คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : - { r o m a n t i c a v i r u s+ } ★ f o u r (100%)
ถ้าถามว่าตอนนี้บยอน แบคฮยอนอยู่ในสถานการณ์แบบไหน...
ขอตอบเลยว่า.....แย่ !
ROMANTICA VIRUS+
** เนื้อเรื่อง และตัวละครทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องที่ผู้เขียนจินตนาการขึ้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ
_____________________________
CHANYEOL x BAEKHYUN
LUHAN x SEHUN
KRIS x SUHO
______________________________
{ 4 }
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้มานั่งกินข้าวกับพวก XOXO แบบว่าเอ็กซ์คลูซีฟสุดติ่ง ถ้ายัยน้องสาวของเขารู้ว่าหนีออกมาจากบ้านแล้วได้เจออะไร พบอะไรบ้าง มีหวังยัยนั่นคงอยากจะโดดลงโพรงกระรอก ทำตัวเป็นอลิซในดินแดนมหัศจรรย์อย่างเขาบ้าง...
มหัศจรรย์สิ.... แค่ไหนหรอ ?... ก็ตั้งแต่เขารู้ว่าตัวเองได้พากย์การ์ตูนเกย์ หลังจากนั้นก็ดูเหมือนจะได้แสดงนำหลายบทเหลือเกิน ตั้งแต่เมื่อวานแล้วที่เป็นพจมาน มาวันนี้....
ดูเหมือนจะเป็นซินเดอเรลล่า กับพี่เลี้ยงใจร้ายนะ....
มือบางกำช้อนเงินยาวในมือนิ่ง พยายามสูดดมกลิ่นอาหารที่วางอยู่ด้านหน้าให้ตัวเองรู้สึกเจริญอาหารมากขึ้น แต่ผลที่ได้มากลับตรงกันข้าม... เพราะตอนนี้ บยอน แบคฮยอนไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากเม้มริมฝีปาก....เพราะรู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องเขามาตั้งแต่เมื่อครู่....
รู้สึกเหมือนกำลังจะถูกกลืนแทนอาหารเช้ายังไงก็ไม่รู้....
แบคฮยอนก้มหน้าหลบสายตาของคนที่นั่งอยู่ด้านข้างตัวเอง....ใช่ ลู่หานนั่งข้าง ๆ แบคฮยอนไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมคนหน้าหวานต้องมานั่งข้าง ๆ เขา.....แทนที่จะเป็นเซฮุนคนนั้น แถมนั่งอมยิ้มแบบที่เดาไม่ออกว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่อีกด้วย
“ก็อย่างที่บอกนะ...ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แบคฮยอนจะมาอยู่กับพวกเรา” เสียงพี่ซูโฮที่เพิ่งวางทัพพีตักข้าวลงในซิงค์ดังขึ้น “แล้วก็ตารางงานใหม่...มีผลตั้งแต่ต้นเดือนหน้าเลย งานหนักหน่อยนะ” ร่างเล็กเดินมาหยุดที่หัวโต๊ะ ก่อนจะแจกเอกสารในมือให้สมาชิกในวงทีละคน
“เริ่มต้นเดือน?” ชานยอลเคี้ยวถั่วงอกหัวตัวหนุบ ๆ ก่อนจะพึมพำอะไรบางอย่างอยู่คนเดียว “งั้นก็ต้องรีบหน่อย”
“ส่วนเซฮุน...” พี่ซูโฮส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้ร่างโปร่งที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ชานยอล “ละครเรื่องที่ชานยอลปฏิเสธไป เขาอยากให้เราไปแคสติ้ง...จริง ๆ เริ่มวันนี้ล่ะ...แต่เขาว่าถ้าพร้อมแล้วค่อยเข้าไปก็ได้”
อา....เซฮุนกับพี่ซูโฮสินะ...ที่ดูจะปกติที่สุดในนี้..
เซฮุนเงยหน้าจากชามข้าวตัวเอง รับเอกสารนั่นมาผ่านตาดู ก่อนจะวางมันไว้ แล้วหันมาจ้องที่ร่างบางที่กำลังมองมาที่ตัวเอง ก่อนดวงตาเรียวนั่นจะตวัดไปหาอีกคน คนหน้าหวานที่กำลังขยับหน้าไปใกล้ ๆ ผู้อาศัยคนใหม่นั่นแหละ...
“เมื่อวานนอนที่โซฟาหรอ.....” เอาแล้ว.... ลู่หานเปิดประเด็นคนแรกด้วยน้ำเสียงแบบที่ แบคฮยอนไม่กล้าหันกลับไปมอง ในขณะที่ทุกคนมีปฏิกิริยาต่อกันเป็นโดมิโน่ล้มแบบไม่ได้นัดหมาย เริ่มที่พี่ซูโฮเลิกคิ้ว เซฮุนกระดกน้ำดังเอื้อก ๆ ส่วนชานยอลวางตะเกียบเงินลงกับโต๊ะ
“เอ่อ....ครับ....”
“แล้วทำไมไม่นอนในห้องดี ๆ ล่ะ”
“....เอ่อ....” แบคฮยอนได้แต่อ้ำอึ้ง พยายามหันไปมองชานยอลที่เริ่มจับตะเกียบอีกรอบ หวังว่าจะให้คนตัวสูงช่วยพูดบ้าง แต่อีกฝ่ายกลับทำแค่ยักไหล่แถมยังทำหน้าเหมือนกับจะบอกว่า ‘ช่วยไม่ได้ ก็อยากเสร่อไปนอนบนโซฟาเองทำไม’
“นอนข้างล่างมันหนาวนะ.....ทีหลังมานอนกับพี่สิ แบคฮยอนอายุ 18 ใช่ไหม.....งั้นเรียกพี่ว่า พี่ลู่หานนะ”
“เอ่อ...ครับ...พี่ลู่หาน” แบคฮยอนตอบตะกุกตะกักอย่างเสียไม่ได้ เมื่อถูกคนหน้าหวานคะยั้นคะยอหนัก แถมร่างโปร่งของคนหน้าหวานยังเขยิบมาประชิดอย่างไม่ได้ตั้งตัวอีก
แบคฮยอนนั่งมองกับข้าวในชามที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยฝีมือคนที่นั่งข้าง ๆ เด็กหนุ่มได้แต่เม้มริมฝีปาก เพราะไม่กล้ามองหน้าคนที่ใจดีตักกับข้าวให้ มัวแต่อ้าปากพะงาบ ๆ จะบอกว่าอิ่มแล้วก็ใช่เรื่อง... แต่ทว่า อยู่ ๆ ก็มีเสียงสวรรค์ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ผมอิ่มแล้ว ขอบคุณครับ” เซฮุนวางตะเกียบลงแต่ยังนั่งอยู่บนโต๊ะอาหาร....
สาบานได้เลย...ว่าแบคฮยอนรู้สึกเสียวสันหลังวาบแปลก ๆ เพราะสายตาของเซฮุนที่มองมาที่คนหน้าหวานข้าง ๆ เขาน่ะ...มันไม่ธรรมดาเลย.....
“วันนี้ออกไปไหนรึเปล่า...ว่าง ๆ มานั่งเล่นที่ห้องพี่เอาไหม...มีเกมส์ กับ การ์ตูนเยอะแยะเลย.....” ลู่หานตะล่อมผู้อาศัยคนใหม่ด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“วันนี้....” ร่างบางเม้มริมฝีปาก มองคนที่กำลังเคี้ยวข้าวพร้อม กับ อ่านหนังสือพิมพ์ไปด้วย
“วันนี้อัดพวกฉากพูดธรรมดา....” นับว่าชานยอลยังปราณีเขาอยู่บ้าง ร่างสูงถึงได้ลดหนังสือพิมพ์ลง ก่อนจะหันมาตอบลู่หาน พลางบอกถึงงานที่จะต้องทำกับเขาด้วย “กินข้าวเสร็จแล้วไปอาบน้ำเตรียมออกได้เลย”
“ว้าแย่จัง....นึกว่าจะได้คุยกับแบคฮยอนสองต่อสองอีกนิด.....”
“พี่ซูโฮครับ....”
ไม่ทันที่คนหน้าหวานจะได้พูดอะไรต่อ เสียงแหบพร่าตามภาษาเด็กหนุ่มก็สวนขึ้นมา เซฮุนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเงยหน้าขึ้นมองพี่ซูโฮที่ยืนอยู่หัวโต๊ะ เจ้าของใบหน้าสวยนั่นเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ว่ายังไงเซฮุน...”
“ผมตกลงรับงานครับ....ไปแคสติ้งวันนี้เลยก็ได้ผมโอเค....”
“อ.....อ้าว เอ้อ...งั้น” พี่ซูโฮทำหน้ามึน ไม่ใช่แค่พี่ครับที่มึน แบคฮยอนก็ดูเหมือนจะมึนตามสถานการณ์ตรงหน้าแล้ว เมื่อกี้เซฮุนยังดี ๆ อยู่เลย....แล้วทำไม...
ทำไมตอนนี้ต้องตวัดสายตามามองเขาแบบที่พวกตัวร้ายในละครทำกับนางเอกด้วยเล่า!!!
รู้สึกเหมือนมีสปอตไลท์ส่องหน้าอย่างช่วยไม่ได้....แบคฮยอนในจอทีวีกำลังเอื้อมมือ ปล่อยโฮให้กับความโชคร้ายของตัวเองท่ามกลางสงครามประสาทของมนุษย์ไอด้อลวง XOXO
“งั้นผมไปแต่งตัวก่อนนะครับ”
พูดจบร่างสูงโปร่งของมักเน่ก็ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร ก้าวฉับ ๆ ผ่านหลังคนหน้าหวานไปอย่างไม่แยแสซักนิด แต่ดูเหมือนคนถูกเมินจะไม่ได้ใส่ใจอะไร มือเรียวหันไปคีบอาหารใส่ชาม เอาใจคนที่อยู่ข้าง ๆ แทน
“กินเยอะ ๆ เลยนะแบคฮยอน วันนี้จะได้มีแรงทำงาน”
“เอ่อ....ครับ...” แบคฮยอนเขี่ยแฮมที่อยู่ในชามตัวเองไปมา ร้อนถึงคนที่กระสันอยากไปทำงานใจแทบขาด ต้องเอื้อมมือมาจากฝั่งตรงข้าม เลื่อนชามข้าวของคนร่างบางให้มาไว้ที่ตัวเอง ก่อนจะจ้องเขม็งไปที่รุ่นพี่หน้าหวานที่อายุห่างกันแค่สองปี
“อิ่มแล้วก็รีบไปอาบน้ำ...” ชานยอลพูดเปิดทางให้ เป็นครั้งแรกเลยที่แบคฮยอนรู้สึกว่าหมอนี่ใจดีเป็นบ้า ! ร่างบางรีบลุกจากโต๊ะอาหารที่แสนน่าอึดอัดนี่ ก่อนจะวิ่งปรู๊ดไปที่โซฟา คว้าเป้ทั้งใบเข้าห้องน้ำไปแทบจะในทันที
“คิดจะทำอะไรไม่ทราบ” เสียงแข็งเอ่ยออกมาจากริมฝีปากหนา ชานยอลขยับดันแว่นสายตาที่ใส่อยู่ด้วยความเคยชิน มันเป็นอาการที่บ่งบอกว่าร่างสูงกำลังจริงจังกับสิ่งที่แสดงออกมามากขึ้น แต่คนหน้าหวานหวั่นซะเมื่อไหร่ คนจีนคนเดียวของวงเพียงแค่วางตะเกียบลง ชายหนุ่มร่างโปร่งยิ้มหวาน ก่อนจะบิดขี้เกียจไปมา
“ทำอะไร....ทำอะไรหรอชานยอล” ถามออกมาด้วยเสียงหวานดวงตาก็มองพี่ซูโฮที่กำลังบดกาแฟอยู่ห่างออกไปไม่ไกลในโซนครัว
“อย่ามาไขสือ....”
“ไขสืออะไร พี่ไม่เคยเลยนะชานยอล” ลู่หานหัวเราะกับคำพูดที่ดูเหมือนกำลังใส่ร้ายตัวเองจากคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เพราะแตกฉานในภาษาเกาหลีแล้ว จึงได้รู้ว่าไอ้ความหมายที่อีกฝ่ายกล่าวถึงตัวเองน่ะ มันน่าขันแค่ไหน
ชานยอลกรอกตาไปมาด้วยอารมณ์ที่แม้แต่ตัวเองก็บอกไม่ถูก ชายหนุ่มไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมต้องไม่ชอบใจที่เห็นรุ่นพี่หน้าหวานทำออเซาะฉอเลาะกับสมาชิกคนใหม่ในบ้านด้วย รู้แต่เพียงว่า ถ้าหากลู่หานเปลี่ยนเด็กนั่นเป็นอย่างโอเซฮุนขึ้นมาเมื่อไหร่ งานการของเขาคงไม่มีอันเสร็จลุล่วงไปด้วยดีแน่...
เพราะงั้น...เขาควรเก็บเด็กนั่นให้พ้นจากมือลู่หาน ที่พร้อมจะกลายร่างขึ้นมาเขมือบ ‘คนของเขา’ เมื่อไหร่ก็ได้ให้ห่างไปซะ...
ใช่...เก็บไว้ห่าง ๆ เลย...
ไม่อย่างนั้น....
“อะไร....หรือว่า....นายหวงแบคฮยอน ?”
รู้สึกเหมือนโดนฟันดาบเดียวสะพายแล่ง... ถ้าลู่หานเป็นซามูไรหมอนี่คงเป็นซามูไรที่จิตใจประเสริฐยิ่งนัก ที่ตัดสินใจลงดาบแบบที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัวอย่างนี้ และเพราะเหตุนี้เอง ที่ทำให้เขาถึงกับต้องเงียบปาก ลดดาบที่จะฟันคู่ต่อสู้ลงข้างตัว.... กลายเป็นว่าต้องมาครุ่นคิดกับสิ่งที่ไม่ได้คิด และไม่คิดว่ามันจะเป็นอย่างที่รุ่นพี่หน้าหวานพูดแม้แต่น้อย....
หวงเด็กนั่นหรอ...
เขาเนี่ยนะ หวงเด็กนั่นหรอ..... !!!!!!!!!!!
_______________________________________________________
55%
แบคฮยอนฮัมเพลงการ์ตูนเรื่องโปรดพลางขัดสีฉวีวรรณร่างกายอย่างสบายอารมณ์ ถูฟองน้ำไปทั่วตัวพร้อมกับเร่งให้เครื่องทำน้ำอุ่นเพิ่มอุณหภูมิขึ้นมาอีกนิด อย่างน้อยคอนโดแห่งนี้ก็ยังมีพื้นที่เล็กๆให้เขาได้หายใจทั่วท้องบ้าง ถึงแม้มันจะเป็นแค่ห้องน้ำชั้นล่าง แต่มันก็ผ่อนคลายกว่าโต๊ะอาหารเมื่อครู่เสียอีก!
จะเกิดอะไรขึ้นนะ ถ้าหากว่าชานยอลไม่พูดสวนขึ้นมา..บางทีวันนี้เขาอาจจะต้องเอาพรหมจรรย์ด้านหลังสังเวยให้เป็นอาหารว่างของปิศาจหน้าหวานก็เป็นได้.. นึกแล้วก็เสียววาบที่สันหลังเป็นบ้า !
เด็กหนุ่มปิดประตูห้องน้ำ ย่องออกมาอย่างเงียบเชียบ กะว่าจะล่องหนแล้วแท้ๆ แต่ก็ต้องสะดุดขาตัวเอง เมื่อเสียงของร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงเชิงบันไดดังขึ้นมา
“ทำท่าลับๆล่อๆอะไรอยู่ได้...เป็นบ้ารึไง”
ขายาวก้าวลงมาจากชั้นบน ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ใกล้จนประชิดตัวจนได้กลิ่นสบู่อ่อนๆ แบคฮยอนเงยขึ้นใบหน้าที่เขาไม่อยากจะมองที่สุดเป็นอันดับสองรองจากปิศาจหน้าหวานลอยเด่นอยู่ตรงหน้า! แต่ทำไงได้ ถ้าไม่สบตาเวลาคุยเดี๋ยวหมอนี่ก็หาว่าเขาเป็นพวกชอบเสียมารยาทอีก...
“เสร็จรึยัง”
“เอ่อ...เสร็จแล้วครับ”
“ดี...งั้นก็เอากระเป๋ามาเลย เราสายมากแล้ว” พูดพลางก้มมองนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะเดินนำไปหยิบกุญแจรถที่แขวนไว้ตรงผนังข้างประตู แต่ไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะก้าวขาตาม เสียงโทรศัพท์มือถือก็แผดเสียงขึ้นมา
Rrrrr Rrrrrrr
“ว่ายังไง” ปาร์ค ชานยอลยกหูรับเสียงหน่าย ทำท่าเหมือนตัวเองเป็นระเบิดนาฬิกาที่พร้อมจะบอมบ์ชาวบ้านได้ทุกวินาที “อะไรนะ!”
“......” แบคฮยอนค่อยๆ ย่องไปใกล้ๆ ณ จุดเกิดเหตุ ตอนนี้พ่อหนุ่มไอดอลกำลังทำหน้าเหมือนปวดขี้ก็ไม่ปาน คิ้วหนาๆคู่นั้นขมวดเป็นโบว์อันเบ้อเริ่ม แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังใจกล้าหน้าด้าน ถามออกไปเสียงอ่อย ๆ “มีอะไรรึเปล่าครับ”
ชานยอลกดวางหู ก่อนจะพาตัวเองไปทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาโดยที่ไม่ตอบคำถามจากร่างบางเลย ซักคำ มือหนาคว้ารีโมทที่อยู่บนโต๊ะรับแขกด้านหน้ามากดเปิดทีวี แล้วเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ ไม่สนใจที่นั่งข้าง ๆ ที่ยวบลงมาเลยแม้แต่น้อย
“คุณชานยอล?”
“วันนี้อยู่บ้าน” ตอบออกมาเสียงเรียบแท้ ๆ แต่ทำไมคนฟังรู้สึกตัวหดเหมือนเป็นมดคันไฟเลยนะ
“ทำไมล่ะครับ” ไม่ทันจะสิ้นเสียงด้วยซ้ำ คนโดนถามก็หันขวับมาจ้องเขม็งอย่างเอาเรื่อง แบคฮยอนหดคอเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังจ้องตอบกลับไป
“นี่คิดอะไรเองไม่เป็นเลยรึยังไง?” เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว คิด....คิดอะไร? จะให้คิดอะไรล่ะวะ !... งงไปหมดแล้วเนี่ย พูดจาให้มันรู้เรื่องง่ายกว่านี้ไม่ได้รึไงวะ...
“.....” ร่างสูงถอนหายใจออกมาแรงๆ กลอกตาเมื่ออีกฝ่ายยังส่ายหน้าไม่เข้าใจ “อยู่บ้านก็แปลว่าไม่ไปไหนแล้ว”
“แล้วทำไม.....”
“บยอน แบคฮยอน......” จู่ๆก็ผุดลุกเต็มความสูง แบคฮยอนผงะเล็ก ๆ เมื่อนิ้วเรียวยาวนั่นชี้มาตรงหน้าจนเกือบจะจิ้มเบ้าตา “ถ้าถามขึ้นมาอีกแค่คำเดียวล่ะก็....”
“....โอเคครับ...ไม่ถาม....ไม่ถามอะไรทั้งสิ้น....” เด็กหนุ่มยิ้มแหยให้คนร่างสูงที่หมุนตัวออกไปจากโซนห้องนั่งเล่น ขายาวก้าวอาดๆ ขึ้นบันไดไปชั้นสองโดยที่ไม่อธิบายอะไรออกมาซักคำ
เมื่อกี้แบคฮยอนรู้สึกเหมือนเป็นคนชะตาขาดไปแล้วด้วยซ้ำ เมื่อเห็นตาคมนั่นจ้องมาทางเขาอย่างอาฆาต... โอเค จะหาว่าเซ้าซี้ก็ได้ แต่คนมันโง่นี่หว่า ไอ้เรื่องให้คิดอะไรคนเดียวเองมันลำบากมากนะ..อย่างน้อย ๆ ก็น่าจะบอกสาเหตุให้ทราบซักนิดซิ ไม่ใช่อยู่ดีๆก็โมโหแบบนี้....
ใครกันแน่วะที่เป็นบ้า!
________________________________________
มือหนากระแทกประตูจนเกิดเสียงดัง...แต่ใครสน! วินาทีนี้ไม่มีอะไรน่าหงุดหงิดไปกว่าเรื่องจงแดโทรมาขอลากระทันหันอีกแล้ว มันพาลทำให้อารมณ์ดีๆทีได้ทานมื้อเช้าอย่างสบายใจสลายวับไปกับตา ...นี่เท่ากับว่างานของเขาต้องล่าช้าไปอีกถึงหนึ่งวัน ทั้งๆที่ควรจะได้อัดพวกบทพูดธรรมดาไปได้ซักหนึ่งส่วนสี่ของเรื่องแล้ว...
โทรศัพท์มือถือถูกเหวี่ยงไปอยู่บนเตียงพร้อมๆกับเจ้าของที่ทิ้งตัวลงมา ปาร์ค ชานยอลรู้ดีว่า ไม่ควรแสดงท่าทีหงุดหงิดกับเด็กนั่น แต่เขาก็พยายามแล้วที่จะสะกดอารมณ์ไม่ให้โมโหใส่คนร่างบางมากไปกว่านี้เขาถึงได้หนีขึ้นมาอยู่บนห้อง... แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เขาไม่รู้ว่าสำหรับวันว่างๆอย่างไม่ได้ตั้งใจแบบนี้ควรจะทำอะไรดี ไอ้เรื่องเข้าเปิดคอมเล่น หรือเช็คข่าวสารบนโซเชียลยิ่งไม่อยาก เพราะมันจะพาลให้อารมณ์เสียกันเข้าไปใหญ่
ยิ่งรู้ว่า SM Ent. กำลังทำอะไร และจะสำเร็จผลเร็วแค่ไหนก็ยิ่งหงุดหงิดตัวเอง ทุกอย่างรอบๆตัวมันดูเชื่องช้าไปซะหมด ...เขาอยากทำ ‘มัน’ ออกมาให้ดี อยากให้ SM Ent. เห็นเขาอยู่ในสายตาบ้าง...
ต้องไม่ใช่อย่างที่เป็นอยู่แบบนี้....
แค่มดตัวกะจ้อย ที่เหยียบก็แหลกจนแทบไม่เห็นซาก...
________________________________________
แบคฮยอนนั่งเม้มริมฝีปากอยู่หน้าโซฟามากว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว อันที่จริงสิบหน้านาทีแรกมันก็น่าเบื่ออยู่หรอก แต่พอคล้อยหลังปาร์ค ชานยอลไปซักพัก ปิศาจหน้าหวานของบ้านที่ตั้งท่าจะกินเขาเป็นของว่างก็เสนอตัวเองมาเป็นคู่ซ้อมบทให้ แถมโอ้อวดสรรพคุณนักหนาว่าเรื่องพากย์น่ะขอให้บอก ลู่หานคนนี้พากย์ได้ตั้งแต่บทแม่ไปยังปู่ที่เสียชีวิตแล้ว....
พูดมาซะขนาดนี้ร่างบางที่ซ้อมบทอยู่คนเดียวก็ไม่รู้จะปฏิเสธทำไม ยังไงหัวเดียวก็กระเทียมลีบ สองหัวน่าจะดีกว่า ถ้าดิ่งนรก ก็ซิ่งไปด้วยกัน คงจะอุ่นใจพิลึก...
“แค่พากย์เอง...เห็นแบบนี้พี่เขียนนิยายด้วยนะ...คุณครูที่สอนภาษาเกาหลีบอกว่า ถ้าอยากเก่ง ต้องฝึกอ่านฝึกเขียนเยอะๆ”
“อ๋อ....” แบคฮยอนพยักหน้ารับคนที่กำลังโม้อย่างออกรส
“แต่ว่าพี่น่ะ....” ลู่หานหันซ้ายหันขวายื่นหน้าเข้ามากระซิบกระซาบที่ข้างหูทำอย่างกับว่าเรื่องที่จะพูดต่อไปนี้มันเป็นความลับระดับชาติยังไงยังงั้น “...พี่เขียนนิยายชายรักชายนะ...ฟิคชั่นน่ะ นายรู้จักใช่ไหม”
นาทีนี้แบคฮยอนควรต้องทำหน้ายังไงดี ควรจะประหลาดใจ หรือ ปั้นหน้าตกใจดี...ในเมื่อเรื่องที่อีกฝ่ายเอามาบอกมันไม่ได้เซอร์ไพร์สอะไรเขาเท่าไหร่เลย ถ้าเทียบกับหนังสดเรื่องเมื่อคืน...อันนั้นน่าช็อคกว่านี้เป็นแสนเท่า
“เซฮุนเตรียมของครบแล้วใช่ไหม...ไม่ลืมอะไรแน่นะ”
“ไม่ลืมอะไรแล้วครับ...พี่ซูโฮครับ...เรารีบไปกันเถอะ”
เสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้เขาสะดุ้งเฮือก ผลักใบหน้าหวานออกจากหลังหูตัวเองทันที และตอนนั้นเองที่เขาได้เห็น สีหน้าเย็นชาจากคนที่ยืนห่างไปไม่ไกล ดวงตาคู่นั้นจ้องมาเขาเขม็ง เรียกได้ว่าถ้าหากเซฮุนเป็นมนุษย์เผ่ากินคน เขาอาจจะโดนฉีกร่างกินแล้วโยนซากให้อีแร้งทึ้งไปแล้วก็ได้...
มนุษย์ห้องนี้น่ากลัวเป็นบ้า...
ถ้ามีชีวิตรอดกลับไปได้ เขาจะไปเปิดโต๊ะแฉแบบลีน่าจังเลยคอยดู!
“พวกนายทำอะไรกัน”
เรียกได้ว่าสะดุ้งเป็นรอบที่ล้านของวัน เมื่ออยู่ๆคนร่างสูงก็ปรากฏตัวอยู่ตรงตีนบันได ปาร์ค ชานยอลเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าแบบใส่อยู่บ้านแล้ว แต่ใบหน้ายังคงบึ้งตึงเหมือนเดิม หมอนั่นเดินมาหยุดอยู่ตรงที่เขากับลู่หานนั่ง ก้มมองลงมา มือนึงขยับแว่น ส่วนอีกมือที่ว่างกระชับตั้งหนังสือเข้าหาตัว
“ฉันกำลังจะเป็นคู่ซ้อมบทให้แบคฮยอนน่ะ” คนร่างผอมพูดออกมาอย่างไม่หยี่ระ ยักไหล่ไม่สนใจโลกตามสไตล์ของตัวเอง
“ลำบากเปล่าๆ ...มีอะไรก็ไปทำเถอะ” ปาร์ค ชานยอลว่าเสียงเรียบ
“ไม่เห็นจะลำบากเลย...ได้ช่วยแบคฮยอนก็เป็นหน้าที่ของเจ้าบ้านที่ดีนะ <3” ลู่หานคว้ามือของเด็กหนุ่มมาจับไว้ ไม่ได้ดูหน้าคนต้องการความช่วยเหลือเลย ว่าเต็มใจหรอไม่...ก็แหงล่ะ เรื่องมัดมือชกน่ะงานถนัดเขาเลย
“........นี่....จะต้องให้ออกปากไล่ตรงๆถึงจะไป....หรือยังไง?” คนนี้ก็ตรงใช่เล่น แบคฮยอนอยากจะหายตัวไปจากตรงนี้ซะจริงๆ ก็ไม่รู้หรอกนะว่านี่เป็นเหตุการณ์ปรกติของคนบ้านนี้รึเปล่า...แต่ช่วยสงสารเขาบ้างเหอะ คนที่ไม่รู้อะไรเลยมันอึดอัด เวทนาตัวเองเป็นบ้า...
แต่แทนที่จะซึม หรือ ตอกกลับไปอย่างเจ็บแสบ... ลู่หานกลับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา แถมยังกุมท้อง ทุบหน้าตักตัวเองดังปั๊กๆ ทำเหมือนกำลังดูตลกคาเฟ่ปล่อยมุกเด็ดอะไรอย่างนั้น และที่แบคฮยอนไม่เข้าใจยิ่งกว่าเดิมก็คือ ปาร์ค ชานยอลไม่ได้โมโหอะไร แต่กลับกลอกตาแล้วโบกมือไล่อีกรอบ
“ฮ่าฮ่าฮ่า...โอ้ย...หวงหรอ...โอเค ....ฮ่าฮ่า....” ลู่หานซับน้ำตา
“จะไปไหนก็รีบไปเลย เกะกะชะมัดยาด” ชานยอลถลึงตาจนแทบหลุด
“.........”
“งั้นพี่ไปก่อนนะแบค...คิก...ฮยอน”
ลู่หานลุกขึ้นจากโซฟาก่อนจะพาตัวเองออกไปจากตรงนี้ ปล่อยให้เด็กหนุ่มนั่งงงเป็นไก่ตาแตก แต่ไม่ทันที่จะได้สงสัยอะไรต่อ แบคฮยอนก็ต้องเงยหน้ามองคนร่างสูงที่โยนตั้งหนังสือในมือลงมาบนที่ ๆ ปิศาจหน้าหวานเคยนั่ง หมอนั่นพยักเพยิดหน้าให้เขาลองเปิดการ์ตูนที่ตนอุตส่าห์หอบหิ้วลงมาจากห้องให้
“นี่....” หยิบขึ้นมาบรรจงเปิดทีละหน้า แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือก รู้สึกเสียวหุบเขาด้านหลังขึ้นมาเสียดื้อๆ “นี่มัน...การ์ตูนเกย์นี่!”
“ใช่...อ่านให้หมด....อ่านออกเสียงด้วย” ปาร์ค ชานยอลว่าเสียงเรียบ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งไขว่ห้างที่โซฟาเดี่ยวตัวข้างๆ
“ไม่นะ....” เด็กหนุ่มส่ายหน้าเป็นพัลวัน อ้าปากค้างเมื่อเปิดไปเจอแต่ละฉาก... เอากันโจ่งครึมแบบไม่เซ็นเซอร์เลยซักหน้า....
“...อ่อนหัดขนาดนี้ยังกล้าปฏิเสธอีกหรอ...คิดจะทำงานโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยรึไง....อ่านเดี๋ยวนี้!”
แบคฮยอนกลืนน้ำลายดังเอื้อก เมื่อไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้อีก ....ก็จะพูดอะไรได้ ในมื่ออีกฝ่ายถลึงตามาแบบนั้น เด็กหนุ่มแอบเอาแขนเสื้อซับเหงื่อที่หน้าผากเล็ก ๆ พยายามหาเปิดหน้าที่ไม่มีทีท่าว่าจะอะเซเดเฮกัน เขาเลือกฉากที่พระเอกนายเอกเปิดศึกทะเลาะกัน ก่อนจะเปล่งเสียงออกมาจากลำคอ
“จะเอาเปรียบกันไปถึงไหน! ฮยองนิมเห็นผมเป็นแค่อีตัว...ที่อยากมีอะไรตอนไหนก็เอาเท่านั้นใช่มั้ย!”
ชานยอลพยักหน้า ก่อนจะอ้าปากพูด “ฉันก็เห็นนายร้องครางตลอดคำไหนที่จิ้งจอกน้อยบอกว่าไม่ ก็คือใช่ทุกครั้งนั่นแหละ”
แบคฮยอนอึ้ง... ตะลึงพรึงเพริดมากๆ.... เพราะคำพูดที่ดังออกมาจากปาร์ค ชานยอลนั่นมันเป๊ะกับในการ์ตูนแทบทุกคำ... ให้ตายเถอะ อย่าบอกนะว่านี่อ่านจนขึ้นใจทุกประโยคแล้ว....
“เงียบทำไม....ว่าต่อสิ” ร่างสูงเร่ง ดวงตายังจ้องมาที่เขานิ่ง
“อึก” แบคฮยอนออกเสียงตามตัวละครจิ้งจอกน้อยที่ตอนนี้โดนผลักติดผนัง...เดี๋ยวก่อนนะ ... มือบางพลิกหน้ากระดาษรัวๆ .... ไม่นะ พระเจ้า! นี่เขาทำอะไรลงไป!!!!
...น...นี่มัน...เอากันแบบฟูลออฟชั่นเลยนี่หว่า
อยากจะครายอิ้ง...
“เสียงแบบนั้นมันคืออะไร...อึกอะไร...สะอึกรึไง...เอาใหม่” เสียงทุ้มดังขึ้นมาปลุกให้เด็กหนุ่มตื่นจากภวังค์ แบคฮยอนพลิกกลับไปหน้าที่จองอีวอนโดนเหวี่ยงติดผนังอีกรอบ
“อ่อก!”
“......”....ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก...
“.....”
“เล่นเป็นคนแพ้ท้องหรอ....นี่โง่จริงๆ หรือแกล้งโง่....ดูบริบทมันบ้างได้ไหม...ทำไมต้องให้หงุดหงิดอยู่เรื่อย” พูดแล้วก็กระชากหนังสือที่อยู่ในมือบางมาพลิกอ่านเอง ปล่อยให้คนโดยว่านั่งก้มหน้านิ่งอยู่แบบนั้น....
แบคฮยอนไม่เข้าใจว่าเขาพูดอะไรผิดไป ก็คนมันโดนกระแทก แล้วคำในหนังสือมันก็พิมพ์มาว่า ‘อึก’... เขาก็ ‘อึก’....ตามแล้วมันยังผิดอะไรอีก พอเปลี่ยนเป็น ‘อ่อก’ ให้ก็โดนด่าแบบนี้ หัวใจดวงน้อย ๆ ของเขามันชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ....
ครายอิ้งได้ไหม!...
“ฮ....เฮ้ย!”
ทว่า เร็วเท่าความคิด! ร่างทั้งร่างของเขาก็ถูกสองมือหนานั่นกระชากให้ลอยหวือก่อนจะเหวี่ยงลงมาบนโซฟาสุดแรง “อึ่ก!!!” หลังของเขากระแทกกับบุนวมนุ่มนิ่ม แต่พอมาเทียบกับแรงเหวี่ยงแล้วก็สะเทือนใช่เล่น!! แถมร่างสูงยังกำข้อมือของเขาเอาไว้แน่น ! ใบหน้าคมนั่นโน้มลงมาชิด พร้อมๆกับที่พาร่างทั้งร่างขึ้นมาคร่อมอยู่บนตัวเขา!!!!
“..ค..คุณชานยอล!” แบคฮยอนพยายามขืนมืออกจากการเกาะกุม แต่ยิ่งดิ้นเท่าไหร่ ก็เหมือนยิ่งท้าทายให้อีกฝ่ายรัดแน่นมากขึ้นเท่านั้น ! “ทำบ้าอะไร!...อย่านะ!”
ใบหน้าคมนิ่ง บวกกับสายตาที่มองมาแล้วเดาไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ทำให้แบคฮยอนรู้สึกกลัว กว่าจะรู้ตัวอีกที ปาร์ค ชานยอลก็เข้ามาใกล้จนลมหายใจเป่ารดหน้าผากเขาแล้ว!
“ยิ่งนายบอกว่าไม่...แต่หัวใจนายมันพูดว่าใช่...ไม่รู้ตัวเลยหรือยังไง?....”
“....”
“จิ้งจอกน้อย...”
_________________________________________________
TBC 100%
เย้!!!! กลับมาอัพแล้วนะ ไม่รู้สนุกเหมือนเดิมรึเปล่า
ช่วงก่อนติ๋มย้ายหอ เนตไม่มีเลยไม่มีอารมณ์เขียน 555+ ขอโทษด้วยนะคะ T_T
ยังไงก็ช่วยติดตามกันต่อด้วนร้า จะกลับมาอัพถี่ๆเหมือนเดิมละ อิอิ
รักเรื่องนี้ ชอบเรื่องนี้อย่าลืมบอกต่อนะ ถ้าพูดถึงในทวิตก็ฝากติกแท็ก #รมตกวร ด้วยเด้อ
รักนะ อึ่ก อึ่ก!
ความคิดเห็น