คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : p o i s o n i v y | 10
“ขอบคุณครับ”
เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยพร้อมกับโค้งขอบคุณเจ้าของร้านขนมชื่อดังที่ให้เกียรตินำขนมออกมาให้พวกเขาด้วยตัวเอง หลังจากรับขนมมาแล้ว ชายหนุ่มก็เกริ่นกับอีกคนว่ามีสถานที่หนึ่งที่อยากพาไปหลังจากนี้ คยองซูเพียงแค่พยักหน้าเบา ๆ ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธอะไร แต่เท่านั้นก็มากเกินกว่าที่หวังเอาไว้ มันทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาก หลังจากที่อีกฝ่ายนิ่งเงียบไม่ยอมพูดจามาตลอดทาง
“ซอฟท์ครีมร้านนี้อร่อยมากนะ....”
นิ้วเรียวชี้ไปที่ร้านข้างทางก่อนจะตรงปรี่เข้าไปสั่งถึงสองอัน ร่างสูงไม่ถามซักคำว่าเขาอยากกินไหม? คยองซูได้แต่ยืนมองประธานรุ่นปีสามที่กำลังอารมณ์ดีกับการสั่งหน้าผลไม้สดใส่ในไอติมของตัวเอง กับของเขาอย่างประหลาดใจ
“ไม่นึกว่ารุ่นพี่จะชอบทานของหวานนะครับ”
พูดพลางรับซอฟท์ครีมมาไว้ในมือ หากคำตอบของคำถามคือรอยยิ้มของชานยอลเท่านั้น ทั้งคู่พากันไปนั่งที่ม้านั่งในสวนสาธารณะ ข้าง ๆ เป็นโซนสนามเด็กเล่นที่แดดอุ่นส่องถึง เสียงหัวเราะของเด็กตัวน้อย ๆ ลอยเข้าโสตประสาท ร่าเริงซะจนเขาถึงกับหันไปมองตามเสียง
“เป็นเด็ก ๆ ดีนะครับ...ไม่มีอะไรต้องคิดมาก...”
“แต่เพราะว่าโตแล้วถึงใช้ใจตัดสินได้นะ...”
ร่างบางหันไปมองรุ่นพี่ตัวสูงที่ยืนอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ มือแกร่งนั่นกำลังตักมะม่วงสุกพร้อมไอติมเข้าปาก แล้วพอเห็นว่าเขาหันไปมอง ริมฝีปากรูปกระจับนั่นก็ยิ่งยิ้มกว้าง... ทั้งเจิดจ้า และดูดีเสียจนคนอย่างเขาเทียบไม่ติด
“ที่นายพูดบนรถนั่นน่ะ...” ชานยอลยังคงง่วนอยู่กับซอฟท์ครีมในมือ แต่ถึงอย่างนั้นริมฝีปากหยักก็ยังไม่หยุดพูด “ไตร่ตรองดูแล้วแน่ ๆ หรือแค่เพราะฉันบอกให้ลืมแบคฮยอน”
คยองซูชะงักมือลงทันที ดวงตากลมเหม่อลอยออกไปไกล
“ผมคิดอย่างนั้นจริง ๆ” คนพูดกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก “แต่ถ้าทำให้พี่คิดว่าผมกำลังล้อเล่น...ก็ลืมมันไปซะก็ได้นะครับ”
ใช่สินะ พี่ชานยอลคงกำลังคิดว่าเรื่องทั้งหมดที่เขาพูดออกมาเป็นเพียงแค่ลมปากพล่อย ๆ เท่านั้น
“อืม...”
เป็นเวลาเกือบนาทีที่ชานยอลไม่คิดจะตอบอะไรคนข้าง ๆ เขาทำเพียงแค่ปล่อยสายตาให้เลื่อนไปตามเมฆบนท้องฟ้า ร่างสูงคิดว่าตัวเองกำลังจับภาพนกพิราบได้ แต่พอมองดี ๆ อีกครั้งมันก็กลับกลายเป็นความว่างเปล่า
“พี่ชานยอล”
คยองซูเรียกชื่อเขาขึ้นมาเบา ๆ ทันทีที่มือเล็กนั่นถูกกอบกุม ชานยอลไม่ได้สนใจอะไร ไม่ได้สนใจว่าใครจะมอง สิ่งที่เขารับรู้อยู่อย่างเดียวตอนนี้คือมือข้างที่เขากำลังจับอยู่มันเล็กมาก ทั้งเล็กทั้งบอบบางจนเขากลัวว่าจะเผลอทำให้หักคามือได้ง่าย ๆ ถ้าจับแรงจนเกินไป
“เมื่อกี้แค่ถามขึ้นมาน่ะ...กลัวว่านายจะพูดออกมาทั้งที่ยังไม่แน่ใจ”
“....”
“แต่ถ้าแน่ใจแล้ว ก็ขอบคุณมาก”
“....”
“ขอบคุณที่ให้โอกาสกัน”
สายลมเย็นพัดผ่านใบหน้าไป แต่มือของพวกเขาทั้งสองยังกุมกันเอาไว้อยู่อย่างนั้น ชานยอลไม่รู้ว่าอนาคตต่อไปจะเป็นอย่างไร เขาไม่รู้แม้แต่ว่าตัวเองจะตกหลุมรักคนข้าง ๆ นี่มากกว่าที่เคยตกหลุมรักใครได้ไหม แต่ตอนนี้เขารู้เพียงแค่ว่าอยากจะกุมมือนี้ไว้ อยากจะให้ความอบอุ่นกับคยองซูทั้งที่ไม่เคยอยากทำกับใคร...
ราวกับหัวใจมันอุ่นขึ้นมากว่าที่เคยเป็น...
_______________________________________________________________
คยองซูวิ่งกระหืดกระหอบเข้าห้องสโมฯได้ไม่ทันพ้นขอบประตูก็พบว่าเขาเข้าประชุมกับทีมของคณะแพทย์สายเสียแล้ว เป็นเรื่องเล็กน้อยที่เหรัญญิกไม่ได้เข้าประชุมตรงเวลา แต่ที่ใหญ่กว่าคือประธานปีสามที่เป็นหัวของงานนี้กลับโผล่มาพร้อม ๆ กัน
เมื่อเช้าทั้ง ๆ ที่บอกร่างสูงแล้วว่าไม่ต้องมารับ แต่รุ่นพี่ก็ยังดึงดันจะมารับ คน ๆ นั้นใช้เสียงนุ่มทุ้มพูดหว่านล้อมเขาทุกทาง แล้วก็อย่างที่รู้กัน คยองซูไม่เคยปฏิเสธใครตรง ๆ ได้ ยิ่งมาเจอกับคนอย่างพี่ชานยอลที่ติดจะจริงจัง ไม่ว่าพูดอะไรก็เป็นเรื่องจริงจังไปซะทุกอย่างมาทำอย่างนั้น...
เขายิ่งปฏิเสธไม่ได้
“พี่จะปล่อยให้คนที่กำลังคบอยู่ด้วยไปไหนมาไหนด้วยรถเมล์ได้ยังไง?...ขึ้นมาเถอะ ไหน ๆ ก็ต้องไปพร้อมกันอยู่แล้ว”
นึกไปถึงคำพูดเมื่อเช้าแล้วก็ต้องเม้มริมฝีปาก นึกอายตัวเองที่อยู่ ๆ ก็หน้าร้อนขึ้นมาเพียงเพราะการกระทำที่แสดงออกถึงความใส่ใจของอีกฝ่าย คยองซูมีคำอยากจะพูดกับรุ่นพี่ตัวสูงตั้งมากมาย แต่พอหลังแตะเบาะก็พูดออกมาไม่ได้ อยากจะขอบคุณก็ทำไม่ได้ มันเขินเกินกว่าจะเอ่ยปาก ยังคิดอยู่เลยว่าเสียมารยาทเกินไปหรือเปล่า
การประชุมผ่านพ้นไปด้วยความเคร่งเครียด ทีมสโมฯของคณะแพทย์และคณะบริหารมีความเห็นไม่ลงรอยกันซักเท่าไหร่ในหลาย ๆ เรื่อง แต่สุดท้ายก็ตกลงกันจนได้ในที่สุด
คยองซู ชานยอล และอี้ชิงเดินตามประธานสโมฯ ของคณะแพทย์ไปดูสถานที่จัดงานที่กำลังจะจัดขึ้นในวันอาทิตย์หน้าที่จะถึงนี้ แต่พอไปถึงที่ก็พบว่าอีกทีมรอพวกเขาอยู่แล้ว...
“โซนด้านนี้จะเป็นเวทีการแสดง...ส่วนตรงนี้จะให้บูธบริษัทยามาลง คิดว่ายังไงบ้าง”
“เราได้จำกัดบูธของบริษัทยารึเปล่า ?...ปีนี้จะมีพวกอินเทิร์นเข้าประชุมด้วย...ถ้าไม่จำกัด มีหวังพวกหมออินเทิร์นโดนรุมแหง๋ง”
ใครบางคนออกความเห็นขึ้นมา และเมื่อได้ฟังทุกคนก็พยักหน้าตามเพราะเห็นด้วย คยองซูหันไปด้านไหนก็มีแต่คนจดอะไรยุกยิก เด็กหนุ่มนึกโทษตัวเองที่มาสายแล้วยังไม่รู้จักเตรียมความพร้อม ยิ่งต้องจดรายละเอียดมากกว่าคนอื่นเป็นสองเท่า ต้องคำนวณอีกหลายอย่างจากสิ่งที่ทีมนำเสนอขึ้นมาอีกแล้วอย่างนี้เขาจะนำข้อมูลไปทำรายงานอย่างละเอียดได้ยังไง
“คยองซู” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาระหว่างที่ร่างบางนึกโทษตัวเองอยู่ในใจ คยองซูหันไปหาต้นเสียงที่ยืนยิ้มอยู่ข้าง ๆ
“พี่แทยอน?”
“ปากกากับกระดาษจ้ะ”
“ขอบคุณครับ...”
พูดเสียงแผ่วก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ จากหญิงสาว พี่แทยอนยัดปากกากับกระดาษที่มีลายมือขยุกขยุยใส่ในมือเขา พร้อมกับพยักเพยิดหน้าให้หันไปฟังที่หัวหน้าทีมบรรยายต่อ
‘เดี๋ยวฟังจบ...รบกวนแว่บออกไปกับฉันแป๊บนึงนะ’
_______________________________________________________________
ถุงพลาสติกสีใสที่มีถุงกระดาษเล็ก ๆ อยู่ข้างในถูกยื่นมาตรงหน้า คยองซูมองมันสลับกับใบหน้าสวยของรุ่นพี่แทยอน หล่อนยิ้มให้เขาก่อนจะพยักเพยิดหน้าแล้วเอาถุงนั่นคล้องลงมาที่ข้อมือ คยองซูมองถุงนั่น ก่อนจะเลิกคิ้วด้วยความสงสัย
“รับไปสิ”
“อันนี้...อะไรครับ ?”
“ยาน่ะ...ฝากรุ่นพี่ที่เป็นอินเทิร์นเขาจัดมาให้ รบกวนให้แบคฮยอนกินให้เป็นเวลาด้วยนะ”
พี่แทยอนยิ้มพร้อมกับสำทับอีกครั้งว่ายาอะไรกินเวลาไหน มันมากมายเสียจนคยองซูจำแทบไม่หวาดไม่ไหว ก่อนจะโดนเพื่อนในทีมเรียกให้กลับเข้าคณะไป มือเรียวรั้งแขนบอบบางเอาไว้ อ้ำอึ้งอยู่ซักพักถึงยอมเอ่ยปากถาม...
“....แบคฮยอน”
“...”
“เค้าไม่สบายหนักหรอครับ ?”
_______________________________________________________________
เสียงรองเท้าผ้าใบดังปะปนกับเสียงหัวใจที่เต้นระรัวอยู่ในอก ทางเดินที่คุ้นเคยสิ้นสุดลงเมื่อตรงหน้าคือเป้าหมายของการมาเยือน ณ ที่แห่งนี้...
คยองซูกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น มองบานประตูตรงหน้าอย่างหวาดหวั่น
หากยังไม่ทันที่มือเรียวจะได้เอื้อมไปเคาะประตูเลยด้วยซ้ำ ร่างหนาก็ปรากฏกายขึ้นที่ด้านหลัง ดูเหมือนแบคฮยอนจะผงะไปที่เห็นคยองซูยืนอยู่ตรงหน้า นึกว่าจะเป็นพี่แทยอนซะอีก ทั้ง ๆ ที่เมื่อกี้โทรบอกว่าจะเข้ามา แต่ให้คยองซูมาแทนนี่คืออะไร?
คยองซูลอบมองที่ใบหน้าของเพื่อนสนิทเต็มไปด้วยเหงื่อชื้น หมอนั่นเปียกไปทั้งตัว แล้วไหนจะใบหน้าอิดโรยที่เจ้าตัวมักจะแสดงออกมาเวลาที่ไม่สบายหนักทุกที...
“ไม่สบายหนักหรอ...”
ถามออกมาทั้ง ๆ ที่รู้ ถามออกมาทั้ง ๆ ที่ดูออก แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรดีกว่าเอ่ยทักกันด้วยคำถามแบบนี้อีกแล้ว ร่างบางเม้มริมฝีปากเข้าหากัน มองแผ่นหลังที่เดินนำมาหยุดอยู่ตรงหน้า
“อืม...เข้ามาสิ”
แบคฮยอนไขกุญแจเสร็จก็นำเข้าไป ก่อนจะเดินโซเซไปล้มตัวลงนอนบนโซฟาอย่างหมดแรง ไม่มีการหยามเหยียดน้ำใจอย่างที่คยองซูคิด ไม่มีอะไรที่บอกว่าแบคฮยอนจะกลายร่างเป็นอย่างเมื่ออาทิตย์ก่อน มือบางวางข้าวกล่องที่ซื้อมาไว้บนโต๊ะอาหารอย่างระแวง ก่อนจะรินน้ำใส่แก้ว หยิบยาก่อนอาหารที่พี่แทยอนให้มา ก้าวช้า ๆ ไปหยุดอยู่ที่ข้าง ๆ โซฟาตัวโปรดของเพื่อนสนิท
“ลุกไหวไหม ?” คนฟังปรือตาขึ้นมองใบหน้าขาวที่อยู่ใกล้เสียจนรู้สึกถึงลมหายใจที่เป่ารด มือหนาค่อย ๆ พยุงตังเองให้ลุกขึ้นจากโซฟา ก่อนจะรับยาจากมือบางมากิน
“ขอบใจ...” ว่าแล้วก็ล้มตัวลงนอนอีกครั้งด้วยความอ่อนเพลีย ปล่อยให้แขกของบ้านทำอะไรเองตามอำเภอใจตัวเอง
คยองซูทิ้งตัวลงที่เก้าอี้บุนวมเล็ก ๆ ข้างโซฟาที่คนตัวหนานอนฟาดขาอยู่ มือบางเอื้อมไปหยิบรีโมททีวีมาเปลี่ยนช่องไปมา ทั้ง ๆ ที่รู้ตัวเองว่ายังไงก็ไม่มีสมาธิในการดู แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรั้นจะเปิดเพื่อลดอาการประหม่าที่เกิดขึ้นในใจ
ดวงหน้าขาวเหลือบมองคนที่นอนอยู่บนโซฟาเป็นระยะ ๆ คยองซูถอนหายใจแผ่วก่อนจะตัดสินใจใช้มืออังที่หน้าผากของเพื่อนสนิท ผลที่ได้รับคือต้องชักมือกลับมา เพราะร่างหนาที่นอนเหยียดกายอยู่ตัวร้อนแทบลุกเป็นไฟ
คยองซูพยุงคนป่วยให้ไปนอนที่เตียงแทนที่จะทรมานอยู่บนโซฟานี่ ร่างบางเดินออกไปหยิบกะละมัง รองน้ำแล้วใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำหมาด ๆ ต้องเช็ดตัวให้แบคฮยอนเพื่อบรรเทาอากาศไข้ทั้งที่ก็ไม่ได้อยากจะแตะตัวซักเท่าไหร่ เสร็จแล้วจึงถือวิสาสะเข้าไปอุ่นอาหารที่เพิ่งซื้อมาสำหรับคนป่วย
แบคฮยอนไม่ชอบไปโรงพยาบาล หมอนั่นบอกว่าเกลียดกลิ่นยา มันน่าตลกดีที่ร่างหนาเกลียดกลิ่นยา แต่ตอนนี้กลับมีแฟนเป็นว่าที่หมอ แบคฮยอนก็เป็นอย่างนี้แหละ เอาแต่ใจมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำตัวอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้
ร่างบางลากเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ เตียงขณะที่คนบนเตียงหอบแฮ่กด้วยความร้อนจากพิษไข้ ลอบมองอีกฝ่ายไล่จากดวงตามายังริมฝีปากที่เคยแสยะยิ้มร้ายใส่เขา ปากนั้นเองสินะที่เคยพูดจาว่าร้าย เคยเหยียดหยามน้ำใจกันจนไม่เหลือแม้เศษเสี้ยวของความรู้สึกดี ๆ
“คยองซู...” เสียงกระซิบแผ่วเบาดังขึ้นจากลำคอแห้งผาก ก่อนดวงตาจะค่อย ๆ ปรือขึ้นมาทีละนิด คนที่มาคอยวนเวียนอยู่ในความฝัน คนที่ทำให้กังวลอยู่ตลอดเวลาแม้ยามตื่น ตอนนี้มานั่งอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
คยองซูชะโงกหน้าไปมอง คงจะหูฝากไปมั้ง แบคฮยอนน่ะหรอจะละเมอหาชื่อเขา? ส่ายหัวให้ตัวเองทั้งที่ในใจมันเจ็บไปหมด มองดูเพื่อนสนิทหายใจอย่างสม่ำเสมอซักพักก็ลุกขึ้นเลิกผ้าห่มให้คนป่วยถึงอก แต่ยังไม่ทันจะได้ผละออกไปก็ถูกมือหนาตวัดทั้งร่างให้ซบลงบนอกที่ร้อนผะผ่าวไปด้วยพิษไข้...
“อย่าไป....อย่าไปเลย”
“ปล่อยเถอะ” กระซิบเบา ๆ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ายังไงคนป่วยก็ไม่มีทางได้ยิน หากแต่ผิดคาดเปลือกตาบางนั่นค่อย ๆ ปรือขึ้นมองจ้องมาก่อนริมฝีปากหนาจะขยับทำท่าจะเอ่ยอะไรบางอย่าง
“รักกันไม่ใช่หรอ ...ถ้ารักฉันก็อย่าบอกให้ปล่อยสิ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มเอ่ยออกที่ข้างหู ก่อนสติสัมปชัญญะทุกสิ่งจะดับวูบ ไป ทิ้งให้คนฟังติดอยู่กับวังวน ข้อความที่คนป่วยจนเพ้อพูดออกมา...
“เพ้ออะไรน่ะ...ปล่อยฉันก่อน....”
คยองซูมองมือที่กำรอบข้อมือเขาเอาไว้แน่น ความรู้สึกหน่วงในใจยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น รู้สึกชาหนึบไปทั้งหัว คิดอะไรไม่ออกแล้วตอนนี้ นอกจากคำตัดพ้อที่พูดอยู่ในใจคนเดียวเสมอมา
“นายมันใจร้ายจริง ๆ ด้วยสิ....แบคฮยอน”
ถึงแม้จะเป็นการละเมอ...
แต่ผูกมัดกันขนาดนี้แล้วจะเหลือใจให้ใครได้อีก?
_______________________________________________________________
TBC
สนุกไหมคะ เห็นคนเชียร์พี่ชานยอลเยอะมาก
แต่บอกไว้ก่อนเลย เรื่องนี้ไม่มีพระเอก /.ยิ้มแรง
แต่บางคนอาจจะชอบที่พี่ชานยอลเป็นอย่างนั้นก็ได้ อิอิอิอิอิ
สะใจกันถ้วนหน้า คยองซูจะไม่มีวันเป็นของเธอ. แบคฮยอน. จำไว้!
#พซอว
ความคิดเห็น