ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ROMANTICA VIRUS | chanbaek hanhun krisho

    ลำดับตอนที่ #2 : - { r o m a n t i c a v i r u s+ } ★ o n e

    • อัปเดตล่าสุด 9 ธ.ค. 56







                   คอมมิคชื่อดังที่ถูกนำมาสร้างเป็นอนิเมะยังคงดำเนินต่อไป   ในจอสี่เหลี่ยมผืนผ้าเคลื่อนไหวการ์ตูน 2D ที่ตัวละครกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดคนหนึ่งคนพากย์เป็นตัวละคร 4 ตัวในคราวเดียว แถมยังแยกแยะคาแร็กเตอร์ออกมาได้อย่างชัดเจน....

     

    นับว่าไม่ธรรมดา... 

     

    ทว่าสำหรับมือสมัครเล่นที่ไม่เคยลงสนามรบจริง ๆ ชานยอลก็อยากจะปรบมือแสดงความพอใจให้หรอกนะ... แต่งานที่เขาเพิ่งลงทุนไปไม่ใช่จะเสี่ยงเอาใครมาพากย์ก็ได้ เพราะเขาต้องการให้มันดัง และ ดังเท่านั้น

     

    แต่ก็นะ....  ความหวังอันนี้มันช่างริบหรี่เหลือเกิน...

    เจ้าของน้ำเสียงแบบที่ถูกใจก็อัปเปหิตัวเองออกไปจากโปรเจ็คนี้เพราะเขาแล้ว....

     

    มือเรียวยกรีโมทขึ้นที่ระดับสายตา กดปุ่มพอสภาพเอาไว้ทั้งที่ยังดูไม่จบ แต่สมองของเขาประมวลไปเรียบร้อยแล้ว ว่าควรจะทำอย่างไรต่อจากนี้  ร่างสูงผุดลุกขึ้นจากเตียงสามฟุตครึ่งสองเตียงที่ถูกลากมาต่อไว้ด้วยกัน ก่อนจะคว้าโทรศัพท์มือถือคู่ใจขึ้นมากดเบอร์ที่คุ้นเคยดี

     

    “....พี่อี้ฟาน...”

     

    “..............”

     

    “....ผมตัดสินใจแล้ว....” 

     

    “.............”

     

    “เรียกเขาเข้ามาออดิชั่นสดพรุ่งนี้เลย....” 

     

     




     






     

    ROMANTICA VIRUS+

    ** เนื้อเรื่อง และตัวละครทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องที่ผู้เขียนจินตนาการขึ้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ

     

    _____________________________

     

    CHANYEOL x BAEKHYUN

    HUN x HAN x KRIS

    ______________________________

     

    { 1 }

     

     

    ฟู่.... 

     

    ริมฝีปากเล็กผ่อนลมหายใจออกมาเป่ารดมือบางที่จวนจะแข็งอยู่รอมร่อ เท้าทั้งสองข้างซอยยิก ๆ เหมือนกับคนกำลังเต้นแอโรบิคอยู่กับที่ ก่อนจะกระชับเสื้อโค้ดตัวหนาที่ใส่ไว้ถึงสองชั้นให้แน่นกว่าเดิม ก็เพราะหิมะบ้า ๆ ที่กำลังร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้านั่นแหล่ะที่เป็นตัวการ !

     

    แบคฮยอนหัวเราะสมเพชตัวเองเบา ๆ ในลำคอ วินาทีนี้คือหนาวมาก โดดเดี่ยวมาก และเซ็งมากที่ต้องมาเป็นแบบนี้ บอกไว้ก่อนเลยว่าไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจอะไรมาซักนิด พอรู้ว่าได้โอกาสสัมภาษณ์งานที่นี่ ก็รีบเก็บเสื้อผ้าหนีออกมาจากบ้านทันที

     

    ไอ้เรื่องหนีออกจากบ้าน....รู้นะว่าอยากรู้

     

    แต่ช่างมันก่อนเหอะ เขาหนาวจนตับสะท้านไปหมดแล้ว.. ก็อุณหภูมิหน้าบริษัท EXOMEDIA ตอนนี้เรียกได้ว่าช่องฟรีซยังต้องดริฟซ้าย เพราะอายที่เย็นยะเยือกไม่พอ.... 

     

    มือบางเอื้อมมือไปกระชับกระเป๋าเสื้อผ้าใบโต เมื่อเห็นว่ามีใครกำลังกางร่มฝ่าหิมะมาทางนี้ ร่างบางยืนขึ้นเต็มตัวเมื่อชายในชุดเครื่องแบบพนักงานรักษาความปลอดภัยก้าวมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตู แล้วหันมาทางเขา

     

    “น้องมาทำอะไรที่นี่แต่เช้า” 

     

    พี่รปภ.ทำหน้าไม่ค่อยไว้วางใจ แต่ถึงอย่างนั้นเด็กหนุ่มก็ยิ้มสู้.... แต่ถ้าถามว่าท้อไหม แบคฮยอนตอบเลยว่า มาก

     

    “มาสัมภาษณ์งานน่ะครับ...”  พูดไปก็คลี่เบอร์โทรศัพท์ของคนที่โทรมานัดเขาไว้เมื่อคืนให้ดู

     

    “อ๋อ...ถ้างั้นรอตรงนี้ก่อนนะ ต้องรอให้คนในออฟฟิศเค้ามาก่อน” 

     

    แบคฮยอนเม้มริมฝีปาก....   นึกว่าพี่รปภ.จะใจดีเรียกเขาไปหลบอากาศเย็นในป้อมเสียอีก  เปล่าเลย พี่แกแค่ไขกุญแจหน้าประตู แล้วก็เดินถูมือกลับไปที่ป้อมรปภ.ที่น่าจะอบอุ่นไปด้วยฮีทเตอร์ที่แกเพิ่งเขย่งเปิดมัน.... 

     

    อยากจะครายอิ้ง โนมอร์ โนมอร์

     

    แบคฮยอนร้องเพลงในใจ ทิ้งตัวลงนั่งซบหน้ากับมือเย็น ๆ ที่ม้านั่งยาวหน้าบริษัทอีกรอบ ปล่อยอารมณ์ให้ลอยไปกับเพลง crying ของสี่สาว sistarที่ดังวนอยู่ในหัว เรียกได้ว่าอารมณ์ตอนนี้มันไม่ปกติตั้งแต่ระดับปานกลางจนถึงขีดสุด เพราะนอกจากอาจจะหนาวตายได้แล้ว แบคฮยอนอาจจะได้รับสิทธิ์ในการหิวตายเพิ่มขึ้นอีกประการ

     

    เด็กหนุ่มยกนิ้วขึ้นปาดน้ำตาที่ซึมออกมาจากหางตา นี่ไม่ใช่แค่อยากจะร้องไห้แล้ว เพราะเขากำลังร้องไห้! อยู่ ๆ อะไรบางอย่างก็ดลใจให้นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนขึ้นมาเสียดื้อ ๆเหตุการณ์ปกติประจำวันที่พ่อกับแม่เอาแต่พูดเปรียบเทียบเขากับน้องสาวสุดที่รัก ก็ไม่ได้อยากให้มันประจำใจนักหรอกนะ ไม่ได้อิจฉาอะไร แค่แอบข่มอารมณ์น้อยใจเอาไว้ในส่วนลึกก็แค่นั้นเอง...

     

    เรื่องล่าสุดก็พูดเรื่องเกรดของเขาในเทอมที่ผ่านมาเอามันมาเปรียบเทียบกับโบยอง ทั้ง ๆ ที่ปีนี้เขาก็สอบติดคณะแพทย์ศาสตร์แล้วแท้ ๆ ถึงจะไม่ใช่มหาลัยโซลอย่างที่พ่อแม่หวังไว้ แต่อยู่มหาลัยไหนก็เป็นหมอเหมือนกันไม่ใช่รึไง ?....แต่นั่นก็ไม่เคยถูกนำมาพูดหรือชื่นชมอะไรเลยซักครั้ง...

     

    ทั้งที่พยายามแทบตาย.... 

    เฮ้อ....พูดไปก็ดราม่าสิวขึ้นหน้าฝ้าขึ้นหลังไปซะเปล่า  ๆ

    เพราะงั้นต้องเข็มแข็ง อดทนไว้! ฉันคือใครกัน ฉันคือแบคฮยอนนะโว้ย ! ใครหน้าไหนก็ทำร้ายท่านแบคฮยอนคนนี้ด้วยคำพูดไม่ได้ทั้งนั้น!!

     

    เด็กหนุ่มตะโกนปลอบตัวเองในใจอยู่นานสองนาน ถึงเพิ่งสังเกตเห็นรองเท้าหนังราคาแพงหูดับแบบที่พวกไฮโซเขาใส่กันวางนิ่งอยู่ตรงหน้า แต่พอมองตามเรียวขาขึ้นไปดันไม่ใช่หุ่นนิ่งแฮะ ... 

     

    “...ขอโทษด้วยนะ แต่ว่าฉันมีเงินที่เป็นแบงก์อยู่เท่านี้”   ใบหน้าของชายคนนั้นช่างเศร้าหมอง มือใหญ่วางแบงก์พันวอนไว้บนตักของเด็กหนุ่ม “เอาไปหาข้าวกินซะนะ แล้วอย่ามาเกะกะหน้าบริษัทฉันอีกล่ะ”

     

    เจ้าของน้ำเสียงแหบเสน่ห์นั่นช่างมีน้ำใจกับเขายิ่งนัก....  แต่เดี๋ยวก่อนนะ เมื่อกี้มัน.... 

     

    “เฮ้ย....คุณครับคุณ”  แบคฮยอนลุกขึ้นจากม้านั่งยาวหน้าบริษัท วิ่งตามร่างสูงชะลูดที่กำลังจะผลักประตูเข้าบริษัทไป 

     

    “...อะไรกัน พันวอนไม่พอรึยังไง”  กระซิบเบาๆ แต่ถึงอย่างนั้นแบคฮยอนก็ได้ยินอยู่ดี  นี่มันจะบ้าไปแล้ว! เขาไม่ใช่ขอทานนะ !!

     

    เด็กหนุ่มวิ่งเข้ามาจนประชิดตัว ใกล้ซะจนร่างสูงใหญ่ต้องถอยออกไปอีกสองก้าว แบคฮยอนก้มหน้าหอบแฮ่ก ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ๆ แล้วเงยขึ้นประจันหน้ากับไอ้คนที่คิดว่าเขาเป็นขอทาน...

     

    “ผมไม่ใช่ขอ/เดี๋ยวนะ....” 

     

    “......”  

     

    ทุกคำพูดกลืนหายเข้าปากไป เมื่อร่างสูงใหญ่ยกนิ้วชี้ขึ้นมากลางอากาศ ใบหน้าคมนั่นกำลังยู่ยี่ รวมไปถึงคิ้วหนา ๆ นั่นด้วยที่เริ่มขมวดเข้าหากันโดยอัตโนมัติ แต่ก่อนที่แบคฮยอนจะได้พูดอะไรเพิ่ม ดวงตาเรียวของคู่กรณีก็เบิกโพลง!

     

    “.....เธอคงไม่ใช่....”

     

    “......”

     

    “บยอนแบคฮยอนสินะ......”   ไม่รู้ว่าหนาวจนสั่นหรือยังไง คนที่ยืนตรงหน้าเขาถึงได้ฟันออกปากมาขนาดนี้ และแม้จะไม่อยากให้เขาเป็นบุคคลที่กำลังพูดถึงขนาดไหน.... 

     

    “.....ขอโทษด้วยครับ ที่ใช่.....”  

     

    บยอนแบคฮยอนก็โค้งรับขานชื่อไปเสียแล้ว.....  

     

     



     

    __________________________________________

     




     

    เป็นครั้งแรกที่อู๋อี้ฟานนึกอยากจะตบหน้าตัวเอง... ให้ตายเถอะ! เขาเกือบจะทำเพชรน้ำดีหล่นหายไปแล้วแท้ๆ  เหตุผลง่าย ๆ เลย ก็เพราะว่ามันถูกห่อเอาไว้ด้วยผ้าขี้ริ้วไร้ค่าน่ะสิ นี่ถ้าบยอน แบคฮยอนไม่รั้งเขาเอาไว้เสียก่อน มีหวังเจ้าหลานชายตัวดีได้ถล่มที่ทำงานเขาจนราบเป็นหน้ากองแน่ โทษฐานที่ปล่อยให้ความหวังครั้งสุดท้ายหลุดลอยไป

     

    ร่างสูงเอนกายพิงกับพนักเก้าอี้บุนวมประจำตำแหน่ง มองดูเด็กนุ่มร่างบางที่ซัดข้าวเป็นกล่องที่สามลงกระเพาะ ไม่รู้ว่าไปอดอยากที่ไหนมา ถึงได้ก้มหน้ากินเอาตายอย่างนี้ ขนาดเขาถามอะไรไปนานสองนานกว่าเจ้าตัวจะยอมปล่อยให้ปากว่างเพื่อตอบคำถามเขา...

     

    “....อร่อยไหม....” 

     

    แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมองคนถาม  ร่างสูงที่นั่งอยู่ตำแหน่งประธานของโต๊ะประชุมกำลังกุมมือพลางพยักหน้ามาทางกล่องข้าวของเขา เด็กหนุ่มเม้มริมฝีปากก้มลงมองตาม ก่อนจะพยักหน้ารัว ๆ 

     

    “...ดีแล้วล่ะ....”  อู๋อี้ฟานผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้บุนวมของตัวเอง และกำลังเดินตรงมาทางนี้ พร้อมกับหนังสือบทเล่มเท่าบ้าน แบคฮยอนเคี้ยวข้าวในปาก มองตามมือที่เลื่อนหนังสือมาทางตัวเองอย่างฉงน แต่อีกฝ่ายไม่ปล่อยให้เด็กหนุ่มสงสัยนาน อี้ฟานเริ่มต้นบรรยายเกี่ยวกับรายละเอียดทันที

     

    “นี่บทที่เธอต้องพากย์น่ะ....มันอาจจะ....สยองเล็ก ๆ ”

     

    “......สยอง?”  แบคฮยอนกลืนข้าวลงคอ “....หมายถึงการ์ตูนสยองขวัญหรอครับ...” 

     

    อี้ฟานขมวดคิ้ว  “ก็...ประมาณนั้น”   ร่างสูงยักไหล่ ปัดมือในอากาศเป็นเชิงไม่ให้อีกคนใส่ใจ ทำแค่นั้นเด็กหนุ่มก็กลับไปให้ความสนใจกับข้าวในกล่องที่ตัวเองถือแล้ว...

     

    บางทีเขาอาจจะบอกคนเด็กหนุ่มตรงหน้านี่พลาดไปนิด.... แต่แค่อย่างสองอย่างคงไม่เป็นอะไรหรอกใช่ไหม... 

     

    ว่าแต่...โทรไปก็ตั้งนานแล้ว เมื่อไหร่เจ้าพวกนั้นจะมากันซักที...  

     

     

     

     

    “มาแล้วจ้า!

     

    ไม่ทันขาดคำดี น้ำเสียงสดใสของหนึ่งในสมาชิกวงบอยแบรนด์สุดฮอตก็ตะโกนดังขึ้นมา สำหรับอี้ฟานอาจจะเคยชินกับมันเสียแล้ว แต่สำหรับบยอน แบคฮยอนนั้นไม่เลยซักนิด ดูเหมือนใบหน้าขาวนั่นจะตื่นตระหนกอย่างแรง เมื่อเห็นว่าเป็นใครที่ก้าวเข้ามาในห้อง... 

     

    “...ว....วงXOXO

     

    “รู้จักด้วยหรอ”  อี้ฟานถาม

     

    “ทำไม...เขามาทำไมหรอครับ”  

     

    แบคฮยอนเม้มริมฝีปากแน่น มือก็ควานหาโทรศัพท์ในช่องกระเป๋าของเสื้อโค้ท ขณะที่สมาชิกวง XOXO ทยอยเดินเข้ามาทีละคน เริ่มจากลู่หาน ชานยอล  และรั้งท้ายด้วย เซฮุน....

     

    “...มาช่วยออดิชั่นนายไง....”   อี้ฟานหัวเราะเบา ๆ “ชานยอลเป็นคนที่จะต้องพากย์คู่กับนาย” 

     

    แบคฮยอนพยักหน้าตาเลื่อนลอย...

     

    ถ้าบอกว่าไม่รู้จักคนพวกนี้เลยก็ดูจะมุสาไปนิด ก็รอบห้องของยัยน้องสาวตัวแสบของเขา ถูกกลืนไปด้วยรูปคนพวกนี้จนแทบไม่เหลือพื้นที่ให้ผนังบ้านหายใจ มือบางกำโทรศัพท์แน่น หวังใจจะเอามันขึ้นมาถ่ายรูปตัวเองกับวง XOXO แล้ว...แต่ก็มีอันต้องเก็บมันลงไป....เมื่อนึกได้ว่าไม่มีบ้านให้กลับแล้ว...

     

    ใบหน้าขาวที่เหี่ยวฟีบลงเรียกความสนใจจากคนมาใหม่ได้เป็นอย่างดี ร่างสูงโปร่งสมาชิกเมน           แร็ปของวง XOXO ทิ้งตัวลงนั่งที่ฝั่งตรงข้าม มองดูคนร่างบางที่เริ่มตักข้าวในกล่องใส่ปากอีกครั้ง และดูเหมือนมนุษย์คนนั้นจะละความสนใจจากพวกเขาไปโดยสิ้นเชิง..

     

    “ยินดีที่ได้รู้จัก  แบคฮยอนใช่ไหม...ผมลู่หานนะ....ส่วนนี่เซฮุน.....”   

     

    ชานยอลกรอกตามองเพดานทันทีที่เห็นเพื่อนร่วมวงเริ่มเอาตัวไปจุ้นจ้านกับเด็กนั่น แต่ความร่าเริงของลู่หาน หรือ เสี่ยวลู่คนน่ารัก(ที่แฟนๆเรียก) กลับไม่มีผลอะไรกับเด็กแบคฮยอนทีเอาแต่กินนั่นเลย... 

     

    “....แล้วเมื่อไหร่จะได้เริ่มซักที”

     

    ก็เลยเป็นเขาที่ต้องโพลงออกมา ชานยอลสบตากับร่างบางเพียงครู่ แต่เด็กนั่นก็หันกลับให้ความสนใจแต่กับกล่องข้าว!   ปกติคนที่เขามาสัมภาษณ์งานต้องทำตัวมาให้พร้อมไม่ใช่รึไง ? แล้วดูสภาพเด็กนั่นสิ ตั้งแต่หัวจรดเท้ามีอะไรที่มันใกล้เคียงคำว่าดูดีบ้างไหม ? ทั้งเสื้อผ้าลุ่ย ๆ หน้าตาซีดเซียว ดวงตาโหล ๆ แล้วยังท่ากินมูมมามอะไรนั่น....ดูเหมือนขอทานมากกว่ามาพากย์หนังเสียอีก

     

    “ให้เวลาแบคฮยอนเค้าหน่อยสิชานยอล ดูเค้าหิวมาเลยนะนั่น”  ลู่หานชะโงกหน้ามาจากฝั่งเดียวกับแบคฮยอน ยังจะแก้ตัวให้กันอีก....

     

    ร่างสูงผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ของตัวเอง เห็นทีนั่งอยู่ตรงนี้คงจะกดดันไม่พอ ก็เลยย้ายตัวเองเดินอ้อมไปหยุดอยู่ข้าง ๆ คนร่างบาง ดวงตาคมทอดมองต่ำลงไปในขณะที่ดวงตาเรียวคู่นั้นเสยมองขึ้นมา

     

    “ยังไงก็กินไป อ่านบทไป ก่อนแล้วกันนะ”  มือหนาของอี้ฟานพลิกบทส่ง ๆ แล้วเลื่อนไปใกล้ ๆ แบคฮยอนให้มากยิ่งขึ้น เด็กหนุ่มหันไปสนใจกับบทที่เปิดค้างเอาไว้อีกครั้ง ดูเหมือนท่านประธานอู๋จะพยายามทำให้สถานกาณ์เป็นไปในทางที่ดี... แต่ทว่า..

     

    “แค่ก ๆ ๆ ๆ”

     

    มือบางเลื่อนขึ้นมาปิดปากตัวเอง แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะข้าวที่ยังเคี้ยวไม่ละเอียดทั้งหมดในปากมันพุ่งไปปะทะคนที่อยู่ใกล้ที่สุดเสียหมด แบคฮยอนนั่งมองเศษไก่เทริยากิที่ค่อย ๆ แปะอยู่บนกางเกงยีนส์ราคาแพงราวกับจับวาง  รอยเปื้อนเปรอะเป็นคราบวงใหญ่ แต่มันคงไม่น่าโมโหอะไรเท่าไหร่ถ้ามันไม่ได้เปรอะในจุดที่สำคัญอย่างนี้

     

    “เฮ้ย...ผมขอโทษ....”  

     

    แบคฮยอนละล้าละลัง เอื้อมไปหยิบกระดาษทิชชู่ที่อยู่ใกล้ตัวมาปัดเศษข้าวจากปากของเขา ที่อยู่บนเป้าของชานยอลอย่างลนลาน แต่นั่นยิ่งทำให้อีกฝ่ายโมโห  มือใหญ่ปัดมือของเด็กหนุ่มทิ้งอย่างไม่ใยดี ดูเหมือนใบหน้าที่ติดจะรังเกียจเขาเป็นทุน จะยิ่งบันดาลโทสะมากขึ้นอีก

     

    “...............”     

     

    ดูเหมือนความอดทนของชานยอลจะมาถึงขีดสุดแล้ว  มือใหญ่เอื้อมไปหยิบหนังสือบนมาเปิดหน้าที่เขาคุ้นเคย ก่อนจะวางกระแทกลงบนกล่องข้าวที่อยู่ตรงหน้าคู่กรณี

     

    “ฉันจะไม่รอแล้ว....นายจะต้องพากย์ตามบทนี้ เดี๋ยวนี้!” 

     

    แบคฮยอนไล่สายตาไปตามบทพากย์ที่อีกฝ่ายประเคนมาให้  ดูเหมือนหมอกพรางตาจะจางลงไปถนัด เมื่อเขาได้เห็นเสียงครางผ่านตัวหนังสือนั่น.... และไม่ทันที่จะได้ตั้งตัวอะไรอีก นิ้วเรียวยาวของสมาชิกเมนแร็ปก็จิ้มลงมากลางหน้ากระดาษ บรรทัดที่เขาไม่อยากจะเชื่อเป็นที่สุด.... T_T 

     

    จองอีวอน (จิ้งจอกน้อย)  “อือ....อ้ะ..ฮะ....อื้อ อื้อ อื้อ...แรงอีก.....แรงอีก...แรงอีกนะครับฮยองนิม” 

     

    แบคฮยอนตาเหลือก....  จิ้งจอกน้อย... จิ้งจอกน้อย....หมอนี่จะให้เขาพากย์เป็นจิ้งจอกน้อยงั้นหรอ แล้วอะไรคือเสียงครางแบบนั้น  นี่พวกนายพากย์เสียงการทารุณกรรมสัตว์ป่าสงวนกันอยู่หรือยังไง..

     

    ถึงแม้จะรู้ในใจว่าเป็นบทพากย์อะไร แต่เด็กหนุ่มก็ยังทำใจไม่ได้  ทำใจไมได้...

     

    “ผมมาแคสงานไททั่น....แล้วทำไม”     

     

    “ผมยังไม่ได้บอกซักคำว่าเรียกคุณมาแคสงานไททั่น”  อู๋อี้ฟานแก้ความเข้าใจผิดให้กับเด็กหนุ่มที่นั่งหน้าเหี่ยวอยู่ข้าง ๆ 

     

    “แต่เดโมที่ผมส่งไปเป็น...ระ...เรื่องไททั่น...แล้ว ช่วงนี้บริษัทคุณก็เปิดรับสมัครนักพากย์เรื่องนี้...แล้ว.....”

     

    “แล้วมีตรงไหนของประโยคบ้างที่ผมบอกว่าให้คุณมาแคสงานไททั่น....”   อี้ฟานย้ำอีกที

     

    ชานยอลมองคนที่นั่งน้ำตาคลอด้วยความรู้สึกสมเพช  สรุปว่าหมอนี่เข้าใจผิดไปหมดเลยสินะ แต่จะโทษหมอนี่คนเดียวก็คงไม่ถูก ก็ผู้ชายดี ๆ ที่ไหนเขาจะอยากมาพากย์การตูนเกย์กันล่ะ...    คงต้องโทษอาของเขาด้วย ที่บอกรายละเอียดไม่หมด

     

    แต่ถึงอยากนั้น....เขาก็อยากได้เสียงแบบหมอนี่อยู่ดี

     

    “สรุปจะเอายังไง....” 

     

    แบคฮยอนมองหน้าคนที่เอ่ยปากถาม....  ในใจก็ประมวลผล บวกลบคูณหารแทบตาย  อยากจะร้องไห้ สรุปว่าที่เขาทิ้งบ้านมาสู้ชีวิตที่นี่ ก็เหมือนกับคว้าน้ำเหลว คว้าอากาศแบบนั้นสินะ...  

     

    ถ้ากลับบ้านตอนนี้จะยังทันไหมนะ....

    แม่คงไม่สงสัยอะไรมาก....

     

    “ผม...ทำไม่ได้....ไม่ทำ....ผมไม่ได้มาเพื่อพากย์อะไรแบบนี้”    แบคฮยอนตอบเสียงแข็ง เป็นคนตอบที่คนฟังได้ยินแล้วถึงกับเส้นเลือดปูด ชานยอลหัวเราะหึในลำคอ ก่อนจะก้มหน้าลงมาให้ใกล้กันมากยิ่งขึ้น

     

    “อยากจะเป็นนักพากย์ แต่บทแค่นี้พากย์ไม่ได้...”  ดวงตาคมมองเหยียดเข้ามาจนถึงจิตใจ “....ยังไม่ทันจะดังก็เลือกงานซะแล้วหรอ....” 

     

    “........”

     

    “พี่อี้ฟานหาคนใหม่เตรียมไว้ได้เลย....คนนี้ผมพลาดเอง....” 

     

    น้ำเสียงผิดหวังดังขึ้น และในขณะที่ร่างสูงจะเดินออกไปนั่นเอง....  

     

    กึก..!

     

    เหมือนได้ยินเส้นอะไรขาดผึ่ง..  แต่ตอนนี้ไม่ใช่อารมณ์จะมาสนใจมันแล้ว นี่แค่ไม่พากย์บทนี้ถึงกับต้องพูดจาเหยียดหยามกันเลยหรอ !  แบคฮยอนขมวดคิ้ว เม้มริมฝีปากแน่น เผลอเอื้อมมือออกไปคว้าชายเสื้อคนที่เพิ่งหยามตัวเองโดยไม่รู้ตัว

     

    ทน...ไม่ไหวแล้ว........ 

     

    “เดี๋ยวครับ...”

     

    “....อะไรอีก”  ชานยอลกรอกตา

     

    “ก็ได้.....ก็ได้ครับ”

     

    “หืม?.....”

     

    “ผมจะพากย์เรื่องนี้.....”

     

    “ก็ดีนี่.....” 

     

    ดูเหมือนแบคฮยอนจะเสียรู้คนพวกนี้ซะแล้ว ก็รอยยิ้มพอใจที่มุมปากหยักนั่นเป็นหลักฐานได้อย่างดี  โอ้ย!!! ไอ้บ้าแบคฮยอน ทำอะไรใจร้อนแบบนี้อีกแล้ว !!!   ร่างบางนึกอยากจะทึ้งหัวตัวเองวันละหลาย ๆ หนที่แก้นิสัยไม่ยอมคนแบบนี้ไม่ได้ซักที 

     

    “งั้นมาเริ่มพากย์กันเลย....” 

     

    ร่างสูงทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ เขาหน้าตาเฉย ราวกับประโยคเมื่อกี้พูดว่า กินข้าวกันเถอะ แต่มีหรือแบคฮยอนจะยอม ก็ดูบทอัศจรรย์พวกนี้สิ จิตใจหมอนี่มันทำด้วยอะไรกัน จะให้มาครางอื้อ ครางอ้า ต่อหน้าคนตั้งสามสี่คนเนี่ยนะ ! 

     

    “...แต่ไม่ใช่ตรงนี้.....”  

     

    แบคฮยอนเป็นคนยื่นข้อเสนอ แต่ก็ดูเหมือนคนฟังจะเห็นด้วย เพราะงั้นปาร์คชานยอล ถึงได้หันไปหาเพื่อนอีกสองคนที่เพิ่งย้ายตัวเองไปนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ที่โซฟาหลังห้อง มือใหญ่กระชับแว่นตาที่อยู่บนหน้าก่อนจะตะโกนออกมาเสียงดัง

     

    “พวกนายไม่มีอะไรทำกันแล้วรึไง” 

     

    “มี...แต่อยากอยู่ด้วยไม่ได้รึไง....”  

     

    เป็นลู่หานที่ตอบคำถาม  ส่วนเจ้าน้องเล็กของวงน่ะหรอ  ก็ได้แต่เงียบอย่างเดียว... 

     

    “แน่ใจนะ ว่าอยากจะอยู่....”  พอเห็นหน้าไอ้คนกระตุ้นไม่ไปอย่างเซฮุนแล้ว ก็พาลนึกได้ว่าควรจะใช้หมอนี่นั่นแหล่ะ 

     

    “........อยากดิ”

     

    “ชอบจังเลยนะ....เสียงครางของคนอื่นเขาน่ะ”  ปาร์คชานยอลปราดตามองเซฮุนทันทีที่จบประโยค และไม่ต้องปล่อยให้เกิดปฏิกิริยาฟิวชั่นหรืออะไร เพราะดูเหมือนเซฮุนจะทำในสิ่งที่เขาต้องการแทบจะในทันที   น้องเล็กของวงเอื้อมมือปิดหูคนจีนที่อยู่ข้าง ๆ ก่อนจะก้มลงกระซิบอะไรบางอย่าง

     

    “พวกผมจะไปช้อปปิ้งกัน....ถ้างั้นลาล่ะ” 

     

    จบคำก็ถูลู่ถูกังกันออกไปโดยที่คนหน้าหวานดูเหมือนจะไม่ค่อยเต็มใจซักเท่าไหร่ เสียงเก้าอี้บุนวมเลื่อนออกเล็กน้อยดังขึ้นข้าง ๆ หู อี้ฟานก็ลุกออกไปอย่างรู้หน้าที่เหมือนกัน ความเงียบสงบกลับคืนสู่ห้องประชุมอีกครั้ง เพราะตอนนี้ไม่มีใครแล้ว นอกจากเขากับเด็กแบคฮยอน

     

     

     

    “ตามมานี่”

     

    ชานยอลลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะก้าวนำร่างบางที่ดูกล้า ๆ กลัว ๆ เข้ามาในห้องสำหรับอัดเสียงพากย์ เขาผลักประตูที่เชื่อมกันระหว่างห้องประชุมออก กดรีโมทเพื่อเปิดแอร์ ก่อนจะเดินไปค้นแผ่นอะไรบางอย่างที่เคาน์เตอร์สำหรับเก็บซีดีที่มุมห้อง

     

    “นั่งตรงโน้น”

     

    แบคฮยอนมองตามมือที่ชี้ไปยังโต๊ะทำงาน แล้วก็ต้องตาโต...  นี่มันสถานที่ในฝันชัด ๆ !!   ร่างบางแถบจะถลาเข้าไปหาหูฟังราคาแพงทันที หน้าจอแอลซีดีก็ปกติดีแต่ทำไมเวลานี้มันถึงได้ระยิบระยับแสบตาไปหมด ไมค์ไดนามิกซ์นั่นอีก เป็นแบบจับเสียงได้แม้กะทั่งมดเยี่ยวแบบที่เขาดูกี่เที่ยวในเว็บก็ไม่เบื่อ

     

    อาห์....ในที่สุด.....ก็ได้มาสัมผัสของจริงแล้ว.... 

    ตายตาหลับแล้วครับ...

     

    ชานยอลเดินเข้ามาในโซนทำงานพร้อมกับซีดีซาวน์ประกอบกับขวดน้ำอีกหนึ่งขวด  เขาวางมันไว้ตรงหน้าคนที่กำลังดี้ด้าเกินเหตุ... น่าหมั่นไส้ เมื่อกี้ยังทำท่าเหมือนจะตายอยู่แล้ว แล้วดูตอนนี้สิ ทำเหมือนกับจะขโมยขาตั้งไมค์กลับบ้านไปซะอย่างนั้น

     

    “ทำอะไรน่ะ....” 

     

    แบคฮยอนสะดุ้งสุดตัว ผละหน้าตัวเองออกจากไมค์แพงระยับทันทีที่เห็นอีกคนกำลังทิ้งตัวลงนั่ง ร่างสูงที่อยู่ข้าง ๆ กำลังง่วนอยู่กับการเปิดอุปกรณ์เครื่องเสียง แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แบคฮยอนกลับรู้สึกได้ถึงรังสีแห่งการดูถูก  มือบางเอื้อมไปหยิบหนังสือบทมาอ่านคร่าว ๆ อย่างน้อยๆก็ไม่อยากรู้สึกเหมือนเป็นตัวถ่วง...

     

    เกลียดที่สุดเวลาโดนมองด้วยสายตาเหยียดหยามแบบนั้น....

     

    “แล้ว...ผมต้องทำยังไงบ้าง”  กลั้นใจถามออกไป คราวนี้ร่างสูงไม่ได้ทำท่าทีรำคาญอะไร มือใหญ่เพียงแค่เลื่อนหูฟังมาทางเขา  พอมองไป เจ้าตัวก็กำลังสวมหูฟังอยู่เหมือนกัน

     

    “บทของนายคือ จองอีวอน ” นิ้วเรียวยาวกดลงบนตัวอักษรที่หน้ากระดาษของแบคฮยอน “ส่วนฉันคือ มูกยอล  ” 

     

    “...แล้ว....”

     

    “...งานที่เราทำเป็นดราม่าซีดี....”   ชานยอลดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้มเอื้อมมือไปใส่แผ่นซีดีแล้วกดปุ่ม PLAY  “ถึงมันจะคล้าย ๆ พากย์การ์ตูน แต่นายต้องจำเอาไว้ ว่าไม่มีเสียงต้นฉบับ ไม่มีภาพเคลื่อนไหว” 

     

    “........”

     

    “ต้องอาศัยจินตนาการมากเป็นพิเศษ” 

     

    “.......”

     

    “เดี๋ยวจะทำให้ฟังก่อนเป็นตัวอย่าง....”    

     

    แบคฮยอนมองตาม คนข้าง ๆ กำลังเปิดฝาขวดน้ำเปล่าที่อยู่ตรงหน้า เทมันลงใส่ฝ่ามือเพียงเล็กน้อย ก่อนจะหันมาทางเขา 

     

    “ใช้หูของนายฟังเสียงฉันให้ดี ๆ ล่ะ....”

     

    “......อ...อืม......”  แบคฮยอนพยักหน้าพลางหลับตาลง เขาปิดประสาทการรับรู้ทุกอย่างและตั้งใจเปิดรับสิ่งที่คนข้าง ๆ ต้องการให้ฟัง... 

     

    เสียงเปียโนค่อย ๆ บรรเลงเป็นแบล็กกราวน์เบา ๆ คลอไปกับเสียงหอบหายใจที่ดังมาจากที่ไหนซักแห่ง  แบคฮยอนรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดค่อย ๆ ดังขึ้น สลับกับลมหายใจถี่ระรัว  น้ำเสียงแหบพร่าที่ดังข้าง ๆ หูทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังโดนกลืนกินเข้าไป

     

    “จิ้งจอกน้อย.....”  

     

    เสียงกระซิบแหบพร่าที่เร้าไปด้วยอารมณ์ต้องการทำให้แบคฮยอนถึงกับขนลุก หัวใจมันเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นเอื้อมมาบีบเบา ๆ

     

    “...จิ้งจอกน้อย...อา.....”

     

    “...............”

     

    “ดูเหมือนฉันจะเจอจุดที่นายอ่อนแอแล้วสิ....” 

     

    “.........”

     

    “ร้องออกมาสิจิ้งจอกน้อย......เหมือนทุกที ?....” 

     

    แบคฮยอนได้ยินเสียงเนื้อกระทบกันเบา ๆ ราวกับจะฟาดฟันกันด้วยผิวสัมผัส เสียงน้ำหล่อลื่นชื้นแฉะดังก้องไปทั่วทั้งสมอง ราวกับเห็นภาพตัวเองกำลังนอนอ้อนวอนขอให้ทำแรงขึ้นอีก.... ขึ้นอีกอะไรกันวะเว้ย !!!!!!!!!!! 

     

    ดวงตาเรียวเบิกโพลงขึ้นมา รู้สึกเหมือนโดนเอารองเท้าตบหน้าก็ไม่ปาน เมื่อหันมาเจอต้นเหตุของเสียงลามก กำลังประกบมือที่เปียกน้ำของตัวเองเข้าด้วยกัน..... แล้วนี่เมื่อกี้เขารู้สึกกับมือสองข้างกับออฟชั่นน้ำเปล่าของปาร์ค ชานยอลหรอวะเนี่ย...

     

    มือบางทึ้งหัวตัวเอง...

     

    “ก็ประมาณนี้.....ไหนลองทำเสียงจองอีวอนบ้างสิ” 

     

    “......ห๊ะ”

     

    “...........ทำ-เสียง-อี-วอน

     

    “อะ...เอ่อ” 

     

    “.....เร็วสิ...”

     

    แบคฮยอนก้มหน้ามองบทของตัวเอง  สูดลมหายใจเข้าปอดครู่หนึ่ง กลั้นไว้ที่ปอด ก่อนจะผ่อนออกมา

     

    “....อือ....อา....โอ้ว ดีมากครับ ฮยองนิม”

     

    “......”

     

    “อือ ฮยองนิมครับ ฮยองนิ.../  พอ...”

     

    “ห๊ะ....?”

     

    “ฉันบอกให้พอ”  ชานยอลชูมือขึ้นมาห้านิ้ว ทำท่าสต๊อปปุอยู่ข้าง ๆ “เสียงทื่อขนาดนี้ ใครจะไปรู้สึกอะไรกับเสียงของนาย....”

     

    “........ก็ผม...” 

     

    “ไม่เข้าใจหรอ....เรากำลังมีเซ็กส์กันอยู่นะ...”

     

    แบคฮยอนตาโตกระเถิบเก้าอี้ตัวเองออกห่างร่างสูงโดยอัตโนมัติ...  มีเซ็กส์งั้นหรอ.... มีเซ็กส์อย่างงั้นหรอ !!!! หมอนี่มันพูดเรื่องแบบนี้ได้หน้าตาเฉยเลยรึยังไง ทั้งๆที่เขาก็เป็นผู้ชายเหมือนกับมันเนี่ยนะ !!  

     

    “....เลิกทำหน้าอีโนเซ้นท์ซักที...ไม่เข้าใจรึยังไงเกี่ยวกับงาน...” ดวงตาคมกรอกไปมา “ถ้าขืนฉันเอากับนายจริง ๆ แล้วนายครางแบบนี้ออกมา ฉันคงฟ่อตั้งแต่ยังไม่ได้โตเลยล่ะมั้ง”

     

    “....แต่มันไม่ใช่...”

     

    “ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น !....หน้าที่ของนายคือเป็นจองอีวอน นายต้องจินตนาการว่าเราเอากันอยู่ ! และนายรู้สึกดีมาก...มีความสุข เสียว กระสันต์ อะไรก็ได้นั่นเป็นเรื่องของนาย แต่นายห้ามทำให้ฉันฟ่อ”

     

    “.......” 

     

    แบคฮยอนเม้มริมฝีปากกแน่น.....   ในใจนึกอยากจะวิ่งออกจากบริษัทบ้า ๆ นี่ไปทีละหลาย ๆ รอบ ถ้าไม่ติดว่าตกปากรับคำว่าจะลองดูซักตั้งแล้วล่ะก็.... 

     

    “ผมจะลอง....”

     

    “ลองได้เมื่อไหร่ก็ออกไปเรียกแล้วกัน  จะไปหลับรอ....” 

     

    สวนขึ้นมาทั้งที่อีกฝ่ายยังพูดไม่จบดีด้วยซ้ำ  เหอะ...น่ารำคาญเป็นบ้า... แบบนี้ไงเขาถึงไม่อยากได้มือสมัครเล่น...

     

    ปัง !

     

    แบคฮยอนมองตามร่างสูงที่ผุดลุกขึ้น แล้วกระแทกประตูออกไปเมื่อครู่   ก่อนใบหน้าขาวจะก้มลงมาจดจ่อกับบทที่ตัวเองได้รับอีกรอบ... 

     

    จะทำไงดีวะเนี่ย... ทำไมแค่ครางมันถึงได้ยากเย็นขนาดนี้....  

     

    .




    .

    .

    .

     

     

    ดวงตาคมกระพริบถี่ ๆ ในความมืด  ลืมตาขึ้นมาก็พบว่ายังเห็นแสงไฟสลัวลอดออกมาจากห้องพากย์เสียง ขายาวเหยียดตรงเพื่อบิดขี้เกียจ ก่อนจะลุกออกมาจากโซฟารับแขกที่ห้องประชุม  เดินดุ่ม ๆ เปิดประตูไปชะโงกหน้ามองคนที่นั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่หน้าไมค์โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้สึกตัวเลยซักนิด

     

    ยังไม่เลิกทำเสียงทุเรศ ๆ นั่นอีก....   

     

    ชานยอลย่องออกจากห้องนั้นมาเงียบ ๆ  ก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าตู้กดน้ำอัดลม บางทีเด็กนั่นอาจจะยังไม่ได้รับการกระตุ้นที่ถูกต้อง เลยทำให้ดูเหมือนหัวสมองยังไม่ปลดล็อคอย่างนั้น แต่โดยรวมแล้วก็สอบผ่านเรื่องหัวดื้อ กับ มีความพยามสูง... 

     

    เอาเป็นว่า ลองกันซักตั้งแล้วกัน... 

     

    “คุณชานยอลครับ” 

     

    เสียงตะโกนดังมาจากที่ไกล ๆ ก่อนภาพรปภ.วิ่งกระหืดกระหอบจะใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนหยุดอยู่ตรงหน้า “ยังไม่กลับหรอครับคุณชานยอล”

     

    “ทำไม..นายจะกลับแล้วหรอ” พอเห็นพี่คิมมันถึงได้นึกออกว่านี่คงจะดึกมากแล้ว ร่างสูงยกแขนขึ้นพลิกดูนาฬิกาที่ข้อมือ “สามทุ่มกว่าแล้วนี่...แล้วคนอื่น ๆ ล่ะ”

     

    “กลับไปหมดแล้วล่ะครับ....”

     

    “........ถ้างั้นนายก็กลับบ้างสิ” 

     

    “แต่คุณชานยอล....”

     

    “ไม่เป็นไรหรอก.....เอากุญแจมาก็ได้” 

     

    ร่างสูงรับกุญแจมาจากรปภ.คิมมันคนขยันมาไว้ในมือ ก่อนจะยืนมองดูร่างหนานั่นวิ่งหายไปกับความมืด  เขากลับมาให้ความสนใจกับเจ้าตู้กดน้ำอัดลมอีกครั้ง...  เด็กนั่นจะกินน้ำอะไรนะ....  ชานยอลยืนเลือกอยู่สักพัก ก็รู้สึกรำคาญตัวเองขึ้นมาตงิด...  

     

    น้ำอะไรมันก็น้ำเหมือนกันนั่นแหล่ะ ! 

    ช่างมัน กดมาให้หมดนี่ล่ะ....  

     






     

    __________________________________________

     




     

     

    “....อือ....อา....โอ้ว ดีมากครับ ฮยองนิม”

     

    “.....ผม รู้สึก ดี มาก เลย อา...อือ....”

     

    “อือ...อา.......”

     

    ปึก !

     

    กระป๋องน้ำอัดลมสี่ห้ากระป๋องกระแทกลงตรงหน้า ทำเอาคนที่กำลังตั้งอกตั้งใจส่งเสียงครางให้เกิดอารมณ์ถึงกับสะดุ้งสุดตัว แบคฮยอนนึกว่าคนร่างสูงนี่กลับบ้านไปแล้วแท้ ๆ แต่ไหงมาอยู่ตรงนี้ แถมมีน้ำใจเอาน้ำมาส่งกันถึงที่ด้วยล่ะเนี่ย

     

    “.....เอ่อ....ขอบคุณครับ....อันไหนของผม”  

     

    “อยากกินอันไหนก็กิน.....” 

     

    ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เหอะ แต่ไอ้คนมีน้ำใจมันดันหยิบกระป๋องที่แบคฮยอนหมายตาไว้ไปเปิด กระดกแล้วทิ้งตัวลงนั่งไขว้ห้างข้าง ๆ เขาซะอย่างนั้น....   แถมยังจ้องมาไม่วางตา นี่ถ้าตัวระเบิดเป็นโกโก้ครั้นซ์ได้ คงระเบิดไปแล้ว....ไม่ใช่เขินนะ แต่มันอึดอัด

     

    “....พร้อมรึยัง ฉันว่าฉันให้เวลานายมามากพอแล้วนะ....”

     

    แบคฮยอนสำลักน้ำสไปร์ท

    .....ถ้าจะพูดแบบนี้จะมาถามว่า พร้อมหรือยัง หาพระเผือกอะไรกันล่ะ

     

    “.......เร็ว ๆ ”

     

    “เอ่อ....ครับ”    เด็กหนุ่มวางกระป๋องน้ำอัดลมลง ก่อนจะเริ่มอ่านบทสนทนาที่อยู่ในมือ

     

    “......”

     

    “อ....อือ....อา....โอ้ว ดีมากครับ ฮยองนิม”  แบคฮยอนเปล่งเสียงออกไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ...  ตาก็ลอบมองคนที่อยู่ตรงหน้าไปด้วย  ทำให้ยิ่งมันติดขัด ตะกุกตะกักกันเข้าไปใหญ่

     

    “....อือ...ฮยองนิม....อะ ...ฮยองนิ.....”

     

    “นี่ดีสุด ๆ แล้วหรอ....”  ดูเหมือนจะไม่สาแก่ใจคนฟังเลยซักนิด แบคฮยอนเม้มริมฝีปากทันทีที่อีกฝ่ายสวนขึ้นมา

     

    “ก็มัน.....”

     

    “นี่ถามจริง ๆเหอะ”  คนตรงหน้าเริ่มเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มอีกแล้ว ใบหน้าคมนั่นยื่นเข้ามาใกล้จนหน้าผากเราแทบติดกัน แต่แบคฮยอนไม่มีอารมณ์มาเขินอายอิยา อิยาอะไรทั้งสิ้น เพราะงั้นถึงได้จ้องตาตอบอย่างเอาเป็นเอาตายเหมือนกัน

     

    “........”

     

    “นายไร้เซ้นท์....หรือ เป็นเวอร์จิ้นไม่ทราบ...” 

     

    “อ.....อะ....”  แบคฮยอนอ้าปากพูดอย่างลำบาก .... แม่งพูดแบบนี้ได้ไงวะ ! 

     

    “ว่ายังไง” 

     

    “ค...ใครเค้าพูดเรื่องแบบนี้กัน...”

     

    “จะมาเหนียมอายอะไรไม่ทราบ....”  ร่างสูงกรอกตาไปมา  รู้ว่ามันไม่ตลกซักนิด แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจะพูดไม่ได้.....  ทั้ง ๆ ที่มันเป็นเรื่องธรรมชาติของผู้ชายแท้ ๆ  “...ฉันจะให้นายจินตนาการ  เวลาที่มีอะไรกับแฟนนายมันสุดยอดแค่ไหน ก็แค่ครางออกมาแบบนั้น....”

     

    “........”  แบคฮยอนเม้มริมฝีปาก ขมวดคิ้วเข้าหากัน 

     

    “....หรือว่า....”  ดวงตาคมหรี่ลง “ไม่เคยมีอะไรกับแฟน......” 

     

    “.........ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาพูดเลยครับ...”

     

    “เฮ่อ.....”   ชานยอลถอนหายใจออกมาอย่างเซ็ง ๆ ...อยากจะบ้า  นี่อ่อนหัดไปซะหมดเลยรึไง คน ๆ นี้   “เอาอย่างนี้.....ช่วยตัวเอง”

     

    “ครับ ?....”

     

    “ช่วยตัวเองได้ไหม...”

     

    “ได้ครับ...อะ....ห๊ะ....อะไรนะ...” 

     

    “ช่วยตัวเองตรงนี้......เดี๋ยวนี้เลย”  

     

     

     

    แบคฮยอนรู้สึกราวกับโลกทั้งใบถล่มลงมาตรงหน้า  เด็กหนุ่มกระเถิบออกจากร่างสูงทันทีที่สมองประมวลผลจบ แต่กลับไปไหนไม่ได้ไกล เพราะแขนแกร่งที่รั้งข้อมือเขาเอาไว้  ไม่อยากจะเชื่อเลย แบคฮยอนไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสิ่งที่น้องสาวเขาจิ้นจะเป็นจริง.... ปาร์ค ชานยอลอะไรนี่ไม่ปกติจริง ๆ !!!

     

    “จะไปไหน....แล้วคิดอะไรทำไมทำหน้าแบบนั้น”

     

    “ไม่....ไม่ผมไม่ทำแน่ ๆ ไม่”

     

    “....เจอแค่นี้ก็เลิกแล้วหรอ......ป๊อดว่ะ”  ร่างสูงปล่อยข้อมือของเขาออกจากพันธนาการ ก่อนจะกรอกตาไปมาแบบที่แบคฮยอนเห็นแล้วโคตรจะไม่ชอบ... 

     

    กึก !.... 

     

    ดูเหมือนเส้นอะไรบางอย่างจะขาดผึ่งอีกแล้ว....  

     

    “....งั้นหันไปเลย!! ผมจะทำ!!!” 

     

    ชานยอลหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ทั้ง ๆ ที่โดนตะโกนใส่หน้าด้วยซ้ำแต่กลับไม่รู้สึกโกรธอะไรเลย  ร่างสูงหมุนเก้าอี้หันหลังให้เด็กหนุ่มที่กำลังยืนหอบหายใจด้วยอารมณ์โทสะ  ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิด app กดอัดเสียงเอาไว้โดยที่ไม่บอกให้อีกฝ่ายรู้

     

    แบคฮยอนถอนหายใจออกมา  อยากจะตบปากตัวเองแรง ๆ ซักที เสียเพราะคำพูดไม่ทันยั้งคิดของตัวเองอีกแล้ว..... 

     

    แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น เด็กหนุ่มก็หมุนเก้าอี้ตัวเองไปอีกข้าง หลับตาปี๋ ปลอบใจตัวเองอยู่ซักพัก ก่อนจะตัดสินใจค่อย ๆ ปลดกระดุมกางเกงยีนส์ที่ตนใส่ทีละเม็ด... 

     

    “ห้ามแอบดูนะครับ...”

     

    “ใครจะไปอยากดู....” 

     

    ชานยอลสวนขึ้นมาแทบจะในทันที  ใครจะไปอยากดูของผู้ชายด้วยกัน บ้ารึเปล่า....เขาก็แค่อยากให้เด็กนั่นได้ยินเสียงตัวเองตอนที่มีอารมณ์จริง ๆ ก็เท่านั้น ใครจะไปคิดอะไรกับคนจืดชืดไร้เสน่ห์อย่างหมอนี่ได้....แต่เห็นหน้าก็กามตายด้านแล้ว... 

     

    “.......................”

     

    “..........................”

     

    ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปกี่นาทีที่ห้องทั้งห้องเงียบสงัดลง ไม่มีใครเถียงใครอีก จะได้ยินก็แค่เสียงลมหายใจแผ่ว ๆ ที่ลอยมากับอากาศ นานจนชานยอลแทบจะหลับไปแล้วด้วยซ้ำ เขาเกือบลมไปแล้วว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ตอนนี้  ถ้าไม่ได้เสียงครางเบา ๆ มาเตือนสติ ก็คงจะลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้ว...

     

    “อ....อ๊ะ.....”

     

    เสียงครางผะแผ่วที่เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากไร้เสน่ห์นั่น บัดนี้กลับตรึงให้ร่างสูงนั่งนิ่งอยู่กับที่ ชานยอลได้ยินเสียงเนื้อผ้าเสียดสีกัน ทายว่าคงจะเป็นนิ้วมือเล็ก ๆ นั่นที่พยายามบดขยี้ความรู้สึกให้ถึงฝั่ง แต่ก็ราวกับกำลังทรมานตัวเองไปด้วยกลาย ๆ 

     

    “ฮึก......อื้อ....” 

     

    ใช่แล้ว....เสียงแบบนี้นั่นแหล่ะที่เขาต้องการ   ร่างสูงกำไอโฟนในมือแน่น ยิ่งเสียงของคนด้านหลังแหบพร่าราวกับจะร่ำร้องมากเท่าไหร่ ดูเหมือนว่าเขา....... 

     

    จะรู้สึกไปด้วย...

    อย่างนั้นหรอ.....เขารู้สึกไปด้วยงั้นหรอ.... 

     

    “อ๊ะ...อ๊ะ....อ๊า.....ฮ๊า ...แฮ่ก......อื้อออ”  

     

    ชานยอลหลับตาแน่น....  ไม่รู้ว่าเป็นเสียงครางที่ใกล้เข้ามา หรือ ดังขึ้นกันแน่ แต่ดูเหมือนหัวใจเขาจะเต้นไปตามจังหวะที่อีกคนสร้างเอาไว้โดยไม่รู้ตัว  เหงื่อในมือดูเหมือนจะชุ่มขึ้นเรื่อย ๆ พอ ๆ กับเสียงของความเหนอะหนะที่ดังประสานกับเสียงครางนั่น...

     

    “หยุด!

     

    “....อึก....” 

     

    “พอได้แล้ว”

     

    “อ๊า............”  

     

    ทุกสรรพเสียงในห้องเงียบลงทันที   ทว่าสอดประสานกันด้วยเสียงลมหายใจเพียงแผ่ว ๆ เท่านั้น ปาร์ค ชานยอลลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินตรงไปที่กล่องกระดาษทิชชู่ที่อยู่บนเคาน์เตอร์ซีดี ก่อนจะโยนเฉียดหัวคนที่กำลังนั่งหอบหันหลังให้ตัวเองอยู่ไปแค่เล็กน้อย...

     

    แบคฮยอนก้มลงขยุ้มกระดาษทิชชู่กำเบ้อเริ่มมาจัดการตัวเอง ก่อนจะลุกขึ้นใส่กางเกง ติดกระดุมเรียบร้อย  ใบหน้าขาวตอนนี้ไม่อยากจะนึกว่ามันกลายเป็นสีอะไรไปแล้ว เพราะแม้แต่รู้สึกยังไงยังอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ออก

     

    รู้แค่ว่าร้อน.... 

     

    “ร้อนเป็นบ้า.....ฉันจะกลับแล้ว...”   มือใหญ่ยกขึ้นโบกลมใส่หน้าตัวเอง กลายเป็นว่าไม่มีใครมองหน้ากันเลยซักคน   “เสียงแบบนี้แหล่ะ....ใช้ได้แล้ว จำเอาไว้ล่ะ”

     

    “.............” แบคฮยอนก้มหน้านิ่ง 

     

    “ฉันกลับเลยแล้วกัน...”

     

    “เอ่อ...เดี๋ยวครับ” 

     

    แบคฮยอนลุกขึ้นตาม  เอื้อมมือออกไปแตะข้อศอกคนที่กำลังจะเดินออกไปจากห้อง แต่กิริยาที่ได้รับแทนที่จะเป็นหันมาคุยกัน ๆ อีกฝ่ายกลับสะบัดแขนออก หันมาถลึงตาใส่เขาซะอย่างนั้น

     

    “อะไรอีก....”

     

    “....ผม.....ผม.....ผ่านรึเปล่าครับ”

     

    ชานยอลกรอกตาไปมา.... ไม่อยากจะอยู่ตรงนี้นาน ๆ เลยให้ตายสิ..... เพราะงั้นเขาควรจะพูดทีเดียวให้จบเลยสินะ.... ม้วนเดียวจบ เด็กนี่จะได้ไม่ต้องมาขัดขวางการกลับบ้านของเขาอีก....

     

     

    “ผ่าน.....พรุ่งนี้เข้าห้องอัดได้เลย” 

     

    __________________________

    TBC

    นี่มันฟิคอะไร.... ไร้สาระยิ่งนัก

    ภาษาอาจจะมึน ๆ งง ๆ ไปนิด ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ  -/ - 

     

    แท็ก #รมตกวร  นะคะ

    ไม่ได้อ่านว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอะไรนะ

    ย่อมาจาก โรมันติก้า ไวรัส นะ ฮอลลลลล

     

    ฝากด้วยยยยยย  ชอบก็สครีมกันด้วยเด้อ ฝากให้เพื่อนอ่านก็ได้ อิอิ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×