คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : - { r o m a n t i c a v i r u s+ } ★ o n e
คอมมิคชื่อดังที่ถูกนำมาสร้างเป็นอนิเมะยังคงดำเนินต่อไป ในจอสี่เหลี่ยมผืนผ้าเคลื่อนไหวการ์ตูน 2D ที่ตัวละครกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดคนหนึ่งคนพากย์เป็นตัวละคร 4 ตัวในคราวเดียว แถมยังแยกแยะคาแร็กเตอร์ออกมาได้อย่างชัดเจน....
นับว่าไม่ธรรมดา...
ทว่าสำหรับมือสมัครเล่นที่ไม่เคยลงสนามรบจริง ๆ ชานยอลก็อยากจะปรบมือแสดงความพอใจให้หรอกนะ... แต่งานที่เขาเพิ่งลงทุนไปไม่ใช่จะเสี่ยงเอาใครมาพากย์ก็ได้ เพราะเขาต้องการให้มันดัง และ ดังเท่านั้น
แต่ก็นะ.... ความหวังอันนี้มันช่างริบหรี่เหลือเกิน...
เจ้าของน้ำเสียงแบบที่ถูกใจก็อัปเปหิตัวเองออกไปจากโปรเจ็คนี้เพราะเขาแล้ว....
มือเรียวยกรีโมทขึ้นที่ระดับสายตา กดปุ่มพอสภาพเอาไว้ทั้งที่ยังดูไม่จบ แต่สมองของเขาประมวลไปเรียบร้อยแล้ว ว่าควรจะทำอย่างไรต่อจากนี้ ร่างสูงผุดลุกขึ้นจากเตียงสามฟุตครึ่งสองเตียงที่ถูกลากมาต่อไว้ด้วยกัน ก่อนจะคว้าโทรศัพท์มือถือคู่ใจขึ้นมากดเบอร์ที่คุ้นเคยดี
“....พี่อี้ฟาน...”
“..............”
“....ผมตัดสินใจแล้ว....”
“.............”
“เรียกเขาเข้ามาออดิชั่นสดพรุ่งนี้เลย....”
ROMANTICA VIRUS+
** เนื้อเรื่อง และตัวละครทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องที่ผู้เขียนจินตนาการขึ้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ
_____________________________
CHANYEOL x BAEKHYUN
HUN x HAN x KRIS
______________________________
{ 1 }
ฟู่....
ริมฝีปากเล็กผ่อนลมหายใจออกมาเป่ารดมือบางที่จวนจะแข็งอยู่รอมร่อ เท้าทั้งสองข้างซอยยิก ๆ เหมือนกับคนกำลังเต้นแอโรบิคอยู่กับที่ ก่อนจะกระชับเสื้อโค้ดตัวหนาที่ใส่ไว้ถึงสองชั้นให้แน่นกว่าเดิม ก็เพราะหิมะบ้า ๆ ที่กำลังร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้านั่นแหล่ะที่เป็นตัวการ !
แบคฮยอนหัวเราะสมเพชตัวเองเบา ๆ ในลำคอ วินาทีนี้คือหนาวมาก โดดเดี่ยวมาก และเซ็งมากที่ต้องมาเป็นแบบนี้ บอกไว้ก่อนเลยว่าไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจอะไรมาซักนิด พอรู้ว่าได้โอกาสสัมภาษณ์งานที่นี่ ก็รีบเก็บเสื้อผ้าหนีออกมาจากบ้านทันที
ไอ้เรื่องหนีออกจากบ้าน....รู้นะว่าอยากรู้
แต่ช่างมันก่อนเหอะ เขาหนาวจนตับสะท้านไปหมดแล้ว.. ก็อุณหภูมิหน้าบริษัท EXOMEDIA ตอนนี้เรียกได้ว่าช่องฟรีซยังต้องดริฟซ้าย เพราะอายที่เย็นยะเยือกไม่พอ....
มือบางเอื้อมมือไปกระชับกระเป๋าเสื้อผ้าใบโต เมื่อเห็นว่ามีใครกำลังกางร่มฝ่าหิมะมาทางนี้ ร่างบางยืนขึ้นเต็มตัวเมื่อชายในชุดเครื่องแบบพนักงานรักษาความปลอดภัยก้าวมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตู แล้วหันมาทางเขา
“น้องมาทำอะไรที่นี่แต่เช้า”
พี่รปภ.ทำหน้าไม่ค่อยไว้วางใจ แต่ถึงอย่างนั้นเด็กหนุ่มก็ยิ้มสู้.... แต่ถ้าถามว่าท้อไหม แบคฮยอนตอบเลยว่า ‘มาก’
“มาสัมภาษณ์งานน่ะครับ...” พูดไปก็คลี่เบอร์โทรศัพท์ของคนที่โทรมานัดเขาไว้เมื่อคืนให้ดู
“อ๋อ...ถ้างั้นรอตรงนี้ก่อนนะ ต้องรอให้คนในออฟฟิศเค้ามาก่อน”
แบคฮยอนเม้มริมฝีปาก.... นึกว่าพี่รปภ.จะใจดีเรียกเขาไปหลบอากาศเย็นในป้อมเสียอีก เปล่าเลย พี่แกแค่ไขกุญแจหน้าประตู แล้วก็เดินถูมือกลับไปที่ป้อมรปภ.ที่น่าจะอบอุ่นไปด้วยฮีทเตอร์ที่แกเพิ่งเขย่งเปิดมัน....
อยากจะครายอิ้ง โนมอร์ โนมอร์
แบคฮยอนร้องเพลงในใจ ทิ้งตัวลงนั่งซบหน้ากับมือเย็น ๆ ที่ม้านั่งยาวหน้าบริษัทอีกรอบ ปล่อยอารมณ์ให้ลอยไปกับเพลง crying ของสี่สาว sistarที่ดังวนอยู่ในหัว เรียกได้ว่าอารมณ์ตอนนี้มันไม่ปกติตั้งแต่ระดับปานกลางจนถึงขีดสุด เพราะนอกจากอาจจะหนาวตายได้แล้ว แบคฮยอนอาจจะได้รับสิทธิ์ในการหิวตายเพิ่มขึ้นอีกประการ
เด็กหนุ่มยกนิ้วขึ้นปาดน้ำตาที่ซึมออกมาจากหางตา นี่ไม่ใช่แค่อยากจะร้องไห้แล้ว เพราะเขากำลังร้องไห้! อยู่ ๆ อะไรบางอย่างก็ดลใจให้นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนขึ้นมาเสียดื้อ ๆเหตุการณ์ปกติประจำวันที่พ่อกับแม่เอาแต่พูดเปรียบเทียบเขากับน้องสาวสุดที่รัก ก็ไม่ได้อยากให้มันประจำใจนักหรอกนะ ไม่ได้อิจฉาอะไร แค่แอบข่มอารมณ์น้อยใจเอาไว้ในส่วนลึกก็แค่นั้นเอง...
เรื่องล่าสุดก็พูดเรื่องเกรดของเขาในเทอมที่ผ่านมาเอามันมาเปรียบเทียบกับโบยอง ทั้ง ๆ ที่ปีนี้เขาก็สอบติดคณะแพทย์ศาสตร์แล้วแท้ ๆ ถึงจะไม่ใช่มหาลัยโซลอย่างที่พ่อแม่หวังไว้ แต่อยู่มหาลัยไหนก็เป็นหมอเหมือนกันไม่ใช่รึไง ?....แต่นั่นก็ไม่เคยถูกนำมาพูดหรือชื่นชมอะไรเลยซักครั้ง...
ทั้งที่พยายามแทบตาย....
เฮ้อ....พูดไปก็ดราม่าสิวขึ้นหน้าฝ้าขึ้นหลังไปซะเปล่า ๆ
เพราะงั้นต้องเข็มแข็ง อดทนไว้! ฉันคือใครกัน ฉันคือแบคฮยอนนะโว้ย ! ใครหน้าไหนก็ทำร้ายท่านแบคฮยอนคนนี้ด้วยคำพูดไม่ได้ทั้งนั้น!!
เด็กหนุ่มตะโกนปลอบตัวเองในใจอยู่นานสองนาน ถึงเพิ่งสังเกตเห็นรองเท้าหนังราคาแพงหูดับแบบที่พวกไฮโซเขาใส่กันวางนิ่งอยู่ตรงหน้า แต่พอมองตามเรียวขาขึ้นไปดันไม่ใช่หุ่นนิ่งแฮะ ...
“...ขอโทษด้วยนะ แต่ว่าฉันมีเงินที่เป็นแบงก์อยู่เท่านี้” ใบหน้าของชายคนนั้นช่างเศร้าหมอง มือใหญ่วางแบงก์พันวอนไว้บนตักของเด็กหนุ่ม “เอาไปหาข้าวกินซะนะ แล้วอย่ามาเกะกะหน้าบริษัทฉันอีกล่ะ”
เจ้าของน้ำเสียงแหบเสน่ห์นั่นช่างมีน้ำใจกับเขายิ่งนัก.... แต่เดี๋ยวก่อนนะ เมื่อกี้มัน....
“เฮ้ย....คุณครับคุณ” แบคฮยอนลุกขึ้นจากม้านั่งยาวหน้าบริษัท วิ่งตามร่างสูงชะลูดที่กำลังจะผลักประตูเข้าบริษัทไป
“...อะไรกัน พันวอนไม่พอรึยังไง” กระซิบเบาๆ แต่ถึงอย่างนั้นแบคฮยอนก็ได้ยินอยู่ดี นี่มันจะบ้าไปแล้ว! เขาไม่ใช่ขอทานนะ !!
เด็กหนุ่มวิ่งเข้ามาจนประชิดตัว ใกล้ซะจนร่างสูงใหญ่ต้องถอยออกไปอีกสองก้าว แบคฮยอนก้มหน้าหอบแฮ่ก ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ๆ แล้วเงยขึ้นประจันหน้ากับไอ้คนที่คิดว่าเขาเป็นขอทาน...
“ผมไม่ใช่ขอ/เดี๋ยวนะ....”
“......”
ทุกคำพูดกลืนหายเข้าปากไป เมื่อร่างสูงใหญ่ยกนิ้วชี้ขึ้นมากลางอากาศ ใบหน้าคมนั่นกำลังยู่ยี่ รวมไปถึงคิ้วหนา ๆ นั่นด้วยที่เริ่มขมวดเข้าหากันโดยอัตโนมัติ แต่ก่อนที่แบคฮยอนจะได้พูดอะไรเพิ่ม ดวงตาเรียวของคู่กรณีก็เบิกโพลง!
“.....เธอคงไม่ใช่....”
“......”
“บยอนแบคฮยอนสินะ......” ไม่รู้ว่าหนาวจนสั่นหรือยังไง คนที่ยืนตรงหน้าเขาถึงได้ฟันออกปากมาขนาดนี้ และแม้จะไม่อยากให้เขาเป็นบุคคลที่กำลังพูดถึงขนาดไหน....
“.....ขอโทษด้วยครับ ที่ใช่.....”
บยอนแบคฮยอนก็โค้งรับขานชื่อไปเสียแล้ว.....
__________________________________________
เป็นครั้งแรกที่อู๋อี้ฟานนึกอยากจะตบหน้าตัวเอง... ให้ตายเถอะ! เขาเกือบจะทำเพชรน้ำดีหล่นหายไปแล้วแท้ๆ เหตุผลง่าย ๆ เลย ก็เพราะว่ามันถูกห่อเอาไว้ด้วยผ้าขี้ริ้วไร้ค่าน่ะสิ นี่ถ้าบยอน แบคฮยอนไม่รั้งเขาเอาไว้เสียก่อน มีหวังเจ้าหลานชายตัวดีได้ถล่มที่ทำงานเขาจนราบเป็นหน้ากองแน่ โทษฐานที่ปล่อยให้ความหวังครั้งสุดท้ายหลุดลอยไป
ร่างสูงเอนกายพิงกับพนักเก้าอี้บุนวมประจำตำแหน่ง มองดูเด็กนุ่มร่างบางที่ซัดข้าวเป็นกล่องที่สามลงกระเพาะ ไม่รู้ว่าไปอดอยากที่ไหนมา ถึงได้ก้มหน้ากินเอาตายอย่างนี้ ขนาดเขาถามอะไรไปนานสองนานกว่าเจ้าตัวจะยอมปล่อยให้ปากว่างเพื่อตอบคำถามเขา...
“....อร่อยไหม....”
แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมองคนถาม ร่างสูงที่นั่งอยู่ตำแหน่งประธานของโต๊ะประชุมกำลังกุมมือพลางพยักหน้ามาทางกล่องข้าวของเขา เด็กหนุ่มเม้มริมฝีปากก้มลงมองตาม ก่อนจะพยักหน้ารัว ๆ
“...ดีแล้วล่ะ....” อู๋อี้ฟานผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้บุนวมของตัวเอง และกำลังเดินตรงมาทางนี้ พร้อมกับหนังสือบทเล่มเท่าบ้าน แบคฮยอนเคี้ยวข้าวในปาก มองตามมือที่เลื่อนหนังสือมาทางตัวเองอย่างฉงน แต่อีกฝ่ายไม่ปล่อยให้เด็กหนุ่มสงสัยนาน อี้ฟานเริ่มต้นบรรยายเกี่ยวกับรายละเอียดทันที
“นี่บทที่เธอต้องพากย์น่ะ....มันอาจจะ....สยองเล็ก ๆ ”
“......สยอง?” แบคฮยอนกลืนข้าวลงคอ “....หมายถึงการ์ตูนสยองขวัญหรอครับ...”
อี้ฟานขมวดคิ้ว “ก็...ประมาณนั้น” ร่างสูงยักไหล่ ปัดมือในอากาศเป็นเชิงไม่ให้อีกคนใส่ใจ ทำแค่นั้นเด็กหนุ่มก็กลับไปให้ความสนใจกับข้าวในกล่องที่ตัวเองถือแล้ว...
บางทีเขาอาจจะบอกคนเด็กหนุ่มตรงหน้านี่พลาดไปนิด.... แต่แค่อย่างสองอย่างคงไม่เป็นอะไรหรอกใช่ไหม...
ว่าแต่...โทรไปก็ตั้งนานแล้ว เมื่อไหร่เจ้าพวกนั้นจะมากันซักที...
“มาแล้วจ้า!”
ไม่ทันขาดคำดี น้ำเสียงสดใสของหนึ่งในสมาชิกวงบอยแบรนด์สุดฮอตก็ตะโกนดังขึ้นมา สำหรับอี้ฟานอาจจะเคยชินกับมันเสียแล้ว แต่สำหรับบยอน แบคฮยอนนั้นไม่เลยซักนิด ดูเหมือนใบหน้าขาวนั่นจะตื่นตระหนกอย่างแรง เมื่อเห็นว่าเป็นใครที่ก้าวเข้ามาในห้อง...
“...ว....วงXOXO”
“รู้จักด้วยหรอ” อี้ฟานถาม
“ทำไม...เขามาทำไมหรอครับ”
แบคฮยอนเม้มริมฝีปากแน่น มือก็ควานหาโทรศัพท์ในช่องกระเป๋าของเสื้อโค้ท ขณะที่สมาชิกวง XOXO ทยอยเดินเข้ามาทีละคน เริ่มจากลู่หาน ชานยอล และรั้งท้ายด้วย เซฮุน....
“...มาช่วยออดิชั่นนายไง....” อี้ฟานหัวเราะเบา ๆ “ชานยอลเป็นคนที่จะต้องพากย์คู่กับนาย”
แบคฮยอนพยักหน้าตาเลื่อนลอย...
ถ้าบอกว่าไม่รู้จักคนพวกนี้เลยก็ดูจะมุสาไปนิด ก็รอบห้องของยัยน้องสาวตัวแสบของเขา ถูกกลืนไปด้วยรูปคนพวกนี้จนแทบไม่เหลือพื้นที่ให้ผนังบ้านหายใจ มือบางกำโทรศัพท์แน่น หวังใจจะเอามันขึ้นมาถ่ายรูปตัวเองกับวง XOXO แล้ว...แต่ก็มีอันต้องเก็บมันลงไป....เมื่อนึกได้ว่าไม่มีบ้านให้กลับแล้ว...
ใบหน้าขาวที่เหี่ยวฟีบลงเรียกความสนใจจากคนมาใหม่ได้เป็นอย่างดี ร่างสูงโปร่งสมาชิกเมน แร็ปของวง XOXO ทิ้งตัวลงนั่งที่ฝั่งตรงข้าม มองดูคนร่างบางที่เริ่มตักข้าวในกล่องใส่ปากอีกครั้ง และดูเหมือนมนุษย์คนนั้นจะละความสนใจจากพวกเขาไปโดยสิ้นเชิง..
“ยินดีที่ได้รู้จัก แบคฮยอนใช่ไหม...ผมลู่หานนะ....ส่วนนี่เซฮุน.....”
ชานยอลกรอกตามองเพดานทันทีที่เห็นเพื่อนร่วมวงเริ่มเอาตัวไปจุ้นจ้านกับเด็กนั่น แต่ความร่าเริงของลู่หาน หรือ เสี่ยวลู่คนน่ารัก(ที่แฟนๆเรียก) กลับไม่มีผลอะไรกับเด็กแบคฮยอนทีเอาแต่กินนั่นเลย...
“....แล้วเมื่อไหร่จะได้เริ่มซักที”
ก็เลยเป็นเขาที่ต้องโพลงออกมา ชานยอลสบตากับร่างบางเพียงครู่ แต่เด็กนั่นก็หันกลับให้ความสนใจแต่กับกล่องข้าว! ปกติคนที่เขามาสัมภาษณ์งานต้องทำตัวมาให้พร้อมไม่ใช่รึไง ? แล้วดูสภาพเด็กนั่นสิ ตั้งแต่หัวจรดเท้ามีอะไรที่มันใกล้เคียงคำว่าดูดีบ้างไหม ? ทั้งเสื้อผ้าลุ่ย ๆ หน้าตาซีดเซียว ดวงตาโหล ๆ แล้วยังท่ากินมูมมามอะไรนั่น....ดูเหมือนขอทานมากกว่ามาพากย์หนังเสียอีก
“ให้เวลาแบคฮยอนเค้าหน่อยสิชานยอล ดูเค้าหิวมาเลยนะนั่น” ลู่หานชะโงกหน้ามาจากฝั่งเดียวกับแบคฮยอน ยังจะแก้ตัวให้กันอีก....
ร่างสูงผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ของตัวเอง เห็นทีนั่งอยู่ตรงนี้คงจะกดดันไม่พอ ก็เลยย้ายตัวเองเดินอ้อมไปหยุดอยู่ข้าง ๆ คนร่างบาง ดวงตาคมทอดมองต่ำลงไปในขณะที่ดวงตาเรียวคู่นั้นเสยมองขึ้นมา
“ยังไงก็กินไป อ่านบทไป ก่อนแล้วกันนะ” มือหนาของอี้ฟานพลิกบทส่ง ๆ แล้วเลื่อนไปใกล้ ๆ แบคฮยอนให้มากยิ่งขึ้น เด็กหนุ่มหันไปสนใจกับบทที่เปิดค้างเอาไว้อีกครั้ง ดูเหมือนท่านประธานอู๋จะพยายามทำให้สถานกาณ์เป็นไปในทางที่ดี... แต่ทว่า..
“แค่ก ๆ ๆ ๆ”
มือบางเลื่อนขึ้นมาปิดปากตัวเอง แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะข้าวที่ยังเคี้ยวไม่ละเอียดทั้งหมดในปากมันพุ่งไปปะทะคนที่อยู่ใกล้ที่สุดเสียหมด แบคฮยอนนั่งมองเศษไก่เทริยากิที่ค่อย ๆ แปะอยู่บนกางเกงยีนส์ราคาแพงราวกับจับวาง รอยเปื้อนเปรอะเป็นคราบวงใหญ่ แต่มันคงไม่น่าโมโหอะไรเท่าไหร่ถ้ามันไม่ได้เปรอะในจุดที่สำคัญอย่างนี้
“เฮ้ย...ผมขอโทษ....”
แบคฮยอนละล้าละลัง เอื้อมไปหยิบกระดาษทิชชู่ที่อยู่ใกล้ตัวมาปัดเศษข้าวจากปากของเขา ที่อยู่บนเป้าของชานยอลอย่างลนลาน แต่นั่นยิ่งทำให้อีกฝ่ายโมโห มือใหญ่ปัดมือของเด็กหนุ่มทิ้งอย่างไม่ใยดี ดูเหมือนใบหน้าที่ติดจะรังเกียจเขาเป็นทุน จะยิ่งบันดาลโทสะมากขึ้นอีก
“...............”
ดูเหมือนความอดทนของชานยอลจะมาถึงขีดสุดแล้ว มือใหญ่เอื้อมไปหยิบหนังสือบนมาเปิดหน้าที่เขาคุ้นเคย ก่อนจะวางกระแทกลงบนกล่องข้าวที่อยู่ตรงหน้าคู่กรณี
“ฉันจะไม่รอแล้ว....นายจะต้องพากย์ตามบทนี้ เดี๋ยวนี้!”
แบคฮยอนไล่สายตาไปตามบทพากย์ที่อีกฝ่ายประเคนมาให้ ดูเหมือนหมอกพรางตาจะจางลงไปถนัด เมื่อเขาได้เห็นเสียงครางผ่านตัวหนังสือนั่น.... และไม่ทันที่จะได้ตั้งตัวอะไรอีก นิ้วเรียวยาวของสมาชิกเมนแร็ปก็จิ้มลงมากลางหน้ากระดาษ บรรทัดที่เขาไม่อยากจะเชื่อเป็นที่สุด.... T_T
จองอีวอน (จิ้งจอกน้อย) : “อือ....อ้ะ..ฮะ....อื้อ อื้อ อื้อ...แรงอีก.....แรงอีก...แรงอีกนะครับฮยองนิม”
แบคฮยอนตาเหลือก.... จิ้งจอกน้อย... จิ้งจอกน้อย....หมอนี่จะให้เขาพากย์เป็นจิ้งจอกน้อยงั้นหรอ แล้วอะไรคือเสียงครางแบบนั้น นี่พวกนายพากย์เสียงการทารุณกรรมสัตว์ป่าสงวนกันอยู่หรือยังไง..
ถึงแม้จะรู้ในใจว่าเป็นบทพากย์อะไร แต่เด็กหนุ่มก็ยังทำใจไม่ได้ ทำใจไมได้...
“ผมมาแคสงานไททั่น....แล้วทำไม”
“ผมยังไม่ได้บอกซักคำว่าเรียกคุณมาแคสงานไททั่น” อู๋อี้ฟานแก้ความเข้าใจผิดให้กับเด็กหนุ่มที่นั่งหน้าเหี่ยวอยู่ข้าง ๆ
“แต่เดโมที่ผมส่งไปเป็น...ระ...เรื่องไททั่น...แล้ว ช่วงนี้บริษัทคุณก็เปิดรับสมัครนักพากย์เรื่องนี้...แล้ว.....”
“แล้วมีตรงไหนของประโยคบ้างที่ผมบอกว่าให้คุณมาแคสงานไททั่น....” อี้ฟานย้ำอีกที
ชานยอลมองคนที่นั่งน้ำตาคลอด้วยความรู้สึกสมเพช สรุปว่าหมอนี่เข้าใจผิดไปหมดเลยสินะ แต่จะโทษหมอนี่คนเดียวก็คงไม่ถูก ก็ผู้ชายดี ๆ ที่ไหนเขาจะอยากมาพากย์การตูนเกย์กันล่ะ... คงต้องโทษอาของเขาด้วย ที่บอกรายละเอียดไม่หมด
แต่ถึงอยากนั้น....เขาก็อยากได้เสียงแบบหมอนี่อยู่ดี
“สรุปจะเอายังไง....”
แบคฮยอนมองหน้าคนที่เอ่ยปากถาม.... ในใจก็ประมวลผล บวกลบคูณหารแทบตาย อยากจะร้องไห้ สรุปว่าที่เขาทิ้งบ้านมาสู้ชีวิตที่นี่ ก็เหมือนกับคว้าน้ำเหลว คว้าอากาศแบบนั้นสินะ...
ถ้ากลับบ้านตอนนี้จะยังทันไหมนะ....
แม่คงไม่สงสัยอะไรมาก....
“ผม...ทำไม่ได้....ไม่ทำ....ผมไม่ได้มาเพื่อพากย์อะไรแบบนี้” แบคฮยอนตอบเสียงแข็ง เป็นคนตอบที่คนฟังได้ยินแล้วถึงกับเส้นเลือดปูด ชานยอลหัวเราะหึในลำคอ ก่อนจะก้มหน้าลงมาให้ใกล้กันมากยิ่งขึ้น
“อยากจะเป็นนักพากย์ แต่บทแค่นี้พากย์ไม่ได้...” ดวงตาคมมองเหยียดเข้ามาจนถึงจิตใจ “....ยังไม่ทันจะดังก็เลือกงานซะแล้วหรอ....”
“........”
“พี่อี้ฟานหาคนใหม่เตรียมไว้ได้เลย....คนนี้ผมพลาดเอง....”
น้ำเสียงผิดหวังดังขึ้น และในขณะที่ร่างสูงจะเดินออกไปนั่นเอง....
กึก..!
เหมือนได้ยินเส้นอะไรขาดผึ่ง.. แต่ตอนนี้ไม่ใช่อารมณ์จะมาสนใจมันแล้ว นี่แค่ไม่พากย์บทนี้ถึงกับต้องพูดจาเหยียดหยามกันเลยหรอ ! แบคฮยอนขมวดคิ้ว เม้มริมฝีปากแน่น เผลอเอื้อมมือออกไปคว้าชายเสื้อคนที่เพิ่งหยามตัวเองโดยไม่รู้ตัว
ทน...ไม่ไหวแล้ว........
“เดี๋ยวครับ...”
“....อะไรอีก” ชานยอลกรอกตา
“ก็ได้.....ก็ได้ครับ”
“หืม?.....”
“ผมจะพากย์เรื่องนี้.....”
“ก็ดีนี่.....”
ดูเหมือนแบคฮยอนจะเสียรู้คนพวกนี้ซะแล้ว ก็รอยยิ้มพอใจที่มุมปากหยักนั่นเป็นหลักฐานได้อย่างดี โอ้ย!!! ไอ้บ้าแบคฮยอน ทำอะไรใจร้อนแบบนี้อีกแล้ว !!! ร่างบางนึกอยากจะทึ้งหัวตัวเองวันละหลาย ๆ หนที่แก้นิสัยไม่ยอมคนแบบนี้ไม่ได้ซักที
“งั้นมาเริ่มพากย์กันเลย....”
ร่างสูงทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ เขาหน้าตาเฉย ราวกับประโยคเมื่อกี้พูดว่า ‘กินข้าวกันเถอะ’ แต่มีหรือแบคฮยอนจะยอม ก็ดูบทอัศจรรย์พวกนี้สิ จิตใจหมอนี่มันทำด้วยอะไรกัน จะให้มาครางอื้อ ครางอ้า ต่อหน้าคนตั้งสามสี่คนเนี่ยนะ !
“...แต่ไม่ใช่ตรงนี้.....”
แบคฮยอนเป็นคนยื่นข้อเสนอ แต่ก็ดูเหมือนคนฟังจะเห็นด้วย เพราะงั้นปาร์คชานยอล ถึงได้หันไปหาเพื่อนอีกสองคนที่เพิ่งย้ายตัวเองไปนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ที่โซฟาหลังห้อง มือใหญ่กระชับแว่นตาที่อยู่บนหน้าก่อนจะตะโกนออกมาเสียงดัง
“พวกนายไม่มีอะไรทำกันแล้วรึไง”
“มี...แต่อยากอยู่ด้วยไม่ได้รึไง....”
เป็นลู่หานที่ตอบคำถาม ส่วนเจ้าน้องเล็กของวงน่ะหรอ ก็ได้แต่เงียบอย่างเดียว...
“แน่ใจนะ ว่าอยากจะอยู่....” พอเห็นหน้าไอ้คนกระตุ้นไม่ไปอย่างเซฮุนแล้ว ก็พาลนึกได้ว่าควรจะใช้หมอนี่นั่นแหล่ะ
“........อยากดิ”
“ชอบจังเลยนะ....เสียงครางของคนอื่นเขาน่ะ” ปาร์คชานยอลปราดตามองเซฮุนทันทีที่จบประโยค และไม่ต้องปล่อยให้เกิดปฏิกิริยาฟิวชั่นหรืออะไร เพราะดูเหมือนเซฮุนจะทำในสิ่งที่เขาต้องการแทบจะในทันที น้องเล็กของวงเอื้อมมือปิดหูคนจีนที่อยู่ข้าง ๆ ก่อนจะก้มลงกระซิบอะไรบางอย่าง
“พวกผมจะไปช้อปปิ้งกัน....ถ้างั้นลาล่ะ”
จบคำก็ถูลู่ถูกังกันออกไปโดยที่คนหน้าหวานดูเหมือนจะไม่ค่อยเต็มใจซักเท่าไหร่ เสียงเก้าอี้บุนวมเลื่อนออกเล็กน้อยดังขึ้นข้าง ๆ หู อี้ฟานก็ลุกออกไปอย่างรู้หน้าที่เหมือนกัน ความเงียบสงบกลับคืนสู่ห้องประชุมอีกครั้ง เพราะตอนนี้ไม่มีใครแล้ว นอกจากเขากับเด็กแบคฮยอน
“ตามมานี่”
ชานยอลลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะก้าวนำร่างบางที่ดูกล้า ๆ กลัว ๆ เข้ามาในห้องสำหรับอัดเสียงพากย์ เขาผลักประตูที่เชื่อมกันระหว่างห้องประชุมออก กดรีโมทเพื่อเปิดแอร์ ก่อนจะเดินไปค้นแผ่นอะไรบางอย่างที่เคาน์เตอร์สำหรับเก็บซีดีที่มุมห้อง
“นั่งตรงโน้น”
แบคฮยอนมองตามมือที่ชี้ไปยังโต๊ะทำงาน แล้วก็ต้องตาโต... นี่มันสถานที่ในฝันชัด ๆ !! ร่างบางแถบจะถลาเข้าไปหาหูฟังราคาแพงทันที หน้าจอแอลซีดีก็ปกติดีแต่ทำไมเวลานี้มันถึงได้ระยิบระยับแสบตาไปหมด ไมค์ไดนามิกซ์นั่นอีก เป็นแบบจับเสียงได้แม้กะทั่งมดเยี่ยวแบบที่เขาดูกี่เที่ยวในเว็บก็ไม่เบื่อ
อาห์....ในที่สุด.....ก็ได้มาสัมผัสของจริงแล้ว....
ตายตาหลับแล้วครับ...
ชานยอลเดินเข้ามาในโซนทำงานพร้อมกับซีดีซาวน์ประกอบกับขวดน้ำอีกหนึ่งขวด เขาวางมันไว้ตรงหน้าคนที่กำลังดี้ด้าเกินเหตุ... น่าหมั่นไส้ เมื่อกี้ยังทำท่าเหมือนจะตายอยู่แล้ว แล้วดูตอนนี้สิ ทำเหมือนกับจะขโมยขาตั้งไมค์กลับบ้านไปซะอย่างนั้น
“ทำอะไรน่ะ....”
แบคฮยอนสะดุ้งสุดตัว ผละหน้าตัวเองออกจากไมค์แพงระยับทันทีที่เห็นอีกคนกำลังทิ้งตัวลงนั่ง ร่างสูงที่อยู่ข้าง ๆ กำลังง่วนอยู่กับการเปิดอุปกรณ์เครื่องเสียง แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แบคฮยอนกลับรู้สึกได้ถึงรังสีแห่งการดูถูก มือบางเอื้อมไปหยิบหนังสือบทมาอ่านคร่าว ๆ อย่างน้อยๆก็ไม่อยากรู้สึกเหมือนเป็นตัวถ่วง...
เกลียดที่สุดเวลาโดนมองด้วยสายตาเหยียดหยามแบบนั้น....
“แล้ว...ผมต้องทำยังไงบ้าง” กลั้นใจถามออกไป คราวนี้ร่างสูงไม่ได้ทำท่าทีรำคาญอะไร มือใหญ่เพียงแค่เลื่อนหูฟังมาทางเขา พอมองไป เจ้าตัวก็กำลังสวมหูฟังอยู่เหมือนกัน
“บทของนายคือ จองอีวอน ” นิ้วเรียวยาวกดลงบนตัวอักษรที่หน้ากระดาษของแบคฮยอน “ส่วนฉันคือ มูกยอล ”
“...แล้ว....”
“...งานที่เราทำเป็นดราม่าซีดี....” ชานยอลดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้มเอื้อมมือไปใส่แผ่นซีดีแล้วกดปุ่ม PLAY “ถึงมันจะคล้าย ๆ พากย์การ์ตูน แต่นายต้องจำเอาไว้ ว่าไม่มีเสียงต้นฉบับ ไม่มีภาพเคลื่อนไหว”
“........”
“ต้องอาศัยจินตนาการมากเป็นพิเศษ”
“.......”
“เดี๋ยวจะทำให้ฟังก่อนเป็นตัวอย่าง....”
แบคฮยอนมองตาม คนข้าง ๆ กำลังเปิดฝาขวดน้ำเปล่าที่อยู่ตรงหน้า เทมันลงใส่ฝ่ามือเพียงเล็กน้อย ก่อนจะหันมาทางเขา
“ใช้หูของนายฟังเสียงฉันให้ดี ๆ ล่ะ....”
“......อ...อืม......” แบคฮยอนพยักหน้าพลางหลับตาลง เขาปิดประสาทการรับรู้ทุกอย่างและตั้งใจเปิดรับสิ่งที่คนข้าง ๆ ต้องการให้ฟัง...
เสียงเปียโนค่อย ๆ บรรเลงเป็นแบล็กกราวน์เบา ๆ คลอไปกับเสียงหอบหายใจที่ดังมาจากที่ไหนซักแห่ง แบคฮยอนรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดค่อย ๆ ดังขึ้น สลับกับลมหายใจถี่ระรัว น้ำเสียงแหบพร่าที่ดังข้าง ๆ หูทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังโดนกลืนกินเข้าไป
“จิ้งจอกน้อย.....”
เสียงกระซิบแหบพร่าที่เร้าไปด้วยอารมณ์ต้องการทำให้แบคฮยอนถึงกับขนลุก หัวใจมันเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นเอื้อมมาบีบเบา ๆ
“...จิ้งจอกน้อย...อา.....”
“...............”
“ดูเหมือนฉันจะเจอจุดที่นายอ่อนแอแล้วสิ....”
“.........”
“ร้องออกมาสิจิ้งจอกน้อย......เหมือนทุกที ?....”
แบคฮยอนได้ยินเสียงเนื้อกระทบกันเบา ๆ ราวกับจะฟาดฟันกันด้วยผิวสัมผัส เสียงน้ำหล่อลื่นชื้นแฉะดังก้องไปทั่วทั้งสมอง ราวกับเห็นภาพตัวเองกำลังนอนอ้อนวอนขอให้ทำแรงขึ้นอีก.... ขึ้นอีกอะไรกันวะเว้ย !!!!!!!!!!!
ดวงตาเรียวเบิกโพลงขึ้นมา รู้สึกเหมือนโดนเอารองเท้าตบหน้าก็ไม่ปาน เมื่อหันมาเจอต้นเหตุของเสียงลามก กำลังประกบมือที่เปียกน้ำของตัวเองเข้าด้วยกัน..... แล้วนี่เมื่อกี้เขารู้สึกกับมือสองข้างกับออฟชั่นน้ำเปล่าของปาร์ค ชานยอลหรอวะเนี่ย...
มือบางทึ้งหัวตัวเอง...
“ก็ประมาณนี้.....ไหนลองทำเสียงจองอีวอนบ้างสิ”
“......ห๊ะ”
“...........ทำ-เสียง-อี-วอน”
“อะ...เอ่อ”
“.....เร็วสิ...”
แบคฮยอนก้มหน้ามองบทของตัวเอง สูดลมหายใจเข้าปอดครู่หนึ่ง กลั้นไว้ที่ปอด ก่อนจะผ่อนออกมา
“....อือ....อา....โอ้ว ดีมากครับ ฮยองนิม”
“......”
“อือ ฮยองนิมครับ ฮยองนิ.../ พอ...”
“ห๊ะ....?”
“ฉันบอกให้พอ” ชานยอลชูมือขึ้นมาห้านิ้ว ทำท่าสต๊อปปุอยู่ข้าง ๆ “เสียงทื่อขนาดนี้ ใครจะไปรู้สึกอะไรกับเสียงของนาย....”
“........ก็ผม...”
“ไม่เข้าใจหรอ....เรากำลังมีเซ็กส์กันอยู่นะ...”
แบคฮยอนตาโตกระเถิบเก้าอี้ตัวเองออกห่างร่างสูงโดยอัตโนมัติ... มีเซ็กส์งั้นหรอ.... มีเซ็กส์อย่างงั้นหรอ !!!! หมอนี่มันพูดเรื่องแบบนี้ได้หน้าตาเฉยเลยรึยังไง ทั้งๆที่เขาก็เป็นผู้ชายเหมือนกับมันเนี่ยนะ !!
“....เลิกทำหน้าอีโนเซ้นท์ซักที...ไม่เข้าใจรึยังไงเกี่ยวกับงาน...” ดวงตาคมกรอกไปมา “ถ้าขืนฉันเอากับนายจริง ๆ แล้วนายครางแบบนี้ออกมา ฉันคงฟ่อตั้งแต่ยังไม่ได้โตเลยล่ะมั้ง”
“....แต่มันไม่ใช่...”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น !....หน้าที่ของนายคือเป็นจองอีวอน นายต้องจินตนาการว่าเราเอากันอยู่ ! และนายรู้สึกดีมาก...มีความสุข เสียว กระสันต์ อะไรก็ได้นั่นเป็นเรื่องของนาย แต่นายห้ามทำให้ฉันฟ่อ”
“.......”
แบคฮยอนเม้มริมฝีปากกแน่น..... ในใจนึกอยากจะวิ่งออกจากบริษัทบ้า ๆ นี่ไปทีละหลาย ๆ รอบ ถ้าไม่ติดว่าตกปากรับคำว่าจะลองดูซักตั้งแล้วล่ะก็....
“ผมจะลอง....”
“ลองได้เมื่อไหร่ก็ออกไปเรียกแล้วกัน จะไปหลับรอ....”
สวนขึ้นมาทั้งที่อีกฝ่ายยังพูดไม่จบดีด้วยซ้ำ เหอะ...น่ารำคาญเป็นบ้า... แบบนี้ไงเขาถึงไม่อยากได้มือสมัครเล่น...
ปัง !
แบคฮยอนมองตามร่างสูงที่ผุดลุกขึ้น แล้วกระแทกประตูออกไปเมื่อครู่ ก่อนใบหน้าขาวจะก้มลงมาจดจ่อกับบทที่ตัวเองได้รับอีกรอบ...
จะทำไงดีวะเนี่ย... ทำไมแค่ครางมันถึงได้ยากเย็นขนาดนี้....
.
.
.
.
ดวงตาคมกระพริบถี่ ๆ ในความมืด ลืมตาขึ้นมาก็พบว่ายังเห็นแสงไฟสลัวลอดออกมาจากห้องพากย์เสียง ขายาวเหยียดตรงเพื่อบิดขี้เกียจ ก่อนจะลุกออกมาจากโซฟารับแขกที่ห้องประชุม เดินดุ่ม ๆ เปิดประตูไปชะโงกหน้ามองคนที่นั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่หน้าไมค์โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้สึกตัวเลยซักนิด
ยังไม่เลิกทำเสียงทุเรศ ๆ นั่นอีก....
ชานยอลย่องออกจากห้องนั้นมาเงียบ ๆ ก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าตู้กดน้ำอัดลม บางทีเด็กนั่นอาจจะยังไม่ได้รับการกระตุ้นที่ถูกต้อง เลยทำให้ดูเหมือนหัวสมองยังไม่ปลดล็อคอย่างนั้น แต่โดยรวมแล้วก็สอบผ่านเรื่องหัวดื้อ กับ มีความพยามสูง...
เอาเป็นว่า ลองกันซักตั้งแล้วกัน...
“คุณชานยอลครับ”
เสียงตะโกนดังมาจากที่ไกล ๆ ก่อนภาพรปภ.วิ่งกระหืดกระหอบจะใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนหยุดอยู่ตรงหน้า “ยังไม่กลับหรอครับคุณชานยอล”
“ทำไม..นายจะกลับแล้วหรอ” พอเห็นพี่คิมมันถึงได้นึกออกว่านี่คงจะดึกมากแล้ว ร่างสูงยกแขนขึ้นพลิกดูนาฬิกาที่ข้อมือ “สามทุ่มกว่าแล้วนี่...แล้วคนอื่น ๆ ล่ะ”
“กลับไปหมดแล้วล่ะครับ....”
“........ถ้างั้นนายก็กลับบ้างสิ”
“แต่คุณชานยอล....”
“ไม่เป็นไรหรอก.....เอากุญแจมาก็ได้”
ร่างสูงรับกุญแจมาจากรปภ.คิมมันคนขยันมาไว้ในมือ ก่อนจะยืนมองดูร่างหนานั่นวิ่งหายไปกับความมืด เขากลับมาให้ความสนใจกับเจ้าตู้กดน้ำอัดลมอีกครั้ง... เด็กนั่นจะกินน้ำอะไรนะ.... ชานยอลยืนเลือกอยู่สักพัก ก็รู้สึกรำคาญตัวเองขึ้นมาตงิด...
น้ำอะไรมันก็น้ำเหมือนกันนั่นแหล่ะ !
ช่างมัน กดมาให้หมดนี่ล่ะ....
__________________________________________
“....อือ....อา....โอ้ว ดีมากครับ ฮยองนิม”
“.....ผม รู้สึก ดี มาก เลย อา...อือ....”
“อือ...อา.......”
ปึก !
กระป๋องน้ำอัดลมสี่ห้ากระป๋องกระแทกลงตรงหน้า ทำเอาคนที่กำลังตั้งอกตั้งใจส่งเสียงครางให้เกิดอารมณ์ถึงกับสะดุ้งสุดตัว แบคฮยอนนึกว่าคนร่างสูงนี่กลับบ้านไปแล้วแท้ ๆ แต่ไหงมาอยู่ตรงนี้ แถมมีน้ำใจเอาน้ำมาส่งกันถึงที่ด้วยล่ะเนี่ย
“.....เอ่อ....ขอบคุณครับ....อันไหนของผม”
“อยากกินอันไหนก็กิน.....”
ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เหอะ แต่ไอ้คนมีน้ำใจมันดันหยิบกระป๋องที่แบคฮยอนหมายตาไว้ไปเปิด กระดกแล้วทิ้งตัวลงนั่งไขว้ห้างข้าง ๆ เขาซะอย่างนั้น.... แถมยังจ้องมาไม่วางตา นี่ถ้าตัวระเบิดเป็นโกโก้ครั้นซ์ได้ คงระเบิดไปแล้ว....ไม่ใช่เขินนะ แต่มันอึดอัด
“....พร้อมรึยัง ฉันว่าฉันให้เวลานายมามากพอแล้วนะ....”
แบคฮยอนสำลักน้ำสไปร์ท
.....ถ้าจะพูดแบบนี้จะมาถามว่า ‘พร้อมหรือยัง’ หาพระเผือกอะไรกันล่ะ
“.......เร็ว ๆ ”
“เอ่อ....ครับ” เด็กหนุ่มวางกระป๋องน้ำอัดลมลง ก่อนจะเริ่มอ่านบทสนทนาที่อยู่ในมือ
“......”
“อ....อือ....อา....โอ้ว ดีมากครับ ฮยองนิม” แบคฮยอนเปล่งเสียงออกไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ... ตาก็ลอบมองคนที่อยู่ตรงหน้าไปด้วย ทำให้ยิ่งมันติดขัด ตะกุกตะกักกันเข้าไปใหญ่
“....อือ...ฮยองนิม....อะ ...ฮยองนิ.....”
“นี่ดีสุด ๆ แล้วหรอ....” ดูเหมือนจะไม่สาแก่ใจคนฟังเลยซักนิด แบคฮยอนเม้มริมฝีปากทันทีที่อีกฝ่ายสวนขึ้นมา
“ก็มัน.....”
“นี่ถามจริง ๆเหอะ” คนตรงหน้าเริ่มเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มอีกแล้ว ใบหน้าคมนั่นยื่นเข้ามาใกล้จนหน้าผากเราแทบติดกัน แต่แบคฮยอนไม่มีอารมณ์มาเขินอายอิยา อิยาอะไรทั้งสิ้น เพราะงั้นถึงได้จ้องตาตอบอย่างเอาเป็นเอาตายเหมือนกัน
“........”
“นายไร้เซ้นท์....หรือ เป็นเวอร์จิ้นไม่ทราบ...”
“อ.....อะ....” แบคฮยอนอ้าปากพูดอย่างลำบาก .... แม่งพูดแบบนี้ได้ไงวะ !
“ว่ายังไง”
“ค...ใครเค้าพูดเรื่องแบบนี้กัน...”
“จะมาเหนียมอายอะไรไม่ทราบ....” ร่างสูงกรอกตาไปมา รู้ว่ามันไม่ตลกซักนิด แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจะพูดไม่ได้..... ทั้ง ๆ ที่มันเป็นเรื่องธรรมชาติของผู้ชายแท้ ๆ “...ฉันจะให้นายจินตนาการ เวลาที่มีอะไรกับแฟนนายมันสุดยอดแค่ไหน ก็แค่ครางออกมาแบบนั้น....”
“........” แบคฮยอนเม้มริมฝีปาก ขมวดคิ้วเข้าหากัน
“....หรือว่า....” ดวงตาคมหรี่ลง “ไม่เคยมีอะไรกับแฟน......”
“.........ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาพูดเลยครับ...”
“เฮ่อ.....” ชานยอลถอนหายใจออกมาอย่างเซ็ง ๆ ...อยากจะบ้า นี่อ่อนหัดไปซะหมดเลยรึไง คน ๆ นี้ “เอาอย่างนี้.....ช่วยตัวเอง”
“ครับ ?....”
“ช่วยตัวเองได้ไหม...”
“ได้ครับ...อะ....ห๊ะ....อะไรนะ...”
“ช่วยตัวเองตรงนี้......เดี๋ยวนี้เลย”
แบคฮยอนรู้สึกราวกับโลกทั้งใบถล่มลงมาตรงหน้า เด็กหนุ่มกระเถิบออกจากร่างสูงทันทีที่สมองประมวลผลจบ แต่กลับไปไหนไม่ได้ไกล เพราะแขนแกร่งที่รั้งข้อมือเขาเอาไว้ ไม่อยากจะเชื่อเลย แบคฮยอนไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสิ่งที่น้องสาวเขาจิ้นจะเป็นจริง.... ปาร์ค ชานยอลอะไรนี่ไม่ปกติจริง ๆ !!!
“จะไปไหน....แล้วคิดอะไรทำไมทำหน้าแบบนั้น”
“ไม่....ไม่ผมไม่ทำแน่ ๆ ไม่”
“....เจอแค่นี้ก็เลิกแล้วหรอ......ป๊อดว่ะ” ร่างสูงปล่อยข้อมือของเขาออกจากพันธนาการ ก่อนจะกรอกตาไปมาแบบที่แบคฮยอนเห็นแล้วโคตรจะไม่ชอบ...
กึก !....
ดูเหมือนเส้นอะไรบางอย่างจะขาดผึ่งอีกแล้ว....
“....งั้นหันไปเลย!! ผมจะทำ!!!”
ชานยอลหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ทั้ง ๆ ที่โดนตะโกนใส่หน้าด้วยซ้ำแต่กลับไม่รู้สึกโกรธอะไรเลย ร่างสูงหมุนเก้าอี้หันหลังให้เด็กหนุ่มที่กำลังยืนหอบหายใจด้วยอารมณ์โทสะ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิด app กดอัดเสียงเอาไว้โดยที่ไม่บอกให้อีกฝ่ายรู้
แบคฮยอนถอนหายใจออกมา อยากจะตบปากตัวเองแรง ๆ ซักที เสียเพราะคำพูดไม่ทันยั้งคิดของตัวเองอีกแล้ว.....
แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น เด็กหนุ่มก็หมุนเก้าอี้ตัวเองไปอีกข้าง หลับตาปี๋ ปลอบใจตัวเองอยู่ซักพัก ก่อนจะตัดสินใจค่อย ๆ ปลดกระดุมกางเกงยีนส์ที่ตนใส่ทีละเม็ด...
“ห้ามแอบดูนะครับ...”
“ใครจะไปอยากดู....”
ชานยอลสวนขึ้นมาแทบจะในทันที ใครจะไปอยากดูของผู้ชายด้วยกัน บ้ารึเปล่า....เขาก็แค่อยากให้เด็กนั่นได้ยินเสียงตัวเองตอนที่มีอารมณ์จริง ๆ ก็เท่านั้น ใครจะไปคิดอะไรกับคนจืดชืดไร้เสน่ห์อย่างหมอนี่ได้....แต่เห็นหน้าก็กามตายด้านแล้ว...
“.......................”
“..........................”
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปกี่นาทีที่ห้องทั้งห้องเงียบสงัดลง ไม่มีใครเถียงใครอีก จะได้ยินก็แค่เสียงลมหายใจแผ่ว ๆ ที่ลอยมากับอากาศ นานจนชานยอลแทบจะหลับไปแล้วด้วยซ้ำ เขาเกือบลมไปแล้วว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ตอนนี้ ถ้าไม่ได้เสียงครางเบา ๆ มาเตือนสติ ก็คงจะลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้ว...
“อ....อ๊ะ.....”
เสียงครางผะแผ่วที่เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากไร้เสน่ห์นั่น บัดนี้กลับตรึงให้ร่างสูงนั่งนิ่งอยู่กับที่ ชานยอลได้ยินเสียงเนื้อผ้าเสียดสีกัน ทายว่าคงจะเป็นนิ้วมือเล็ก ๆ นั่นที่พยายามบดขยี้ความรู้สึกให้ถึงฝั่ง แต่ก็ราวกับกำลังทรมานตัวเองไปด้วยกลาย ๆ
“ฮึก......อื้อ....”
ใช่แล้ว....เสียงแบบนี้นั่นแหล่ะที่เขาต้องการ ร่างสูงกำไอโฟนในมือแน่น ยิ่งเสียงของคนด้านหลังแหบพร่าราวกับจะร่ำร้องมากเท่าไหร่ ดูเหมือนว่าเขา.......
จะรู้สึกไปด้วย...
อย่างนั้นหรอ.....เขารู้สึกไปด้วยงั้นหรอ....
“อ๊ะ...อ๊ะ....อ๊า.....ฮ๊า ...แฮ่ก......อื้อออ”
ชานยอลหลับตาแน่น.... ไม่รู้ว่าเป็นเสียงครางที่ใกล้เข้ามา หรือ ดังขึ้นกันแน่ แต่ดูเหมือนหัวใจเขาจะเต้นไปตามจังหวะที่อีกคนสร้างเอาไว้โดยไม่รู้ตัว เหงื่อในมือดูเหมือนจะชุ่มขึ้นเรื่อย ๆ พอ ๆ กับเสียงของความเหนอะหนะที่ดังประสานกับเสียงครางนั่น...
“หยุด!”
“....อึก....”
“พอได้แล้ว”
“อ๊า............”
ทุกสรรพเสียงในห้องเงียบลงทันที ทว่าสอดประสานกันด้วยเสียงลมหายใจเพียงแผ่ว ๆ เท่านั้น ปาร์ค ชานยอลลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินตรงไปที่กล่องกระดาษทิชชู่ที่อยู่บนเคาน์เตอร์ซีดี ก่อนจะโยนเฉียดหัวคนที่กำลังนั่งหอบหันหลังให้ตัวเองอยู่ไปแค่เล็กน้อย...
แบคฮยอนก้มลงขยุ้มกระดาษทิชชู่กำเบ้อเริ่มมาจัดการตัวเอง ก่อนจะลุกขึ้นใส่กางเกง ติดกระดุมเรียบร้อย ใบหน้าขาวตอนนี้ไม่อยากจะนึกว่ามันกลายเป็นสีอะไรไปแล้ว เพราะแม้แต่รู้สึกยังไงยังอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ออก
รู้แค่ว่าร้อน....
“ร้อนเป็นบ้า.....ฉันจะกลับแล้ว...” มือใหญ่ยกขึ้นโบกลมใส่หน้าตัวเอง กลายเป็นว่าไม่มีใครมองหน้ากันเลยซักคน “เสียงแบบนี้แหล่ะ....ใช้ได้แล้ว จำเอาไว้ล่ะ”
“.............” แบคฮยอนก้มหน้านิ่ง
“ฉันกลับเลยแล้วกัน...”
“เอ่อ...เดี๋ยวครับ”
แบคฮยอนลุกขึ้นตาม เอื้อมมือออกไปแตะข้อศอกคนที่กำลังจะเดินออกไปจากห้อง แต่กิริยาที่ได้รับแทนที่จะเป็นหันมาคุยกัน ๆ อีกฝ่ายกลับสะบัดแขนออก หันมาถลึงตาใส่เขาซะอย่างนั้น
“อะไรอีก....”
“....ผม.....ผม.....ผ่านรึเปล่าครับ”
ชานยอลกรอกตาไปมา.... ไม่อยากจะอยู่ตรงนี้นาน ๆ เลยให้ตายสิ..... เพราะงั้นเขาควรจะพูดทีเดียวให้จบเลยสินะ.... ม้วนเดียวจบ เด็กนี่จะได้ไม่ต้องมาขัดขวางการกลับบ้านของเขาอีก....
“ผ่าน.....พรุ่งนี้เข้าห้องอัดได้เลย”
__________________________
TBC
นี่มันฟิคอะไร.... ไร้สาระยิ่งนัก
ภาษาอาจจะมึน ๆ งง ๆ ไปนิด ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ -/ -
แท็ก #รมตกวร นะคะ
ไม่ได้อ่านว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอะไรนะ
ย่อมาจาก โรมันติก้า ไวรัส นะ ฮอลลลลล
ฝากด้วยยยยยย ชอบก็สครีมกันด้วยเด้อ ฝากให้เพื่อนอ่านก็ได้ อิอิ
ความคิดเห็น