ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Reborn : Fierce Demon & Little Cute Pineapple [1896]

    ลำดับตอนที่ #10 : ตีท้ายครัว! บ้านคนดังแห่งเมืองนามิโมริ! แต่แอบถ่ายอยู่ห่างๆ พอ ยังไม่อยากตาย...

    • อัปเดตล่าสุด 28 มิ.ย. 54


    Ch.10
     
    ในยามเช้าอันสดใสของเมืองนามิโมริ ที่คฤหาสน์หลังหนึ่งแถบชานเมือง แสงแดดอ่อนๆ ตกกระทบใบหน้าของเด็กสาวใต้ผ่าห่มสีม่วงอ่อน ผมสั้นสีม่วงของเธอแผ่สยายกลมกลืนกับหมอนสีเดียวกัน
     
    เธอยกมือขึ้นบังแสง ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นครึ่งหนึ่ง และสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่นก็กลายเป็นตื่นเต็มตาเมื่อเธอพบว่าสภาพแวดล้อมนั้นเปลี่ยนไป
     
    เธอนึกขึ้นได้ว่าห้องนี้ –ห้องเล็กแบบญี่ปุ่นที่มีประตูกระดาษลายดอกไม้และปูด้วยเสื่อทาทามิ- เป็นห้องที่เมฆาหนุ่มเจ้าของบ้านให้เธออาศัยหลับนอน
     
    เธอลุกขึ้นและพับที่นอนและยกไปวางไว้ที่มุมห้องอย่างเรียบร้อยก่อนจะออกไปด้านนอก
     
    โคลมเลื่อนประตูกระดาษด้านหลังปิดลงก่อนจะเริ่มเดินความจำว่าทางไหนเป็นทางไหน เพราะสถานที่ที่เธออยู่ในขณะนี้มันคือทางเดินที่มีขนาบด้วยสวนด้านหนึ่งและประตูนับสิบเรียงกันอีกด้านหนึ่ง
     
    บ้านไม้ชั้นเดียวทรงญี่ปุ่นหลังนี้มีขนาดใหญ่สุดหูรูด เอ๊ย! ขั้ว พื้นเป็นพื้นไม้ยกสูง เครื่องเรือนจัดเป็นแบบญี่ปุ่นซะเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ มีสวนที่กว้างไม่ใช่เล่น ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องนอน ต่างมีจำนวนล้นหลามเกินความจำเป็น ห้องที่เธอเพิ่งออกมาเมื่อครู่คือหนึ่งในห้องว่างที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก
     
    นาฬิกาที่เสาบนทางเดินบอกเวลาหกโมงตรง ช้ากว่าเวลาที่เธอตื่นปกติหนึ่งชั่วโมง คงเพราะความไม่คุ้นกับสถานที่ทำให้เธอหลับไม่สบายเต็มที่ และการที่เจ้าของบ้านเป็นคนให้บรรยากาศอึดอัดแบบนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นเลยซักนิด
     
    ครืด~
     
    ประตูสุดทางเดินเปิดออก ร่างของเด็กหนุ่มผมดำนุ่งผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนเดียวที่ก้าวออกมาทำให้เธอรู้ว่านั่นคือประตูห้องน้ำซึ่งอยู่ท้ายสุดของตัวบ้านนั่นเอง แต่ประเด็นที่ทุกคนสนใจตอนนี้คงไม่ใช่ห้องน้ำ แต่เป็นตัวของเด็กหนุ่ม
     
    “ตื่นเร็วดีนี่ เป็นการพัฒนาเพื่อความอยู่รอดของสัตว์อ่อนแอรึไง?” เจ้าของบ้านเอ่ยพร้อมกับก้าวเข้ามาใกล้เด็กสาวทุกขณะ
     
    ร่างกายท่อนบนที่ปราศจากอาภรณ์โชว์ผิวขาวเนียนและกล้ามเนื้อที่ได้รูปทำให้เด็กสาวผมม่วงก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย (ประเด็นความอายมันจะอยู่ที่ ‘ปราศจากอาภรณ์’)
     
    “คุณเมฆา ฉันขอใช้ห้องน้ำนะคะ...” เธอขออนุญาตด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ
     
    “ฉันอนุญาต แต่ห้ามแตะต้องของของฉัน และอย่าใช้เวลานานเกินความจำเป็น” ฮิบาริเอ่ยเสียงเฉียบก่อนจะเดินต่อไปยังห้องที่อยู่ถัดไปโดยไม่รอการตอบรับจากโคลม
     
    เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว โคลมจึงกลับเข้าไปค้นสัมภาระของตัวเองนำเอาสิ่งของจำเป็นออกมาก่อนจะตรงไปยังห้องน้ำ
     
    ...เฮ้ย! คิดจะทำอะไร!? ห้ามแอบดูเฟ้ย!! ถอยไปเลยๆ ไปห่างๆ!!
     
    หลังจากเสร็จธุระในห้องน้ำเป็นที่เรียบร้อย เธอก็รีบแต่งตัวในชุดลำลอง -ชุดนักเรียนโกคุโย- จัดผมทรงเดิม -ทรงสัปปะรด- และตรงไปยังห้องที่สุดทางเดินอีกด้านหนึ่ง คือห้องรับประทานอาหาร
     
    (DX:ในที่สุดก็ต้องเรียกว่าทรงสัปปะรด] M:คุฟุฟุ ช่วยไม่ได้นะครับ เพราะทรงผมของผมเป็นเอกลักษณ์ไม่มีใครเหมือน] R:เขาไม่กล้าทำตามมากกว่า เขามียางอายพอ] M:-*-)
     
    เมื่อไปถึงก็พบว่าเจ้าของบ้านในชุดยูคาตะสีดำลายดอกไม้นั่งรับประทานอาหารเช้าฝีมือตัวเองสบายใจเฉิบอยู่ก่อนแล้ว และแน่นอนว่าเขาไม่ได้ทำเผื่อเด็กสาว ส่วนอาหารเป็นอะไรนั้น อย่ารู้เลย ไปยุ่งกับอาหารของสัตว์กินเนื้อย่อมไม่ส่งผลดีเป็นแน่(คนเขียนไม่อยากแส่หาเรื่อง)
     
    “คุณเมฆา ฉันขอใช้ห้องครัวนะคะ...” เธอขออนุญาต(อีกแล้ว)
     
    “ฉันอนุญาต แต่ห้ามสร้างความเสียหายหรือความสกปรกแม้แต่น้อย” และฮิบาริก็อนุญาต(อีกแล้ว)เช่นกัน
     
    หลังจากเด็กหนุ่มผมดำทำตัวได้สมกับเป็น ‘สุภาพบุรุษฮิบาริ’ ด้วยการปล่อยให้ผู้หญิงไปทำอาหารด้วยตัวเองได้ไม่นาน โคลมก็กลับเข้ามา ในมือถืออาหารง่ายๆ ที่เรียกว่า ‘ไข่เจียว’ ซึ่งเธอรับการสั่งสอนมาจากเพื่อนๆ สามสาวของเธอคือ เคียวโกะ ฮารุ และ...เอ่อ...เบียงกี้?(DX:พระเจ้าช่วย!!)
     
    เบียงกี้ [แมงป่องพิษ] ชื่อที่ไม่น่าเอามาเป็นอาจารย์สอนทำอาหาร (แต่โชคดีที่เธอไม่ได้รับถ่ายทอดพรสวรรค์แห่งศาสตร์อาหารทำลายล้างมาด้วย จึงไม่มีปัญหาแต่อย่างใด)
     
    ทั้งคู่ต่างรับประทานอาหารของตัวเองอย่างเงียบๆ เป็นมือเช้าที่บรรยากาศอึมครึมที่สุดเท่าที่เราเคยเห็นมาในฟิค(มั้งนะ)
     
    หลายคนอาจจะเริ่มสงสัยว่าชีวิตอื่นในบ้านมันไปไหน? คนเขียนก็ขอตอบว่าไม่มี เพราะอะไร? เพราะคนเขียนใช้ตัวละครเยอะๆ ไม่เก่ง จึงใช้ข้ออ้างว่า ‘ฮิบาริไม่ชอบให้มีคนอยู่เยอะๆ หลังจากพ่อแม่และญาติๆ ย้ายไปอยู่ที่อื่นด้วยเหตุผลทางธุรกิจ จึงไล่คนใช้คนอาศัยออกไปจนหมด’
     
    -บางคนอาจจะยังไม่รู้ คนเขียนรีบอร์น [อาจารย์อามาโนะ อากิระ] ได้เปิดเผยในหนังสือเล่มหนึ่งว่าฮิบาริเป็นตระกูลใหญ่ที่ร่ำรวย บ้านก็เป็นคฤหาสน์ญี่ปุ่นตามที่ว่าไว้ ไม่มีเสริมเติมแต่ง-
     
    ฮิบาริที่กินก่อนเสร็จก่อนยกจานไปเก็บก่อนจะกลับเข้ามานั่งที่เก่าพร้อมทั้งหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน หนังสือ [วงจรชีวิตสัตว์โลก ภาคนักล่าและเหยื่อ] แต่ก็ยังชำเลืองมองเด็กสาวที่นั่งตรงข้ามโต๊ะด้วยความหงุดหงิด สาเหตุมาจากชุดที่เธอใส่อยู่
     
    “เป็นนักเรียนนามิโมริแต่กลับใส่ชุดของโรงเรียนอื่นมันผิดกฎนะ” เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงเย็น
     
    “เอ๋? แต่...” ใจจริงโคลมอยากจะพูดออกไปว่า ‘ไม่ใช่ว่ากฎของโรงเรียนก็ใช้ได้เฉพาะในโรงเรียนเหรอคะ?’ แต่เธอเป็นประเภทสงบเสงี่ยมเจียมตัวจึงเปลี่ยนเป็น “ฉัน...ไม่มีชุดอื่นใส่แล้วค่ะ...”
     
    “งั้นก็ใส่ชุดของนามิโมริสิ” ฮิบาริตอบอย่างไม่ใส่ใจความรู้สึกของเด็กสาวตรงหน้า
     
    “ฉันก็ไม่มีชุดจะใส่ไปโรงเรียนสิคะ...” เธอตอบหน้าสลด
     
    ฮิบาริมองเด็กสาวตรงหน้าอย่างชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยอย่างจำใจ
     
    “ถ้าอย่างนั้นรีบกินให้เสร็จ แล้วออกไปหาฉันที่หน้าบ้าน” ฮิบาริตอบพร้อมกับลุกขึ้นเดินไปเก็บหนังสือไว้กับชั้นข้างห้อง
     
    โคลมที่งงสนิทได้แต่มองเด็กหนุ่มอย่างสับสน และการจ้องของเธอ ไม่ต้องนานมากก็ทำให้เด็กหนุ่มหงุดหงิดได้
     
    “ฉันให้เวลาเธอห้านาที ถ้าสายแม้แต่นิดโดนลงโทษแน่” และฮิบาริก็เปิดประตูออกไปจากห้องในทันที
     
    ห้านาทีเป๊ะ เด็กสาวหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูคฤหาสน์ญี่ปุ่นที่ทั้งสูงทั้งกว้าง โดยมีเด็กหนุ่มผมดำยืนรออยู่ก่อนแล้ว ‘ในชุดนักเรียนและเสื้อคลุมกรรมการรักษาระเบียบ’ เรียกว่าคนเขียนคิดชุดอื่นไม่ออกแล้ว (R:และถึงคิดออก ฮิบาริก็ไม่ใส่หรอก! (ปึง! ทุบโต๊ะ)] DX:ใส่อารมณ์มากไปแล้ว =_=;)
     
    “เราจะไปไหนกันเหรอคะ?”
     
    “เงียบแล้วก็ตามมา” เด็กหนุ่มตัดบทก่อนจะเดินนำไปอย่างทุกที
     
    --
     
    ทั้งคู่เดินไปในย่านการค้าภายในตัวเมืองนามิโมริที่มีตึกสูงระฟ้าผิดกับแถบชานเมืองที่พวกเขาอาศัยอยู่
     
    เด็กหนุ่มผมดำในชุดนักเรียนนามิโมริและเสื้อคลุมกรรมการรักษาระเบียบเดินนำหน้า เด็กสาวผมม่วงในชุดนักเรียนคนละโรงเรียนเดินตามหลังที่ระยะห่างสามเมตร
     
    คิ้วของเด็กหนุ่มขมวดเข้าด้วยกันเพราะความหงุดหงิดที่ต้องทนเดินกลางฝูงชน ทั้งความอึดอัด พื้นที่ส่วนตัว(รอบตัวสองเมตร)ถูกรุกล้ำ เสียงดังจอแจ สิ่งที่เขาพยายามหลบเลี่ยงมาตลอดถาโถมเข้าหาเขาในคราวเดียว
     
    ผู้คนรอบข้างรับรู้ได้ถึงความอันตรายของเด็กหนุ่มจึงพากันถอยห่าง ทำให้ความอดทนที่มีอยู่อันน้อยนิดของเด็กหนุ่มยังคงอยู่ได้
     
    ชายหนุ่มวัยยี่สิบต้นๆ แทบหัวใจวายตายเมื่อเห็นลูกค้าคนล่าสุดก้าวเข้ามาในร้านขายเสื้อผ้าของเขา และแทบจะทันที ลูกค้ารายอื่นต่างก็จรลีลี้ภัยออกไปจนเกลี้ยงร้าน
     
    “จ—จ—จะรับอะไรดีครับ!~” ชายหนุ่มเจ้าของร้านสติแตกจนใช้คำพูดไม่ถูก
     
    ฮิบาริไม่ตอบแต่หันไปพูดกับเด็กสาวที่ตามมาด้านหลัง
     
    “เธอน่ะ เลือกออกมาซิ”
     
    “เอ๋?” เป็นอีกครั้งที่คำพูดและการกระทำของเมฆาหนุ่มทำให้เธอสับสน
     
    “ชุดนั่นมันขัดตาฉัน เลือกชุดอื่นไปใส่แทน” ฮิบาริตอบคำถามที่ยังไม่ทันออกจากปากของเด็กสาว
     
    “...กี่ชุดคะ?” โคลมฉลาดพอจะไม่ขัดคำสั่งเขาจึงพยายามทำตัวว่าง่าย
     
    “เท่าที่เธอใช้ในสัปดาห์หนึ่ง อย่าเลือกชุดที่แพรวพราวเกินความจำเป็นมาล่ะ” ฮิบาริตอบ พร้อมกันนั้นก็กำหนดขอบเขตให้กับเด็กสาวให้สมกับหน้าที่ ’คุมกฎ’ ของตัวเอง
     
    โคลมเดินผ่านเจ้าของร้านผู้น่าสงสารที่กลัวจนตัวแข็งก็ลอบมองด้วยความเป็นห่วง แต่ก็เข้าไปเลือกชุดอย่างไม่เกรงใจ ชุดที่เธอคิดว่าถูกใจเด็กหนุ่มและกระเป๋าเงินของเขามากที่สุด
     
    และในเวลาที่เร็วกว่าเด็กผู้หญิงทั่วไปมาก โคลมก็กลับออกมาพร้อมกับเสื้อผ้าจำนวนหนึ่งซึ่งค่อนข้างธรรมดา ประกอบด้วยหลากสี
     
    ฮิบาริพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งจึงหันไปถามคนขาย
     
    “ทั้งหมดนี่เท่าไร?” ...ด้วยเสียงอันเย็นเยียบที่เหมือนกับขู่ซะมากกว่า
     
    “เอ่อ ฟ—ฟรี เอ๊ย! สามหมื่นสองพันเยนครับ” เจ้าของร้านหนุ่มเกือบใจฝ่อเพราะความน่ากลัวของเด็กหนุ่ม แต่สิ่งที่รั้งเขาเอาไว้ก็คือ ‘สปิริตนักขาย’
     
    (R:สามหมื่นสองพันเยน ก็ประมาณหมื่นสองพันหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสองบาท)
     
    ฮิบาริควักกระเป๋าเงินหนังสีน้ำตาลออกมาก่อนจะหยิบธนบัตรห้าหมื่นสองใบกำลังจะยื่นให้เจ้าของร้าน สายตาเหลือบไปเห็นว่าจำนวนชุดที่เด็กสาวถืออยู่มันไม่ค่อยลงตัว
     
    “สัปดาห์หนึ่งเธอใช้แค่นั้นเหรอ?” แค่นั้นที่ว่าเขาหมายถึงเจ็ดชุด
     
    “ค่ะ...” โคลมไม่อยากให้เรื่องยุ่งยากจึงตอบสั้นๆ
     
    “เพราะไม่รอบคอบ เธอถึงเป็นได้แค่ [สัตว์กินพืช] ถ้าเกิดอะไรขึ้น ฉันไม่ให้เธอใช้ชุดในบ้านฉันหรอกนะ”
     
    ฮิบาริเดินไปที่ชั้นใกล้ๆ ใช้สายตากะขนาดตัวของเด็กสาว ก่อนจะหยิบออกมาชุดหนึ่งส่งให้เธอ เป็นชุดกระโปรงยาวคลุมเข่าสีฟ้าสว่างธรรมดาๆ ที่มีลายก้อนเมฆขาวสองก้อน
     
    “เป็นเท่าไร?”
     
    “ล—ลดสิบเปอร์เซ็นต์ สามหมื่นสามพันสองร้อยเยนครับ” ดูเหมือนว่าความกลัวจะได้ชัยเหนือสปิริตนักขายไปแล้วไม่มากก็น้อย...
     
    ฮิบาริจ่ายเงิน รับเงินทอน และเดินออกไปจากร้านโดยมีเด็กสาวติดสอยห้อยตามไป หายไปราวกับไม่เคยมีตัวตนมาก่อน (แต่เจ้าของร้านค้านหัวชนฝาโดยมีหลักฐานคือโรคหัวใจที่จู่ๆ ก็เป็น)
     
    ...
     
    ทั้งคู่กลับมาถึงบ้า—คฤหาสน์ในเวลาไม่นาน และคำสั่งแรกที่เจ้าของบ้านให้กับผู้อาศัยทันทีที่เข้ามาถึงห้องนั่งเล่นก็คือ—
     
    “เปลี่ยนชุดซะ”
     
    “เอ๋ ต—แต่นี่ยังไม่ได้ซักเลยนะคะ” โคลมลืมตัวเถียงกลับไป และก็ได้รู้ว่ามันเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงเพียงใด
     
    “เธอจะเปลี่ยนเองหรือจะให้ฉันเปลี่ยนให้?” ฮิบาริเอ่ยประโยคเด็ดที่เขาใช้กันจนโหล
     
    “ฉ—ฉันขอเวลาเดี๋ยวนึงนะคะ” โคลมหันหลังกลับ ก้าวขาเดินไปที่ประตูอย่างหวาดๆ
     
    “เดี๋ยว”
     
    “ค—คะ?”
     
    “เปลี่ยนทรงผมซะ ไม่อย่างนั้นล่ะก็...” ฮิบาริละวลีท้ายเอาไว้ในฐานที่เข้าใจ(ดีมากๆ)
     
    “ด—ได้ค่ะ” ถึงจะลังเลที่จะต้องเปลี่ยนทรงผมที่ทำตามนายผู้เป็นที่รักที่สุด(แค่ตอนนี้หรอก) แต่เธอตีค่าชีวิตตัวเองเพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนแล้ว จึงไม่ต้องตัดสินใจอะไรมาก
     
    ถึงเด็กสาวจะออกไปจากห้องแล้ว แต่สายตาของเด็กหนุ่มก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่ประตู
     
    อย่างที่ทุกคนรู้กัน เด็กสาวเป็นประเภทว่าง่าย เหมือนกับคุซาคาเบะ เท็ตสึยะ ลูกน้องคนสนิทของเขาซึ่งได้ตำแหน่งนี้เพราะเข้าใจคำสั่งและปฏิบัติตามความต้องการของเขาโดยไม่ขัดมากจนเกินไป เช่นเดียวกับเด็กสาวที่ออกไปเมื่อครู่นี้
     
    และถึงเขาจะขย้ำเธอสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้(เพราะภาระหลังจากนั้นจะตกที่เขา) แต่ก็ยังบังคับเธอให้ทำตามได้อย่างง่ายดาย(แบบเมื่อกี้)
     
    ในขณะเดียวกันก็ดูเหมือนว่าการมองดูเด็กสาวทำตามคำสั่งของเขาต้อยๆ จะกลายเป็นความบันเทิงเล็กๆ น้อยๆ ของชีวิตเขาไปซะแล้ว(DX: = =;)
     
    บางทีเขาอาจไม่ต้องรอคอยโรคุโด มุคุโร่อย่างเบื่อหน่ายตามที่คิดไว้แต่แรกก็ได้
     
    แต่ที่สำคัญกว่าคือ ตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว เขารู้สึกเหมือนถูกสายตาคู่หนึ่งจ้องมองอยู่อย่างลับๆ ทั้งตลอดทางไปที่โกคุโยและกลับมาที่นี่ ทั้งตลอดทางไปกลับเมื่อกี้นี้ก็ด้วย แม้กระทั่งตอนนี้ สัมผัสนั้นก็ยังอยู่
     
    ‘ทำตัวหลบๆ ซ่อนๆ ยังกับพวกผู้ใช้มายา จะเป็นใครก็ช่าง ถ้าเจอจะขย้ำให้เละเลย’
     
    ใช่แล้ว เพราะเขาคือฮิบาริ ใครที่บังอาจทำให้เขาไม่พอใจ จะไม่มีบริษัทไหนยอมทำประกันชีวิตให้แน่นอน
     
    --
     
    R:”จบ-แล้ว!!
     
    DX:”พูดเป็นเล่น! จบค้างคายังงี้มีที่ไหน!?!”
     
    R:”ฟังให้จบก่อนสิเฟ้ย ฉันหมายถึงจบบทชีวิตประจำวันตะหาก ประเภทเดียวกับช่วงก่อนบทโกคุโย(ในการ์ตูน)นั่นแหละ ถึงจะไม่เคยมีประกาศอย่างเป็นทางการ แต่นั่นแหละคือ [บทชีวิตประจำวัน] หรือ [Daily Life Arc]”
     
    T:”คิดจะทำอะไรก็ทำนะ ฉันยังอยากอยู่บทชีวิตประจำวันอันแสนสงบสุขอยู่นะ =_=;”
     
    G:”ไม่ต้องห่วงนะครับรุ่นที่สิบ เดี๋ยวผมจัดการให้! นี่แกน่ะ! ห้ามทำให้รุ่นที่สิบลำบากใจนะเฟ้ย!”
     
    R:”หุบปาก!! คนเขาเบื่อบทชีวิตประจำวันจะแย่แล้ว ถ้ายังไม่มีอีเวนท์(Event) อยู่แบบนี้ความสัมพันธ์ของสองคนนี่มันจะกระเตื้องได้ไงฟะ!”
     
    DX:”...เอาความจริง...”
     
    R:”...ฉันอยากใส่ตัวละครออริจินัลของฉัน(OC)เข้าไป...”
     
    DX:”...ระวังโดนคนเกลียดขี้หน้าเอาละกัน พยายามอย่าให้ไปมีคู่กับพวกคนแฟนคลับเยอะล่ะ”
     
    R:”คงไม่มีคู่หรอก หรือถ้าจะมีก็คงจะนอกเหนือจากคนที่ออกมาแล้ว (อย่างที่บอก คนเขียนไม่เก่งบทหวาน คู่เดียวก็ใจจะขาด)”
     
    โปรด...ติดตามตอนต่อไป?...ตามใจท่านเถอะ
    แต่ตอนต่อไปจะเริ่มพล็อตเฉพาะแล้วนะ
     
    Bleak Crescent
    จันทร์เสี้ยวไร้สี
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×