คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : - { r o m a n t i c a v i r u s+ } ★ s e v e n (100%)
ผมยืนอยู่ที่เดิม
ถนนที่ไม่รู้ว่าจะพาผมไปไหน
เส้นทางตรงหน้ามันไกลแสนไกล
ผมรู้....
พยายามแค่ไหน ก็ยังหลงทางอยู่ดี...
ROMANTICA VIRUS+
** เนื้อเรื่อง และตัวละครทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องที่ผู้เขียนจินตนาการขึ้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ
_____________________________
CHANYEOL x BAEKHYUN
LUHAN x SEHUN
KRIS x SUHO
______________________________
{ 7 }
ปาร์ค ชานยอลตื่นนานแล้ว....
ถึงแม้เข็มนาฬิกาจะเพิ่งตีถึงเลขห้าหมาดๆก็เถอะ...
ร่างสูงนอนเหยียดขายาวอยู่บนเตียง ข้างๆ เต็มไปด้วยหนังสือการ์ตูนวางระเกะระกะ กับสมุดแลคเชอร์เล่มนึงที่เคยเป็นของเขาสมัยฝึกพากย์ใหม่ๆ ในสมุดเต็มไปด้วยเทคนิคมากมาย ที่เขาจดเอาไว้ ไม่ว่าจะมาจากช่องการ์ตูนตอนเช้า ตอนที่เขาเข้าคลาสเรียนพากย์แรกๆ หรือตอนที่เริ่มทำแล้วเจอจุดที่ไม่เข้าใจ...
อันที่จริงเขาเขียนเพิ่มไปอีกนิดหน่อยไหนๆเจ้าสมุดนี่ก็อาจจะเป็นประโยชน์ให้เด็กนั่นได้บ้าง...เขาถึงได้ แอบวาดรูปให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น แล้วก็มาร์กเน้นจุดที่สำคัญ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตีสาม หลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้แต่ว่าสะดุ้งขึ้นมาอีกทีก็นอนไม่หลับเสียแล้ว...
บางทีเขาก็พูดแรงไป...
นั่นเป็นจุดที่เขารู้อยู่แก่ใจ แต่ถ้าจะให้มานั่งพูดนิ่มๆอย่างพี่ซูโฮ หรือพูดจามีหลักการแล้วแทรกด้วยผลประโยชน์อย่างอี้ฟาน ก็คงไม่ใช่ตัวเขา...
บางทีเขาควรจะขอโทษ...ที่พูดแรง...
อันนั้นมันก็ใช่ แต่เด็กนั่นก็ยั่วโมโหเขาเหมือนกัน ถึงจะรู้ว่าหมอนั่นไม่ได้จงใจก็เถอะ แต่ไม่รู้จักกาลเทศะหรือยังไง ไม่ใช่ว่าตัวเองอึดอัดเป็นคนเดียวเสียเมื่อไหร่ ผู้ชายดีๆที่ไหนเขาอยากจะมาพากย์การ์ตูนเกย์กัน ใช่ว่าตัวเองต้องอดทนคนเดียวหรือยังไง...
เพราะงั้นจะไม่ขอโทษ...เพราะเขาไม่ได้ผิดซักเท่าไหร่
ก๊อก ๆๆ ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เรียกให้ร่างสูงบนเตียงตื่นจากภวังค์ ชานยอลลุกจากเตียงขนาดควีนไซส์ก่อนจะบิดลูกบิดประตูเปิดออก
พี่ซูโฮยืนถือแก้วกาแฟนิ่ง พร้อมกับส่งยิ้มมาให้ “ตื่นแล้วใช่ไหม พี่เห็นไฟเปิดอยู่”
“ครับ...”
“งั้นขอพี่เข้าไปหน่อยได้ไหม”
ชานยอลเปิดประตูให้กว้างขึ้น พลางรับแก้วกาแฟอุ่นๆที่อีกฝ่ายยื่นให้มาไว้กับตัวเอง พี่ซูโฮเดินไปทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ทำงานที่บนโต๊ะเต็มไปด้วยแพลนการตลาดของการ์ตูนเรื่องที่เขากำลังทำ คนร่างเล็กหยิบมันขึ้นมาอ่านอย่างสนใจ
“นี่แผนโปรโมทของเรื่องโททอลลี่ฯหรอ”
“ใช่ครับ” ชานยอลยกกาแฟขึ้นจิบ “ทำยังไม่เสร็จแต่ก็ต้องโปรโมทแล้วผมไม่อยากให้มันเงียบจนเกินไป”
พี่ซูโฮพยักหน้า “แล้วเพลงประกอบ?.....ต้องทำเองใช่ไหม”
“ในส่วนของเพลงประกอบผมคิดว่าอาจจะต้องแต่งเอง....ส่วนเพลงเปิด จงแดบอกว่าจะให้แฟนมาร้องให้”
“อี้ชิงน่ะหรอ...หมอนั่นหายไปตั้งนาน ไปซุ่มทำเพลงนี่เอง” จุนมยอนเลิกคิ้ว “ว่าแต่...ว่าจ้างนักร้องดังขนาดนั้น.....งบไม่บานเลยหรอ”
ชานยอลหัวเราะเบา ๆ “พี่อี้ฟานเป็นคนยื่นข้อเสนอ ว่าถ้าอี้ชิงมาทำเพลงกับโปรเจ็คของผม....หมอนั่นจะให้วันหยุดพักร้อนจงแดห้าวัน พร้อมตั๋วเครื่องบินไปเชจูสองที่”
“พี่ว่าไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่นะแล้วอี้ชิงว่ายังไง?”
“ตกลงง่ายๆทำให้ฟรีๆอีกต่างหาก....พี่ก็รู้...พี่อี้ฟานน่ะถนัดอยู่แล้ว เรื่องผลประโยชน์ หน้าเลือดใช้ได้”
ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่อันที่จริงก็ต้องขอบคุณความหน้าเลือดของอี้ฟานมาก นอกจากจะทำให้งบไม่บานปลายไปเรื่อย ๆ ทั้งเรื่องการโปรโมท การลงทุนหลายๆเรื่องก็ประหยัดมากขึ้น ต้องยอมรับว่าถ้าไม่มีอาของเขา บางทีเขาอาจจะมาไม่ถึงจุดนี้ก็ได้
“แล้วแบคฮยอนล่ะ...เป็นยังไงบ้าง?” พี่ซูโฮลดแผ่นกระดาษลง ก่อนจะจ้องมาตรงๆ
“ผม...หนักใจ” เป็นครั้งแรกที่ชานยอลเปิดใจเรื่องของเด็กคนนั้นกับใครซักคน เขายอมรับตรงๆเลยว่ากลัวจะล่ม เพราะอย่างนั้นถึงได้เคี่ยวเด็กนั่นขนาดนี้
“พี่เข้าใจ....แต่บางที นายน่าจะใจดีกับเขาบ้าง”
“ผม....”
“ถ้าพี่เป็นแบคฮยอน...พี่คงจะคิดว่านายน่ะ เกลียดพี่...” จุนมยอนส่งยิ้มให้น้องชาย ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ “พี่ไม่มีอะไรแล้วล่ะ เดี๋ยวนายก็ไปเตรียมตัวออกเดินทางได้แล้ว พวกข้างล่างก็พร้อมแล้ว ต้องไปทำผมแต่งหน้าอีก”
เป็นครั้งแรกที่ชานยอลอึกอัก อันที่จริงก็พอจะรู้ตัวว่าทำเกินกว่าเหตุ แต่เพราะเด็กนั่นก็เป็นผู้ชายเหมือนกับเขา แถมโคตรจะไม่ได้เรื่องได้ราวอีกต่างหาก เพราะอย่างนั้นถึงต้องใจร้ายกันหน่อย....
แต่ก็ไม่ได้ทำเพราะเกลียด....
หวังว่าคงจะเข้าใจ....
_____________________________________________________
ไม่...
ไม่เข้าใจ....
ไม่เข้าใจอะไรเลยซักอย่าง....
แบคฮยอนปล่อยสายน้ำลงมารดหัวอยู่นานเป็นครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้ช่วยให้หัวเขาเย็นลงบ้างเลย ไม่เลย มีแต่เรื่องที่ไม่เข้าใจ และไม่เห็นจะเข้าใจอยู่เต็มไปหมด ทุกๆอย่าง ทั้งคำพูด แววตา การกระทำของปาร์ค ชานยอลมันทำให้เขาไม่เข้าใจ
จนถึงตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเกลียดอะไรเขานักหนา จนถึงเมื่อกี้ ก่อนที่ทุกคนจะออกไปข้างนอก ตอนพูดกันก็ยังไม่มองหน้าเขาเลย เมินกันอย่างเห็นได้ชัด...
‘ตอนบ่ายเข้าออฟฟิศด้วย เรามีเรื่องต้องคุยกัน’
ประโยคแบบนั้น แถมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง จะให้เขาคิดยังไง หมอนั่นอาจจะยื่นซองขาวให้ แล้วบอกให้ไปไกลๆจากชีวิตก็ได้!
เด็กหนุ่มยกมือสองข้างขึ้นทึ้งหัว จากตอนแรกที่ลังเลว่าจะไปหรือไม่ไปดีเมื่อคืน พอมาเจอคำพูดกำกวมจากปาร์คชานยอล ยิ่งทำให้แน่ใจว่ายังไงก็ต้องไป ควรไปจากที่นี่ ควรไปอยู่ที่ๆเหมาะกับเขามากกว่านี้
พอคิดได้อย่างนั้น ร่างบางก็กุลีกุจอออกจากห้องน้ำ รีบแต่งเนื้อแต่งตัวแล้วรวบรวมข้าวของทั้งหมดที่เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืนออกมาวางไว้ตรงประตู พร้อมกับหยิบกระดาษโน้ตสีเหลืองรูปเป็ด เดินขึ้นไปชั้นสอง แล้วแปะมันไว้ที่หน้าประตูห้องของปาร์คชานยอล...
....สิ้นสุดกันที ไม่ว่าชาตินี้ชาติไหน......
_____________________________________________________
สิบเอ็ดชั่วโมงแล้ว....
สิบเอ็ดชั่วโมงแล้วที่ลู่หานแทบจะไม่พูดคำไหนนอกจากคำว่า ‘ครับ’
แต่ก็น่าแปลกที่ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร เพราะคนที่อยากจะพูดด้วยก็ดูเหมือนไม่ได้อยากจะฟังที่เขาพูดซักเท่าไหร่ เซฮุนยังคงมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง ชานยอลนั่งมองนาฬิกาข้อมือ ส่วนพี่ซูโฮมองออกไปข้างนอกเพราะกำลังตั้งใจขับรถ
อันที่จริงลู่หานก็หายเคืองเซฮุนที่กล่าวหาเขาเมื่อคืนแล้ว ทว่าปกติคนที่เป็นฝ่ายง้อจะเป็นเด็กคนนั้นทุกครั้ง แต่วันนี้เซฮุนกลับไม่พูดอะไรออกมาซักคำ หมอนั่นเอาแต่มองออกไปที่อื่น ไม่ก็มองข้ามผ่านไป ไม่เหมือนทุกครั้งที่จะเห็นเขายืนอยู่ตรงหน้าตัวเองเสมอ ไม่ว่าที่ไหน หรือ เมื่อไหร่
“วันนี้ก็ไม่มีแพลนอะไรแล้วล่ะ ลู่หานไม่ได้จะไปไหนใช่ไหม เพราะพี่ต้องไปส่งเซฮุนที่กองถ่าย ...แล้วชานยอลต้องไปบริษัทใช่ไหม?” พี่ซูโฮพูดพลางมองผ่านกระจกหลัง เขาทำเพียงพยักหน้านิ่ง ๆ สิ่งที่พี่ซูโฮพูดเมื่อเช้ายังคงวนเวียนอยู่ในหัว
‘เราโตแล้วหรือยัง....โตกว่าเขาหรือเปล่า?...ถ้าคิดว่าเป็นผู้ใหญ่กว่าน่าจะรู้ตัวนะว่าต้องทำยังไง’
‘....แต่ผมไม่ได้เป็นคนเริ่มนะครับ’
‘เรื่องบางเรื่องก็เล็กน้อยเกินกว่าจะเก็บมาใส่ใจนะลู่หาน”
ลู่หานเม้มริมฝีปากแน่น โอเค เอาวะ....ถ้าอย่างนั้นนี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาจะลองเริ่มก่อนดูบ้าง...
“เอ่อ....เซฮุน...”
“ครับ?”
“พี่...มีเรื่องจะพูดด้ว.....”
แต่ไม่ทันจบคำ ทั้งๆที่รวบรวมความกล้าแทบตาย มือยังกำชายเสื้อตัวเองแน่นอยู่เลย ทั้งที่อีกฝ่ายหันหน้ามาสนใจเขาแล้วแท้ๆ....
Rrrrr Rrrrrr
“สักครู่นะครับ...”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเรียกความสนใจจากเซฮุนไปเสียหมด ตอนแรกเด็กหนุ่มก็หน้านิ่งอยู่หรอก แต่พอเห็นว่าเป็นใคร ประกายในดวงตามันก็ต่างไปจากเดิม มันไม่เหมือนกันกับตอนที่จ้องมาที่ชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย
“ฮัลโหล...จงอินหรอครับ...อ๋อ....เพิ่งออกมาจากออฟฟิศน่ะครับ....จริงหรอครับ....ครับ”
ถือว่าลู่หานใจเย็นมากแล้วที่ยังนั่งกำเสื้อตัวเองอยู่อย่างนี้ เขาจะอดทน และรอจนกว่าเซฮุนจะคุยโทรศัพท์เสร็จ เปลือกตาบางค่อยๆหลับลง เขาต้องการจะสงบสติอารมณ์และไม่อยากได้ยินเสียงหัวเราะของเซฮุนที่มีให้ไอ้ซุปเปอร์สตาร์นั่น .....
.
.
.
.
แต่พอลืมตาตื่นมาอีกที....
“....หาน”
“......ลู่หาน”
เฮือก!
“ถึงแล้วนะ” พี่ซูโฮเอื้อมตัวหันมาคุยจากเบาะคนขับ นั่นทำให้ลู่หานรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาได้ เขาไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ทว่ารู้ตัวอีกที คนที่อยู่ข้างตัวทั้งคู่ก็ไม่มีใครอยู่แล้ว
“พี่ซูโฮ เซฮุนล่ะครับ!” ลู่หานขมวดคิ้ว พยายามมองหาเซฮุน แต่ก็ไม่เจอ
“งงอะไร...ก็พี่บอกว่าจะไปส่งเซฮุนที่กองถ่ายละครไง แล้วนี่ก็ถึงบ้านแล้วด้วย”
ลู่หานชะโงกหน้าออกไปมองด้านนอกกระจกรถ ตึกสูงคุ้นตาตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า นั่นทำให้เขารู้ว่าตัวเองพลาดโอกาสสำคัญในการพูดขอโทษอีกฝ่ายไปแล้ว.... เพราะอย่างน้อยๆถ้าได้พูดต่อหน้าคนอื่น เซฮุนอาจจะยอมคุยกับเขาบ้าง....
เจ็บใจ....
“ลงได้แล้ว พี่ต้องไปบริษัทชานยอลต่อ ขึ้นบ้านไปแล้วฝากบอกแบคฮยอนด้วยนะว่าพี่จอดรถรออยู่ข้างล่าง ให้ออกไปพร้อมพี่ได้เลย จะได้ไม่หลงทาง”
“ครับ”
ลู่หานรับคำพลางพาร่างละเหี่ยของตัวเองออกจากรถ เดินลากขาขึ้นลิฟต์ไปเรื่อยๆอย่างคนหมดแรง ไม่ต้องนึกถึงคืนนี้ที่ไม่ได้นอนกอดคนร่างโปร่งเลย เมื่อคืนก็ไม่ได้นอนกอดกันเขาถึงตาดำเป็นหมีแพนด้าอย่างงี้
ทะเลาะกับเซฮุนมันก็เหมือนกับทุบหม้อข้าวหม้อแกงตัวเองดีๆนี่เอง แล้วอย่างนี้จะได้ดีกันไหม ท่าทางเด็กนั่นจะโมโหมากเรื่องที่เขาประชดออกไป ก็คนมันไม่ได้ตั้งใจได้ไหมล่ะ เดี๋ยวนี้เอะอะก็จงอินครับ จงอินครับ ไอ้นักแสดงนั่นมันมีดีอะไรนักหนา เอาอะไรมาหลอกล่อเซฮุนกัน เด็กนั่นถึงได้ไม่สนใจเขาเหมือนอย่างเคย
พอถึงห้องก็ทิ้งสัมภาระรวมทั้งตัวเองลงบนโซฟา ลู่หานนอนหลับตาอยู่อย่างนั้นซักพักก่อนจะรู้สึกได้ถึงความเงียบอันแปลกประหลาดนี้ ก่อนจะรู้ตัวอีกที พี่ซูโฮก็โทรมาตามแล้ว
หวา...ลืมไปเลย ว่าต้องเรียกแบคฮยอนให้พี่ซูโฮ
“แบคฮยอนนนนนน” ตะโกนสุดเสียงเรียกคนร่างบาง รออยู่พักนึงก็ยังไม่มีเสียงขานกลับ คนร่างผอมจึงพาตัวเองไปหยุดอยู่หน้าห้องน้ำ เคาะเรียกอยู่นานสองนานแต่ก็ไม่มีใครตอบกลับ
“แบคฮายอนนนนน” ตะโกนอีกครั้งพลางเดินไปเดินมารอบๆ บ้าน แต่ก็ยังไม่มีเสียงขานรับ....
เดี๋ยวสิ....ไม่ใช่ว่า....
“แบคฮยอน!”
ลู่หานรีบวิ่งไปยังที่เก็บสัมพาระของแบคฮยอน สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือความว่างเปล่าที่ทำให้เขาต้องเร่งฝีเท้าไปเอาโทรศัพท์ที่ขว้างไว้แถวๆโซฟามากดโทรออก
“พี่ซูโฮครับ....แบคฮยอนเค้า....”
_____________________________________________________
ชานยอลเดินวนไปมาอยู่ในสตูดิโออัดเสียง มือหนาถือสมุดบันทึกเล่มเล็กๆที่ตั้งใจจะยกให้เจ้าเด็กแบคฮยอนนั่น แต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงดี เพราะเขามันคนฟอร์มจัด หัวสมองก็ไม่ได้ตื้อเท่าไหร่นะ แต่ทำไมมันนึกคำพูดตอนจะให้ไม่ออกเลยซักคำ
มือหนายกขึ้นดูนาฬิกาข้อมืออีกรอบ นี่ก็บ่ายโมงแล้ว ถ้าพี่ซูโฮไปรับ ป่านนี้ก็คงจะถึงแล้วสินะแค่คิด...ก็.... ชานยอลยกสมุดขึ้นเคาะหัวตัวเองเบาๆ
...แค่ตื่นเต้นน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ไม่เข้าใจทำไมต้องใจเต้นด้วย....
“เป็นอะไรชานยอล เดินไปเดินมาอย่างกับเจ้าเข้า”
อี้ฟานเดินเข้ามาในห้องอัดพร้อมกาแฟสองกระป๋องในมือ ร่างสูงใหญ่นั่งลงบนเก้าอี้คนพากย์ ก่อนจะส่งยิ้มล้อเลียนมาให้ “กาแฟหน่อยไหม”
“ขอบคุณ” ชานยอลเอื้อมไปรับกาแฟกระป๋องมาเปิดดื่ม “ทำไมพี่ซูโฮยังไม่มาซักที”
“อาจจะรถติดล่ะมั้ง” อี้ฟานก้มลงมองนาฬิกาข้อมือของตน “ว่าแต่...ได้ยินมาจากจุนมยอนว่าเราใจร้ายกับแบคฮยอนมากเลยนะ”
“..........” ชานยอลเม้มริมฝีปากแน่น ไม่รู้ตัวซักนิดว่ากำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดแค่ไหน
“ว่าแรงๆ...เดี๋ยวเด็กนั่นก็หนีไปหรอก...ลำบากเลยนะทีนี้”
“....ไม่หนีหรอก” มือหนากำสมุดบันทึกในมือแน่น พลางพึมพำออกมาเบา ๆ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่พี่ซูโฮเปิดประตูเข้ามาในห้องอัดพอดี
ใบหน้าขาวของจุนมยอนขึ้นสีระเรื่อ ร่างเล็กหยุดหอบอยู่ซักพักก่อนจะเงยหน้าขึ้นจากพื้น ชานยอลไม่รู้ว่าพี่ซูโฮรีบร้อนแบบนี้เพราะอะไร แต่บางอย่าในใจมันชักจะเริ่มไม่ดี...
“ชานยอล.....แบคฮยอนเค้า....”
“........”
“......แบคฮยอนเค้าหนีไปแล้ว.....”
เหมือนกับฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมากลางหลัง ปาร์คชานยอลยืนแข็งทื่ออยู่อย่างนั้นในขณะที่เสียงหัวเราะของอี้ฟานดังขึ้นจากด้านหลัง ในมือหนายังคงกำสมุดบันทึกในมือแน่น...แน่นซะจนชุ่มเหงื่อไปหมด....
“เห็นไหมเล่า....แล้วจะเอายังไง จะให้หาใหม่เลยไหมอาว่าแล้วว่......”
“ไม่”
“.......อะไรนะชานยอล”
“ผมบอกว่าไม่ต้อง”
“!!”
เป็นครั้งแรกที่ปาร์คชานยอลร้อนรนขนาดนี้ต่อหน้าคนอื่น เป็นครั้งแรกที่ปาร์คชานยอลตวาดออกมาทั้งๆที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไร และเป็นครั้งแรก....
....ที่วิ่งออกไปโดยไม่คิดหน้าคิดหลังอย่างนี้
_____________________________________________________
TBC – Part 8
ตอนแรกว่าจะ 50 เปอร์ละ ปวดท้องมากค่ะไม่ไหวจริงๆ
ขอโทษน้าที่ไม่ได้มาอัพถี่ๆตามที่บอก งานเข้ามาจริงๆ T_T
ตอนนี้แบคฮยอนหนีไปแล้ว อีตาชานยอลจะเป็นไงต่อ อิอิ
ฝากบอทด้วยนะคะ ว่างๆแวะไปคุยกับวง XOXO ได้
ฮยองนิม @CYEOLRV_
เด็กขี้หึง @SHUNRV_
แม่ยายคุณชายโอเซ @LHANRV_
จิ้งจอกน้อย @BHYUNRV_
พ่อพระเอกขี่ม้าขาว @KAIRV_
ว่างๆ พูดถึงฟิคเรื่องนี้ในทวิต ก็อย่าลืมติดแท็กนะคะ #รมตกวร
ความคิดเห็น