านมุคุโร่’
     
    โคลมตรงกลับโกคุโยด้วยใจอันรื่นเริง แต่ไม่ถึงกับเดินก้าวกระโดดแบบที่คนอื่นเขาทำกัน มันไม่เข้าคาแรคเตอร์ของเธอ
     
    ในคืนนั้น ถ้าหากใครสนใจฟังก็จะได้ยินเสียงใสร้องเพลงที่อาจจะเคยได้ยินจากริงโทนของใครบางคน ตามด้วยเสียงเอะอะโวยวายเพราะเสียงแรกไปรบกวนเจ้าของเสียงที่สองเข้า
     
    “หนวกหูเฟ้ย ยัยขี้เหร่!!”
     
    --
     
    R:”ตอนท้ายนั่น...คงเข้าใจเหตุการณ์กันใช่มั้ย? ตั้งใจจะให้มันเป็นมุขเบาๆ น่ะนะ แต่จะยังไงก็ตาม หวังว่างานเขียนของผมจะ—“
     
    Yamamoto:”นายทำได้ไม่เลวเลยล่ะ ฮะๆๆ!!”
     
    R:”ถึงจะได้คำชมจากนาย ฉันก็ไม่ดีใจหรอกเฟ้ย แล้วก็ถ้าจะเคารพกันหน่อยก็ช่วยกลับไปนอนซมเพราะพิษไข้ตามบทที่ฉันเขียนหน่อยเซ่!”
     
    Y:”โทษทีๆ! แข่งใหญ่ครั้งหน้าใกล้เข้ามาแล้ว เสียเวลาไม่ได้แม้แต่วันเดียว งั้นขอออกไปซ้อมก่อนนะ!!” (วิ่งออกไปจากสตูดิโอ(?))
     
    R:”...ไอ้บ้าเบสบอลงั้นเหรอ? สมชื่อจริงๆ...”
     
    --
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×