ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ROMANTICA VIRUS | chanbaek hanhun krisho

    ลำดับตอนที่ #7 : - { r o m a n t i c a v i r u s+ } ★ s i x (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 11 มี.ค. 57


     

     

    นี่เขานั่งอยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่แล้วนะ....

     

    “ไม่ดี....เอาใหม่”

     

    นานเท่าไหร่ไม่รู้ รู้ว่าแต่นั่งจนเหน็บกินไปหมด แถมท้องก็ร้องโครกๆ

     

    “....เอาใหม่แต่แรกเลย”

     

    แอร์ก็หนาว...เบาแอร์ซักนิดไม่ได้หรือไง

     

    ROMANTICA VIRUS+

    ** เนื้อเรื่อง และตัวละครทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องที่ผู้เขียนจินตนาการขึ้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ

     

    _____________________________

     

    CHANYEOL x BAEKHYUN

    LUHAN x  SEHUN

    KRIS x SUHO

    ______________________________

     

    { 6 }

     

    “ห่วยแตก! เริ่มใหม่เดี๋ยวนี้ ! แล้วนั่นเสียงบ้าอะไร... ไม่เหมือนตอนเริ่มซักนิด....สติน่ะมีไหม”

     

    เสียงตะโกนที่แผดลั่นดังจนทะลุหูฟัง ไม่ใช่เสียงของใครเลย... นอกจากปาร์ค ชานยอล ที่ยืนเท้าสะเอวมองหน้าหาเรื่องเขาอยู่ในห้องคอนโทรลซาวน์ตรงหน้า ดีนะที่ยังมีกระจกกั้นระหว่างเรา ไม่อย่างนั้น มั่นใจได้แน่ๆ ว่าเขาอาจจะโดนกำปั้นหมอนั่นซัดซักหมัด โทษฐานที่พากย์เสียงไม่ตรง ไม่ได้อารมณ์ และไม่ได้เรื่องอยู่ตลอดเวลา

     

    “...ต....แต่ผมพยายาม...”

     

    “พยายาม? พยายามอะไร.... รู้มั้ยว่าตอนนี้นายมันเป็นตัวถ่วงของทีม!

     

    “......แล้วทำไมคุณต้องตะโกน....”

     

    ไม่รู้ว่ามีรังแตนอยู่ในห้องคอนโทรลนั่นรึเปล่า แต่ยิ่งพูดชานยอลก็ยิ่งเหมือนภูเขาไฟ ใบหน้าคมแลดูราวกับจะปะทุดุเดือดอยู่ตลอดเวลา ไม่เพียงแต่เท่านั้น ตอนนี้หมอนั่นกำลังฉีกกระดาษบทหน้าที่เขาเพิ่งพากย์ไปหยกๆ ขยำมันจนเป็นก้อนกลมๆ ก่อนจะเหวี่ยงมันออกมา ปาอัดกระจกที่กั้นเราไว้ทั้งๆที่ใบหน้าเขาห่างไปไม่ถึงคืบ!!

     

    ดวงตากลมเบิกโพลง ภาพก้อนกระดาษที่ปะทะกระจกเมื่อครู่ยังติดตา บางทีปาร์คชานยอลอาจจะไม่ได้ตั้งใจ ใช่...ไม่ได้ตั้งใจให้มันถูกกระจก แต่ตั้งใจให้มันอัดหน้าเขาเลยต่างหาก !

     

    แบคฮยอนค่อยๆสูดลมหายใจเข้าปอด พยายามนิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ร่างกายมันยังสั่น ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะเขาก็เริ่มมีอารมณ์โมโหแล้วเหมือนกัน

     

    นี่มันอะไรกันนักกันหนา เมื่อตอนบ่ายก็เหมือนจะดีแล้วแท้ๆ ทว่าตั้งแต่ชานยอลพาเขามาถึงห้องอัด ก็ดูเหมือนจะอารมณ์เสียหนักขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งที่บางบทเขาก็คิดว่ามันพอใช้ได้แล้ว แต่ก็ยังใช้ไม่ได้! ไม่มีอะไรที่ บยอนแบคฮยอน พอจะทำให้ ปาร์คชานยอล รู้สึกว่าไม่ได้กำลังกระเตงลูกมาทำงานบ้างเลยใช่ไหม...

     

     “ไม่พอใจรึไง.....ไม่พอใจก็ออกไปเลย !

     

    เด็กหนุ่มมองปลายนิ้วเรียวที่ชี้ออกนอกประตูนิ่ง เหมือนชานยอลจะจับอารมณ์ของเขาได้เหมือนกัน ถึงได้พูดออกมาแบบนี้ แต่....มันไม่มีประโยคคำพูดที่ฟังดูดีนอกจากตวาด ตะคอก หรือตะโกนบ้างเลยหรอ....

     

    ไม่เหนื่อยบ้างหรอ ไม่เจ็บคอบ้างหรือยังไงที่ต้องตะโกนเสียงดังๆ ...

    ลากเขามา ไล่เขาไป ทำไมต้องทำเหมือนเขาเป็นสัตว์ตัวนึงด้วย....

     

     

     

     

    “ขอโทษครับ”

     

    ดูจะไม่มีคำพูดไหนที่จะทำให้ใจเย็นมากไปกว่าคำขอโทษแล้ว เพราะงั้นเขาถึงได้ตัดสินใจพูดมันออกมา เขาอยากจะแทนบรรยากาศดีๆ อยากจะเอาเมฆทะมึนที่แวดล้อมอยู่ในห้องนี้ไปทิ้งขยะจะแย่....

     

    แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเห็นไม่ตรงกัน ปาร์คชานยอล ไม่ได้มีสีหน้าดีขึ้นกว่าเก่า หมอนั่นนิ่งไป ก่อนจะกระชากประตูห้องคอนโทรลออกมา เรียวขายาวก้าวมาหยุดข้างตัว ยืนนิ่งๆให้อารมณ์มาคุมันแผ่ซ่านไปรอบบริเวณ ก่อนจะอ้อมไปด้านหลังแทน

     

    “ถ้านายไม่ไปฉันจะไปเอง”

     

    จบคำก็ออกจากห้องไปโดยไม่ลืมเหวี่ยงประตูกระแทกผนังเสียงดัง ปล่อยคนฟังให้นั่งหน้าหงอยอยู่คนเดียวในห้องอัด ทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ...เศร้า และที่ร้ายที่สุด...เขาชักจะท้อเสียแล้วล่ะ

     

    บอกตรงๆ แบคฮยอนไม่รู้เลย ว่าเขาทำผิดอะไรนักหนา... ทำไมแค่มองหน้ากัน ชานยอลต้องหงุดหงิดขนาดนี้ ถึงแม้เขาจะชอบพากย์เสียง แต่ในสภาวะกดดันกันขนาดนี้ ใครจะไปลื่นไหลได้ อีกอย่างนึง...เขายังไม่ใช่มืออาชีพ ทริคบางอย่าง หรืออะไรที่ควรจะรู้แต่เขาไม่รู้ ทำไม่พูด ไม่บอกกันดี ๆ เขามีแค่ความพยายาม สิ่งที่อยากได้ก็แค่คำแนะนำ คำพูดดีๆ ที่เหมือนคนพูดให้คนฟัง ไม่ใช่การตะคอก ด่าทอ เหมือนเขาเป็นหมูเป็นหมาอย่างนี้..

     

    มือเรียวยกขึ้นปาดน้ำใสๆที่ไหลออกมาจากหางตา สองสามวันมานี่มันทำให้เขารู้แล้วว่า เขาไม่ควรอยู่ที่นี่ เขาไม่ควรมาอยู่ตรงนี้เลย เขาควรจะกลับบ้าน สารภาพผิดกับแม่ ขอโทษแม่ แล้วบอกให้แม่เตือนเขาว่าอย่าทำอะไรโง่ๆแบบนี้อีก

     

    ความฝันที่จะเป็นนักพากย์มันก็เป็นแค่เรื่องลมๆ แล้งๆ เขาควรจะอยู่กับความจริงใช่ไหม...มันไกลเกินไปหรือเปล่า หรือว่ามันไม่มีแววจะสำเร็จแต่แรกกันนะ?... แล้วไอ้เรื่องที่ดันทุรังมาขนาดนี้ เขายอมรับผิดทุกอย่าง ยอมรับแม้กระทั่งคำที่บอกว่าเขาเป็นตัวถ่วงของทุกคน โดยเฉพาะปาร์ค ชานยอล...

     

    ....ถ้าเขาออกไปจากตรงนี้ได้ ทุกคนก็คงไม่ลำบากเท่าไหร่หรอกใช่ไหม

    เพราะไม่ว่ายังไง ....การที่มีเขา ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นกว่าเดิมอยู่แล้ว....

     

    _____________________________________________________

     

     

    “โธ่เว้ย!

     

    มือหนากระแทกพวงมาลัยสุดแรงด้วยอารมณ์โมโห เสียงแตรดังลั่นจนสัญญาณกันขโมยของรถที่จอดอยู่บริเวณข้างๆ พาลเกิดเสียงดังกระหึ่มไปทั่วทั้งลานจอด แทนที่ได้ระบายอารมณ์ออกไปแล้วจะดีขึ้น ก็รังแต่จะทำให้หงุดหงิดมากขึ้นอีก

     

    ผู้ชายกับผู้ชาย....โดนตัวกัน....น่ารังเกียจ ? งั้นหรอ... ทำซะอย่างกับว่าเขาอยากจะไปโดนตัวเด็กนั่นมากนักนี่ ตัวเองคนเดียวซะเมื่อไหร่ที่รู้สึกขยะแขยง เขาเองก็เหมือนกัน! ที่ต้องมานั่งทำอะไรแบบนี้อยู่ก็เพราะว่ามีความฝัน แค่นี้เด็กนั่นยังอดทนไม่ได้ แถมออกตัวรังเกียจเดียดฉันท์ขนาดนั้น....

     

    คนที่ทำงานด้วยก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกัน....

     

    “บ้าอะไรอีกเนี่ย!” 

     

    ยังไม่ทันจะได้สตาร์ทรถแท้ ๆ แต่เสียงโทรศัพท์มือถือที่ลืมเอาไว้ตั้งแต่เมื่อเย็นก็แผดเสียงไม่หยุด ร่างสูงเอื้อมไปหยิบมันขึ้นมาจากเบาะข้าง ๆ เบอร์ที่โชว์ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นผู้จัดการวงของเขาเอง นิ้วเรียวกดรับสาย ก่อนจะกรอกเสียงลงไป

     

    “ครับพี่ซูโฮ” 

     

    [ “ตอนนี้เราอยู่ที่ไหน” ]

     

    “อยู่บริษัทครับ...มีอะไรรึเปล่า” 

     

    [ “กลับมาที่บ้านก่อนได้ไหม พี่เอาตารางใหม่มาให้ แล้วต้องรีบออกไปธุระต่อ” ]

     

    “แต่.....”  เจ้าเด็กนั่นยังอยู่ข้างบนอยู่เลย 

     

    [ “รีบมานะพี่รออยู่” ]

     

    สัญญาณถูกตัดไป พร้อมๆกับความรู้สึกผิดที่เริ่มจะถาโถมเข้ามา ชานยอลรู้ว่าเขาไม่ควรกลับบ้านทั้งๆที่เด็กบ้านั่นยังอยู่ในบริษัท ทั้งๆ ที่คิดว่าจะออกมาขับรถเล่นให้อารมณ์ดีขึ้นครู่เดียวแท้ ๆ แต่...น้ำเสียงพี่ซูโฮก็ฟังดูรีบมาก....

     

    ....ถ้างั้นรีบกลับบ้าน แล้วรีบมารับก็แล้วกัน

     

    _____________________________________________________

     

     

    ประตูห้องปิดลงหลังจากคนร่างผอมแทรกตัวเข้ามาในห้องได้เรียบร้อยแล้ว ลู่หานค่อย ๆ บรรจงถอดผ้าใบอย่างเงียบเชียบที่สุดแล้วย่องเบาออกมาจากตู้เก็บรองเท้า ทว่าก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อเห็นใครบางคนยืนอยู่ตรงหน้าห้องน้ำที่หางตา ใบหน้าหวานเอียงไปหาเงาตะคุ่มที่นิ่งงันช้า ๆ ก่อนจะเบะปากออกมา

     

    “พี่ซูโฮ !! พี่ซูโฮอยู่ไหนครับ!” ลู่หานทำเป็นมองผ่านคนร่างโปร่ง ก่อนจะตะโกนเสียงดังเรียกหาผู้จัดการวงที่โทรฯตามเขากลับมาที่บ้าน

     

    “พี่ซูโฮลืมหยิบตารางมาจากคอนโด....กำลังกลับไปเอาครับ” เซฮุนตอบแทน

     

    “...........”

     

    “พี่ลู่หาน” โอ เซฮุน เอ่ยทักคนที่เอาแต่ทำปากเป็ด ร่างโปร่งกระชับผ้าขนหนูบนต้นคอ ก่อนจะก้าวเข้าไปใกล้ ๆ “ออกไปข้างนอกมาหรอครับ?”

     

    “...........”  ลู่หานเสหน้าไปอีกทาง “ออกไปหาอะไรกินมา...นายไม่ต้องมาสนใจพี่หรอก”

     

    “...งอนอะไรครับ....ผมไม่ใช่หรอที่ควรจะงอนพี่?”

     

    “งอนอะไรพี่....งอนพี่ทำไม” ลู่หานขมวดคิ้วเป็นปม

     

    “...แล้วพี่ไปยุ่งอะไรกับแบคฮยอนเขานักหนาล่ะครับ”  เด็กหนุ่มถอนหายใจเมื่อเห็นคนแก่กว่ากำลังทำตัวอาโนเนะ ตัดสินใจว่าจะง้อแล้วเชียว ถ้าไม่ดันไปสังเกตเห็นบางอย่างในถุงที่พี่ลู่หานกำลังถืออยู่... “นั่นอะไรครับ...”

     

    พอถูกทักถึงได้นึกขึ้นได้ว่าต้องซ่อน! ลู่หานตาโตรีบเหวี่ยงถุงใสไปไว้ด้านหลังตัวเอง แต่ก็ไม่พ้นสาตาของโอเซฮุน เด็กหนุ่มก้าวเข้ามาแย่งถุงในมือรุ่นพี่ร่างผอมไป พร้อมกับแกะกล่องดูของข้างในทันที

     

    “นี่มันอะไรกัน.........ช่วยอธิบายมาด้วยครับ”

     

    ลู่หานมองไอโฟน5ในกล่องหุ้มพลาสติกที่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้า มือผอมแต่มีกล้ามเนื้อเอื้อมไปคว้ามันออกมาจากเซฮุนแล้วซุกไว้ด้านหลังทันที “พี่ไม่มีอะไรจะต้องบอกนาย”

     

    “.....งั้นหรอครับ....ที่ไม่พูดออกมาเพราะได้มาอย่างไม่บริสุทธิ์ใจใช่ไหมล่ะครับ”  เซฮุนพยักหน้าช้า ๆ มองคนตรงหน้าที่เริ่มจะนิ่งใส่เขาบ้างแล้ว

     

    “แล้วทำไมพี่จะต้องพูดก่อน...ทีนายได้งานละคร ทำไมไม่นึกถึงพี่ โทรบอกพี่บ้าง”

     

    เซฮุนเม้มริมฝีปากขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น “ผมว่าพี่กำลังพยายามเบี่ยงประเด็น...ไอโฟนห้านั่นพี่ก็แค่ไปได้มา เพราะว่านอนกับแฟนคลับของตัวเองใช่ไหมครับ...ถูกต้องไหมครับ”

     

    ลู่หานส่ายหน้าน้อย ๆ นัยน์ตาฉายแววผิดหวังเพราะคนตรงหน้ากำลังพยายามคาดคั้นเขาอยู่ “นายรู้ตัวไหม...ว่ากำลังจับผิดพี่”

     

    “....ครับ ใช่...ตกใจหรอครับที่ผมพูดถูก....” ริมฝีปากของเด็กหนุ่มแดงช้ำเพราะแรงขบ เซฮุนถอนลมหายใจออกมา กลอกตาขึ้นมองเพดาน “....ไม่ว่าเท่าไหร่....ที่ผมให้พี่ไปก็ไม่เคยพอเลยใช่ไหมครับ”

     

    “....โอ เซฮุน!....”  ลู่หานตวาดชื่อคนตรงหน้าลั่น มือเรียวกำหมัดแน่นข่มอารมณ์โกรธเอาไว้ เขาพอจะรู้ตัวว่าชอบทำอะไรให้เซฮุนเข้าใจไปในทางนั้นได้ตลอดเวลา แต่วันนี้มันไม่ใช่ ! เขาไม่ได้นอนกับแฟนคลับอย่างทีเซฮุนกล่าวหา ! ก็แค่ไปรับมันมา พูดขอบคุณแล้วก็กลับ....

     

    แล้วนี่อะไร....

    ในสายตาของเซฮุน เขาเป็นคนยังไงกันแน่!

     

    Rrrr  Rrrrrrrr

     

    เสียงจากมือถือของเด็กหนุ่มดังขึ้นให้สัญญาณว่ายกที่หนึ่งจบลงแล้ว เซฮุนไม่เพียงแต่ไม่พูดอะไรออกมาซักคำ ร่างโปร่งกลับหมุนตัวออกไปจากบริเวณนี้ทั้งๆ ที่พวกเขายังคุยกันไม่จบเลยด้วยซ้ำ !

     

    “ครับ...อ่า...คุณมีเบอร์ของผมได้ยังไงครับ!

     

    “.............”  ลู่หานยืนมองคนที่กำลังอมยิ้มกับปลายสายอยู่ที่เดิม และเขาจะไม่อารมณ์เสียมากไปกว่านี้ ถ้าเซฮุนไม่ได้เอ่ยชื่อของใครบางคนขึ้นมา!

     

    “...ครับจงอิน...อ่า...ไค....มันไม่คุ้นนะครับ”

     

    มือผอมค่อยๆกำกล่องไอโฟนแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว

     

    “......พรุ่งนี้เช้าผมไม่ว่างนะครับ....อ๋อ....บทเรื่องที่แล้ว ที่คุณเล่นเป็นพระเอกหนังเกี่ยวกับซอมบี้ใช่ไหมครับ”

     

    แน่นขึ้นอีก....

     

    “...อ่า...ถ้าอย่างนั้นผมจะรีบบอกพี่ซูโฮให้ไปเร็วหน่อยนะครับ คุณอุตส่าห์รีบมาเพราะผม” 

     

    แน่นขึ้น.... 

     

    “ครับ...ขอบคุณนะครับ...คุณก็ฝั.......”

     

    ปัง!!!!!!

     

    กล่องไอโฟนห้าถูกเหวี่ยงอัดกำแพงห่างออกไปจากร่างโปร่งไม่ถึงคืบ เด็กหนุ่มตาโต หันขวับกลับมามองตัวต้นเหตุ ร่างผอมก้าวเข้ามาจนชิด ภายในห้องเงียบสนิท ได้ยินก็แต่เสียงลมหายใจของกันและกัน...ตอนนี้ปลายสายกำลังพูดอะไรอีกสองสามคำ แต่เซฮุนฟังไม่รู้เรื่องแล้ว...เพราะเสียงหัวใจ กับความรู้สึกแน่นไปทั้งหน้าอกมันกำลังรบกวนเขาอยู่

     

    “...ถึงพี่จะนอนกับใคร.....”

     

    “...........”

     

    “มันก็ไม่ใช่เรื่องของนายเลยเซฮุน”

     

    ลู่หานเดินตัดผ่านหน้าเด็กหนุ่มขึ้นบันไดไปโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น กระทืบเท้าโครมๆ พอถึงห้องก็ปิดประตูเสียงดังจนคนที่ยืนฟังจากด้านล่างถึงกับสะดุ้ง ...ปลายสายวางไปแล้ว ก่อนวางก็บอกว่าให้ฝันดี ทั้งที่เป็นคำพูดดีๆ ที่ฟังแล้วทำให้อุ่นใจ แต่ทำไมมันกลับไม่ช่วยอะไรเลย....

     

    ทั้งหัวใจ ทั้งความรู้สึก...

    มันกำลังแย่....

     

    _____________________________________________________

     

     

    มือบางประกบเข้าหากัน ถูเบาๆให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาบ้าง ก่อนจะยกขึ้นเป่าลมจากปากซีด ๆ ของตัวเอง ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าแอร์ในห้องนี้เย็นไป หรือว่า เขานั่งอยู่เฉยๆนานเกิน ถึงได้รู้สึกตัวรุม ๆ เหมือนจะจับไข้แบบนี้ นึกอยากจะลุกไปหรี่เพิ่มอุณหภูมิอยู่เหมือนกัน แต่ก็กลัวว่าอีกคนที่ผลุนผลันออกไปกลับมาแล้วจะยิ่งหงุดหงิดกว่าเดิม

     

    ร่างบางยืดแขนยืดขา มองซ้ายมองขวา มองดูนาฬิกา นับดูชั่วโมงที่ชานยอลออกไปจนถึงตอนนี้ ก็นานพอสมควรอยู่ หรือว่าจริง ๆ แล้วร่างสูงอาจจะไม่ได้ไปไหน หวังในใจว่าอีกฝ่ายอาจจะนั่งอยู่ด้านนอกที่ตรงตู้กดน้ำ...

     

    คิดได้อย่างนั้นแล้วเด็กหนุ่มก็ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ทำงาน เปิดประตูก้าวฉับๆออกไปด้านนอกซึ่งตอนนี้เงียบ และ มืดสนิท พยายามหรี่ตามองหาคนที่คิดว่าคงจะนั่งข่มอารมณ์อยู่ แต่ก็ไม่มี ขาบางเริ่มออกเดิน หาแทบทุกห้อง เปิดไฟทุกดวงที่มี แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า...

     

    “ไม่จริงน่า....หมอนั่นทิ้งเราหรอ....” พึมพำกับตัวเองพลางส่ายหัวไปมา ในเมื่อชั้นบนนี้ไม่มี ก็คงต้องลองลงไปถามพี่ยามดู

     

    .

    .

     

    “อ๋อ...คุณชานยอล....กลับไปนานแล้วนี่...แล้วทำไมเรายังอยู่ข้างบนอีกล่ะ...กลับบ้านได้แล้วนะ”

     

    บยอน แบคฮยอน สาบานได้เลยว่าไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน อยู่ดีๆก็มีน้ำรื่นๆที่ตา ทั้งปวดหัว ตัวร้อน เหมือนจะเป็นไข้ แล้วยังต้องมาโดนทิ้งอีก.... บอกได้เลยว่าอยากร้องไห้ เด็กหนุ่มโค้งขอบคุณพี่ยามที่นั่งกระดิกเท้าดูซีรี่ย์ช่วงไพร์มไทม์ ก่อนจะเดินออกมาจากป้อมยามเซๆ

     

    อันที่จริงแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ไม่น่าให้อภัยไม่ใช่หรอ? เดี๋ยวก็หายหงุดหงิดใช่ไหม?....  แต่ถ้าเรื่องเท่านี้ยังให้อภัยกันไม่ได้ สงสัยมาตรฐานของเขาคงจะไม่ถึงเกณฑ์ที่ปาร์ค ชานยอลต้องการล่ะมั้ง...

     

    ก็ใช่สิ...เขามันแค่ตัวถ่วงดีๆนี่เอง... 

     

    _____________________________________________________

     

     

    “เป็นอะไรไปชานยอล”

     

    เสียงนุ่มๆเรียกให้คนร่างสูงต้องตื่นจากภวังค์ เมื่อกี้ชานยอลไม่ได้ยินอะไรเลยซักนิด ดูเหม่อลอยซะจนคนเป็นพี่อย่างซูโฮรู้สึกเป็นห่วง หัวหน้าวง XOXO ก็มาเป็นซะแบบนี้ เพราะงั้นไม่ต้องพุดถึงบรรยากาศในบ้านเลย มันทั้งมาคุ และ อึมครึมจนคนนอกอย่างเขายังรู้สึกได้

     

    “ไม่มีอะไรครับ...เอ่อ...อีกนานไหมครับ?”  ชานยอลเงยก้มดูตารางงาน ก่อนจะเงยหน้ามองพี่ซูโฮที่ยืนอยู่หัวโต๊ะ 

     

    “....มีอะไรต้องไปทำรึเปล่า...พี่ว่าเราดูกระวนกระวายนะ” ซูโฮหรี่ตามอง

     

    “....ไม่มีหรอกครับ” ตอบออกมาทั้งๆที่ยังก้มหน้ามองนาฬิกาอยู่ จะไม่ให้ชานยอลรู้สึกกระวนกระวายยังไงไหว ก็ตอนที่เขาออกมาจากบริษัท เพิ่งจะทุ่มกว่า ๆ จนตอนนี้ เกือบห้าทุ่ม พวกเขายังไม่ได้ไปไหนเลย นอกจากนั่งติดแหง็กอยู่บนโต๊ะอาหารอย่างนี้

     

    “เหลืออีกไม่มากหรอก....” ซูโฮขีดฆ่าตารางอีเว้นท์บางตัวออก ก่อนจะหันมาจุดยิ้มทีมุมปาก “พี่ก็พอจะดูออกว่าพวกเราก็คงอยากจะพักผ่อนกันเต็มที” 

     

    ดวงตากลมมองไปยังน้อง ๆ อีกสองคน โดยเฉพาะลู่หานที่ปรกติจะร่าเริงแจ่มใส แต่วันนี้นั่งหน้านิ่งแปลก ๆ แล้วยิ่งเซฮุนที่เงียบอยู่แล้ว วันนี้ก็ยิ่งเงียบเข้าไปใหญ่....

     

    “....ตารางงานต้องเลื่อนอีกเพราะเซฮุนได้เล่นละคร แต่ว่ากำหนดโปรโมทอัลบัมใหม่ก็ยังเหมือนเดิมนะ...พวกนายต้องเริ่มเข้าห้องซ้อมกันอาทิตย์หน้าแล้ว”  

     

    ชานยอลก้มมองนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง เขาไม่ได้หวังว่ามันจะเดินช้าลง เพียงแต่ถ้ารีบประชุมเสร็จเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ไม่รู้ว่าป่านนี้เด็กนั่นจะยังรออยู่ไหม แล้วถ้าไม่รอจะกลับมายังไง.... ใช่...เพราะตอนไปเด็กนั่นไม่ทันได้หยิบอะไรไปด้วยเลย ทั้งกระเป๋าตังค์ หรือแม้แต่โทรศัพท์มือถือ...

     

    “ก็....ไม่มีอะไรแล้วล่ะ...อย่าลืมโปรเจ็คที่พี่บรีพไปล่ะ...” ซูโฮพับหน้ากระดาษโน้ตลงแล้วเก็บใส่กระเป๋า

     

    “งั้นผมขอตัวนะครับ”

     

    เป็นเซฮุนที่ลุกขึ้นจากโต๊ะก่อน ตามด้วยลู่หานและชานยอล ร่างสูงเดินไปหยิบกุญแจรถที่โต๊ะรับแขก แต่ยังไม่ทันจะได้เดินไปใส่รองเท้าด้วยซ้ำ ประตูห้องก็เปิดออกมา

     

    “.........” 

     

    บยอน แบคฮยอนในสภาพดูอิดโรยก้าวเข้ามาในห้อง โค้งหัวทักทายพี่ซูโฮที่เก็บของอยู่โซนครัว ลู่หานที่ยืนอยู่ตรงเชิงบันไดชั้นล่าง และเซฮุนที่ยืนอยู่บนระเบียงบันไดชั้นสอง ก่อนจะก้าวผ่านชานยอลไปยังโซฟา ทำเหมือนกับว่าคนร่างสูงไม่ได้กำลังยืนอยู่ตรงหน้าตัวเอง

     

    “งั้นพี่กลับก่อนนะ พี่มีนัด”

     

    ซูโฮรวบของทุกอย่างขึ้นแนบอก กล่าวลาและเดินผ่านชานยอลไป ทุกชีวิตในบ้านต่างก็หันไปทำกิจกรรมของตนเองตามเดิม จะมีก็แต่ร่างสูงที่ยังคงนิ่งงันอยู่ที่เดิม 

     

    แบคฮยอนเตรียมตัวมาแล้ว พร้อมแล้วที่จะรับคำด่าจากปาร์คชานยอลที่เดินผ่านเหมือนหมอนั่นไม่มีตัวตนแบบนั้น แต่ผิดคาด ชานยอลไม่ได้ทำอะไรเขา นอกจากเดินไปแขวนกุญแจรถไว้ตรงประตู ก่อนจะเดินขึ้นไปบนชั้นสอง...

     

    ที่ชั้นล่างเงียบสนิท เพราะไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นอีกแล้วนอกจากเด็กหนุ่ม แบคฮยอนเดินไปปิดไฟทีละดวงทีละดวง เหลือไว้ก็แค่ไฟส้มตรงโซนห้องนั่งเล่นให้พอมองเห็น ก่อนจะเดินไปลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่ตนเองพามาด้วยจากที่บ้าน 

     

    มือเรียวค่อยๆ พับเก็บเสื้อผ้าที่ใส่แล้วอย่างบรรจง เอื้อมมือไปเก็บโน้ตบุ๊คที่วางไว้ใต้โต๊ะรับแขกมาเก็บใส่กระเป๋ากันกระแทก แล้วยัดกลับลงไปในที่ที่มันควรจะอยู่....

     

    เป็นเวลาไม่นานนักที่เขาเก็บข้าวของที่เอาออกมาใช้จนหมด เหลือไว้แต่เพียงแผ่นซีดีตัวอย่างการพากย์ กับ ความทรงจำที่น่าอายวางอยู่บนโต๊ะ แบคฮยอนนั่งกอดเข่ามองมันอยู่พักใหญ่ ก่อนจะหยิบกระดาษโน้ตสีเหลืองลายเป็ด กับปากกาสีแดงออกมา

     

    ...ผมขอโทษ.......

     

    _____________________________________________________

    TBC – part 7

    หวายยยย ดราม่าใหญ่เลย

    อย่าลืมคุยแวะไปคุยกับบอทนะคะ  

     

    มีบอทแล้วนะคะ ว่างๆแวะไปคุยกับวง XOXO ได้

     

    ฮยองนิม @CYEOLRV_

    เด็กขี้หึง @SHUNRV_

    แม่ยายคุณชายโอเซ @LHANRV_

    จิ้งจอกน้อย @BHYUNRV_

    พ่อพระเอกขี่ม้าขาว @KAIRV_

    แล้วก็ใครอยากเล่นบอทเมนชั่นมาหาที่ @TheGIFTIM เลยค่า DM คุยได้เลยนะคะ

    ตอนนี้เหลือพี่ซูโฮ

     

    ว่างๆ พูดถึงฟิคเรื่องนี้ในทวิต ก็อย่าลืมติดแท็กนะคะ #รมตกวร

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×