คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : แ ค่ กู รั ก มึ ง | ยั ง ซึ้ ง ไ ม่ พ อ : 02
- ฟิคชั่นเรื่องนี้มีหลายคู่จัด ทั้ง ชานไค ไคเทา ไคหมิน ลู่หมิน ฮุนแบค แบคโด้ แต่หลัก ๆ คือ “ไคฮุน” มันอาจจะมีจงอินเป็นเคะ แต่ก็แค่ส่วนประกอบนะคะ ;_ ;
_________________________________________
“แล้วมึงก็กลับไปคบกับมันหรอวะ?”
เสียงของใครบางคนพูดขึ้นมาระหว่างที่ผมกำลังคีบเส้นราเมนเข้าปาก ดูเหมือนชาชูเมนถ้วยตรงหน้าจะไม่ค่อยมีรสชาติเท่าไหร่ เมื่อผมต้องตอบข้อสงสัยของเหล่ามนุษย์ขี้เสือกที่จ้องมาเป็นตาเดียว
“ว่าไงจงอิน มึงกลับไปคบกะพี่ชานยอลจริงอย่างที่แทมินมันว่าหรอหรอ”
ผมกระทุ้งศอกเข้าให้ที่แขนไอ้แทมินจนมันร้องโอ้ย แล้วกระดิกนิ้วเรียกให้ให้มันส่งน้ำมันงาที่อยู่ตรงหน้ามาให้ หมั่นไส้แม่งปากสว่างเหลือเกิน ว่าจะเก็บไว้เงียบ ๆ คนเขารู้กันหมดเพราะมึงเนี่ยแหละ
“เออ”
ตอบออกไปอย่างไม่เต็มใจในขณะที่ตาก็เหลือบมองอีกสี่คนที่แยกไปนั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ ด้วย ตอนนี้เรานั่งกินอาหารประจำชาติเด็กโคฟกันอยู่ที่ฮาจิบังครับ ถ้าไม่นับแมคโดนัล ก็อาหารเส้นสำเร็จรูปข้างร้านสตาร์บัคเนี่ยแหละที่ช่วยให้พวกผมได้อิ่มท้องโดยไม่ต้องเปลืองมากนัก
“ไอ้เหี้ย แล้วไหนมึงบอกมันเจ้าชู้ไง ทำไมมึงยังกลับไปอีก โง่หรอวะ”
“มึงแม่งโง่ชัด ๆ พี่ชานยอลแม่งก็ไปทั่วอะ ยังจะยอมอีก”
“สรุปพวกมึงรักกันจริงไหมวะ เดี๋ยวคบเดี๋ยวเลิก กูงงมาก”
เชื่อไหมว่าตอนนี้ผมไม่ได้มองใครในโต๊ะตัวเองเลย ตอนนี้โต๊ะผมมีอยู่ 5 คน แต่ทุกคนแม่งถกเรื่องที่ผมกลับไปคบกับพี่ชานยอลกันหมด ทั้ง ๆ ที่ผมควรจะพักสายตาไว้บนหน้าใครซักคนแต่ผมแม่งเสือกเอาแต่สนใจคนที่อยู่อีกโต๊ะนึงไม่วางสายตาเลย...
จะใครอีกล่ะ ก็ไอ้เซฮุนที่นั่งคีบเกี๊ยวซ่าเข้าปากหน้านิ่งนั่นล่ะ
“เซฮุน มึงสนิทกับมันที่สุดไม่คิดจะพูดอะไรซักคำหรอวะ” พี่ยุนโฮหัวหน้าวงที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกับมันพูดขึ้นมา ก่อนจะหันมาขมวดคิ้วใส่ผมหน้าตาจริงจัง “แล้วเทาล่ะ มึงเอาเทาไปไว้ไหนวะ”
พูดถึงเทาวันนี้มันมาสายครับ เพราะงั้นเท่ากับว่ามันยังไม่รู้เรื่องนี้ แล้วผมก็ยังนึกภาพไม่ออกด้วยว่าถ้าบอกมันออกไปแล้วจะมีระเบิดลงไหม แต่ก่อนที่จะมโนภาพมหากาพย์ความซวยอันยิ่งใหญ่ เซฮุนก็วางตะเกียบลงแล้วทำท่าเหมือนจะพูดอะไร...
“จะให้กูพูดอะไรอีกวะยุนโฮ ชีวิตของมัน ทางเลือกของมัน พวกมึงต่างหากจะไปเสือกอะไรกับมันนักหนา”
โอ้โห ทันทีที่เจ้าของปากเล็ก ๆ นั่นพูดจบมนุษย์ขี้เสือกทั้งสองโต๊ะก็เงียบกริบเหมือนไม่เคยมีใครสงสัยอะไรเรื่องนี้ ผมล่ะอยากจะขอบคุณมันจริง ๆ คิดได้อย่างงั้นก็เลยส่งยิ้มให้มันไปทีนึง...
แต่เชื่อไหม สิ่งที่ได้กลับมาคือมันมองผ่านรอยยิ้มผมไป
นี่กูไม่ได้สำคัญตัวใช่ไหม...
โอเซฮุนกำลังเมินผม....
“อ้าวพวกมึง มาถึงกันนานแล้วหรอวะ!”
พูดถึงเทา เทาก็มาเลยครับ ผมชะโงกหน้ามองตามเสียงมันที่เดินตรงเข้ามาจากหน้าร้าน วันนี้มันอยู่ในลุคสดใสครับ (ปกติเห็นใส่แต่สีทึม ๆ ) หน้าตานี่ก็สดชื่นมาก เทาหันไปทักคนอื่น ๆ ก่อนจะมาทิ้งตัวนั่งข้าง ๆ ผม
“จงอินเลี้ยงหน่อยดิ”
ฟังก็รู้ครับว่าเป็นประโยคพูดเล่นกึ่งบังคับ แต่ดีนะที่เหลือตังติดกระเป๋าไม่เท่าไหร่ ผมเลยแหกกระเป๋าตังให้มันดูอวด ๆ “เหลือไม่กี่วอนแล้วครับมึง จนเหี้ยๆ”
“อ้าวหรอ งั้นเลี้ยงตัวเองก็ได้”
เอาเป็นว่านี่เป็นสถานการณ์ที่ทุกคนควรชินครับ ตั้งแต่ผมกับกิ๊ก ๆ กันกับเทามาก็เป็นอย่างนี้ตลอดแหละ อย่างที่เซฮุนบอก ผมมันป๋าเอง ป๋าไม่เลือกคน ป๋าไม่เลือกสถานที่ ทั้ง ๆ ที่เทาเองมันก็รวยกว่าผมนะ แต่พอมันพูดออกมาอย่างนั้นมันก็อดไม่ได้ที่จะออกให้ทุกที...
ตอนนี้ทุกคนหุบปากเงียบเลยครับ เรื่องที่เคยสนทนากันอย่างออกรสเมื่อครู่ไม่ได้ยินจากปากใครเลยซักคำ อาจเพราะพวกเรารู้กันว่าเทามันเป็นคนขี้น้อยใจ เลยกะให้พวกผมไปเคลียร์กันเองสองต่อสองล่ะมั้ง เพราะงั้นตอนที่พวกเรากินกันจนเสร็จเดินออกมาจากร้านแล้ว ผมกับเทาจึงกลายเป็นสองคนที่โดนเพื่อนทิ้งให้รั้งท้ายขบวน...
“มองหน้าทำไมวะ...แล้วคืนนี้จะมาค้างด้วยไหม”
เสียงงิ้ง ๆ ของมันพูดขึ้นมาหลังจากที่เราเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายผลไม้ สายตาของมันละจากใบหน้าผมไปสั่งแตงโมคุณป้ามาถุงใหญ่ ก่อนจะยื่นให้ผมถือไว้
“ไม่เอาอะ ไปค้างบ่อย ๆ แม่ด่า” ผมรับแตงโมมาไว้ในมือแล้วหยิบชิ้นนึงใส่ปาก เห็นมันซื้อแตงโมให้กินแล้วพูดไม่ออกว่ะ ไม่รู้จะพูดยังไงด้วย รู้แก่ใจนะว่ามันเป็นคนขี้เหงามาก ๆ กลัวว่าถ้าบอกออกไปแล้วมันอาจจะโมโหสุด ๆ หรืออาจจะไม่อะไรเลยซักนิด ก็เพราะว่ารู้อย่างนี้ไงถึงไม่อยากเสี่ยง
เอาตรง ๆ แรง ๆ จี้ใจดำคำเดียวเลยนะ
กลัวมันเสียใจ...
“แล้วเมื่อไหร่มึงถึงจะบอกมันวะ”
ผมเม้มริมฝีปากเข้าหากันโดยที่สายตาก็มองคนที่ยืนพิงกรอบประตูอยู่ข้าง ๆ ซ้อมเต้นเสร็จเหงื่อนี่โทรมกายมากครับ ก็เลยต้องมาเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตัวกันหน่อย ห้องน้ำนี่ก็ไกลจากสถานที่ซ้อมไปไหน จากโดมข้างหน้าต้องเดินลากขามาเข้าในส่วนของมหาลัยติดสนามกีฬากันเลยทีเดียว
“ยังไม่รู้เลยว่ะ”
“รีบ ๆ บอกก็ดีนะ”
“...”
“กูไม่อยากให้เทามันถลำลึกไปกว่านี้ถ้าหากมึงยังรักไอ้ชานยอลอะไรนั่นอยู่”
“อืม”
ผมรับคำเซฮุนหน้าเครียด ได้ยินเสียงมันถอนหายใจอ่อน ๆ ก็รู้ว่าหนักใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเทานี่ก็เป็นเพื่อนสนิทที่เคยเรียนม.ต้นโรงเรียนเดียวกับมันมา มันคงไม่อยากเห็นเพื่อนขี้เหงาของมันต้องซึมเศร้าเพราะมนุษย์เหี้ย ๆ อย่างผมนักหรอก
“แล้วนึกยังไงกลับไปคบกับชานยอล”
เซฮุนถามขึ้นมาในตอนที่เราเดินมาได้ครึ่งทาง ผมหันไปมองหน้ามันแล้วถอนหายใจแผ่ว
“มันกลับมาขอคืนดี”
“แล้วกลับไปคืนดีกับมันง่าย ๆ ไม่กลัวมันทิ้งมึงอีกรอบหรอ?”
ผมเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ก็อย่างที่เคยบอกในทุกตอน เซฮุนเป็นคนที่รู้เรื่องของผมดีที่สุด มันรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แล้วก็รู้ด้วยว่าชานยอลเป็นคนยังไง...คงเพราะแบบนี้ล่ะมั้งถึงได้ถามอะไรอย่างนี้ออกมา
ชานยอลน่ะเป็นนักเขียน พูดถึงความสัมพันธ์ของเราสองคนคงจะเรียกว่าคบกันผิวเผินไม่ได้หรอก ถึงจะอยู่ไกลกันมากอย่างบ้านมันอยู่เชจูแต่ผมอยู่โซลงี้ ก็ใช่ว่าระยะทางจะเป็นอุปสรรคซะเมื่อไหร่ หลายคนอาจมองนะว่าผมโง่ที่กลับไป แต่ถ้าคุณเคยมีแฟนที่คบกันมานาน ๆ อย่างผมก็คงจะเข้าใจ คนเรามันเคยงิ้ง ๆ ใส่กัน แล้วนี่ระยะเวลาก็ยังผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ โดนขอรีเทิร์นซึ่ง ๆ หน้าโดยประโยคที่ไม่รู้จะขำหรือซึ้งดีอย่างงี้ก็ต้องมีไขว้เขวกันเป็นธรรมดาบ้างล่ะ
ยิ่งโดยเฉพาะกับคนที่คบกันมาห้าปีอย่างมัน...
ถึงปีนึงเราจะเจอกันแค่ 2-3 ครั้ง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้แหละว่าอยู่กับมันแล้วก็มีความสุขดี
“คราวนี้ก็คงไม่กลัวแล้ว” ผมขมวดคิ้วเข้าหากัน “คราวที่แล้วเลิกกันแบบงงๆ ...บอกตรงๆ กูคิดว่าตัวเองยังติดค้างเรื่องความรู้สึกกับมันอยู่ว่ะ”
“...”
“บางทีคนที่เขากลับไปคบกับคนเก่า ๆ ก็ไม่ใช่ว่าเขาโง่ ปิดหูปิดตาไม่รู้อะไรหรอกนะมึง...แต่เพราะตอนเลิกกันมันยังไม่ได้ทำอะไรต่อมิอะไรให้สุด ๆ เช่นรักกันให้สุด ๆ เกลียดกันให้สุด ๆ มันเลยยังติดค้างอยู่นี่ไง...”
“...”
“มึงเข้าใจกูใช่ไหม?”
เซฮุนมองหน้าผมแล้วเงียบไปพักใหญ่ ผมเห็นนัยน์ตามันสั่นไหว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลมที่พัดแรงหรืออะไร แต่ตอนนี้มันกำลังเสหน้าหันไปอีกทาง
“ไม่รู้สิ...ตั้งแต่เกิดมากูไม่เคยมีแฟนซักคน...”
“....”
“กูไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ติดค้างของมึงนั่นน่ะมันคืออะไร...กูรู้อย่างเดียวว่า ถ้ากูมีแฟนแล้วเลิกกันไป กูคงไม่คิดจะกลับไปคบกันอีกรอบหรอกว่ะ”
“...”
“เพราะสำหรับกูถ้ามันไม่ใช่แล้ว รั้งไป ยื้อไป ก็ไม่เห็นจะมีประโยชน์”
ก็ไม่มีประโยชน์?
ไม่มีประโยชน์???
เชื่อไหมว่าทั้งเย็นวันนี้ในหัวผมมีแต่คำนี้ ทั้งใบหน้าและน้ำเสียงเซฮุนยังคงดังก้องไปทั้งหัว มันไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจในสิ่งที่มันกำลังจะสื่อนะ แต่สำหรับผม ยังไงก็ยังเชื่อว่าเรื่องของความรักเราก็ควรทำมันให้สุด ๆ ไปว่ะ จะรัก จะ ชัง จะเหี้ยอะไรก็ทำให้ให้มันตันกันไปข้าง จะได้รู้ว่าแม่งไม่มีประโยชน์แล้วจริง ๆ ถ้าเกิดวันนึงต้องเลิกกันขึ้นมาอีกรอบ...
“เตียงมันเบียดไปหรอวะถึงนอนไม่หลับ?”
สรุปวันนี้ผมก็มานอนค้างบ้านเทาครับ แล้วเสียงที่ถามขึ้นมาท่ามกลางความมืดนี่ก็เสียงมันนั่นแหละ เทาขยับตัวเอาแขนมาก่ายเอวผมก่อนจะซุกหน้าลงบนหัวไหล่ มันจูบเบา ๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมาถามด้วยน้ำเสียงติดจะอ้อน ๆ
“ว่าไงมึง นอนไม่หลับหรอ”
“อืม มีเรื่องให้คิดว่ะ”
“เรื่องอะไร?”
ผมยกมือก่ายหน้าผากตัวเองแล้วเรียกมันเสียงเบา
“เทา”
“อื้อ?”
“กูมีเรื่องจะสารภาพ”
ตอนนี้มันลุกขึ้นมานั่งเอนหลังพิงกับหัวเตียงแล้วครับ และนั่นทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นไปสบตากับมัน มองกันผ่านความมืดได้แปบนึงก็มีอันต้องลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ
“กูกลับไปคบกับพี่ชานยอลแล้วนะ”
_______________________________________
TBC – 3
เป็นเนื้อเรื่องที่ไม่ควรเดาอะไรเลย 555555
ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่จงอินนี่มันหลายใจดีจริงๆ
ขอให้สนุกจ้ะ ♥
จะสกรีมมาหาก็แท็ก #แค่กูรักมึงKH
อันนี้แล้วกัน จะรออ่านนะ
ความคิดเห็น