ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ROMANTICA VIRUS | chanbaek hanhun krisho

    ลำดับตอนที่ #3 : - { r o m a n t i c a v i r u s+ } ★ t w o (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 13 ธ.ค. 56


     




             “ร้อนเป็นบ้า.....ฉันจะกลับแล้ว...”  

     

    แบคฮยอนเลิกคิ้วเมื่อนึกถึงคำที่คนร่างสูงเอ่ยออกมาเมื่อครู่ แถมสีหน้าที่ติดจะเย็นชาตลอดเวลานั่นก็ดูเหมือนจะร้อนมากจริงๆ  ทั้งที่อุณหภูมิในห้องมันออกจะเย็นยะเยือกขนาดมือเขาแทบจะชาไปหมดเนี่ยนะ...

     

    ที่บอกว่าคนหน้าตาดีชอบทำตัวประหลาด เห็นจะจริง...

     

    เด็กหนุ่มนั่งมองประตูบานที่ร่างสูงเพิ่งหายออกไป ก่อนจะถอนหานใจออกมาเบา ๆ นึกไปนึกมา หลังจากได้รับข้อความว่าให้มาเทสเสียง ทะเลาะกับแม่ ออกมาจากบ้าน ก็ยังไม่ทันได้หาที่พักเลยนี่หว่า..แล้วคืนนี้จะนอนที่ไหนได้บ้างวะเนี่ย..

     

    หันซ้ายหันขวาอยู่ซักพักก็จ๊ะเอ๋ กับโซฟาบุนวมที่มีผ้าห่มผืนบาง ๆ พาดอยู่ บางทีสวรรค์อาจจะเห็นใจเด็กไร้บ้านอย่างเขาก็ได้ 

     

    แบคฮยอนคิดเขาข้างตัวเองสุดฤทธิ์ ก่อนขาเรียวจะเดินอาด ๆ ไปหยิบรีโมทมากดหรี่แอร์ ล็อกประตูห้องอัดเสียง ก่อนจะไล่ปิดไฟทีละดวง แล้วล้มตัวลงนอนบนโซฟา มือเรียวรวบผ้าขึ้นมาห่มถึงอก ยกมือก่ายหน้าผากตัวเอง

     

    เอาเป็นว่าเขาอนุญาตให้ตัวเองนอนค้างที่นี่ไปก่อนซักคืนก็ได้ แล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยไปหาห้องเช่ารูหนูถูก ๆ เอาดาบหน้าก็แล้วกัน  สัญญานะว่าจะตื่นแต่เช้า จะได้ทำเนียนๆ เป็นมาเช้า แถมไม่มีคนจับได้อีกต่างหาก...

     

    ฉลาดสุด ๆ ไปเล้ยยย บยอน แบคฮยอน!

     

     

    ROMANTICA VIRUS+

    ** เนื้อเรื่อง และตัวละครทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องที่ผู้เขียนจินตนาการขึ้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ

     

    _____________________________

     

    CHANYEOL x BAEKHYUN

    LUHAN x  SEHUN

    KRIS x SUHO

    ______________________________

     

    { 2 }

     

    “กลับมาแล้วหรอชานยอล”

     

    เสียงงัวเงียดังขึ้นพร้อม ๆ กับใบหน้าอ่อนโยนที่ผงกขึ้นมามอง ชานยอลพยักหน้าให้คนที่เพิ่งตื่นเบา ๆ  ร่างสูงเหวี่ยงกระเป๋าสะพายแบรนด์เนมที่แฟนคลับจากจีนเพิ่งจะส่งมาให้ใช้เมื่อวานไว้บนโซฟา ก่อนจะเดินเลี่ยงเข้าครัวไปเปิดตู้เย็นหาเบียร์มาสองกระป๋อง แล้วอ้อมมาทิ้งตัวลงนั่งที่ฝั่งตรงข้ามกับผู้จัดการส่วนตัวของเขา

     

    “ห้ามดื่มเกิน 1 กระป๋องนะ” 

     

    ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ คิม จุนยมอน หรือ พี่ซูโฮ ก็รับเบียร์จากมือเขาไปอยู่ดี ชานยอลเพียงแค่ยักไหล่หนา ๆ ของตัวเองก่อนจะเปิดกระป๋องแล้วซดเบียร์รสนุ่มลงคอ

     

    “มานั่งรอแบบนี้ อยากจะพูดอะไรกับผมรึเปล่าครับพี่ซูโฮ” 

     

    “มองขาดเหมือนเดิมเลยนะ...มีอะไรที่จะปิดนายได้บ้างเนี่ย”

     

    นึกถึงชานยอลตอนที่เขาตัดสินใจชวนให้มาออดิชั่นเข้าวง XOXO เสียจริง หมอนี่เป็นยังไงก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ตอนนั้น ปากร้าย ใจดี รู้ว่าต้องทำยังไงให้ตัวเองเป็นฝ่ายที่ไม่เสียเปรียบ.... 

     

    “ผมว่าพี่พูดมาเลยดีกว่า...อุตส่าห์มานั่งรอแบบนี้ทั้ง ๆ ที่พรุ่งนี้ก็มีงานแต่เช้า แถมพี่ต้องตื่นก่อนเพื่อมาปลุกพวกผมอีก”

     

    ผู้จัดการส่วนของวง XOXO หัวเราะลั่น เมื่อเห็นแววตาคมของอีกฝ่ายที่มองเข้ามาในตาของเขา ลึกลงไปถึงเรื่องในหัว ชานยอลเป็นเด็กที่จะประมาทไม่ได้เลยทีเดียว เพราะไม่ว่าจะคิด หรือ ทำอะไร เด็กคนนี้ก็มองขาดไปเสียหมด

     

    “ก็เรื่องเดิมนั่นแหละ”  

     

    “เรื่องเดิม ?”

     

    “ใช่....นายไม่คิดจะพิจารณาเรื่องละครอีกซักรอบเหรอไง...ชานยอล?”

     

    ชานยอลวางกระป๋องเบียร์ที่หมดไปกว่าครึ่งลงบนโต๊ะก่อนจะยกมือขึ้นมาประสานกัน “พี่ก็รู้นี่ครับว่าช่วงนี้งานพากย์ของผมกำลังไปได้สวย...” 

     

    “รู้น่ะรู้....อี้ฟานก็บอก...แต่พี่ก็อยากให้นายลองลงงานละครเหมือนกัน...”

     

    จุนมยอนพยักหน้าเมื่อนึกถึงคนที่เป็นอาของชานยอล เรียกว่าเขาต้องรวบรวมความกล้าเป็นอย่างมากที่มาถามเด็กหนุ่มเรื่องนี้ เพราะอี้ฟานก็เคยบอกอยู่เหมือนกัน เรื่องโปรเจ็คใหม่ที่กำลังทำ แถมเขาเคยเสนองานละครให้ชานยอลไปครั้งนึงแล้วแต่ก็ถูกปฏิเสธกลับมา ทั้งๆที่ฝ่ายโน้นเขาอยากจะได้คาแร็กเตอร์แบบชานยอลมาเป็นพระรองของเรื่องแท้ ๆ น่าเสียดายที่ต้องทิ้งโอกาสดี ๆ ที่จะทำให้วง XOXO เป็นที่รู้จักในกลุ่มคนดูละครเพิ่มขึ้นอีก

     

    แต่ก็นั่นแหละ เพราะเขารู้ว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้เด็กหนุ่มยอมรับข้อเสนอในการเข้าวง XOXO รู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของเด็กหนุ่มคืออะไร เขาถึงไม่อยากบังคับจิตใจชานยอลเท่าไหร่นัก...

     

    “ผมกลัวว่าจะไม่มีเวลาไปนั่งท่องบทน่ะสิ...” ริมฝีปากได้รูปเม้มเข้าหากัน “แค่ที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็แทบจะแย่แล้ว แถมมีเด็กใหม่มาอยู่ในทีมอีก...”

     

    “เด็กใหม่?....ได้คนพากย์อีวอนแล้วหรอ?”

     

    ได้ข่าวว่าคนพากย์คนเก่าต้องออกเพราะ น้ำเสียงพิฆาตบุรุษ ของชานยอล...  คิด ๆ ไปก็อดสงสารไม่ได้เหมือนกัน...

     

    “ครับ...เพิ่งมาเทสงานเมื่อเช้าเอง....”  มือหนายกกระป๋องเบียร์ขึ้นกระดก “แต่ไม่ได้เรื่องเลย คงต้องฝึกกันอีกเยอะ....ไม่ได้ดั่งใจซักอย่าง”

     

    “ฮ่าฮ่าฮ่า...คนอย่างปาร์ค ชานยอล...ยอมรับคนไม่เพอร์เฟคด้วยหรอเนี่ย....อยากจะเห็นหน้าเด็กใหม่คนนั้นจริง ๆ”  เป็นอันรู้กันว่าปาร์ค ชานยอลคนนี้บ้าความสมบูรณ์แบบขนาดไหน อยากจะเห็นจริง ๆ นะ คนที่ทำให้ชานยอลยอมรับเข้ามาร่วมทีมได้ ทั้งๆที่เจ้าตัวยังบ่นกระปอดกระแปดอยู่แบบนี้

     

    “ก็หน้าตาบ้าน ๆ ธรรมดาๆ ....แอคติ้งแข็งทื่ออย่างกับตอไม้....” ชานยอลนึกไปถึงใบหน้าขาวใสที่กำลังขะมักเขม้นทำเสียงทุเรศ ๆ นั่น ก่อนภาพในหัวจะตัดไปตอนที่เขากำลังนั่งหันหลังให้เด็กคนนั้น...

     

    เสียงกระเส่าแบบนั้นดังขึ้นมาในหัวอีกแล้ว !

     

    “.....พูดต่อสิ”

     

    “...อ...เอ่อ.....”

     

    “หืม ?...”

     

    “ก็นั่นแหละครับ..แต่ก็ถือว่ามีแวว....น่าจะเกลาได้”

     

    คิม จุนมยอนหรี่ตา มองรุ่นน้องที่ติดจะเหม่อ ๆ สาบานได้ว่าไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นเห็นปาร์ค ชานยอลพูดตะกุกตะกัก หรือแสดงท่าทีประหม่า เรียกว่าไม่เคยเลยจะดีกว่า แต่สงสัยเด็กใหม่นั่นจะมีของจริง ๆ ที่ทำให้ร่างสูงถึงกับเอ่ยคำพูดร้ายๆจากปากนั่นไม่ออก

     

    “ช่างมัน ช่างมันเถอะครับ....ผมว่าผมจะไปนอนแล้ว ยังไงพี่ก็รีบกลับไปพักผ่อนจะดีกว่า”  พูดจบก็ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก่อนมือหนาจะยกกระป๋องเบียร์ขึ้นกระดกจนหมด

     

    “โอเค โอเค งั้นพี่ไปแล้วนะ”   คิม จุนมยอนพยักหน้ารับก่อนสะพายกระเป๋าเป้พาดบ่าตัวเอง กล่าวลากันเสร็จพิธีผู้จัดการวงXOXO ก็เดินกลับออกไป  ทิ้งให้นักร้องนำประจำวงยืนพิงผนังห้องครัวเท่ ๆอยู่คนเดียว

     

    คอนโด 175 ตารางเมตรดูเงียบสงบเมื่อสมาชิกในห้องอยู่ไม่ครบเหมือนเวลานี้ ถ้าถามถึงอีกสองคนว่าไปไหนเมื่อไหร่จะกลับชานยอลก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน เพราะไม่บ่อยนักจะได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก ถ้าเป็นเขาก็คงจะเที่ยวให้หนำใจอยู่เหมือนกัน ถ้าไม่ติดว่าต้องทำโปรเจ็คยักษ์ที่รับมือยากอันนี้ล่ะก็นะ

     

    ร่างสูงเดินวนไล่ปิดไฟทุกดวงที่อยู่ในห้องนั่งเล่น ก่อนจะเดินอ้อมโซฟาไปทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ กระเป๋าที่เหวี่ยงเอาไว้เมื่อครู่ แสงไฟที่วูบวาบออกมาจากกระเป๋า พร้อมแรงสั่นทำให้เขาต้องเอี้ยวตัวไปหยิบโทรศัพท์เครื่องโปรดออกมาดู

     

    “...นาฬิกาปลุก?”

     

    อุทานออกมาเสียงเบาด้วยความรู้สึกสุดเซ็ง  ทั้ง ๆ ที่จะเหวี่ยงโทรศัพท์เจ้าปัญหาไปอีกทางแล้ว แต่อะไรบางอย่างในหัวมันก็รั้งเขาเอาไว้ มือหนาเพิ่มแรงบีบโทรศัพท์ในมือแน่น ก่อนจะผุดลุกขึ้นมานั่งตัวตรงแด่ว นิ้วเรียวยาวสไลด์หน้าจอไปเรื่อย ๆ จนถึงต้นตอของความอึดอัดใจที่สุมอยู่ในอกตั้งแต่หัวค่ำ...

     

    ‘REC-00251’

     

    กลั้นลมหายใจอยู่ซักพัก.....  ซักพักนึงจริง ๆ ถึงได้เอานิ้วเกร็ง ๆ ไปจิ้มที่ไฟล์เสียงนั่น....  ชานยอลนั่งมองโทรศัพท์มือถือตัวเองท่ามกลางความมืดอยู่นานสองนาน ไม่มีเสียงอะไรดังออกมาเลยสักนิด แต่แทนที่เขาจะปิดไฟล์ลงเสีย  ไอ้นิ้วไม่รักดีก็ดันไปกดปุ่มเพิ่มเสียงซะได้

     

    “.....อ....อึก......ฮ...ฮ้า.....ฮะ....อะอะ....”

     

    ดวงตาคมเบิกโพลงขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ...ไอ้....ไอ้เสียงครางกระเส่าของเจ้าเด็กใหม่นั่นยิ่งดังหนักกว่าเดิม ดังซะจนมือไม้ของเขาคลำหาปุ่มลดเสียงไม่เจอ แถมหัวใจที่เต้นระส่ำอยู่ตอนนี้ก็คงจะเป็นเพราะตกใจเสียงของเจ้าเด็กใหม่นั่นแหละ... ใช่แน่ ๆ ต้องใช่ แน่ ๆ ไม่มีทางที่เขาจะใจเต้นกับพวกมือสมัครเล่นอย่างนั้นได้หรอก

     

    ปาร์ค ชานยอลนั่งกำโทรศัพท์ที่ส่งเสียงร้องครางแบบอนาจารอยู่กับที่ ร่างสูงไม่ไหวติง และไม่คิดจะลุกไปไหน ลำพังแค่จะห้ามไม่ให้หัวใจกับร่างกายมันเพิ่มอุณหภูมิก็ลำบากจะแย่อยู่แล้ว เพราะงั้นถึงได้นั่งฟัง เสียงนั่น ตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่ได้กดข้ามเลยแม้ซักตอน...  ทั้ง ๆ ที่ตอนนั่งอยู่ในเหตุการณ์จริงเขาสงบสติอารมณ์ได้แท้ ๆ แต่พอมาอยู่คนเดียวแบบนี้ ในที่มืด ๆ เย็น ๆ แบบนี้  ปาร์ค ชานยอลถึงได้เพิ่งเข้าใจว่าสาเหตุที่ตัวเขาร้อนขึ้นมามันเพราะอะไรกัน...

     

    “บ้าชะมัด....”  เสียงนุ่มอุทานออกมาเบา ๆ ใช่...นี่มันบ้าชะมัดที่อยู่ ๆ ก็คิดว่าโปรเจ็คนี้อาจจะไปได้สวยเพราะ บยอน แบคฮยอนที่สุดแสนจะไม่ได้ความคนนั้น  ทั้ง ๆ ที่ทุกอย่างก็ดูธรรมดา แต่ทำไมเสียงหมอนั่นยังคาอยู่ในหัวเขาไม่ลบไปซักที!

     

    ไม่ได้การแล้ว !

     

    ร่างสูงผุดลุกขึ้นจากโซฟาบุนวม ก้าวฉับ ๆ ไปแบกโน้ตบุคที่อยู่ในห้องส่วนตัวออกมาเปิด จัดการถ่ายไฟล์เสียงที่เป็นอันตรายต่อการอัตราการเต้นของหัวใจออกจากโทรศัพท์เครื่องโปรดอย่างเร็วที่สุด! ก่อนจะไรท์ออกมาเป็นแผ่นซีดี เก็บใส่กล่องอย่างดีแล้วรีบเลื่อนออกไปให้ห่างตัวเหมือนกับว่ากลัวจะติดเชื้อโรคอะไรอย่างนั้น... 

     

    ชานยอลนั่งอยู่อย่างพักใหญ่ จนอัตราการเต้นของหัวใจสงบลง เขารอจนทุกส่วนในร่างกายลดอาการตื่นตัว รอให้ลมหายใจของตนเองผ่อนเป็นจังหวะปกติถึงได้ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง

     

    คิ้วหนาคู่สวยขมวดเข้าหากันแน่น ดวงตาคมยังคงเผลอไปมองกล่องซีดีที่อยู่บนโต๊ะ ถึงแม้มันจะมืด แต่เขาก็ยังเห็นมันอยู่... เพราะงั้นมือหนาถึงได้เอื้อมไปปัดมันออกให้พ้นกรอบสายตา ก่อนร่างสูงจะตะแคงขวา หันหลังให้กล่องซีดีนั่นทันที

     

    หวังว่าคืนนี้จะไม่ตามมาหลอนกันในฝันก็พอ....

     

    ______________________________________________________________

     

     

    สองเท้าก้าวตามจังหวะการเดินที่สม่ำเสมอของคนข้างหน้าอย่างระมัดระวัง มือเรียวยกขึ้นกระชับแมสให้ปิดไปถึงโหนกแก้ม นิ้วยาวดันแว่นตาดำให้เสมอกับสันจมูก พยายามอย่างมากที่จะทำตัวมิดชิด ปกปิดใบหน้าไม่ให้คนอื่นเห็น แต่ดูเหมือนจะมีเขาคนเดียวล่ะมั้งที่ระแวงว่าจะเกิดปัญหาในการออกมาเดินเล่นในที่คนพลุกพล่านขนาดนี้ ก็ไอ้คนตรงหน้ามันดูไม่สะทกสะท้านอะไรเลยซักนิด  ไม่มีการปิดบังใบหน้า แถมยังเดินช้า ๆ เพื่อแจกรอยยิ้มให้แฟน ๆ ได้ถ่ายรูปกันอย่างถนัดอีกด้วย...

     

    โอ เซฮุน หนึ่งในสมาชิกวงบอยแบนด์ที่ดังที่สุดวงหนึ่งในเกาหลีใต้ กำลังกลอกตาไปมาอย่างไม่สบอารมณ์ซักเท่าไหร่ เพราะตั้งแต่เดินตาม ลู่หาน รุ่นพี่หน้าสวย อีกหนึ่งในสมาชิกวงเดียวกันมาตั้งแต่บ่าย จนถึงตอนนี้เขายังไม่ได้รับอนุญาตให้นั่งพักเลยซักนิด น้ำซักอึกก็ไม่ตกถึงท้อง แต่ไอ้ครั้นจะไปท้วงลู่หาน...ก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังดูมีความสุขซะมากมาย เพราะงั้นถึงได้อดทนเดินตามหลังขดหลังแข็ง มองคนที่ชอบเดินสวนสนาม แจกรอยยิ้มให้ชาวบ้านอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย...

     

    ใช่....ฟังไม่ผิดหรอก... 

    คนที่ชอบ.... 

     

    เขาชอบลู่หาน.... 

     

    “ลู่หานนนนน ยิ้มหน่อยยยยยย” 

     

    แชะ แชะ แชะ  

     

    เสียงชัตเตอร์กดรัว ๆ ดังมาจากกลุ่มแฟนคลับข้าง ๆ ที่เดินขนาบแหวกทางเป็นวงเล็ก ๆ ให้เขากับลู่หานได้เดินเคลื่อนตัวไปเรื่อย ๆ ตอนนี้เซฮุนรู้สึกเหมือนกับว่าเขากับลู่หานเป็นพิพิธพันธ์เคลื่อนที่ก็ไม่ปาน แต่ดูเหมือนคนที่เต็มใจจะเป็นก็มีแต่ลู่หานนั่นแหละ

     

    “คนข้าง ๆ นั่นใช่ชานยอลรึเปล่าคะ....เปิดหน้าให้พวกเราเห็นหน่อยเถอะ” 

     

    “กรี๊ดดด ชานยอลกับลู่หานมาเดินด้วยกันหรอคะ”

     

    “ชานยอลไม่ต้องอายนะคะ พวกเราสัญญาว่าจะชิปเปอร์คู่ชานลู่ตลอดไปปปปป” 

     

    เสียงตะโกนดังจากกลุ่มแฟนคลับร้องเชียร์ แถมไอ้คนหน้าสวยที่เดินอยู่ข้างหน้าก็ดันหันมาส่งซิกให้เขาเปิดแมสออกมาอีก คิ้วเรียวขมวดหากันเป็นโบว์ นี่แหละ...เหตุผลที่ทำให้เขาไม่อยากจะเปิดหน้าตัวเองออกมาโชว์.... 

     

    รุ่นพี่หน้าสวยดูจะสนุกสนานมาก กับการที่ปล่อยข่าวว่าตัวเองออกมาเดินเล่นกับคู่จิ้นแห่งชาติให้แฟนคลับสาววายสาวกคู่ ชานลู่ แห่กันมารุมถ่ายรูป แต่บอกได้เลยว่าเขาไม่สนุกด้วยเลยซักนิดเดียว ยิ่งรู้ว่าเหล่าแฟนคลับหวังอะไรจากภายใต้หน้ากากของเขาแล้วด้วยนะ....

     

    ก็ทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะ คู่ ชานลู่ ชิปเปอร์มันสุดยอดไปเลย ! แฟนคลับ คนจิ้นเบียดคู่ ฮุนฮาน กระเด็น....  ซึ่งบทบาทในฟิคที่แฟน ๆ เขียน ตัวละครของ โอ เซฮุน ก็ไม่มีอะไรมาก...นอกซะจากบทพระรองเป็นส่วนใหญ่...

     

    ใช่....บทพระรอง...   ที่มองดูพระเอกนางเอกเขาครองคู่กัน....  หึ

     

    สนุกนักนี่....ล้อเล่นเข้าไปนะ... กับหัวใจของคนอื่นน่ะ

     

    “นี่เซฮุน...เปิดแมสหน่อยสิ”  ลู่หานชะโงกหน้ามากระซิบข้าง ๆ หู  กลิ่นหอมจาง ๆ จากแชมพูที่เจ้าตัวเพิ่งสระมาเมื่อเช้ากระแทกเข้าปอดเขาอย่างจัง.... อยากจะโกรธอยากจะโมโหเป็นบ้า  แต่ก็เสียรู้คน ๆ นี้แทบจะทุกทีเลย ให้ตายเถอะ...

     

    “........”  

     

    ลู่หานหยุดมองสมาชิกรุ่นน้องคนเล็กของวงนิ่ง ดูเหมือนเซฮุนจะเริ่มออกอาการขัดขืนเข้าให้เสียแล้ว  แต่จะพูดก็พูดเถอะ... ว่านี่เป็นสิ่งที่เขาต้องการมาทั้งวัน  จริง ๆ เหตุผลของการเดินทางไกลไม่มีอะไรเลย นอกจากสีหน้าบูดบึ้งของคน ๆ นี้....

     

    ก็ไอ้สีหน้าไม่สบอารมณ์ของเซฮุนน่ะ...

    ดูแล้วน่ารักน้อยซะที่ไหนกัน....  

     

    “เฮ้ย !” 

     

    ร่างโปร่งตะโกนลั่นในขณะที่เสียงอื้ออึงดังขึ้นเรื่อย ๆ  แมสที่ปกปิดใบหน้าขาวใสของสมาชิกคนเล็กแห่งวง XOXO ถูกกระชากออกอย่างแรงด้วยฝีมือของรุ่นพี่คนสวย รอยยิ้มแบบปิศาจร้ายผุดขึ้นทันทีที่แฟน ๆ เริ่มยกมือขึ้นปิดปาก บางคนก็ถึงกับนิ่งอึ้งไปเมื่อเห็นว่าใบหน้าภายใต้หน้ากากไม่ใช่คนที่เธอจินตนาการ

     

    “เซฮุน!....” 

    “มักเน่!!!

    “กรี๊ดดด ฮุนฮานนนนน” 

     

    บางคนก็ยังจิ้นต่อ บางคนยกกล้องขึ้นมาถ่าย บางคนก้มหน้าลงกดโทรศัพท์อย่างบ้าคลั่ง แต่ใครสน... ตอนนี้โอเซฮุน ร่างแทบแหลกสลายไปแล้ว เพราะแรงเบียดบวกกับแรงกระชากจากคนข้างหน้าที่ตอนนี้คว้ามือเขาเอาไว้แน่น แถมยังลงทุนแหวกกลุ่มแฟนคลับด้วยตัวและแขนเล็ก ๆ(???) ที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม (เล็ก ๆ ??)  ฝ่าดงวิ่งหลบจลาจล พาเขามาถึงซอกตึกมืด ๆ ได้ทันก่อนจะตายเพราะขาดอากาศหายใจ...

     

     ใบหน้าหวานเชิดขึ้น เรื่อไปด้วยสีชมพู หน้าอกกระเพื่อมเพราะริมฝีปากหอบเอาอากาศเข้าไปเติมเต็ม ยิ่งมองก็ยิ่งน่าหลงใหล.... แล้วยังไง ตอนนี้นอกจากหน้าหลงใหล เซฮุนขอเพิ่ม น่าหมั่นไส้เข้าไปด้วย เพราะพอหอบหายใจเสร็จ รอยยิ้มแบบจอมมารก็ผุดขึ้นมาอีกรอบ...

     

    “บอกแล้วให้เปิดดี ๆก็ไม่เชื่อ”  ลู่หานจุดยิ้มที่มุมปากเมื่อเจอสายตาตัดพ้อของอีกฝ่ายที่มองกลับมา 

     

    “...จะเปิดทำไม....พี่ไม่ได้อยากให้คนอื่นจิ้นคู่ ชานลู่ รึไง”

     

    “เดี๋ยวนี้หัดยอกย้อนพี่หรอครับ เซฮุน ?”

     

    รอยยิ้มร้าย ๆ แบบที่มองกี่ทีก็ใจระทวยส่งตรงมากระแทกตาเซฮุนอย่างจัง ใบหน้าขาวเบือนหน้าหนีทันที ก่อนที่มันจะมาละลายใจเขามากกว่านี้  แต่ก็อยู่อย่างนั้นไม่นานถึงนาทีหรอก เพราะมือคู่สวยของอีกฝ่ายนั่นแหละ ที่แนบลงกับแก้มทั้งสองข้างของเขา แล้วบังคับเล็ก ๆ ให้ต้องหันมาสบตากันอีกรอบ

     

    “เซฮุน...” 

     

    เอาอีกแล้ว....เรียกกันด้วยน้ำเสียงแบบนี้อีกแล้ว  มันน่าดีใจไปพร้อม ๆ กับทุกข์ใจนะ เวลาที่คนที่เราชอบรู้ว่าจะทำยังไงให้เราหายโกรธได้ง่าย ๆ แล้วพอเราหายโกรธเขาก็จะเล่นกับหัวใจเราได้ง่าย ๆ ซ้ำๆ ซาก ๆ อยู่เรื่อย

     

    “........”

     

    คราวนี้ร่างโปร่งตัดสินใจลองสู้ด้วยความเงียบดูบ้าง   ดูเหมือนลู่หานจะได้ใจมากเกินไปแล้ว ถึงได้ทำอะไรไม่นึกถึงใจกันบ้างเลย

     

    “...เซฮุน....?”  เสียงนั้นยังคงเรียกอยู่ข้าง ๆ หู....

     

    “.........”

     

    “......โอ เซ ฮุน....”

     

    “โอเคยอมแล้.......!!!

     

    สู้ด้วยความเงียบ ทฤษฎีโง่ ๆ ที่เซฮุนตัดสินใจเอามาใช้กับรุ่นพี่หน้าสวยคนนี้เห็นจะไม่ได้ผล เพราะแทนที่จะประนีประนอมความให้อีกฝ่ายรู้สึกเห็นใจในฐานะคนที่แอบชอบ กลับกลายเป็นดันไปสะกิด สวิตเปิดประตูอันเชิญปิศาจตัวร้ายให้เข้ามาสิงในตัวคนร่างผอมซะอย่างนั้น !

     

    ลู่หานย่างสามขุมเข้าประชิดตัวน้องคนเล็กของวงทันที แขนเล็กกว่าแต่แกร่งยกขึ้นปิดทางทั้งสองข้างตั้งแต่อีกฝ่ายยังไม่ทันจะได้คิดหนีด้วยซ้ำ  ใบหน้าสวยยื่นเข้าไปใกล้ ๆ ร่างที่เบียดติดชิดกำแพง แถมยังส่งต้นขาเข้าไปแทรกกลางระหว่างขาเรียวสวยคู่นั้นอีกด้วย....

     

    กลายร่างขั้นสมบูรณ์แบบ...

     

    “.....ช้าไป”

     

    เซฮุนรู้...ว่าลู่หานไม่ได้ เล่น แล้ว  ก็เพราะสายตาคู่นั้นที่มองมาราวกับจะกลืนเหยื่อ แถมวงแขนที่รัดเขาแน่นจนไปไหนไม่ได้นี่อีก ถ้าเปรียบลู่หานเป็นสัตว์เลือดเย็นแล้วล่ะก็ เขาคงเปรียบให้รุ่นพี่หน้าสวยคนนี้เป็นงูอนาคอนด้าแน่ ๆ!!  มานิ่ง ๆ แต่กินไม่เหลือคราบ.... 

     

    “....นี่มัน...ข้างนอก”  ร่างโปร่งกระซิบ พยายามหาทางหนีทีไล่สุดฤทธิ์  แต่ก็อย่างที่บอก....ลู่หานคนนี้รู้ทุกอย่าง รู้แม้กระทั้งความรู้สึกที่เขาก็ยังไม่ค่อยเข้าใจตัวเอง แล้วมันจะแปลกอะไร ถ้าคน ๆ นี้จะรู้ว่าเขาพยายามจะทำอะไรต่อไป

     

    “ใครสน ?....นายสนรึไง...”

     

    “.......”

     

    “แต่พี่ไม่สน...”   

     

    ยิ่งพูดใบหน้าสวยนั่นยิ่งยื่นเข้ามาใกล้ แม้จะเคย ใกล้ชิด กันมากกว่านี้มาแล้ว แต่หัวใจของเซฮุนในเวลานี้มันดันเต้นระส่ำ เหมือนมีใครเอาไม้กลองมาหวดเป็นจังหวะรุมบ้าอยู่ในอกก็ไม่ปาน  ใบหน้าขาวขึ้นสีเรื่อ ในขณะที่ดวงตาเรียวก็จับจ้อง รอการกระทำต่อไปของอีกฝ่ายไม่วางตา

     

    ริมฝีปากรูปกระจับจงใจเบียดเข้ามาชิด แต่ยังเว้นที่ว่างเอาไว้เล็กน้อย เซฮุนรู้ว่านี่คือการขู่ทำโทษของคนที่ไม่ยอมปฏิบัติตามที่อีกฝ่ายต้องการอย่างเขา รู้ว่านี่คือหนึ่งในวิธีการล้อเล่นของลู่หาน แต่ทั้ง ๆ ที่รู้อย่างนั้นแล้ว....

     

    เขาเบื่อร่างกายตัวเองชะมัด.... ที่ไม่ชอบฟังคำสั่ง.... 

     

    มือเรียวยกขึ้นดันศีรษะอีกคนให้เข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น กลายเป็นว่าริมฝีปากบางเป็นฝ่ายเริ่มต้นบดเบียดกับปากหยักแทน และไม่ต้องรอให้ร่างผอมตั้งตัวอะไรทั้งสิ้น ลู่หานรู้อยู่แล้วว่ามันจะต้องเป็นอย่างนี้ ถึงได้ลดมือลงมากระชับเอวคอดนั่นให้แนบกับสะโพกตัวเองแน่น 

     

    ไม่มีใครยอมใครก่อน  ริมฝากชื้นของทั้งสองดึงดูดเข้าหากันโดยที่สมองไม่ต้องออกคำสั่งด้วยซ้ำ ทั้งคู่เพียงส่งผ่านความร้อนให้กันและกันอย่างสมน้ำสมเนื้อ ดูดดุน โหยหากันตามสัญชาตญาณ ผลัดกันเอ็นดู แลกเปลี่ยนความสุขให้กันและกันจนแทบหมดลม....

     

    “.......”

     

    “กลับ...”

     

    เป็นเจ้าของใบหน้าสวยที่ยอมแพ้ขึ้นมาเสียก่อน  มือผอมยกขึ้นเกลี่ยริมฝีปากแดงของอีกฝ่ายที่ยังไม่รู้ตัว ว่ากำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่ตอนนี้...  ดวงตาคู่นั้นที่มองมา ลมหายใจที่หอบโยนมันทำให้แทบจะทนไม่ได้... 

     

    คราวนี้ถือว่าเขาแพ้เซฮุนก็ได้... เพราะอยู่ ๆ ก็คิดถึงเตียงที่หอขึ้นมาซะฉิบ... 

     

    “....พี่.....”

     

    “กลับหอเราเดี๋ยวนี้เลย....” 

     

    “?....”

     

    “นายต้องชดใช้ชุดใหญ่เลยนะ....โอเซฮุน....” 

     

     

    ----------------  50
     

    กล้อง HD ขนาดใหญ่บนเครนถูกยกขึ้นเหนือขึ้นไปบนศีรษะ ในขณะที่เสียงปรบมือดังเกรียวกราวจากกลุ่มแฟนคลับเรียกให้ร่างที่นั่งอยู่บนโซฟาบุนวมตัวเดี่ยวตื่นจากภวังค์ ปาร์ค ชานยอลเลิกคิ้วมองเพื่อนสมาชิกร่วมวงทั้งสองที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวกัน คนหนึ่งกำลังอมยิ้มน่ารักรับกับใบหน้าสวยหวาน ในขณะที่อีกคนปั้นหน้าเฉย ตามคาแร็กเตอร์ที่ค่ายกำหนดมาให้

     

    พิธีกรสาวสวยที่นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างพวกเขาพูดตามสคริปต์ที่เธอถืออยู่ในมือ ก่อนดวงหน้าสวยที่เพิ่งยิ้มหวานให้กล้องจะหันไปให้ความสนใจกับสมาชิกที่แฟนคลับยกย่องให้เป็น โกมีนัม ของกลุ่มอีกครั้ง

     

    “มาถึงคำถามจากแฟน ๆ ที่ทวิตเข้ามาในช่วง ล้วงความลับนะคะ....คุณ คิม ชีวอน ฝากมาถามคุณลู่หานค่ะ”

     

    “ครับ” โกมีนัมของเหล่าแฟน ๆ ยกไมค์ในมือขึ้นมาตอบรับ

     

    “ถ้าให้เลือกเพื่อนดูหนัง AV ด้วยหนึ่งคน จะเลือก ชานยอล หรือ เซฮุน คะ.....”

     

    โหหหห

    กรี๊ดดดดด ชานยอลสิ ชานยอลลล

     

    เสียงเชียร์จากบรรดาแฟน ๆ ที่ดังลอดออกมาเบา ๆ เมื่อได้ยินคำถามจากทวิตเตอร์ บ้างก็ก้มหน้ากดโทรศัพท์บรรยายสีหน้าของลู่หานคนน่ารัก บ้างก็ส่งเสียงเชียร์คู่ที่ตัวเองจิ้น ส่วนลู่หานน่ะหรอ หมอนั่นหลังจากฟังคำถามแล้วก็กำลังอมยิ้มเขินอาย แถมยังเอามือปิดปากหัวเราะแบบน่ารักอีก...

     

    ถ้าเป็นคนอื่นก็คงจะเชื่อน่ะนะ ว่าปฏิกิริยาโต้ตอบที่คนหน้าหวานแสดงออกมานั่นเป็นของจริง ...แต่เผอิญคนที่เห็นการกระทำของหมอนั่นมาตลอดอย่างเขาเชื่อได้ไม่ลงจริง ๆ สิ้นปีนี้ถ้ามีใครมาถามเรื่องรางวัลตุ๊กตาทองว่าใครเป็นตัวเก็งในสายตาเขา เขาก็คงไม่ลังเลที่จะตอบชื่อลู่หานเลย ....หึ อยู่หน้ากล้องมาทำปั้นหน้าเขินอาย แต่พออยู่หอก็กลายร่างเป็นเจ๊กหื่นกามดี ๆ นี่เอง...

     

    “เอ่อ....ผมไม่ค่อยได้ดูหนัง....เอ่อ...อะไรแบบนั้นด้วยสิครับ....ฮะฮะ” ลู่หานตอบอึกอัก ... 

     

    “อยากจะอ้วก...”  เขาสบถเบา ๆ เมื่อได้ฟังคำตอบของหมอนั่น แต่ดูเหมือนจะพูดดังไปหน่อย พิธีกรสาวคนสวยถึงได้หันมาเลิกคิ้วใส่ มองด้วยสายตาฉงน แล้วเอาไมค์มาจ่อปากเขาแบบนี้

     

    “ชานยอลว่าอะไรนะคะ”

     

    “อ๋อ...ผมหมายถึง เสี่ยวลู่เขาก็มักจะขี้อายแบบนี้เสมอน่ะครับ...”

     

    ฟังคำตอบจากเขาเสร็จแฟนๆ ก็ส่งเสียงเชียร์คู่ ชานลู่ ดังขึ้นอีก ลู่หานน่ะหรอ หมอนั่นส่งยิ้มกว้างแบบที่รู้กันสองคนมาทางเขา  ส่วนไอ้เด็กเซฮุนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็จ้องหน้าเขาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ถ้าหวงไอ้เจ๊กหื่นนี่มากนัก ทำไมไม่เก็บใส่กระเป๋าไว้ดูเล่นคนเดียวล่ะวะ

     

    ชานยอลกรอกตาไปมาอย่างสุดเซ็ง เมื่อไหร่จะทำงานเสร็จซะที เขาจะได้รีบกลับไปทำโปรเจ็คที่บริษัทต่อ ไอ้เด็กนั่นตอนนี้จะเป็นยังไงแล้วก็ไม่รู้ ไม่ใช่ว่าเกิดท้อใจหนีกลับบ้านนอกไปแล้วนะ... ถ้าเป็นงั้นจริง ไอ้ซีดีคลิปเสียงสุดสยองที่เขาไรท์ไว้เมื่อคืนก็เป็นหมันน่ะสิ....

     

    “ถ้างั้นผมเลือกเลยนะครับ” 

     

    เสียงลู่หานดังเข้ามากระแทกโสตประสาทเขาอีกรอบ ใบหน้าหวานนั่นทำเป็นลุกลี้ลุกลนซะสมจริง ลู่หานหันซ้ายหันขวาเหมือนไม่รู้จะเลือกใครดี คนนึงก็คือเขาที่แฟนคลับมักจะสร้างคาแร็กเตอร์ให้เป็น เจ้าชายน้ำแข็ง , มาเฟียสุดโหด , ผู้ชายเย็นชา  กับอีกคนคือเซฮุน ในบทผู้ชายอบอุ่น สุขุม พูดน้อย พึ่งพาได้....

     

    “...ชานย...เอ่อ....เซฮุนครับ....ผมเลือกเซฮุน....” 

     

    ชี้ดำชี้แดงกันไปเรียบร้อย ไอ้น้องเล็กของวงที่ตอนแรกเบือนหน้าหนีเพราะได้ยินชื่อพยางค์แรกของเขาก็หันกลับมาอมยิ้มมุมปาก ชานยอลแอบรู้สึกได้ว่ามีดอกไม้บานข้าง ๆ หน้าขาว ๆ ของมันด้วย เห็นแล้วหมั่นไส้ชะมัดยาด ทำอะไรให้มันสำรวมหน่อยไม่ได้หรอวะ จะหึงจะดีใจก็ออกอาการซะขนาดเนี้ยะ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมความสัมพันธ์ไอ้สองคนนี้ถึงไม่พัฒนามากไปกว่า ของเล่นคน กับ คนเล่นของ ซักที

     

    พวกเขานั่งปั้นหน้า อมยิ้ม ตอบคำถามกันอยู่อีกพักใหญ่ ๆ จนหมดเวลาของรายการ  พวกเราทุกคนลุกขึ้นยืน โค้งให้กับพิธีกรสาว ช่างไฟ ไดเร็กเตอร์ คนเขียนสคริปต์ สไตลิส ยันเหล่าแฟนคลับ พูดคุยอยู่ซักพักก่อนพี่ซูโฮจะเดินยิ้มหน้าแป้นมารับทันทีที่เห็นว่างานโชว์ตัววันนี้เสร็จสิ้นไปอย่างราบรื่น

     

    “วันนี้ไม่มีอะไรแล้วล่ะ...จะกลับบ้านกันเลยรึเปล่า เราสองคน?”

     

    พี่ซูโฮที่เดินนำอยู่ข้างหน้าหันกลับมาถามลู่หานกับเซฮุน สองคนนั้นพยักหน้ารัว โดยเฉพาะกับลู่หาน หมอนั่นบ่นกระปอดกระแปด ว่านอนไม่พองั้นงี้ ง่วงตาจะปิดมาตั้งแต่เช้า คงได้กลับไปนอนขี้เซาเกาพุงอยู่หอสมใจอยากซักที

     

    ส่วนเขาที่เป็นข้อยกเว้น ก็เป็นอันรู้กันว่าหลังจากนี้เขามีงานพากย์โปรเจ็คการ์ตูนวายที่บริษัท พี่ซูโฮเป็นคนอาสาว่าจะไปส่งเขาเอง เพราะเป็นห่วงกลัวว่าเขาจะขับรถเร็วเกินไปอีก คงจะกลัวว่าไอดอลอย่างเขาจะไม่เป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ประชาชน ทั้ง ๆ ที่เพิ่งรับงานเป็นพรีเซ็นเตอร์ ขับรถอย่างระมัดระวัง ละมั้ง

     

    ______________________________________________________________

     

    แบคฮยอนนึกขอบคุณแม่ที่มักจะปลุกให้เขาตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพื่อไปออกกำลังเป็นเพื่อนพ่อทุก ๆ วัน ก็เพิ่งมาเห็นประโยชน์เอาวันนี้แหละ ตอนที่อยู่ ๆ ก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนเช้ามืด แล้วเห็นว่าพี่ยามคนใหม่กำลังส่องไฟเดินสำรวจในตึกอยู่ .... พอสาย ๆ หน่อยคุณอี้ฟานก็บริษทมาอีก เพราะงั้นเขาถึงได้มีเวลาเตรียมเนื้อเตรียมตัว แปรงฟันล้างหน้าเปลี่ยนชุด ทำตัวเองให้เหมือนคนเข้างานแต่เช้าตรู่ได้โดยไม่มีใครสงสัยว่าเขายึดพื้นที่โซฟาในห้องอัดเป็นที่พักยามยากซักคน...

     

    ขอบคุณ... แล้วก็ขอโทษด้วยนะครับแม่ครับ....

     

    “ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

    “ยินดีที่ได้รู้จัก <3

    “ยิน...ดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ”

     

    แบคฮยอนเอื้อมมือไปกระชับฝ่ามือที่ยื่นมาตรงหน้า คนแปลกหน้าที่คุณอี้ฟานพามาส่งยิ้มให้ แลดูน่าผูกมิตรกว่าไอด้อลตัวสูงคนเมื่อวานซะอีก ร่างบางนั่งลงกับเก้าอี้ประชุมเมื่อคนหัวโต๊ะสั่งให้เขานั่งลง ก่อนคนที่ชื่อคยองซูที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามจะชะโงกหน้าเข้ามาหา

     

    “ได้ข่าวว่าออดิชั่นแค่วันเดียวก็ผ่านเลยหรอแบคฮยอน” 

     

    ร่างบางยิ้มแหย ๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์อันทารุณกับจิตใจของเขาเมื่อวานตอนหัวค่ำ เด็กหนุ่มพยักหน้าเบา ๆ อย่างเสียไม่ได้ เพราะไม่อยากจะเอ่ยมันออกมาเป็นคำพูด ก่อนคนที่ชื่อจงแดที่นั่งอยู่ข้าง ๆ จะเลื่อนบทเล่มหนาปึ๊ก ที่พิมพ์ชื่อเขาเอาไว้หรามาให้  แบคฮยอนตาโต มือเรียวชี้ไปที่หนังสือบนก่อนจะชี้อกตัวเอง

     

    “เล่มนี้....ของผมหรอครับ” 

     

    “ใช่...เป็นเล่มส่วนตัวของนาย” อี้ฟานที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะเสริม “บางบทจะมีแค่นายกับชานยอลที่มี ...เช่น...ฉากที่มันจะต้อง.....อืมนะ...กันน่ะ”

     

    “.......”  สีหน้าของเด็กหนุ่มสลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด รู้สึกเหมือนโดนยาสั่งก็ไม่ปาน

     

    “บทนี้ฉันเป็นคนเกลามาจากภาษาญี่ปุ่น  ยังไงถ้ามีอะไรสงสัยก็ถามได้ตลอดนะ....เพราะฉันอยู่ด้วยตลอดเวลาพวกนายอัดเสียงกัน” 

     

    เสียงสวรรค์ดังขึ้นมา แบคฮยอนแทบจะถลาเข้าไปกุมมือจงแดมาถูกแก้ม.... ความรู้สึกเหมือนยืนอยู่บนไหล่เขา กำลังจะลื่นตกลงไปคอหักตาย แล้วอยู่ ๆ ก็มีคนยื่นมือมาช่วยมันเป็นอย่างนี้นี่เองสินะ...

     

    อย่างน้อย ๆ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะต้องอยู่ด้วยกันสองต่อสองเวลาพากย์กับคุณชานยอลแล้ว  เด็กหนุ่มรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาอยู่ในใจ ถึงแม้มันจะแสดงออกนอกหน้าซะจนจงแดทำท่าเหมือนจะเข้าใจไปด้วยก็ตามที...

     

    “...แล้วออดิชั่นบทแบบไหนไปหรอ ถึงได้ผ่านเข้ามาได้”  คยองซูยังไม่หยุดถาม ร่างเล็กที่ดูเหมือนจะตื่นเต้นกว่าใคร แสดงออกมาแค่ทางน้ำเสียง แบคฮยอนได้แต่กระพริบตามองใบหน้านิ่งเฉย สลับกับปรับสวิตซ์การรับรู้ผ่านทางเสียง ร่างบางพยายามจะเข้าใจคนตรงหน้าให้มากที่สุดถึงได้ตัดสินใจว่าจะตอบอะไรออกไปนอกจากรอยยิ้มบ้าง

     

    “ก็บท...เอ่อ.....”

     

    “บท อืมนะ ใช่ไหม....”  คยองซูตบโต๊ะเบา ๆ

     

    “เอ่อ...ใช่ครับ”

     

    ถึงแบคฮยอนจะพอเดาไอ้อารมณ์ของคำว่า อืมนะ ออก แต่เด็กหนุ่มไม่อาจเข้าใจไอ้น้ำเสียงที่ฟังดูสนุกสนานภายใต้ใบหน้าอันเฉยชาของคยองซูได้ ร่างบางได้แต่คิดว่าโลกนี้มันช่างอยู่ยากยิ่งนัก ลำพังน้องสาวเขาที่ดูเหมือนจะไม่ปกติแล้ว แต่พอเข้ามาอยู่ในเมืองหลวง เขาได้ต้องพบกับสัจจะธรรมอันยิ่งใหญ่ ที่ป้าข้างบ้านมักจะพูดเอาไว้ว่า คนเมืองหลวงน่ะเข้าใจยาก นั่นเห็นจะจริง

     

    “โห....บทหินเลยนะนั่น !”  คยองซูอุทานออกมา

     

    “ไม่เบาเหมือนกันนะเรา.....”  จงแดเสริม

     

    “....ไม่มีทางเลือกแล้วต่างหาก...”

     

    เจ้าของ น้ำเสียงพิฆาตบุรุษดังขึ้นข้างหลัง ร่างสูงผลักประตูห้องที่แง้มอยู่เข้ามาเต็มแรง ก่อนจะเดินเข้ามาพร้อมกับผู้จัดการวงที่คนทั้งห้องนี้คุ้นเคยกันดี ยกเว้นแบคฮยอน ชานยอลก้าวอาด ๆ เพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงเก้าอี้ข้าง ๆ คยองซู  ไอด้อลตัวสูงทิ้งตัวลงนั่ง เหวี่ยงกระเป๋าสะพายขึ้นมาบนโต๊ะ พร้อมกับถอดแว่นตาดำกับหมวกที่สวมอยู่ออก

     

    สาบานได้ว่าแบคฮยอนไม่เคยรู้สึกว่าแอร์ในห้องเย็นจนคนร่างสูงมา...  เด็กหนุ่มยกมือขึ้นกอดตัวเองใต้โต๊ะประชุม เมื่อเผลอไปสบกับดวงตาคมที่จ้องมาราวกับจะเอาเรื่อง สายตาที่ปาร์ค ชานยอลส่งมาให้นั้น ถ้าเป็นยัยโบยองคงจะรู้สึกสกร๊าวในใจ เพราะมันช่างตรงกับคาแร็กเตอร์พระเอกฟิคที่เธอแต่ง แต่สำหรับเขา บยอน แบคฮยอนคนนี้กับรู้สึกเหมือนคนกำลังจะหมดแรง เหมือนมีอะไรมาแทงข้างหลังแล้วมันทะลุถึงม้ามไต...

     

    เธอจะให้ฉันมีชีวิตต่อไปอย่างไร....  ~ ~

    รู้สึกเหมือนสวัสดิภาพทางก้นกำลังมอดไหม้ไปทีละน้อย...

     

    “....ถ้ามีเวลาเหลืออีกนิด คงจะหาได้ดีกว่านี้”

     

    “โห ชานยอลมึงก็พูดไป”  จงแดที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาพูดออกมา ก่อนจะเอื้อมมือมาตบบ่า “ อดทนหน่อยนะแบคฮยอน...หมอนั่นมันไม่มีอะไรหรอก  ก็แค่ปากหมาไปวัน ๆ”

     

    “ใช่ ๆ ชานยอลเค้าไม่มีอะไรหรอกนะ....เขาก็แค่อยากให้งานออกมาดีที่สุด”  คยองซูเป็นทัพเสริม น้ำเสียงนั้นพูดให้กำลังใจ แต่ใบหน้าน่ารักก็ยังคงเฉยชาเหมือนเดิม...

     

    อย่างน้อย ๆ สองคนในห้องนี้ก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนมีพวกขึ้นมาบ้าง...

     

    “...คนนี้หรอชานยอล” จุนมยอนสะกิดเด็กในการปกครองของตัวเอง พลางพยักเพยิดไปทางร่างบางที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม  “สวัสดี พี่ชื่อจุนมยอนนะ เรียกพี่ซูโฮก็ได้”

     

    “สวัสดีครับพี่ซูโฮ” แบคฮยอนเอื้อมมือไปกระชับมือบางนั่นอีกครั้งของวัน ดูเหมือนวันนี้จะเป็นวันรวมญาติอะไรซักอย่าง แต่ก็เอาเถอะ ยิ่งคนอยู่ด้วยมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเปลี่ยวใจน้อยลงเท่านั้น

     

    “ยังไง ชานยอลก็มาแล้ว ผมว่าพวกเราเริ่มงานกันเลยดีกว่านะ” จงแดเอ่ยพลางเคาะโต๊ะเบา ๆ คุณอี้ฟานที่นั่งอยู่หัวโต๊ะพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะเดินไปไปหาพี่ซูโฮแล้วทั้งคู่ก็เดินออกไปจากห้องด้วยกัน

     

    ในห้องประชุมตอนนี้เหลือแค่พวกเขาเพียงสี่คน ขณะที่ร่างบางกำลังเลื่อนเก้าอี้ออก จงแดกับชานยอลก็เข้าไปในห้องอัดแล้ว แบคฮยอนจึงรีบเดินตามเข้าไปพร้อม ๆ กับคยองซูที่กำลังก้มหน้าสไลด์โทรศัพท์มือถือของตนอย่างเมามันส์ 

     

    “จงแดดูแลเรื่องบท แล้วก็เสียงด้วย” 

     

    น้ำเสียงนุ่มทุ้มพูดขึ้นข้างหู เล่นเอาคนที่ยืนเหม่อ ๆ อยู่ถึงกับต้องสะดุ้งสุดตัว  แบคฮยอนผงะถอยหนีจากไอด้อลหนุ่มขวัญใจยัยน้องสาวทันที  แต่ไม่ทันที่จะได้ไปไหนไกล มือหนาก็ยื่นบางอย่างมาให้ตรงหน้า

     

    “รับไปสิ” 

     

    “อ...อะไรครับ....นั่น”  ท่าทีตะกุกตะกักแบบไม่ไว้วางใจทำเอาคนที่ยื่นของให้รู้สึกเซ็ง แบคฮยอนแอบเห็น ไม่สิ...เห็นเต็มสองตาว่าหมอนั่นกรอกตาไปมา

     

    “...เห็นว่าเป็นอะไรแล้วจะมาถามอีกทำไม ตาแตกรึไง?” มือหนาเอื้อมมาคว้ามือเขาเอาไว้ ก่อนจะยัดกล่องซีดีลงมาใส่ในมือ “บอกให้รับก็รับไปสิ...เล่นตัวอยู่ได้” 

     

    .....คำก็ด่าสองคำก็ด่า...

     

    “ก็แล้วมันเป็นซีดีอะไรละครับ...”  แบคฮยอนเริ่มจะมีน้ำโหบ้างแล้ว  ร่างบางเผลอสวนกลับไป แต่แทนที่อีกฝ่ายจะด่ากลับมา กลายเป็นว่าคนตัวสูงยกมือหนาขึ้นกำแน่น แล้วกระแอมไอเบา ๆ

     

    “เปิดฟังซะก็สิ้นเรื่อง...จะมาถามทำไมให้มันมากความ” พูดจบก็เบือนหน้าหลบสายตา แบคฮยอนขมวดคิ้วเข้าหากัน บอกได้เลยว่าโคตรงง ไอ้คนบริษัทนี้นี่อาจจะเป็นแก่นแท้ของคนเมืองหลวงก็ได้ ทำไมถึงได้ทำแต่อะไรที่มันเข้าใจยากซะจริง

     

    “เฮ้ย ๆ SM ent. ประมูลได้เรื่องไททั่นไปแล้วอะ”   

     

    อยู่ ๆ คยองซูที่นั่งสไลด์โทรศัพท์ก็เงยหน้าตะโกนขึ้นมาเสียงดัง ทั้งจงแดกับชานยอลแลดูจะสนใจกับข่าวที่เพิ่งได้รับเป็นอย่างมาก แต่แบคฮยอนแอบเห็นสีหน้าแปลก ๆ ของคนร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างกาย มันไม่ใช่แค่สีหน้าแสดงความสนใจ แต่กลับกลายเป็นเรียบเฉยเหมือนคิดอะไรอยู่ในใจซะอย่างนั้น... 

     

    “....ก็ว่าแล้ว...เห็นข่าวอยู่เมื่อเช้า...”  จงแดเสริม “เห็นว่าประธานของฝ่ายโน้นจะลงมาพากย์บทตัวสำคัญเองเลยนี่”

     

    แบคฮยอนยืนมองสองคนที่คุยกันอย่างออกรส แต่แทนที่ชานยอลจะร่วมวงสนทนาด้วย คนร่างสูงกลับเดินเงียบ ๆ ไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง  ปากร้าย ๆ นั่นไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาแม้ซักคำ....

     

    อยู่ ๆ ก็เป็นอะไรไปนะ....

     

    “จะเริ่มงานกันได้รึยัง...”

     

    ทำตัวน่าเป็นห่วงอยู่ได้แค่ไม่นาน ร่างสูงก็กรอกเสียงทุ้มผ่านไมค์ดังออกลำโพงชวนให้เพื่อนร่วมงานอีกสองคนสะดุ้งโหยง จงแดรีบนั่งประจำที่ตัวเอง ในขณะที่คยองซูก็ปิดเสียงโทรศัพท์แล้วยัดใส่กระเป๋า  ส่วนร่างบางที่ยืนสังเกตการณ์ก็ทำแค่นั่งลงบนโต๊ะตัวที่ว่างข้าง ๆ คยองซู มือบางลูบไมค์ไดนามิกซ์ตัวที่ยื่นมาจ่อตรงปากของตัวเองเบา ๆ...

     

    พ่อครับ แม่ครับ....

    โบยองด้วย...

    ตอนนี้ผมกำลังเริ่มต้นเดินตามความฝันของตัวเองแล้วนะ....

     

    ______________________________________________________________

     

    ร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่ถูกตกแต่งด้วยสไตล์แบบลอฟท์ทำให้ร่างเล็กนึกถึงตอนที่เรียนอยู่ในนิวยอร์กขึ้นมาซะได้ สมัยที่เขาไปทำงานร้านเบเกอร์รี่แบบอินดี้ ที่ร้านนั้นก็ตกแต่งแบบง่าย ๆ เน้นความโปร่งสบายแบบนี้ แต่อีกเรื่องนึงที่พาลไปสะกิดความทรงจำเก่า ๆ ก็เห็นจะเป็นคนที่ร่วมบรรยากาศตรงหน้าด้วยนั่นแหละ

     

    คิม จุนมยอนลอบมองคนที่กำลังม้วนเส้นสปาเกตตี้เข้าปากอย่างสุภาพ ใครจะเชื่อกันล่ะ ว่าเขากับ อู๋ อี้ฟาน รุ่นพี่ในชมรมบาสสมัยเรียนมหาวิทยาลัยจะได้กลับมาเจอกัน พึ่งพาอาศัยกันในสภาพแบบนี้อีกครั้ง แม้แต่เขาเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อ.....

     

    ยังจำได้ดีว่ารู้สึกแบบไหน ตอนที่รับโทรศัพท์ทางไกล แล้วอีกฝ่ายแนะนำตัวว่าเป็นใคร...

     

    “อาหารอร่อยไหมจุนมยอน?” คนร่างสูงเอ่ยถามรุ่นน้องที่ตอนนี้เลื่อนขั้นขึ้นมาเป็น หุ้นส่วน ทางผลประโยชน์ของตนไปโดยปริยาย นับว่าต้องขอบคุณคนตรงหน้าเป็นอย่างมาก ที่อุตส่าห์ช่วยปั้น หลานต่างสายเลือด อย่างชานยอลให้มีวันนี้ได้เร็วขนาดนี้... 

     

    “มาทานที่นี่บ่อยหรอครับ ?”  จุนมยอนเช็ดปากกับผ้าสะอาด ก่อนจะวางมันลงบนตักอย่างเดิม ร่างเล็กจำเป็นต้องสงวนท่าทีเมื่ออยู่ต่อหน้าพี่อี้ฟานเป็นอย่างมาก จำเป็นต้องแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่ร่างสูงจะสามารถพึ่งพาได้ เพราะนั่นจะทำให้ความสัมพันธ์แบบนี้อยู่ได้ยืดต่อไปอีกเรื่อย ๆ...

     

    ใช่....เขาแอบชอบพี่อี้ฟาน... 

     

    เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้เข้าใจดี และไม่เคยคิดจะขัดขวางความสัมพันธ์ของเด็กอีกสองคนในการปกครอง เหตุผลหลัก ๆ ก็คือ...เขาซึ้ง... ถึงรักที่ไม่สมหวัง ทั้ง ๆ ที่เคยคิดว่า พอเวลาผ่านไปความรู้สึกชอบนี้จะจางหาย แต่พอได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง กลับกลายเป็นเขา ที่ไม่อยากห่างออกไปอีก.... ยอมทำอะไรก็ได้ที่จะให้เขาได้วนเวียนอยู่ข้าง ๆ พี่อี้ฟานอีกครั้ง....

     

    น่าสมเพช...

    แอบชอบคนที่ไม่มีทางจะหันชอบผู้ชายด้วยกัน...

    มันก็ต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว...

     

    “อืม...พี่มาบ่อย ๆ เวลาต้องรับรองลูกค้าน่ะ...” อี้ฟานยกผ้าขึ้นเช็ดทีมุมปากบ้าง  “..แล้วงานช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง?”

     

    “...ก็โอเคครับ...ช่วงนี้ไม่ค่อยหนักเท่าไหร่ เพราะเด็ก ๆ ได้พัก ผมก็ได้พักไปด้วย...แต่ก็มีงานละครติดต่อชานยอลเข้ามา....”

     

    “งานละคร?....แล้วรายนั้นปฏิเสธรึเปล่า ?” อี้ฟานขมวดคิ้ว  

     

    “....ปฏิเสธไปเรียบร้อยแล้วครับ”  จุนมยอนจำเป็นต้องบอกความจริง สีหน้าของพี่อี้ฟานเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเมื่อรู้ว่าหลานชายปฏิเสธช่องทางที่จะทำให้ผู้คนได้จดจำอีกทางลงไป

     

    “ทำอะไรไม่เคยปรึกษากันเลย....ยังเห็นพี่เป็นอาอยู่ไหมเนี่ย” ถึงจะผิดหวังเล็ก ๆ ก็เถอะ แต่อี้ฟานก็ไม่ได้หวังอะไรกับงานสายนี้ของหลานชายอยู่แล้ว เพราะทั้งเขาและจุนมยอนต่างก็รู้เป้าหมายที่แท้จริงของชานยอลทั้งคู่ ร่างสูงยกแก้วน้ำขึ้นจรดริมฝีปาก จิบมันอึกสองอึกก่อนจะยกมือขึ้นประสานกันบนโต๊ะ

     

    “พี่อี้ฟานครับ...?”

     

    “...ดีแล้วละ....ตอนนี้ชานยอลก็ยังไม่รู้ข่าว....ฝ่ายนั้นน่ะ...เขาได้เรื่องไททั่นไปอยู่ในมือแล้ว”

     

    “อ่า....การ์ตูนเรื่องดังเลยนะครับนั่น...” 

     

    “ใช่ การ์ตูนเรื่องดังทีเดียว....” ดวงตาคมหรี่ลง “...ยังไงก็ต้องรู้เร็ว ๆ นี้อยู่แล้ว...ก็ดีแล้วละที่ไม่ได้รับงานละครไป......”

     

    “ถ้ารู้เรื่องไททั่นอีกคงไม่มีเวลาทำอะไรแล้วละครับ...” จุนมยอนหัวเราะเบา ๆ นั่นทำให้อี้ฟานรู้สึกผ่อนคลายตามไปด้วย 

     

    “อืม....ถ้าหมอนั่นรู้....คงต้องคิดว่าที่ตัวเองพยายามมา...มันยังไม่พอแน่ ๆ”

     

    ______________________________________________________________

     

    นับว่าวันนี้ปาร์ค ชานยอลใจดีกว่าเมื่อวานมาก ที่วันนี้ได้กลับบ้านเร็ว เลิกงานไวก็เพราะร่างสูงบอกกับทุกคน ว่าเล็งเห็นถึงสภาพย่ำแย่ในการพากย์ฉากเมคเลิฟระหว่างตนกับร่างบาง เพราะงั้นทุกฉากที่พากย์ไปในวันนี้ถึงได้มีแต่ฉากพูดคุยกันธรรมดาตามท้องเรื่อง...มันถึงออกมาราบรื่น และรวดเร็วได้ขนาดนี้

     

    “เหนื่อยหน่อยนะครับ...”

    “ขอบคุณมากนะครับ”

    “กลับบ้านกันเถอะ !

     

    ภาพคนสามคนกำลังโค้งไปโค้งมาใส่กันด้วยความสุภาพ ทำให้คนที่ยืนมองอยู่รู้สึกรำคาญจนต้องกรอกตาไปมา  ปาร์ค ชานยอลไม่ค่อยเข้าใจรอยยิ้มสดใสของเด็กใหม่เวลาอยู่กับคนอื่นเท่าไหร่ เพราะเวลาอยู่ด้วยกันสองคน เด็กนั่น...ถ้าไม่ทำหน้าซีดปากสั่น ก็ทำหน้าซื่อ บื้อเหมือนเขากำลังพูดคนละภาษายังไงอย่างนั้น และดูเหมือนบยอน แบคฮยอนจะไม่ค่อยรู้ตัวซะด้วย ว่าไอ้สีหน้าท่าทางแบบนั้น แถวบ้านเขามันเรียกว่า ยั่วโมโห....

     

    ร่างบางยืนมองคยองซูกับจงแดที่เดินออกไปจากห้องอัดด้วยความเสียดาย.... อันที่จริงเขาอยากจะมีโมเม้นท์ได้กลับบ้านพร้อมเพื่อนร่วมงานที่ใจดีนะ แต่ติดอย่างเดียวที่เขายังไม่มีบ้านให้กลับเนี่ยสิ ตอนนี้ก็เลยต้องยืนข้าง ๆ รอส่ง เพื่อนร่วมงานที่ใจร้าย กลับบ้านอยู่แบบนี้

     

    “แล้วจะกลับยังไง...”

     

    เงียบอยู่นานสองนาน คนข้าง ๆ ถึงได้มีน้ำใจเอ่ยปากออกมา  แบคฮยอนเงยหน้ามองคนที่สูงกว่าตาซื่อ “...กลับไปก่อนได้เลยครับ...เดี๋ยวผมกลับเองได้....” 

     

    “...ก็ตามใจ”  ร่างสูงยักไหล่ ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ก็ทิ้งตัวลงนั่งที่ม้านั่งยาวข้าง ๆ 

     

    “....ชานยอล !....ขอโทษนะที่ให้รอ” 

     

    เสียงตะโกนดังมาตามทางเดิน พร้อม ๆ กับร่างเล็กของพี่ซูโฮที่กึ่งวิ่งกึ่งเดิน และคุณอี้ฟานที่ก้าวยาว ๆ ตามมาด้านหลัง พี่ซูโฮสาวเท้ามาจนถึงที่ ๆ เขากับชานยอลยืนอยู่ แบคฮยอนได้แต่ยิ้มตอบยิ้มบางดูใจดีที่ผู้จัดการวงXOXO ส่งมาให้

     

    “เสร็จแล้วสินะ...ถ้างั้นกลับกันเลยไหม ?”  พี่ซูโฮเอ่ยถามชานยอลที่นั่งอยู่บนม้านั่งยาว แต่ก็ยังใจดี หันมาหาเขาที่ยืนค้ำหัวหมอนั่นอยู่ด้วย  “แล้วแบคฮยอนล่ะกลับยังไง...ให้พี่ไปส่งดีกว่า” 

     

    “อ...เอ่อ....ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมกลับเอง....”   แบคฮยอนตอบพลางส่งยิ้มแหย ๆ ไปให้....  จะให้กลับไปไหนละ ก็ในเมื่อเขาตั้งใจจะตั้งรกรากอยู่นี่ซักอาทิตย์T T

     

    “เอาเถอะน่า...ให้จุนมยอนไปส่งเถอะ” คุณอี้ฟานที่ยืนอยู่ด้านหลังเสริมขึ้นมา

     

    “อ....เอ่อ...ไม่เป็นไรหรอกครับ ....เอ่อ...หอผมอยู่ใกล้ๆนี่เอง...เดินไปนิดเดียวก็ถึง....” 

     

    “เดินไปนิดเดียว...?......เดินไปทางไหน”  คนที่เงียบที่สุดในวงสนทนาสวนขึ้นมา ชานยอลเงยหน้าขึ้นมองคนที่ทำหน้าเลิ่กลั่กอยู่บนหัวเขานิ่ง....

     

    “เอ่อ....ก็เดินตรงไป....ผ่านตึกบริษัทนิดเดียวก็ถึงแล้ว...ครับ” 

     

    “.....แต่แถวนั้นมันเป็นย่านผับนะแบคฮยอน......”  

     

    .....แบคฮยอนอยากจะครายอิ้ง  เมื่อคุณอี้ฟานเฉลยความงี่เง่าของเขา  อยากจะเอามือเขกหัวตัวเองจริง ๆ ทำไมไม่รู้จักรอบคอบ ไปสำรวจที่ทางแถว ๆ นี้ให้ดีก่อนโกหกกันนะ T_T 

     

    “อ...เอ่อ...ก็เดินเลยไปอีกไงครับ เลยไปอีก”  

     

    “....เลยไปก็ห้างลอตเต้นะแบคฮยอน....”  

     

    คราวนี้เป็นพี่ซูโฮที่ชี้ทางสว่าง....   แบคฮยอนเม้มริมฝีปากแน่น... นึกอะไรไม่ออกแล้วตอนนี้....  และในขณะที่ทุกคนกำลังเงียบอยู่นั้น  ร่างสูงที่นั่งอยู่บนม้านั่งยาวก็ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ ชานยอลหายเข้าไปในห้องอัด ซักพักคนร่างสูงก็โผล่ออกมาพร้อมกระเป๋าเดินทาง กับเป้ใบใหญ่...ที่จะเป็นของใครไม่ได้เลย นอกจาก บยอน แบคฮยอน....

     

    “....สรุปว่ามีจริง ๆ ใช่ไหม....ที่พักของนายน่ะ....” 

     

    แบคฮยอนเงยหน้ามองคนที่ถามตนเสียงนิ่ง.... จริง ๆ อยากจะคิดว่าชานยอลอาจจะเกลียดเขามาแต่ชาติปางก่อนก็ได้ แต่นึกไปนึกมาอีกทีที่เขาทำมันก็ไม่ถูกซักเท่าไหร่...   ร่างบางก้มหน้าลงโค้งขอโทษทั้งพี่ซูโฮ และ คุณอี้ฟานทันที...

     

    “ขอโทษจริงๆ ครับ.....ที่จริงแล้ว....”

     

    “............”

     

    “................”

     

    “...........................”

     

    “ที่จริงแล้ว เมื่อคืนผมแอบนอนอยู่ที่นี่น่ะครับ !”  ตะโกนออกไปสุดเสียง... แบคฮยอนรู้สึกโล่งขึ้นมานิดหน่อย  แค่นิดหน่อยเท่านั้นนะ แต่แทนที่อี้ฟานจะโกรธ กลายเป็นว่าประธานบริษัทกลับหัวเราะออกมาเบา ๆ

     

    “แล้วคืนนี้จะนอนที่ไหนกันละ.....”  พี่ซูโฮถามออกมาด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยอย่างเห็นได้ชัด นั่นทำให้เด็กพลัดบ้านอย่างแบคฮยอนอยากจะวิ่งเข้าไปซบอกแล้วครายอิ้งออกมาซะเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ติดที่พี่ซูโฮยืนอยู่ข้าง ๆ คนที่กรอกตาไปมาคนนั้นละก็นะ...

     

    “เอ่อ......”

     

    “ถ้างั้น...นอนหอพวก XOXO ไหมละ....ที่ห้องชานยอลก็ว่างอยู่....” 

     

    “ห๊ะ ! / ไม่ได้นะ....” 

     

    แบคฮยอนอุทานออกมา ประสานเสียงกับคนที่คิดไม่ถึง.... แทนที่เจ้าของห้องที่ถูกกล่าวอ้างจะส่งเสียงประท้วง กลับเป็นอาของเจ้าของห้องซะเอง....ใช่ คุณอี้ฟานนั่นแหล.... 

     

    “....ทำไมจะไม่ได้ ?” แล้วคนที่ทำให้แบคฮยอนช็อกที่สุดก็เป็นชานยอล.... หมอนั่นหยุดกรอกตา แล้วคว้ากระเป๋าเป้จากมือเขาไปถือเอาไว้เอง....

     

    “.....!!!!” 

     

    “มาอยู่ด้วยกันก็ดี....”

     

    “....................”

     

    “ฉันจะได้เห็นว่านายทุ่มเทกับงานนี้แค่ไหน....”

     

    _____________________________________________________

    100%

     

    เย้ ๆๆๆ  ครบร้อยเปอร์แล้วววว

    ชอบไหม สนุกไหม กลัวไม่สนุกอะ T_T

    ถ้าสครีมในทวิตอย่าลืมแปะ #รมตกวร นะจะเข้าไปส่อง อิอิ

     

    ปล. @TheGIFTIM 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×